เว่ยซวินยิ่งคิดยิ่งโกรธองค์ชายเก้าอยู่ภายนอกยโสโอหัง ล่วงเกินคนไปทุกหนแห่งปรากฏว่า หม้อดำกลับครอบศีรษะพวกเขาไว้กระนั้นหรือ?บัดนี้ชนชั้นสูงและขุนนางซื่อตรง ล้วนคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังท่าน หากถูกโจมตีเป็นกลุ่ม ต่อให้ข้าสามารถรับมือได้ แต่ก็ถูกปรักปรำเหลือหลาย“ไม่ได้การ!”“องค์ชายเก้า ครั้งนี้ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านสมปรารถนา!”“จะต้องให้ท่านชดใช้!”ดวงตาเว่ยซวินทอประกาย วางแผนอำมหิตภายในใจคนทั่วหล้าคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของหลี่หลงหลิน!มีเพียงข้ารู้ดี หลี่หลงหลินเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบคนหนึ่ง สามารถพึ่งพาได้เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว ก็มีเพียงชื่อเสียงของฝ่าบาทต้องการลงมือกับหลี่หลงหลิน ง่ายดายอย่างมาก ง่ายยิ่งกว่าขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายทว่าเว่ยซวินไม่วางแผนกำจัดหลี่หลงหลินท่านทำร้ายครอบครัวข้ากระนั้น?เช่นนั้นข้าจะโต้กลับ ใช้ประโยชน์จากท่านแสวงหาอำนาจให้ข้า!เพียงเว่ยซวินคิดเช่นนี้ ก็สงบลงแล้ว สายตากวาดมองลูกชายบุญธรรมเหล่านั้น สบถด่าออกไป “ลุกขึ้นเถอะ! บุรุษตัวโตกลุ่มหนึ่ง ร้องไห้โวยวาย กลายเป็นอันใดไปแล้ว? ก็แค่สูญเสียตำแหน่งทหารมิใช่หรือ? มีอันใดร้ายแ
ซูเฟิ่งหลิงสับสนแล้ว จับจ้องหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังพูดอะไร? หรือว่าท่านและหลี่หลงหลินสมคบคิดกัน? แต่ นี่เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว เปิดกล่อง หยิบเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมออกมาจากภายในหนึ่งชุด พูดอย่างแปลกใจ “สมคบคิดอันใด? องค์ชายเก้าให้ข้าช่วย ตัดเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมให้เจ้าหนึ่งชุด!”“ให้เจ้าลองๆ ดู ที่ใดไม่พอดี ข้าจะได้นำไปแก้”“เจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า จะลองได้เยี่ยงไร?”ซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ววุ่นวายอยู่นาน ที่แท้ก็เพื่อลองเครื่องแบบทหาร!นางถลึงตาใส่หลี่หลงหลินแวบหนึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าสารเลวคนนี้ไม่พูดอันใด เพียงเข้ามาก็พูดว่าให้ข้าถอดเสื้อผ้า!ไม่ว่าตกอยู่ที่ใคร ใครบ้างไม่เข้าใจผิด?สารเลว! สารเลว!ก็รู้จักหาความสำราญให้ตนเอง!ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กอดอก “ข้าไม่ลอง! เครื่องแบบทหารห่วยๆ มีประโยชน์อันใด?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “นั่นเจ้าพูดผิดไปแล้ว! คนอาศัยเสื้อผ้าม้าอาศัยอาน! กองทัพเองก็เป็นเช่นนี้! ชุดเกราะใหม่เอี่ยม กองทัพสวมเครื่องแบบหล่อเหลา เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นทหารฝีมือดีแข็งแกร่ง ศัตรูย่อมถอยหนีตามธรรมชาติ พ่ายแพ้โดยไม่ต้องสู้!”“ต
หลี่หลงหลินอ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออก พูดยิ้มๆ “เครื่องแบบทหารชุดนี้ โอ้อวดจริงนั้นล่ะ! แต่โอ้อวดมีอันใดผิดกันเล่า? กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือไม่สมควรให้โอ้อวดกระนั้นรึ?”กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงองค์ชายเก้าโอ้อวดเกินไปแล้ว!กองทัพสกุลซูเป็นทหารฝีมือดีจริง แต่เรื่องแข็งแกร่งที่สุดนี้ ก็ไม่กล้าเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า!เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!แค่ต้าเซี่ยนี้ ก็มีหลายกองทัพ สามารถเทียบกับกองทัพสกุลซูได้ยกตัวอย่างเช่นกองทัพทหารรักษาพระองค์...นอกเหนือจากต้าเซี่ย ก็มีมากโข!ยกตัวอย่างเช่นทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!เพียงคิดถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างของซูเฟิ่งหลิงก็กำแน่นอย่างอดไม่ได้กองทัพสกุลซูก็พ่ายแพ้ให้กับทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกทำลายทั้งกองทัพไม่มีใครเหลือรอด!ได้ยินมาว่าท่านปู่ ท่านอา ยังมีพวกพี่ชาย บ้างตายท่ามกลางความวุ่นวายของกองทัพ บ้างต่อสู้จนหมดแรงตาย บ้างถูกจับแล้ว ถูกยัดใส่กระสอบ ให้ม้าเหยียบจนเละ!นี่คือความอัปยศมากเพียงใด!หลี่หลงหลินพูดอย่างโอหัง ต้องการเป็นกองทัพอันดับห
ซูเฟิ่งหลิงดีใจมาก กระตือรือร้นหน้าแดงก่ำ “ได้! พวกเราจะไปยามใด?”หลี่หลงหลินพูดสอดปาก “ข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ไปเกณฑ์ทหาร เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กระโดดขึ้นอาชาพุทราแดง ตะโกนเสียงดัง “ท่านไม่ให้ข้าไป ข้ากลับจะไปให้ได้! ข้าล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว พบกันที่ค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง...”ยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างของซูเฟิ่งหลิงก็ออกจากจวนสกุลซูไปแล้ว หายลับไปที่หัวถนนลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทอดถอนใจ “เฮ้อ เด็กโง่คนนี้! ถูกองค์ชายเก้าเล่นอยู่ในกำมือ...”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ไยท่านพูดเช่นนี้?”ลั่วอวี้จู๋เอ่ยตอบ “หากองค์ชายเก้าไม่คิดให้ซูเฟิ่งหลิงไปเกณฑ์ทหารจริง เหตุใดต้องให้นางลองเครื่องแบบทหารด้วยเล่า? ยังมิใช่ความดื้อดึงของนาง ถูกท่านจับไว้...”“องค์ชายเก้า วิธีควบคุมคนของท่าน ช่างชวนให้คนเลื่อมใสโดยแท้!”หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ “พี่สะใภ้ใหญ่งดงามมีไหวพริบ ฉลาดปราดเปรื่องเป็นอันดับหนึ่ง เป็นแบบอย่างในหมู่สตรี...”ลั่วอวี้จู๋โบกมือ พูดตัดบทหลี่หลงหลินแล้ว “เวลาไม่เช้าแล้ว องค์ชายเก้า พวกเราออกเดินทางเถอะ!”ลั่วอวี้จู๋และหลี่หลงหลินขึ้นรถม้า รถม้าบรรทุกเง
ลั่วอวี้จู๋มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ในตระกูลการค้า เชี่ยวชาญทำการค้า กลับไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นรับมือไม่ทัน “น้องหญิง เหตุใดเจ้าก่อเรื่องอีกแล้ว! นี่จะทำเช่นไร...”หลี่หลงหลินพูดปลอบ “พี่สะใภ้ ท่านอย่ากังวลไปเลย! ข้าไปดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”พูดจบหลี่หลงหลินลงจากรถม้า จากนั้นหาหญิงออกเรือนแล้วมารับชมความครึกครื้นคนหนึ่ง เอ่ยถาม “นี่เกิดเรื่องใดขึ้น? เหตุใดนักการมากเพียงนี้ ลงมือกับหญิงคนหนึ่งเล่า?”หญิงออกเรือนแล้วกัดฟัน “นักการก้นสุนัขอันใดกัน! ก็คือพวกชั่วรังแกราษฎร์กลุ่มหนึ่ง!”“เมื่อครู่มีแม่นางน้อยคนหนึ่ง กินโจ๊กแล้วยังกินไม่อิ่ม ปรากฏว่าถูกพวกเขาเตะล้มลงกับพื้น ทั้งยังด่าว่า...”“โชคดีวีรสตรีท่านนี้มาถึง ต่อสู้กับพวกชั่วเหล่านั้น!”“หาไม่แล้ว แม่นางน้อยคนนั้นต้องถูกตีตายทั้งเป็นแน่!”หลี่หลงหลินอึ้งงัน ดังคาด มองเห็นซูเฟิ่งหลิงปกป้องแม่นางน้อยร่างผอมหน้าเหลืองคนหนึ่งไว้ข้างหลัง เข้าใจขึ้นมาในทันใดนักการทำชั่ว ทุบตีแม่นางน้อยซูเฟิ่งหลิงบังเอิญผ่านมา เห็นความอยุติธรรม ดึงดาบเข้าช่วยดังคาด เรียกความสนใจจากนักการมามากมาย ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันแล้
ยังไม่ทันพูดจบประโยค หลี่หลงหลงก็มาถึงหน้าผู้ดูแลหลิว มือซ้ายขวาง้างออก ตบหน้าเขาหลายฉาด!ผู้ดูแลหลิวถูกตบจนมึนงง!เหล่านักการที่ว่าการรอบกายเองก็ตอบสนองไม่ทัน ตกตะลึงมองหลี่หลงหลินเหล่าราษฎร์เว้นเสียแต่ตกตะลึงแล้ว กลับตบมือร้องว่าดีผู้ดูแลหลิวขุนนางชั่วคนนี้ สมควรตี!ตบหลายฉาดนี้ คลายโทสะได้โดยแท้!ทว่า เหล่าราษฎร์เองก็กังวลอยู่ลึกๆด้วยอารมณ์ของผู้ดูแลหลิว ไม่มีวันเลิกราเป็นแน่!คนหนุ่มคนนี้ ยังมีวีรสตรีชุดดำท่านนั้น น่ากลัวว่าต้องแย่แน่!ผู้ดูแลหลิวปิดหน้าบวมแดง ตะเบ็งเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร? ขวัญกล้าทุบตีข้า? เจ้าไม่กลัวกฎหมายหรือ?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “ข้าก็คือกฎหมาย!”ผู้ดูแลหลิวตกตะลึงเหม่อลอยแล้วเขาเป็นขุนนางมาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยเห็นคนโอหังเพียงนี้มาก่อน!หรือว่า หลี่หลงหลินเป็นลูกผู้ดีจากตระกูลใด?ทว่านี่คือฝ่าพระบาทโอรสสวรรค์!ขุนนางยิ่งใหญ่เยี่ยงไร ก็ยังมีฝ่าบาทกดอยู่ข้างบน!ใครขวัญกล้าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา?ซูเฟิ่งหลิงเห็นหลี่หลงหลินมาแล้ว โล่งใจภายในใจ ปากกลับบ่นตำหนิ “องค์ชายเก้า เหตุใดท่านเพิ่งมา? ข้าเกือบตายไปแล้ว!”องค์ชายเก้า?ผู้ดูแล
“พระ...พระชายาองค์ชายเก้า?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายถูกตีแสกหน้า สมองขาวโพลน!อันที่จริง ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของซูเฟิ่งหลิง ผู้ดูแลหลิวก็เคยได้ยินมาก่อนสิงโตเหอตงอันดับหนึ่งของเมืองหลวง!ใครบ้างไม่รู้ ใครบ้างไม่ทราบ!ชนิดที่ว่า ผู้ดูแลหลิวเห็นเองกับตา ซูเฟิ่งหลิงสวมชุดแดงเกราะเงิน ขี่ม้าสีชาด ห้อตะบึงผ่านไปอย่างห้าวหาญแต่ทว่าวันนี้ซูเฟิ่งหลิงสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด มิใช่เครื่องแบบทหารปกติ คล้ายชุดจิ้นของอันธพาลในยุทธภพ เพราะสาเหตุนี้จึงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นวีรสตรีเดินทางท่องยุทธภพ!“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”เหงื่อเย็นผุดบนตัวผู้ดูแลหลิว กระวนกระวายหวาดกลัวเมื่อครู่ตนเองเพิ่งปรักปรำพระชายาองค์ชายเก้าเป็นอันธพาล ยังคิดจับกุมอีกด้วย!นี่เป็นเรื่องใหญ่มากนัก!พึ่บ!ผู้ดูแลหลิวเป็นขุนนางมาหลายปี ก็เป็นคนตัดสินใจเฉียบขาด รีบคุกเข่าลง คลานเข่าเข้าไปหยุดหน้าซูเฟิ่งหลิง โขกศีรษะคล้ายไก่จิกข้าว “พระชายาองค์ชายเก้า! กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินไปแล้ว!”“หวังว่าท่านคนใหญ่คนโตจะไม่ถือสากระหม่อม...”ซูเฟิ่งหลิงเผยสีหน้ารำคาญ โบกมือพลางพูด “รีบไสหัวไป! ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีก...”ผู้ดูแลหลิวดีใจม
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วแน่นโจ๊กหนึ่งหม้อ ใสจนสามารถสะท้อนเงาคนได้!เหตุใดปักตะเกียบไม่ล้ม?ในนี้ต้องมีลูกไม้อันใดเป็นแน่!หลี่หลงหลินยื่นมือ หยิบตะเกียบในหม้อขึ้นมา ทันใดนั้นรู้สึกหนักถึงขั้นเป็นตะเกียบเหล็กสั่งทำพิเศษหนึ่งคู่!แต่เพียงตะเกียบเหล็ก ไม่มีทางไม่ล้ม!หรือว่า...หลี่หลงหลินเตะหม้อเหล็กพลิกคว่ำ น้ำโจ๊กที่อยู่ภายในสาดกระเซ็นลงพื้น เผยให้เห็นก้นหม้อ ถึงขั้นเป็นทราย!ตะเกียบเหล็กปักบนทราย ล้มได้ก็แปลกแล้ว!ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด คว้าปกคอเสื้อของผู้ดูแลหลิว “เจ้าขุนนางชั่วคนนี้! ถึงขั้นใช้ทรายมาบรรเทาทุกข์ราษฎร์ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายไม่ว้าวุ่นเลยแม้แต่น้อย พูดยิ้มๆ “พระชายาองค์ชาย! ชี้แนะท่านหนึ่งประโยค! แม้กระหม่อมเป็นเพียงผู้ดูแลขั้นเจ็ด แต่ก็เป็นขุนนางในราชสำนัก! ทำร้ายขุนนางในราชสำนัก มีโทษสถานหนัก!”“เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด กลับไม่ยอมปล่อยมือผู้ดูแลหลิวไม่มีความกลัว พูดจาฉะฉาน “องค์ชายเก้า! กระหม่อมทำงาน ล้วนเคารพกฎของราชสำนักไปทุกจุด! สำหรับทรายในหม้อนี้ ก็ปะปนมากับข้าวใช้บรรเทาทุกข์ ไม่เกี่ยวอันใดกับกระหม่อม!”“ส่วนตะเกียบเหล็กนี้ ก็เป
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค