หวังฉือกล่าวด้วยความเคร่งขรึม "ข้ารู้สึกว่ามันผิดปกติไปหมดทุกอย่าง หากจดหมายเป็นของอ๋องหนิงจริง เหตุใดเขาจึงส่งจดหมายให้ข้ากับท่าน อีกทั้งยังให้เผยหยวนถวายฎีกาถอดถอนเขาต่อหน้าธารกำนัลอีก เขาทำเช่นนี้ก็เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง!"เนี่ยหงเองก็คิดมิตกเช่นกัน จึงกล่าวพึมพำ "หรือว่า… มีผู้อื่นใส่ร้ายอ๋องหนิง?"หวังฉือส่ายหน้าเล็กน้อย "ไม่มีทาง อ๋องหนิงเข้ากับคนในราชสำนักได้ทุกฝ่าย ไฉนจึงมีคนใส่ร้ายเขาเล่า"เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหวังฉือก็มืดครึ้มลง กล่าวอย่างเคร่งขรึม "หรือว่านี่จะเป็นกับดักที่อ๋องหนิงสร้างขึ้นเอง เพื่อลากองค์รัชทายาทลงมาด้วย!"เนี่ยหงถามด้วยความสงสัย "ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"หวังฉืออธิบาย "ข้าก็พูดมิถูก แต่ข้ารู้สึกว่าจุดประสงค์ของอ๋องหนิงต้องเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน"เนี่ยหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าช้า ๆ"หากท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้อ๋องหนิงเสียท่าต่อองค์รัชทายาทหลายครั้งหลายครา คนที่เขาอยากจะแก้แค้นมากที่สุดก็คือองค์รัชทายาท""น่าเสียดายที่ยามนี้พวกเรายังมิรู้ว่าอ๋องหนิงจะทำการใดต่อไป ได้แต่คอยจับตาด
หลังจากมองอีกฝ่ายเดินออกไปจนลับสายตา สีหน้าของเสียนเฟยก็แปรปรวนนางมิคิดว่าฉินอู๋ต้าวจะสงสัย นี่มิใช่ลางดีนางครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว!จากนั้นนางจึงกระซิบกับนางรับใช้ข้างกาย "ข้าจะออกจากวัง เจ้ารีบจัดการให้ข้าที!""บ่าวจะไปจัดการให้เพคะ พระสนมโปรดคอยสักครู่"นางรับใช้คำนับแล้วรีบเดินออกไปเสียนเฟยถอดชุดคลุมหงส์ออก และเปลี่ยนเป็นชุดนางกำนัลประมาณครึ่งชั่วยามต่อมาขันทีน้อยหลายคนก็แบกเกี้ยวมาที่หน้าประตูวังองครักษ์ที่เฝ้าประตูเห็นดังนั้นก็ยื่นมือออกมาขวาง"ท่านขันที ผู้ใดอยู่ในเกี้ยวหรือ?""เรียนรองหัวหน้าองครักษ์เฉิน ในเกี้ยวคือนางกำนัลคนสนิทของพระสนมเสียนเฟย นางมีธุระที่บ้าน พระสนมเสียนเฟยประทานอนุญาตให้นางออกจากวัง นี่คือป้ายประจำพระองค์ของพระสนมเสียนเฟย ขอรองหัวหน้าองครักษ์เฉินอำนวยความสะดวกด้วย"ขันทีน้อยคนหนึ่งพูดพลางยื่นป้ายประจำตัวของเสียนเฟยให้พร้อมกันนั้นก็ยัดเงินเล็กน้อยใส่มืออีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบองครักษ์มองดูแล้วก็เข้าใจความหมาย กล่าวว่า "เปิดม่านเกี้ยว ข้าจะตรวจตามระเบียบ""ขอรับ!"ขันทีน้อยเปิดม่านเกี้ยว ฝ่ายองครักษ์ก็มองเข้าไปพอเป็
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ฉางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พลันมองไปที่นอกประตูเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร เขาก็กระซิบตำหนิ "เจ้าอยากจะฆ่าพวกเราหรือไร บอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว อย่าเอ่ยเรื่องนี้ออกมา!"เสียนเฟยสะอื้นไห้ สีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อเห็นดังนั้น ฉินอู๋ฉางก็ถอนหายใจเบา ๆ ดึงนางเข้ามาสวมกอดเสียนเฟยซบไหล่เขา ร้องไห้หนักกว่าเดิมฉินอู๋ฉางปลอบโยนสองสามคำ แล้วถามว่า "เจ้ายอมเสี่ยงโดนฝ่าบาทจับได้เพื่อมาถึงที่นี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเซียวเอ๋อร์หรือ?""เขาถูกฝ่าบาทสั่งขังในคุกหลวง..."นางพูดยังมิทันจบ ฉินอู๋ฉางก็อุทาน "ว่ากระไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่!"เสียนเฟยก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหลังจากฟังนางเล่า ฉินอู๋ฉางก็ขมวดคิ้ว"ไฉนเซียวเอ๋อร์จึงได้โง่เขลาเช่นนี้ เขียนจดหมายถึงหัวหน้าชนเผ่าโครยอ เนื้อความในจดหมายยังบอกให้ลงมือกำจัดองค์รัชทายาท ซ้ำยังให้สัญญาว่าเมื่อขึ้นครองราชย์จะยกเมืองให้เขาเพื่อกอบกู้บ้านเมือง เขามิรู้หรือว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นถูกประหารชีวิต!!""แล้วเจ้ายังคิดแผนกระไรเช่นนี้ ให้คนเลียนแบบลายมือของเซียวเอ๋อร์ เขียนถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูง เจ้าคิดว่านี่จะหลอก
“ท่านฝึกฝนจนถึงขั้นได้ยอดฝีมือระดับสวรรค์แล้วหรือเพคะ?”ฉินอู๋ฉางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ถึงแม้จะพึ่งโอสถ แต่พลังของพวกเขาก็อยู่ในระดับสวรรค์จริง ๆ น่าเสียดายที่ฤทธิ์ยามิค่อยเสถียรนัก”“โอสถที่ถึงกับเพิ่มพลังถึงระดับสวรรค์ได้ ท่านได้มาจากที่ใดกัน?”เสียนเฟยตกใจมาก แม้นางจะมิเข้าใจวรยุทธ์ แต่ก็รู้ว่าระดับสวรรค์นั้นน่ากลัวเพียงใดฉินอู๋ฉางกล่าวอย่างภาคภูมิ “แน่นอนว่ามาจากเงื้อมมือของปราชญ์โอสถแห่งหุบเขาเทพโอสถ!”“ว่ากระไรนะ?! เทพโอสถก็อยู่ที่นี่กับท่านงั้นหรือ?”“ถูกต้อง ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน เขาก็ถูกข้าจับตัวมาปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ์ให้กับข้าลับ ๆ”เสียนเฟยจึงเอ่ยพึมพำ “มิน่า ที่งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เทพโอสถจึงมิปรากฏตัว เมื่อต้นปีเขาเคยบอกว่าจะถวายโอสถอายุวัฒนะแก่ฝ่าบาทในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของไทฮองไทเฮา ต่อมาฝ่าบาทส่งคนไปตามหาเขาก็หาได้มีข่าวคราวไม่ นึกมิถึงว่าจะถูกท่านจับตัวไว้!”“หึ ในใต้หล้านี้มีโอสถอายุวัฒนะเสียที่ไหน ข้าว่าฉินอู๋ต้าวเป็นจักรพรรดิจนสมองเลอะเลือนไปแล้ว เมื่อข้าฝึกฝนยอดฝีมือระดับสวรรค์ได้มากพอ ข้าจะบุกเข้าวัง บีบให้ฉินอู๋ต้าวสละราชสมบัติ!
เห็นเพียงร่างทั้งสองที่พุ่งเข้ามาดุจลูกธนู แต่เมื่อมาถึงกลางทาง ร่างกายก็แข็งทื่อ ล้มลงมาจากอากาศเมื่อเห็นภาพนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง!เมื่อครู่พลังที่ระเบิดออกมาจากร่างทั้งสองนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแต่บัดนี้พวกเขากลับล้มลงกับพื้น เกิดอันใดขึ้น?ท่ามกลางสายตาที่งุนงงของทุกคน ร่างกายของคนทั้งสองก็เริ่มพองตัวอย่างรุนแรง แม้แต่อาภรณ์ก็เริ่มขาดวิ่น!เมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูก็สั่ง “หลบ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกถึงลางร้าย รีบหลบหลังหินก้อนใหญ่ข้างทางหลังจากที่พวกเขาหลบได้ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง ‘เปรี้ยง เปรี้ยง’ สองครั้ง!จากนั้นก็มีลมพายุพัดผ่านไป ฝุ่นและหินปลิวว่อนไปทั่วครู่ต่อมา ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็ออกมาจากหลังก้อนหินเห็นเพียงพื้นดินที่คนทั้งสองอยู่เมื่อครู่ ถูกระเบิดเป็นหลุมสองหลุมรอบ ๆ หลุมเต็มไปด้วยเศษเนื้อและแขนขา น่าสยดสยองถานเหวยและคนอื่น ๆ ที่มิเคยเห็นความโหดร้ายของสงคราม ก็พลันท้องไส้ปั่นป่วนและอาเจียนมิหยุดตงฟางโซ่วพึมพำอย่างเหลือเชื่อ "เมื่อครู่สองคนนั้นระเบิดตัวเองหรือ?!""วิธีการตายน่าสยดสยองเช่นนี้ ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก พวก
ในขณะเดียวกันหวังฉือและเนี่ยหงกำลังเดินไปยังพระราชวังในขณะนั้น เสนาธิการหลิวเว่ยแห่งศาลต้าหลี่ก็วิ่งตามมา และกระซิบข้างหูหวังฉือสองสามคำ!หวังฉือถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ "จริงหรือ?"หลิวเว่ยพยักหน้าจริงจัง "จริงแท้แน่นอน คนผู้นั้นอยู่ที่ศาลต้าหลี่ของเรา!""ดี! เจ้าดูแลคนผู้นั้นให้ดี เตรียมพร้อมเข้าเฝ้าทุกเมื่อ!!"หลิวเว่ยพยักหน้าแล้วหันหลังจากไปเนี่ยหงที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความสงสัย "ใต้เท้าหวัง เกิดกระไรขึ้น?"หวังฉือแสร้งทำเป็นมีลับลมคมใน กล่าวยิ้ม ๆ ว่า "ประเดี๋ยวท่านก็รู้ วันนี้ต้องมีคนเคราะห์ร้ายแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า!"คำพูดของเขาทำให้เนี่ยหงสงสัยมากขึ้นมิว่าเนี่ยหงจะถามอย่างไร หวังฉือก็มิยอมบอกทำให้เนี่ยหงกระวนกระวายใจ มองด้วยสายตาขุ่นเคืองหนึ่งชั่วยามต่อมาพระตำหนักจินหลวนฉินอู๋ต้าวมองไปที่เฉาฉุนข้างกายเฉาฉุนจึงกล่าวเสียงดัง "ประกาศ องค์รัชทายาทเข้าเฝ้า!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขุนนางทั้งหลายก็มองไปนอกประตูสีหน้าของฉินหงและฉินหยางอึมครึมอย่างมากฉินซูเดินเข้ามาอย่างองอาจ ท่ามกลางสายตาของทุกผู้ทุกนามตอนนั้นเขาสวมชุดมังกรสี่กรงเล็บ สวมกวานทองคำสามง่ามประดับอัญมณี
หวังฉือกล่าวโดยใช้เหตุผล “ท่านอ๋องซิ่น ข้าน้อยเพียงแต่ขอให้ฝ่าบาทประทานบำเหน็จแก่องค์รัชทายาท มิได้กล่าววาจาดูหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใดแต่เป็นคำพูดของท่านเมื่อครู่ที่เป็นการยุยง ข้าน้อยเห็นว่าคนที่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายคงเป็นท่านเองมากกว่า!”ฉินหยางชี้ไปที่หวังฉือ มองอย่างโกรธเคือง “หวังฉือ เจ้าหมายความเยี่ยงไร เจ้าว่าข้ากำลังยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและองค์รัชทายาทรึ?”“ข้าน้อยมิได้กล่าวเช่นนั้น แต่จริงหรือไม่ ท่านย่อมรู้แก่ใจพ่ะย่ะค่ะ!”คำพูดของหวังฉือ ทำให้ฉินหยางโกรธจัด!เขากล่าวอย่างโกรธเคือง “เสด็จพ่อ หวังฉือเป็นเพียงตุลาการศาลต้าหลี่ แต่กล้าพูดจาสามหาวในท้องพระโรง ซ้ำยังกล่าวหาว่าลูกยุยงปลุกปั่น สร้างความขัดแย้ง ลูกขอเสด็จพ่อโปรดลงโทษเขาสถานหนัก เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋องซิ่น ข้าน้อยเป็นขุนนางขั้นสอง ย่อมมีสิทธิ์ถวายฎีกา แต่ท่านกลับคอยขัดขวาง หรือว่าใครก็ตามที่พูดแทนองค์รัชทายาท ท่านก็จะให้ฝ่าบาทลงโทษสถานหนักหรือ?”เนี่ยหงเองก็สำทับอย่างมิพอใจ “ท่านอ๋องซิ่นช่างมีอำนาจยิ่งนัก คนภายนอกเห็นเข้าคงคิดว่าท่านเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักต้าเหยียน!”“พู
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่“ตายซะ!”เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไ
หวังฉือกล่าวโดยใช้เหตุผล “ท่านอ๋องซิ่น ข้าน้อยเพียงแต่ขอให้ฝ่าบาทประทานบำเหน็จแก่องค์รัชทายาท มิได้กล่าววาจาดูหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใดแต่เป็นคำพูดของท่านเมื่อครู่ที่เป็นการยุยง ข้าน้อยเห็นว่าคนที่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายคงเป็นท่านเองมากกว่า!”ฉินหยางชี้ไปที่หวังฉือ มองอย่างโกรธเคือง “หวังฉือ เจ้าหมายความเยี่ยงไร เจ้าว่าข้ากำลังยุแหย่ความสัมพันธ์ระหว่างเสด็จพ่อและองค์รัชทายาทรึ?”“ข้าน้อยมิได้กล่าวเช่นนั้น แต่จริงหรือไม่ ท่านย่อมรู้แก่ใจพ่ะย่ะค่ะ!”คำพูดของหวังฉือ ทำให้ฉินหยางโกรธจัด!เขากล่าวอย่างโกรธเคือง “เสด็จพ่อ หวังฉือเป็นเพียงตุลาการศาลต้าหลี่ แต่กล้าพูดจาสามหาวในท้องพระโรง ซ้ำยังกล่าวหาว่าลูกยุยงปลุกปั่น สร้างความขัดแย้ง ลูกขอเสด็จพ่อโปรดลงโทษเขาสถานหนัก เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างพ่ะย่ะค่ะ!”“ท่านอ๋องซิ่น ข้าน้อยเป็นขุนนางขั้นสอง ย่อมมีสิทธิ์ถวายฎีกา แต่ท่านกลับคอยขัดขวาง หรือว่าใครก็ตามที่พูดแทนองค์รัชทายาท ท่านก็จะให้ฝ่าบาทลงโทษสถานหนักหรือ?”เนี่ยหงเองก็สำทับอย่างมิพอใจ “ท่านอ๋องซิ่นช่างมีอำนาจยิ่งนัก คนภายนอกเห็นเข้าคงคิดว่าท่านเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักต้าเหยียน!”“พู
ในขณะเดียวกันหวังฉือและเนี่ยหงกำลังเดินไปยังพระราชวังในขณะนั้น เสนาธิการหลิวเว่ยแห่งศาลต้าหลี่ก็วิ่งตามมา และกระซิบข้างหูหวังฉือสองสามคำ!หวังฉือถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ "จริงหรือ?"หลิวเว่ยพยักหน้าจริงจัง "จริงแท้แน่นอน คนผู้นั้นอยู่ที่ศาลต้าหลี่ของเรา!""ดี! เจ้าดูแลคนผู้นั้นให้ดี เตรียมพร้อมเข้าเฝ้าทุกเมื่อ!!"หลิวเว่ยพยักหน้าแล้วหันหลังจากไปเนี่ยหงที่อยู่ข้าง ๆ ถามด้วยความสงสัย "ใต้เท้าหวัง เกิดกระไรขึ้น?"หวังฉือแสร้งทำเป็นมีลับลมคมใน กล่าวยิ้ม ๆ ว่า "ประเดี๋ยวท่านก็รู้ วันนี้ต้องมีคนเคราะห์ร้ายแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า!"คำพูดของเขาทำให้เนี่ยหงสงสัยมากขึ้นมิว่าเนี่ยหงจะถามอย่างไร หวังฉือก็มิยอมบอกทำให้เนี่ยหงกระวนกระวายใจ มองด้วยสายตาขุ่นเคืองหนึ่งชั่วยามต่อมาพระตำหนักจินหลวนฉินอู๋ต้าวมองไปที่เฉาฉุนข้างกายเฉาฉุนจึงกล่าวเสียงดัง "ประกาศ องค์รัชทายาทเข้าเฝ้า!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขุนนางทั้งหลายก็มองไปนอกประตูสีหน้าของฉินหงและฉินหยางอึมครึมอย่างมากฉินซูเดินเข้ามาอย่างองอาจ ท่ามกลางสายตาของทุกผู้ทุกนามตอนนั้นเขาสวมชุดมังกรสี่กรงเล็บ สวมกวานทองคำสามง่ามประดับอัญมณี
เห็นเพียงร่างทั้งสองที่พุ่งเข้ามาดุจลูกธนู แต่เมื่อมาถึงกลางทาง ร่างกายก็แข็งทื่อ ล้มลงมาจากอากาศเมื่อเห็นภาพนั้น ทุกคนก็ตกตะลึง!เมื่อครู่พลังที่ระเบิดออกมาจากร่างทั้งสองนั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งแต่บัดนี้พวกเขากลับล้มลงกับพื้น เกิดอันใดขึ้น?ท่ามกลางสายตาที่งุนงงของทุกคน ร่างกายของคนทั้งสองก็เริ่มพองตัวอย่างรุนแรง แม้แต่อาภรณ์ก็เริ่มขาดวิ่น!เมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูก็สั่ง “หลบ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็รู้สึกถึงลางร้าย รีบหลบหลังหินก้อนใหญ่ข้างทางหลังจากที่พวกเขาหลบได้ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดัง ‘เปรี้ยง เปรี้ยง’ สองครั้ง!จากนั้นก็มีลมพายุพัดผ่านไป ฝุ่นและหินปลิวว่อนไปทั่วครู่ต่อมา ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็ออกมาจากหลังก้อนหินเห็นเพียงพื้นดินที่คนทั้งสองอยู่เมื่อครู่ ถูกระเบิดเป็นหลุมสองหลุมรอบ ๆ หลุมเต็มไปด้วยเศษเนื้อและแขนขา น่าสยดสยองถานเหวยและคนอื่น ๆ ที่มิเคยเห็นความโหดร้ายของสงคราม ก็พลันท้องไส้ปั่นป่วนและอาเจียนมิหยุดตงฟางโซ่วพึมพำอย่างเหลือเชื่อ "เมื่อครู่สองคนนั้นระเบิดตัวเองหรือ?!""วิธีการตายน่าสยดสยองเช่นนี้ ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก พวก
“ท่านฝึกฝนจนถึงขั้นได้ยอดฝีมือระดับสวรรค์แล้วหรือเพคะ?”ฉินอู๋ฉางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ถึงแม้จะพึ่งโอสถ แต่พลังของพวกเขาก็อยู่ในระดับสวรรค์จริง ๆ น่าเสียดายที่ฤทธิ์ยามิค่อยเสถียรนัก”“โอสถที่ถึงกับเพิ่มพลังถึงระดับสวรรค์ได้ ท่านได้มาจากที่ใดกัน?”เสียนเฟยตกใจมาก แม้นางจะมิเข้าใจวรยุทธ์ แต่ก็รู้ว่าระดับสวรรค์นั้นน่ากลัวเพียงใดฉินอู๋ฉางกล่าวอย่างภาคภูมิ “แน่นอนว่ามาจากเงื้อมมือของปราชญ์โอสถแห่งหุบเขาเทพโอสถ!”“ว่ากระไรนะ?! เทพโอสถก็อยู่ที่นี่กับท่านงั้นหรือ?”“ถูกต้อง ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน เขาก็ถูกข้าจับตัวมาปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ์ให้กับข้าลับ ๆ”เสียนเฟยจึงเอ่ยพึมพำ “มิน่า ที่งานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของไทฮองไทเฮา เทพโอสถจึงมิปรากฏตัว เมื่อต้นปีเขาเคยบอกว่าจะถวายโอสถอายุวัฒนะแก่ฝ่าบาทในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของไทฮองไทเฮา ต่อมาฝ่าบาทส่งคนไปตามหาเขาก็หาได้มีข่าวคราวไม่ นึกมิถึงว่าจะถูกท่านจับตัวไว้!”“หึ ในใต้หล้านี้มีโอสถอายุวัฒนะเสียที่ไหน ข้าว่าฉินอู๋ต้าวเป็นจักรพรรดิจนสมองเลอะเลือนไปแล้ว เมื่อข้าฝึกฝนยอดฝีมือระดับสวรรค์ได้มากพอ ข้าจะบุกเข้าวัง บีบให้ฉินอู๋ต้าวสละราชสมบัติ!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของฉินอู๋ฉางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พลันมองไปที่นอกประตูเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร เขาก็กระซิบตำหนิ "เจ้าอยากจะฆ่าพวกเราหรือไร บอกเจ้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว อย่าเอ่ยเรื่องนี้ออกมา!"เสียนเฟยสะอื้นไห้ สีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อเห็นดังนั้น ฉินอู๋ฉางก็ถอนหายใจเบา ๆ ดึงนางเข้ามาสวมกอดเสียนเฟยซบไหล่เขา ร้องไห้หนักกว่าเดิมฉินอู๋ฉางปลอบโยนสองสามคำ แล้วถามว่า "เจ้ายอมเสี่ยงโดนฝ่าบาทจับได้เพื่อมาถึงที่นี่ เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับเซียวเอ๋อร์หรือ?""เขาถูกฝ่าบาทสั่งขังในคุกหลวง..."นางพูดยังมิทันจบ ฉินอู๋ฉางก็อุทาน "ว่ากระไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่!"เสียนเฟยก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังหลังจากฟังนางเล่า ฉินอู๋ฉางก็ขมวดคิ้ว"ไฉนเซียวเอ๋อร์จึงได้โง่เขลาเช่นนี้ เขียนจดหมายถึงหัวหน้าชนเผ่าโครยอ เนื้อความในจดหมายยังบอกให้ลงมือกำจัดองค์รัชทายาท ซ้ำยังให้สัญญาว่าเมื่อขึ้นครองราชย์จะยกเมืองให้เขาเพื่อกอบกู้บ้านเมือง เขามิรู้หรือว่านี่เป็นความผิดร้ายแรงถึงขั้นถูกประหารชีวิต!!""แล้วเจ้ายังคิดแผนกระไรเช่นนี้ ให้คนเลียนแบบลายมือของเซียวเอ๋อร์ เขียนถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูง เจ้าคิดว่านี่จะหลอก
หลังจากมองอีกฝ่ายเดินออกไปจนลับสายตา สีหน้าของเสียนเฟยก็แปรปรวนนางมิคิดว่าฉินอู๋ต้าวจะสงสัย นี่มิใช่ลางดีนางครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เผยสีหน้าเด็ดเดี่ยว!จากนั้นนางจึงกระซิบกับนางรับใช้ข้างกาย "ข้าจะออกจากวัง เจ้ารีบจัดการให้ข้าที!""บ่าวจะไปจัดการให้เพคะ พระสนมโปรดคอยสักครู่"นางรับใช้คำนับแล้วรีบเดินออกไปเสียนเฟยถอดชุดคลุมหงส์ออก และเปลี่ยนเป็นชุดนางกำนัลประมาณครึ่งชั่วยามต่อมาขันทีน้อยหลายคนก็แบกเกี้ยวมาที่หน้าประตูวังองครักษ์ที่เฝ้าประตูเห็นดังนั้นก็ยื่นมือออกมาขวาง"ท่านขันที ผู้ใดอยู่ในเกี้ยวหรือ?""เรียนรองหัวหน้าองครักษ์เฉิน ในเกี้ยวคือนางกำนัลคนสนิทของพระสนมเสียนเฟย นางมีธุระที่บ้าน พระสนมเสียนเฟยประทานอนุญาตให้นางออกจากวัง นี่คือป้ายประจำพระองค์ของพระสนมเสียนเฟย ขอรองหัวหน้าองครักษ์เฉินอำนวยความสะดวกด้วย"ขันทีน้อยคนหนึ่งพูดพลางยื่นป้ายประจำตัวของเสียนเฟยให้พร้อมกันนั้นก็ยัดเงินเล็กน้อยใส่มืออีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบองครักษ์มองดูแล้วก็เข้าใจความหมาย กล่าวว่า "เปิดม่านเกี้ยว ข้าจะตรวจตามระเบียบ""ขอรับ!"ขันทีน้อยเปิดม่านเกี้ยว ฝ่ายองครักษ์ก็มองเข้าไปพอเป็
หวังฉือกล่าวด้วยความเคร่งขรึม "ข้ารู้สึกว่ามันผิดปกติไปหมดทุกอย่าง หากจดหมายเป็นของอ๋องหนิงจริง เหตุใดเขาจึงส่งจดหมายให้ข้ากับท่าน อีกทั้งยังให้เผยหยวนถวายฎีกาถอดถอนเขาต่อหน้าธารกำนัลอีก เขาทำเช่นนี้ก็เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง!"เนี่ยหงเองก็คิดมิตกเช่นกัน จึงกล่าวพึมพำ "หรือว่า… มีผู้อื่นใส่ร้ายอ๋องหนิง?"หวังฉือส่ายหน้าเล็กน้อย "ไม่มีทาง อ๋องหนิงเข้ากับคนในราชสำนักได้ทุกฝ่าย ไฉนจึงมีคนใส่ร้ายเขาเล่า"เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหวังฉือก็มืดครึ้มลง กล่าวอย่างเคร่งขรึม "หรือว่านี่จะเป็นกับดักที่อ๋องหนิงสร้างขึ้นเอง เพื่อลากองค์รัชทายาทลงมาด้วย!"เนี่ยหงถามด้วยความสงสัย "ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?"หวังฉืออธิบาย "ข้าก็พูดมิถูก แต่ข้ารู้สึกว่าจุดประสงค์ของอ๋องหนิงต้องเกี่ยวข้องกับองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน"เนี่ยหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าช้า ๆ"หากท่านพูดเช่นนี้ ข้าก็เห็นว่ามีความเป็นไปได้ เพราะช่วงนี้อ๋องหนิงเสียท่าต่อองค์รัชทายาทหลายครั้งหลายครา คนที่เขาอยากจะแก้แค้นมากที่สุดก็คือองค์รัชทายาท""น่าเสียดายที่ยามนี้พวกเรายังมิรู้ว่าอ๋องหนิงจะทำการใดต่อไป ได้แต่คอยจับตาด
ฉินอู๋ต้าวเปรียบเทียบจดหมายทั้งสองฉบับอย่างละเอียดแล้วโมโหหนัก!"อ๋องหนิงเอ๋ย กล้ามากที่พูดจาบจ้วงเช่นนี้ เฉาฉุน เรียกฉินเซียวเข้าวัง ข้าจะถามเขาต่อหน้าเอง!""รับพระบัญชา เรียกอ๋องหนิงเข้าเฝ้า!"หนึ่งชั่วยามต่อมาฉินเซียวก็เดินมาถึงเขากำลังจะคุกเข่าทำความเคารพ ฉินอู๋ต้าวก็ขยำจดหมายในมือแล้วปาใส่เขา"ลูกทรพี! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาวิจารณ์ข้า เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นแล้วงั้นสิ!"ฉินเซียวแสร้งทำเป็นตกใจ จากนั้นก็เปิดจดหมายอ่าน ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางบริสุทธิ์ใจ "เสด็จพ่อ ลูกมิผิด ลูกมิได้เขียนจดหมายนี้พ่ะย่ะค่ะ""หึ ๆ ท่านอ๋องหนิง ถึงตอนนี้ท่านยังจะปฏิเสธอีกหรือ? ข้าน้อยจำลายมือของท่านได้แม่นยำ อีกทั้งยังมีจดหมายของท่านเป็นหลักฐาน ท่านจะแก้ตัวกระไรอีก!""ใต้เท้าเผย ข้ากับเจ้าถือเป็นสหายสนิทชิดเชื้อ ไฉนเจ้าจึงใส่ร้ายข้าเช่นนี้เล่า..."ก่อนที่ฉินเซียวจะพูดจบ เผยหยวนก็กล่าวด้วยโทสะ "ก่อนหน้านี้ข้าน้อยดวงตามืดบอด จึงได้คบกับคนอกตัญญูเช่นท่าน""ก่อนหน้านี้เคยได้ยินท่านพูดถึงความผิดของฝ่าบาท ตอนนั้นข้าน้อยยังคิดว่าท่านเมาแล้วพูดจาเลอะเทอะ แต่คิดมิถึงว่าท่านจะบ้าคลั่งถึงขนาดนำคำพูดเหล่า
หวังฉือกล่าวด้วยความจริงจัง "ข้ากังวลว่า หลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จกลับมา องค์จักรพรรดิจะทรงกดดันพระองค์หนักขึ้น!"เนี่ยหงโบกมือ "พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไป บางทีช่วงนี้องค์รัชทายาทอาจจะสร้างความดีความชอบมากมาย จนองค์จักรพรรดิทรงพอพระทัยแล้วก็เป็นได้!""ที่พูดก็มีเหตุผล เอาเถิด คอยดูว่าองค์จักรพรรดิจะทรงมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จกลับมา"......ในขณะเดียวกันภายในจวนอ๋องหนิงฉินเซียวถามองครักษ์ข้างกาย "อวี๋เฟิงไปไหน เหตุใดยังมิกลับมา?"องครักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม "ทูลท่านอ๋องหนิง อวี๋เฟิงลาพักผ่อนสองสามวัน บอกว่ามีธุระกลับบ้านเกิด ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เกรงว่าเขาจะกลับไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นหรือ แล้วตอนนี้ข้างนอกมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง?""ทูลท่านอ๋องหนิง บ่ายวันนี้ ถ้อยคำหมิ่นเบื้องสูงแพร่กระจายไปทั่วโรงเหล้า โรงน้ำชา บัดนี้ทุกที่ที่ผู้คนพลุกพล่านในหลงเฉิง ต่างก็พูดถึงเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ"ฉินเซียวเผยรอยยิ้มอย่างผู้มีชัย "ดีมาก กลยุทธ์ของหมู่เฟยนั้นช่างเยี่ยมยอด ทำเช่นนี้ จดหมายขององค์รัชทายาทก็เป็นเพียงเศษกระดาษ มิอาจเป็นภัยต่อข้าได้อีก!"พูดจบก็สั่งองครักษ์ "เจ้าจงไ