Share

บทที่ 380

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ตงฟางไป๋พูดอย่างฮึกเหิมว่า “พวกมันกล้ามาอีกก็ดีสิ ถึงเวลานั้น เราจะจับพวกมันทั้งเป็นแน่นอน!”

“ถูกต้อง เป็นเช่นนี้ ก็จะสืบสวนจนรู้ได้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง”

ฉินซูกลับโบกมือแล้วเอ่ยว่า “คืนนี้พวกเขาจะมิกลับมาแล้ว!”

“เหตุใดองค์รัชทายาทถึงทรงแน่ใจนักเพคะ?” กู้เสี่วยเจี้ยนสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย

ฉินซูยิ้มบาง ๆ และอธิบายว่า “ผู้วางแผนการ ครั้งแรกได้ผล ครั้งที่สองแย่ลงและหมดแรงในครั้งที่สาม พวกมันพ่ายแพ้ไปสองครั้งแล้ว หากมิโง่จริง ๆ คงมิกลับมาตายอีก”

กู้เสวี่ยเจี้ยนมองฉินซูด้วยใบหน้าตกใจแล้วพูดอย่างสงสัยว่า “คำพูดของท่านเหมือนตำราพิชัยสงครามเลยเพคะ หรือว่าองค์รัชทายาททรงเชี่ยวชาญเรื่องการสงครามด้วย?”

“รู้แค่เล็กน้อยเท่านั้น เอาเถอะ ข้าง่วงแล้ว พวกเจ้าตามสบาย”

ฉินซูยืดตัวบิดขี้เกียจแล้วหมุนตัวเดินขึ้นชั้นบน

ส่วนเซี่ยหลานก็ตามไปติด ๆ

กู้เสวี่ยเจี้ยนมองตามแผ่นหลังของทั้งคู่ที่จากไป คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอีกรอบ

นางรู้สึกอยู่เสมอว่า ความสัมพันธ์ของฉินซูและเซี่ยหลานนั้นมิธรรมดา

แต่กลับไม่มีหลักฐานอะไร

นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วสั่งให้ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้ายาม แล้วจึงเ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 381

    เมื่อเห็นฉินซูชื่นชมตนเช่นนี้ เซี่ยหลานก็ยิ้มหน้าบานด้วยความปีติยินดีทันที นางมองฉินซูอย่างเสน่หา ถึงแม้จะมิพูด แต่สิ่งที่อยู่ในใจก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนจนเกินบรรยายแล้ว ฉินซูค่อย ๆ โอบนางเข้ามาในอ้อมแขนพร้อมกับจูบเบาที่ริมฝีปากสีชมพูเล็ก ๆ ของนาง ทว่ายังมิทันที่เซี่ยหลานจะตอบสนอง เขาก็ปล่อยมือ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้น เซี่ยหลานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ฉินซูมองนางอย่างช่วยมิได้ก่อนจะโน้มตัวกระซิบเบา ๆ ข้างหูว่า “ตอนนี้กู้เสวี่ยเจี้ยนกำลังแอบฟังอยู่ข้าง ๆ หากเจ้ามิว่าอะไร ข้าก็จะ…” ยังมิทันที่เขาจะพูดจบ เซี่ยหลานรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วกระซิบด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เช่นนั้นก็ช่างเถิดเพคะ หม่อมฉันจะกลับไปนอนแล้ว” หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นเซี่ยหลานก็เอ่ยเสียงดังว่า “องค์รัชทายาท ดึกมากแล้ว รีบพักผ่อนเถิดเพคะ” หลังจากนั้นนางก็หันหลังเดินออกไป แล้วยังปิดประตูลงอย่างแรง เมื่อเห็นฉากนี้ ฉินซูอดยิ้มบาง ๆ มิได้ ในสายตาของเขา การกระทำของเซี่ยหลานดูเหมือนจะชัดเจนเกินไปว่าไม่มีอะไรผิดปกติแล้วก็มิรู้ด้วยว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนจะคิดเช่นไร เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอนกายนอนลงบนเตียงพลางมองเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 382

    หนานกงจื่อชินพูดอย่างมั่นใจ “ไม่มีฉงชูโม่ กระหม่อมย่อมมั่นใจ!” “เช่นนั้นก็ดี เจ้าไปเถอะ อย่าลืมระวังให้มากขึ้น ข้าได้ยินว่า ฉินซูมียอดฝีมือแห่งสำนักหอดูดาวหลวงคอยคุ้มกันอยู่” “ก็แค่ศิษย์ของหัวหน้าโหรหลวงเท่านั้น ความแข็งแกร่งนั้นต่างกับฉงชูโม่มาก กระหม่อมหาได้ใส่ใจไม่!” มู่หรงจื่อเยียนกล่าวว่า “ท่านพี่จื่อชิน ข้าจะไปกับท่าน!” หนานกงจื่อชินขวดคิ้วแล้วถามว่า “ท่านจะไปด้วยเหตุใด?” “แน่นอนว่าช่วยท่านอำพรางตัวน่ะสิ ท่านออกไปคนเดียวย่อมเป็นที่สังเกตของผู้คน”หนานกงจื่อชินกำลังจะปฏิเสธ แต่มู่หรงฟู่กลับกล่าวว่า “จื่อเยียนพูดถูก บัดนี้มีสายตามากมายคอยจับตามองพวกเราอยู่ เจ้าในฐานะศิษย์เอกของหอดารารักษ์ หากเจ้าออกไปคนเดียว ก็เป็นที่สังเกตได้ง่ายจริง ๆ” “แล้วพาจื่อเยียนไปด้วย มันแตกต่างกันตรงไหนพ่ะย่ะค่ะ?” “ย่อมมิเหมือนกัน จื่อเยียนมิรู้วิชาการต่อสู้ เจ้าพานางไปด้วย คนอื่นก็จะเข้าใจว่าเจ้าพานางออกนอกเมืองไปเที่ยวเล่นเท่านั้น มินึกสงสัยอะไร” หนานกงจื่อชินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ก็ใช่ พ่ะย่ะค่ะ จื่อเยียน ท่านไปเก็บของเถอะ การเดินทางครั้งนี้พวกเราอาจต้องใช้เวลาหลาย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 383

    พูดจบแล้วเขากำลังจะหันหลังเดินไป แต่กลับถูกกู้เสวี่ยเจี้ยนดึงกลับมาทันที “บุกไปคนเดียวมิเท่ากับไปตายหรอกหรือ ถ้าจะไปก็ให้ข้าไปเอง!” “มิได้ หากท่านไป แล้วใครจะคุ้มกันความปลอดภัยให้องค์องค์รัชทายาท ข้ามิอาจไว้ใจพวกเขาได้” ได้ยินแล้ว สวี่เซี่ยงเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างตะลึงจนพูดมิออก คำพูดของตงฟางไป๋นี้ตรงเกินไปสักหน่อย ในขณะที่กู้เสวี่ยเจี้ยนกำลังลังเล ฉินซูก็หยิบลูกกลม ๆ สองลูกออกมาจากชายแขนเสื้อแล้วส่งให้ เมื่อเห็นลูกเหล็กสองลูกขนาดเท่ากำปั้นของเด็กแล้วกู้เสวี่ยเจี้ยนตกตะลึงแล้วถามว่า “องค์รัชทายาท นี่คืออะไรหรือเพคะ?” ฉินซูยิ้มพลางตอบว่า “นี่คือของดี เจ้าแค่จุดชนวนแล้วโยนขึ้นไปบนเนินเขา” “สิ่งนี้… ได้ผลหรือเพคะ?” “ลองดูก็จะรู้เอง จุดแล้วรีบโยนออกไปเสีย มิเช่นนั้นพวกเราจะโดนลูกหลงไปด้วย” เมื่อเห็นฉินซูทำหน้าจริงจัง กู้เสวี่ยเจี้ยนก็หยิบพับไฟออกมา หลังจากจุดชนวนแล้ว นางก็เหวี่ยงมืออย่างแรง!ลูกทรงกลมสองลูกนั้นถูกโยนขึ้นไปบนเนินเขาทันที ทันใดนั้นมีเสียงประหลาดใจดังขึ้นบนเนินเขา “นี่! พวกมันโยนลูกกลม ๆ นี่ขึ้นมาหาปะไร?!” “ช่างมันสิ ยิงธนูต่อ!” พวกเขากำลังจะยิงธนู

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 384

    ชายร่างใหญ่มองไปทางฉินซูอย่างหัวแข็งและเย่อหยิ่งหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาจึงได้พูดอย่างมิแยแสว่า “จะฆ่าก็ฆ่าเลย พูดจาไร้สาระหาปะไร!” “คิดว่าข้ามิกล้าฆ่าเจ้างั้นรึ?” ดวงตาของฉินซูเย็นเยือกแล้วกดกริชพระจันทร์แดงในมือลงไปบนคอของชายร่างใหญ่โดยตรง ฉึก!กริชพระจันทร์แดงอันคมกริบบาดเข้าที่คอของชายร่างใหญ่ในพริบตา เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาช้า ๆ! ชายร่างใหญ่สะดุ้งเฮือกและหวาดกลัวขึ้นมาทันที“ท่านขุนนางโปรดไว้ชีวิต พวกเราคือชาวบ้านในละแวกนี้ ช่วงนี้เกิดภัยพิบัติ พวกเราอดอยากไม่มีอันจะกินแล้วจึงจำเป็นต้องร่วมตัวกันลงคะแนนเสียงว่าต้องเลี้ยงปากท้องด้วยการทำเช่นนี้ หวังว่าท่านขุนนางจะเมตตาและปล่อยพวกเราไป” ได้ยินดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนแสดงความสงสารและกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ช่างเถิด พวกเขาก็แค่ถูกบีบคั้นจนไม่มีทางเลือก ปล่อยพวกเขาไปเถิดเพคะ” ชายร่างใหญ่ปีติยินดีจนในดวงตาฉายประกายความสำเร็จวาบขึ้นมาเล็กน้อย ฉินซูกลับกลอกตาใส่กู้เสวี่ยเจี้ยนแล้วเหน็บแนมว่า “เขาบอกว่าพวกเขาเป็นชาวบ้าน เจ้าก็เชื่อเขาจริงหรือ?” กู้เสวี่ยเจี้ยนถามอย่างประหลาดใจว่า “หรือว่ามิใช่?!” ฉินซูส่ายหน้าแล้วเอ่ยกั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 385

    “เจ้าว่ากระไรนะ? พระภิกษุข่มขู่พวกเจ้า เจ้าไปหลอกผีเถอะ คิดว่าพวกเราโง่งั้นรึ?” ชายร่างใหญ่อยากจะร้องแต่ไม่มีน้ำตาและพูดว่า “ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น เป็นเช่นนี้แล้ว พวกเราจะกล้าโกหกได้อย่างไรขอรับ” “ใช่แล้ว ที่รองหัวหน้าพูดเป็นความจริงทั้งหมด หากพวกท่านมิเชื่อ ตามพวกเรากลับไปที่ค่ายป้องกันขวงเฟิงก็จะรู้เอง” “ท่านขุนนาง พระภิกษุรูปนั้นมิใช่คนดีเลย ภายนอกดูใจดีมีเมตตา แต่สิ่งที่เขาทำนั้นโหดร้ายเกินจะรับได้ เขาถึงกับเอาลูกหัวหน้าใหญ่ของพวกเราที่เป็นทารกอายุมิถึงเดือนไปต้มกิน… อ้วก!” ชายหนุ่มพูดมิทันจบก็อาเจียนออกมา ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ฉินซูคิ้วขมวดและรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน กินเนื้อมนุษย์ นี่คือสิ่งที่มนุษย์จะทำได้จริงหรือ?เซี่ยหลานและกู้เสวี่ยเจี้ยนรู้สึกชาหนึบที่หนังศีรษะและขนลุกซู่ไปทั้งตัว ตงฟางไป๋กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากแล้วเอ่ยว่า “เจ้าพูดจาไร้สาระ พระภิกษุคือผู้ถือศีล จะกินเนื้อได้อย่างไร มิต้องพูดถึงการกินเนื้อคนเลย!” “ท่านขุนนาง ที่พวกเราพูดเป็นความจริงทั้งหมดขอรับ พระภิกษุหัวโล้นนั่นเป็นพระปีศาจ มิเพียงกินทารกเท่านั้น ซ้ำยังแย่งชิงสตรีของหัวหน้าใหญ่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 386

    ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “อยู่ไกลจากค่ายป้องกันขวงเฟิงเท่าใด?”สวีเซี่ยงเฉียนหยิบแผนที่ออกมาดูและตอบว่า “องค์รัชทายาท ค่ายป้องกันขวงเฟิงตั้งอยู่บนสันเขาเฮยเฟิง หากเป็นตามนี้มันจะอยู่ห่างออกไปประมาณสี่สิบห้าสิบลี้พ่ะย่ะค่ะ”“เช่นนั้นก็ตั้งค่ายพักแรมกันเถอะ”เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็มองหน้ากันชั่วขณะกู้เสวี่ยเจี้ยนพูดด้วยความกังวล “หากพวกเราตั้งค่ายพักแรมที่นี่ แล้วพระปีศาจมาพร้อมกับโจรภูเขาเข้าจู่โจมกลางดึก เกรงว่าพวกเราจะประสบความสูญเสียอย่างหนักนะเพคะ”ช่วงกลางดึกก็รบกวนเจ้าเฝ้ายามให้ทีก็แล้วกัน วรยุทธ์เจ้ากล้าแกร่งถึงเพียงนี้ ต่อให้แมลงบินมาก็คงมิอาจหลบพ้นสายตาของเจ้าไปได้”“ท่านยกยอหม่อมฉันมากเสียจริงเพคะ ก็ได้ แต่เพื่อความปลอดภัย หม่อมฉันขอสิ่งของเมื่อครู่อีกสักสองสามลูกนะเพคะ”ฉินซูหยิบสิ่งของดังกล่าวออกมาจากถุงแล้วยัดใส่มือของกู้เสวี่ยเจี้ยนโดยมิพูดอะไรสักคำกู้เสวี่ยเจี้ยนมองลูกกลมเล็ก ๆ ที่ทำจากโลหะในมือของตนอย่างพินิจแล้วประหลาดใจไปชั่วขณะ!“องค์รัชทายาท ลูกกลมสองลูกนี้คือสิ่งใดกันแน่เพคะ? มันดูทรงพลังมาก!”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท เมื่อครู่พวกโจรเหล่านั้นถ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 387

    ภายใต้ลมสารทฤดูที่พัดมา เส้นผมยาวของร่างนั้นปลิวไสวอย่างอิสระ เผยให้เห็นใบหน้าที่ซีดขาวราวกับกระดาษ!และมีคราบเลือดสีแดงเข้มที่มุมปากมิเพียงเท่านั้น ยามนี้ก็ยังมีหมอกจาง ๆ กระจายอยู่รอบ ๆ ร่างนั้นเมื่อลมหนาวพัดมาอีกครั้ง ทำเอาทุกคนอดมิได้ที่จะตัวสั่น และหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!“แม่เจ้า มีผีจริง ๆ ด้วย!”“มีผี หนีเร็ว!”บางคนกลัวมากจนกรีดร้องและวิ่งหนีไปเมื่อทหารคนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้น พวกเขาต่างก็วิ่งหนีเตลิดไปด้วยความกลัวสุดขีดแม้แต่กู้เสวี่ยเจี้ยน ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ต่างก็หวาดกลัวมากจนหน้าถอดสีและขยับขามิออกเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ก็เกิดความสับสนวุ่นวาย ฉินซูก็แผดเสียงก้องด้วยโทสะ!“ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้ หากใครกล้าวิ่งหนี กลับไปข้าจะสั่งประหารล้างตระกูลให้หมด!”เมื่อเสียงข่มขู่ของเขาดังขึ้น ทหารที่กำลังหลบหนีก็หยุดชะงักทันทีตงฟางไป๋เองก็ได้สติกลับมาจากความหวาดกลัวเช่นกัน เขารีบชักดาบออกมาก่อนใครและตวาดด้วยความโกรธอย่างกล้าหาญ “นั่นใคร บังอาจนักที่กล้าปลอมเป็นผี!”“ฮือ ๆ ๆ… ข้าตายได้น่าอนาถยิ่งนัก...”เสียงร้องไห้ที่แหลมคมและคลุมเครือดังก้องอยู่ในหูของทุกคน!“ข้าหิวมาก… อยากก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 388

    กระแสลมร้ายพัดกิ่งก้านและใบไม้เสียงดังกรอบแกรบ อีกทั้งเหล่าหมอกก็หนาขึ้นเรื่อย ๆทันใดนั้น เงาร่างสีขาวหลายสิบร่างก็ลอยออกมาจากหมอกควัน!เงาร่างเหล่านั้นมีผมยุ่งเหยิงและมีสีหน้าดุร้ายอย่างยิ่งพวกมันเป็นเหมือนวิญญาณไร้ญาติ กำลังล่องลอยไปมาในความว่างเปล่าเสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับอยู่ในอสุรภูมิ ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!เมื่อเห็นเหตุการณ์นั้น เหล่าทหารก็ตกใจจนล้มลงกับพื้นและไร้ซึ่งความกล้าที่จะหลบหนีเซี่ยหลานตกใจมากจนหน้าซีด จากนั้นนางก็หายใจมิออกและเป็นลมไปแม้แต่กู้เสวี่ยเจี้ยนยอดฝีมือแห่งสำนักหอดูดาวหลวงผู้นี้ก็รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง และมือของนางที่จับด้ามดาบก็สั่นเทาส่วนสองพี่น้องตงฟางไป๋และสวีเซียงเฉียน พวกเขาหวาดกลัวกันมากจนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ด้วยสายตาว่างเปล่าฉินซูขมวดคิ้วและพูดแขวะในใจแต่ละคนดู ๆ แล้วคงจะพึ่งพามิได้ ถึงช่วงเวลาวิกฤติเมื่อไรคงจะต้องพึ่งตัวเองเสียแล้วจากนั้น เขาก็หยิบระเบิดสายฟ้าออกมา จุดชนวนแล้วโยนมันไปทางเงาร่างสีขาวตู้ม–หลังจากเกิดการระเบิดขึ้น ‘เงาผี’ ทั่วท้องฟ้าก็ถูกเป่ากระจายเป็นชิ้น ๆเศษชิ้นส่วนจำนวนมากกร

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 620

    ฉงชูโม่มองซ้ายขวาแล้วกล่าว “บางทีอาจจะกลับค่ายทหารไปแล้วกระมัง เขาเป็นคนของอ๋องฉู่ การที่เห็นท่านสร้างความดีความชอบ คงรู้สึกมิพอใจอยู่บ้าง มิใช่เรื่องแปลกเพคะ”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้”ฉินซูเหลือบมองเหล่าทหารที่กำลังกินดื่มอย่างสำราญ จึงเอ่ยถาม “เจ้าคงมิได้ให้ทหารทั้งหมดเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองชัยกระมัง?”“มิได้เพคะ นี่เป็นเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น ส่วนที่เหลือล้วนเตรียมพร้อมอยู่แล้ว”“เช่นนั้นก็ดีแล้ว แต่ป่านนี้แล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีข่าวคราวมาจากทางคลังอาวุธเล่า?”ฉินซูขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติฉงชูโม่จึงสั่งทหารข้างกาย “เจ้าจงไปดูลาดเลาที่คลังอาวุธทีว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่”“ขอรับ!”ทหารผู้นั้นรีบเร่งไปยังทิศทางคลังอาวุธมินานนัก เขาก็กลับมา“เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ที่คลังอาวุธเป็นปกติดีขอรับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่จึงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วมุ่น“แปลกจริง เป็นไปได้อย่างไรที่เติ้งหม่างจะอดทนได้ถึงขั้นนี้ มิส่งคนมาขโมยธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า?”“เป็นไปมิได้ เขารู้ว่าคืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย การป้องกันเมืองจึงหย่อนยานลง หากเขามิมาในคืนนี้ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้แ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 619

    หูก่วงเซิงหัวเราะเยาะ “ลำพังพวกเจ้าเพียงหยิบมือนี้น่ะหรือ? หึ ๆ ช่างประมาณตนสูงเสียจริง!”กำแพงเมืองเจียวโจวสูงหกถึงเจ็ดจั้ง เขามิคิดว่าหม่าเวยและคนเหล่านี้จะสามารถปีนขึ้นไปได้หม่าเวยกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “อย่างน้อยก่อนที่จะปะทะเข้ากับพวกเจ้า พวกเราก็ยังคงมั่นใจมากทีเดียว”“ฮ่า ๆ พวกโง่เขลาเอ๋ย เอาเถอะ ในเมื่อความดีความชอบมาประเคนให้ถึงปากประตูแล้ว มิรับไว้คงน่าเสียดายแย่ ใครก็ได้!”“ขอรับ!”“ปิดปากพวกมันทั้งหมด แล้วส่งคนสองสามคนไปเฝ้าพวกมันในป่าให้ดี!”“ท่านแม่ทัพหู ในเมื่อพวกมันเป็นสายสืบของหนานเยวี่ย ไฉนมิควบคุมตัวพวกมันกลับเมือง ไปส่งให้ท่านแม่ทัพใหญ่จัดการเล่าขอรับ?”หูก่วงเซิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “นำคนกลับไปยามนี้ แล้วพวกเราจะลอบโจมตีกองทัพหนานเยวี่ยต่อหรือไม่?”“จริงด้วย พวกมันถูกพวกเรามัดไว้แล้ว ไม่มีทางหลบหนีไปได้ ส่งคนไปเฝ้าพวกมันไว้ก็พอ รอจนกระทั่งพวกเราได้ชัยกลับมา ค่อยคุมตัวคนพวกนี้กลับเมือง เช่นนี้จะได้ความดีความชอบเพิ่มขึ้นอีกอย่างไรเล่า!”ดวงตาของหม่าเวยกลอกไปมา เอ่ยปากกล่าว “ท่าน… ท่านแม่ทัพหู ท่านแน่ใจหรือว่าจะลอบโจมตีกองทัพหนานเยวี่ยของพวกเรา?”“หากเป็นเช่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 618

    “ท่านแม่ทัพหู แผนนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ออกจากประตูเมืองฝั่งเหนือแล้วอ้อมไปอีกหน่อย ก็ลอบโจมตีทัพหนานเยวี่ยได้เหมือนเดิม!”“ไป เร่งฝีเท้า!”ดังนั้น กองทหารของพวกเขาจึงเดินทางมายังใต้ประตูเมืองฝั่งเหนือแม่ทัพรักษาการณ์ที่นี่เห็นหูก่วงเซิงและพวก จึงไต่ถาม “ท่านแม่ทัพหู นี่พวกท่านจะทำการใด?”“ในเมืองผู้คนพลุกพล่านเกินไป พวกเราจะออกไปพักผ่อนนอกเมืองสักหน่อย วันพรุ่งพวกเราจะย้ายค่ายทหารไปตั้งไว้นอกเมืองฝั่งเหนือเช่นกัน เพื่อความสะดวกในการฝึกทหาร”เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารรักษาการณ์ก็โบกมือให้คนเปิดประตูเมืองจะตำหนิว่าเขาประมาทเกินไปก็มิได้ ท้ายที่สุดแล้วนอกเมืองทางฝั่งเหนือยังมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนมิน้อย ทหารที่เข้าออกประตูเมืองทางฝั่งเหนือจึงมีจำนวนมากเป็นทุนเดิมหลังจากที่ออกนอกเมืองได้อย่างราบรื่น หูก่วงเซิงจึงนำกองทัพทหารม้าพันนายมุ่งหน้าลงใต้!ขณะเดียวกันนอกประตูเมืองเจียวโจวทางฝั่งใต้ เงาร่างสิบกว่าร่างพุ่งออกมาจากป่าละเมาะห่างออกไปมิไกลนักพวกเขามีท่าทางคล่องแคล่ว เพียงชั่วพริบตาก็เข้าไปซุ่มซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เตี้ย ๆ ฝั่งหนึ่งหลังจากที่สังเกตการณ์บนกำแพงเมืองอยู่ครู่หน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 617

    “ท่านแม่ทัพหู กองทัพหนานเยวี่ยแตกพ่ายในวันนี้ บัดนี้คงอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่เป็นแน่ หากพวกเรานำทัพไปลอบโจมตี อย่างไรก็ต้องสำเร็จ! ถึงเวลานั้นหากสำเร็จ ท่านแม่ทัพใหญ่จะเอาผิดพวกเราที่ยกทัพไปโดยพลการได้อย่างไร?”ชายร่างกำยำอีกด้านกล่าวสำทับ “รองแม่ทัพหลิวกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ทัพหู พวกเราอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมาถึงเจียวโจวก็มิใช่อื่นใด นอกเสียจากเพื่อสร้างความดีความชอบให้มากยิ่งขึ้นพวกเราสร้างความดีความชอบในเจียวโจวมากเท่าไร พระเกียรติของท่านอ๋องฉู่ในราชสำนักก็จะยิ่งสูงส่งมากขึ้นเท่านั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำ ล้วนเพื่อท่านอ๋องฉู่ทั้งสิ้น!”“ถูกต้อง พวกเราคือคนของท่านอ๋องฉู่ ท่านแม่ทัพใหญ่ย่อมมิอาจตำหนิพวกเราที่ออกรบโดยพลการได้ ท่านแม่ทัพหู ท่านรีบตัดสินใจเถิด โอกาสมิคอยท่า เวลามิหวนคืน!”“ท่านแม่ทัพหู คนขององค์รัชทายาทออกนอกเมืองไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากพวกเรามิรีบเร่งติดตามไป เกรงว่าน้ำแกงก็มิได้ซด อย่าหวังจะได้กินเนื้อเลยขอรับ!”ด้วยคำยุยงของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ดวงตาของหูก่วงเซิงก็ค่อย ๆ แน่วแน่ขึ้น!เขาพยักหน้าหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “สั่งให้เหล่าสหายทั้งหลายเตรียมตัวให้พร้อม อีกห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 616

    หูก่วงเซิงยกไหสุราขึ้นกระดกไปหลายอึก และแค่นเสียง “หึ ศึกที่ได้ชัยชนะในวันนี้ หากมิใช่เพราะทหารม้าหุ้มเกราะของพวกข้าบุกตะลุยอยู่แนวหน้า มีหรือกองทัพหนานเยวี่ยจะถูกสังหารจนแตกพ่ายยับเยิน?ทว่าในงานเลี้ยงฉลองชัย ท่านแม่ทัพใหญ่กลับมิเอ่ยถึงความดีความชอบของพวกข้าแม้แต่คำเดียว เอาแต่ชื่นชมองค์รัชทายาทมิขาดปากข้าสงสัยนัก องค์รัชทายาทเพียงแต่นำอาวุธที่กรมโยธาธิการประดิษฐ์ขึ้นใหม่มาด้วยเท่านั้น มีสิ่งใดน่าสรรเสริญกัน?”รองแม่ทัพที่นั่งอยู่ข้างกายเขาขมวดคิ้ว กล่าว “ท่านแม่ทัพหู ท่านว่าเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกกระมัง อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาททรงออกแบบ ศึกครานี้ชนะได้ ก็เป็นเพราะพระองค์”“ใช่แล้ว อีกอย่างที่ทหารม้าหุ้มเกราะของพวกท่านบุกตะลุยกองทัพหนานเยวี่ยได้ไร้ผู้ใดขัดขวาง ก็มิใช่เป็นเพราะมีอาวุธที่องค์รัชทายาททรงออกแบบให้การคุ้มครองหรอกหรือ มิเช่นนั้นกองทัพหนานเยวี่ยจะปล่อยให้พวกท่านบุกตะลุยในแนวรบโดยมิอาจโต้ตอบได้เลยด้วยเหตุใดเล่า?”หูก่วงเซิงเผยสีหน้าดูแคลน หัวเราะเยาะ “องค์รัชทายาทที่เอาแต่เสพสุขไปวัน ๆ ไฉนจึงออกแบบอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้? พวกเจ้าก็ช่างหูเบากันเสียจริง ใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 615

    หลังจากที่ฟังเขาจนจบ ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “แผนการของท่านดีก็จริง ทว่าหากพวกมันมิมาในคืนนี้เล่า?”“คืนนี้พวกเราจัดงานเลี้ยงฉลองชัย พวกมันต้องปักใจเชื่อว่ากำลังป้องกันเมืองของพวกเราหย่อนยาน คืนนี้หากพวกมันมิลงมือ ภายหน้าคงไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นคืนนี้พวกมันต้องลงมือเป็นแน่”“เช่นนั้นก็ได้ ทำตามที่ท่านว่าก็แล้วกันเพคะ!”ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกล่าวต่อ “อีกอย่าง คืนนี้เจ้าจงส่งทหารสองกองไปซุ่มอยู่หลินสุ่ยและเซี่ยอ้าว เมื่อทัพใหญ่หนานเยวี่ยปรากฏกาย จงปล่อยให้พวกมันเข้ามา รอจนกระทั่งเสียงฆ่าฟันนอกเมืองดังขึ้นค่อยตลบหลังโจมตีกองทัพหนานเยวี่ย จากนั้นจึงเข้าตีกระหนาบหน้าหลัง กวาดล้างพวกมันในคราเดียว!”ฉงชูโม่ถามอย่างตกตะลึง “ท่านคิดว่าคืนนี้พวกหนานเยวี่ยจะบุกโจมตีด้วยทัพใหญ่หรือเพคะ?”“พูดได้แต่เพียงมีความเป็นไปได้สูงนัก”“หม่อมฉันว่ามีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากเติ้งหม่างเพิ่งประสบความพ่ายแพ้ในวันนี้ ซ้ำร้ายทหารใต้บัญชาของเขายังหวาดหวั่นเกรงกลัวธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าของพวกเราจนหัวหด หากยังมิล่วงรู้ว่าพวกเรามีธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าเหลืออยู่มากน้อยเพียงใด พวกมันคงมิกล้าผล

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 614

    ฉินซูหัวเราะแห้ง ๆ แล้วกล่าวติดตลก “ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะหึงหวงข้า”ฉงชูโม่ถ่มน้ำลาย “ถุย ใครจะหึงท่านกัน อย่าได้หลงตัวเองไปหน่อยเลย!”“อะแฮ่ม ๆ เรื่องนั้นช่างมันเถิด ที่จริงข้ามีธุระสำคัญ...”ฉงชูโม่ขัดขึ้นมาเสียก่อน “มีกระไรก็รีบว่ามา อย่ามัวอ้อมค้อม”ฉินซูปรับสีหน้าให้เคร่งขรึม แล้วเอ่ยถาม “วันนี้ที่พวกเรามีชัยเหนือแคว้นหนานเยวี่ย ในความเห็นของเจ้า พวกมันจะทำอย่างไรต่อไป?”“ชัยชนะในวันนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับพลานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า กองทัพหนานเยวี่ยประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับถึงเพียงนี้ หากหม่อมฉันเป็นเติ้งหม่าง คงต้องหาทางนำอาวุธทั้งสองชนิดนี้ไปให้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูจึงอดมิได้ที่จะมองนางด้วยสายตาชื่นชมสมแล้วที่ฉงชูโม่เป็นแม่ทัพขั้นหนึ่งที่มากล้นด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ สามารถเดาใจศัตรูได้ล่วงหน้าเช่นนี้“เมื่อรู้ถึงเจตนาของเติ้งหม่างผู้นั้นแล้ว เราควรจะลองมาล่อเสือออกจากถ้ำดูสักครา”“ตรัสเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงคิดแผนการรับมือไว้แล้วหรือ?”ฉงชูโม่เอี้ยวศีรษะมองฉินซู ดวงตาคู่งามกระจ่างใสนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจหางตาฉินซูเหลือบมองอ่างอาบน้ำโดยม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 613

    “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ขอพระองค์โปรดเมตตา”ทั้งสองกล่าวพร้อมคุกเข่าลงต่อหน้าฉินซูฉินซูจนปัญญา จึงตะโกนเข้าไปในกระโจม “ชูโม่ ให้ข้าเข้าไปเถิด ข้าขออธิบายให้เจ้าฟังดี ๆ มิได้หรือ?”ทว่าข้างในกลับไร้เสียงตอบรับฉินซูยังคงมิยอมแพ้ กล่าวต่อไป “ชูโม่ เจ้าอย่าหึงหวงนักเลย อย่างน้อยก็ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเถิด”เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ทหารยามทั้งสองก็อดมิได้ที่จะสบตากัน!ให้ตายสิ ท่านแม่ทัพใหญ่กับองค์รัชทายาทมีความสัมพันธ์ช่างลึกซึ้งเกินคาด!!สีหน้าของพวกเขาทั้งสองฉายแววตกตะลึง ราวกับได้รับข่าวเด็ดข่าวใหญ่ฉินซูเกลี้ยกล่อมอีกสองสามประโยค ทว่าในกระโจมก็ยังคงไร้เสียงตอบรับเมื่อเห็นดังนั้น ฉินซูจึงหันไปถามทหารยามทั้งสอง “ชูโม่อยู่ข้างในจริง ๆ หรือ?”“พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ท่านแม่ทัพใหญ่เข้าไปแล้วก็ยังมิได้ออกมาเลยพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่มีประตูด้านหลังใช่หรือไม่?”“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”“มิได้การ ชูโม่อาจจะเป็นกระไรไปแล้วก็ได้!”กล่าวถึงตรงนี้ ฉินซูจึงตะโกนเข้าไปด้านใน “ชูโม่ ข้าจะเข้าไปแล้วนะ”ขณะที่ฉินซูกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป ทหารยามทั้งสองก็รีบร้องทัดทาน “มิได้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ห

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 612

    ขณะเดียวกันกองหนุนทัพหนานเยวี่ยภายในค่ายทหารแม่ทัพนายกองทั้งหลายต่างจับจ้องไปยังบุรุษบนที่นั่งหัวโต๊ะด้วยใจระทึกบุรุษผู้นั้นสวมชุดเกราะสีเงินยวง ร่างกายสูงใหญ่ผึ่งผาย!เขาคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย เติ้งหม่าง!สายตาเย็นเยียบของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนทีละคน สุดท้ายจับจ้องที่แม่ทัพน้อยหม่า“หม่าเวย เจ้าสำนึกผิดหรือไม่?”หม่าเวยรีบคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว ทว่าอาวุธของต้าเหยียนคราวนี้ร้ายกาจเหลือเกิน โล่เกราะหวายของพวกเราเมื่อเผชิญกับลูกธนูของพวกมันก็มิต่างกระไรจากดินเหนียว ยิงคราเดียวก็ทะลุง่ายดาย!”“ใช่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่ โล่เกราะหวายที่พวกเราเคยภาคภูมิใจนักหนา บัดนี้มิอาจหวังพึ่งได้อีกแล้วขอรับ”“มิเพียงเท่านั้น ทางต้าเหยียนยังใช้อาวุธเพลิงร้ายกาจชนิดหนึ่ง ของสิ่งนั้นอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก ทหารมิใช่น้อยถูกระเบิดจนร่างแหลกมิเหลือชิ้นดีเลยขอรับ”เมื่อกล่าวถึงระเบิดเพลิง หลายคนยังคงหวาดผวาเติ้งหม่างขมวดคิ้วมุ่น และกล่าวพึมพำ “กองทหารรักษาการณ์เจียวโจวถูกพวกเราโจมตีมาเกือบเดือน บัดนี้จู่ ๆ กลับปรากฏอาวุธร้ายกาจถึงเพียงนี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status