บทที่ 11 หม่อมฉันเกลียดองค์ชาย
มือเรียวประท้วงด้วยการทุบตีอกแกร่งจนเขาต้องใช้มือขวาจับมือของนางเอาไว้พร้อมผลักให้นางนอนราบลงบนเตียงนอนก่อนจะถอดริมฝีปากออกมาจ้องมองร่างบางที่กำลังโกรธเขาอยู่พรางหายใจเหนื่อยหอบ
“ประท้วงข้าไปก็เท่านั้นอย่างไรเจ้าก็เป็นของข้า”
“หม่อมฉันเกลียด เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับองค์ชายการกระทำของท่านไม่ต่างกับทาสชั้นต่ำ” ลั่วเออร์จ้องมองเขม็งแม้จะหวาดกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นแต่ตอนนี้นางเองทั้งโกรธทั้งเกลียดชายที่อยู่ตรงหน้าเหลือเกิน
“ฮึ ฮึ ทาสชั้นต่ำเช่นนั้น? หรือได้ข้าจะแสดงให้เจ้าได้ดูเอง” เซียวอี้ขึ้นบนเตียงคร่อมร่างของลั่วเออร์ใช้มือทั้งสองข้างจับแขนของนางให้แนบลงกับที่นอนเพื่อไม่ให้นางใช้มือมาปัดป้องพร้อมก้มลงใช้จมูกฝังลงซอกคอเนียนขาวซุกไซร้คออย่างหื่นกระหาย ร่างบางบิดเร่าดิ้นหนีแต่มีหรือที่นางจะหนีได้เพราะยามนี้ไม่ว่าส่วนใดของร่างกายถูกเขาตราตรึงไว้จนหมดสิ้น
“ปล่อยนะ! หม่อมฉันบอกให้ปล่อยอย่างไรเพคะ” นางสั่นกลัวเปล่งเสียงสะอึกสะอื้นให้เซียวอี้หยุดการกระทำแต่ทว่าเซียวอี้นั้นกลับถวิลหาร่างกายของลั่วเออร์จนหยุดตนเองไม่ได้ เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้าของนางก่อนจะจูบลงบนริมฝีปากอวบอิ่มอย่างดูดดื่มอีกครั้ง
“อื้อ อื้อ” ลั่วเออร์ส่งเสียงประท้วงออกมาผ่านลำคอแต่ไม่มีท่าทีว่าเซียวอี้จะหยุดลงเพียงเท่านั้น ลิ้นสากของเขาวกวนเข้าไปพัวพันดื่มด่ำรสหอมหวานของนางจนยามนี้ร่างกายของนางอ่อนระทวยสมองขาวโพลน ลิ้นของเซียวอี้ค่อย ๆ กวาดน้ำหวานดูดดื่มอย่างบ้าคลั่งก่อนจะถอดริมฝีปากออกจากปากอวบอิ่มของนางและค่อย ๆ ใช้จมูกและลิ้นละเลงเลียซอกคอระหงลั่วเออร์วาบหวิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายของนางตอบสนองการกระทำของเซียวอี้บิดเร่าก่อนจะหลุดร้องครวญครางออกมา
“อื้อ…” เขาได้ยินเสียงมันไปกระตุ้นร่างกายของเซียวอี้ยิ่งร้อนรุ่มมากขึ้นกว่าเดิม เขาเงยหน้าขึ้นปล่อยมือออกจากมือของนางจ้องมองร่างบางอย่างพึงพอใจใบหน้าของลั่วเออร์แดงก่ำ เขาถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองอย่างรวดเร็ว ลั่วเออร์ตั้งสติได้จะลุกขึ้นหนีเขา เพราะนี่เป็นสิ่งที่นางไม่ได้ต้องการและยังทำใจไม่ได้ใบหน้าของแม่ทัพเจาหยางปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ลั่วเออร์รีบลุกขึ้นจะก้าวเท้าลงจากเตียงแต่ทว่าเซียวอี้ดันหันกลับมาเห็นเสียก่อนคว้าตัวของนางเอาไว้ก่อนจะกระชากเสื้อผ้าของนางออกมาเผยให้เห็นตู้โตวที่นางสวมใส่
“เจ้าคิดจะหนีอย่างนั่นหรือ? เจ้าลืมแล้วหรืออย่างไรว่าตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใดและมีฐานะเป็นอะไร หืม! ร่างกายของเจ้าช่างงดงามยิ่งนักผิวขาวเนียนภายใต้เสื้อตู้โตวนั้นคงจะอวบอิ่มน่าดู ดูสิขนาดเสื้อตู้โตวที่เจ้าสวมใส่ยังบดบังความใหญ่ไม่ได้เลย เจ้าคิดจะเก็บไว้ให้แม่ทัพเจาหยางดูสินะ ฮ่า ฮ่า แต่จะทำอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้ข้าเป็นเจ้าของเจ้าแล้ว และวันนี้ข้าจะเชยชมแทนแม่ทัพเจาหยางเอง” ลั่วเออร์ดวงตาแดงก่ำเพราะความโกรธแค้น เขาทำเช่นนี้กับนางราวกับนางมิใช่คน ลั่วเออร์มิอาจทนใช้มือขวาของตนตบเข้าที่ใบหน้าของเซียวอี้เต็มแรงอย่างไม่เกรงกลัว
“เพี๊ยะ !!” ใบหน้าของเซียวอี้หันไปตามแรงกระแทกของลั่วเออร์จนใบหน้าปรากฎรอยนิ้วมือ
“หยาบคายนิสัยราวกับสัตว์ป่าเกิดมาหม่อมฉันไม่เคยพบเจอผู้ใดที่เหมือนองค์ชายเลยสักคน ต่อให้ท่านฝืนใจข้าเช่นไรข้าก็ไม่มีทางลืมท่านแม่ทัพ และองค์ชายนั้นเลวทรามอย่านำท่านแม่ทัพมาเปรียบเทียบกับท่านเลยเพคะ” คำพูดของลั่วเออร์กระตุ้นความโมโหและอยากเอาชนะเจาหยางเขากระชากเสื้อตู้โตวออกพร้อมดันร่างของลั่วเออร์ลงบนเตียงด้วยแรงที่ตนเองมี ก่อนจะใช้มือซ้ายบีบคอของนาง
“ใช่ข้าเลว! ข้าคือองค์ชายเสเพลและข้าก็คือสวามีของเจ้าอย่างไรล่ะ”
“หม่อมฉันเจ็บปล่อยนะ!!!” ลั่วเออร์พยายาแกะมือของเขาออกจากคอตนเองแต่ทว่าความโมโหของเซียวอี้มีมาก เขาไม่ได้บีบคอนางแน่นแต่เพียงทำให้นางหวาดกลัวเขาเท่านั้นก่อนที่เขาจะใช้มือของขวาบีบเคล้นยอดปทุมถันที่ตั้งชูชันอยู่ต่อหน้าและใช้ลิ้มชุ่มไปด้วยน้ำลายกวาดลงเลียรอบ ๆ ก่อนจะขบเม้มยอดอมชมพูที่ตั้งชูชันอยู่จนร่างบางกระตุกด้วยความวาบหวิวแปลกใหม่ มือของนางยังคงจับมือของเขาที่บีบคอของตนเอาไว้ สมองเริ่มขาวโพลนไม่รับรู้เสียงด้านนอกมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังเหนื่อยหอบของตนและเซียวอี้ เขาใช้มือบีบเคล้นเต็มแรงเมื่อเห็นร่างบางนิ่งเงียบจึงถอดมือออกจากลำคอของนางใช้มือทั้งสองข้างบีบเคล้นพรางใช้ขาของตนถางขาทั้งสองข้างของนางให้แยกออกจากกัน ใบหน้าของลั่วเออร์แดงระเรื่อร้อนผ่าวไปทั้งร่างกาย ลิ้นร้อนของเซียวอี้คลอเคลียอยู่กับยอดปทุมถันจนหนำใจ เขาค่อย ๆ ไล่เลียลงมาต่ำลงเรื่อย ๆ ใช้มือทั้งสองถอดชุดด้านล่างของนางออกอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะเชยชมกลีบกุหลาบงามของลั่วเออร์ที่ต่อจากนี้เขาจะได้เป็นเจ้าของมัน เขาไม่รีรอเมื่อเห็นว่าตอนนี้ลั่วเออร์ไม่ได้สติจึงก้มหน้าลงลิ้มรสน้ำหวานจากกลีบกุหลาบใช้นิ้วสอดใส่เพื่อกระตุ้นให้ช่องรักของนางมีน้ำมาหล่อเลี้ยงก่อนจะใช้ลิ้นสากของตนแตะลงที่ติ่งสวรรค์ ลั่วเออร์สะดุ้งกระตุกดิ้นหนีอย่างเสียวซ่าน
นางใช้มือปิดปากตนเองเพื่อไม่ให้ร้องออกมา นางทั้งเสียใจและเสียวซ่าน ใบหน้าของแม่ทัพได้ปรากฎขึ้นอีกครั้งจนน้ำตาของนางไหลริน นางทำผิดต่อท่านแม่ทัพที่รักนางยิ่งนัก เสมือนนางทำผิดต่อเขามากมาย หากเขากลับมาจากสนามรบเจาหยางคงไม่ยกโทษให้นางแม้แต่ใบหน้าของนางเขาคงไม่อยากจะพบเจอ ยิ่งคิดเช่นนั้นลั่วเออร์ยิ่งโมโหและเกลียดเซียวอี้เข้ากระดูกดำ แต่แล้วความคิดของนางต้องจบลงเมื่อร่างแกร่งกำลังดูดเม้มที่ติ่งสวรรค์อย่างดูดดื่ม
“อื้อ อื้อ …” จนลั่วเออร์มิอาจทนเปล่งเสียงเล็ดลอดออกมาจากลำคอ เอวของนางขยับหนีแต่ถูกเขาจับไว้แน่นก่อนจะสอดลิ้นอุ่นเข้าไปในช่องรักร่างกายของลั่วเออร์ร้อนระอุ มืออีกข้างของเซียวอี้บีบเคล้นเคล้าคลึงยอดปทุมถันจนแดงไปด้วยรอยนิ้วมือของเขา
บทที่ 12 จำเอาไว้เจ้าคือพระชายาของข้าไฟราคะปะทุขึ้นอย่างรวดเร็วร่างกายทั้งสองร้อนผ่าวทั้งคู่ เซียวอี้ถอดริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งจ้องมองกลีบกุหลาบที่เปียกชุ่มอยู่ต่อหน้า จับมังกรที่ตั้งผงาดของตนถูที่กลีบกุหลาบไปมาให้คุ้นเคย"สงบได้แล้วสินะ ดูสิในยามนี้ร่างกายของเจ้าที่รังเกียจข้าต้องการข้ามากเพียงใด กระตุกเร่าแอ่นกายให้ข้าเข้าไปหา เจ้าคงมิได้คิดว่าข้าเป็นแม่ทัพเจาหยางอยู่หรอกนะ " เซียวอี้คิดเช่นนั้นมังกรของเขายิ่งแข็งและตั้งผงาดมากกว่าเดิม เขาจะสอดใส่แท่งร้อนของตนเพื่อทำให้นางลืมเจาหยางและคิดถึงเขาเพียงผู้เดียว เขาดึงมือของนางออกจากใบหน้าเพื่อจะได้มองเห็นใบหน้าของนางชัด ๆ และให้นางจ้องมองเขาว่าคนที่นางกำลังร่วมรักอยู่นั่นคือเซียวอี้มิใช่เจาหยาง"ทะ..ท่านช่างหยาบโลนเช่นไรหม่อมฉันก็ไม่มีวันหายเกลียดท่านและไม่มีวันที่จะลืมคนที่หม่อมฉันรักคือแม่ทัพเจาหยาง " น้ำเสียงเปล่งออกมาอย่างกระเส่าแหบพร่า เพราะช่องรักของนางกำลังถูกเขาคืบคลานเข้าไปด้านใน"เช่นนี้หรือ? ทั้ง ๆ ที่เจ้านอนกับข้าและยามนี้ร่างกายของเจ้ากำลังกลืนกินแท่งร้อนของข้าอยู่แต่ในใจเจ้ายังหวนคิดถึงชายรักของเจ้า เจ้าช่างเป็นสตรีที่น่ารั
บทที่ 13 หม่อมฉันปฏิเสธได้หรือ?หลังจากนางแต่งกายเสร็จสิ้นได้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมองค์ชายเซียวอี้ ระหว่างทางเดินมายังท้องพระโรงลั่วเออร์เดินตามหลังคอยเหลียวมองแผ่นหลังของเขาอย่างเครียดแค้น แม้ว่าใบหน้ารูปร่างขององค์ชายจะหล่อเหลาราวเทพเทวดาแต่ทว่าการกระทำของเขาช่างราวกับสัตว์ร้าย ยิ่งทำให้ลั่วเออร์รังเกียจเขามากกว่าเดิม แม้แต่ร่างกายของนาง นางไม่อยากให้เขามาแตะกายนางด้วยซ้ำ ไม่นานนักก็ได้เดินมาถึงท้องพระโรงที่กว้างใหญ่ท้องพระโรง“องค์ชายสามเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” เสียงของขันทีดังขึ้นเพื่อแจ้งให้ฝ่าบาทที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้รับรู้ ลั่วเออร์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อวานในพิธีนางไม่ได้เอ่ยวาจาใดกับฝ่าบาทเลยเมื่อมายืนต่อหน้าความหวาดกลัวเริ่มปะทุในหัวใจ“ถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมฮองเฮา” เซียวอี้เอ่ยถวายบังคมท่านพ่อกับท่านแม่ของตน ลั่วเออร์มองไปยังบัลลังก์ชายชราที่นั่งใบหน้าเข้มขรึมน่าเกรงขามยิ้มกว้างเมื่อเห็นนาง แววตาเต็มไปด้วยความดีใจได้เอ่ยให้องค์ชายพานางนั่งลงที่ประจำตำแหน่ง“เจ้าพาพระชายาของเจ้ามาเข้าเฝ้าข้ากับฮองเฮาอย่างนั้นหรือ? พานางไปนั่งที่ของเจ้าเถิดข้าเองก็มีเรื่องที่จะแจ้งเจ้าเช่นกัน
บทที่ 14 ร้อนใจรีบคิดแผนการ“นี่คือของกำนัลที่ฮองเฮาเตรียมไว้ให้เพคะ” นางกำนัลได้นำของมามอบให้แก่ลั่วเออร์นางรีบรับมาถือไว้ในใจครุ่นคิดสงสัยว่าสิ่งที่ฮองเฮาให้มานั่นคืออะไรกัน“เจ้าเปิดดูสิถูกใจเจ้าหรือไม่?”“เพคะฮองเฮา” ลั่วเออร์เปิดดูด้านในเป็นปิ่นปักผมที่ทำมาจากทองคำงดงามระยิบระยับ“ทูลฮองเฮาหม่อมฉันมิอาจรับของสิ่งนี้ไว้ได้เพคะ”“สิ่งที่ข้ามอบให้แก่เจ้ายังน้อยไป หากเมื่อไหร่ที่เจ้าตั้งครรภ์ข้าจะมอบของกำนัลที่มากกว่านี้ให้แก่เจ้า ยามนี้ข้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเจ้ากลับตำหนักหนานฉีเถิด มามาหลี่อย่าลืมเรื่องที่ข้ากำชับเจ้าด้วยล่ะ” ฮองเฮาเอ่ยพร้อมใช้มือปัด ๆ ให้ลั่วเออร์กลับตำหนักพร้อมกำชับสิ่งที่นางต้องการให้มามาหลี่จัดการสอนทุกอย่างให้แก่ลั่วเออร์“ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันขอตัวนะเพคะ” ลั่วเออร์ลุกขึ้นคำนับฮองเฮาก่อนจะเดินกลับตำหนักพร้อมมามาหลี่และนางกำนัลที่ดูแลนางตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่วังหลังแห่งนี้ฝั่งด้านใต้เท้าเซ่อที่รอทุกคนอยู่ที่หอคณิกาเขาได้ดื่มสุราเพื่อบรรเทาความโมโหยิ่งคิดเห็นภาพรอยยิ้มขององค์ชายเซียวอี้ยิ่งทำให้จิตใจของเขาร้อนรุ่ม ที่เขาไม่ต้องการให้องค์ชายเซียวอี้รับตำแหน่ง
บทที่ 15 แม่ทัพนำพาชัยชนะกลับมาลั่วเออร์ลุกขึ้นจากอ่างน้ำนางกำนัลที่เตรียมผ้าได้มาสวมใส่เพื่อพาตัวของนางไปแต่งกายอีกห้องส่งนางเข้าห้องบรรทม แม้จะมีนางกำนัลมากมายแต่ทว่าลั่วเออร์กลับรู้สึกว่าไม่มีผู้ใดที่นางไว้ใจได้สักคน นางคิดถึงจื่อหลินยิ่งนักหลังจากแต่งกายเสร็จนางกำนัลส่งลั่วเออร์มาที่ห้องบรรทมลั่วเออร์มองซ้ายมองขวาที่นี่กว้างใหญ่จนนางรู้สึกอ้างว้าง เสียงฝีเท้าย่างกรายเข้ามาใกล้หัวใจของนางสั่นกลัว คงเป็นเขาองค์ชายใจร้ายใจดำที่ย่ำยีนางเขาเดินเข้ามาจ้องมองมาที่นางพร้อมแสยะยิ้มจนลั่วเออร์ขนลุกซู่ เหตุใดชะตากรรมของนางต้องมาพบเจอกับคนที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ด้วย“พระชายาของข้าช่างรู้ใจเสียจริง แต่งกายเพื่อรอให้ข้าเข้ามาหาสินะดูสิเนื้อผ้าบางหวิวนั้นทำให้ข้ามองเห็นร่างกายของเจ้า ข้าชักอดใจไม่ไหวอีกแล้วสิวันนี้ทั้งวันข้าเอาแต่คิดถึงใบหน้าของเจ้าน้ำเสียงของเจ้าเหลือเกิน” ยิ่งนางได้ยินยิ่งรู้สึกขยะแขยงเขายิ่งนัก“หม่อมฉันเองก็คิดถึงใบหน้าขององค์ชายเช่นกันเพคะแต่ความรู้สึกของหม่อมฉันมันแตกต่างจากท่าน เมื่อไหร่ที่ใบหน้าขององค์ชายปรากฎขึ้นในสมองของหม่อมฉัน หม่อมฉันยิ่งเกลียดท่าน หากหม่อมฉันสามารถปล
บทที่ 16 เจ็บปวดแทบกระอักเลือดดวงตาของเขาสั่นคลอนเริ่มแดงก่ำ เพียงไม่กี่วันที่เขาออกรบไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นสตรีที่เขารักบัดนี้ได้ไปเป็นพระชายาของสหายตนเอง ยิ่งคิดเขายิ่งไม่เข้าใจสตรีในใต้หล้ามีมากมาย แถมเซียวอี้ก็รู้ว่าเขานั้นมีใจให้แก่ลั่วเออร์มานาน ทั้งที่รู้แต่ยังต้องการให้นางเข้าไปเป็นพระชายา เขาทำอันใดให้โกรธเคืองกัน ที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความจงรักภักดีต่อแผ่นดิน ทุกอย่างกลับพังทลายลงด้วยน้ำมือของสหายความฝันที่เขาต้องการเคียงคู่จนแก่เฒ่ากับลั่วเออร์พลันหายไปในพริบตา“จื่อหลิน เจ้านำผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เก็บไว้เถิดหากวันใดเจ้าเจอลั่วเออร์ฝากบอกนางให้ข้าด้วย หัวใจของข้าเคยมีนางเช่นไรต่อจากนี้หัวใจของข้าก็ยังเป็นของนางเพียงผู้เดียวและตลอดไปแม้ว่าข้ากับนางจะไม่มีวาสนาได้เคียงคู่ หรือมีผู้ใดมาพรากข้ากับนางแต่จะไม่มีผู้ใดมาพรากหัวใจของข้าไปจากนางได้” น้ำเสียงเศร้าสร้อยแหบแห้งเอ่ยออกมาด้วยความเจ็บปวดจนจื่อหลินเองแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ รีบคว้าผ้าเช็ดหน้าของเจาหยางมาถือไว้ จ้องมองแม่ทัพผู้องอาจคอตกใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์หันหลังให้แก่นางพร้อมควบม้าออกไปจากเรือ
บทที่ 17 โปรดไตร่ตรองเจาหยางครุ่นคิดหวนย้อนไปยิ่งเห็นได้ชัดก่อนที่เขาจะออกไปรบครานี้องค์ชายสามเปลี่ยนไป แม้เขารู้ว่าองค์ชายสามมักจะถูกฝ่าบาทต่อว่าเปรียบเทียบกับเขาอยู่บ่อยครั้งแต่เขาไม่เคยคิดว่าตนเองนั้นดีเกินกว่าองค์ชายสามเลยสักครั้ง หากต่อสู้กันจริง ๆ องค์ชายสามนั้นมีฝีมือที่เก่งกาจกว่าเขามากมาย“ข้าทำอันใดให้องค์ชายโกรธเคืองจนต้องแย่งลั่วเออร์กัน ท่านพ่อโปรดบอกข้าที” ยิ่งคิดเจาหยางยิ่งปวดหัวทั้งปวดใจฤทธิ์สุราได้ออกฤทธิ์ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกเฝ้าโทษตนเองว่าทำสิ่งใดให้องค์ชายผิดใจกัน“เจ้าไม่ได้ทำอันใดหรอกนะเพียงแต่องค์ชายสามกลัวว่าอำนาจที่เขามีอยู่จะถูกเจ้าแย่งไปนะสิความรักความสนใจทุกคนล้วนสรรเสริญเจ้า องค์ชายสามคงริษยา เจ้าอยากแก้แค้นองค์ชายสามหรือไม่ที่มาแย่งคนรักของเจ้าไปทำให้เจ้าเจ็บปวดเจียนตายเช่นนี้ พ่อเจ้าผู้นี้จะสนับสนุนเจ้าเต็มกำลัง อย่าลืมสิว่าเรายังมีองค์ชายห้าที่สามารถทำให้ถูกแต่งตั้งเป็นหวงไท่จื่อได้ หากองค์ชายห้าเข้าเป็นหวงไท่จื่อจริง ๆ วันนั้นอำนาจจะตกอยู่ที่ตระกูลของเรา หากฮ่องเต้สวรรคตยิ่งเป็นเรื่องง่ายที่เจ้าจะทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างจากองค์ชายสาม องค์ชายห้ายังเด็กและ
บทที่ 18 ห้วงความรู้สึกหลังจากนั้นทุกคนได้แยกย้ายเพื่อไปทำหน้าที่ของตนต่อ ในท้องพระโรงจึงเหลือเพียงฝ่าบาทกับองค์ชายสามที่อยู่ด้านในพร้อมนางกำนัลและขันที"เจ้ามาได้ตรงเวลาพอดี วันนี้เจ้าทำให้ข้าภูมิใจในตัวเจ้ายิ่งนักเห็นใบหน้าของใต้เท้าเซ่อหรือไม่? "ฝ่าบาทเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ"ท่านพ่อที่ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นอาจจะทำให้พวกใต้เท้าไม่ชอบใจข้ามากกว่าเดิม แต่ที่ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นเพราะอยากให้พวกใต้เท้าได้รู้ว่าบัลลังก์แห่งนี้คือท่านพ่อปกครองอยู่มิใช่พวกใต้เท้าพวกนั้น ""เจ้ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก การนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้นมิใช่เรื่องง่าย ข้าหวาดระแวงทุกวันมีอำนาจแล้วเช่นไรในเมื่อเชื่อใจผู้ใดไม่ได้ศัตรูมีทุกรูปแบบต้องระวังตนทุกอย่าง เซียวอี้ข้าเหน็ดเหนื่อยกับอำนาจนี้เหลือเกินข้าอยากจะฝากเจ้าปกครองบัลลังก์แทนข้าในเร็ววัน เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้าใช่หรือไม่? ข้าไม่อยากให้ตกไปอยู่กับคนไม่ดี " แววตาของเหนื่อยหน่ายของฝ่าบาทปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน"ท่านพ่อ ข้ารับปากจะทำให้ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ" เมื่อพูดคุยกับท่านพ่อเสร็จสิ้นเซียวอี้รีบเดินออกมาจากท้องพระโรงเพื่อตามหาแม่ทัพเจาหยาง โชคดีที่เขายังไม่ได
บทที่ 19 พาจื่อหลินเข้าวังหลังจากที่เจาหยางกลับไปลั่วเออร์รีบปัดแขนของเซียวอี้ออกจากร่างกายพร้อมลุกขึ้น"ทรงทำเช่นนี้ทำไมเพคะ ที่องค์ชายพาแม่ทัพมาที่นี่เพราะต้องการเห็นเขาหรือแม้กระทั่งหม่อมฉันเจ็บปวดใช่หรือไม่เพคะ สะใจท่านแล้วสินะเพคะ ยิ่งทำเช่นนี้หม่อมฉันยิ่งเกลียดองค์ชายมากกว่าเดิม" น้ำตาของลั่วเออร์นรินไหลอกมาอีกครั้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"ทำไมเจ้ายังอาลัยอาวรณ์แม่ทัพอยู่อย่างนั้นหรือ? สายตาที่เจ้ากับแม่ทัพจ้องมองกันช่างเป็นคู่รักที่รักกันหวานชื่นเป็นข้าเสียมากกว่าที่ต้องเสียใจ เจ้าเป็นพระชายาของข้ามิใช่คนรักของแม่ทัพเจาหยาง เจ้าอย่าลืมสิ""องค์ชายจะเสียใจอันใดเพคะ ทั้งหมดนี้ท่านทำเพราะอยากให้พวกเราเจ็บปวดยามนี้คงสาแก่ใจท่านแล้ว " ลั่วเออร์เอ่ยจบได้วิ่งหนีกลับห้องของตนเอง พร้อมขับไล่นางกำนัลที่วิ่งตามาให้ออกไปนางอยากอยู่เพียงลำพัง ลั่วเออร์นอนบนเตียงนอนสะอื้นไห้ นางตกอยู่ในภวงค์แห่งความเจ็บปวดยิ่งวันนี้นางเห็นใบหน้าของเจาหยางนางยิ่งมั่นใจว่าหัวใจของนางยังคงมีเขาอยู่เต็มหัวใจ สายตาที่เจาหยางมองนางไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางยิ่งขยะแขยงตนเองยิ่งนักที่ทำให้เขาผิดหวังและเสียใจส่วน
บทที่ 44 ข้ารักท่านใต้เท้าเซ่อรู้สึกอับอายที่บุตรชายได้รับความพ่ายแพ้ต่อองค์รัชทายาท ตระกูลเซ่อทุกคนต่างได้รับโทษและใต้เท้าที่รวมตัวกันวางแผนก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน โทษของเจาหยางคือการถูกโบยตีก่อนจะนำไปแคว้นคอประจานให้แก่ราษฎรได้เห็นถึงการก่อกบฏและประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์จะถูกลงโทษเช่นไร แม้จะมีคุณงามความดีต่อแผ่นดินแต่ถ้าหากคิดร้ายก็ไม่ละเว้นก่อนจะนำร่างไปโยนให้แร้งกิน สนมตระกูลเซ่อถูกปลดให้เป็นเพียงสาวใช้และองค์ชายห้าถูกตัดขาดกับราชวงศ์มิอาจจะเข้ามาในวังหลวงได้อีกต่อไปใต้เท้าเซ่อถูกรุมประชาทัณฑ์ชาวบ้านหรือผู้ที่เคยถูกเขาข่มเหงรังแกขว้างหินขว้างดินใส่จนเขาถึงแก่ความตายภายในวังหลวงกลับมาสุขสงบอีกครั้ง แม้ลั่วเออร์จะเห็นชอบการลงโทษแต่ทว่าในใจของนางลึก ๆ ยังคงคิดถึงใบหน้ารอยยิ้มของเจาหยางแต่มิใช่เพราะนางคิดถึงเพราะความรักแต่ทว่านางกลับเสียดาย หากเขาเลือกเดินทางถูกต้องและคอยช่วยเหลือองค์รัชทายาทอาจจะเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่ทุกคนนับหน้าถือตา"พระชายาเพคะ วันนี้หม่อมฉันจะออกไปอยู่ที่ตำหนักของนางในแล้วจะได้พบพระชายาอีกไม่เพคะ" หนิงเอ๋อเดินเข้ามาหาลั่วเออร์ที่ศาลารับลม นางได้เข้ามาเป็นนางในฝึกหัด
บทที่ 43 ลงโทษอย่างสาสม"ใครบอกเป็นเพราะเจ้าที่เป็นองค์ชายไม่เอาไหนต่างหาก ข้าจงรักภักดีต่อแผ่นดิน หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นแม่ทัพที่ดีและเป็นกองกำลังให้ฮ่องเต้เช่นเจ้าในภายภาคหน้าแต่เจ้าทำลายทุกอย่าง เจ้าทำร้ายหัวใจของข้า ทำให้ข้าต้องแย่งชิงคืนมาเช่นนี้อย่างไรเล่า " เจาหยางตั้งท่าได้สู้กับเซียวอี้อีกครั้ง จนทั้งสองทะลุกำแพงห้องพังทลายล้มลง เสียงดังจึงถึงห้องของลั่วเออร์ตึง!"นั่นเสียงอะไรกัน ทำไมถึงดังอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้หรือว่าแม่ทัพเจาหยางบุกมาที่ตำหนักนี้แล้ว " ลั่วเออร์ไม่รีรอนางร้อนใจจึงเปิดประตูออกไปด้านนอกเพื่อดู แต่ก็ต้องถูกองครักษ์เข้ามาห้ามไม่ให้ออกไปเสียก่อน"พระชายาจะออกไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ ""ข้าได้ยินเสียงดังที่ตำหนักนี้ข้าเป็นห่วงองค์รัชทายาทกลัวว่าเขาจะรับมือแม่ทัพเจาหยางไม่ได้ ""พระชายาอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้องครักษ์ไป๋เหลียนก็อยู่กับองค์รัชทายาท พระชายาเข้าไปอยู่ในห้องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ " ลั่วเออร์มองลอดใต้แขนขององครักษ์ที่ยืนบังนางเห็นแม่ทัพเจาหยางกำลังจะใช้ดาบจัดการกับเซียวอี้ที่ล้มลงกับแผ่นไม้ฝาผนังที่เสียงดังเมื่อครู่ นางคือต้นเหตุทุกอย่างที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นและเ
บทที่ 42 ก่อกบฏรุ่งเช้าวันต่อมาไป๋เหลียนที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเจาหยางได้เข้ามารายงานต่อเซียวอี้ที่กำลังนั่งหน้าเคร่งเครียดเพื่อรับมือจากแม่ทัพ"ทูลองค์รัชทายาท ยามนี้กองทัพของแม่ทัพเจาหยางจะเคลื่อนขบวนในยามวิกาลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาบอกกล่าวกองกำลังเพื่ออ้อมล้อมวังหลวงในคืนนี้ในเวลายามที่ทุกคนต่างหลับใหล จำนวนทหารของแม่ทัพมีประมาณสี่ร้อยนายจะรับมือเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ""ทหารของเจาหยางมีสี่ร้อยนายหรือ? เช่นนั้นกองกำลังของเราก็มีไม่น้อยไปกว่าเขาเพราะความช่วยเหลือของท่านแม่ ข้าจะวางแผนตลบหลัง ขันทีลี่เว่ยไปแจ้งกองกำลังมาหาข้าที่นี่""พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย ""ส่วนเจ้าค่ำคืนนี้ทำตามแผนของข้า ส่วนพระชายาข้าจะให้องครักษ์เงาอีกกลุ่มไปเฝ้านางเอง มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถรับมือแม่ทัพเจาหยางได้ จงทำตามนี้" เซียวอี้บอกแผนการให้ไป๋เหลียนได้รับรู้ จากนั้นเมื่อกองกำลังมาถึงเขาได้บอกแผนการในการรับมือครั้งนี้ให้แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและทุกคนต่างพากันหลบซ่อนจนกว่ากองกำลังของแม่ทัพเจาหยางจะล้อมวังหลวงจากนั้นค่อยให้ทหารออกมาล้อมกองทัพของแม่ทัพเจาหยาง เซียวอี้ครุ่นคิดมาทั้งคืนเขาจะไม่ให้เกิดการ
บทที่ 41 วางแผนรับมือฝั่งด้านแม่ทัพเซ่อเจาหยางเขากลับมาจากตำหนักหนานฉี มาปรึกษาหารือท่านพ่อคิดจะก่อกบฏท่านใต้เท้าเซ่อไม่ห้ามแถมยังให้ความสนับสนุนเซ่อเจาหยางอีกด้วย เขาจึงตระเวนออกไปหาใต้เท้าที่อยู่ภายใต้ความควบคุมท่านพ่อเพื่อขอความร่วมมือในการชิงบัลลังก์ในครั้งนี้ ข้ากลับจากเรือนใต้เท้าท่านหนึ่งเห็นองค์รัชทายาทกำลังพาลั่วเออร์ออกจากวังหลวงเพียงลำพังจึงได้แอบตามไป ได้เห็นหมู่บ้านในหุบเขาที่เซียวอี้แอบซ่อนไว้ รอยยิ้มของลั่วเออร์ที่เคยเป็นของเขายามนี้ถูกเซียวอี้ครอบครองจนหมดสิ้นไม่ว่าจะเป็นใจหรือกายของนาง ดวงตาร้อนระอุในอกเต็มไปด้วยความเคลียดแค้น ยิ่งเห็นชาวบ้านที่นี่รักและเทิดทูลเขายิ่งไม่พึงพอใจ เมื่อเห็นว่าเซียวอี้พาลั่วเออร์กลับวังหลวงความคิดชั่วร้ายของเจาหยางที่ก่อเกิดจึงสั่งการให้ทหารของตนไปจัดการสอบถามชาวบ้านแต่เมื่อชาวบ้านตอบคำถามไม่ตรงความคิดของเขาจึงสั่งให้ทหารจัดการฆ่าทิ้งให้หมดทุกคนไม่ละเว้น เขาอยากเห็นความเจ็บปวดของเซียวอี้ที่พรากคนรักของเขาไป หากเขารู้ว่าหมู่บ้านและชาวบ้านที่เขาให้การช่วยเหลือตายกันหมดคงจะเจ็บปวดเจียนตายเมื่อตรวจสอบแล้วไม่เหลือผู้เหลือรอดเขาจึงจุดไฟเผาให้
บทที่ 40 เป็นฝีมือเขาในห้องของลั่วเออร์มีจื่อหลินที่แต่งกายให้อยู่นางเกิดความสงสัยจึงเอ่ยถามผู้เป็นนาย"พระชายาเพคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันเพคะพระชายาถึงได้พากันกลับวังหลวงจนท้องฟ้ามืดมิดเช่นนี้แล้วเด็กนั้นคือใครกันเพคะ" ลั่วเออร์หันไปมองหน้าของนางกำนัลเสมือนพวกนางรู้พากันเดินออกจากห้องเหลือเพียงจื่อหลิน"เด็กนั่นเป็นเด็กที่องค์รัชทายาทช่วยเหลือเอาไว้ ข้างนอกวังเกิดเรื่องขึ้นทำให้ข้ากับองค์รัชทายาทกลับมาล่วงเวลาเช่นนี้ วันนี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินจนไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยแล้วเจ้าไปพักเถิดนะ รุ่งสางข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเอง ""เพคะพระชายา " จื่อหลินวางแปรงผมลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เดินออกไปด้านนอกไม่นานเซียวอี้ได้เสด็จมาหาลั่วเออร์เพื่อมฟังคำพูดของนางเหตุใดนางถึงรู้ว่าเป็นแม่ทัพเจาหยางและเขามาพบนางเพราะการใด"มาแล้วหรือเพคะ ""ข้ารู้ว่าเจ้าตกใจและเสียใจเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าต้องการจะรู้จากปากเจ้าในวันนี้ข้าต้องรู้ให้ได้ "ลั่วเออร์ลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้พรางสูดลมหายใจให้ทั่วท้องและเล่าเรื่่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แก่เซียวอี้ฟัง"อะไรกันเจาหยางคิดทำลายข้าจนถึงขั้นจะให้เจ้าปลงพระชนม์ข้าอย่างนั้นห
บทที่ 39 ช่างโหดร้ายลั่วเออร์ปาดน้ำตาลุกขึ้นยืนเดินไปเดินมาด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่มกำมือแน่นภาวนาให้ยังพอมีคนเหลือรอด นางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้รีบหันไปมองเห็นเซียวอี้อุ้มหนิงเอ๋อกลับมา ลั่วเออร์ดีใจราวกับคำอ้อนวอนของนางเป็นจริง นางวิ่งเข้าหาหาทั้งสองทันที“สวรรค์หนิงเอ๋อเจ้าปลอดภัย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าเพียงใด” เซียวอี้วางหนิงเอ๋อหลงจากอ้อมแขน นางวิ่งเข้าไปโอบกอดลั่วเออร์แน่น“พี่ลั่วเออร์ข้ากลัว กลัวเหลือเกินเจ้าค่ะพวกเขาช่างโหดร้ายเพื่อน ๆ ของข้าท่านแม่ของข้าต่างพากันอ้อนวอนพวกเขาไม่มีความเมตตาสักนิด ท่านแม่ก้มลงเพื่อวอนขอชีวิตแต่เขากลับใช้ดาบบั่นคอท่านแม่ชั่วพริบตา อึก อึก ข้ากลัวเจ้าค่ะ เพื่อน ๆ ของข้าหนีไม่ทันถูกคนใจร้ายจัดการจนไม่เหลือ พี่ลั่วเออร์ท่านอย่าทิ้งข้าไปอีกคนนะเจ้าคะ ข้าไม่เหลือใครแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินเอ๋อต่างพากันสงสาร ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ฝืนใจข่มความกลัวเพื่อบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ ลั่วเออร์กอดนางแน่นพรางร้องไห้เด็กตัวเล็กเพียงนี้ต้องมาพบเจอเรื่องโหดร้ายแถมยังต้องเสียทุกคนไปคงสะเทือนใจไม่น้อย“ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าไม่มีท
บทที่ 38 เปลวไฟแห่งความสูญเสียระหว่างทางกลับวังหลวงเซียวอี้ได้พาลั่วเออร์ควบม้าขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อพานางไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ตรงที่เขาพานางมาเป็นหน้าผาสูงชันมองเห็นด้านล่างที่เป็นแผ่นดินกว้างใหญ่มองเห็นหมู่บ้านที่นางเพิ่มจะกลับมาเมื่อครู่เป็นเพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ เท่านั้น“องค์ชายพาหม่อมฉันมาที่นี่ทำไมกันเพคะ”“ข้าอยากให้เจ้าเห็นที่ที่งดงามยากนักที่จะได้มาที่เช่นนี้เพราะต่อจากนี้ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ข้าเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เจ้าต้องคอยดูแลฝ่าบาทและทำงาน วันนี้เป็นโอกาสดีที่พาเจ้าออกมาอยากให้เจ้าได้รับบรรยายกาศดี ๆ ก่อนกลับวังหลวง” เขากระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะยื่นมือให้นางจับเพื่อลงมา ลั่วเออร์จับมืออย่างไม่ลังเลลงมายืนใกล้หน้าผากวาดตามองไปจนทั่ว ลมเย็นสบายฝูงนกบินว่อนเต็มท้องฟ้าพากันโผบินกลับรังกันเป็นฝูง ท้องฟ้าเริ่มทอประกายแสงสีทองอร่ามกระทบใบหน้างามอย่างผ่องใส“งดงามเหลือเกิน” เซียวอี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของลั่วเออร์ได้เอ่ยออกมา นางคิดว่าเขาชมดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า นางจึงเอ่ยตอบกลับเขา“หม่อมฉันก็ว่าเช่นนั้นเพคะ”“ข้าไม่ได้หมายถึงดวงอาทิตย์แต่เป็นเจ้าต่างหากที่งดงาม” ไม่ร
บทที่ 37 ใจเจ้าเปลี่ยนไปใบหน้าของเจาหยางเริ่มเปลี่ยนสีคล้ายรู้แล้วว่าลั่วเออร์กำลังจะทำอะไรต่อจากนี้"ของพวกนี้ข้าขอคือท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ ข้ามิอาจจะทำเรื่องที่ท่านแม่ทัพต้องการได้และต่อจากนี้เราอย่ามาเจอกันดีกว่าและเลิกเรียกข้าว่าลั่วเออร์สักที เพราะยามนี้ข้าคือพระชายาขององค์รัชทายาทมิใช่ลั่วเออร์ของท่านอีกต่อไป "น้ำเสียงเย็นชาบาดจิตผู้ที่ได้ยินสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงกลางใจ"เกิดอะไรขึ้น! ทำไมเจ้าถึงเอ่ยมาเช่นนี้เจ้ายังรักข้าอยู่มิใช่หรือแล้วเรื่องที่ข้าให้เจ้าทำล้วนแต่เป็นประโยชน์ของเจ้าที่จะได้มาอยู่กับข้า ""เลิกพูดว่าเป็นผลประโยชน์ของข้าเสียที คำว่ารักของท่านนั้นท่านไม่รักข้า แต่ท่านรักตนเองต่างหากท่านแม่ทัพไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่ทำให้ข้าทำนั้นทำเพื่อผู้ใด ทุกอย่างล้วนทำเพื่อท่านเท่านั้นนี่มิใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นแก่ตัววันที่ท่านมอบยานี้ให้ข้าเสมือนท่านยื่นความตายให้กับข้า วันนี้ข้าขอคืนผ้าเช็ดหน้ากับหัวใจคืนให้ท่านอย่าได้มาเกี่ยวข้องกันอีกเลย เพราะลั่วเออร์ได้ตายจากท่านในวันที่ท่านส่งมอบยาให้ข้าแล้ว" คำพูดของลั่วเออร์ทำให้เจาหยางสะอึกและไม่สามารถเอ่ยปากพูดอะ
บทที่ 36 ตัดสินใจท้องพระโรงเสนาบดีที่ได้รับสารจากฝ่าบาทพากันมายืนรอฝ่าบาทที่ท้องพระโรงเพื่อรับฟังเรื่องอาการเจ็บป่วย ทุกคนตางพากันพูดคุยหารือเสียงดัง ใต้เท้าเซ่อเจิ้งหวางเริ่มเป็นกังวลหากเรื่องที่ฝ่าบาทประชวรเป็นเรื่องจริงอีกไม่นานบัลลังก์ต้องตกเป็นขององค์รัชทายาท เขาจ้องมองไปยังเจาหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นักเจาหยางจึงเดินเข้ามาหาท่านพ่อของตน"เรื่องที่เจ้าไปทำถึงขั้นไหนแล้วเหตุใดถึงได้ชักช้าเช่นนี้""ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันหลังจากที่แยกย้ายข้าจะไปหาลั่วเออร์เพื่อถามนางอีกครั้งขอรับ ""เราจะรอช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว เจ้ารีบไปคาดคั้นให้นางเร่งมือหน่อย""ขอรับท่านพ่อ" ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จได้แยกย้ายประจำที่เพราะบัดนี้ฝ่าบาทได้เสด็จมาแล้ว ภายใต้สายตาของเหล่าเสนาบดีหลายคนเห็นใบหน้าของฝ่าบาทก็รับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องข่าวลือเป็นความจริง เพราะฝ่าบาทถูกขันทีกับองค์รัชทายาทประคองออกมา เพียงไม่กี่วันอาการของฝ่าบาททรุดลงอย่างรวดเร็ว"ฝ่าบาทเสด็จ" เสียงขันทีแจ้งบอกทุกคนเสนาบดีโค้งคำนับลงพร้อมเพียงกัน"ถวายบังคมฝ่าบาทขอให้พระองค์มีพระกรกายแข็งแรงหมื่นปีหมื่น ๆ ปี" ฝ่าบาทนั่งลงบนบัลลังก์กวาดตาม