ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
หลี่จือหัวเราะอย่างร้ายกาจ “ดี! พรุ่งนี้ข้าจะไปเยือนจวนสกุลซู แล้วตบหน้าเจ้าเก้าให้หนัก!”. ...... เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่หลงหลินตื่นขึ้นมาที่หอละอองฝน รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก หลิ่วหรูเยียนสมแล้วที่เป็นดอกไม้งามอันดับหนึ่งของสำนักการสังคีต ทักษะบนเตียงนั้นไม่รู้ แต่ฝีมือการนวดของนางนั้นช่างยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่แปลกใจเลยที่นางยังคงรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ได้ แม้อยู่ในสถานที่อย่างสำนักการสังคีต! หลี่หลงหลินมองสตรีผู้เลอโฉมในผ้าห่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะจุมพิตเบา ๆ บนใบหน้าอันงดงามของนาง “พี่สะใภ้สี่ หากข้าว่าง เมื่อไหร่จะมาหาเจ้าให้นวดให้อีก!” ท้องฟ้าสว่างแล้ว แม้ว่าหลี่หลงหลินจะไม่ทำเรื่องใดที่ต้องรู้สึกผิดกับหลิ่วหรูเยียน แต่ถ้าซูเฟิ่งหลิง เด็กโง่คนนั้นรู้เข้า เกรงว่าคงคิดมากแน่ ปัญหาที่ไม่จำเป็นสู้ไม่ก่อยังจะดีกว่า หลี่หลงหลินลุกขึ้นเตรียมตัวจากไป “องค์ชาย...” หลิ่วหรูเยียนยื่นมือคว้าแขนหลี่หลงหลินไว้ ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความอาวรณ์ “ให้บ่าวทำโจ๊กให้ท่านกินก่อนแล้วค่อยไปเถอะ” หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เมื่อคืนเจ้าคงเหนื่อยแย่แล้ว พักผ่อ
หลิ่วหรูเยียนที่พยายามโกหกก็ถูกหลี่หลงหลินมองออกอย่างง่ายดาย ทันใดนั้น ใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็แดงปลั่งราวกับผลแอปเปิลสุก แววตาที่เต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ชวนหลงใหล หลี่หลงหลินยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “พี่สะใภ้สี่ ท่านไม่ต้องเขินอายไป! ชอบเรื่องราวแบบชายหญิงรักใคร่ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์! ไม่ใช่แค่ท่านหรอก แต่ทุกคนก็ชอบกันทั้งนั้น...” “แค่ได้อ่านแล้วมีความสุขก็พอแล้ว!” “การเติมเต็มคุณค่าทางอารมณ์ นั่นแหละคือความหมายที่แท้จริงของหนังสืออ่านเล่น!” “ชีวิตคนเรามันก็ลำบากพออยู่แล้ว จะอ่านหนังสือพวกนี้แก้เบื่อมันผิดตรงไหน?” หลิ่วหรูเยียนถึงกับร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย “แต่นักปราชญ์ทั้งหลายต่างก็ดูถูกหนังสือแบบนี้ บอกว่าการอ่านหนังสือประเภทนี้ เป็นการเสียเวลาเปล่า...” หลี่หลงหลินแค่นเสียงหัวเราะ “อย่าไปฟังพวกคนหน้าซื่อใจคดพวกนั้น! ภายนอกทำเป็นสำรวมเหมือนผู้ทรงธรรม แต่ลับหลังไม่รู้ว่าอ่านกันเมามันต์ไปถึงไหน! ยิ่งไปกว่านั้น ขอแค่ชาวบ้านชอบ พวกเขาเป็นใครถึงจะมามีสิทธิ์ตัดสิน?” หลิ่วหรูเยียนรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านหมายความว่าข้าสามารถอ่านหนังสืออ่านเล่นพวกนี้เพื่อแก้
ย่อมเป็นความฝันในหอแดง!เพราะประสบการณ์ครึ่งชีวิตก่อนหน้านี้ของหลิ่วหรูเยียน คล้ายกับเฉาเสวี่ยฉินมากเหลือเกินไม่!โหดร้ายยิ่งกว่าเฉาเสวี่ยฉินเสียอีก!อย่างน้อย เฉาเสวี่ยฉินก็มิได้ถูกส่งไปที่สำนักการสังคีต ตกอยู่ในโลกีย์ให้หลิ่วหรูเยียนเขียนความฝันในหอแดงออกมา เหมาะสมยิ่งนักความกังวลเพียงอย่างเดียวของหลี่หลงหลินก็คือ ความฝันในหอแดงจะได้รับเพียงคำชมแต่ไม่สามารถดึงดูดผู้รับชมได้ใช่หรือไม่?นี่เป็นไปได้มาก!หากความฝันในหอแดงขายดี เฉาเสวี่ยฉินก็คงไม่หิวตายยังมีประสบการณ์ในสำนักการสังคีตของหลิ่วหรูเยียน ก็คือปัญหาหนึ่ง น่าเสียดายไม่เกี่ยวอันใดกับความฝันในหอแดง“เช่นนั้นขายหนังสืออะไรดีเล่า?”ภายในสมองของหลี่หลงหลิน ทันใดนั้นปรากฏความคิดชวนให้คนตกตะลึงออกมาอย่างหนึ่งความฝันในหอแดงขายไม่ดี แต่บุปผาในกุณฑีทองขายดีมากนี่นา!ปัญหาของหนังสือสองเล่มนี้คล้ายกัน ล้วนเป็นความรักระหว่างชายหญิงมิสู้...รวมโครงเรื่องของหนังสือสองเล่มนี้เข้าด้วยกัน ให้พี่สะใภ้สี่เขียนหนังสือบุปผาในหอแดง ความฝันในกุณฑีทอง?ไม่กล้าพูดว่าจะได้จารึกชื่อในประวัติศาสตร์ จะต้องเอาชนะนิยายเนื้อเรื่องซ้ำซาก
“ข้าไม่ได้ไป!”หลี่หลงหลินปฏิเสธเสียงแข็งสำนักการสังคีต ไฉนเลยจะน่าสนุกเท่าพี่สะใภ้สี่ทางนั้น?ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างสงสัย “เช่นนั้นท่านไปที่ใดมาแล้ว?”หลี่หลงหลินเล่าความจริงปนความเท็จ “ข้าไปหาพี่สะใภ้สี่ที่หอละอองฝน! นางว่างงานรู้สึกเบื่อ อยากเขียนนิยายสักเล่มหนึ่ง ข้าจึงช่วยนางวางแผน”จุดสูงสุดของการโกหก ก็คือจริงเก้าเท็จหนึ่งซูเฟิ่งหลิงพยักหน้าเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเชื่อคำแก้ตัวของหลี่หลงหลิน “องค์ชายสี่พาองค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือมา พูดว่าอยากพบท่าน เห็นได้ชัดว่ามาหาเรื่อง! พวกเราเข้าไปเถอะ!”หลี่หลงหลินพยักหน้า เดินตามซูเฟิ่งหลิงเข้าโถงใหญ่องค์ชายสี่หลี่จือสวมใส่เสื้อผ้าสีเหลือง ด้านบนปักลายมังกรสี่กรงเล็บ หรูหรางดงามเซียวเม่ยเอ๋อร์กลับสวมชุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ เผยผิวพรรณขาวดุจหิมะ มีเสน่ห์แบบดิบเถื่อนฮูหยินผู้เฒ่าซูเผชิญหน้ากับทั้งคู่ สีหน้าไม่สบอารมณ์ เห็นได้ชัดว่ากำลังข่มโทสะ“เจ้าเก้า!”“เจ้าโอหังนักนะ! ให้พี่สี่รอนานถึงเพียงนี้!”หลี่จือเห็นเงาร่างของหลี่หลงหลิน ยกมุมปากยิ้มเย็นออกมาหลี่หลงหลินสบมองหลี่จือแวบหนึ่ง พูดเสียงเย็น “องค์ชายสี่ ท่านม
ทว่าอย่างไรเสียหลี่จือก็เป็นองค์ชายสี่ของต้าเซี่ยงานแต่งของเขา สกุลซูสมควรไปเข้าร่วม มอบของขวัญให้ นี่เป็นเรื่องปกติจากนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าซูเปิดเทียบเชิญ มองเวลาบนนั้น ทันใดนั้นตกตะลึงเหม่อไป!วันขึ้นสองค่ำเดือนสอง มังกรเงยหน้า!ถึงขั้นเป็นวันเดียวกันกับ วันแต่งงานของหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิง!“ไร้สาระ!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูระเบิดโทสะออกมาในทันใด ไม้เท้าหัวมังกรในมือตกลงพื้นแรงๆหลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงมองวันที่ในเทียบเชิญ สีหน้าไม่สบอารมณ์มากเฉกเดียวกันวันเวลามีมากมายเพียงนี้ไม่เลือก!จะต้องเหมือนกับตน เลือกวันขึ้นสองค่ำเดือนสองนี้นี่มิใช่จงใจหาเรื่อง ต้องการแสดงละครเวทีฝั่งตรงข้ามกันหรอกหรือ?ซูเฟิ่งหลิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตาทอประกายน้ำตา “พวกท่าน...พวกท่านทำเกินไปแล้ว!”หลี่จือยิ้มเย็น “ทำเกินไป? น้องสะใภ้พูดคำนี้หมายความว่าอะไรกัน?”ซูเฟิ่งหลิงพูดอย่างมีโทสะ “วันแต่งงานของข้าและองค์ชายเก้าก็คือวันขึ้นสองค่ำเดือนสอง! พวกท่านจงใจอย่างแน่นอน!”หลี่จือแสร้งตกตะลึง “อ้อ? บังเอิญถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ข้ายังไม่รู้เลยนะ?”เซียวเม่ยเอ๋อร์แสดงท่าทางโอหังข่มเหงผู้อื่น “ซูเฟิ่งหล
โขกหัวคำนับ จุดธูปเพียงไม่กี่คำ กลับยิ่งใหญ่มากนัก!ทันใดนั้น ใบหน้าเซียวเม่ยเอ๋อร์ กลายเป็นเผือดซีด!นางและองค์ชายสี่มาในวันนี้ เหตุใดตั้งใจเลือกวันขึ้นสองค่ำเดือนสอง?ก็เพื่อทำให้ซูเฟิ่งหลิงอับอาย!เหตุใดนางต้องบังคับให้ซูเฟิ่งหลิง เรียกนางว่าพี่สะใภ้!ก็เพื่อทำให้ซูเฟิ่งหลิงอับอายยิ่งขึ้นไปอีก!ทำให้ซูเฟิ่งหลิงอับอาย ก็คือทำให้กองทัพสกุลซูอับอาย ก็คือทำให้ทหารต้าเซี่ยอับอาย!เซียวเม่ยเอ๋อร์อยากฉวยโอกาสนี้ ทำลายขวัญกำลังใจของต้าเซี่ย เพื่อให้ภายภาคหน้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเหยียบแผ่นดินต้าเซี่ย ได้อย่างราบรื่น!อุบายนี้ซูเฟิ่งหลิงมองไม่ออก ฮูหยินผู้เฒ่าซูมองไม่ออกชนิดที่ว่าหลี่จือเองก็มองไม่ออก!เว้นเสียแต่สายตาเฉียบคมของหลี่หลงหลิน มองปราดเดียวก็รู้แล้ว!“ช่างเป็นผู้ชายที่น่ากลัวคนหนึ่ง!”เซียวเม่ยเอ๋อร์ใจสั่น เงยหน้ามองทางหลี่หลงหลิน ลอบวางอุบายภายในใจไม่ว่าอย่างไร นางก็จะคุกเข่าไม่ได้!ได้รับความอับอายมิใช่ต้าเซี่ย แต่เป็นชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!คิดจะเอาเปรียบผู้อื่นแต่กลับเสียหายเอง“เหตุใดข้าต้องคุกเข่าด้วย?”เซียวเม่ยเอ๋อร์เชิดหน้า งดงามยากจะหาใคร
สาแก่ใจ!สาแก่ใจเกินไปแล้ว!น่าเสียดาย เซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงองค์หญิงคนหนึ่ง!หากเป็นหัวหน้าชนเผ่าของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือคุกเข่าหน้าป้ายวิญญาณกองทัพสกุลซู นี่ถึงจะนับว่าสาแก่ใจจริงๆ!“ไสหัวไปเถอะ!”หลี่หลงหลินเก็บวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย สีหน้าเย็นชาหลี่จือและเซียวเม่ยเอ๋อร์ขายหน้า จากไปคล้ายกำลังหลบหนีก็มิปาน“ใช่แล้ว!”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นออกมา “ข้าขอเดิมพันกับพวกเจ้า! งานแต่งของพวกเจ้า ไม่มีวันจัดได้! เชื่อหรือไม่?”หลี่จือถูกประโยคนี้ทำให้โมโหแล้ว “เจ้าเก้า เจ้าโอหังเกินไปแล้ว...”ยังพูดไม่จบ ก็ถูกเซียวเม่ยเอ๋อร์ลากออกไปแล้วผู้กล้าไม่ยอมให้ใครดูถูก!ล่วงเกินหลี่หลงหลินตอนนี้ ไม่มีข้อได้เปรียบอะไร!หลังทุกคนแยกย้ายไปแล้วหลี่หลงหลินเข้ามาในศาลบรรพบุรุษ จุดธูปให้วีรบุรุษผู้กล้าสกุลซู โขกคำนับอย่างเคารพนับถือซูเฟิ่งหลิงไม่รู้มาถึงหน้าประตูตั้งแต่ยามใด เปล่งเสียงแผ่วเบา “องค์ชายเก้า ขอบคุณท่าน...”หากไม่ใช่หลี่หลงหลินยื่นมือออกมา วันนี้สกุลซูจะต้องขายหน้า ตกตะลึงเสียขวัญ!ชนิดที่ว่า ขวัญกำลังใจของต้าเซี่ย จะได้รับผลกระทบไปด้วย“หรือว่าท่านไม่คิดว่า...”“แปลกมา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เว่ยซวินเดินเท้าอย่างรวดเร็วรีบเข้าตำหนักหยั่งซิน ร้องเรียกฮ่องเต้ที่ยังงัวเงียอยู่ให้ตื่นขึ้น “ฝ่าบาท แย่แล้ว...” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วถาม “เกิดอะไรขึ้น? องค์หญิงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหนีไปหรือ?” เว่ยซวินกระซิบบางอย่างข้างหูฮ่องเต้หวู่ สีหน้าฮ่องเต้เปลี่ยนไปทันที “แล้วเรียกองค์ชายเก้าเข้ามาในวังทันที!” หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลี่หลงหลินก็มาถึงตำหนักหยั่งซิน โค้งตัวทำความเคารพ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!” ฮ่องเต้หวู่หันไปมองเว่ยซวินแวบหนึ่ง “องค์ชายเก้ามาแล้ว! เจ้าพูดอีกทีว่าเซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นอะไร?” หลี่หลงหลินเอ่ยอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น? เซียวเม่ยเอ๋อร์หนีไปหรือ? ที่จริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร” สำหรับหญิงสาวที่ที่ชั่วร้ายและไร้สาระอย่างเซียวเม่ยเอ๋อร์ หลี่หลงหลินไม่มีความรู้สึกดีๆ อะไรเลย ถ้าเป็นไปได้ หลี่หลงหลินตั้งใจจะให้เซียวเม่ยเอ๋อร์อยู่เป็นตัวประกันในต้าเซี่ย เพื่อให้มหาข่านแห่งชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลัวจนไม่กล้าส่งทัพมาตี แม้นางหนีไป ก็ไม่เป็นไร นางเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง ที่อาศัยความสาว ความสวย แล
ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่ได้เป็นแค่หมาก แต่เป็นหมากที่ถูกใช้แล้วทิ้ง! “แต่...แต่...” เซียวเม่ยเอ๋อร์เอ่ยเสียงสั่น “ท่านจริงใจและพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดเตรียมเสบียงให้กับชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ” เสิ่นชิงโจวเผยยิ้ม แล้วมองไปที่เซียวเม่ยเอ๋อร์ “เจ้าคงไม่คิดจริง ๆ หรอกนะว่าพวกเสบียงพวกนั้นเตรียมไว้ให้ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ? ตามแผนเดิม เรือขนส่งเสบียงเมื่อถึงตงไห่ จะต้องหายไปอย่างไร้ร่องรอย!” “จริง ๆ แล้ว เสบียงเหล่านั้นก็ต้องตกอยู่ในมือขององค์ชายใหญ่นานแล้ว!” “แต่ความผิดนี้ จะต้องให้พวกเจ้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นผู้รับผิดชอบ!” “ความแค้นนี้ ข่านจะต้องกลืนไม่ลงแน่ จะต้องส่งทัพเพื่อมาโจมตีต้าเซี่ยอีกครั้ง!” “เมื่อถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บ องค์ชายใหญ่จะออกทัพ เข้ามาเก็บผลประโยชน์!” เซียวเม่ยเอ๋อร์ตัวสั่นเทา ใบหน้าของนางแสดงออกถึงความกลัวอย่างที่สุด ใบหน้าสวยซีดเซียวจนเห็นได้ชัดเจน เป็นอย่างนี้นี่เอง... ตั้งแต่แรกเริ่ม ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็ถูกเสิ่นชิงโจววางแผนเอาไว้แล้ว! แม้แต่เซียวเซวียนเช่อก็ยังมองถึงความคิดของเสิ่นชิงโจวไม่อ
เซียวเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น แล้วพึมพำว่า “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นเพียงหมาก... แต่ข้ายังไม่เข้าใจ! อาจารย์ฮ่องเต้ไม่ได้วางแผนเพื่อทำลายกองทัพตระกูลซูหรอกหรือ?” เสิ่นชิงโจวถอนหายใจแล้วตอบว่า “ใช่แล้ว! แต่ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือของพวกเจ้านั้นช่างไม่เอาไหน! ที่พ่ายแพ้ต่อทัพตระกูลซูก็ช่างเถอะ แต่แค่คนอย่างจางไป่เจิงเพียงคนเดียว ก็ยังกันพวกเจ้าอยู่นอกประตูเมืองซั่วเป่ย ได้เป็นปีๆ!” “จนทำให้เสบียงของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหมดลง ต้องถอยทัพกลับและขอสงบศึกกับต้าเซี่ย และวางแผนยึดเอาเสบียง!” เซียวเม่ยเอ๋อร์หน้าแดงหูแดง และเอ่ยโต้แย้งว่า“ที่จริงชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือสามารถทำลายจางไป่เจิงได้ตั้งนานแล้ว! เป็นเพราะเจ้าเก้าที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทั้งการส่งเสื้อผ้ากันหนาวและยาสมุนไพร รวมถึงชัยชนะทั้งสองครั้ง ล้วนเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง!” เสิ่นชิงโจวตอบรับอย่างเปิดเผย “ถูกต้อง องค์ชายเก้าเป็นปัจจัยที่ไม่แน่นอนที่สุด! ข้าเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะทำเรื่องน่าประหลาดใจมากมายขนาดนี้มา! แต่ ถ้าเจ้าเชื่อว่าข้าจะอยู่เคียงข้างชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ก็ผิดมหันต์
จางอี้รีบพาทหารองครักษ์เสื้อแพรบุกเข้ามาในจวนขององค์ชายสี่เพื่อตรวจค้นที่อยู่ของเซียวเม่ยเอ๋อร์ อย่างไรก็ตาม ที่นั่นกลับเงียบเหงา ไร้ผู้คนนานแล้ว หลังจากสอบถามสาวใช้และคนรับใช้แล้ว ก็ได้รู้ว่าเซียวเม่ยเอ๋อร์ที่เห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบหนีออกจากจวนขององค์ชายสี่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน “ค้นหา!” จางอี้ออกคำสั่ง “ประตูเมืองได้ปิดลงแล้ว เซียวเม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง หนีไปได้ไม่ไกลแน่ นางต้องยังอยู่ในเมืองหลวง! ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาก็ต้องหานางให้พบ!” ค่ำคืนมาถึง ทหารองครักษ์เสื้อแพรถืออาวุธ บุกค้นบ้านเรือนทุกหลังเพื่อตามหาเซียวเม่ยเอ๋อร์ ค่ำคืนมาถึง ในคุกใต้ดิน จู่ๆเสิ่นชิงโจวก็มีแขกไม่รับเชิญมาเยือน หญิงสาวในชุดคลุมสีดำ ไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่เพรียวบางได้ ภายใต้ผ้าปิดหน้า ใบหน้าสวยของนางงดงามจนสะดุดตา ดวงตาเปล่งประกายราวกับดอกท้อที่ดึงดูดใจ เสิ่นชิงโจวนั่งขัดสมาธิ จ้องมองไปที่กระดานหมาก หมากดำและขาวสลับกันไปมาดูเหมือนจะเป็นหมากล้อม แต่แท้จริงแล้วคือหมากห้าแถว เสิ่นชิงโจวเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาก
เพียงแค่พริบตาเดียว เหยลวี่เกอนักรบอันดับหนึ่งของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกซูเฟิ่งหลิงตัดหัว ศีรษะที่เปื้อนเลือดของเขาถูกทวนเงินยกขึ้นสูง การจับกุมผู้นำท่ามกลางกองทัพนับหมื่นนั้น เหมือนหยิบของในถุง! หืม... ฉากการฆ่าที่น่าสยดสยองนี้ทำให้คนจำนวนมากถอนหายใจด้วยความตกใจ เหล่าขุนนางข้าราชการต่างก็ตกตะลึง มองไปที่ซูเฟิ่งหลิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ แม่เสือโคร่งช่างน่ากลัว! โชคดีที่นางเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ จะน่ากลัวขึ้นอีกเท่าไหร่ ฮ่องเต้หวู่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา แล้วเอ่ยชมว่า “หญิงแกร่งที่ไม่แพ้ชาย เป็นเทพีสงครามที่แท้จริง!” แต่มีเพียงเว่ยซวินเท่านั้นที่มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเห็นใจ และเอ่ยด้วยเบาว่า “องค์ชายเก้าลำบากท่านแล้ว” ในทันใดนั้น หลี่หลงหลินก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ เพื่อนรู้ใจจริงๆ! เขาอยากเชิญเว่ยซวินไปที่หอเซียนเมามาย และดื่มกันสักสามร้อยจอกเพื่อให้ลืมทุกข์! เมื่อเห็นเหยลวี่เกอรบจนตัวตาย กองทัพชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็เสียขวัญทันที! ทหารใหม่ตระกูลซูบดขยี้ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สังหารคนไปนับไม่ถ้วน เลือดไหลนอ
หลี่จือหน้าซีดเผือด! จบแล้ว! ลูกธนูอยู่บนสายธนู ต้องยิงออกไปแล้ว! เขาไม่อยากก่อการกบฏ แต่ตอนนี้ก็ต้องทำแล้ว! “ฆ่า” เหยลวี่เกอยกดาบงอสูงขึ้น ตะโกนเสียงดัง พลางนำทัพม้าฝ่าไปข้างหน้า มุ่งตรงไปยังซูเฟิ่งหลิง! ทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจำนวนหนึ่งพันนายตามหลังมาด้วยความเร็วและพลังที่น่าทึ่ง ราวกับคลื่นยักษ์! จางเฉวียนตาเบิกกว้าง ขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดังว่า “ยิงธนู!” พรวดๆๆ... ลูกธนูพุ่งลงมาเหมือนพายุฝนที่โหมกระหน่ำ ทหารชั้นยอดแถวแรกของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือล้มลงราวกับต้นข้าวที่ถูกเคียวเกี่ยว อย่างไรก็ตาม ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่อยู่ข้างหลัง ก็ต้องเหยียบศพของสหายร่วมรบ ยังคง เดินหน้าบุกเข้าอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ฉากนี้ทำให้ทหารห้าพันนายของจางเฉวียนรู้สึกขนลุกซู่ นี่คือชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ? แค่พันนาย แต่มีพลังเหมือนกับกองทัพล้านนาย! สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือ พวกเขาไม่กลัวความตาย! นี่มันยังเป็นคนอยู่หรือ? แทบจะเหมือนสัตว์ประหลาดแล้ว! กองทัพตระกูลซูที่ปกป้องเขตเหนือมาหลายปี ต้องต่อสู้กับศัตรูที่น่ากล
เซียวเซวียนเช่อมองหลี่จือด้วยสายตาเย็นชาและดูถูก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว องค์ชายสี่ท่านคิดจะถอยแล้วหรือ? มันสายเกินไปแล้ว!ถึงแม้ฮ่องเต้หวู่อาจจะยังมีใจอ่อนและปล่อยท่านไป แต่หลี่หลงหลินล่ะ? ตอนนี้เขาคือรัชทายาทที่ตัดสินโทษอย่างเด็ดขาด เขาจะต้องชำระบัญชีกับท่านจนหมดสิ้น ถอยไปก็เท่ากับตาย! ไม่สู้ลองต่อสู้ไป! อาจจะยังมีโอกาสรอด! หลี่จือตัวสั่นสะท้าน สีหน้าแสดงความโลภออกมา ใช่แล้ว! บัลลังก์ฮ่องเต้ใกล้แค่เอื้อม แค่ฆ่าฮ่องเต้หวู่และเจ้าเก้า เขาก็สามารถขึ้นครองบัลลังก์ได้แล้ว ส่วนการฆ่าพ่อหรือ? ตอนนี้หลี่จือไม่สนใจแล้ว ประวัติศาสตร์จะถูกเขียนโดยผู้ชนะ ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดล้วนสนับสนุนเขา รวมทั้งผู้บันทึกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วยแค่สาดน้ำสกปรกโยนความผิดไปที่หลี่หลงหลิน แล้วยืนยันว่าเขาคือคนที่ฆ่าพ่อ เป็นขุนนางกบฏ ส่วนตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์! อย่างไรก็ตาม ด้วยทหารชั้นยอดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเพียงหนึ่งพันนาย ยังไม่พอที่จะสู้กับทหารใหม่จากตระกูลซูสองพันนายได้ หลี่จือจึงรู้สึกไม่มั่นใจ ดีที่สุดคือขอความช่วยเหลือจากจางเฉวียนที่มีท
โดยเฉพาะขุนนางกลุ่มข้าราชการ สีหน้าของพวกเขาซีดเหมือนกระดาษ พวกเขายืนข้างผิดแล้ว! หากหลี่หลงหลินขึ้นครองราชย์ สำหรับพวกเขาก็จะมีแต่ความเดือดร้อน! หลี่จือมึนงงไปหมด ตัวเขาเสียสติไปครู่หนึ่งและพูดออกมา “ทำไม? เสด็จพ่อ ทำไมพระองค์ถึงลำเอียงขนาดนี้ ประกาศให้เจ้าเก้าเป็นองค์รัชทายาท? พระองค์โดนเจ้าเก้าขู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้น พระองค์ก็เพียงแค่กะพริบตาให้ข้าหน่อย!” ฮ่องเต้หวู่โกรธจัด และตะคอกออกมา “กะพริบตาหรือ? ไปตายซะ! เจ้าบอกว่าข้าลำเอียง! เจ้าเก้าได้ทำความดีมา ผลงานของพวกองค์ชายไร้ประโยชน์ทั้งแปดคนรวมกันแล้ว ยังไม่เท่าผลงานของเขาเลย!” “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย เพียงแค่ครั้งนี้ ข้าถูกพิษของสารหนู!” “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเก้ามีฝีมือการแพทย์สูงส่ง ช่วยให้ฟื้นคืนชีพได้!” “ข้าคงจะสิ้นไปแล้ว!” เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายต่างตกตะลึง แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้หวู่ถูกพิษสารหนูจริงๆ! ข่าวลือนี้ไม่ผิด! สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ หลี่หลงหลินสามารถแก้พิษสารหนูได้ด้วย? นี่มันไม่น่าเชื่อเลย! การช่วยชีวิตคนคนหนึ่งเป็นการสร้างคุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะก
ฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหลายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พวกเขาได้รับข่าวที่แน่ชัดว่า ฮ่องเต้หวู่ถูกวางยาพิษจากยาพิษสารหนู ใครเป็นคนวางยานั้นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ ยาพิษสารหนูไม่มีทางรักษาได้ และต้องตายอย่างแน่นอน! เพียงแค่ฮ่องเต้หวู่สิ้นพระชนม์ หลี่หลงหลินก็จะกลายเป็นกบฏ! แต่... ถ้าฮ่องเต้หวู่ยังไม่ตาย นั่นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว! หลี่จือหัวเราะลั่น “เจ้าเก้า เจ้ากำลังจะตายแล้ว ยังทำอวดเก่งอยู่หรือ! เสด็จพ่อของข้าเสวยยาพิษและสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้าจะอวดเก่งอะไร? ยังจะพาเสด็จพ่อมาออกมาอีกหรือ? คงจะเป็นแค่ร่างไร้วิญญาณที่ถูกพามาใช่หรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้น เสียงเอ่ยอย่างโกรธจัดก็ดังขึ้น “เจ้าสี่ ข้าตายแล้วเจ้าดูมีความสุขมากนะ!” ทุกคนหันไปมอง ต่างก็ตกตะลึง เห็นชายคนหนึ่งในชุดมังกรเดินออกมาช้าๆ โดยมีเว่ยซวินคอยพยุง ใบหน้าขมวดคิ้วเต็มไปด้วยความโกรธ ฮ่องเต้หวู่? เหล่าขุนนางข้าราชการทั้งหมดต่างตกตะลึง แม้สีหน้าจะซีดเซียวและดูอ่อนเพลีย แต่ก็ชัดเจนว่าเป็นฮ่องเต้หวู่! และไม่ใช่ใครมาปลอมเป็นคนอื่น รูปลักษณ์อาจสามารถปลอมได้ แต่ความย