กงซูหว่านจ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน แทบจะทรมานจากความโง่เขลาแล้วนางชอบคนฉลาดยอมทะเลาะกับคนฉลาด ดีกว่าพูดคุยกับคนโง่เขลาเดิมทีตามความเห็นของกงซูหว่าน หลี่หลงหลินเป็นคนที่ฉลาดมากไม่ใช่เพราะหลี่หลงหลินเป็นนักกวีแห่งต้าเซี่ยที่มีความรู้และความสามารถมากมายพูดตามตรงในใต้หล้านี้มีคนมากมายที่เขียนบทความได้!ปราชญ์มหาสำนักคนใดในสำนักฮั่นหลินที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนบ้าง?พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาดหรือ?ไม่แน่นอน!ในความคิดของกงซูหว่าน ไม่ว่าบทความของพวกเขาจะดีแค่ไหน ไม่ว่าตำแหน่งขุนนางจะสูงแค่ไหน พวกเขาก็เป็นเพียงบัณฑิตอวดรู้!มีเพียงผู้ที่คิดค้นสร้างสรรค์ ผลักดันสังคมให้ก้าวหน้าเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับคำว่าฉลาดตัวอย่างเช่นหลี่หลงหลิน!กงซูหว่านชื่นชมหลี่หลงหลินมาโดยตลอด หรือกระทั่งพูดได้ว่าเลื่อมใสจนกระทั่งหลี่หลงหลินได้ก้าวเข้ามาในอาณาเขตที่นางเชี่ยวชาญที่สุด!นั่นก็คืออาวุธปืน!โดยเฉพาะปืนไร้มโนธรรมนี้ ได้ล้มล้างทัศนคติต่อโลกของกงซูหว่านไปโดยสิ้นเชิงกงซูหว่านไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าถังเหล็กธรรมดาๆ นี้จะเป็นอาวุธทรงพลังที่สามารถเอาชนะปืนใหญ่หงอีได้!กระทั่งกงซูหว่
ฮ่องเต้หวู่เพิ่งจะตื่นบรรทม เสวยพระกายหารเช้าแล้ว ก็โบกมือเรียกเว่ยซวิน “สหาย หากข้าจำไม่ผิด วันนี้เป็นวันนัดหมายระหว่างเจ้าเก้ากับเซียวเซวียนเช่อที่เขาทิศประจิมใช่หรือไม่?”เว่ยซวินยิ้มแป้น “ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีความทรงจำที่ดีจริงๆ เช้าตรู่วันนี้ คณะทูตจากชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกำลังมุ่งหน้าไปที่เขาทิศประจิม! นอกจากนี้ยังมีขุนนางใหญ่และผู้สูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยก็ไปที่เขาทิศประจิมเพื่อชมความตื่นเต้นเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทอยากเสด็จหรือไม่...”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ถ้าเจ้าเก้าชนะ! ข้าก็ต้องไปแน่! กลัวก็แต่ว่าเจ้าเก้าจะแพ้ ข้าคงจะอับอายขายหน้าไม่น้อย...”เขาอยากไปเขาทิศประจิมจริงๆ เพื่อเห็นด้วยตาตัวเองว่าอาวุธปืนที่หลี่หลงหลินทำออกมานั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อคืนฮ่องเต้หวู่นอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนมีมดไต่ไปทั่วร่างกายแต่ฮ่องเต้หวู่กลัวว่าหลี่หลงหลินจะพ่ายแพ้ให้กับ เซียวเซวียนเช่อชั่วขณะนั้นก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกฮ่องเต้หวู่มองไปที่เว่ยซวิน“จางอี้ รองผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมาจากเขาทิศประจิม! เขาไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยหรือ? อาวุธนี้ของเจ้าเก้าจะทำออกมาอย
ท่ามกลางฝูงชนเสนาบดีตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนางระดับสูงก็อยู่ด้วย!พูดตามตรงนัดหมายของเขาทิศประจิมเมื่อเทพกับพลังอำนาจของต้าเซี่ยและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือขุนนางชั้นสูง พูดจาไร้สาระ เชี่ยวชาญการวิพากษ์วิจารณ์ในราชสำนักเก่ง ไม่เข้าใจเรื่องทหารเลย ไม่น่าสนใจเลยสักนิด!แต่พวกเขาก็มากันทุกคนโดยไม่ได้นัดหมายเหตุผลง่ายๆในช่วงเวลานี้ องค์ชายเก้าหลี่หลงหลินกำลังโดดเด่น จนไม่มีผู้ใดขัดขวางการก้าวหน้าของเขาได้แล้ว!กลุ่มขุนนางมากันพร้อมหน้า ไม่เพียงแต่อัครมหาเสนาบดีเท่านั้น แต่ยังมีเสนาบดีกรมต่างๆ ที่มีชื่อเสียงและปราชญ์มหาสำนักอีกหลายคน เป็นขุนนางสำคัญในสำนักเลขาธิการ เป็นผู้อยู่ใต้บัญชาของฮ่องเต้!แต่กลับถูกหลี่หลงหลินคนเดียวกดขี่อย่างรุนแรง จนแทบหายใจไม่ออก!พวกเขามาที่เขาทิศประจิมครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อให้กำลังใจหลี่หลงหลิน แต่มาเพื่อดูหลี่หลงหลินอับอายขายหน้าโดยเฉพาะ!“ฮ่องเต้เสด็จ!”เสียงแหลมคมของเว่ยซวินดังก้องไปทั่วเขาทิศประจิมทุกคนรีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ “ฮ่องเต้ทรงพระเจริญ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนลุกขึ้นเถอะ! หืม? ใต้เท้าตู้ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? ท
เซียวเม่ยเอ๋อร์ก็คงสงสัยว่าหลี่หลงหลินใช่บุรุษหรือไม่แล้ว!เซียวเซวียนเช่อยืนขึ้น ยกมือคำนับหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า! คนก็มากันเยอะพอสมควรแล้ว! เอาอาวุธปืนของเจ้าออกมาให้ทุกคนได้ดูเถอะ!”หลี่หลงหลินมองไปที่เซียวเซวียนเช่อ แล้วยิ้มบาง “ท่านราชครู เจ้าจะร้อนรนไปทำไม?”เซียวเซวียนเช่อขมวดคิ้ว “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”แววตาของหลี่หลงหลินเป็นประกาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โรงเรียนทหารซีซาน เป็นพื้นที่หวงห้ามทางทหาร ปกติแล้ว พวกเจ้าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ แม้ว่าอยากเข้ามา ก็ยังเข้ามาไม่ได้! กว่าเจ้าจะเข้ามาได้สักครั้งหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าข้าก็ต้องทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขกผู้มาเยือน!”“อาวุธปืนเป็นอาหารจานหลัก!”“ก่อนที่อาหารจานหลักจะมา ก็ควรกินอาหารเรียกน้ำย่อยก่อน!”เซียวเซวียนเช่อตกใจ “อาหารเรียกน้ำย่อย? ทางที่ดีเจ้าควรพูดออกมาให้ชัดเจน!”หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สัญญาเขาทิศประจิม พูดตามตรง มันคือการต่อสู้ทางทหารของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ! แต่มีเพียงอาวุธปืนเท่านั้นที่ด้อยกว่า! ข้าได้ยินมาว่าทหารม้าของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ใต้หล้าไม่
เหยลวี่เกออยู่ต้าเซี่ยมาหลายวันแล้วเขามีเพียงความรู้สึกเดียวเท่านั้นก็คืออัดอั้น!มันอัดอั้นมากเกินไป!กับพวกต้าเซี่ยที่อ่อนแอไร้ประสบการณ์เหล่านี้ มีอะไรให้น่าเสวนาด้วย?ฆ่าเสียก็สิ้นเรื่อง!ฆ่าบั่นคอให้หลุดจากบ่า!ฆ่าจนเลือดไหลเป็นแม่น้ำ!ฆ่ากันแคว้นพังพินาศ!แต่ราชครูกลับบอกว่าต้องการเจรจาต่อรองกับต้าเซี่ย!องค์หญิงเซียวเม่ยเอ๋อร์ กลับต้องให้องค์ชายเป็นราชบุตรเขย!ทำไมกัน?นางคิดว่าร่างกายของชายชาวชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือไม่แข็งแกร่งกำยำพอหรือ?สรุปแล้ว เหยลวี่เกออัดอั้นมาก รู้สึกคับอกคับใจมาก ไม่พอใจเป็นอย่างมาก!เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่ฆ่าใครสักคน เพื่อระบายความโกรธนี้ออกไป ก็อาจจะเป็นบ้าได้!ในที่สุด เหยลวี่เกอก็ได้มีโอกาสแล้ว!“องค์ชายเก้า!”“เจ้าท้าทายทหารม้าเหล็กชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหรือ?”“ในเมื่อเจ้าอยากจะรนหาที่ตายเองเช่นนี้ ก็อย่าได้ตำหนิข้าแล้วกัน!”เหยลวี่เกอกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น กระดูกทั่วร่างกายก็ส่งเสียงลั่นออกมาทำให้คนรู้สึกขนหัวลุก จิตสังหารก็เดือดพล่านเมื่อเห็นว่าเหยลวี่เกอมั่นใจ เซียวเซวียนเช่อก็แสดงสีหน้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ในเมื่
เว่ยซวินกังวลมาก อดไม่ได้ที่บ่น “องค์ชายเก้า ในเมื่อท่านจะแข่งขันด้วยอาวุธปืน เช่นนั้นก็แข่งให้ดีๆ! ไยต้องไปแข่งขันกับทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือด้วย!”“นี่ท่านไม่รู้หรือว่า สิ่งที่ทรงพลังที่สุดของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือนั้นก็คือทหารม้า!”“เฮ้อ ยังหนุ่ม แต่ก็ต้องเสียเปรียบเพราะขาดประสบการณ์แท้ๆ!”หลี่หลงหลินติดอยู่ในวังวนของความสงสัย แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ เขามองไปที่ทหารม้าหุ้มเกราะร้อยนายของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพร้อมกับยิ้มเยาะ พูดแสดงความคิดเห็น “นี่คือทหารม้าหุ้มเกราะที่มีชื่อเสียงทั่วใต้หล้าหรือ?”“ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!”“ถ้าต้าเซี่ยมีทหารม้าแบบนี้ เกรงว่าคงจะสามารถกวาดล้างใต้หล้าได้เลยกระมัง!”เซียวเซวียนเช่อยิ้มอย่างเย็นชา พูดเย้ยหยันว่า “องค์ชายเก้า หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว! รีบส่งคนออกมาสู้เถอะ ดาบใหญ่ของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือแทบจะรอดื่มเลือดไม่ไหวแล้ว!”“ฮ่าๆๆ...”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารม้าชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือที่นำโดยเหยลวี่เกอต่างก็เงยหน้าขึ้นท้องฟ้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยองค์ชายเก้า เมื่อครู่นี้มิใช่ว่าเจ้าโ
เมื่อหลี่หลงหลินมีเหตุผลจึงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาขอม้าศึกของเซียวเซวียนเช่ออีกครั้ง“เด็กเวร!”ใบหน้าของเซียวเซวียนเช่อก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาราชครูของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือผู้นี้ แม้แต่ฝันก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าม้าศึกเพียงร้อยตัวจะสามารถทำให้เขาไม่อาจลงจากหลังเสือได้ เกือบจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง!เซียวเม่ยเอ๋อร์เริ่มหงุดหงิดแล้ว “ท่านราชครู เจ้าจะชักช้าไปไย! ก็แค่ม้าศึกไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น ก็ถือเสียว่าไล่ขอทาน ให้เขาไปก็สิ้นเรื่อง!”เซียวเซวียนเช่อตกตะลึง “ถ้าไม่มีม้า แล้วจะสู้กับกองทัพทหารใหม่ขอตระกูลซูได้อย่างไร?”เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเยาะเย้ยไปว่าต้าเซี่ยไม่มีม้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับกรรมตามสนองเร็วขนาดนี้เซียวเม่ยเอ๋อร์กำหมัดแน่น “ไม่มีม้าแล้วจะอย่างไร? ก็สู้ด้วยการเดินสิ นักรบชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือจะไม่แพ้ต้าเซี่ยแน่นอน!”เซียวเซวียนเช่อมองไปที่เหยลวี่เกอแล้วพูดว่า “แม่ทัพเหยลวี่ ถ้าต่อสู้ด้วยการเดิน เจ้ามั่นใจเพียงใด?”เหยลวี่เกอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ถ้าเป็นการต่อสู้ด้วยการเดิน อย่างน้อยก็เก้าส่วนขอรับ!”คำพูดนี้พูดด้วย
เซียวเม่ยเอ๋อร์ไม่ตอบ นางใช้เรียวเล็บยาวของหัวแม่มือขวา กรีดลากผ่านลำคอ! เชือดคอ! เซียวเม่ยเอ๋อร์สั่งเหยลวี่เกอให้ฆ่าซูเฟิ่งหลิงโดยไม่ต้องใจอ่อน! เหยลวี่เกอพยักหน้า แล้วหันไปมองซูเฟิ่งหลิง ดวงตาส่องประกายเจตนาฆ่าที่กำลังคุกรุ่น: "พระชายา ลงจากม้าเถอะ! ข้าจะประลองกับเจ้าสักครั้ง!" หลี่หลงหลินหัวเราะอย่างเย็นชา: "ลงจากม้าหรือ? ในสนามรบนี้ใครไปจะสู้กับพวกไร้ม้ากัน?" พวกไร้ม้าหรือ? เมื่อได้ยินคำเหน็บแนมของหลี่หลงหลิน ทุกคนในสนามต่างก็หัวเราะกันอย่างครื้นเครง ฮ่องเต้าหวู่ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล: "เจ้าเก้า ด่าได้ดีจริงๆ!" ส่วนเซียวเม่ยเอ๋อร์และเซียวเซวียนเช่อมีสีหน้าเคร่งเครียด ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความโกรธ พวกเขาแอบสาบานในใจว่า หากมีโอกาส จะต้องหั่นหลี่หลงหลินให้เป็นชิ้นๆ! เหยลวี่เกอหน้าดำคร่ำเครียด: "ไม่ยอมลงจากม้ารึ? ได้! แค่ให้เจ้าขี่ม้าแล้วจะสักแค่ไหนเชียว! อย่างไรเสียก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่แล้ว! จู่โจม! ฆ่านางซะ!" ฮูลา ทหารชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือกลุ่มหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ล้อมไว้เป็นครึ่งวงกลม และให้ซูเฟิ่งหลิงอยู่ตรงกลาง ซูเฟิ่งหลิ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค
น้ำ...น้ำ!หลิ่วหรูเยียนถูกความเผ็ดทำให้หน้าแดงก่ำ มุกเหงื่อผุดพราวเต็มหน้าผาก ทำให้ผิวพรรณขาวดุจหิมะถูกแต้มด้วยสีแดงเรื่อหลี่หลงหลินยื่นน้ำเย็นที่เตรียมไว้ดีแล้วให้หลิ่วหรูเยียนหลิ่วหรูเยียนดื่มลงไปหนึ่งอึก จากนั้นเอ่ยปากชม “องค์ชาย! อร่อยเหลือเกิน หม่อมฉันไม่เคยกินของอร่อยถึงเพียงนี้มาก่อนเลย มีความสุขยิ่งนัก!”เวลาเพียงชั่วพริบตา หัวปลาจานใหญ่ก็หายไปจนหมดเหล่าสะใภ้แต่ละคนหน้าแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพราวเต็มศีรษะ ปอยผมติดบนหน้าผาก ขับให้ดูมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษซูเฟิ่งหลิงถูกความเผ็ดทำให้ริมฝีปากแดงเจ่อ ความสงสัยที่มีต่อหลี่หลงหลินเมื่อครู่มลายหายไปราวกับหมอกผ่านตาซุนชิงไต้ยกชามข้าว จับจ้องหลี่หลงหลินและเอ่ยถาม “องค์ชาย ยังมีหัวปลาอีกหรือไม่ เมื่อครู่กินเร็วเกินไป ยังไม่รู้รสเพคะ”หลี่หลงหลินเผยสีหน้าเอือมระอาพี่สะใภ้สามคิดว่ากำลังกินโสมกระมัง จึงกินได้ไม่รู้รสก็แค่ตะกละเท่านั้นหลี่หลงหลินพยักหน้าและตอบว่า “พี่สะใภ้สาม ท่านวางใจได้ หากท่านชอบ ภายภาคหน้าจะทำให้พวกพี่สะใภ้กินจนพอใจ!”ซุนชิงไต้เผยสีหน้าดีใจ คีบผลสีแดงเข้าปาก จากนั้นถูกความเผ็ดทำให้หน้าบิดเบี้ยว แต่นาง
ที่ต้าเซี่ย นับตั้งแต่โบราณมาไม่คุ้นชินกับการกินหัวปลา ปกติแล้วจะตัดหัวตัดหางเลือกเพียงลำตัว หัวปลาย่อมถูกทิ้งไปแต่บัดนี้หลี่หลงหลินถึงขั้นนำหัวปลาที่เหลือมาทำอาหารหนึ่งชนิดทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือจะเชื่ออยู่บ้างยิ่งไปกว่านั้นหัวปลาหวงฮื้อใหญ่ยังมีขนาดใหญ่มาก ขนาดเล็กที่สุดก็ราวฝ่ามือ มองดูแล้วน่ากลัว ชนิดที่ว่าทำให้คนรู้สึกขนหัวลุกอยู่บ้างเหล่าสะใภ้ตกใจจนใบหน้างดงามเผือดซีดนิ้วเรียวยาวของซูเฟิ่งหลิงปิดปากไว้ อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง “องค์ชาย เจ้าสิ่งนี้กินเยี่ยงไร? มองดูแล้วน่ากลัวมากเหลือเกิน!”ลั่วอวี้จู๋เผยสีหน้าลำบากใจ “หัวปลานี้กินได้แน่หรือ?”ตอนนี้ทุกคนไม่เพียงสงสัยหลี่หลงหลิน แต่ยังสงสัยต่อหัวปลานี้หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ “ปลาหวงฮื้อล้ำค่าทั้งตัว หัวปลาย่อมสามารถกินได้ ไม่เพียงแค่นี้ หัวปลายังเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุด!”“จริงหรือ?” ซูเฟิ่งหลิงยังสงสัยดังเดิม ในสายตาของนาง หลี่หลงหลินกำลังปลอบตน ต้องการเห็นเรื่องตลกของตนซุนชิงไต้มองซูเฟิ่งหลิงด้วยสีหน้าจริงจังและเปล่งเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายไม่พูดความเท็จ หัวปลาหวงฮื้อใหญ่นี้กินได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยัง
ลั่วอวี้จู๋พูดอยู่ทางด้านข้าง “ใช่แล้ว องค์ชาย เรื่องเหล่านี้ยกให้สะใภ้สามเถอะเพคะ”หลี่หลงหลินกลับยืดอกตรงดุจต้นไผ่ พูดเสียงเรียบๆ ว่า “พวกพี่สะใภ้วางใจก็พอ ถึงตอนนั้นจะต้องถูกปากพวกพี่สะใภ้แน่”.....พลบค่ำเหล่าสะใภ้และซูเฟิ่งหลิงรอในห้องอาหารนานแล้ว ล้วนแปลกใจตกลงหลี่หลงหลินจะนำความแปลกใจอันใดมาอีกแต่ไหนแต่ไรมาหลี่หลงหลินไม่เคยทำให้ทุกคนผิดหวัง เรื่องที่เขาทำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็แปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดสองมือของซูเฟิ่งหลิงยกขึ้นเท้าคาง คนหิวแทบแย่ “ก็ไม่รู้ว่าองค์ชายเล่นพิเรนทร์อันใดอีก จะต้องลงมือเข้าครัวด้วยตนเองให้ได้ สำคัญที่สุดคือองค์ชายทำอาหารเป็นแน่หรือ?”ซูเฟิ่งหลิงรู้จักหลี่หลงหลินดีมาก แม้พูดว่าฉลาดหลักแหลม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเชี่ยวชาญทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นนับตั้งแต่เกิดก็มีคนคอยปรนนิบัติ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่เคยมีเรื่องให้กังวล น่ากลัวว่าแม้แต่ประตูห้องครัวก็ไม่เคยเฉียดเข้าไป นับประสาอะไรกับฆ่าปลาทำอาหารเล่า?ซูเฟิ่งหลิงส่ายหน้า สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก “ดูท่าแล้ว คืนนี้ข้าจะต้องหิวตาย”ลั่วอวี้จู๋อ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออกจึงเอ่ยปลอบ “น้องหญิงเล็ก ผ
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ