ร่างสูงเพรียวของพนิตาที่อยู่ในชุดเดรสรัดรูปสีดำ ทำให้เผยสัดส่วนเว้า
ส่วนโค้งบนร่างกายสวยถูกคลุมด้วยเสื้อแขนยาวสีขาวเพื่อปกปิดและอำพราง เนื้อหนังนุ่มนิ่มขาวนวลเนียนของตนเอาไว้ ทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาภายในบริษัท ที่หญิงสาวมาแคสงานอย่างหมดแรงและหมดหนทางที่จะหาเงินมาช่วยป้าจรรยา วันนี้เธอเตรียมตัวและกำลังใจมาเต็มที่ หวังที่จะผ่านการคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ ในรอบสุดท้ายดังที่หวัง แต่ทุกอย่างก็พังลงกับคำว่า“ไม่ผ่านค่ะ คุณน้องผอมเกินไป ยังไม่ใช่แบบที่ต้องการด้วย ไว้มาใหม่รอบหน้านะคะ”
สาวประเภทสองหุ่นล่ำร่างใหญ่ในชุดแฟชั่นสีสันฉูดฉาดที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขายกมือขึ้นแนบหูราวกับฟังอะไรบางอย่างเมื่อครู่
แต่ทว่าผิดกับพนิตาที่นิ่งราวกับโดนสาปเสียอย่างไรอย่างนั้น ก่อนเรียกสติของตนให้กลับมา พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณคนที่คัดเลือกทั้งสามตรงหน้าของเธอ ก่อนเดินคว้าเสื้อแขนยาวที่วางพาดเอาไว้ตอนเดินเข้ามาออกจากห้องไป แล้วมาหยุดนั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง
เริงใจ : ผลเป็นยังไงบ้างยัยนิตา
เม็ดทราย : นั่นสิบอกมานะ
พนิตานั่งขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์ผ่านมานี้ หญิงสาว มีความรู้สึกว่าป้าสะใภ้ของตนเปลี่ยนไปจากที่เครียดว่าจะหาเงินมาคืนเหล่า ลูกแชร์ได้ครบตามที่กำหนดหรือไม่ กลับกลายเป็นว่าป้าของเธอไม่เครียดหรือความกังวลใด ๆ มันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย จนตกเย็นวันนี้เธอไปถามลูกแชร์คนหนึ่งของป้า ว่าได้เงินคืนครบแล้วหรือยัง ซึ่งเขาคนนั้นตอบกลับมาว่าได้คืนครบหมดแล้ว แถมยังบอกเพิ่มอีกด้วยว่า หลายคนก็ได้เงินคืนแล้ว ซึ่งมันจะเป็นไปได้อย่างไร ป้าเธอไปหาเงินมาจากไหนตั้งหลายแสนบาทภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน"ยัยนิตา แกเป็นอะไร ฉันเห็นแกนั่งนิ่งมานานแล้วนะ" เม็ดทรายสะกิดเรียกสติให้หญิงสาวหลุดออกจากภวังค์"นั่นสิ ตั้งแต่ร้องเพลงจบจนมานั่งที่โต๊ะก็เงียบไม่พูดไม่จา" ตองเก้าพูดเสริมต่อจากเม็ดทราย"ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอะ" บอกปัดเพียงแค่นั้นแล้วคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม พลันสายตาของตนนั้นเหลือบไปเห็นข้อความแจ้งเตือนขึ้นมายังหน้าจอก่อนหยิบมันขึ้นมาอ่านและตอบกลับในนาทีต่อมา"เดี๋ยวฉันมานะ" พูดขึ้นพลางคว้ากระเป๋าสะพายของตนขึ้น แต่ก็ถู
"คุณจะพาฉันไปไหน ฉันจะกลับบ้าน"พนิตาพยายามขืนกายเอาไว้สุดกำลังที่คนร่างเล็กอย่างเธอจะมีและ คอยประคองสติของตนที่มีเพียงเล็กน้อย ภายในกายของเธอตอนนี้ร้อนรุ่มไปเสียทุกส่วนอันที่จริงเธอนั้นรู้สึกร้อนและกระสับกระส่ายตั้งแต่เขาพาเธอออกจากคลับหรูจวบจนถึงที่นี่ ที่ที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือที่ไหนกันแน่"ออกไปตอนนี้มีหวังโดนลากไปรุมโทรมข้างถนนแน่"ชลธรบอกคนที่เขาหมายตาในอ้อมกอดของเขาสลับกับแผงวงจรตัวเลขดิจิตอลแสดงเลขชั้น ชายหนุ่มภาวนาให้ถึงชั้นบนสุดของเขาโดยเร็ว เพราะเขา ดูจากอาการของหญิงสาวคาดว่าน่าจะโดนยาปลุกเซ็กส์มาแน่นอน"ร้อน! ช่วยด้วย ฉันร้อน " ไม่พูดเปล่าพยายามปลดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของตนออกจากกายเพื่อที่จะบรรเทาความร้อนระอุภายในกายลงได้บ้าง ชลธรรีบรวบมือคนตัวเล็กเอาไว้ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับประตูลิฟต์เปิดกว้างพอดี ชายหนุ่ม จึงตวัดวงแขนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแนบอกตรงไปยังห้องของตนทันทีปัง!เสียงปิดประตูด้วยเท้าแกร่งดังสนั่นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งน้อย ๆ ชายหนุ่มวางคนที่กระสับกระส่ายลงบนโซฟาสีเทาแล้วผละออก
แสงสว่างที่บ่งบอกว่าวันนี้เข้าเช้าวันใหม่ทำให้คนตัวเล็กเปลือยเปล่าที่หลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง ขยับกายด้วยความอ่อนล้าเหลือทน สายตาหวานคมสอดส่ายไปรอบห้องที่ดูไม่คุ้นตา ห้องโทนสีเข้มถูกตกแต่งอย่างดี กระจกบานสูงถูกบดบังด้วยผ้าม่านสีขาวเทา มีเพียงแสงสว่างที่ลอดเข้ามากระทบใบหน้าเท่านั้นพนิตาประคองกายลุกขึ้นนั่งด้วยความลำบาก จนทำให้เธอถึงกับเบ้หน้าด้วยเจ็บแปลบกลางกายสาวไม่น้อย ไม่นานก็พยุงกายพิงกับหัวเตียงกว้างก่อนกะพริบตามองในห้องให้ชัดเจนมากขึ้นว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่"โอ๊ยปวดหัว ปวดไปทั้งตัวเลย" คนตัวเล็กบ่นเสียงแผ่วเบามือน้อยคลึงขมับทั้งสองข้างให้คลายอาการปวดศีรษะลงบ้าง"ตื่นแล้วเหรอคนสวย" จากที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เมื่อครู่ก็ต้องเงยขึ้นอย่างรวดเร็วกับเสียงเข้มที่ดังขึ้นมาแทรก"คุณ" ดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อพบชายหนุ่มร่างสูงที่เธอเคยเห็นหน้าที่บริษัทโมเดลลิงคราวก่อน ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ แล้วเหตุใดเธอถึงอยู่ในสภาพนี้"คุณทำอะไรฉัน คุณข่มขืนฉัน" คนตัวเล็กสำรวจรร่างกายตัวเองแล้วเอ่ยเสียงดังชลธรที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีผ้
ร่างเล็กบอบบางของพนิตากำลังตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งหน้า การทำผม รวมทั้งชุดเดรสรัดรูปสีแดงที่สวมใส่อวดส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่หน้ากระจกเรียกความมั่นใจให้ตัวเองในการไปทำงานที่คลับคืนนี้ หลังจากที่ตนไม่ได้ไปทำมาสองสามวันแล้ว"จะไปไหน?" เสียงเข้มของชลธรถามขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัวภายในห้องนอนของตน ซึ่งในตอนนี้เขายกให้พนิตาไปแล้ว"ไปทำงานที่คลับค่ะ คุณมีอะไรรึเปล่าคะ" พนิตากำลังสวมต่างหูห่วงกลมถามขึ้นเมื่อมองภาพสะท้อนของชลธรผ่านกระจกแต่งหน้าบานใหญ่“ทำงาน”“ใช่ ฉันจะไปทำงาน” หันมาบอกชายหนุ่มที่ยืนพิงประตูหน้าห้องแต่งตัวมองการกระทำของคนตัวเล็กที่กำลังดูความเรียบร้อยของเครื่องสำอางที่อยู่บนใบหน้า วันนี้พนิตาแต่งหน้าอ่อน ๆ เพื่อเติมสีสันให้ใบหน้าสวยไม่ซีดเซียวจนเกินไป“เราตกลงกันแล้วไง ตอนที่คุณเป็นผู้หญิงของผม จะให้เงินเดือนคุณเดือนละห้าแสนเอาไว้ใช้ แล้วจะไปทำงานทำไม”หนุ่มหล่อร่างสูงโปร่งมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเธอ ตกลงเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ทำไมจะต้องไปทำงานให้มันลำบากทำไมกัน
“คุณว่าที่นี่เป็นยังไง"ชลธรถามพนิตาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กวาดสายตามองรอบหาดทรายสีขาว เกลียวคลื่นลมทะเลซัดสาดกระทบฝั่งอย่างสบายใจกว่าที่เคยเป็น"นิตาว่าสวยดีค่ะ บรรยากาศดี ยิ่งตอนเย็น ๆ แบบนี้มันโรแมนติกมากเลยนะคะ แต่จะว่าไปมันไม่ใช่หน้าที่ของคุณชลเลยนะคะที่จะต้องมาดูสถานที่เองแบบนี้ มันต้องเป็นทางทีมงานของแม็กกาซีนไม่ใช่เหรอคะที่ต้องจัดหาสถานที่" พนิตาว่าออกมาอย่างสงสัย มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเลย หรือว่าชายหนุ่มจะตกลงกับเพื่อนเพื่อมาดูสถานที่แทน"มันก็ใช่ที่ไม่ใช่หน้าที่ของผม จริง ๆ แล้วผมมาที่นี่ไม่ได้มาทำงานหรอก แค่เอางานมาเป็นข้ออ้างเฉย ๆ แค่นี้เอง"บอกตามตรงโดยไม่ปิดบังทำเอาร่างเล็กสูงเพรียวที่กำลังชื่นชมบรรยากาศแสนสบายที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ ถึงกับหันขวับทันควันนี่เขาหลอกเธอโดยอ้างว่ามาทำงานหรอกเหรอ“นี่คุณชลหลอกนิตาเหรอคะ ทำไมเป็นคนแบบนี้ล่ะ” หันขวับถามชายหนุ่มเสียงแข็งแววตาขุ่นเคือง และเงียบไปชั่วอึดใจหนึ่งแล้วถามชลธรอีกครั้ง“แล้วที่บอกว่าที่นี่เป็นรีสอร์ตของเพื่อนคุณชลนี่เรื่องจริงหรือโกหกกันแน่คะ” เธอชักจะเริ่ม
เช้าที่สดใสผสมผสานกับบรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย ทำให้พนิตาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบตามร่างกายที่แทบจะไม่ได้พักตลอดการมาที่ภูเก็ตกับชลธร กลางวันออกไปเที่ยวชมเมืองถ่ายรูปสถานที่สำคัญพร้อมทั้งกินอาหารขึ้นชื่ออร่อย ๆ แต่พอตกเย็นเป็นไม่ได้ต้องหาข้ออ้างทำเรื่องอย่างว่ากับเธอทุกทีเขาไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแต่เธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยมากวันนี้พนิตาสวมชุดเดรสยาวคลุมเท้าสายเดี่ยวลายลูกไม้ฮาวายสุดฮิต ศีรษะเล็กบดบังแสงแดดจากหมวกสานสีขาวมีโบสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง สวมรองเท้าแตะเข้าชุด ผสมกับการแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองความสวยของเจ้าของร่างเพรียวริมฝีปากเล็ก ๆ อ้าปากหาวหวอด ๆ คล้ายกับว่าตนยังนอนไม่เต็มอิ่ม จึงตัดสินใจเดินไปหากาแฟดื่มให้หายง่วงเสียหน่อย ทันทีที่ได้อเมริกาโน่เย็นเข้ม ๆ หอม ๆ ไม่มีน้ำตาลรสชาติที่เธอต้องการแล้ว จึงเดินไปนั่งโต๊ะไม้ริมระเบียงมองวิวท้องทะเลสีฟ้าครามด้วยความสบายตา โชคดีหน่อยที่วันนี้แสงแดดไม่ได้ร้อนมากมายนัก เธอเลยเลือกนั่งบริเวณนี้ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอ
La La Carte (อะ ลาคลาส)ห้องวีไอพีในคลับหรูของฟีนิกซ์ หลังจากจัดการงานเอกสารเรียบร้อยมาเฟียหล่อเจ้าของที่นี่ก็เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน ทว่าภายในห้องที่คิดว่าเพื่อนและเหล่าคนรักของพวกมันจะยังมาไม่ครับก็ผิดคาดเพราะทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่ใช่กับชลธรที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจใคร"ไอ้ชลเป็นอะไรวะ แดกเอาแดกเอา" หนึ่ง อรรถพลถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งมองตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อมกับเม็ดทรายเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็เห็นนั่งดื่มอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จา"มึงเป็นอะไรวะ อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือไง" กศิดิธแซวขำเพื่อให้บรรยากาศไม่มาคุจนเกินไป"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเพียงแค่นั้น"นิตาไปไหนเนี่ย... โทรหาก็ไม่รับสาย" ตองเก้าหันไปถามเม็ดทรายหลังจากที่พยายามต่อสายหาพนิตาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เพื่อนยังไม่รับสาย"ไม่รู้เหมือนกันติดต่อไม่ได้เลย""ไลน์ไปหาหรือยัง" เม็ดมุกถามขึ้นทั้งที่ยังกอดแขนของกศิดิธไว้ด้วย"ฉันไลน์ไปแล้วทั้งในกลุ่มแล้วก็ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ตอบ" เม็ดทรายบอกไปตามจริงเพราะเท่าที่เห็นจำนวนคนอ่านมันขาดไปคนห
เกือบสามสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่พนิตาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ และยังไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาเพื่อนสาวทั้งห้าอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงจนกังวลเช่นที่เธอเคยหายไม่ตอบกลับหลายวันเหมือนครั้งก่อนอีก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ ห้าสาวแสนสวยต่างลงความเห็นว่าอยากจะมาเห็นห้องพักใหม่ของเพื่อนในวันนี้ แต่ว่าพนิตา ขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้มาวันนี้ เพราะเป็นวันทำงานเอาเป็นวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดจะดีกว่าเม็ดทราย : ได้ตกลงพรุ่งนี้ก็ได้เม็ดมุก : แต่แกต้องทำของอร่อยไว้ให้พวกฉันกินด้วยนะพนิตา : เอาสิจัดให้ชุดใหญ่เลยที่รัก : น่ารักที่สุดพนิตา : งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพนิตาส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนพร้อมทิ้งท้ายด้วยสติกเกอร์รูปผู้หญิงโบกมือบ๊ายบายด้วยความลั้ลลา ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายยาภายในห้างสรรพสินค้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาเภสัชกรที่ยืนประจำการคอยให้คำปรึกษาอยู่ทันที"สวัสดีค่ะรับยาตัวไหนคะ"
บทที่ 2“เฮ้ย อัทธ์ทำไมวันนี้มึงดูเครียดจังวะ”น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ไม่บอกก็รู้ว่าใครทำเอาคนที่นั่งดื่มเหล้าท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มภายในร้านต้องเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตนโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว“มึงมาช้าชิบหายเลยว่ะ” เทวาเพื่อนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับอัทธ์ตั้งแต่แรกระหว่างรอเจ้าของร้านผู้ที่เข้ามาใหม่“โทษทีลงมาช้าบัญชีที่ร้านมีปัญหานิดหน่อย”ธันว์บอกแล้วหย่อยกายนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งหันไปบอกพนักงานชงเครื่องดื่มได้เลย แล้วหันไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าเขา “ว่าแต่มึงเป็นอะไรกินเอากินเอา กลุ้มใจอะไรหรือเปล่าวะ” ธันว์เพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ถามอีกครั้งเพราะทาท่างของชายหนุ่มดูเคร่งเครียดผิดหูผิดตา มันยิ่งหน้านิ่งอยู่แล้ว พอมาอารมณ์นี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก“มึงอย่าไปถามมันเลย ตั้งแต่มานั่งกูถามจนไม่รู้จะถามยังไงล่ะ” เทวาบอกอย่างปลง ๆเทวากระดกเครื่องดื่มที่พนักงานส่งให้เสื่อครู่ไปเล็กน้อย ใบหน้าคมของเขาขมวดคิ้วราวกับนิดเรื่องอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาก่อนถามขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังก้อง “ได้ข่า
บทที่ 1“ยัยนิลเอาอีกแล้วนะแก”“ขอโทษทีนะ ช้าไปหน่อย”เสียงหวานใสยังคงเป็นแบบฉบับของ สริตาบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิดที่ให้อีกฝ่ายรอนาน เกินควรเพราะเธอดันลืมของสำคัญก่อนจะเอามาประชุมเสียอย่างนั้น จึงต้องเสียเวลาย้อนกลับไปเอาอีกครั้ง ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังรออยู่นั้นกลับพบชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ที่เพียงเดินผ่านเธอก็ยังจำเขาได้ คนที่เธอรักหมดใจ“เป็นอะไรไป เจอคนรู้จักเหรอ” เพื่อนร่วมงานถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัย เมื่อคนที่เดินมาใบหน้าเครียดราวกับเจออะไรที่ไม่สบายใจเสียอย่างนั้น“เปล่าหรอกไม่มีอะไร เราไปเถอะ”หญิงสาวบอกปัดออกไปเพื่อไม่ให้เพื่อนสนใจเรื่องของตน ก่อนจะผลักเพื่อนให้เดินไปข้างหน้า พลางสอดส่ายสายตาของเธอหันหลังกลับไปมองเพราะคิดว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ที่เดิมแต่กลับไม่พบชายหนุ่มคนนั้น“นี่ยัยนิล เมื่อกี้นี้เจออะไรมาเหรอ สายตาดูกลัว ๆ” เพื่อนร่วมงานยังคงสงสัยในท่าทางที่แปลกไปของเพื่อน“เปล่าหรอกไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาประชุมแล้ว” สริตาบอกพลางวางกระเป๋าลงบนโ
บรรยากาศงานแต่งงานที่แสนหวานของคุณหนึ่งกับเม็ดทรายถูกจัดขึ้นริมทะเลในโทนสีขาวสะอาดตา ซุ้มสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกจัดขึ้นและตกแต่งด้วยไม้ประดับคาดด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ ที่พลิ้วไสวในยามที่สายลมพัดผ่านมากระทบ ด้านหน้าซุ้มมีดอกไม้ประดับนานาชนิดวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า"งานแต่งของคุณหนึ่งกับยัยทรายสวยจังเลยค่ะพี่ชล" พนิตามองภาพตรงหน้าที่ทุกคนกำลังเดินไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว"แล้วงานแต่งของเราอยากได้แบบไหน พี่จัดการให้นิตาได้ทุกอย่าง"ชลธรตอบกลับภรรยาสาวพร้อมทั้งโอบกระชับไหล่มนของเธอให้แนบชิดตัวเขาเบา ๆ"แบบไหนก็ได้ ขอเรียบง่ายก็พอค่ะ" ตอบยิ้ม ๆ ก่อนชวนสามีไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องตลอดงาน ทุกคนต่างสนุกสนานไม่แพ้เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงานเลย หนุ่ม ๆ คนรักของเหล่าห้าสาวนั่งมองคนรักที่เต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงไม่วางตา"ไม่ไปเต้นหน่อยเหรอครับคุณนิตา" ฟีนิกซ์ถามคนรักของเพื่อนที่นั่งยิ้มกับความสนุกตรงหน้า พนิตายังไม่ทันที่จะอ้าปากตอบ เจ้าสาวคนสายผู้ที่เด่นที่สุดในงานก็เดินเข้ามาชวนให้ไปสนุกด้วยกัน"นิตาไปเต้นด้วยกันสิ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พนิตายังคงอยู่ห้องที่ตัวเองซื้อเช่นเดิมเพิ่มเติมคือสามีสุดหล่ออย่างชลธรมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย อาจเป็นเพราะเขาชวนเธอกลับไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขาด้วยกันแต่หญิงสาวปฏิเสธ จึงได้พาตัวเองมาอยู่กับเธอที่นี่แทน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขารอให้บ้านหลังใหม่ที่กำลังเร่งสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ เตรียมพร้อมที่พวกเขาจะย้ายเข้าไปอยู่ในปีหน้าและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นที่นั่นด้วยที่พนิตาเรียกเขาว่าสามีได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อสามวันก่อนชายหนุ่มรอไม่ไหวที่จะให้ถึงวันแต่งงานที่ยังไม่ได้ฤกษ์งามยามดี ด้วยความใจร้อนจึงพาเธอไปจดทะเบียนสมรสเสียก่อน ครั้นถ้าเธอไม่ยอมชลธรก็หาวิธีและคำพูดมาโน้มน้าวให้คล้อยตามจนได้"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณสามีขาตื่นแล้วเหรอคะ" พนิตาทักทายสามีเสียงหวาน มือบางจับตะหลิวและด้ามของกระทะเทฟล่อนเตรียมอาหารเช้าให้เขาได้ทานก่อนออกไปทำงานหญิงสาวตักอาหารเช้าที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงข้าวผัดธรรมดาที่ง่ายแสนง่ายเท่านั้น หากทำเมนูอื่นคงต้องวิ่งอาเจียนอีกเป็นแน่"ตื่นแล้วจ้าเมียจ๋า" ว่าแล้วก็รีบเดินมาสวมกอดภรรยา
เจ้าของร่างเล็กกำลังง่วนและวุ่นวายอยู่กับการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสะอาดตา ให้เหมือนกับคลิปที่เธอเปิดดูผ่าน ๆ แล้วเห็นว่ามันเพลินดี จึงอยากลองทำดูบ้างในระหว่างรอชลธรที่ถือวิสาสะเข้าไปอาบน้ำราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาแต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้เลยว่าคนที่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวของพนิตาพันรอบเอวสอบหมิ่นเหม่เท่านั้น เดินออกมาหยุดดูคนตัวเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เวลาก้มลงหรือนั่งย่อ ๆ เพียงนิดเดียว ก็เผยแก้มก้นขาวเนียนที่เขาโปรดปรานและหลงใหลเป็นที่สุด"เสร็จสักที ปวดหลังไปหมด"ร่างเพรียวยืนขึ้นเต็มความสูงยกแขนทั้งสองเหนือศีรษะบิดไปมาให้คลายอาการปวด ทว่ากลับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง"ปวดหลังเหรอ... ผมนวดให้เอาไหม" บอกกับคนตัวเล็กเสียงแหบพร่าลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ ทำเอาพนิตาต้องเอี้ยวตัวหันหน้ามาเผชิญกับเขา"ไม่ต้องดีกว่าค่ะ กลัวจะไม่ใช่เเค่นวดน่ะสิคะ" พนิตาว่าอย่างรู้ทัน คนอย่างเขาเนี่ยน่ะหรือจะนวดให้เธอไม่มีทาง“แล้วจะใ
ช่วงสายของวันถัดมาเป็นวันที่พนิตาและเหล่าแก๊งเพื่อนสาวของเธอได้มาปาร์ตีฉลองบ้านใหม่ของหญิงสาวตามที่ได้นัดกันไว้ เจ้าของบ้านคนสวยตื่นจัดเตรียมบ้านให้พร้อม เพราะเริงใจพี่ใหญ่ของแก๊งไลน์เข้ามาบอกว่าอาหารกลางวันไม่ต้องเตรียมเดี๋ยวจะซื้อเข้าไปเอง รอให้พนิตาทำให้ทานตอนเย็นทีเดียวจะได้คุยกันนาน ๆ หน่อย อีกอย่างวันนี่เป็นวันหยุดจะได้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรแต่ยังไงก็ตามเถอะต่อให้บอกว่าไม่ต้องทำของคาวก็ไม่เป็นไรเธออยากจะทำของหวานให้เพื่อนลองชิม เพราะการทำอาหารหรือทำขนมมันเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ เพื่อนของพนิตารู้ว่าเธอชอบทำอาหารแต่คงไม่รู้ว่าทำขนมได้ด้วย"ทำอะไรให้กินเล่นดีนะ" คนตัวเล็กขบคิดถึงเมนูที่ตนกำลังจะทำให้เพื่อนได้ลิ้มลอง“บราวนีเนี่ยแหละเหมาะสมที่สุด” พนิตาพูดออกมาอย่างดีใจเมื่อตนเลือกเมนูขนมได้แล้ว บ่นพึมพำไปพลางเปิดหารายการขนมผ่านยูทูบไปเรื่อย ๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ 'บราวนีมินิ' ชิ้นเล็กพอดีคำ แต่ตอนทำเธอต้อง ลดน้ำตาลลงเสียหน่อย หากหวานไปเพื่อนสาวเธอไม่กินแน่นอน อะไรที่มีน้ำตาล ไขมันเยอะ จะไม่มีทางอยู่ในกระเพาะของพวกเขาได้&nbs
เกือบสามสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่พนิตาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ และยังไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาเพื่อนสาวทั้งห้าอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงจนกังวลเช่นที่เธอเคยหายไม่ตอบกลับหลายวันเหมือนครั้งก่อนอีก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ ห้าสาวแสนสวยต่างลงความเห็นว่าอยากจะมาเห็นห้องพักใหม่ของเพื่อนในวันนี้ แต่ว่าพนิตา ขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้มาวันนี้ เพราะเป็นวันทำงานเอาเป็นวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดจะดีกว่าเม็ดทราย : ได้ตกลงพรุ่งนี้ก็ได้เม็ดมุก : แต่แกต้องทำของอร่อยไว้ให้พวกฉันกินด้วยนะพนิตา : เอาสิจัดให้ชุดใหญ่เลยที่รัก : น่ารักที่สุดพนิตา : งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพนิตาส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนพร้อมทิ้งท้ายด้วยสติกเกอร์รูปผู้หญิงโบกมือบ๊ายบายด้วยความลั้ลลา ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายยาภายในห้างสรรพสินค้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาเภสัชกรที่ยืนประจำการคอยให้คำปรึกษาอยู่ทันที"สวัสดีค่ะรับยาตัวไหนคะ"
La La Carte (อะ ลาคลาส)ห้องวีไอพีในคลับหรูของฟีนิกซ์ หลังจากจัดการงานเอกสารเรียบร้อยมาเฟียหล่อเจ้าของที่นี่ก็เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน ทว่าภายในห้องที่คิดว่าเพื่อนและเหล่าคนรักของพวกมันจะยังมาไม่ครับก็ผิดคาดเพราะทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่ใช่กับชลธรที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจใคร"ไอ้ชลเป็นอะไรวะ แดกเอาแดกเอา" หนึ่ง อรรถพลถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งมองตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อมกับเม็ดทรายเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็เห็นนั่งดื่มอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จา"มึงเป็นอะไรวะ อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือไง" กศิดิธแซวขำเพื่อให้บรรยากาศไม่มาคุจนเกินไป"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเพียงแค่นั้น"นิตาไปไหนเนี่ย... โทรหาก็ไม่รับสาย" ตองเก้าหันไปถามเม็ดทรายหลังจากที่พยายามต่อสายหาพนิตาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เพื่อนยังไม่รับสาย"ไม่รู้เหมือนกันติดต่อไม่ได้เลย""ไลน์ไปหาหรือยัง" เม็ดมุกถามขึ้นทั้งที่ยังกอดแขนของกศิดิธไว้ด้วย"ฉันไลน์ไปแล้วทั้งในกลุ่มแล้วก็ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ตอบ" เม็ดทรายบอกไปตามจริงเพราะเท่าที่เห็นจำนวนคนอ่านมันขาดไปคนห
เช้าที่สดใสผสมผสานกับบรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย ทำให้พนิตาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบตามร่างกายที่แทบจะไม่ได้พักตลอดการมาที่ภูเก็ตกับชลธร กลางวันออกไปเที่ยวชมเมืองถ่ายรูปสถานที่สำคัญพร้อมทั้งกินอาหารขึ้นชื่ออร่อย ๆ แต่พอตกเย็นเป็นไม่ได้ต้องหาข้ออ้างทำเรื่องอย่างว่ากับเธอทุกทีเขาไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแต่เธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยมากวันนี้พนิตาสวมชุดเดรสยาวคลุมเท้าสายเดี่ยวลายลูกไม้ฮาวายสุดฮิต ศีรษะเล็กบดบังแสงแดดจากหมวกสานสีขาวมีโบสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง สวมรองเท้าแตะเข้าชุด ผสมกับการแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองความสวยของเจ้าของร่างเพรียวริมฝีปากเล็ก ๆ อ้าปากหาวหวอด ๆ คล้ายกับว่าตนยังนอนไม่เต็มอิ่ม จึงตัดสินใจเดินไปหากาแฟดื่มให้หายง่วงเสียหน่อย ทันทีที่ได้อเมริกาโน่เย็นเข้ม ๆ หอม ๆ ไม่มีน้ำตาลรสชาติที่เธอต้องการแล้ว จึงเดินไปนั่งโต๊ะไม้ริมระเบียงมองวิวท้องทะเลสีฟ้าครามด้วยความสบายตา โชคดีหน่อยที่วันนี้แสงแดดไม่ได้ร้อนมากมายนัก เธอเลยเลือกนั่งบริเวณนี้ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอ