ตู้เหวินยวนส่ายหน้า สุ้มเสียงเยียบเย็น “หัวหน้าผู้ดูแลเว่ย เจ้าอย่าเสแสร้งอีกเลย! องค์ชายเก้าเป็นศัตรูกับขุนนางบุ๋น เป็นศัตรูกับชนชั้นสูง เพียงอย่างเดียวคือมิได้ประกาศเป็นศัตรูกับพรรคขันทีของเจ้า! คนลงแรงอยู่เบื้องหลัง มิใช่เจ้าผู้ดูแลเว่ย ยังเป็นใครอีกเล่า?”“องค์ชายเก้าอยากมีชีวิตอยู่หรือไม่ ข้าไม่แน่ใจ!”“แต่ข้ากลับรู้ดี บางคนไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”“เห็นได้ชัดว่าสนับสนุนองค์ชายเก้าอยู่เบื้องหลัง ไม่เพียงไม่ยอมรับ ยังแสร้งร่วมมือเป็นพันธมิตรกับข้า ยุแยงขุนนางซื่อตรงและชนชั้นสูงให้บาดหมางกัน ตนเองนั่งบนภูเขาดูเสือต่อสู้กัน รอตักตวงผลประโยชน์!”“ข้าพูดถูกหรือไม่?”เว่ยซวินเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา ทั้งตัวคนลืมตาอ้าปากค้างเขาวางแผนเข้าร่วมกับขุนนางบุ๋นจริง ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับตู้เหวินยวนอีก!ส่วนข้อกล่าวหาของตู้เหวินยวน แม้เป็นเรื่องสมมุติ เว่ยซวินก็ไม่เคยคิดมาก่อน!“หัวหน้าผู้ดูแลเว่ย!”ตู้เหวินยวนเปิดปากเสียงเยียบเย็น “นับตั้งแต่วันนี้ไป ข้าและเจ้าเป็นศัตรูคู่อาฆาต มิอาจอยู่ร่วมกันได้! พวกเราจะได้เห็นดีกันในราชสำนัก!”พูดจบ สะบัดแขนเสื้อจากไป!เว่ยซวินนั่งบนเก้าอี้ สมองเต็มไ
เว่ยซวินยิ่งคิดยิ่งโกรธองค์ชายเก้าอยู่ภายนอกยโสโอหัง ล่วงเกินคนไปทุกหนแห่งปรากฏว่า หม้อดำกลับครอบศีรษะพวกเขาไว้กระนั้นหรือ?บัดนี้ชนชั้นสูงและขุนนางซื่อตรง ล้วนคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังท่าน หากถูกโจมตีเป็นกลุ่ม ต่อให้ข้าสามารถรับมือได้ แต่ก็ถูกปรักปรำเหลือหลาย“ไม่ได้การ!”“องค์ชายเก้า ครั้งนี้ข้าไม่สามารถปล่อยให้ท่านสมปรารถนา!”“จะต้องให้ท่านชดใช้!”ดวงตาเว่ยซวินทอประกาย วางแผนอำมหิตภายในใจคนทั่วหล้าคิดว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของหลี่หลงหลิน!มีเพียงข้ารู้ดี หลี่หลงหลินเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบคนหนึ่ง สามารถพึ่งพาได้เว้นเสียแต่สกุลซูแล้ว ก็มีเพียงชื่อเสียงของฝ่าบาทต้องการลงมือกับหลี่หลงหลิน ง่ายดายอย่างมาก ง่ายยิ่งกว่าขยี้มดตัวหนึ่งให้ตายทว่าเว่ยซวินไม่วางแผนกำจัดหลี่หลงหลินท่านทำร้ายครอบครัวข้ากระนั้น?เช่นนั้นข้าจะโต้กลับ ใช้ประโยชน์จากท่านแสวงหาอำนาจให้ข้า!เพียงเว่ยซวินคิดเช่นนี้ ก็สงบลงแล้ว สายตากวาดมองลูกชายบุญธรรมเหล่านั้น สบถด่าออกไป “ลุกขึ้นเถอะ! บุรุษตัวโตกลุ่มหนึ่ง ร้องไห้โวยวาย กลายเป็นอันใดไปแล้ว? ก็แค่สูญเสียตำแหน่งทหารมิใช่หรือ? มีอันใดร้ายแ
ซูเฟิ่งหลิงสับสนแล้ว จับจ้องหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังพูดอะไร? หรือว่าท่านและหลี่หลงหลินสมคบคิดกัน? แต่ นี่เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว เปิดกล่อง หยิบเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมออกมาจากภายในหนึ่งชุด พูดอย่างแปลกใจ “สมคบคิดอันใด? องค์ชายเก้าให้ข้าช่วย ตัดเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมให้เจ้าหนึ่งชุด!”“ให้เจ้าลองๆ ดู ที่ใดไม่พอดี ข้าจะได้นำไปแก้”“เจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า จะลองได้เยี่ยงไร?”ซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ววุ่นวายอยู่นาน ที่แท้ก็เพื่อลองเครื่องแบบทหาร!นางถลึงตาใส่หลี่หลงหลินแวบหนึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าสารเลวคนนี้ไม่พูดอันใด เพียงเข้ามาก็พูดว่าให้ข้าถอดเสื้อผ้า!ไม่ว่าตกอยู่ที่ใคร ใครบ้างไม่เข้าใจผิด?สารเลว! สารเลว!ก็รู้จักหาความสำราญให้ตนเอง!ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กอดอก “ข้าไม่ลอง! เครื่องแบบทหารห่วยๆ มีประโยชน์อันใด?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “นั่นเจ้าพูดผิดไปแล้ว! คนอาศัยเสื้อผ้าม้าอาศัยอาน! กองทัพเองก็เป็นเช่นนี้! ชุดเกราะใหม่เอี่ยม กองทัพสวมเครื่องแบบหล่อเหลา เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นทหารฝีมือดีแข็งแกร่ง ศัตรูย่อมถอยหนีตามธรรมชาติ พ่ายแพ้โดยไม่ต้องสู้!”“ต
หลี่หลงหลินอ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออก พูดยิ้มๆ “เครื่องแบบทหารชุดนี้ โอ้อวดจริงนั้นล่ะ! แต่โอ้อวดมีอันใดผิดกันเล่า? กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือไม่สมควรให้โอ้อวดกระนั้นรึ?”กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงองค์ชายเก้าโอ้อวดเกินไปแล้ว!กองทัพสกุลซูเป็นทหารฝีมือดีจริง แต่เรื่องแข็งแกร่งที่สุดนี้ ก็ไม่กล้าเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า!เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!แค่ต้าเซี่ยนี้ ก็มีหลายกองทัพ สามารถเทียบกับกองทัพสกุลซูได้ยกตัวอย่างเช่นกองทัพทหารรักษาพระองค์...นอกเหนือจากต้าเซี่ย ก็มีมากโข!ยกตัวอย่างเช่นทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!เพียงคิดถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างของซูเฟิ่งหลิงก็กำแน่นอย่างอดไม่ได้กองทัพสกุลซูก็พ่ายแพ้ให้กับทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกทำลายทั้งกองทัพไม่มีใครเหลือรอด!ได้ยินมาว่าท่านปู่ ท่านอา ยังมีพวกพี่ชาย บ้างตายท่ามกลางความวุ่นวายของกองทัพ บ้างต่อสู้จนหมดแรงตาย บ้างถูกจับแล้ว ถูกยัดใส่กระสอบ ให้ม้าเหยียบจนเละ!นี่คือความอัปยศมากเพียงใด!หลี่หลงหลินพูดอย่างโอหัง ต้องการเป็นกองทัพอันดับห
ซูเฟิ่งหลิงดีใจมาก กระตือรือร้นหน้าแดงก่ำ “ได้! พวกเราจะไปยามใด?”หลี่หลงหลินพูดสอดปาก “ข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ไปเกณฑ์ทหาร เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กระโดดขึ้นอาชาพุทราแดง ตะโกนเสียงดัง “ท่านไม่ให้ข้าไป ข้ากลับจะไปให้ได้! ข้าล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว พบกันที่ค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง...”ยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างของซูเฟิ่งหลิงก็ออกจากจวนสกุลซูไปแล้ว หายลับไปที่หัวถนนลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทอดถอนใจ “เฮ้อ เด็กโง่คนนี้! ถูกองค์ชายเก้าเล่นอยู่ในกำมือ...”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ไยท่านพูดเช่นนี้?”ลั่วอวี้จู๋เอ่ยตอบ “หากองค์ชายเก้าไม่คิดให้ซูเฟิ่งหลิงไปเกณฑ์ทหารจริง เหตุใดต้องให้นางลองเครื่องแบบทหารด้วยเล่า? ยังมิใช่ความดื้อดึงของนาง ถูกท่านจับไว้...”“องค์ชายเก้า วิธีควบคุมคนของท่าน ช่างชวนให้คนเลื่อมใสโดยแท้!”หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ “พี่สะใภ้ใหญ่งดงามมีไหวพริบ ฉลาดปราดเปรื่องเป็นอันดับหนึ่ง เป็นแบบอย่างในหมู่สตรี...”ลั่วอวี้จู๋โบกมือ พูดตัดบทหลี่หลงหลินแล้ว “เวลาไม่เช้าแล้ว องค์ชายเก้า พวกเราออกเดินทางเถอะ!”ลั่วอวี้จู๋และหลี่หลงหลินขึ้นรถม้า รถม้าบรรทุกเง
ลั่วอวี้จู๋มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ในตระกูลการค้า เชี่ยวชาญทำการค้า กลับไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นรับมือไม่ทัน “น้องหญิง เหตุใดเจ้าก่อเรื่องอีกแล้ว! นี่จะทำเช่นไร...”หลี่หลงหลินพูดปลอบ “พี่สะใภ้ ท่านอย่ากังวลไปเลย! ข้าไปดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”พูดจบหลี่หลงหลินลงจากรถม้า จากนั้นหาหญิงออกเรือนแล้วมารับชมความครึกครื้นคนหนึ่ง เอ่ยถาม “นี่เกิดเรื่องใดขึ้น? เหตุใดนักการมากเพียงนี้ ลงมือกับหญิงคนหนึ่งเล่า?”หญิงออกเรือนแล้วกัดฟัน “นักการก้นสุนัขอันใดกัน! ก็คือพวกชั่วรังแกราษฎร์กลุ่มหนึ่ง!”“เมื่อครู่มีแม่นางน้อยคนหนึ่ง กินโจ๊กแล้วยังกินไม่อิ่ม ปรากฏว่าถูกพวกเขาเตะล้มลงกับพื้น ทั้งยังด่าว่า...”“โชคดีวีรสตรีท่านนี้มาถึง ต่อสู้กับพวกชั่วเหล่านั้น!”“หาไม่แล้ว แม่นางน้อยคนนั้นต้องถูกตีตายทั้งเป็นแน่!”หลี่หลงหลินอึ้งงัน ดังคาด มองเห็นซูเฟิ่งหลิงปกป้องแม่นางน้อยร่างผอมหน้าเหลืองคนหนึ่งไว้ข้างหลัง เข้าใจขึ้นมาในทันใดนักการทำชั่ว ทุบตีแม่นางน้อยซูเฟิ่งหลิงบังเอิญผ่านมา เห็นความอยุติธรรม ดึงดาบเข้าช่วยดังคาด เรียกความสนใจจากนักการมามากมาย ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันแล้
ยังไม่ทันพูดจบประโยค หลี่หลงหลงก็มาถึงหน้าผู้ดูแลหลิว มือซ้ายขวาง้างออก ตบหน้าเขาหลายฉาด!ผู้ดูแลหลิวถูกตบจนมึนงง!เหล่านักการที่ว่าการรอบกายเองก็ตอบสนองไม่ทัน ตกตะลึงมองหลี่หลงหลินเหล่าราษฎร์เว้นเสียแต่ตกตะลึงแล้ว กลับตบมือร้องว่าดีผู้ดูแลหลิวขุนนางชั่วคนนี้ สมควรตี!ตบหลายฉาดนี้ คลายโทสะได้โดยแท้!ทว่า เหล่าราษฎร์เองก็กังวลอยู่ลึกๆด้วยอารมณ์ของผู้ดูแลหลิว ไม่มีวันเลิกราเป็นแน่!คนหนุ่มคนนี้ ยังมีวีรสตรีชุดดำท่านนั้น น่ากลัวว่าต้องแย่แน่!ผู้ดูแลหลิวปิดหน้าบวมแดง ตะเบ็งเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร? ขวัญกล้าทุบตีข้า? เจ้าไม่กลัวกฎหมายหรือ?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “ข้าก็คือกฎหมาย!”ผู้ดูแลหลิวตกตะลึงเหม่อลอยแล้วเขาเป็นขุนนางมาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยเห็นคนโอหังเพียงนี้มาก่อน!หรือว่า หลี่หลงหลินเป็นลูกผู้ดีจากตระกูลใด?ทว่านี่คือฝ่าพระบาทโอรสสวรรค์!ขุนนางยิ่งใหญ่เยี่ยงไร ก็ยังมีฝ่าบาทกดอยู่ข้างบน!ใครขวัญกล้าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา?ซูเฟิ่งหลิงเห็นหลี่หลงหลินมาแล้ว โล่งใจภายในใจ ปากกลับบ่นตำหนิ “องค์ชายเก้า เหตุใดท่านเพิ่งมา? ข้าเกือบตายไปแล้ว!”องค์ชายเก้า?ผู้ดูแล
“พระ...พระชายาองค์ชายเก้า?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายถูกตีแสกหน้า สมองขาวโพลน!อันที่จริง ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของซูเฟิ่งหลิง ผู้ดูแลหลิวก็เคยได้ยินมาก่อนสิงโตเหอตงอันดับหนึ่งของเมืองหลวง!ใครบ้างไม่รู้ ใครบ้างไม่ทราบ!ชนิดที่ว่า ผู้ดูแลหลิวเห็นเองกับตา ซูเฟิ่งหลิงสวมชุดแดงเกราะเงิน ขี่ม้าสีชาด ห้อตะบึงผ่านไปอย่างห้าวหาญแต่ทว่าวันนี้ซูเฟิ่งหลิงสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด มิใช่เครื่องแบบทหารปกติ คล้ายชุดจิ้นของอันธพาลในยุทธภพ เพราะสาเหตุนี้จึงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นวีรสตรีเดินทางท่องยุทธภพ!“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”เหงื่อเย็นผุดบนตัวผู้ดูแลหลิว กระวนกระวายหวาดกลัวเมื่อครู่ตนเองเพิ่งปรักปรำพระชายาองค์ชายเก้าเป็นอันธพาล ยังคิดจับกุมอีกด้วย!นี่เป็นเรื่องใหญ่มากนัก!พึ่บ!ผู้ดูแลหลิวเป็นขุนนางมาหลายปี ก็เป็นคนตัดสินใจเฉียบขาด รีบคุกเข่าลง คลานเข่าเข้าไปหยุดหน้าซูเฟิ่งหลิง โขกศีรษะคล้ายไก่จิกข้าว “พระชายาองค์ชายเก้า! กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินไปแล้ว!”“หวังว่าท่านคนใหญ่คนโตจะไม่ถือสากระหม่อม...”ซูเฟิ่งหลิงเผยสีหน้ารำคาญ โบกมือพลางพูด “รีบไสหัวไป! ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีก...”ผู้ดูแลหลิวดีใจม
ข้ามศพไปก่อนหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่าซูช่างแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ชาวบ้านที่มาชุมนุมประท้วงต่างตกตะลึงราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ด้านหลังมีบัณฑิตกลุ่มหนึ่งยุยง: “ก็แค่ยายแก่ใกล้ตายนางหนึ่ง! จะไปกลัวนางทำไม?” “ใช่แล้ว ประตูก็เปิดแล้ว บุกเข้าไป จะกลัวอะไร?” “ไป ๆ ๆ ยายแก่ผู้นี้สมคบคิดกับรัชทายาท ไม่ใช่คนดีอะไร!” ผัวะ! ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บันดาลโทสะ ตบหน้าบัณฑิตผู้นั้นไปหนึ่งฉาด “เจ้าปากพล่อยพูดอะไร? นางคือฮูหยินผู้เฒ่าซู!” บัณฑิตผู้นั้นถูกตบจนมึนงง เอามือกุมแก้มที่บวมแดง ยังคิดจะโต้เถียง แต่ชาวบ้านรอบข้างต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง คำพูดหยาบคายที่ในปากของบัณฑิตจึงถูกกลืนกลับลงไป ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ไม่กล้าเอ่ยอะไร บารมีของฮูหยินผู้เฒ่าซูนั้นสูงส่งยิ่งนัก ในใจของชาวบ้าน นางเปรียบเสมือนเทพเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่บัณฑิตผู้จมอยู่แต่ในตำรา ไม่ออกมาสัมผัสโลกภายนอกจะเข้าใจได้! ในหมู่ชาวบ้าน มีผู้อาวุโสหลายคนเดินออกมาข้างหน้า โค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าซูด้วยความเคารพ: “ฮูหยินผู้เฒ่า โปรดระงับโทสะ... พวกเราจะถอยกลับไปเดี๋ยวนี้...”เอ่ยจบ พวกเขาก็นำพาชาวบ้านถอยออกจ
ใบหน้าของกงซูหว่านแดงระเรื่อ “รัชทายาทไม่ต้องเกรงใจ!” ในขณะนี้ หน้าจวนสกุลซูก็เริ่มมีบัณฑิตมารวมตัวกัน ก่อความวุ่นวาย กงซูหว่านรีบไปที่ภูเขาทิศประจิมภายใต้การคุ้มกันของซูเฟิ่งหลิง เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที ข่าวการตายของซ่งชิงหลวนแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว บัณฑิตที่ออกมาเดินขบวนประท้วงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนต่างก็โกรธแค้น เห็นใจซ่งชิงหลวน รู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเขา สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่ได้! บัณฑิตและประชาชนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ มารวมตัวกันหน้าจวนสกุลซู ร้องตะโกนเสียงดัง “องค์รัชทายาท ออกมา!” “บัณฑิตซ่งตายอย่างไม่เป็นธรรมในคุกหลวง ท่านต้องออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งน่าสงสาร บัณฑิตผู้มีคุณธรรมสูงส่ง กลับต้องมาตายด้วยมือของท่าน!” “ท่านไม่คู่ควรเป็นรัชทายาท!” “บุกเข้าไป ให้รัชทายาทออกมาชี้แจง!” “บัณฑิตซ่งต้องไม่ตายเปล่า ต้องมีคำอธิบาย!” ในฝูงชน มีคนคอยยุยง ปลุกปั่น ความไม่พอใจของประชาชนเพิ่มสูงขึ้น พวกเขาต่างเดือดดาล ประชาชนขาดสติ ภายใต้การนำของผู้ไม่หวังดี พวกเขาพยายามทุบประตูจวนสกุลซู เพื่อบุกเข้าไป ภายในจวนสกุลซู บ่าวไพร่ต่างพากันหวาดกลัว จนตัวสั่นเทา ลั่วอ
“ทำอย่างไรดี?” ซูเฟิ่งหลิงอยู่ในชุดนักรบเต็มยศ สวมชุดเกราะเงินและเสื้อคลุมสีแดง เปล่งประกายความสง่างามและกล้าหาญ คิ้วของนางขมวดเล็กน้อยด้วยความกังวล “ข้าได้ยินมาว่า พวกบัณฑิตก่อเรื่อง ล้อมคุกหลวงไว้! หรือว่า พิธีบวงสรวงสวรรค์วันนี้ พวกเราจะไม่ไป?” “อย่างไรเสีย ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงมีรับสั่งแล้ว...” หลี่หลงหลินส่ายหน้า “ไม่ได้! ข้าเป็นรัชทายาท ไม่เข้าร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ มันไม่สมเหตุสมผล! ยิ่งไปกว่านั้น...” แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะไม่ได้ตรัสอะไรออกมาอย่างชัดเจน แต่พิธีบวงสรวงสวรรค์นี้ นอกเหนือจากการประกาศต่อสวรรค์ ขอพรให้ปีหน้าพืชผลอุดมสมบูรณ์ ลมฝนต้องตามฤดูกาลแล้ว ยังมีการจัดพิธีแต่งตั้งรัชทายาทอย่างเป็นทางการในพิธีนี้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพิธีแต่งตั้งรัชทายาทก็คงไม่ผิดนัก หลี่หลงหลินในฐานะตัวเอก หากไม่เข้าร่วม ก็คงไม่สมเหตุสมผล ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้ว “แต่...มันอันตรายเกินไป ด้วยกำลังของข้าคนเดียว เกรงว่า...” หลี่หลงหลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งการ “เจ้าไปเคลื่อนพลจากภูเขาทิศประจิมมาเดี๋ยวนี้! เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน! นอกจากนี้ ข้าต้องไปพบพี่สะใภ้รองด้วย!” พูดจบ หลี
ไม่ว่าบัณฑิตจะก่อความวุ่นวายอย่างไร ก็ไม่สามารถบุกเข้ามาในวังหลวงได้ แต่การป้องกันของจวนสกุลซูนั้น อ่อนแอกว่าวังหลวงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างทางที่หลี่หลงหลินเดินทางจากจวนสกุลซูไปยังวังหลวง มีเพียงซูเฟิ่งหลิงที่คอยคุ้มกันอย่างใกล้ชิด หากเหล่าบัณฑิตดักรออยู่ระหว่างทาง หลี่หลงหลินอาจตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต! เว่ยซวินรีบกล่าว "บ่าวจะรีบไปแจ้งองค์ชายเดี๋ยวนี้!" ... จวนสกุลซู เดิมทีหลี่หลงหลินอยากจะนอนตื่นสาย ข้างนอกอากาศหนาวเหน็บ หิมะตกหนัก เขาไม่อยากลุกจากผ้าห่มอุ่นๆ เลย แต่ก็ไม่มีทางเลือก พิธีบวงสรวงสวรรค์เป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับต้าเซี่ย หลี่หลงหลินในฐานะรัชทายาท ต้องเข้าร่วมพิธี “เฮ้อ” "รู้งี้ไม่เป็นรัชทายาทดีกว่า!" “ต้องตื่นเช้าเป็นประจำ น่าเบื่อจริงๆ!” หลี่หลงหลินลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ ล้างหน้าล้างตา กำลังรับประทานอาหารเช้า ทันใดนั้น ก็มีองครักษ์เสื้อแพรขี่ม้ามา "องค์รัชทายาท ฮ่องเต้หวู่มีรับสั่ง! บัณฑิตซ่งชิงหลวนผูกคอตายในคุกหลวงใต้ดิน! โปรดระวังตัวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!" เมื่อหลี่หลงหลินได้ยิน สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที หัวใจราวกับถูกคลื่นยักษ์ซัด
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว