ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
“ลูกรัก”“ดื่มเหล้าพิษจอกนี้!”“แม่ร่วมเดินสู่ยมโลกพร้อมกับเจ้า!”หลี่หลงหลินลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในชุดนักโทษ ถูกขังอยู่ในคุกที่มืดมิดหญิงงามในชุดชาววังแสนสง่า ร่ำไห้ดั่งสาลี่ต้องหยาดพิรุณ น้ำตานองหน้า มือถือจอกทอง ดวงหน้างามสะพรั่งเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังชั่วพริบตา ความทรงจำมากมายพรั่งพรูเข้ามาในความคิด!ราชวงศ์ต้าเซี่ย ราชวงศ์หนึ่งที่ไม่มีในหน้าประวัติศาสตร์!ข้าทะลุมิติกลายมาเป็นองค์ชายเก้า!หญิงงามในชุดชาววังตรงหน้า คือมารดาของข้า พระชายาโหรวสตรีที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานมากที่สุด!ผู้สืบเชื้อสายแห่งราชวงศ์ สมาชิกราชสกุล ร่ำรวยสมบัติวิบูลย์ทรัพย์ สระสุราเมรัยพงไพรเนื้อ หญิงงามละลานตา ช่างเป็นสิ่งที่ผู้คนเสาะแสวงเสียเนี่ยกระไร!ทว่าหลี่หลงหลินกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยชื่อเสียงเรียงนามขององค์ชายเก้าแย่มาก เป็นเศษสวะที่ทุกคนทราบกัน!ไม่เพียงแค่นี้เขายังทำความผิดร้ายแรง ทำให้ฮ่องเต้หวู่พิโรธ สังหารสายเลือดเพื่อธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม!เสือถึงร้ายก็ไม่กินลูกตัวเอง!ต้องเป็นความผิดบาปใดกัน ทำให้ฮ่องเต้หวู่ไม่เห็นแก่ความเป็นพ่อเป็นลูก จำต้องสังหารตนให้ได้?ความทรงจำของหลี่
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วเป็นปมคิดไม่ถึงว่า ตนเกิดเป็นมนุษย์มาถึงสองชาติภพ ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สิ้นหวังเช่นนี้!ความคิดความอ่านของฮ่องเต้หวู่ยากจะหยั่งถึง จิตใจลึกลับซับซ้อนดั่งเหวเสมือนทะเลราชวงศ์ต้าเซี่ย เต็มไปด้วยขุนนางน้อยใหญ่ ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ ฉลาดปราดเปรื่องดูไม่ออกหรือว่า ตนถูกปรักปรำ?พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ!ถึงขึ้นที่ว่า แม้แต่แม่ทัพผู้เฒ่าซูก็ตระหนักรู้ว่า เป็นฝีมือของขุนนางชั้นสูงในราชสำนักที่ปล่อยข่าวรั่วไหล ทำให้ทหารตระกูลซูตกอยู่ในวงล้อม นำมาซึ่งความพ่ายแพ้!ดังนั้น แม่ทัพผู้เฒ่าซูจึงสู้สุดชีวิต ปกป้องและพาตนเองตีฝ่าวงล้อมออกมา!เพียงแต่น่าเสียดาย แม่ทัพผู้เฒ่าซูสู้รบเพียงลำพัง จนหมดแรงแล้วสิ้นใจในที่สุดก่อนตาย เขาทิ้งจดหมายเขียนด้วยเลือดไว้หนึ่งฉบับ ให้ตนนำไปให้ฮ่องเต้หวู่ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!หลี่หลงหลินรีบกุมแผ่นอก พบว่าจดหมายเขียนด้วยเลือดยังอยู่ เขาจึงค่อยโล่งอก!จดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ เป็นความหวังเดียวในการพลิกชะตาชีวิตของตน!ทว่าหลี่หลงหลินคิดทบทวนหลายครั้ง เขาไม่คิดจะเอาจดหมายเขียนด้วยเลือดฉบับนี้ออกมา แล้วให้ฮ่องเต้หวู่โดยตรงเหตุผลนั
เมืองหลวงจวนตระกูลซูพรึ่บ!ณ ลานกลางจวน ลำแสงสีเงินเคลื่อนผ่าน!นั่นไม่ใช่สายฟ้า แต่เป็นลำแสงสะท้อนจากหอกยาว!เงาตามติดการเคลื่อนไหวของหอก หอกพุ่งตัวดุจดั่งมังกร!นางสวมเสื้อเกราะ ด้านหลังมีผ้าคลุมสีแดงโบกสะบัด ไม่ได้สวมหมวกเกราะ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังมัดรวบเป็นหางม้า พริ้วไหวขึ้นลงวีรชนผู้กล้าหาญ สตรีไม่แพ้บุรุษ!สตรีผู้นั้นคือซูเฟิ่งหลิงหลานสาวแม่ทัพผู้เฒ่าซู!ตึ้ง!หอกยาวในมือซูเฟิ่งหลิงทิ่มแทงด้วยความรุนแรง เจาะทะลุหุ่นไม้ แตกเป็นเสี่ยงๆ!บนศีรษะของหุ่นไม้มีแผ่นกระดาษติดไว้ สามตัวอักษร...หลี่หลงหลิน!หญิงสาวข้างกายปรบมือ “คุณหนู วิชาหอกของคุณหนูพัฒนาขึ้นอีกแล้วเจ้าค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงกำหมัดแน่น ทรวงอกอิ่มกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรง ดวงตาหงส์น้ำตารื้น พูดด้วยความโมโห “วิชาหอกเก่งกาจ มีประโยชน์อะไร? ข้าเจ็บใจที่ไม่อาจสังหารไอ้คนสารเลวหลี่หลงหลินด้วยตนเอง ไม่อาจแก้แค้นให้ตระกูลซูที่จงรักภักดีได้!”พวกสตรีได้ยินเช่นนั้น ต่างก้มหน้าลง สีหน้าฉายความโกรธเคืองตระกูลซูจงรักภักดีทุกชั่วอายุคน ภักดีต่อต้าเซี่ย!เพราะคนสารเลวหลี่หลงหลิน ทำให้ผู้ชายของตระกูลซูตายอย่างอนาถ เหลือเพียงห
“ฮูหยินผู้เฒ่า!”คนทั้งตระกูลซูพากันทำความเคารพหญิงชราแม้ซูเฟิ่งหลิงจะหยุดการกระทำของตน ทว่ายังเจ็บใจยิ่งนัก “ท่านย่า! แทงครั้งเดียว ข้าก็สังหารเจ้าคนสารเลวหลี่หลงหลินได้แล้ว!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูหัวเราะในลำคอ “โชคดีที่ข้ามาทันเวลา หากเจ้าทำให้เว่ยกงกงบาดเจ็บ เช่นนั้นเจ้าก็เท่ากับว่าเจ้าทำความผิดร้ายแรง! ยังไม่รีบถอยออกไปอีก!”ซูเฟิ่งหลิงไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน กลัวแค่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าซูเวลาโมโหเท่านั้น แม้จะเจ็บใจ แต่นางก็ถอยไปยืนข้างๆ อย่างเชื่อฟังทว่าดวงตาหงส์คู่นั้น ยังคงจ้องเขม็งไปที่หลี่หลงหลิน แทบอยากจะกลืนกินเขาทั้งเป็น!เว่ยซวินดึงสติกลับมา ก้าวขึ้นหน้าหนึ่งก้าวแล้วทำเคารพ “คารวะฮูหยินผู้เฒ่าซู! ไม่พบเจอกันนาน ฮูหยินผู้เฒ่าซูเป็นเช่นไรบ้าง สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่?”เว่ยกงกงเป็นขันทีคนโปรดของฮ่องเต้หวู่ ถูกขนานนามว่าเก้าพันปีแต่กระทั่งเก้าพันปีท่านนี้ ยังต้องทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่าซูอย่างว่าง่าย!เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้ไม่เพียงมีอำนาจในตระกูลซู แม้แต่ในราชสำนัก ก็น่าเกรงขามยิ่งนัก!ถึงอย่างไร ทหารรักษาแคว้นสิบแปดนายของตระกูลซู นางเป็นคนสอนมากับมือ!เมื่อครั้นฮ
ฮูหยินผู้เฒ่าซูอ่านจดหมายเลือดวนซ้ำหลายรอบ พูดด้วยความไม่เข้าใจ “หลี่หลงหลิน! เหตุใดท่านไม่เอาจดหมายเลือด ให้ฝ่าบาท เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน?”หลี่หลงหลินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง “ไม่มีใครรู้จักลูกชายดีเท่ากับบิดา! นิสัยของเสด็จพ่อ ข้ารู้จักเป็นอย่างดี! ด้วยความหวาดระแวงและดื้อรั้นของเสด็จพ่อ จะเชื่อข้าหรือ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเงียบนางเองก็รู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่เป็นคนอย่างไรตระกูลซู จงรักภักดีต่อต้าเซี่ย ปกป้องดินแดนทางเหนือมาหลายชั่วอายุคน ไม่รู้ว่ามีวิญญาณจงรักภักดีมากมายเพียงใดที่ถูกฝังในต่างแดน แต่ฮ่องเต้หวู่กลับยังคงหวาดระแวงและคอยกดตระกูลซูสถานการณ์ในราชสำนัก ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็พอได้ยินมาบ้างขุนนางฝ่ายบุ๋นรักเงินทอง ขุนนางฝ่ายบู๊รักชีวิตบวกกับฮ่องเต้หวู่ไม่ยอมแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกจากองค์ชายเก้าหลี่หลงหลินที่เสเพลเกินไป ไม่มีขุนนางคนใดสนับสนุนขุนนางคนอื่นล้วนลอบสนับสนุนองค์ชายพระองค์ เสมือนองค์ชายทั้งเก้าในสมัยราชวงศ์ชิงช่วงชิงบัลลังก์!หลายฝ่ายในราชสำนักแก่งแย่งชิงดี โจมตีซึ่งกันและกัน จนโกลาหลเสียงร้องทุกข์ของไพร่ฟ้าท่วมท้องถนน ชีวิตลำบากข้นแค้น!เวลานี้
หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ทหารที่เหลืออยู่หนึ่งพันนายของตระกูลซู บุกเข้าวัง ปรับราชวงศ์เปลี่ยนรัชสมัย! เขายืมมือของตระกูลซูกำจัดผู้เห็นต่าง ก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ เพื่อให้ตระกูลซูถูกตราหน้าว่าเป็นกบฏ ให้อาชญากรรมทั้งหมดตกอยู่กับตระกูลซู! ” “หากเขาสังหารตระกูลซู ล้างมลทินให้ตนเอง ยกดินแดนให้คนป่าเถื่อนเป็นการชดเชย เขาก็จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง!” “นี่คือภาพรวมแผนการของเขา!” “ยอดแม่ทัพยืนหยัดบนหมื่นกระดูก!” “ไม่ว่าจะเป็นข้า หรือตระกูลซู ล้วนเป็นบันไดของคนผู้นี้!” “คนไร้ประโยชน์อย่างข้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย!”“แต่ตระกูลซูมีแต่ด้วยความภักดี กลับต้องกลายเป็นกบฏ ถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ ทิ้งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปชั่วลูกชั่วหลาน!” คําพูดนี้ ทําลายกำแพงในใจของฮูหยินผู้เฒ่าซูไปโดยสิ้นเชิง!ตุ้บ!ฮูหยินผู้เฒ่าซูนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น ดวงตาของนางว่างเปล่า ร้องไห้คร่ำครวญ: “ไม่กลัวหากร่างกายจะแหลกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงใจภักดิ์ไว้ในประวัติศาสตร์! ตระกูลซูของเราไม่กลัวความตาย! เพียงแต่หากตระกูลซูกลายเป็นกบฏจริงๆ แล้วข้าจะมีหน้าไปเจอบรรพบุรุษของตระกูลซูได้ยังไง...
ในท้องพระโรงฝ่าบาทกําลังมีประชุมฉุกเฉินเหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ต่างยืนสีหน้าเคร่งเครียด บรรยากาศภายในจริงจังเป็นอย่างมากเส้นเลือดบนหน้าผากฝ่าบาทปูดขึ้น พักตรมังกรโกรธจัด: “มีกองทหารหลายแสนนายทางตอนเหนือ กลับไม่สามารถหยุดการย่ำยีประชาชนอย่างทารุณของเผ่าหมานนับหมื่นได้! ตอนนี้กองทัพเผ่าหมานได้เข้าใกล้เมืองหลวงแล้ว! ”“ต้าเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ กลับไม่มีแม่ทัพและทหารที่สามารถสู้รบได้เลย!”“หรือต้องให้ข้านำทัพไปทำสงครามเอง?”เหล่าขุนนางทุกคนต่างก้มหน้าและไม่มีใครกล้าพูดฝ่าบาทเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้: “ไร้ประโยชน์! ล้วนเป็นพวกไร้ประโยชน์ ขุนนางเข้าใจข้าผิด! ศัตรูอยู่ตรงหน้า คุณธรรมอยู่ที่ใด? ”ในเวลานี้หลี่เซวียนองค์ชายหกยืนขึ้น: “เสด็จพ่อ กระหม่อมมีวิธีแก้ไขวิกฤตในเมืองหลวงพะยะค่ะ!”ดวงตาของฝ่าบาทเป็นประกายขึ้น: “เจ้าหก เจ้าฉลาดและมีไหวพริบมาตั้งแต่เด็ก! วิธีที่ว่าคืออะไร ไหนลองพูดมาสิ! ”หลี่เซวียนเอ่ยขึ้น: “ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน!การต่อต้านทหารม้าเผ่าหมาน จำเป็นต้องมีผู้นำทัพชั้นยอด! ภายใต้การบัญชาทัพของเสด็จพ่อ แล้วยังมีราชองครักษ์อ
ยามดึกสงัด ณ จวนขององค์ชายสี่ เพล้ง! หลี่จือตาแดงก่ำ เขาขว้างขวดกระเบื้องล้ำค่าลงพื้นจนแตกกระจาย พร้อมตะโกนลั่นว่า “ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าไม่มีประโยชน์กันสักคน! แค่ถ่วงเวลานิดเดียวยังทำไม่ได้! แค่สามวัน... สามวันเท่านั้น ตู้เหวินยวนก็สารภาพแล้ว!” หัวใจของหลี่จือราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ทำไมเขาถึงต้องให้ขุนนางสามศาลถ่วงเวลาไว้? เหตุผลนั้นง่ายมาก! หลี่จือเป็นลูกเขยของตู้เหวินยวน และรู้ดีว่าเจ้าสุนัขจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ซ่อนเงินสกปรกเอาไว้ ตู้เหวินยวนระมัดระวังตัวมาก สถานที่ซ่อนสมบัตินั้นมีเพียงเขาที่รู้ แม้แต่หลี่จือและบุตรสาวของตู้เหวินยวนก็ไม่ทราบ แต่ว่า... บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมพัดผ่านไม่ได้ สมบัติเงินทองมากมายขนาดนี้ ตู้เหวินยวนย่อมต้องจ้างคนขนย้าย ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน หลี่จือก็จะสามารถตามหาเงินสกปรกที่ตู้เหวินยวนซ่อนเอาไว้ และยึดมาเป็นของตัวเองได้! แต่แล้ว... แค่สามวัน ข่าวร้ายก็ถูกส่งมาถึง! ตู้เหวินยวนสารภาพผิด สถานที่ซ่อนสมบัติ เขาก็เปิดเผยออกมาหมดแล้ว สมบัติเงินทองมหาศาลกว่ายี่สิบล้านตำลึง ถูกเจ้าเก้าค้นพบ และนำส่งเข้าไปในพระราชวัง กลายเป็นทรัพย
พูดตามตรง การที่หลี่หลงหลินสามารถล้มตู้เหวินยวนและยังจะประหารชีวิตเขาหลังฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ นั่นเป็นเรื่องที่เหลือเชื่ออย่างที่สุดแล้ว! ส่วนเรื่องการกำจัดทั้งเก้าชั่วโคตรของเขานั้น หลิ่วหรูเยียนไม่กล้าคิดถึงมันด้วยซ้ำ! ในหมู่ชนชั้นสูงของแคว้นต้าเซี่ย ผ่านการแต่งงานผูกสัมพันธ์กันมานานแล้ว จนกลายเป็นเครือข่ายที่ซับซ้อนพันกันยุ่งเหยิง ในเจ้ามีข้า ในข้ามีเจ้า หากต้องกำจัดเก้าชั่วโคตรของตู้เหวินยวนจริงๆ อาจจะต้องถอนรากถอนโคนชนชั้นสูงของต้าเซี่ยทั้งหมดเลยก็เป็นได้! อย่างน้อยในสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หลิ่วหรูเยียนร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดน้ำตาออกไปแล้วกลับมานวดคอให้หลี่หลงหลินต่อ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “องค์ชาย แล้วข่าวดีข้อที่สามล่ะ?” จริงๆ แล้วสำหรับหลิ่วหรูเยียน ข่าวสองข้อแรกก็น่าตื่นตะลึงมากพอแล้ว ข่าวดีข้อที่สามคงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยกระจุ๋มกระจิ๋ม หลี่หลงหลินเอ่ยขึ้นทันทีว่า “บิดาของเจ้า ชื่อหลิ่วชิงหยางหรือไม่?” หลิ่วหรูเยียนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความประหลาดใจออกมา “องค์ชาย ทราบชื่อบิดาของข้าได้อย่างไร หรือว่าท่านไปตรวจสอบบ
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเฟิ่งหลิงเรียกคนจากภูเขาทิศประจิมมาช่วยขนหีบทั้งหมดในห้องใต้ดินขึ้นรถม้า แล้วส่งไปยังพระราชวัง เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นเงินจำนวนมหาศาลนี้ ก็ทรงยิ้มอย่างพอพระทัย ส่วนหีบที่บรรจุจดหมายลับ หลี่หลงหลินเก็บไว้เองและนำกลับไปยังจวนตระกูลซู หลังอาหารเย็น หลี่หลงหลินแอบขึ้นไปยังหอละอองฝน และพบกับพี่สะใภ้สี่หลิ่วหรูเยียน หลิ่วหรูเยียนสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู นอนเอกเขนกอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ยาว ในมือถือหนังสืออ่านเล่นเล่มหนึ่ง อ่านอย่างเพลิดเพลิน ข้างกายนางมีสาวใช้ชื่อเหอเย่อยู่ ซึ่งหลิ่วหรูเยียนพาตัวออกมาจากสำนักการสังคีต เหอเย่กำลังจับเท้าเล็กๆเรียวงามของหลิ่วหรูเยียนไว้และนวดคลายเส้นบริเวณฝ่าเท้า หลิ่วหรูเยียนรู้สึกเจ็บเล็กน้อยจนเผลอครางเบาๆ เสียงนั้นช่างชวนให้จินตนาการ “พี่สะใภ้สี่!” เมื่อหลี่หลงหลินเห็นภาพที่งดงามชวนเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หลิ่วหรูเยียนเห็นหลี่หลงหลินมา ก็โบกมือไล่สาวใช้ออกไปพร้อมรอยยิ้มยินดี “ท่านมาแล้ว! มาลองชิมขนมโก๋กุ้ยฮวาที่ข้าทำเองดูสิ ข้าใส่น้ำตาลทรายขาวที่ท่านคิดค้นด้วย รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่หลงหลินไ
ตู้เหวินยวนครองอำนาจบริหารบ้านเมืองมาหลายสิบปี เขาได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากมาย เรียกได้ว่าเลวร้ายจนแทบจารึกไม่หมด! เนื้อหาในจดหมายเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับตู้เหวินยวน แต่ยังโยงใยถึงข้าราชการอีกมากมาย หากเปิดเผยจดหมายเหล่านี้ออกมา จะต้องเกิดความสั่นสะเทือนทั้งราชสำนักอย่างแน่นอน! ไม่รู้ว่าจะมีขุนนางกี่คนที่จะต้องเกี่ยวพันไปด้วย อย่างเบาที่สุดก็คือถูกปลดจากตำแหน่ง อย่างหนักก็คงต้องถูกตัดหัว ซูเฟิ่งหลิงมองดูจดหมายเหล่านี้ด้วยความตื่นตระหนกจนหนังศีรษะชา “ตู้เหวินยวนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ! ทำไมถึงเก็บหลักฐานความผิดของตัวเองไว้แบบนี้? ทำไมไม่ทำลายทิ้งไปเสียให้หมด?” หลี่หลงหลินส่ายหน้าเบาๆ “ไม่! นี่แหละคือความชาญฉลาดของตู้เหวินยวน! จดหมายเหล่านี้เป็นหลักฐานความผิดของเขาเอง แต่ก็เป็นจุดอ่อนของข้าราชการคนอื่นๆ ด้วย! ตู้เหวินยวนใช้วิธีนี้เพื่อจับจุดอ่อนของเหล่าข้าราชการ และบีบบังคับให้พวกเขารวมกลุ่มสมคบคิดกัน” “เจ้าแก่จิ้งจอกนี่มันร้ายกาจจริงๆ!” ซูเฟิ่งหลิงเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ไม่น่าแปลกใจที่ท่านปู่ของนางมักจะเตือนเสมอว่า แวดวงราชการนั้นเต็มไปด้วยอันตราย เหมือนเหยียบพื้นน้ำ
จวนส่วนตัวหลังที่สอง ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้า หลี่หลงหลินและซูเฟิ่งหลิงบุกเข้าไปค้นหากันพักใหญ่ แต่กลับไม่ได้อะไรเลย ซูเฟิ่งหลิงเริ่มรู้สึกหมดหวัง “หรือว่าเจ้าแก่ตู้เหวินยวนมันหลอกเราอีกแล้ว!” หลี่หลงหลินที่ตอนแรกมั่นใจเต็มเปี่ยม ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่แล้ว... เมื่อมาถึงจวนหลังที่สาม พวกเขาก็พบสิ่งที่ตามหา ห้องใต้ดินที่นี่ไม่ได้ลึกนัก ดูเหมือนห้องเก็บของธรรมดาๆ ที่ใช้เก็บผัก หลี่หลงหลินจุดตะเกียงน้ำมันที่ผนัง แล้วห้องใต้ดินมืดมิดก็สว่างขึ้นทันที และเห็นว่าตรงหน้ามีหีบขนาดใหญ่เรียงรายเต็มห้อง มุมหนึ่งของห้องใต้ดินมีชั้นวางของแบบโบราณ ที่บนนั้นเต็มไปด้วยของล้ำค่าและของหายากต่างๆ “ในที่สุดก็เจอแล้ว!” ซูเฟิ่งหลิงรีบเปิดหีบใบหนึ่ง เมื่อเห็นเงินแท่งสีเงินเต็มหีบ ก็ถึงกับอ้าปากค้าง ที่นี่คือที่ที่ตู้เหวินยวนซ่อนทรัพย์สินที่ยักยอกมา! ซูเฟิ่งหลิงตื่นเต้นสุดขีด กำหมัดชูขึ้นด้วยความดีใจ แต่หลี่หลงหลินกลับไม่ได้สนใจเงินทองเหล่านั้น เขาเดินตรงไปที่ชั้นวางของโบราณ ดูเครื่องกระเบื้องและหยกที่จัดวางอยู่ พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกตะลึง ทองคำมีมู
หลี่หลงหลินหัวเราะ: “นี่เจ้าพูดเองนะ! เสด็จพ่อให้ข้าไปยึดจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าก็จะไปเองแล้วกัน!” เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีตื่นตัวขึ้นมาทันที: “ไม่ได้! ได้ยินว่ามีเงินอยู่ในจวนนั้นตั้งยี่สิบล้านตำลึง ถ้าท่านคิดฮุบไว้คนเดียวจะทำยังไง? ข้าจะไปด้วย!” ตามปกติแล้ว หากหลี่หลงหลินจะไปตรวจสอบจวนส่วนตัวของตู้เหวินยวน ควรจะเรียกทหารไปด้วย แต่ตู้เหวินยวนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์คนนี้ ซื้อจวนธรรมดา ๆ ในย่านชุมชนคนทั่วไปเอาไว้ ถ้าหากนำกำลังทหารไปอย่างโจ่งแจ้ง เกรงว่าจะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ดังนั้น หลี่หลงหลินจึงตัดสินใจพาซูเฟิ่งหลิงไปสำรวจก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่ถูกต้อง แล้วค่อยเรียกทหารมาตรวจค้นอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียเวลา หลี่หลงหลินสั่งให้ซูเฟิ่งหลิงนั่งรถม้าตรงเข้าสู่เมืองหลวงทันที มุ่งหน้าไปยังจวนหลังแรก จวนหลังนี้เป็นจวนธรรมดาติดทะเลสาบ ดูจากภายนอกทรุดโทรมพอสมควร ซูเฟิ่งหลิงหรี่ตา มองจวนอย่างพินิจพิเคราะห์: “จิ้งจอกเฒ่าตู้เหวินยวนซ่อนเก่งจริง ๆ! ถ้าเขาไม่สารภาพเอง คงไม่มีทางหาเงินสกปรกนี่เจอแม้แต่ตำลึงเดียว!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “เร
สีหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดมนจนถึงขีดสุด พระองค์รู้ดีว่าตู้เหวินยวน ชายชราผู้มากเล่ห์หลายกลซึ่งครองอำนาจในแผ่นดินมายาวนานนั้นได้กอบโกยเงินทองไว้ไม่น้อย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จะมากมายถึงเพียงนี้ ยี่สิบล้านตำลึง? นี่มันหมายความว่าอะไร! รายได้จากภาษีทั้งปีของแคว้นต้าเซี่ยยังไม่เท่านี้เลย และนี่ ยังไม่นับรวมเรือนตากอากาศที่เขาซื้อไว้บนเขาทิศประจิม และเงินอีกหนึ่งล้านตำลึงที่เคยอ้างว่าใช้ในการสร้างค่ายพักพิงสำหรับผู้อพยพ! ตู้เหวินยวนไม่ใช่แค่ข้าราชการที่ฉ้อโกงธรรมดา! เขาคือมหาโจรที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับเหอเซินเลยทีเดียว! ฮ่องเต้หวู่โบกมือพร้อมรับสั่งด้วยเสียงเย็นชา: “ลากตัวไป!” “ตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง!” ฮ่องเต้หวู่ไม่อยากเห็นหน้าตู้เหวินยวน โบกมือพร้อมเอ่ยเสียงเย็นชา ตู้เหวินยวนที่หมดอาลัยตายอยาก ใบหน้าเรียบเฉย ถูกองครักษ์เสื้อแพรลากตัวออกไปโดยไม่ปริปากขอร้องแม้แต่คำเดียว เพราะว่า ตู้เหวินยวนเขารู้ดีว่าฮ่องเต้หวู่ยังเมตตาเขาอยู่ หนึ่งคือ การริบทรัพย์สิน แต่ไม่ได้ประหารล้างโคตร สองคือ การตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง หมายความว่าการประหารจะเกิดขึ้นหลังวันศารทวิษุวัตของปีนี้
ในตอนนั้นเอง หลี่หลงหลินก็เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า: “เสด็จพ่อ ลูกไม่เหมือนพวกไร้ค่าพวกนั้นหรอก!” ฮ่องเต้หวู่ถึงกับชะงัก มองหลี่หลงหลินพลางถาม: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่หลงหลินยิ้มเย็นชา ก่อนกล่าวด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนตะลึง: “คดีที่สามศาลไม่สามารถสืบได้ ข้าจะสืบเอง! เงินสกปรกที่สามศาลหาไม่เจอ ข้าจะหาเอง!” เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในที่นั้นถึงกับตกตะลึงจนพูดไม่ออก ทำยังไง? ในเมื่อทุกคนช่วยกันสืบยังสืบไม่ได้ แล้วองค์ชายเก้าจะมาดูแคลนสามศาลได้ยังไง? เจ้ากรมอาญาเอ่ยด้วยความไม่พอใจ: “องค์ชายเก้า ท่านไม่กลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่พูดหรือ?” เจ้ากรมศาลต้าหลี่หัวเราะเยาะ: “ข้าจะให้เวลาท่านอีกเดือนหนึ่ง ถ้าท่านทำให้ตู้เหวินยวนยอมรับสารภาพได้ ข้าจะยอมลาออกจากตำแหน่งแล้วกลับบ้านเกิดไปเลย!” ผู้ตรวจการราชสำนักเพียงแต่ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจ: “องค์ชายเก้า ท่านยังอ่อนประสบการณ์เกินไป การสอบสวนมันคือศิลปะ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น...” ฮ่องเต้หวู่เองก็เอ่ยเช่นกัน: “เจ้าเก้า เจ้าเป็นดาบที่อายจนไม่กล้าคืนฝักหรือไง? ฟังคำเราเถิด ช่างมันเถอะ! ค่อย ๆ สืบไป สุดท้ายก็ต้องมีผลออกมาเอง!”
“ใต้เท้าตู้ เจ้า...”ฮ่องเต้หวู่มองหน้าตาของตู้เหวินยวน ในใจก็รู้สึกขนลุกอยู่บ้างบนร่างกายของเขา ไม่เห็นรอยแผลชัดเจนนักแต่หน้าเขียวและซีด แววตาฟุ้งซ่าน เห็นได้ชัดว่าต้องทนทุกข์ทรมานมากจึงได้กลายเป็นแบบนี้ชั่วขณะหนึ่ง ฮ่องเต้หวู่ก็อดรนทนไม่ไหวอย่างไรตู้เหวินยวนก็เป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี แม้ไม่มีความสำเร็จ แต่ก็ทำงานหนักและที่ทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจก็คือคำว่าปีศาจคำนี้เจ้าเก้าทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำให้ตู้เหวินยวนหวาดกลัวเพียงนี้?ฮ่องเต้กลืนน้ำลายลง “เจ้าพูดมาสิ เจ้าเก้าทำอะไรเจ้ากันแน่?”ตู้เหวินยวนกัดฟัน “เขา... เขาทารุณกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้หวู่ถามว่า “ตีเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ถามอีกว่า “ด่าเจ้าหรือ?”ตู้เหวินยวนส่ายหัว “ไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือว่าไม่ให้เจ้ากินข้าวกินน้ำ?”ตู้เหวินยวนยังคงส่ายหัว “ก็ไม่ใช่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่สับสนแล้ว สีหน้าของเขาดูงุนงง “แล้วเขาทารุณเจ้าอย่างไร?”ตู้เหวินยวนคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “เขาขังกระหม่อมไว้ในห้องมืดเล็กๆ ไม่คุยกับกระหม่อม...”คราวนี้ไม่ใช่เพียงฮ่องเต