ตำหนักเต๋อหยวน
“นั่นใคร!”
ผู้ที่ซ่อนอยู่เงามืดมิได้เปล่งเสียงตอบกลับ แต่ทว่ากลับพุ่งเข้ามาถึงตัวขององค์หญิง “จ้าวอันหลิน” ทันที โดยที่นางไม่ทันได้ระวังตัว ในตำหนักว่างเปล่าไร้ผู้คน วันนี้ในวังจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผู้มาเยือนจากต่างแคว้น
“อันหลินของข้า… เจ้าลืมแม้กระทั่งคนที่เคยเคียงข้างยามนิทรา ในทุกค่ำคืนไปได้อย่างไรกัน”
“อวี้หยาง! ไม่สิท่านมิใช่อวี้หยาง… ปล่อยข้านะ!”
หากแต่ว่าผู้ที่กอดนางอยู่ กลับไม่ยอมปล่อย เมื่อนางเริ่มขัดขืนเขาก็รัดนางแน่นยิ่งขึ้น หลินอันทั้งโกรธและโมโห ไม่คิดว่าเขาจะหนีออกมาจากงานเลี้ยง และตามนางมาถึงในตำหนักนี้
“ฮึก!… อันหลินเจ้าจะยั่วข้างั้นหรือ”
นางกัดไปที่แขนของผู้บุกรุกเต็มแรง เขามิได้ตอบโต้แต่อย่างใด กลับยืนให้นางกัดเฉย ๆ จนพอใจ จนนางปล่อยและผลักเขาออกไปได้สำเร็จ
“ออกไป! มิเช่นนั้นข้าจะเรียกคนมาช่วย”
“เอาสิ เช่นนั้นเจ้าก็เรียกเลย แต่คงจะยากสักหน่อยนะ เพราะว่าคนอื่น ๆ ในตำหนัก… น่าจะหลับไปหมดแล้ว”
“ท่านจะทำอะไร นี่ท่าน! วางยาพวกเขางั้นหรือ”
"จ้าวอันหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าจากกันไม่นาน เจ้าก็จะหลงลืมข้า และคิดที่จะไปแต่งงาน กับเจ้าแม่ทัพหน้าเครียดผู้นั้น ทำไมหรือ มีข้าเอาไว้อุ่นเตียงเพียงคนเดียว องค์หญิงยังไม่พอใจอีกหรืออย่างไร”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือบางฟาดไปที่ใบหน้าคมคาย ดุจหยกประดับตรงหน้า แม้แต่ในความมืด ก็มิอาจปิดบังความรูปงามของคนตรงหน้าไปได้ “หรงอวี้หยาง” ผู้ที่พึ่งถูกตบ ลูบไปที่ใบหน้าของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองนาง
“น้ำหนักมือไม่เลว เจ้าเลิกเสแสร้งเป็นสตรีอ่อนแอ ที่โง่เขลาเอาแต่เมามาย เสพกามารมย์แล้วงั้นหรือ”
“ข้าจะฆ่าท่าน”
“เช่นนั้นก็เอาสิ! เจ้าเคยฆ่าข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้ข้ามาให้เจ้าฆ่าถึงที่ หากว่ายังไม่ลงมือ เช่นนั้นก็จะใช้วิธีของข้า ทำให้เจ้าจดจำว่า… ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของเจ้า!”
“อย่านะ! ปล่อยข้านะ ไม่นะ!”
เขารวบร่างขององค์หญิง ขึ้นมาพาดบ่าและพาไปที่เตียงทันที ทั้งตำหนักเงียบสงบ เสียงบรรเลงดนตรีจากท้องพระโรงกลาง ยังคงดังมาตามสายลม แต่ที่ “ตำหนักเต๋อหยวน” แห่งนี้ กลับไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิง กำลังรับบทรัก จากอดีตที่ปรึกษาชาย อย่างหรงอวี้หยางอย่างดุเดือด จนตำหนักแทบจะลุกเป็นไฟ
“อื้อ… ปล่อยข้านะ!”
“ปล่อยงั้นหรือ เมื่อก่อนผู้ใดกันที่เรียกหาข้าทุกค่ำคืน ให้ข้ามานอนข้าง ๆ นิทราภายใต้ผ้าห่มอุ่นผืนเดียวกัน ผู้ใดที่เรียกร้องให้ข้ากอดกลางค่ำคืนวสันต์ มิใช่เจ้าหรอกหรือ ข้าอยากจะรู้นักว่า หากเจ้าแม่ทัพผู้นั้นรู้ว่า คนที่กำลังจะหมั้นหมายกับเขา เป็นสตรีของชายอื่น เขาจะยังกล้าแตะต้องผู้หญิงของข้าอีกหรือไม่!”
“ท่านมันบ้าไปแล้ว”
“ใช่แล้วเจ้าพูดถูกต้องเลยองค์หญิง ข้าคงจะบ้าไปแล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้า และวันนี้ข้ามาทวงตำแหน่งของข้าคืน มองข้าสิอันหลิน ข้ามิใช่อวี้หยางของเจ้าหรอกหรือ”
“ท่านมิใช่… ตอนนี่ท่าน อ๊าา!!”
แควก!
ลิ้นหนากดลงไปที่หน้าอกอวบนุ่ม และเริ่มดูดกลืนเบา ๆ อันหลินบิดเร่าเพราะความเสียว นางมิอาจต้านทานเขาได้ อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกฉีกทึ้ง และโยนออกนอกม่านเตียง ที่ครั้งหนึ่งเขาและนาง ได้ท่องบทรักยามราตรี ร่วมคืนวันอันแสนหวาน ภายใต้อ้อมกอดของกันและกัน
“ท่านอย่านะ ข้ากำลังจะ…”
“หุบปาก! ที่ข้ากลับมาที่นี่ก็เพื่อ ทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง หากเจ้ายังกล้าเอ่ยนามชายอื่นต่อหน้าข้า ค่ำคืนนี้ข้าจะทำให้เจ้ามั่นใจได้ว่า นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เจ้าจะได้ทำ”
“อ๊าา!!”
แท่งร้อนที่เต็มไปด้วยโทสะ และแรงหึงหวงของหรงอวี้หยาง สอดเข้าไปเต็มแรงในร่องรักที่คุ้นเคย เขารู้ดีว่านางเองก็ไม่เคยลืมเขา เมื่อเริ่มขยับ จากที่นางขัดขืน ก็เริ่มโอบกอดเขา ไม่ต่างจากวันวานที่เคยอยู่ร่วมกัน
“อวี้หยาง…”
“อาา ข้ามาแล้ว อันหลิน เจ้าเป็นของข้า….”
เสียงขย่มเตียง และกล้ามเนื้อกระทบกันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งตำหนักถูกสะกดด้วยไฟปรารถนาที่ลุกโชน ควบคู่กับแรงโทสะของท่านอ๋อง ซึ่งหายหน้าไปเกือบสามเดือน…..
เจ็ดเดือนก่อน / ตำหนักเต๋อหยวน
“องค์หญิงเพคะ”
“เจาอินข้าบอกเจ้าแล้วว่า อย่าวิ่งเข้ามาในตำหนัก มีอะไรก็รีบพูดมา อย่ามารบกวนการฟังผีผาของข้า”
“เจาอิน” สาวใช้คนสนิทขององค์หญิง รีบเดินเข้ามาและกระซิบบางอย่าง เพื่อมิให้เหล่านักดนตรี ที่องค์หญิงพาเข้าวังมาได้ยิน เมื่อเจาอินพูดจบ อันหลินก็เบิกตากว้างและหันมายิ้ม
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนเพคะ เห็นบอกว่าวันนี้ จะเริ่มทำการแสดงวันแรก หากว่าองค์หญิงสนใจ…”
“รีบให้คนไปเตรียมรถม้าสิ รออะไรกันเล่า”
“องค์หญิง ข้าน้อยยังบรรเลงไม่จบเพลงเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ จื่อฟาน พวกเจ้าไปพักก่อนเถอะ ข้ามีธุระด่วนต้องรีบไป ข้าไปก่อนนะ”
“อ้าว… ไปเสียแล้ว”
“เอ้านี่ รางวัลของพวกเจ้า เช่นนั้นวันนี้ก็กลับไปที่คณะสังคีตของพวกเจ้าก่อน หากองค์หญิงเรียกหา ข้าจะให้คนไปเรียก”
""ขอบคุณกงกง""
ซานกงกงหันไปหยิบถุงเงิน ให้กับนักดนตรีชายทั้งห้าคน ที่มาเล่นดนตรีให้องค์หญิงฟัง พวกเขารับถุงเงิน และเก็บของกลับไปทันที แต่ละคนพอจะเดาออกว่าองค์หญิงจะไปที่ใด
“คงไปที่ “หอหรูเยว่” อีกตามเคย”
“เจ้ายังจะเดาอีกหรือ องค์หญิงรีบไปขนาดนั้น จะเป็นที่ใดได้กันเล่า”
“หึ สตรีที่เอาแต่เที่ยวเล่น โง่เขลาไร้ปัญญาเช่นนางจะทำอะไรได้ นอกจากเที่ยวสำราญไปวัน ๆ”
“เจ้าอย่าได้พูดเช่นนั้นไปเสี่ยวจง หากผู้ใดได้ยินเข้ามันจะไม่เป็นผลดี อีกอย่างเงินที่นางให้พวกเราก็มิใช่น้อย รายได้ดีกว่าไปบรรเลงที่งานท้องพระโรงเสียอีก”
“นั่นก็ใช่ แต่ข้าไม่เห็นว่า นอกจากฟังดนตรีและหาบุรุษมาปรนนิบัติ องค์หญิงผู้นี้ก็แทบจะไม่เอาการเอางานเลย ทั้ง ๆ ที่องค์ไท่จื่อ คุมกองทัพอยู่นอกเมือง”
“แต่นางเป็นสตรีอ่อนแอ ไม่เอาไหนเช่นนั้น เจ้าว่านางจะช่วยอะไรองค์ไท่จื่อได้เล่า”
“ก็นั่นสินะ ไปเถอะ”
ในสายตาของทุกคนในเมืองเสิ่นตู จ้าวอันหลิน องค์หญิงรองของแคว้นอวิ๋น มิได้ต่างกับสตรีไร้ค่า ที่วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นตามหอคณิกาชายหรือไม่ก็โรงสุรา เพื่อกินดื่มและเที่ยวเล่น แม้ว่าจะเป็นธิดาของฮองเฮา และฝ่าบาท แต่นางก็มิได้ใส่ใจฐานันดรศักดิ์ และชื่อเสียงของราชวงศ์ ทำเอาคนในเสิ่นตูเอือมระอา และสิ้นหวังกับองค์หญิงของแคว้น แต่ฝ่าบาทกลับรักและเอาใจนางมาก ไม่ว่าอันหลินจะทำสิ่งใด ก็มิเคยบังคับเลยแม่แต่นิดเดียว นั่นเป็นเพราะว่า ฮองเฮาด่วนจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก
หอหรูเยว่
“องค์หญิงเพคะ ท่านนี้เพคะ”
“เยี่ยมไปเลย โต๊ะนี้เห็นชัดที่สุด”
“ข้าจองเอาไว้ให้ท่านโดยเฉพาะเลยเพคะ”
“เจาอินเจ้าทำได้ดีมาก”
ทั้งสองพร้อมกับสาวใช้อีกสองคน นั่งลงที่โต๊ะทันที พวกนางเป็นแขกประจำของหอหรูเยว่ ซึ่งเป็นหอแสดงดนตรี ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน หลังจากโรงสุราเดิมปิดตัวลง หรือใคร ๆ ต่างก็เรียกกันว่า “หอคณิกาชาย” สำหรับสตรีในเสิ่นตู ที่ต้องการหาความสำราญนอกจวน ซึ่งที่แคว้นอวิ๋น สตรีและบุรุษในแคว้นฐานะเท่าเทียมกัน การที่สตรีออกมาเที่ยวนอกจวน มิได้ถือเป็นความผิดแต่อย่างใด
“องค์หญิง ท่านมาแล้วหรือเพคะ ข้าคิดว่าท่านจะมาไม่ทันเสียแล้ว วันนี้นักบรรเลงฉินของหอหรูเยว่พึ่งจะมาใหม่ ข้าอยากจะให้ท่านเห็นก่อนผู้ใด”
“จิ้งมาม่าไม่ต้องห่วง ข้าไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว จะเริ่มหรือยังเล่า”
“เริ่มแล้ว ๆ เชิญชมได้เลยเพคะ”
เมื่อจบคำของจิ้งมาม่า ไฟประดับในหอหรูเยว่ก็ดับลงไป และม่านที่เวทีก็เริ่มเปิดออก พร้อมกับเสียงบรรเลงฉินเจ็ดสายที่ดังออกมา ทำให้จ้าวอันหลินมองตาไม่กะพริบ พลันได้เห็นบุรุษในชุดสีขาว รูปงามดุจเซียนบนสวรรค์ ผู้บรรเลงอยู่ตรงหน้า จ้าวอันหลินก็ไม่รอช้า ที่จะหันไปบอกกับสาวใช้ข้างกายในทันที
“เจาอินเจ้ารีบไปบอกจิ้งมาม่าว่า ราคาข้าไม่เกี่ยง แต่คืนนี้ข้าต้องได้บุรุษผู้นี้ กลับไปที่ตำหนักเต๋อหยวน”
เมื่อนักดนตรีบรรเลงฉินจบแล้ว องค์หญิงจึงเดินไปรอจิ้งมาม่าในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่อีกเรือนหนึ่งด้านหลังหอหรูเยว่“มาแล้ว ๆ เพคะองค์หญิง”“จิ้งมาม่า”นางหันไปมองบุรุษหนุ่มตาคม ที่เดินตามหลังจิ้งมาม่ามา เมื่อครู่ที่เห็นตอนบรรเลงฉิน คิดว่ารูปงามแล้ว แต่เมื่อมามองใกล้ ๆ จึงพบว่า เขาหล่อเหลาสะดุดตามากกว่านั้น คิ้วที่คมเข้มดุจหมึกจรด สายตาดุจเหยี่ยวที่นิ่งและมั่นคง จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้าเรียวยาวนั่น ยิ่งทำให้อันหลินจ้องไม่กะพริบตา จนสาวใช้ต้องเรียก“องค์หญิงเพคะ!”“อ๊ะ อ้อ.. เจ้ามีนามว่าอะไร”“ทูลองค์หญิง ข้าน้อยมีนามว่า… อวี้หยางพ่ะย่ะค่ะ”“อวี้หยาง เป็นนามที่เพราะมาก เจาอิน”“นี่เจ้าค่ะจิ้งมาม่า เช่นนั้นข้าขอรับตัวคุณชายอวี้ไปเลยนะเจ้าคะ”“เอ๊ะเดี๋ยวก่อนเพคะองค์หญิง ที่จริงยังมีอีกเรื่อง ที่จะต้องแจ้งให้ทราบ คือว่า…”อันหลินหันไปขมวดคิ้วให้กับจิ้งมาม่า ที่ทำท่าอึกอัก และหันไปมองคณิกาชาย ราวกับเกรงใจคนผู้นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน“ว่าอย่างไรเล่า ข้าไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะจิ้งมาม่า มีอะไรก็รีบเอ่ยมา หรือว่าห้าร้อยตำลึงนั่น ยังไม่พอสำหรับไถ่ตัวเขา”“มิได้ ๆ เพคะ เพียงแต่ว่าค
“แต่พระองค์ต้องระวังหน่อย เพราะข่าวที่รายงานบอกว่า องค์หญิงผู้นี้แม้นจะชอบคนง่าย แต่นางก็เบื่อง่ายเช่นกัน เหล่าคณิกาชายและนักดนตรีที่เข้าออกตำหนัก มีไม่น้อย แต่ว่าพวกเขาไม่เคยมีใครอยู่เกินหนึ่งเดือน”“อะไรนะ เดือนเดียวหรือ เพราะเหตุใดกัน”“เห็นว่าเป็นเพราะความรักง่ายหน่ายเร็วของนางพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านั้นดาวเด่นของหอหรูเยว่ก็เข้าวังไป นางยอมจ่ายถึงสามร้อยตำลึง เพื่อจะได้ตัวเขาไป แต่สุดท้ายก็ส่งไปที่สังนักสังคีต หลังจากนั้นเพียงสิบวัน”“สามร้อยตำลึงแลกกับสิบวันงั้นหรือ ช่างเป็นหญิงที่ใช้เงินอย่างไร้คุณค่ายิ่งนัก แล้วนาง… นอนกับพวกเขาทุกคนเลยงั้นหรือ”“เรื่องนี้…”“ช่างเถอะ ข้าจะอยากรู้ไปทำไมกัน ก็แค่สตรีไร้ค่าคนหนึ่ง ข้าเองก็ใช่ว่าจะขาดเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องห่วง เจ้ารีบจัดการเรื่องหอหรูเยว่เถอะ ข้าอยากจะเข้าวังหลวงของเสิ่นตูให้เร็วที่สุด”“หรงอวี้หยาง” องค์ชายห้าแห่งแคว้นฉิน เขาเป็นท่านอ๋องครองเมืองชิงโจว ซึ่งอยู่เมืองหน้าด่านก่อนถึงเมืองหลวง และมีเขตติดต่อกับแคว้นอวิ๋นและเมืองเสิ่นตูที่เขาลอบเข้ามาที่นี่ ก็เพื่อสืบข่าวหากบฏที่หนีจากเมืองชิงโจว มาอาศัยอิทธิพลของคนในแคว้นอวิ๋น ซึ่งคิดว่า
ไม่คิดมาก่อนเลยว่า สตรีตรงหน้าจะทำให้เขากระหายขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยต้องการเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าจะห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแล้วก็ตาม“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าอยากทำ องค์หญิงอย่าทำเช่นนั้นนะ!”นางเริ่มปลดสายคาดเอวออก เพราะเริ่มรู้สึกร้อน แต่อวี้หยางกลับพยายามดันนางออก อาการของนางคล้ายกับคนเมายาปลุกกำหนัด แต่เขาคิดว่า นางคงจะแค่ร้อนเพราะดื่มสุราเข้าไปมากเท่านั้นเอง“องค์หญิง! แย่แล้ว ๆ เมาทีไรเป็นเช่นนี้ทุกทีเลย”ซานกงกงพยายามดึงตัวนาง ออกมาจากอวี้หยาง แต่องค์หญิงเกาะแน่นและไม่ยอมปล่อย เขาจึงหันมาบอก“ไม่เป็นไร พวกท่านทิ้งเอาไว้เถอะ ข้าจัดการเอง”“แต่ว่าองค์หญิง ไม่เคยให้ผู้ชายเช็ดตัวให้ ข้าเองดีกว่าเจ้าค่ะ คุณชายแค่พยายามดึงองค์หญิงออกมาก็พอ”“อะไรนะ เอ่อ... หากเจ้าว่าเช่นนั้นก็ได้”เขาพยายามดึงตัวนางออก เมื่อองค์หญิงยอมปล่อยจึงค่อย ๆ จัดท่าให้นางใหม่ และลุกขึ้นมาทันที เขาสังเกตว่าทั้งสองคนไม่กล้ามองหน้าเขา และหลบสายตาทันที ซึ่งเขาเองก็แปลกใจ“เอ่อ เช่นนั้นที่เหลือพวกท่านก็จัดการเถอะ”“เชิญคุณชายกลับไปพักก่อนเถอะขอรับ”“เช่นนั้นหากมีอะไรก็เรียกก็แล้วกัน”กงกงเพียงแค่พยักหน้ารั
อันหลินไม่ทันจะได้ปฏิเสธ เขาก็จับปลายคางนาง และให้ผ้าในมือซับน้ำรอบ ๆ ริมฝีปากนางอย่างเบามือ สัมผัสนั้นกลับทำให้นางรู้สึก ราวกับมีไฟผ่านไปทั่วทั้งร่าง มันทั้งดึงดูดและร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว อย่างบอกไม่ถูก“เสร็จแล้ว”“อ้อ… ขอบใจเจ้ามาก”“อยากไปฟังข้าบรรเลงฉินแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”“ไปสิ”เขาพานางมาที่สวน ซึ่งจัดเอาไว้เพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะ ปกติบริเวณนี้ จะมีนักดนตรีหลายคนที่มาบรรเลงดนตรีให้นางฟัง แต่ตอนนี้ทั้งตำหนักดูเหมือนว่า จะเหลือเขาเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ถูกส่งไปที่กรมสังคีตทั้งหมด“เริ่มเลยสิ ข้าอยากจะฟัง”เขาพานางมานั่งที่เตียง และเดินไปที่ฉินตัวใหม่ ซึ่งองค์หญิงสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ“รางวัลของเจ้า เมื่อวานนี้ซานหูบอกข้าแล้วว่า เจ้าเป็นคนอุ้มข้ากลับมา เร็วเข้าสิ ข้ารอฟังแทบไม่ไหวแล้ว”สายตานางยั่วยวนเขา จนเริ่มคอแห้งอีกครั้ง นางเอนกายพิงกับหมอนบนตั่งสูง และจิบชาเพื่อฟังเขาบรรเลงเพลงให้ฟัง เมื่อเริ่มบรรเลง นางก็เคลิ้มไปกับดนตรี พร้อมกับเสียงน้ำตกเล็ก ที่ไหลผ่านกระทบกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคนสวนจัดเอาไว้ เสียงเพลงที่ผ่อนคลายทำให้นางยิ้มออกมาได้“นานแล้วที่มิได้ฟังฉินที่ไพเราะเช่นนี้ จริ
อันหลินไม่ทันจะได้ปฏิเสธ เขาก็จับปลายคางนาง และให้ผ้าในมือซับน้ำรอบ ๆ ริมฝีปากนางอย่างเบามือ สัมผัสนั้นกลับทำให้นางรู้สึก ราวกับมีไฟผ่านไปทั่วทั้งร่าง มันทั้งดึงดูดและร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว อย่างบอกไม่ถูก“เสร็จแล้ว”“อ้อ… ขอบใจเจ้ามาก”“อยากไปฟังข้าบรรเลงฉินแล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ”“ไปสิ”เขาพานางมาที่สวน ซึ่งจัดเอาไว้เพื่อฟังดนตรีโดยเฉพาะ ปกติบริเวณนี้ จะมีนักดนตรีหลายคนที่มาบรรเลงดนตรีให้นางฟัง แต่ตอนนี้ทั้งตำหนักดูเหมือนว่า จะเหลือเขาเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ถูกส่งไปที่กรมสังคีตทั้งหมด“เริ่มเลยสิ ข้าอยากจะฟัง”เขาพานางมานั่งที่เตียง และเดินไปที่ฉินตัวใหม่ ซึ่งองค์หญิงสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ“รางวัลของเจ้า เมื่อวานนี้ซานหูบอกข้าแล้วว่า เจ้าเป็นคนอุ้มข้ากลับมา เร็วเข้าสิ ข้ารอฟังแทบไม่ไหวแล้ว”สายตานางยั่วยวนเขา จนเริ่มคอแห้งอีกครั้ง นางเอนกายพิงกับหมอนบนตั่งสูง และจิบชาเพื่อฟังเขาบรรเลงเพลงให้ฟัง เมื่อเริ่มบรรเลง นางก็เคลิ้มไปกับดนตรี พร้อมกับเสียงน้ำตกเล็ก ที่ไหลผ่านกระทบกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งคนสวนจัดเอาไว้ เสียงเพลงที่ผ่อนคลายทำให้นางยิ้มออกมาได้“นานแล้วที่มิได้ฟังฉินที่ไพเราะเช่นนี้ จริ
ไม่คิดมาก่อนเลยว่า สตรีตรงหน้าจะทำให้เขากระหายขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยต้องการเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าจะห่างหายเรื่องบนเตียงมานานแล้วก็ตาม“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าอยากทำ องค์หญิงอย่าทำเช่นนั้นนะ!”นางเริ่มปลดสายคาดเอวออก เพราะเริ่มรู้สึกร้อน แต่อวี้หยางกลับพยายามดันนางออก อาการของนางคล้ายกับคนเมายาปลุกกำหนัด แต่เขาคิดว่า นางคงจะแค่ร้อนเพราะดื่มสุราเข้าไปมากเท่านั้นเอง“องค์หญิง! แย่แล้ว ๆ เมาทีไรเป็นเช่นนี้ทุกทีเลย”ซานกงกงพยายามดึงตัวนาง ออกมาจากอวี้หยาง แต่องค์หญิงเกาะแน่นและไม่ยอมปล่อย เขาจึงหันมาบอก“ไม่เป็นไร พวกท่านทิ้งเอาไว้เถอะ ข้าจัดการเอง”“แต่ว่าองค์หญิง ไม่เคยให้ผู้ชายเช็ดตัวให้ ข้าเองดีกว่าเจ้าค่ะ คุณชายแค่พยายามดึงองค์หญิงออกมาก็พอ”“อะไรนะ เอ่อ... หากเจ้าว่าเช่นนั้นก็ได้”เขาพยายามดึงตัวนางออก เมื่อองค์หญิงยอมปล่อยจึงค่อย ๆ จัดท่าให้นางใหม่ และลุกขึ้นมาทันที เขาสังเกตว่าทั้งสองคนไม่กล้ามองหน้าเขา และหลบสายตาทันที ซึ่งเขาเองก็แปลกใจ“เอ่อ เช่นนั้นที่เหลือพวกท่านก็จัดการเถอะ”“เชิญคุณชายกลับไปพักก่อนเถอะขอรับ”“เช่นนั้นหากมีอะไรก็เรียกก็แล้วกัน”กงกงเพียงแค่พยักหน้ารั
“แต่พระองค์ต้องระวังหน่อย เพราะข่าวที่รายงานบอกว่า องค์หญิงผู้นี้แม้นจะชอบคนง่าย แต่นางก็เบื่อง่ายเช่นกัน เหล่าคณิกาชายและนักดนตรีที่เข้าออกตำหนัก มีไม่น้อย แต่ว่าพวกเขาไม่เคยมีใครอยู่เกินหนึ่งเดือน”“อะไรนะ เดือนเดียวหรือ เพราะเหตุใดกัน”“เห็นว่าเป็นเพราะความรักง่ายหน่ายเร็วของนางพ่ะย่ะค่ะ ก่อนหน้านั้นดาวเด่นของหอหรูเยว่ก็เข้าวังไป นางยอมจ่ายถึงสามร้อยตำลึง เพื่อจะได้ตัวเขาไป แต่สุดท้ายก็ส่งไปที่สังนักสังคีต หลังจากนั้นเพียงสิบวัน”“สามร้อยตำลึงแลกกับสิบวันงั้นหรือ ช่างเป็นหญิงที่ใช้เงินอย่างไร้คุณค่ายิ่งนัก แล้วนาง… นอนกับพวกเขาทุกคนเลยงั้นหรือ”“เรื่องนี้…”“ช่างเถอะ ข้าจะอยากรู้ไปทำไมกัน ก็แค่สตรีไร้ค่าคนหนึ่ง ข้าเองก็ใช่ว่าจะขาดเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องห่วง เจ้ารีบจัดการเรื่องหอหรูเยว่เถอะ ข้าอยากจะเข้าวังหลวงของเสิ่นตูให้เร็วที่สุด”“หรงอวี้หยาง” องค์ชายห้าแห่งแคว้นฉิน เขาเป็นท่านอ๋องครองเมืองชิงโจว ซึ่งอยู่เมืองหน้าด่านก่อนถึงเมืองหลวง และมีเขตติดต่อกับแคว้นอวิ๋นและเมืองเสิ่นตูที่เขาลอบเข้ามาที่นี่ ก็เพื่อสืบข่าวหากบฏที่หนีจากเมืองชิงโจว มาอาศัยอิทธิพลของคนในแคว้นอวิ๋น ซึ่งคิดว่า
เมื่อนักดนตรีบรรเลงฉินจบแล้ว องค์หญิงจึงเดินไปรอจิ้งมาม่าในห้องส่วนตัว ซึ่งอยู่อีกเรือนหนึ่งด้านหลังหอหรูเยว่“มาแล้ว ๆ เพคะองค์หญิง”“จิ้งมาม่า”นางหันไปมองบุรุษหนุ่มตาคม ที่เดินตามหลังจิ้งมาม่ามา เมื่อครู่ที่เห็นตอนบรรเลงฉิน คิดว่ารูปงามแล้ว แต่เมื่อมามองใกล้ ๆ จึงพบว่า เขาหล่อเหลาสะดุดตามากกว่านั้น คิ้วที่คมเข้มดุจหมึกจรด สายตาดุจเหยี่ยวที่นิ่งและมั่นคง จมูกโด่งได้รูปรับกับใบหน้าเรียวยาวนั่น ยิ่งทำให้อันหลินจ้องไม่กะพริบตา จนสาวใช้ต้องเรียก“องค์หญิงเพคะ!”“อ๊ะ อ้อ.. เจ้ามีนามว่าอะไร”“ทูลองค์หญิง ข้าน้อยมีนามว่า… อวี้หยางพ่ะย่ะค่ะ”“อวี้หยาง เป็นนามที่เพราะมาก เจาอิน”“นี่เจ้าค่ะจิ้งมาม่า เช่นนั้นข้าขอรับตัวคุณชายอวี้ไปเลยนะเจ้าคะ”“เอ๊ะเดี๋ยวก่อนเพคะองค์หญิง ที่จริงยังมีอีกเรื่อง ที่จะต้องแจ้งให้ทราบ คือว่า…”อันหลินหันไปขมวดคิ้วให้กับจิ้งมาม่า ที่ทำท่าอึกอัก และหันไปมองคณิกาชาย ราวกับเกรงใจคนผู้นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน“ว่าอย่างไรเล่า ข้าไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะจิ้งมาม่า มีอะไรก็รีบเอ่ยมา หรือว่าห้าร้อยตำลึงนั่น ยังไม่พอสำหรับไถ่ตัวเขา”“มิได้ ๆ เพคะ เพียงแต่ว่าค
ตำหนักเต๋อหยวน“นั่นใคร!”ผู้ที่ซ่อนอยู่เงามืดมิได้เปล่งเสียงตอบกลับ แต่ทว่ากลับพุ่งเข้ามาถึงตัวขององค์หญิง “จ้าวอันหลิน” ทันที โดยที่นางไม่ทันได้ระวังตัว ในตำหนักว่างเปล่าไร้ผู้คน วันนี้ในวังจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ผู้มาเยือนจากต่างแคว้น“อันหลินของข้า… เจ้าลืมแม้กระทั่งคนที่เคยเคียงข้างยามนิทรา ในทุกค่ำคืนไปได้อย่างไรกัน”“อวี้หยาง! ไม่สิท่านมิใช่อวี้หยาง… ปล่อยข้านะ!”หากแต่ว่าผู้ที่กอดนางอยู่ กลับไม่ยอมปล่อย เมื่อนางเริ่มขัดขืนเขาก็รัดนางแน่นยิ่งขึ้น หลินอันทั้งโกรธและโมโห ไม่คิดว่าเขาจะหนีออกมาจากงานเลี้ยง และตามนางมาถึงในตำหนักนี้“ฮึก!… อันหลินเจ้าจะยั่วข้างั้นหรือ”นางกัดไปที่แขนของผู้บุกรุกเต็มแรง เขามิได้ตอบโต้แต่อย่างใด กลับยืนให้นางกัดเฉย ๆ จนพอใจ จนนางปล่อยและผลักเขาออกไปได้สำเร็จ“ออกไป! มิเช่นนั้นข้าจะเรียกคนมาช่วย”“เอาสิ เช่นนั้นเจ้าก็เรียกเลย แต่คงจะยากสักหน่อยนะ เพราะว่าคนอื่น ๆ ในตำหนัก… น่าจะหลับไปหมดแล้ว”“ท่านจะทำอะไร นี่ท่าน! วางยาพวกเขางั้นหรือ”"จ้าวอันหลิน คิดไม่ถึงเลยว่าจากกันไม่นาน เจ้าก็จะหลงลืมข้า และคิดที่จะไปแต่งงาน กับเจ้าแม่ทัพหน้าเครียดผู้นั้น ทำไมหรือ