ร่างเล็กทิ้งกายนั่งลงบนโซฟาตัวยาวสีเบจ มองไปยังหน้าจอโทรทัศน์เครื่องใหญ่ที่อยู่ภายในห้องซึ่งกำลังฉายละครภาคค่ำ แต่มันไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเธอเลย ภายใจในเธอนั้นกังวลต่าง ๆ นานากับสิ่งที่กำลังพบเจอ หญิงสาวนั่งคิดอย่างกลัดกลุ้มด้วยความเครียด ไม่นานนักเสียงข้อความแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
กชสรรีบเปิดหน้าจอขึ้นเพื่อดูว่าใครส่งข้อความหาเธอ แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นข้อความของเจ้านายคนใหม่ที่ชอบสั่งงานนอกเวลาอยู่บ่อยครั้ง และเวลาที่เธอเข้าไปส่งงานให้มักจะคอยหาเศษหาเลยแตะเนื้อต้องตัวเธอ ถึงแม้ว่าจะบ่ายเบี่ยงปัดป้องแล้วก็ตาม มือบางจึงรีบทิ้งโทรศัพท์มือถือวางไว้ที่โต๊ะดังเดิม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่เห็นข้อความเมื่อครู่นี้
หลังจากนั้นราวยี่สิบนาทีกฤตพลก็ต่อสายกลับมาหาน้องสาวทันที เพราะคนข้างกายเขาบอกว่าน้ำเสียงของกชสรนั้นค่อนข้างเครียด เขาจึงโทรหาน้องน้อยเผื่อจะมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ เธอมักจะเล่าให้เขาฟังเสมอ สองพี่น้องนั่งคุยกันนานสองนานทั้ง เรื่องที่กชสรเครียดอยากจะลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่ ซึ่งพี่ชายอย่างเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เคารพการตัดสินใจของน้องสาวเสมอ แต่ผู้เป็นพี่เสนอทางเลือกให้น้องสาวได้คิดทบทวนตัดสินใจดูอีกที โดยการให้น้องลาพักร้อนไปพักผ่อนหย่อนใจให้คลายความเครียดแล้วกลับมาทำงานอีกครั้ง บางทีหญิงสาวอาจจะเหนื่อยเกินไป แต่ถ้าหากกลับมาทำงานแล้วมันไม่ดีขึ้นก็ให้ลาออก ผู้เป็นน้องปรึกษากับพี่ชายจนมั่นใจว่าตนควรทำอย่างไรดี ผู้เป็นน้องปรึกษพี่ชายจนมั่นใจ แล้วบอกกับพี่ชายว่าจะลาพักร้อนไปเที่ยวพักผ่อนตามที่แนะนำ
และแล้ววันที่เธอเข้าไปขออนุญาตลาพักรอนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ก็มาถึง ซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอทำงานแทบจะไม่ได้ใช้วันหยุด แถมทำล่วงเวลาอยู่บ่อย ๆ หญิงสาวเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายคนใหม่ โดยมีเหล่าเพื่อนพนักงานมายืนรออยู่ด้านนอกสองสามคน คอยถามข่าวว่าเจ้านายคนใหม่ให้ลาพักร้อนหรือไม่
“บัว เป็นไงบ้าง เจ้านายให้ลาไหม”
“นั่นสิ ฉันอยากรู้ว่าลาได้ไหม ถ้าได้จะได้ลาบ้าง”
“ดูท่าทางของยายบัวแล้ว เจ้านายคนใหม่ไม่น่าจะให้ลาแน่นอน” เพื่อนพนักงานสองสามคนต่างพากันรัวคำถามใส่เธอแทบตั้งตัวไม่ทัน จนกชสรต้องเอ่ยห้ามขึ้นมาเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนเอาทีละคำถาม”
“งั้นก็บอกมาเร็ว ๆ พวกฉันลุ้นนะเว้ย” ลนาหนึ่งในเพื่อนร่วมงานของกชสรเอ่ยขึ้น
“คือเจ้านายเขาให้ลาได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร” หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ
“แล้วลากี่วันไปที่ไหน”
“ประมาณอาทิตย์หนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนเลย กลับไปค่อยคิดว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี” เธอส่งยิ้มให้เหล่าเพื่อนร่วมงานที่ยื่นล้อมหน้าล้อมหลังอยู่
“ไปคนเดียวใช่ไหมเนี่ย หรือไปกับพี่กบสุดที่รักของเธอ” พรรษาเอ่ยถามแกมแซว เพราะทุกคนที่นี่เข้าใจว่ากฤตพลเป็นคนรักของเธอ
“ไปคนเดียวสวย ๆ ไปก็ทำงานกันเถอะ ก่อนที่เจ้านายคนใหม่จะออกมาเปลี่ยนจากใบลาหยุดเป็นใบลาออกแทน บัวยังไม่อยากตกงานนะ ” หญิงสาวบอกกับเพื่อนร่วมงานทีเล่นทีจริง ก่อนจะพากันแยกย้ายกันกลับไปทำงานของตน
กชสรกำลังจะออกเดินทางไปยังจุดหมายปลายทาง การไปพักผ่อนในครั้งนี้ หญิงสาวเลือกที่จะขับรถไปยังสนามบินแทนการเรียกใช้รถสาธารณะ เนื่องด้วยว่ามันสะดวกกว่า แต่ถ้าหากถึงที่หมายเธอจะเช่ารถและขับเที่ยวไปไหนมาไหน มันค่อนข้างที่จะสะดวกกว่า ร่างเล็กหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางที่มีของสำคัญ
เดินตรงมายังรถที่จอดอยู่ภายในลานจอดรถของคอนโดมิเนี่ยม
หลังจากที่เอาของสัมภาระเก็บเข้าท้ายรถและกำลังจะปลดล็อกประตูรถยนต์ อยู่ ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเอาผ้าเช็ดหน้ามาปิดหน้าของตน แล้วทุกย่างก็ดับวูบลง ตกอยู่ในความมืดมิดที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหลังจากนี้
ที่นี่ที่ไหน ทำไมมันมืดแบบนี้
กชสรขยับกายด้วยความเมื่อยขบก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นก็พบว่าตนนั้นอยู่ในห้องหนึ่ง ข้อศอกกลมกลึงตั้งฉากดันกายขึ้นเพื่อมองสิ่งรอบกายแต่หากเธอนนั้นต้องปรับสายตาไม่ใช่น้อย กว่าจะคุ้นชินก็พบกับห้องนอนขนาดเล็ก มีเตียงขนาดสามฟุต โต๊ะข้างหัวเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งและถัดมาก็จะเป็นห้องน้ำ ที่เธอรู้ได้ก็เพราะประตูนั้นเปิดอยู่ ก่อนจะก้าวลงจากเตียงอย่างระมัดระวังแล้วรีบวิ่งตรงไปยังประตู พยายามเปิดมันเท่าไรก็เปิดไม่ออก
ปัง ปัง ปัง“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” กชสรทั้งตะโกนเรียกทั้งแคะแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาแม้แต่น้อย แต่คนตัวเล็กในห้องก็ไม่ละความพยายามที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ นานสองนานก็ไม่มีใครตอบหรือเสียงอะไรเดินผ่านมาแม้แต่น้อย เธอนั้นจนปัญญาที่จะส่งเสียง หญิงสาวจึงเดินกลับไปนั่งลงเตียงนอนแล้วเปิดโคมไฟหัวเตียง เพื่อให้มีแสงสว่างภายในห้องนี้ กชสรมองซ้ายแลขวาเพื่อที่จะหากระเป๋าสะพายที่จำได้ว่าเธอสะพายติดตัวไว้กลับไม่พบมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอกันเนี่ยในระหว่างที่ร่างเล็กกำลังนั่งคิดทบทวนกับตัวเองอย่างกลัดกลุ้ม สองมือน้อยลูบเข้าที่ใบหน้าพยายามนึกว่าเธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือบาดหมางใจกับใครบ้าง แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกกชสรเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเธอได้ยินเสียงมีคนกำลังไขกุญแจเข้ามาภายในห้อง มองประตูบานนั้นอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอบาง ทันทีที่ประตูนั้นเปิดออกร่างเล็กนั้นถอยรุดติดหัวเตียงอย่างหวาดกลัว“แกเป็นใคร จับฉันมาที่นี่ทำไม” หญิงสาวร้องถามชายร่างสูงสองคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยท่าทางน่าเกรงขาม ทำเอาร่างเล็กนั้นตกใจไม่น้อย“พวกผมเป็นใครไม่ส
ตอนที่ 2แสงแดดสาดสองยามเช้าของวันใหม่ ปลุกให้ร่างเล็กที่เปลือยเปล่านอนอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ นั้นตื่นขึ้นมาโดยปราศจากความสดใสเหมือนทุกวัน เพียงแค่ขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็รับรู้ได้ถึงความเมื่อยขบตามร่างกาย จนต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะเธอนั้นถูกคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้จับมา อีกอย่างเธอนั้นแทบไม่รู้จักหรือมีความแค้นใด ๆ กับชายหนุ่มคนนั้นเลย ร่างเล็กบอบบางนั่งกอดเข่าคิดทบทวนเรื่องราวที่เขาพูดกับเธอเมื่อวานในห้องทำงานของเขา“เธอไม่ได้ทำ แต่พี่ชายเธอทำ” เสียงของเขาแวบกลับเข้ามาในความคิดพลอยทำให้นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“พี่ชาย พี่ชายฉันทำอะไรคุณ ถึงได้จับฉันมาแบบนี้”“อยากรู้นักเหรอ ได้ฉันจะบอกให้” ชายหนุ่มนี่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ที่เพิ่งรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของเขาเมื่อครู่นี้ว่าชื่อ ภาธร กิตติธร ผุดลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กด้วยท่าทางที่น่ากลัว ทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ห่างต้องร่นถอยทีละก้าวอย่างหลาดระแวง“คุณจะทำอะไร” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้ จนทำให้หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนี“อยา
“ไอ้สารเลว” เพียงประโยคเดียวที่ออกจากริมฝึปากบางทำให้ภาธรจัดการฉีกกระชากเสื้อผ้าที่ติดดกายหญิงสาวอย่างรุนแรง โดยไม่สนว่าเสื้อผ้านั้นจะบาดผิวกายเนียนละเอียดของเธอจนเกิดรอยแดง จนเหลือเพียงบราเซียสีขาวลายลูกไม้ห่อหุ้ม ความนุ่มหยุ่นเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงที่เต็มไปด้วยบรรดาโทสะผลักคนตัวเล็กล้มลงกับโซฟาที่ยู่ภายในห้องทำงานของเขาอย่างแรง ก่อนที่ภาธรจะตามไปคร่อมทับร่างเล็กที่กำลังจะลุกหนีเอาไว้ ริมฝีปากหนาประกบจูบริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ถึงแม้ว่ามือเล็กพยายามทั้งผลักทั้งดันเขาแต่ก็ไม่สำเร็จแต่แล้วภาธรก็ต้องลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ติดกายทั้งของเขาและเธอ ชายหนุ่มลากมือสากลูบไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างถือสิทธิ์ โดยอีกมือนั้นเลื่อนบีบขยำความนุ่มหยุ่นที่ขนาดพอดีมือเขาไม่น้อย ก่อนก้มชิมเม็ดเชอร์รี่สีหวานบนเนินอกหยอกเย้าขบเม้มจนคนใต้ร่างร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นกัดและขมเม้มแรงๆ“โอ้ย เจ็บ” ร่างเล็กพยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล มือเล็กที่ผลักดันคนตัวสูงให้ออกห่างถูกจับตรึงเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาริมฝีปากร้อนเปลี่ยนเป้าหมายจ
ร่างเล็กนั่งคุดคู้กอดเข้าด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าอยู่บนเตียง เหตุใดเธอต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรเช่นนี้ ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาซุกหน้าลงบนเข่าอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่ตกอยู่ภายใต้ความเศร้าหมองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตอบกลับ“คุณคะ ตื่นหรือยังคะ” คนหน้าห้องส่งเสียงขึ้นพลอยทำให้คนที่นั่งเศร้ากอดเข่าอยู่ข้างในพอจะเดาได้ว่าไม่ใช้คนใจร้ายเมื่อคืน“ค่ะ ฉันตื่นแล้ว” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหมองหม่น“คุณภาค สั่งให้เอาเสื้อผ้าพวกนี้มาให้คุณค่ะ” ป้าแม่บ้านสูงวัยนำเสื้อผ้าที่นางถือติดมาก่อนจะวางลงบนปลายเตียงนอนที่หญิงสาวนั่งอยู่“ขอบคุณนะคะป้า” เธอด้วยใบหน้ายิ้มแต่ยังคงหมองจนคนมองรู้สึกได้“ทำธุระเสร็จแล้ว ลงไปทานข้าวนะคะ” ป้าแม่บ้านบอกทำให้คนตัวเล็กพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเรียกเอาไว้“ป้าคะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่องุ่น ภาธร ค่ะ” นางตอบกลับยิ้มให้หญิงสาวรุ่นราวคราวลูกเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป คนตัวเล็กมองตามจนประตูนั้นปิดลงสนิท เธอนั่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจหอบร่างกายอันบอบช้ำเข้าห้องน้ำ เพื่อที่จะชำระล้างคราบ
ตอนที่ 3วิท สรวิท ลูกน้องคนสนิทของภาธรได้เดินนำคนตัวเล็กมายังแปลงองุ่นที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาตามคำสั่งของผู้เป็นนายที่ต้องการให้หญิงสาวมาทำงานภายในไร่นี้ แต่ผิดกับคนตัวเล็กที่มองรอบ ๆ เพราะมีสายตามากมายคอยจับจ้องมาที่ร่างของตนไม่น้อย เพราะดูแล้วสาวเจ้าไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไร ก่อนหน้านี้ยังถกเถียงกันกับเจ้านายของเขาอยู่เลย สรวิทนั้นพอจะรู้ว่าหญิงสาวนั้นเป็นใคร เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรได้ เนื่องจากมันเป็นเรื่องของเจ้านาย ลูกน้องอย่างเขาไม่เกี่ยว นอกจากทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น“ถึงแล้วครับคุณ” สรวิทพูดขึ้นอย่างเป็นมิตร เมื่อพาหญิงสาวมาถึงแปลงองุ่นหญิงสาวก็มีใบหน้าอิดโรยไร้ความสดชื่น“แล้วฉันต้องทำอะไรยังไงบ้างคะ ฉันไม่เคยทำ” ใบหน้าหวานซีดเซียวมองซ้ายมองขวาแล้วถามกลับอย่างเป็นมิตรเช่นกัน“เดี๋ยวผมสอนก่อนแล้วกัน” สรวิทตอบกลับ จากนั้นก็สอนงานให้กับคนตรงหน้าเกี่ยวกับการเก็บองุ่นที่อยู่ตรงหน้าใช้เวลาเพียงไม่นานหญิงสาวก็จัดการทำด้วยตัวเอง ส่วนตัวของคนสอนก็จัดการไปทำหน้าที่ของตัวเองด้วยเช่นกัน คนตัวเล็กที่ร่างกายแทบจะไม่ได้รับการพักผ่อนเพราะถูกคนอย่างภาธรรังแกแทบทั้งคื
อีกด้านคนใจร้ายที่เสร็จจากการตรวจงานในช่วงเช้าแล้ว เดินมาดูเชลยสาวที่เขาสั่งลูกน้องให้จับตัวเธอมาอยู่ที่ไร่แห่งนี้ เดินมาหยุดตรงที่สรวิทกำลังยืนทอดมองแปลงองุ่นที่ยาวสุดลูกหูลูกตา“ไอ้วิท คนที่กูให้มึงดูทำงานไปถึงไหนแล้ว” เจ้านายหนุ่มถามขึ้น พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาคนที่เขาพรากความสาวสดไปเมื่อคืนที่ผ่านมา“น่าจะอยู่ที่แปลงนะนาย เพราะผมยังไม่เห็นคุณเขาออกมาเลย”“ทำไมยังไม่มาอีกวะ นี่มันจะบ่ายแล้วนะ” พูดพลางยกแขนขึ้นดูเวลาจากนาฬิกาเรือนหรูของตน“โธ่นาย ก็นายบอกว่าถ้าเก็บไม่เต็มตะกร้า ห้ามออกมา แล้วก็ห้ามไปกินข้าวด้วย” ลูกน้องหนุ่มร่ายคำสั่งที่เจ้านายสั่งไว้ก่อนหน้านี้ให้ฟัง“มึงไปดูซิว่าตายรึยัง”ภาธรบอกลูกน้องคนสนิท ซึ่งก็ทำตามอย่างว่าง่าย ชายหนุ่มกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนของสรวิทที่ดังอยู่ไม่ไกล“นาย ซวยแล้วนาย” เสียงร้องตกอกตกใจทำให้ชายหนุ่มเดินไปยังต้นเสียงทันที“มึงมีอะไรวะไอ้วิท” พ่อเลี้ยงหนุ่มร้องถามโดยไม่ได้มองสถานการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย“คุณเขาเป็นลมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้นาย หน้าแดงตัวแดงหมดแล้วนาย ผมว่าอุ้ม คุณเขาไปพักใต้ต้นไม้ก่อนไหมนาย”“เออก็ดี”“ผมช่วยไหมนา
ตอนที่ 4สองสัปดาห์หลังจากที่กชสรหายป่วย ภาธรให้คนตัวเล็กทำงานในครัวกับป้าศรแทน ที่จะให้กลับไปทำงานในไร่องุ่น เพราะกลัวว่าเชลยสาวนั้นจะหนีออกจากที่นี่ บ่อยครั้งที่เธอถามเขาทุกครั้งว่าตัวของเธอนั้นจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานเท่าไร เมื่อไรจะปล่อยเธอไปสักที ไม่อยากอยู่ในนี้แบบนี้รองรับอารมณ์ใคร่ของเขาอีก วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องมารับอารมณ์ของชายหนุ่มอีกครั้งกชสรกำลังเก็บกวาดทำความสะอาดห้องครัว หลังจากที่ทำอาหารเย็นเรียบร้อย แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเสร็จดีก็มีมือใหญ่ของใครบางคนกระชากเธอจากด้านหลังอย่างแรง ทำให้มือบางที่กำลังเช็ดจานใบสวยต้องร่วงหล่นลงบนพื้นเพล้ง“โอ้ย” คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลงแล้วหันมาถามผู้มาใหม่ทันที“ทำบ้าอะไรของคุณ”“วันนี้ไปไหนมา”“วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปไหนนี่คะ” เธอตอบกลับไปตามความจริง เพราะในวันนี้ หลังจากที่ทำความสะอาดตามคำสั่งคนบ้าอำนาจตรงหน้าเรียบร้อย หญิงสาวก็เดินออกไปหาที่สงบนั่งพักผ่อนหย่อนใจให้คลายความเหนื่อยล้า จากการทำงานที่จะไม่มีเวลาได้หยุดพักตลอดทั้งวัน“ตอแหล ฉันเห็นเธอนั่งอ่อยคนงานของฉัน ที่ฉันให้ทุกคืนมันไม่อิ่มหรือยังไง” เสียงกระด้างกับแววตาดูถูกดูแค
กลางดึกของคืนวันเดียวกันร่างเล็กของกชสรยันกายขยับลุกออกจากเตียงกว้างอย่างยากลำบาก พยายามยกท่อนแขนแกร่งที่พาดเข้าที่เอวบางของเธอออกอย่างเบามือ แววตาหวานเศร้ามองคนที่หลับอย่างเหนื่อยอ่อนจากการใช้งานนางบำเรออย่างเธอ ที่แสนจะหนักหน่วงเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะก้มหยิบเศษเสื้อผ้าที่แทบจะสวมบดบังร่างกายเอาไว้แทบไม่ได้ แล้วเดินออกจากห้องนอนใหญ่ ร่างอ่อนแรงหอบกายกันบอบช้ำจากการถูกกระทำย่ำยีอย่างไร้ความปราณีกลับมาที่ห้องนอนชั้นเล็กชั้นล่างของบ้าน เมื่อก่อนห้องนี้ที่ป้าศรบอกมาเป็นห้องของแม่บ้านเก่า แต่ตอนนี้ทุกคนได้ย้ายไปอยู่อีกเรือนที่ชายหนุ่มนั้นสร้างเอาไว้และสั่งไม่ให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายภายในบ้านหลังจากที่ทำความสะอาดหรือเตรียมอาหารในแต่ละมื้อเรียบร้อยก็แยกย้ายกลับไปพักภายในบ้านหลังใหญ่มีเพียงแค่เธอกับเขาเท่านั้น คนอื่นอาจจะมองว่าเธอเป็นเพียงคนงานคนหนึ่งของไร่เขา แต่คำจำกัดความของเธอที่ชายหนุ่มนั้นมอบให้คือ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น คนตัวเล็กนั่งทิ้งกายลงบนเตียงเก่า ๆ อย่างอดสู บอกกับตัวเองเสมอว่าเมื่อไรเธอจะได้ออกไปจากที่นี่ ต้องทนรับโทษทัณฑ์ในสิ่งที่ตนไม่ได้ทำวันหนึ่งภาธรเดินเข้ามาคุยกับเธอ
บทที่ 2“เฮ้ย อัทธ์ทำไมวันนี้มึงดูเครียดจังวะ”น้ำเสียงอันคุ้นเคยที่ไม่บอกก็รู้ว่าใครทำเอาคนที่นั่งดื่มเหล้าท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มภายในร้านต้องเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทของตนโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว“มึงมาช้าชิบหายเลยว่ะ” เทวาเพื่อนอีกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับอัทธ์ตั้งแต่แรกระหว่างรอเจ้าของร้านผู้ที่เข้ามาใหม่“โทษทีลงมาช้าบัญชีที่ร้านมีปัญหานิดหน่อย”ธันว์บอกแล้วหย่อยกายนั่งที่โซฟาพร้อมทั้งหันไปบอกพนักงานชงเครื่องดื่มได้เลย แล้วหันไปคุยกับคนที่นั่งอยู่ก่อนหน้าเขา “ว่าแต่มึงเป็นอะไรกินเอากินเอา กลุ้มใจอะไรหรือเปล่าวะ” ธันว์เพื่อนสนิทซึ่งเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ถามอีกครั้งเพราะทาท่างของชายหนุ่มดูเคร่งเครียดผิดหูผิดตา มันยิ่งหน้านิ่งอยู่แล้ว พอมาอารมณ์นี้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก“มึงอย่าไปถามมันเลย ตั้งแต่มานั่งกูถามจนไม่รู้จะถามยังไงล่ะ” เทวาบอกอย่างปลง ๆเทวากระดกเครื่องดื่มที่พนักงานส่งให้เสื่อครู่ไปเล็กน้อย ใบหน้าคมของเขาขมวดคิ้วราวกับนิดเรื่องอะไรบางอย่างได้ขึ้นมาก่อนถามขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังก้อง “ได้ข่า
บทที่ 1“ยัยนิลเอาอีกแล้วนะแก”“ขอโทษทีนะ ช้าไปหน่อย”เสียงหวานใสยังคงเป็นแบบฉบับของ สริตาบอกเพื่อนอย่างรู้สึกผิดที่ให้อีกฝ่ายรอนาน เกินควรเพราะเธอดันลืมของสำคัญก่อนจะเอามาประชุมเสียอย่างนั้น จึงต้องเสียเวลาย้อนกลับไปเอาอีกครั้ง ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินไปหาเพื่อนร่วมงานที่กำลังรออยู่นั้นกลับพบชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง ที่เพียงเดินผ่านเธอก็ยังจำเขาได้ คนที่เธอรักหมดใจ“เป็นอะไรไป เจอคนรู้จักเหรอ” เพื่อนร่วมงานถามด้วยความเป็นห่วงและสงสัย เมื่อคนที่เดินมาใบหน้าเครียดราวกับเจออะไรที่ไม่สบายใจเสียอย่างนั้น“เปล่าหรอกไม่มีอะไร เราไปเถอะ”หญิงสาวบอกปัดออกไปเพื่อไม่ให้เพื่อนสนใจเรื่องของตน ก่อนจะผลักเพื่อนให้เดินไปข้างหน้า พลางสอดส่ายสายตาของเธอหันหลังกลับไปมองเพราะคิดว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ที่เดิมแต่กลับไม่พบชายหนุ่มคนนั้น“นี่ยัยนิล เมื่อกี้นี้เจออะไรมาเหรอ สายตาดูกลัว ๆ” เพื่อนร่วมงานยังคงสงสัยในท่าทางที่แปลกไปของเพื่อน“เปล่าหรอกไม่มีอะไร ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวก็ถึงเวลาประชุมแล้ว” สริตาบอกพลางวางกระเป๋าลงบนโ
บรรยากาศงานแต่งงานที่แสนหวานของคุณหนึ่งกับเม็ดทรายถูกจัดขึ้นริมทะเลในโทนสีขาวสะอาดตา ซุ้มสำหรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกจัดขึ้นและตกแต่งด้วยไม้ประดับคาดด้วยผ้าสีขาวผืนใหญ่ ที่พลิ้วไสวในยามที่สายลมพัดผ่านมากระทบ ด้านหน้าซุ้มมีดอกไม้ประดับนานาชนิดวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า"งานแต่งของคุณหนึ่งกับยัยทรายสวยจังเลยค่ะพี่ชล" พนิตามองภาพตรงหน้าที่ทุกคนกำลังเดินไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว"แล้วงานแต่งของเราอยากได้แบบไหน พี่จัดการให้นิตาได้ทุกอย่าง"ชลธรตอบกลับภรรยาสาวพร้อมทั้งโอบกระชับไหล่มนของเธอให้แนบชิดตัวเขาเบา ๆ"แบบไหนก็ได้ ขอเรียบง่ายก็พอค่ะ" ตอบยิ้ม ๆ ก่อนชวนสามีไปร่วมยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องตลอดงาน ทุกคนต่างสนุกสนานไม่แพ้เจ้าบ่าวเจ้าสาวของงานเลย หนุ่ม ๆ คนรักของเหล่าห้าสาวนั่งมองคนรักที่เต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงไม่วางตา"ไม่ไปเต้นหน่อยเหรอครับคุณนิตา" ฟีนิกซ์ถามคนรักของเพื่อนที่นั่งยิ้มกับความสนุกตรงหน้า พนิตายังไม่ทันที่จะอ้าปากตอบ เจ้าสาวคนสายผู้ที่เด่นที่สุดในงานก็เดินเข้ามาชวนให้ไปสนุกด้วยกัน"นิตาไปเต้นด้วยกันสิ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป พนิตายังคงอยู่ห้องที่ตัวเองซื้อเช่นเดิมเพิ่มเติมคือสามีสุดหล่ออย่างชลธรมาอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย อาจเป็นเพราะเขาชวนเธอกลับไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของเขาด้วยกันแต่หญิงสาวปฏิเสธ จึงได้พาตัวเองมาอยู่กับเธอที่นี่แทน ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขารอให้บ้านหลังใหม่ที่กำลังเร่งสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ เตรียมพร้อมที่พวกเขาจะย้ายเข้าไปอยู่ในปีหน้าและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นที่นั่นด้วยที่พนิตาเรียกเขาว่าสามีได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เมื่อสามวันก่อนชายหนุ่มรอไม่ไหวที่จะให้ถึงวันแต่งงานที่ยังไม่ได้ฤกษ์งามยามดี ด้วยความใจร้อนจึงพาเธอไปจดทะเบียนสมรสเสียก่อน ครั้นถ้าเธอไม่ยอมชลธรก็หาวิธีและคำพูดมาโน้มน้าวให้คล้อยตามจนได้"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณสามีขาตื่นแล้วเหรอคะ" พนิตาทักทายสามีเสียงหวาน มือบางจับตะหลิวและด้ามของกระทะเทฟล่อนเตรียมอาหารเช้าให้เขาได้ทานก่อนออกไปทำงานหญิงสาวตักอาหารเช้าที่เธอทำได้ในตอนนี้มีเพียงข้าวผัดธรรมดาที่ง่ายแสนง่ายเท่านั้น หากทำเมนูอื่นคงต้องวิ่งอาเจียนอีกเป็นแน่"ตื่นแล้วจ้าเมียจ๋า" ว่าแล้วก็รีบเดินมาสวมกอดภรรยา
เจ้าของร่างเล็กกำลังง่วนและวุ่นวายอยู่กับการจัดตู้เย็นให้เป็นระเบียบเรียบร้อยดูสะอาดตา ให้เหมือนกับคลิปที่เธอเปิดดูผ่าน ๆ แล้วเห็นว่ามันเพลินดี จึงอยากลองทำดูบ้างในระหว่างรอชลธรที่ถือวิสาสะเข้าไปอาบน้ำราวกับว่าห้องนี้เป็นห้องของเขาแต่คนตัวเล็กกลับไม่รู้เลยว่าคนที่เธอเพิ่งอาบน้ำเสร็จหมาด ๆ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวของพนิตาพันรอบเอวสอบหมิ่นเหม่เท่านั้น เดินออกมาหยุดดูคนตัวเล็กที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น เวลาก้มลงหรือนั่งย่อ ๆ เพียงนิดเดียว ก็เผยแก้มก้นขาวเนียนที่เขาโปรดปรานและหลงใหลเป็นที่สุด"เสร็จสักที ปวดหลังไปหมด"ร่างเพรียวยืนขึ้นเต็มความสูงยกแขนทั้งสองเหนือศีรษะบิดไปมาให้คลายอาการปวด ทว่ากลับสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง"ปวดหลังเหรอ... ผมนวดให้เอาไหม" บอกกับคนตัวเล็กเสียงแหบพร่าลมหายใจร้อนผ่าวรดต้นคอ ทำเอาพนิตาต้องเอี้ยวตัวหันหน้ามาเผชิญกับเขา"ไม่ต้องดีกว่าค่ะ กลัวจะไม่ใช่เเค่นวดน่ะสิคะ" พนิตาว่าอย่างรู้ทัน คนอย่างเขาเนี่ยน่ะหรือจะนวดให้เธอไม่มีทาง“แล้วจะใ
ช่วงสายของวันถัดมาเป็นวันที่พนิตาและเหล่าแก๊งเพื่อนสาวของเธอได้มาปาร์ตีฉลองบ้านใหม่ของหญิงสาวตามที่ได้นัดกันไว้ เจ้าของบ้านคนสวยตื่นจัดเตรียมบ้านให้พร้อม เพราะเริงใจพี่ใหญ่ของแก๊งไลน์เข้ามาบอกว่าอาหารกลางวันไม่ต้องเตรียมเดี๋ยวจะซื้อเข้าไปเอง รอให้พนิตาทำให้ทานตอนเย็นทีเดียวจะได้คุยกันนาน ๆ หน่อย อีกอย่างวันนี่เป็นวันหยุดจะได้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรแต่ยังไงก็ตามเถอะต่อให้บอกว่าไม่ต้องทำของคาวก็ไม่เป็นไรเธออยากจะทำของหวานให้เพื่อนลองชิม เพราะการทำอาหารหรือทำขนมมันเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเธอ เพื่อนของพนิตารู้ว่าเธอชอบทำอาหารแต่คงไม่รู้ว่าทำขนมได้ด้วย"ทำอะไรให้กินเล่นดีนะ" คนตัวเล็กขบคิดถึงเมนูที่ตนกำลังจะทำให้เพื่อนได้ลิ้มลอง“บราวนีเนี่ยแหละเหมาะสมที่สุด” พนิตาพูดออกมาอย่างดีใจเมื่อตนเลือกเมนูขนมได้แล้ว บ่นพึมพำไปพลางเปิดหารายการขนมผ่านยูทูบไปเรื่อย ๆจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ 'บราวนีมินิ' ชิ้นเล็กพอดีคำ แต่ตอนทำเธอต้อง ลดน้ำตาลลงเสียหน่อย หากหวานไปเพื่อนสาวเธอไม่กินแน่นอน อะไรที่มีน้ำตาล ไขมันเยอะ จะไม่มีทางอยู่ในกระเพาะของพวกเขาได้&nbs
เกือบสามสัปดาห์ผ่านมาแล้วที่พนิตาย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมแห่งใหม่ และยังไม่ลืมที่จะส่งข้อความกลับไปหาเพื่อนสาวทั้งห้าอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้เพื่อนเป็นห่วงจนกังวลเช่นที่เธอเคยหายไม่ตอบกลับหลายวันเหมือนครั้งก่อนอีก ในที่สุดหญิงสาวก็ตัดสินใจบอกที่อยู่ใหม่ของเธอให้กับเพื่อนได้รับรู้ ห้าสาวแสนสวยต่างลงความเห็นว่าอยากจะมาเห็นห้องพักใหม่ของเพื่อนในวันนี้ แต่ว่าพนิตา ขอเลื่อนไปเป็นวันพรุ่งนี้แทน พร้อมทั้งบอกว่าไม่อยากให้มาวันนี้ เพราะเป็นวันทำงานเอาเป็นวันพรุ่งนี้ที่เป็นวันหยุดจะดีกว่าเม็ดทราย : ได้ตกลงพรุ่งนี้ก็ได้เม็ดมุก : แต่แกต้องทำของอร่อยไว้ให้พวกฉันกินด้วยนะพนิตา : เอาสิจัดให้ชุดใหญ่เลยที่รัก : น่ารักที่สุดพนิตา : งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะพนิตาส่งข้อความไลน์ไปหาเพื่อนพร้อมทิ้งท้ายด้วยสติกเกอร์รูปผู้หญิงโบกมือบ๊ายบายด้วยความลั้ลลา ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า แล้วเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายยาภายในห้างสรรพสินค้าอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวถอนหายใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาเภสัชกรที่ยืนประจำการคอยให้คำปรึกษาอยู่ทันที"สวัสดีค่ะรับยาตัวไหนคะ"
La La Carte (อะ ลาคลาส)ห้องวีไอพีในคลับหรูของฟีนิกซ์ หลังจากจัดการงานเอกสารเรียบร้อยมาเฟียหล่อเจ้าของที่นี่ก็เดินเข้ามาสมทบกับเพื่อน ทว่าภายในห้องที่คิดว่าเพื่อนและเหล่าคนรักของพวกมันจะยังมาไม่ครับก็ผิดคาดเพราะทุกคนต่างนั่งอยู่กันเป็นคู่ แต่ไม่ใช่กับชลธรที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะและดื่มเหล้าอย่างไม่สนใจใคร"ไอ้ชลเป็นอะไรวะ แดกเอาแดกเอา" หนึ่ง อรรถพลถามขึ้นหลังจากที่เขานั่งมองตั้งแต่เข้ามาในห้องพร้อมกับเม็ดทรายเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนก็เห็นนั่งดื่มอยู่แบบนี้ไม่พูดไม่จา"มึงเป็นอะไรวะ อกหักรักคุดตุ๊ดเมินหรือไง" กศิดิธแซวขำเพื่อให้บรรยากาศไม่มาคุจนเกินไป"เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร" เขาตอบเพียงแค่นั้น"นิตาไปไหนเนี่ย... โทรหาก็ไม่รับสาย" ตองเก้าหันไปถามเม็ดทรายหลังจากที่พยายามต่อสายหาพนิตาตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้เพื่อนยังไม่รับสาย"ไม่รู้เหมือนกันติดต่อไม่ได้เลย""ไลน์ไปหาหรือยัง" เม็ดมุกถามขึ้นทั้งที่ยังกอดแขนของกศิดิธไว้ด้วย"ฉันไลน์ไปแล้วทั้งในกลุ่มแล้วก็ไลน์ส่วนตัวก็ไม่ตอบ" เม็ดทรายบอกไปตามจริงเพราะเท่าที่เห็นจำนวนคนอ่านมันขาดไปคนห
เช้าที่สดใสผสมผสานกับบรรยากาศริมทะเลที่เย็นสบาย ทำให้พนิตาตัดสินใจลุกขึ้นมาเดินทอดน่องยืดเส้นยืดสายให้คลายความเมื่อยขบตามร่างกายที่แทบจะไม่ได้พักตลอดการมาที่ภูเก็ตกับชลธร กลางวันออกไปเที่ยวชมเมืองถ่ายรูปสถานที่สำคัญพร้อมทั้งกินอาหารขึ้นชื่ออร่อย ๆ แต่พอตกเย็นเป็นไม่ได้ต้องหาข้ออ้างทำเรื่องอย่างว่ากับเธอทุกทีเขาไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไงแต่เธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยมากวันนี้พนิตาสวมชุดเดรสยาวคลุมเท้าสายเดี่ยวลายลูกไม้ฮาวายสุดฮิต ศีรษะเล็กบดบังแสงแดดจากหมวกสานสีขาวมีโบสีดำเล็ก ๆ ตรงกลาง สวมรองเท้าแตะเข้าชุด ผสมกับการแต่งหน้าอ่อน ๆ ไม่ว่านักท่องเที่ยวหรือคนที่ผ่านไปผ่านมาก็ต้องเหลียวมองความสวยของเจ้าของร่างเพรียวริมฝีปากเล็ก ๆ อ้าปากหาวหวอด ๆ คล้ายกับว่าตนยังนอนไม่เต็มอิ่ม จึงตัดสินใจเดินไปหากาแฟดื่มให้หายง่วงเสียหน่อย ทันทีที่ได้อเมริกาโน่เย็นเข้ม ๆ หอม ๆ ไม่มีน้ำตาลรสชาติที่เธอต้องการแล้ว จึงเดินไปนั่งโต๊ะไม้ริมระเบียงมองวิวท้องทะเลสีฟ้าครามด้วยความสบายตา โชคดีหน่อยที่วันนี้แสงแดดไม่ได้ร้อนมากมายนัก เธอเลยเลือกนั่งบริเวณนี้ ก่อนจะเรียกพนักงานมาสั่งอ