ร่างเล็กทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีเบจ มองไปยังหน้าจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่อยู่ภายในห้องซึ่งกำลังฉายละครภาคค่ำ แต่มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเธอเลย ภายใจในเธอนั้นกังวลต่าง ๆ นานากับสิ่งที่กำลังพบเจอ หญิงสาวนั่งคิดอย่างกลัดกลุ้มด้วยความเครียด ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
กชสรรีบเปิดหน้าจอขึ้นเพื่อดูว่าใครส่งข้อความหาเธอ แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นข้อความของเจ้านายคนใหม่ที่ชอบสั่งงานนอกเวลาอยู่บ่อยครั้ง และเวลาที่เธอเข้าไปส่งงานให้มักจะคอยหาเศษหาเลยแตะเนื้อต้องตัวเธอ ถึงแม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงปัดป้องแล้วก็ตาม มือบางจึงรีบทิ้งโทรศัพท์มือถือวางไว้ที่โต๊ะดังเดิม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นข้อความเมื่อครู่นี้
หลังจากนั้นราวยี่สิบนาทีกฤตพลก็ต่อสายกลับมาหาน้องสาวทันที เพราะคนข้างกายเขาบอกว่าน้ำเสียงของกชสรนั้นค่อนข้างเครียด เขาจึงโทรหาน้องน้อยเผื่อจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เธอมักจะเล่าให้เขาฟังเสมอ สองพี่น้องนั่งคุยกันนานสองนานทั้ง เรื่องที่กชสรเครียดอยากจะลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ซึ่งพี่ชายอย่างเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เคารพการตัดสินใจของน้องสาวเสมอ แต่ผู้เป็นพี่เสนอทางเลือกให้น้องสาวได้คิดทบทวนตัดสินใจดูอีกที โดยการให้น้องลาพักร้อนไปพักผ่อนหย่อนใจให้คลายความเครียดแล้วกลับมาทำงานอีกครั้ง บางทีหญิงสาวอาจจะเหนื่อยเกินไป แต่ถ้าหากกลับมาทำงานแล้วมันไม่ดีขึ้นก็ให้ลาออก ผู้เป็นน้องปรึกษากับพี่ชายจนมั่นใจว่าตนควรทำอย่างไรดี ผู้เป็นน้องปรึกษพี่ชายจนมั่นใจ แล้วบอกกับพี่ชายว่าจะลาพักร้อนไปเที่ยวพักผ่อนตามที่แนะนำ
และแล้ววันที่เธอเข้าไปขออนุญาตลาพักรอนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็มาถึง ซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอทำงานแทบจะไม่ได้ใช้วันหยุด แถมทำล่วงเวลาอยู่บ่อย ๆ หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ โดยมีเหล่าเพื่อนพนักงานมายืนรออยู่ด้านนอกสองสามคน คอยถามข่าวว่าเจ้านายคนใหม่ให้ลาพักร้อนหรือไม่
“บัว เป็นไงบ้าง เจ้านายให้ลาไหม”
“นั่นสิ ฉันอยากรู้ว่าลาได้ไหม ถ้าได้จะได้ลาบ้าง”
“ดูท่าทางของยายบัวแล้ว เจ้านายคนใหม่ไม่น่าจะให้ลาแน่นอน” เพื่อนพนักงานสองสามคนต่างพากันรัวคำถามใส่เธอแทบตั้งตัวไม่ทัน จนกชสรต้องเอ่ยห้ามขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนเอาทีละคำถาม”
“งั้นก็บอกมาเร็ว ๆ พวกฉันลุ้นนะเว้ย” ลนาหนึ่งในเพื่อนร่วมงานของกชสรเอ่ยขึ้น
“คือเจ้านายเขาให้ลาได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ
“แล้วลากี่วันไปที่ไหน”
“ประมาณอาทิตย์หนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเลย กลับไปค่อยคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี” เธอส่งยิ้มให้เหล่าเพื่อนร่วมงานที่ยื่นล้อมหน้าล้อมหลังอยู่
“ไปคนเดียวใช่ไหมเนี่ย หรือไปกับพี่กบสุดที่รักของเธอ” พรรษาเอ่ยถามแกมแซว เพราะทุกคนที่นี่เข้าใจว่ากฤตพลเป็นคนรักของเธอ
“ไปคนเดียวสวย ๆ ไปก็ทำงานกันเถอะ ก่อนที่เจ้านายคนใหม่จะออกมาเปลี่ยนจากใบลาหยุดเป็นใบลาออกแทน บัวยังไม่อยากตกงานนะ ” หญิงสาวบอกกับเพื่อนร่วมงานทีเล่นทีจริง ก่อนจะพากันแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตน
กชสรกำลังจะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง การไปพักผ่อนในครั้งนี้ หญิงสาวเลือกที่จะขับรถไปยังสนามบินแทนการเรียกใช้รถสาธารณะ เนื่องด้วยว่ามันสะดวกกว่า แต่ถ้าหากถึงที่หมายเธอจะเช่ารถและขับเที่ยวไปไหนมาไหน มันค่อนข้างที่จะสะดวกกว่า ร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางที่มีของสำคัญ
เดินตรงมายังรถที่จอดอยู่ภายในลานจอดรถของคอนโดมิเนี่ยม
หลังจากที่เอาของสัมภาระเก็บเข้าท้ายรถและกำลังจะปลดล็อกประตูรถยนต์ อยู่ ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดหน้าของตน แล้วทุกย่างก็ดับวูบลง ตกอยู่ในความมืดมิดที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหลังจากนี้
ที่นี่ที่ไหน ทำไมมันมืดแบบนี้
กชสรขยับกายด้วยความเมื่อยขบก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่าตนนั้นอยู่ในห้องหนึ่ง ข้อศอกกลมกลึงตั้งฉากดันกายขึ้นเพื่อมองสิ่งรอบกายแต่หากเธอนนั้นต้องปรับสายตาไม่ใช่น้อย กว่าจะคุ้นชินก็พบกับห้องนอนขนาดเล็ก มีเตียงขนาดสามฟุต โต๊ะข้างหัวเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งและถัดมาก็จะเป็นห้องน้ำ ที่เธอรู้ได้ก็เพราะประตูนั้นเปิดอยู่ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงอย่างระมัดระวังแล้วรีบวิ่งตรงไปยังประตู พยายามเปิดมันเท่าไรก็เปิดไม่ออก
ปัง ปัง ปัง“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” กชสรทั้งตะโกนเรียกทั้งแคะแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาแม้แต่น้อย แต่คนตัวเล็กในห้องก็ไม่ละความพยายามที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ นานสองนานก็ไม่มีใครตอบหรือเสียงอะไรเดินผ่านมาแม้แต่น้อย เธอนั้นจนปัญญาที่จะส่งเสียง หญิงสาวจึงเดินกลับไปนั่งลงเตียงนอนแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียง เพื่อให้มีแสงสว่างภายในห้องนี้ กชสรมองซ้ายแลขวาเพื่อที่จะหากระเป๋าสะพายที่จำได้ว่าเธอสะพายติดตัวไว้กลับไม่พบมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันเนี่ยในระหว่างที่ร่างเล็กกำลังนั่งคิดทบทวนกับตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม สองมือน้อยลูบเข้าที่ใบหน้าพยายามนึกว่าเธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือบาดหมางใจกับใครบ้าง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกกชสรเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงมีคนกำลังไขกุญแจเข้ามาภายในห้อง มองประตูบานนั้นอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบาง ทันทีที่ประตูนั้นเปิดออกร่างเล็กนั้นถอยรุดติดหัวเตียงอย่างหวาดกลัว“แกเป็นใคร จับฉันมาที่นี่ทำไม” หญิงสาวร้องถามชายร่างสูงสองคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ทำเอาร่างเล็กนั้นตกใจไม่น้อย“พวกผมเป็นใครไม่ส
ตอนที่ 2แสงแดดสาดสองยามเช้าของวันใหม่ ปลุกให้ร่างเล็กที่เปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ นั้นตื่นขึ้นมาโดยปราศจากความสดใสเหมือนทุกวัน เพียงแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความเมื่อยขบตามร่างกาย จนต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเธอนั้นถูกคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้จับมา อีกอย่างเธอนั้นแทบไม่รู้จักหรือมีความแค้นใด ๆ กับชายหนุ่มคนนั้นเลย ร่างเล็กบอบบางนั่งกอดเข่าคิดทบทวนเรื่องราวที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานในห้องทำงานของเขา“เธอไม่ได้ทำ แต่พี่ชายเธอทำ” เสียงของเขาแวบกลับเข้ามาในความคิดพลอยทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“พี่ชาย พี่ชายฉันทำอะไรคุณ ถึงได้จับฉันมาแบบนี้”“อยากรู้นักเหรอ ได้ฉันจะบอกให้” ชายหนุ่มนี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ที่เพิ่งรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาเมื่อครู่นี้ว่าชื่อ ภาธร กิตติธร ผุดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างต้องร่นถอยทีละก้าวอย่างหลาดระแวง“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จนทำให้หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี“อยา
“ไอ้สารเลว” เพียงประโยคเดียวที่ออกจากริมฝึปากบางทำให้ภาธรจัดการฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ติดดกายหญิงสาวอย่างรุนแรง โดยไม่สนว่าเสื้อผ้านั้นจะบาดผิวกายเนียนละเอียดของเธอจนเกิดรอยแดง จนเหลือเพียงบราเซียสีขาวลายลูกไม้ห่อหุ้ม ความนุ่มหยุ่นเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงที่เต็มไปด้วยบรรดาโทสะผลักคนตัวเล็กล้มลงกับโซฟาที่ยู่ภายในห้องทำงานของเขาอย่างแรง ก่อนที่ภาธรจะตามไปคร่อมทับร่างเล็กที่กำลังจะลุกหนีเอาไว้ ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ถึงแม้ว่ามือเล็กพยายามทั้งผลักทั้งดันเขาแต่ก็ไม่สำเร็จแต่แล้วภาธรก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ติดกายทั้งของเขาและเธอ ชายหนุ่มลากมือสากลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างถือสิทธิ์ โดยอีกมือนั้นเลื่อนบีบขยำความนุ่มหยุ่นที่ขนาดพอดีมือเขาไม่น้อย ก่อนก้มชิมเม็ดเชอร์รี่สีหวานบนเนินอกหยอกเย้าขบเม้มจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นกัดและขมเม้มแรงๆ“โอ้ย เจ็บ” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล มือเล็กที่ผลักดันคนตัวสูงให้ออกห่างถูกจับตรึงเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป้าหมายจ
ร่างเล็กนั่งคุดคู้กอดเข้าด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เหตุใดเธอต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาซุกหน้าลงบนเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่ตกอยู่ภายใต้ความเศร้าหมองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ“คุณคะ ตื่นหรือยังคะ” คนหน้าห้องส่งเสียงขึ้นพลอยทำให้คนที่นั่งเศร้ากอดเข่าอยู่ข้างในพอจะเดาได้ว่าไม่ใช้คนใจร้ายเมื่อคืน“ค่ะ ฉันตื่นแล้ว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหมองหม่น“คุณภาค สั่งให้เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้คุณค่ะ” ป้าแม่บ้านสูงวัยนำเสื้อผ้าที่นางถือติดมาก่อนจะวางลงบนปลายเตียงนอนที่หญิงสาวนั่งอยู่“ขอบคุณนะคะป้า” เธอด้วยใบหน้ายิ้มแต่ยังคงหมองจนคนมองรู้สึกได้“ทำธุระเสร็จแล้ว ลงไปทานข้าวนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกทำให้คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเรียกเอาไว้“ป้าคะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่องุ่น ภาธร ค่ะ” นางตอบกลับยิ้มให้หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป คนตัวเล็กมองตามจนประตูนั้นปิดลงสนิท เธอนั่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจหอบร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะชำระล้างคราบ
ราคีซาตาน ความเข้าใจผิดทำให้เธอต้องมีรอยราคีจากเขา ภาธรพ่อเลี้ยงหนุ่ม ที่เข้าใจผิดที่มีต่อเธอนั้น แต่กว่าจะรู้เธอก็หนีไปแสนไกล-------------------------------------------------------“คุณภาคให้คุณวิทไปตามบัวมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามและยิ้มให้คนที่กำลังหันหน้ามา“ไปเก็บของซะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งให้กชสรไปเก็บของอย่างรวดเร็ว“เก็บของ หมายความว่ายังไงคะ คุณภาค”หมายความว่ายังไง คำถามนี้ยังคงวนอยู่ในสมองน้อย ๆ ของเธอ แต่แล้วก็กระจ่างแจ้งเมื่อเขาเป็นคนชี้แจ้งทั้งหมดให้เธอฟัง“หึ หมายความว่ายังไง นี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ฮะกชสร พูดง่าย ๆ คือ ฉันเบื่อนางบำเรออย่างเธอแล้ว”-------------------------------------------------------“ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะคุณภาธร” ว่าที่คุณแม่ตวาดเสียงแข็ง“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะคุยกับฉัน”“คุยกับฉัน แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ เพราะฉะนั้นกลับไร่ของคุณไปซะ”“ฉันไม่กลับ จนกว่าเธอจะคุยกับฉัน คุยเรื่องของเรา” ภาธรเอ่ยด้วยเสียงจริงจังและจริงใจ แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกอะไรเช่นนั้น“พูดมาได้นะคะ ว่าเรื่องของเรา ระหว่างคุณกับฉันมันไม่มีอะไรเกิ
บทนำ“บัว” กชสร ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยคมราวกับลูกครึ่ง มองอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะจำหญิงสาวผิดไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เจอเธอมาหลายเดือน จากรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นมีนำมีนวลขึ้น อาจจะเป็นเพราะลูกน้อยในครรภ์ของเธอก็เป็นได้ เด็กคนนั้นคงเป็นลูกคนอื่นไม่ได้นอกจากลูกของเขาท่างกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและสิ่งต่าง ๆ กลับไปประกอบอาหารในยามเย็น คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับกชสร ในมือเล็กที่มีถุงผักและผลไม้รวมทั้งของสดรวมอยู่ในนั้นด้วย ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความยินดีที่เขานั้นตามหาคนตรงหน้าพบ แต่ทำไมสายตาที่มองมานั้นกลับไม่ดีใจที่เธอได้พบเขาเลย แววตานั้นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก หลายเดือนที่เขานั้นคอยเฝ้าคิดถึงเธอเสมอ คิดถึงในสิ่งที่เขาทำผิดต่อเธอ“เดี๋ยวก่อนสิบัว” ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป ทำให้เธอนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโต้ตอบกลับเขาไป“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่รู้จักคุณค่ะ” กชสรตอบกลับด้วยความเรียบเฉยโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนที่กำลังมองอยู่เบื้องหลังเพียงแค่จะเอื้อมมือหมายที่จะคว้าแขนเธอเอาไว้ภาธรก
ร่างเล็กนั่งคุดคู้กอดเข้าด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เหตุใดเธอต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาซุกหน้าลงบนเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่ตกอยู่ภายใต้ความเศร้าหมองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ“คุณคะ ตื่นหรือยังคะ” คนหน้าห้องส่งเสียงขึ้นพลอยทำให้คนที่นั่งเศร้ากอดเข่าอยู่ข้างในพอจะเดาได้ว่าไม่ใช้คนใจร้ายเมื่อคืน“ค่ะ ฉันตื่นแล้ว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหมองหม่น“คุณภาค สั่งให้เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้คุณค่ะ” ป้าแม่บ้านสูงวัยนำเสื้อผ้าที่นางถือติดมาก่อนจะวางลงบนปลายเตียงนอนที่หญิงสาวนั่งอยู่“ขอบคุณนะคะป้า” เธอด้วยใบหน้ายิ้มแต่ยังคงหมองจนคนมองรู้สึกได้“ทำธุระเสร็จแล้ว ลงไปทานข้าวนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกทำให้คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเรียกเอาไว้“ป้าคะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่องุ่น ภาธร ค่ะ” นางตอบกลับยิ้มให้หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป คนตัวเล็กมองตามจนประตูนั้นปิดลงสนิท เธอนั่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจหอบร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะชำระล้างคราบ
“ไอ้สารเลว” เพียงประโยคเดียวที่ออกจากริมฝึปากบางทำให้ภาธรจัดการฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ติดดกายหญิงสาวอย่างรุนแรง โดยไม่สนว่าเสื้อผ้านั้นจะบาดผิวกายเนียนละเอียดของเธอจนเกิดรอยแดง จนเหลือเพียงบราเซียสีขาวลายลูกไม้ห่อหุ้ม ความนุ่มหยุ่นเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงที่เต็มไปด้วยบรรดาโทสะผลักคนตัวเล็กล้มลงกับโซฟาที่ยู่ภายในห้องทำงานของเขาอย่างแรง ก่อนที่ภาธรจะตามไปคร่อมทับร่างเล็กที่กำลังจะลุกหนีเอาไว้ ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ถึงแม้ว่ามือเล็กพยายามทั้งผลักทั้งดันเขาแต่ก็ไม่สำเร็จแต่แล้วภาธรก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ติดกายทั้งของเขาและเธอ ชายหนุ่มลากมือสากลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างถือสิทธิ์ โดยอีกมือนั้นเลื่อนบีบขยำความนุ่มหยุ่นที่ขนาดพอดีมือเขาไม่น้อย ก่อนก้มชิมเม็ดเชอร์รี่สีหวานบนเนินอกหยอกเย้าขบเม้มจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นกัดและขมเม้มแรงๆ“โอ้ย เจ็บ” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล มือเล็กที่ผลักดันคนตัวสูงให้ออกห่างถูกจับตรึงเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป้าหมายจ
ตอนที่ 2แสงแดดสาดสองยามเช้าของวันใหม่ ปลุกให้ร่างเล็กที่เปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ นั้นตื่นขึ้นมาโดยปราศจากความสดใสเหมือนทุกวัน เพียงแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความเมื่อยขบตามร่างกาย จนต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเธอนั้นถูกคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้จับมา อีกอย่างเธอนั้นแทบไม่รู้จักหรือมีความแค้นใด ๆ กับชายหนุ่มคนนั้นเลย ร่างเล็กบอบบางนั่งกอดเข่าคิดทบทวนเรื่องราวที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานในห้องทำงานของเขา“เธอไม่ได้ทำ แต่พี่ชายเธอทำ” เสียงของเขาแวบกลับเข้ามาในความคิดพลอยทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“พี่ชาย พี่ชายฉันทำอะไรคุณ ถึงได้จับฉันมาแบบนี้”“อยากรู้นักเหรอ ได้ฉันจะบอกให้” ชายหนุ่มนี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ที่เพิ่งรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาเมื่อครู่นี้ว่าชื่อ ภาธร กิตติธร ผุดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างต้องร่นถอยทีละก้าวอย่างหลาดระแวง“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จนทำให้หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี“อยา
ปัง ปัง ปัง“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” กชสรทั้งตะโกนเรียกทั้งแคะแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาแม้แต่น้อย แต่คนตัวเล็กในห้องก็ไม่ละความพยายามที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ นานสองนานก็ไม่มีใครตอบหรือเสียงอะไรเดินผ่านมาแม้แต่น้อย เธอนั้นจนปัญญาที่จะส่งเสียง หญิงสาวจึงเดินกลับไปนั่งลงเตียงนอนแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียง เพื่อให้มีแสงสว่างภายในห้องนี้ กชสรมองซ้ายแลขวาเพื่อที่จะหากระเป๋าสะพายที่จำได้ว่าเธอสะพายติดตัวไว้กลับไม่พบมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันเนี่ยในระหว่างที่ร่างเล็กกำลังนั่งคิดทบทวนกับตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม สองมือน้อยลูบเข้าที่ใบหน้าพยายามนึกว่าเธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือบาดหมางใจกับใครบ้าง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกกชสรเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงมีคนกำลังไขกุญแจเข้ามาภายในห้อง มองประตูบานนั้นอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบาง ทันทีที่ประตูนั้นเปิดออกร่างเล็กนั้นถอยรุดติดหัวเตียงอย่างหวาดกลัว“แกเป็นใคร จับฉันมาที่นี่ทำไม” หญิงสาวร้องถามชายร่างสูงสองคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ทำเอาร่างเล็กนั้นตกใจไม่น้อย“พวกผมเป็นใครไม่ส
ร่างเล็กทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีเบจ มองไปยังหน้าจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่อยู่ภายในห้องซึ่งกำลังฉายละครภาคค่ำ แต่มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเธอเลย ภายใจในเธอนั้นกังวลต่าง ๆ นานากับสิ่งที่กำลังพบเจอ หญิงสาวนั่งคิดอย่างกลัดกลุ้มด้วยความเครียด ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้น กชสรรีบเปิดหน้าจอขึ้นเพื่อดูว่าใครส่งข้อความหาเธอ แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นข้อความของเจ้านายคนใหม่ที่ชอบสั่งงานนอกเวลาอยู่บ่อยครั้ง และเวลาที่เธอเข้าไปส่งงานให้มักจะคอยหาเศษหาเลยแตะเนื้อต้องตัวเธอ ถึงแม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงปัดป้องแล้วก็ตาม มือบางจึงรีบทิ้งโทรศัพท์มือถือวางไว้ที่โต๊ะดังเดิม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นข้อความเมื่อครู่นี้หลังจากนั้นราวยี่สิบนาทีกฤตพลก็ต่อสายกลับมาหาน้องสาวทันที เพราะคนข้างกายเขาบอกว่าน้ำเสียงของกชสรนั้นค่อนข้างเครียด เขาจึงโทรหาน้องน้อยเผื่อจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เธอมักจะเล่าให้เขาฟังเสมอ สองพี่น้องนั่งคุยกันนานสองนานทั้ง เรื่องที่กชสรเครียดอยากจะลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ซึ่งพี่ชายอย่างเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เคารพการตัดสินใจของน้องสาวเสมอ แต่ผู้เป็นพี่เสนอทางเลือกให้น้องสาวได้คิดทบทวน
บทนำ“บัว” กชสร ผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยคมราวกับลูกครึ่ง มองอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะจำหญิงสาวผิดไปได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เจอเธอมาหลายเดือน จากรูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นมีนำมีนวลขึ้น อาจจะเป็นเพราะลูกน้อยในครรภ์ของเธอก็เป็นได้ เด็กคนนั้นคงเป็นลูกคนอื่นไม่ได้นอกจากลูกของเขาท่างกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและสิ่งต่าง ๆ กลับไปประกอบอาหารในยามเย็น คงจะเป็นเช่นเดียวกันกับกชสร ในมือเล็กที่มีถุงผักและผลไม้รวมทั้งของสดรวมอยู่ในนั้นด้วย ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความยินดีที่เขานั้นตามหาคนตรงหน้าพบ แต่ทำไมสายตาที่มองมานั้นกลับไม่ดีใจที่เธอได้พบเขาเลย แววตานั้นว่างเปล่าไร้ความรู้สึก หลายเดือนที่เขานั้นคอยเฝ้าคิดถึงเธอเสมอ คิดถึงในสิ่งที่เขาทำผิดต่อเธอ“เดี๋ยวก่อนสิบัว” ชายหนุ่มร้องเรียกชื่อหญิงสาวอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป ทำให้เธอนั้นชะงักเล็กน้อยก่อนพูดโต้ตอบกลับเขาไป“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่รู้จักคุณค่ะ” กชสรตอบกลับด้วยความเรียบเฉยโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนที่กำลังมองอยู่เบื้องหลังเพียงแค่จะเอื้อมมือหมายที่จะคว้าแขนเธอเอาไว้ภาธรก
ราคีซาตาน ความเข้าใจผิดทำให้เธอต้องมีรอยราคีจากเขา ภาธรพ่อเลี้ยงหนุ่ม ที่เข้าใจผิดที่มีต่อเธอนั้น แต่กว่าจะรู้เธอก็หนีไปแสนไกล-------------------------------------------------------“คุณภาคให้คุณวิทไปตามบัวมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามและยิ้มให้คนที่กำลังหันหน้ามา“ไปเก็บของซะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งให้กชสรไปเก็บของอย่างรวดเร็ว“เก็บของ หมายความว่ายังไงคะ คุณภาค”หมายความว่ายังไง คำถามนี้ยังคงวนอยู่ในสมองน้อย ๆ ของเธอ แต่แล้วก็กระจ่างแจ้งเมื่อเขาเป็นคนชี้แจ้งทั้งหมดให้เธอฟัง“หึ หมายความว่ายังไง นี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ฮะกชสร พูดง่าย ๆ คือ ฉันเบื่อนางบำเรออย่างเธอแล้ว”-------------------------------------------------------“ออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้นะคุณภาธร” ว่าที่คุณแม่ตวาดเสียงแข็ง“ไม่ ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จนกว่าเธอจะคุยกับฉัน”“คุยกับฉัน แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ เพราะฉะนั้นกลับไร่ของคุณไปซะ”“ฉันไม่กลับ จนกว่าเธอจะคุยกับฉัน คุยเรื่องของเรา” ภาธรเอ่ยด้วยเสียงจริงจังและจริงใจ แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกอะไรเช่นนั้น“พูดมาได้นะคะ ว่าเรื่องของเรา ระหว่างคุณกับฉันมันไม่มีอะไรเกิ