ฮ่องเต้หวู่หน้าถอดสี พูดเสียงสั่น “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถึงขั้นจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเพียงนี้?”ภายในความทรงจำของเขา ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเจริญรุ่งเรือง คิดอ่านเรียบง่าย แม้ว่าเชี่ยวชาญการต่อสู้ กลับไม่เชี่ยวชาญการวางกลยุทธ์ฝันไปก็คาดไม่ถึง ภายในคำพูดของหลี่หลงหลิน อุบายของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือโหดเหี้ยมถึงขั้นนี้?หลี่หลงหลินกระซิบเสียงค่อย “เสด็จพ่อ หากเป็นคนเผ่าหมานธรรมดา ย่อมไม่อำมหิตเพียงนี้! แต่ทั้งหมดนี้ หากเป็นแผนของเซียวเซวียนเช่อ...”ฮ่องเต้หวู่ใจสั่นงานชุมนุมวรรณกรรมต่อสู้กันด้วยตำราพิชัยสงคราม แม้ว่าเซียวเซวียนเช่อแพ้ไปหนึ่งครั้งแต่ตำราพิชัยสงครามสิบสองเล่มของเขา กลับกดดันบัณฑิตของต้าเซี่ยได้คนผู้นี้ล้ำลึกยิ่งนัก!หลี่หลงหลินกลับไม่ได้กังวลอย่างไร้เหตุผล สันนิษฐานไร้สาระไม่แน่ว่า เซียวเซวียนเช่ออาจวางแผนเช่นนี้จริง!“ซี้ด..”ฮ่องเต้หวู่หายใจเย็นเฮือกหนึ่ง ดวงตาสะท้อนแววอำมหิต “ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือหัวใจโหดเหี้ยมดุจหมาป่า มิสู้ เราทำลงไปแล้ว ก็ทำให้ถึงที่สุด...”หลี่หลงหลินส่ายหน้า พูดว่า “เสด็จพ่อ เรื่องยังไม่ร้ายแรงถึงขั้นนี้พ่ะย่ะค่ะ! ยิ
.....หลี่หลงหลินก้าวเข้าสกุลซู ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารระลอกหนึ่ง!วันปกติสาวใช้มักแย้มยิ้มให้เขา สายตาล้วนแปลกไปบ้างเล็กน้อย“องค์ชายเก้า!”“ฮูหยินผู้เฒ่ารอท่านที่หอบรรพบุรุษนานมากแล้ว!”“ให้ท่านไปพบโดนพลัน!”สาวใช้ขยับขึ้นมาพูดกับหลี่หลงหลินหอบรรพบุรุษ?มิใช่วันเทศกาลอะไรเสียหน่อยหลี่หลงหลินบ่นงึมงำภายในใจ เดินเข้าหอบรรพบุรุษภายในหอบรรพบุรุษสกุลซู ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษสกุลซูดุจภูเขา ด้านหน้าวางของเซ่นไหว้ เปลวเทียนพลิ้วไหว!ชวนให้คนตกตะลึงคือไม่เพียงซูเฟิ่งหลิงสวมชุดเกราะ สะใภ้ทั้งสี่และฮูหยินผู้เฒ่าซู ก็ล้วนสวมชุดเกราะ คุกเข่าหน้าป้ายวิญญาณ!บรรยากาศตึงเครียดมาก!หลี่หลงหลินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ อึ้งงันอยู่กับที่ “ฮูหยินผู้เฒ่า เฟิ่งหลิง ยังมีพี่สะใภ้ พวกท่านนี่คือ...”ซูเฟิ่งหลิงไม่พูดจา เบือนหน้าไปสีหน้าสะใภ้ทั้งสี่ ทั้งหมดล้วนเยียบเย็นปานหิมะ!“ประคองข้าขึ้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าซูโขกคำนับป้ายวิญญาณสามครั้ง ออกคำสั่งหลี่หลงหลินถลันขึ้นไป จะประคองฮูหยินผู้เฒ่าซูขึ้นมาเพียะ!มือของเขากลับถูกฮูหยินผู้เฒ่าซูตีตกไปที่ฝั่งหนึ่งหลี่หลงหลินตกตะลึงเหม่อไป!นับตั้ง
ถอนหมั้น!ฮูหยินผู้เฒ่าซูทำเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของสกุลซู!ถึงขั้นฝ่าฝืนพระราชโองการ ถอนหมั้นตน!หลี่หลงหลินกำหมัดแน่น เพลิงโทสะโชติช่วงภายในดวงตาทั้งสองข้าง!เขาไม่โกรธซูเฟิ่งหลิง!เด็กคนนี้ วันปกติล้วนโง่งม อุปนิสัยวู่วามแต่ยามเผชิญหน้ากับปัญหา แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยทำพลาด!ทั้งๆ ที่นางรู้ว่าฮูหยินผ้เฒ่าซูต้องการถอนหมั้น ยังยืนออกมาขอความเมตตาให้ตน!น้ำใจนี้ ทำให้หลี่หลงหลินซาบซึ้งใจสำหรับฮูหยินผู้เฒ่าซูหลี่หลงหลินเองก็โกรธไม่ลงคนอายุปูนนี้แล้ว มีความดื้อรั้น มีความเลอะเลือนฮูหยินผู้เฒ่าซูมีสติแจ่มชัดเพียงพอแล้ว!แต่ ภาระบนตัวนาง ช่างหนักหนาเกินไป!ซูเฟิ่งหลิงไม่แต่งงานหนึ่งวัน ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ต้องแบกความรับผิดชอบทำให้สกุลซูกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งไว้บนบ่ายิ่งไปกว่านั้นในตำแหน่งที่ฮูหยินผู้เฒ่าซูยืน นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด!ครั้งนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าซูจะต้องได้ยินเสียงเยาะหยันจากใคร ถึงเข้าใจตนผิดไป!หลี่หลงหลินโมโห เพราะพวกสร้างข่าวลือเหล่านั้น!คำพูดคนนั้นน่ากลัว สามารถมองเห็นด้วยตาได้!หากหลี่หลงหลินเป็นเด็กหนุ่ม ถูกปรักปรำเช่นนี้ อาจโกรธขึ้นมาในทันที ไม่อธิ
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าซูเลอะเลือนแล้ว เชื่อข่าวลือข้างนอกนั่นครุ่นคิดอย่างละเอียด มันไม่ถูกต้องฮูหยินผู้เฒ่าซูฉลาดมาก สามารถต่อกรกับจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักได้แบบที่ไม่เคยแพ้ด้วยเมืองที่นางอยู่ นางจะเชื่อข่าวลือข้างนอกนั่นง่ายๆ ได้ยังไง?วุ่นวายไปกว่าครึ่งวันฮูหยินผู้เฒ่าซูกำลังแสดงละครเพื่อให้สะใภ้สี่ได้แสดงความจริงใจหรือ?หญิงงามหรือหญิงชราใครจะเผ็ดร้อนกว่ากัน!ในหัวใจของหลี่หลงหลินปลาบปลื้มยิ่งนัก!สตรีห้าคนปรนนิบัติสามีคนเดียว?เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สตรีทั้งห้าคนหน้าแดงเรื่อ!พูดตามตรงอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ผู้ใดจะไม่หวั่นไหวบ้างล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินยังเป็นบุรุษรูปงามเช่นนี้ด้วย!แต่ทว่า นอกจากซูเฟิ่งหลิงแล้ว ลั่วอวี้จู๋ หลิ่วหรูเยียน กงซูหว่านและซุนชิงไต้ล้วนเป็นพี่สะใภ้ของหลี่หลงหลิน!มารยาทด้านลำดับชั้น ยังคงหยั่งรากลึกเหนียวแน่น พวกนางไม่มีทางเลยเถิดเป็นอันขาด!ฮูหยินผู้เฒ่าซูกล่าวว่า “วันนี้ ข้าจะต้องไล่หลี่หลงหลินออกจากจวนตระกูลซูให้ได้! นอกเสียจากว่าพวกเจ้ายินดีจะให้เขาอยู่ต่อ!”เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ จริงๆ มันก็โจ่งแจ้งมากพอแ
หลี่หลงหลินรู้ว่าซูเฟิ่งหลิงคิดอะไร จึงยิ้มๆ “ก่อนวันที่สองเดือนสองในปีหน้า ก็แค่ทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือก็พอแล้ว”ซูเฟิ่งหลิงตะลึงงัน มองหลี่หลงหลินด้วยความเหลือเชื่อเวลาครึ่งปีกว่า ทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนืออย่างนั้นหรือ?จะเป็นไปได้อย่างไร!หลี่หลงหลินกลับเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำเร็จไหมล้วนขึ้นอยู่กับคน! ข้าคิดหาวิธีเอาชนะศัตรูได้แล้ว!”“วิธีอะไรหรือ?”บรรดาสตรีของตระกูลซูต่างก็อยากรู้หลี่หลงหลินพูดทุกอย่างเกี่ยวกับปืนใหญ่หงอีออกมาหลังจากฟังจบแล้วบรรดาสตรีตระกูลซูต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจฮูหยินผู้เฒ่าซูร้อนใจมาก “ในโลกนี้ถึงกับมีอาวุธเพลิงแหลมคมอย่างปืนใหญ่หงอีเช่นนี้ด้วย! อย่าว่าแต่ทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือภายในเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งปี เกรงว่าแม้แต่เมืองซั่วเป่ยก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้!”สีหน้าของซูเฟิ่งหลิงย่ำแย่มากเมื่อไม่นานมานี้นางศึกษาตำราพิชัยสงครามที่หลี่หลงหลินให้นาง ถือว่าเป็นความสำเร็จเล็กน้อยเท่านั้นสู้ด้วยอาวุธเย็น กำจัดกองกำลังทหาร ซูเฟิ่งหลิงมั่นใจเจ็ดส่วนว่าจะสามารถทำลายชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือได้สุดท้ายเหต
“ที่นี่ไม่ค่อยสะดวกนัก!”“ทำไมพวกเราไม่ไปที่สถาบันวิจัยภูเขาประจิมล่ะ ไปหาที่เงียบๆ แล้วค่อยๆ ศึกษาเถอะ!”กงซูหว่านพยักหน้ากล่าวว่า “ก็ดี! มีช่างฝีมือดีหลายคนในสถาบันวิจัย ที่สามารถระดมความคิดกันได้!”หลี่หลงหลินพูดไม่ออกสะใภ้รองเจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกรักเลยจริงๆ!ตกลง!มีเวลาเหลือเฟือ!มาพัฒนาอาวุธปืนกันก่อน!หลี่หลงหลินขึ้นรถม้ากับกงซูหว่านและมาที่ สถาบันวิจัยภูเขาประจิม เมื่อได้ยินว่าองค์ชายเก้ากำลังจะพัฒนาอาวุธปืน ช่างฝีมือต่างก็รวมตัวกันด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นช่างฝีมือเหล่านี้ล้วนถูกคัดเลือกโดยกงซูหว่านส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนตระกูลกงซู เขาเป็นลูกหลานของหลู่ปันและมีทักษะที่โดดเด่นเช่นเดียวกับนาง“องค์ชายเก้า เจ้าสามารถสร้างอาวุธปืนได้หรือ?”“เหตุใดข้าได้ยินคนพูดว่าองค์ชายเก้าเป็นคนไม่เอาไหน...”“องค์ชาย งานของเรา ทำอย่างพิถีพิถัน จะทำของเก๊ออกมาไม่ได้!”ช่างฝีมือเหล่านั้นกำลังดูถูกเหยียดหยามหลี่หลงหลินเรื่องนี้ไร้หนทางจริงๆความประทับใจแรกของบุคคล มักจะหยั่งรากลึกเสมอชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของหลี่หลงหลินแย่มากจริงๆในสายตาของช่างฝีมือ เขาเป็นคุณชายเสเพลที่ไม่เอาไ
หลี่หลงหลินออกคำสั่ง ช่างฝีมือก็หยิบอาวุธปืนที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมาทีละตัวออกมา ในแววตาก็เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้นพวกเขาทุกคนหวังว่า หลี่หลงหลินจะชื่นชอบอาวุธปืนของพวกเขา หากรายงานต่อราชสำนัก แล้วเริ่มการผลิตเป็นจำนวนมาก พวกเขาสามารถนำความรุ่งโรจน์มาสู่บรรพบุรุษได้หลี่หลงหลินมองไปที่อาวุธปืนต่างๆ ที่มีรูปร่างแตกต่างกันตรงหน้าเขา ใบหน้าก็มืดมนจะพูดยังไงดีความคิดสร้างสรรค์ของช่างฝีมือยังคงสามารถยืนยันได้อาวุธปืนที่พวกเขาออกแบบนั้นไม่มีข้อจำกัดและมีรูปลักษณ์ที่สวยงามมากตัวอย่างเช่น ปืนมังกรจุนเฟยกระบอกนี้รูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนมังกรบิน แยกเขี้ยวยิงฟัน กางเล็บ เหมือนของจริงมากแต่พลังมีน้อยมากสู้บอกว่ามันคือดอกไม้ไฟยังดีกว่าบอกว่ามันคืออาวุธปืน!เช่นเดียวกับอาวุธปืนอื่นๆ ก็เหมือนกัน ล้วนแล้วแต่เหมือนหมอนปักลายที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้มากนักในเวลานี้ ช่างฝีมือเข็นรถขนอาวุธปืนที่หุ้มเกราะเหล็กหลายชั้น ลักษณะน่ากลัวมาก ชื่อของมันก็ดูทรงพลัง ชื่อว่า “อสูรฝ่าเพลิง”“องค์ชายเก้า!”“โปรดประเมินอสูรฝ่าเพลิงคันนี้ด้วยขอรับ!”เหล่าช่างฝีมือถามด้วยความยินดีใบหน้าของหลี่หลงหลินมืด
เมื่อกงซูหว่านมองภาพรถถังที่หลี่หลงหลินวาด ทุกอย่างล้วนชัดเจนมาก!ไม่มีอะไรผิด!อสูรฝ่าเพลิงในจินตนาการของตนเหมือนกับรถถังที่หลี่หลงหลินวาดทุกอย่าง!“เจ้า...”กงซูหว่านมีสีหน้าตะลึง มองไปที่หลี่หลงหลินด้วยความประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังคิดอะไร...”หลี่หลงหลินพูดหยอกล้อว่า “นี่เรียกว่ากายไร้ปีกหงส์โบยบินไป จิตมีแรดวิเศษสัมพันธ์ไว้!”ใบหน้างดงามของกงซูหว่านแดงเรื่อ การหายใจของนางก็รัวเร็ว มีความสามารถ ฉลาด หล่อเหลา ภูมิหลังดีและที่สำคัญที่สุดคือเขาเข้าใจว่าในใจของตนคิดอะไรนี่คือบุรุษที่ตนใฝ่ฝันหรือ?แต่ข้าเป็นพี่สะใภ้ของเขา!นี่ข้ากำลังคิดอะไรอยู่?กงซูหว่านหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ของตัวเอง “องค์ชายเก้า อาวุธปืนที่เจ้าต้องการสร้างคือรถถังคันนี้หรือ?”หลี่หลงหลินส่ายหัว “ไม่ใช่! รถถังมันล้ำหน้าเกินไป มีปัญหาทางเทคนิคมากเกินไปที่ต้องแก้ไข! อย่าว่าแต่หนึ่งเดือนสั้นๆ กระทั่งสิบปียี่สิบปีก็ยังสร้างออกมาได้ยาก!”ในการสร้างรถถัง ต้องแก้ไขปัญหาเรื่องพลังงานขับเคลื่อนก่อนลืมเรื่องเครื่องยนต์สันดาปภายในไปได้เลย!ด้วยระดับเทคโนโลยีในต้าเซี่ย แม้ว่าจะมีพิมพ์เขียว ก็
หลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามหลี่หลงหลินเปิดฝาโอ่งน้ำใหญ่ด้วยใบหน้าลึกลับเหล่าสะใภ้ต่างคาดหวัง เตรียมเป็นพยานความอัศจรรย์ซี้ด!ไอเย็นเสียดแทงกระดูกสายหนึ่งส่งเข้ามา ทำให้เหล่าสะใภ้ไม่เพียงตัวสั่น ภาพเบื้องหน้ายังชวนให้คนตกตะลึงพรึงเพริด!มองเห็นน้ำในโอ่งน้ำใหญ่ทั้งหมดกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง เย็นจนคนรู้สึกหนาว!ทุกคนกลับหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง หันมองทางหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึงพรึงเพริด สีหน้าเผือดซีด!ใบหน้ากงซูหว่านล้วนคือความตกตะลึง ในสายตาของนางหลี่หลงหลินไม่ต่างอันใดจากตำนานเสกหินให้เป็นทอง เพียงใช้เกลือหมางเซียวก็สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งได้แล้วหรือ? นี่เหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว!กงซูหว่านเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “องค์ชาย นี่ทำได้เยี่ยงไร? นี่หรือว่าเป็นวิชาเซียนจริง?”หลี่หลงหลินหยิบถุงเกลือหมางเซียวในมือออกมาและพูดว่า “ตอนผสมเกลือหมางเซียวนี้กับน้ำจะสามารถดูดความร้อนมหาศาลได้ สามารถทำให้อุณหภูมิลดลงจนเหลือศูนย์องศา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้น้ำย่อมกลายเป็นน้ำแข็ง”หลี่หลงหลินไม่ปกปิด เล่าหลักการทั้งหมดให้กงซูหว่านฟัง อย่างไรเสียภายภาคหน้ายังต้องการให้มีคนไปสอนราษฎร์ตงไห่ทำน้ำแข็
ทุกคนล้วนตกตะลึง ไม่เคยได้ยินมาก่อน ทั้งยังไม่เคยพบเห็นแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงเจ้าสิ่งนี้ซูเฟิ่งหลิงแปลกใจอยู่บ้าง “องค์ชาย เหตุใดคนสามารถทำน้ำแข็งได้เล่า? ไม่ใช่ขุดมาจากพื้นที่หนาวแดนเหนือหรอกหรือ หรือว่าสามารถทำให้อุณหภูมิของตงไห่ลดลงได้?”ซูเฟิ่งหลิงรู้ว่าน้ำแข็งเป็นผลผลิตของฤดูหนาว แต่นางนึกไม่ออกว่าคนทำน้ำแข็งที่หลี่หลงหลินพูดคือสถานการณ์เช่นไร ในสายตานางมันเป็นเรื่องเพ้อฝัน และไม่มีวันเป็นจริงได้หลี่หลงหลินยิ้มน้อยๆ และพูดว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้”ทุกคนมองหลี่หลงหลินด้วยสายตาตกตะลึง คิดว่าเขาอาจเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด หาไม่แล้วจะทำเรื่องชวนให้คนรู้สึกเหลือจะเชื่อได้เยี่ยงไร?หลี่หลงหลินมองซุนชิงไต้และพูดว่า “พี่สะใภ้สาม ไม่รู้ท่านที่นั่นมีเกลือหมางเซียวหรือไม่?”เกลือหมางเซียวหรืออีกชื่อคือดินประสิว เป็นของสำคัญที่หลี่หลงหลินใช้รักษาโรคอยู่ที่ต้าเซี่ย เกลือหมางเซียวมิใช่ของหายาก เพียงแต่ถูกคนนำมาทำเป็นยาระบายขับพิษ ชนิดที่ว่ามีคนนำไปให้สัตว์ใช้แรงกิน สามารถเพิ่มความแข็งของเปลือกไข่ในสัตว์ปีกได้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปและราคาถูกมากซุนชิงไต้มองหลี่หลง
จวนอ๋องตงไห่ ลั่วอวี้จู๋มองเหล่าทหารที่ลำเลียงปลาหวงฮื้อใหญ่เข้ามาในวังทีละคันรถ ในดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี “องค์รัชทายาท ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! มีวิธีการจับปลานี้แล้ว ชาวบ้านทะเลตงไห่ทุกครัวเรือนก็จะได้กินเนื้อ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารอีกต่อไป” ความกังวลก่อนหน้านี้ของลั่วอวี้จู๋มลายหายไปสิ้น ขอเพียงชาวบ้านมีกินมีใช้ ก็จะไม่เกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นอีก ทุกคนอยู่อย่างสงบสุข ทะเลตงไห่ก็จะปรองดองสามัคคี การก่อกบฏก็จะสงบลงไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนชั่วก่อความวุ่นวาย คอยขัดขวางอยู่เบื้องหลัง สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือเหล่าชาวบ้านอยู่ดี ซุนชิงไต้จ้องมองปลาหวงฮื้อใหญ่รถแล้วรถเล่าตาไม่กะพริบ น้ำลายไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้: “ปลาหวงฮื้อใหญ่นี้ทั้งอ้วนทั้งอร่อย ชาวทะเลตงไห่คราวนี้จะได้ลิ้มรสของอร่อยแล้ว!” หลังจากได้ปลาหวงฮื้อใหญ่กลับมา ซุนชิงไต้ก็ลงครัวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะทอด ผัด ต้ม ตุ๋น ล้วนเป็นรสเลิศแห่งโลกมนุษย์ เพียงแต่หากปลาหวงฮื้อใหญ่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดี ด้วยอุณหภูมิของทะเลตงไห่ในตอนนี้ ยิ่งปลาอ้วนเท่าใด ปริมาณโปรตีนในตัวก็ยิ่งสูง อัตราการเน่าเสียก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
“เปิดยุ้งฉางแจกข้าวหรือขอรับ?” พ่อบ้านชราประหลาดใจอย่างยิ่ง ข้าวสารเหล่านี้ซื้อมาเป็นพิเศษเพื่อปั่นราคา หลายวันก่อนหลู่จงหมิงเพิ่งจะกำชับไว้ว่า หากไม่มีคำสั่งของตน ห้ามผู้ใดเปิดฉางข้าวเป็นอันขาด เพียงไม่กี่วัน สถานการณ์ก็พลิกผัน การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าตกใจ ทำให้คนตั้งตัวไม่ติด พ่อบ้านยังไม่เข้าใจเจตนาของหลู่จงหมิง หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ฉวยโอกาสตอนที่พวกตระกูลขุนนางยังไม่เริ่มเทขายข้าวสารในมือ ชิงลงมือก่อนได้เปรียบ! มิฉะนั้นราคาจะยิ่งต่ำลงไปอีก!” “บัดนี้จงนำข้าวสารในมือพวกเราทั้งหมดเทขายออกไปในราคาต่ำสุด! ขอเพียงขายออกไปได้ จะต่ำเพียงใดก็ได้!” หลู่จงหมิงกลัวสถานการณ์เช่นนี้ที่สุด หลี่หลงหลินสอนชาวบ้านจับปลา ไม่เพียงแต่ได้ใจประชาชน แต่ยังแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่คับขันได้อีกด้วย สุดท้าย ก็เหลือเพียงตนเองที่ขาดทุนย่อยยับไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน หลู่จงหมิงเอ่ยเสียงเข้ม: “ไม่ได้! ข้าจะไปขายข้าวด้วยตนเอง!” ผู้ได้ใจประชาชนย่อมได้ครอบครองแผ่นดิน ในความคิดของหลู่จงหมิง บัดนี้ขอเพียงยอมขายข้าวให้ชาวบ้าน ก็จะเป็นผู้ช่วยให้รอดในใจของชาวบ้านแล้วแม้ว่าจะช้ากว่าหลี่หลงหลิ
หญิงชรามองสุ่ยเซิง เอ่ยอย่างจริงจัง: “สุ่ยเซิง เจ้าบอกความจริงกับแม่มา เจ้าไปลักขโมยปลาของผู้อื่นมาพร้อมกับเถี่ยจู้ใช่หรือไม่?” ในความคิดของหญิงชรา หากไม่ใช่การลักขโมย วันเดียวจะหาปลาได้มากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? สุ่ยเซิงยิ้มแล้วชี้ไปยังชาวประมงที่บรรทุกปลาเต็มลำกลับมา: “ท่านแม่! ลูกจะไปลักขโมยปลาของผู้อื่นได้อย่างไร ปลาเหล่านี้ล้วนจับมาได้จากทะเลตามวิธีที่องค์รัชทายาททรงสอนด้วยพระองค์เอง ท่านดูสิ ทุกคนก็จับมาได้ไม่น้อย” หญิงชรามองไป พบว่าชาวประมงที่กลับมาต่างก็มีปลาหวงฮื้อใหญ่ติดมือมาไม่มากก็น้อย เพียงแต่สุ่ยเซิงโชคดีกว่า จับปลาได้มากกว่าเล็กน้อย “องค์รัชทายาททรงสอนพวกเจ้าด้วยพระองค์เองหรือ?” หญิงชรามีสีหน้าลังเล สุ่ยเซิงพยักหน้า ชี้ไปยังท่าเทียบเรือที่ไม่ไกลนัก: “เมื่อวานก็ที่ตรงนั้น องค์รัชทายาทไม่เพียงแต่แบ่งปลาให้พวกเรา ยังทรงสอนวิธีการจับปลาให้พวกเราโดยเฉพาะ ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้พวกเราอย่างไม่ปิดบัง” ฟุบ! หญิงชราทรุดตัวลงนั่งกับพื้น พนมมือ ดวงตาพร่ามัวด้วยน้ำตา: “สวรรค์มีตา สวรรค์มีตาโดยแท้! ต้าเซี่ยมีองค์รัชทายาทเช่นนี้ วันคืนอันแสนลำบากของพวกเราชาวบ้าน ในที่สุดก็จ
เถี่ยจู้เริ่มเหนื่อยล้า อยากจะโยนไม้ท่อนสองอันในมือทิ้งลงทะเลเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อยากเชื่อเรื่องเหลวไหลว่าจะมีโชคหล่นจากฟ้าอีกต่อไป แต่พอนึกถึงรสชาติอันโอชะของปลาหวงฮื้อใหญ่ ก็ทำให้เขายังคงยืนหยัดต่อไปได้ ตึง ตึง ตึง... สุ่ยเซิงพลันหรี่ตาลง ชี้ไปยังที่ไกลๆ แล้วเอ่ยว่า: “ทางนั้นดูเหมือนมีความเคลื่อนไหว!” ทุกคนพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองไปยังทิศที่สุ่ยเซิงชี้ ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจว่า: “มีคลื่นนี่ หรือว่าลมใหญ่กำลังจะมา?” ไร้ลมไหนเลยจะมีคลื่น เพียงแค่ทะเลมีคลื่นซัดสาดขึ้นมากะทันหัน ก็บ่งบอกว่าอีกไม่นานลมใหญ่จะพัดมาถึง สุ่ยเซิงส่ายหน้า สีหน้าแน่วแน่ แล้วเอ่ยว่า: “ไม่...ไม่ใช่คลื่น แต่เป็นปลา!” “ฝูงปลา!” “ไม่! คือคลื่นปลา!” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึงตาค้าง ราวกับอยู่ในความฝัน ปลาแหวกว่ายถาโถมเข้ามาหาพวกเขาราวกับกระแสน้ำ นานๆ ครั้งก็จะมีปลาใหญ่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ ดุจดังเกลียวคลื่นที่ม้วนตัว สุ่ยเซิงตะโกน: “เร็วเข้า! ตักปลา!” เพียงชั่วพริบตา ฝูงปลาก็เข้ามาล้อมเรือประมงไว้แล้ว เหวี่ยงอวน สาวอวน ทุกคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย ต่างกลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ ออกเรี่ยวแรงทั้
รุ่งเช้า ณ ท่าเทียบเรือตงไห่ อรุณรุ่งตะวันออกฉาย แสงทองสาดส่องนภา เหล่าชาวประมงต่างแย่งกันเข็นเรือประมงลงสู่ทะเล ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังต่ออนาคต “ท่านแม่ ไม่ต้องมาส่งแล้ว ข้าไปกับเถี่ยจู้ไม่เป็นอันใดหรอก วางใจเถิด” สุ่ยเซิงเอ่ยลามารดา วิ่งเหยาะๆ มายังท่าเทียบเรือ ขึ้นเรือประมงไปพร้อมกับเถี่ยจู้และชาวประมงเพื่อนบ้านอีกสองสามคน “สุ่ยเซิง เร็วเข้าสิ เหลือแค่เจ้าแล้ว!” สุ่ยเซิงยิ้มซื่อๆ พลางล้วงห่อกระดาษเคลือบน้ำมันสองห่อออกมาจากอกเสื้อ ส่งให้เถี่ยจู้ เถี่ยจู้สงสัยเล็กน้อย: “นี่คืออันใด?” สุ่ยเซิงยิ้มแล้วเอ่ยว่า: “นี่เป็นสิ่งที่ท่านแม่ยัดเยียดให้ข้าตอนจะออกมา บอกว่าเป็นปลาทอดกรอบที่ทำจากปลาหวงฮื้อใหญ่เมื่อวานนี้ เก็บไว้หลายวันก็ไม่เสีย ให้พวกเราเอาไว้กินเป็นเสบียงแห้งในทะเล” เถี่ยจู้ทำหน้าอิจฉา: “สุ่ยเซิง ท่านแม่ของเจ้าช่างรอบคอบนัก ยังเตรียมเสบียงแห้งให้เจ้าด้วย แต่ว่าปลาที่องค์รัชทายาทแจกเมื่อวานหอมจริงๆ! เมื่อวานข้ากินไปตั้งสามตัว ทำเอาท้องที่หิวมาหลายวันของข้าอิ่มแปล้ไปเลย” คนอื่นๆ ที่มาด้วยกันต่างพูดคุยถึงวิธีการปรุงปลาหวงฮื้อใหญ่กันเซ็งแซ่ ทุกคนต่างบอกเป็นเส
หลู่จงหมิงไม่เคยเห็นปลามากมายเช่นนี้มาก่อน ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป! เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ ก็ยืนนิ่งตะลึงงัน พูดไม่ออก “องค์รัชทายาท แจกปลาเถิด!” “พวกเราต้องการกินปลา!” ชาวบ้านชูแขนโห่ร้อง แม้ว่าหลี่หลงหลินจะนำปลาทั้งหมดมากองไว้บนท่าเทียบเรือแล้ว แต่ก็ยังคงให้ทหารตระกูลซูเฝ้าไว้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้าน หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าเคยพูดเมื่อใด ว่าจะแจกปลาเหล่านี้ให้เปล่าๆ?” ทุกคนต่างส่งเสียงฮือฮา ชาวบ้านมองหลี่หลงหลินด้วยสีหน้าตกตะลึง ในแววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ไม่ใช่ว่าหลี่หลงหลินรับปากเองหรอกหรือ ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? บัดนี้เหตุใดจึงกลับคำเล่า? “ทุกคนเห็นหรือไม่? นี่แหละองค์รัชทายาท ปากก็พร่ำบอกว่าจะให้ชาวบ้านได้กินเนื้อ แต่บัดนี้กลับตระบัดสัตย์!” หลู่จงหมิงเดินมาหน้าชาวบ้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน หลู่จงหมิงฉวยโอกาสทันที ไม่อาจปล่อยให้หลี่หลงหลินชนะใจประชาชนไปง่ายๆ เช่นนี้ได้ หลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเข้ม: “ข้าพูดเมื่อใดว่าจะไม่ให้ชาวบ้านกินเนื้อ?” หลู่จงหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าในน้ำเต้าของหลี
ยามเย็น ณ ท่าเรือตงไห่ เรือลำใหญ่ค่อยๆ แล่นเข้าสู่ท่าเรือ บนท่าเทียบเรือมีผู้คนเนืองแน่น ล้วนเป็นชาวบ้านที่มามุงดูเรื่องสนุก ทั้งยังมีขุนนางผู้มีอำนาจไม่น้อยที่มารอสมน้ำหน้าหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงได้ยินว่าวันนี้หลี่หลงหลินออกทะเลไปจับปลา จึงมารออยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดทั้งวัน เพื่อรอที่จะหยามเกียรติหลี่หลงหลิน หลู่จงหมิงมองเรือใหญ่ที่กำลังเทียบท่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน: “ยังกล้าคุยโวโอ้อวด ว่าจะทำให้ชาวบ้านได้กินเนื้อกันถ้วนหน้า? ช่างเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ปลาที่จับได้ในทะเลตงไห่แค่นั้น ยังไม่พอให้ตดด้วยซ้ำ!” ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยสมทบ: “พระเชษฐภาดา เดี๋ยวรอตอนที่เอาปลาออกมา พวกเราต้องหยามเกียรติเขาสักครา ต้องระบายความแค้นนี้ให้ได้!” พระเชษฐภาดาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา: “ชาวบ้านมากมายขนาดนี้กำลังจ้องมองอยู่ที่ท่าเรือ ถึงเวลานั้นหากหลี่หลงหลินเอาปลาออกมาไม่ได้ ดูสิว่าเขาจะจัดการอย่างไร!” เรือใหญ่เทียบท่า ชาวบ้านกรูกันเข้ามา ล้อมเรือใหญ่ไว้แน่นขนัด “กลิ่นคาวปลาแรงมาก!” พอชาวบ้านเข้าใกล้เรือใหญ่ กลิ่นคาวปลาก็ปะทะเข้าหน้าทันที “กลิ่นคาวปลาขนาดนี้ ต้องจับปลามาได้มากเท่าใดกัน?”