ในที่สุด ตู้เหวินหยวนก็พบว่าองค์ชายเก้าที่ดูเหมือนจะมีแต่ข้อบกพร่องผู้นี้ จริงๆ แล้วเป็นคนที่สะอาดมากหรือจะบอกว่า...เขาใสสะอาดยิ่งกว่าขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่เสียอีกอย่างมากที่สุด เขาก็เป็นพวกที่ชอบไปสถานที่เริงรมย์อย่างสำนักการสังคีต เพื่อดื่มเหล้า ฟังเพลง และยิ้มให้หญิงคณิกา แข่งขันแย่งชิงทำเรื่องไร้สาระกับพวกคุณชายเจ้าสำราญคนอื่นๆส่วนเรื่องทุจริตผิดกฎหมายอะไรพวกนั้น หลี่หลงหลินไม่เคยทำเลยสุดท้ายตู้เหวินหยวนก็พบสิ่งเล็กๆ จากเอกสารจำนวนมากเมื่อไม่นานมานี้ ซูเฟิ่งหลิงมักจะพาพวกทหารพ่ายศึกไปแอบตัดไม้ที่เขาทิศประจิมซูเฟิ่งหลิงเป็นคู่หมั้นของหลี่หลงหลินหลี่หลงหลินจะต้องเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลักลอบตัดต้นไม้ของนางตู้เหวินหยวนจึงดีใจมากเมื่อเห็นเช่นนั้น จึงรีบเรียกรวมตัวขุนนาง แล้วเข้าไปในพระราชวังด้วยกัน คุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ฟ้องร้องหลี่หลงหลินฮ่องเต้หวู่มองตู้เหวินหยวนแล้วพูดด้วยความโกรธ “ขุนนางที่รักของข้า! เจ้าว่างเกินไปจนฟุ้งซ่านหรือไม่? เจ้าเอาเรื่องเล็กน้อยนี้มารบกวนข้าอย่างนั้นหรือ? แล้วยังสร้างสถานการณ์ให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้อีก? มันไม่น่าขำไปหน่อยหรือ?”ตู
โบยแปดสิบไม้อย่างนั้นหรือ?ฮ่องเต้หวู่ตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้นตู้เหวินหยวนเกลียดชังจนบ้าคลั่งไปแล้วหรือ?คำพูดที่เหลวไหลเช่นนี้ก็พูดออกมาได้หรือ?การโบยคืออะไร?ขุนนางหลายคนที่ได้ยินการลงโทษนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสีอย่าว่าแต่แปดสิบไม้!เหล่าขุนนางในที่นี้ล้วนอ่อนแอ ตราบใดที่พวกเขาถูกโบยเพียงสิบไม้ กระดูกและร่างกายก็จะแหลกเป็นเสี่ยงๆ และตายทันที!เหตุใดองค์ชายสี่ถึงสามารถรอดชีวิตมาได้หลังจากถูกโบยไปสี่สิบไม้?ไม่เพียงเพราะเขามีร่างกายที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่เพราะว่าเจ้าสี่มีอำนาจในราชสำนักมาก องครักษ์ที่ลงโทษเขาแทบไม่กล้าลงมือรุนแรง ทำให้เขาหนีจากหายนะนี้ไปได้!ส่วนเจ้าเก้า ต่อให้เขาจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่อำนาจในราชสำนักก็ไม่มี!นอกจากนี้ ตู้เหวินหยวนยังต้องติดสินบนองครักษ์ให้พวกเขาทุบตีจนตายถ้าโบยแปดสิบไม้ เกรงว่าเจ้าเก้าคงจะร่างแหลกเป็นโคลน!หากข้าต้องฆ่าเจ้าเก้าเพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นการลักลอบตัดไม้บนภูเขาทิศประจิม ราษฎรทั่วใต้หล้านี้ คงจะชี้มาที่ข้าแล้วสาปแช่ง ว่าข้าโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่ลูกชายของตัวเอง!พวกเจ้ากำลังทำให้ข้าตกลงไปในกับดักไร้มน
หลี่หลงหลินเห็นตู้เหวินหยวนและกลุ่มขุนนางคุกเข่าอยู่บนพื้นเป็นกลุ่มใหญ่ดำมืดก็ต้องตกตะลึงตู้เหวินหยวนเงยหน้าขึ้น มองไปที่หลี่หลงหลิน โดยไม่ปิดบังความโกรธในดวงตาสองตาสบประสาน ประกายไฟอันดุเดือดก็ระเบิดพล่านออกมา!หลี่หลงหลินเข้าใจทันทีขุนนางพวกนี้ พุ่งเป้ามาที่ข้า!ดูเหมือนว่าตู้เหวินหยวน จะทำเรื่องบ้าบอขึ้นมาอีกแล้ว!แต่หลี่หลงหลินไม่ได้ตื่นตระหนกเลยหากตัวตรงก็ไม่กลัวเงาคด[footnoteRef:1]! [1: หากบริสุทธิ์ก็ไม่ต้องกลัวสิ่งใด] ตนเองไม่เคยทำเรื่องผิดใหญ่ผิดโตอะไร เช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!หลี่หลงหลินไม่ได้มองไปทางตู้เหวินหยวนด้วยซ้ำ เขาเดินตรงไปหาฮ่องเต้หวู่และคารวะด้วยความเคารพ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “เจ้าเก้า วันนี้ถึงเจ้าเข้าวังมาด้วยเหตุใด?”หลี่หลงหลินกล่าวตอบ “เพราะเงินพ่ะย่ะค่ะ...”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินคำว่าเงินก็ปวดหัวตุบๆไม่มีขุนนางในราชสำนัก องค์ชายทั้งหลาย หรือนางสนมในวังหลังคนใด สามารถทำให้ข้ารู้สึกกังวลได้เท่าเรื่องนี้เปิดปากหุบปาก ล้วนแต่เรื่องเงิน!แต่ละคนดูคล้ายผีดูดเลือดกันไปแล้ว!ชาติที่แล้วข้าคงเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก ก่อเหตุฆาต
สินบน?ฮ่องเต้หวู่จ้องมองตู้เหวินหยวนด้วยโทสะ พูดด้วยความโกรธ “บุตรชายตอบแทนข้า! เจ้าเรียกสิ่งนี้ว่าติดสินบนหรือ? เจ้า เจ้า เจ้า... เจ้าอยากให้ข้าโกรธตายหรือ?”ตู้เหวินหยวนพูดอย่างใจเย็น “บุตรชายตอบแทนข้า การไม่ขอสิ่งใด ทำทุกสิ่งเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูเขามา นี่จึงถือเป็นความกตัญญู!"“หากเช่นนี้ นับเป็นการติดสินบน!”“เมื่อครู่กระหม่อมเพิ่งร้องเรียนเรื่ององค์ชายเก้าไป จากนั้นเขาก็ส่งเงินออกมามากมายเช่นนี้”“หากไม่ใช่สินบนแล้วจะเป็นสิ่งใดได้พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่พูดไม่ออกหลี่หลงหลินมอบเงินออกมาผิดเวลาแล้วฮ่องเต้หวู่มองไปที่หลี่หลงหลินแล้วถอนหายใจ “เจ้าเก้า ความกตัญญูของเจ้าข้ารับไว้ด้วยใจแล้ว! แต่เจ้าเอาเงินสี่แสนตำลึงนี้กลับไปเถอะ! ไร้บุญคุณไม่รับรางวัล! จะได้ไม่ต้องมีคนมาวิจารณ์เจ้า!”หลี่หลงหลินยิ้มแล้วพูดว่า “เสด็จพ่อ หากพระองค์มีบุญคุณเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ตกใจ ถามด้วยความสับสน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”หลี่หลงหลินอธิบายว่า “เสด็จพ่อ หรือท่านลืมไปพ่ะย่ะค่ะ! ท่านมอบเงินลงทุนให้ลูกมาสองส่วน ไม่ว่าลูกจะหาเงินได้เท่าไร ควรให้เงินปันผลเสด็จพ่อสองส่วน!”“พอดีกับที่
เรื่องเล็กที่ไม่แม้จะใหญ่เรื่องนี้ พวกเจ้ากลับรวมหัวกันมากล่าวโทษข้า?ถ้าบอกว่า ข้าตัดต้นไม้สองสามต้นในเขาประจิม ก็กำลังทำชั่วแล้วละก็แล้วพวกเจ้าเล่า?พวกเจ้าปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม ฮุบเอามาเป็นส่วนตัว แล้วสร้างเรือนพักแสนงดงามขึ้นมาควรรับโทษใด?นี่ชัดเจนแล้วว่า อนุญาตให้ขุนนางวางเพลิง แต่ไม่ยอมให้ประชาชนก่อไฟ[footnoteRef:1]! [1: อธิบายถึง ผู้ปกครองสามารถทำทุกอย่างที่ตนต้องการได้ แต่คำพูดและการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายของประชาชนนั้น ขึ้นอยู่กับข้อจำกัดทั้งหลาย] สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินโกรธที่สุดคือถ้าตู้เหวินหยวนแค่อยากจะตำหนิตัวเองสักสองสามคำ กู้หน้าตัวเองกลับมาหลี่หลงหลินย่อมยอมทนให้ได้!เพราะอย่างไรเสีย หากเขาเฉียบแหลมเกินไป ถูกองค์ชายองค์อื่นเกลียดเอาได้ง่าย!ยิ่งชื่อเสียงย่ำแย่ หลี่หลงหลินก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นด้วยวิธีนี้เท่านั้น ภายใต้ชื่อเสียงที่ย่ำแย่ไม่น่าอภิรมย์ เขาจึงสามารถแกล้งเป็นหมูกินเสือ สร้างรายได้มหาศาลอย่างเงียบๆ ได้ผลลัพธ์เล่าตู้เหวินหยวนกลับขอให้เสด็จพ่อโบยเขาแปดสิบไม้!นี่มันจะเอาชีวิตเขาชัดๆ!โหดเหี้ยมนัก!“ดี ดียิ่ง...”“จะเล่นไม้นี้เช่
“นี่...”ฮ่องเต้หวู่ดูเขินอายข้าเพิ่งได้ยินว่าตัวเองยกเขาประจิมให้เจ้าเก้าไปก็วันนี้จะไปเอาหลักฐานที่ไหนมาให้เล่า?หลี่หลงหลินยิ้มเบาๆ และพูดว่า “วันนั้นขันทีเว่ยเองก็อยู่ด้วย สามารถเป็นพยานให้ได้!”ควั่บ!สายตาของทุกคน จับจ้องไปที่เว่ยซวิน รอคำตอบของเขาเว่ยซวินสาปแช่งมารดาอยู่ในใจองค์ชายเก้า!ท่านหลอกใช้ข้าอีกแล้ว!เดิมทีนี่คือการต่อสู้ระหว่างองค์ชายเก้าและกลุ่มขุนนาง ดังนั้นเขายืนดูเรื่องสนุกอยู่ข้างสนามก็ดีอยู่แล้วแต่คราวนี้ ถึงเวลาเลือกข้างเสียได้ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตนเองเลือกได้เพียงข้างฮ่องเต้ นั่นก็คือฝั่งองค์ชายเก้า หลี่หลงหลิน!การผลักอุทกภัยไปทางบูรพา[footnoteRef:1]ครั้งนี้ กลับเอาไฟสงครามมาราดลงบนตัวเสียแล้ว [1: หมายถึง การใช้วิธีบางอย่างเพื่อป้องกันตนเองจากการสูญเสีย และปล่อยให้ผู้อื่นแบกรับความสูญเสียแทนตนเอง] และในสายตาของขุนนางเช่นตู้เหวินหยวน เขาก็คือแรงหนุนขององค์ชายเก้า!เมื่อถึงเวลา ตัวเองก็จะกลายเป็นโล่ขององค์ชายเก้า รับพลังโจมตีอยู่ทางด้านหน้า ทำให้เขาอยู่ห่างจากภัยร้ายได้องค์ชายเก้าร้ายกาจถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!ฮ่องเต้หวู่มองดูเว่ยซวินแล้วพู
ใบหน้าของฮ่องเต้หวู่มืดลง จ้องมองไปที่ตู้เหวินหยวน “อะไรนะ? พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าเขาประจิมเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ เจ้าเก้าแค่ตัดต้นไม้ไปสองสามต้น พวกเจ้ากลับลุกลี้ลุกลนอยู่กันไม่สุข!”“ทว่า พวกเจ้ากลับปิดล้อมที่ดินในเขาประจิม...”“เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือ?”ขิงยิ่งแก่ขิงเผ็ดความตื่นตระหนกบนใบหน้าของตู้เหวินหยวนหายไปในทันที แทนที่ด้วยความสงบ พยักหน้ารับ “พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อฮ่องเต้หวู่เห็นตู้เหวินหยวนสารภาพอย่างตรงไปตรงมา เขาก็โกรธขึ้นกว่าเดิม “เจ้าควรอธิบายเหตุผลที่ฟังเข้าหูให้ข้านะ!”ตู้เหวินหยวนพูดอย่างใจเย็น “องค์ชายเก้าพูดเกินจริงแล้วพ่ะย่ะค่ะ! สิ่งที่พวกกระหม่อมสร้างในเขาประจิม หาใช่เรือนพักงดงาม แต่เป็นเพียงเพิงบ้านชั่วคราวสำหรับการล่าสัตว์!”“แม้ว่าเขาประจิมจะถูกทิ้งร้างมาหลายปี แต่พวกกระหม่อมก็ยังไปที่เขาประจิมล่าสัตว์อยู่บ่อยครั้ง เพื่อเตือนตัวเองว่าอย่าลืมวิชายุทธ์อันโด่งดังของบรรพบุรุษแห่งต้าเซี่ย...”“เพราะอย่างไรเสีย ขุนเขาแห่งต้าเซี่ยนี้ ก็เป็นบรรพบุรุษที่ยึดครองมาได้!”ฮ่องเต้หวู่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งชื่อของเขาคือหวู่[footnoteRef:1] และสิ่
ขุนนางทั้งหมดออกไปกับความโกรธฮ่องเต้หวู่เชิดศีรษะ อกผายไหล่ผึ่ง เหมือนแม่ทัพที่ชนะสงครามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาถูกขุนนางกดขี่อย่างอนาถมาตลอด!ไม่ได้รู้สึกภูมิใจเช่นนี้มานานแล้ว!ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าเก้า!ฮ่องเต้หวู่จ้องมองหลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า ตามข้ามา! ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง!”หลี่หลงหลินพยักหน้า เดินตามฮ่องเต้หวู่เข้าไปในตำหนักหยั่งซินฮ่องเต้หวู่ก้าวถอยหลังปิดประตู แล้วบอกให้เว่ยซวินเฝ้าประตู จากนั้นก็พูดว่า “เจ้าเก้า เจ้าสร้างความดีครั้งใหญ่ได้อีกครั้งแล้ว! เจ้าต้องการรางวัลอันใดหรือ? แต่ยังคงเป็นกฎเดิม...”หลี่หลงหลินกลอกตาเอาอีกแล้ว?หนึ่ง ไม่ให้เงิน และสอง ไม่เลื่อนตำแหน่ง!หากพูดตรงๆ ก็คือ ชมเชยด้วยวาจานี่มันไร้ประโยชน์สิ้นดี!คราวนี้ หลี่หลงหลินเตรียมตัวมาอย่างดี “เสด็จพ่อ ลูกต้องการตำแหน่งทหาร!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “ข้าเพิ่งแต่งตั้งให้เจ้าเป็นโหว หากได้รับตำแหน่งทางทหารไปอีก เกรงว่าจะไม่เหมาะสม! นอกจากนี้ การเลื่อนตำแหน่ง จะต้องผ่านสำนักเลขาธิการและกรมขุนนาง เจ้าคิดว่าตู้เหวินหยวนจะยอมเห็นด้วยหรือ?”“ข้าจะแนะนำเจ้าหนึ่งคำ อย่าโลภมาก”คำนี้ เทียบเท่าก
วันขึ้นปีใหม่ ตามธรรมเนียมแล้ว ฮ่องเต้ต้องทำพิธีบวงสรวงต่อสวรรค์ เพื่อขอพรให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หวู่ตื่นแต่เช้า อาบน้ำแต่งตัว “ฝ่าบาท...” “เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยซวินเดินก้าวย่างเล็กๆ เข้ามาอย่างเร่งรีบ ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว ไม่พอใจ “วันปีใหม่แท้ๆ เช้าตรู่ก็มีเรื่องอัปมงคลเช่นนี้แล้ว!” เว่ยซวินรีบตบหน้าตัวเองหลายครั้ง “บ่าวปากเสียเอง! แต่ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ!” ฮ่องเต้หวู่เอ่ยเสียงเย็น “เกิดอะไรขึ้น? ว่ามาเถิด” เว่ยซวินลดเสียงลง “เมื่อคืนวาน ในคุกหลวงใต้ดินเกิดคดีมีผู้เสียชีวิต ซ่งชิงหลวนเขา...เขา...เขาผูกคอตาย!” “อะไรนะ?” สีหน้าของฮ่องเต้หวู่เปลี่ยนไปอย่างมาก ขาวซีดราวกับกระดาษ เดิมทีพระองค์คิดว่าเว่ยซวินคงจะตกใจเกินเหตุ แต่ไม่คิดว่า... จะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ! ซ่งชิงหลวนตายในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้! ฆ่าตัวตาย? หรือถูกฆาตกรรม? ไม่ว่าเขาจะตายอย่างไร เรื่องนี้ก็ยุ่งยากแล้ว! “พวกเจ้าทำอะไรกัน!” ฮ่องเต้หวู่โกรธมาก จึงเอ่ยตำหนิเสียงดัง “คุกหลวงอยู่ในความรับผิดชอบขององครักษ์เสื้อแพร! พวกเจ้าดูแลคนเป็นไม่ได้ จะเอาโทษอย่างไร?” ตุบ! เ
น้ำตาของซ่งชิงหลวนไหลอาบแก้ม เขารีบพุ่งเข้าไปกอดขาของหลี่เทียนฉี่ ร้องไห้ฟูมฟาย “องค์ชายใหญ่ ที่แท้ก็เป็นพระองค์! ข้าขอร้องพระองค์ ช่วยพาข้าออกไปที!” “ที่นี่มันไม่ใช่ที่สำหรับคนอยู่!” “ขอเพียงพระองค์ช่วยข้าออกไป ข้าจะเป็นวัวเป็นม้ารับใช้พระองค์” เดิมที ซ่งชิงหลวนยังคงหยิ่งผยอง คิดจะประท้วงด้วยการอดอาหาร เพื่อบีบให้ฮ่องเต้หวู่ปล่อยตัวตนเองออกไป จนกระทั่งเขาได้เห็นบทความที่ใส่ร้ายเขาในหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ย จึงกระอักเลือดด้วยความโกรธ และตระหนักได้ว่า ตัวเขาเองไม่ได้สำคัญในสายพระเนตรของฮ่องเต้หวู่เลย! แม้แต่มดปลวกยังดิ้นรนเพื่อมีชีวิต แล้วมนุษย์เล่า? หลังจากซ่งชิงหลวนยอมรับความจริง เขาก็ล้มเลิกความคิดโง่ๆ ที่จะอดอาหาร ตอนนี้ เขาแค่อยากมีชีวิตรอด พยายามอย่างหนักเพื่อเอาชีวิตรอด ออกไปจากคุกหลวงใต้ดินที่เส็งเคร็งแห่งนี้ หลี่เทียนฉี่ก้มลงไป กระซิบกับซ่งชิงหลวน “บัณฑิตซ่ง ข้ามาพบเจ้าตามคำสั่งของอาจารย์!” ซ่งชิงหลวนตกใจ ใบหน้าเผยรอยยินดี “อาจารย์ของฮ่องเต้งั้นหรือ? ข้ากับอาจารย์ของฮ่องเต้เป็นสหายสนิท! เขามีปัญญาเฉียบแหลม ต้องมีวิธีช่วยข้าออกไปแน่! พระองค์รีบบอกข้ามาเร็
“รองลงมา...” เสิ่นชิงโจวครุ่นคิด แล้วพูดต่อ “ตอนนี้หลี่หลงหลินเป็นรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้หวู่ หากเขาเป็นอะไรไป ฮ่องเต้หวู่ไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!” “เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าเรื่องวุ่นวายนี้ คงใหญ่กว่าฟ้าเสียอีก!” ร่างของหลี่เทียนฉี่สั่นสะท้าน ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินถูกลอบสังหารบาดเจ็บ ฮ่องเต้หวู่ก็ทรงกริ้วมาก พลิกแผ่นดินตามหาคนร้าย! หากหลี่หลงหลินตายไป ด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งของฮ่องเต้หวู่ ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสิ่นชิงโจวพูดต่อ “สาม นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หลี่หลงหลินเจ้าเด็กนั่นเจ้าเล่ห์เพทุบาย! แม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะสืบสวนคดีทุจริตในการสอบขุนนาง ก็ทรงให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นคนสืบ” “ต่อให้พวกเราฆ่าหลี่หลงหลินได้ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้!” “สรุปแล้ว ห้ามแตะต้องหลี่หลงหลิน!” หลี่เทียนฉี่ขมวดคิ้วแน่น ด้วยความไม่พอใจ “หรือว่า... พวกเราได้แต่มองดูหลี่หลงหลินทำตามอำเภอใจ ไม่มีทางจัดการเขาได้เลยหรือ?” “ไม่!” มุมปากของเสิ่นชิงโจวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ข้ามีวิธีที่จะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ แถมยังทำให้หลี่หลงหลินตกอยู่ในหาย
ส่วนลั่วอวี้จู๋นางเพียงยิ้มเบาๆ “องค์รัชทายาท โลกในฝันของพระองค์ ผู้คนต้องมีความสุขมากแน่ๆ” หลี่หลงหลินไม่ตอบ เพียงแย้มยิ้ม มีความสุขหรือ? ก็อาจจะใช่ คนในแต่ละยุคสมัยล้วนมีเรื่องทุกข์ใจต่างกัน ความสุขเป็นเรื่องของมุมมอง การได้กินอิ่มย่อมมีความสุขกว่าการอดอยาก... ... ณ คุกหลวง หลี่เทียนฉี่เดินฝ่าพายุหิมะเข้ามา เสิ่นชิงโจวที่หลับสนิท ตื่นขึ้นเพราะเสียงฝีเท้า “ท่านเองหรือ!” “ทำให้ข้าตกใจหมด!” เสิ่นชิงโจวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเพิ่งฝันร้ายว่า หลี่หลงหลินนำคนบุกเข้ามาในคุกหลวง และฆ่าเขาตาย หลังจากจิบชา เสิ่นชิงโจวจึงสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาหันไปมองหลี่เทียนฉี่ “ดึกดื่นป่านนี้ พระองค์รีบร้อนมาทำอะไร?” หลี่เทียนฉี่เอ่ยอย่างร้อนรน “อาจารย์ แย่แล้ว! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” เสิ่นชิงโจวใจหายวาบ “เรื่องใหญ่? เรื่องอะไร?” หลี่เทียนฉี่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงชมดอกไม้ร้อยบุปผาให้เสิ่นชิงโจวฟังโดยละเอียด หลังจากฟังจบ สีหน้าของเสิ่นชิงโจวก็ดูแย่มาก อะไรกัน? หลี่หลงหลินสามารถทำให้ดอกไม้นานาพันธุ์เบ่งบานในฤดูหนาวได้?
“เสด็จแม่” หลี่หลงหลินโค้งคำนับให้ฮองเฮาหลิน “ฟ้ามืดแล้ว พระองค์รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮองเฮาหลินพยักหน้าเล็กน้อย ทว่ายังคงลังเลที่จะเอ่ยปาก หลี่หลงหลินขึ้นรถม้าพร้อมกับคนในตระกูลซู เพื่อออกจากวังกลับไปยังจวนสกุลซู ภายในรถม้า แม่ทัพผู้เฒ่าซูอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “รัชทายาท เหตุใดพระองค์ถึงทำเช่นนี้? กลุ่มข้าราชการเต็มใจที่จะสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ เหตุใดพระองค์จึงปฏิเสธ?” ฟึบ! ทันใดนั้น สายตาของซูเฟิ่งหลิงและพี่สะใภ้ทั้งสี่ก็จับจ้องไปที่หลี่หลงหลิน ในใจพวกนางรู้สึกสงสัยเช่นเดียวกับแม่ทัพผู้เฒ่าซู นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะรวบรวมกลุ่มข้าราชการไว้ในมือ เหตุใดหลี่หลงหลินถึงปฏิเสธ แถมยังพูดจาดูถูกจนทำให้กลุ่มข้าราชการขุ่นเคือง? หรือว่า... หลี่หลงหลินไม่เข้าใจ ว่าหากกลุ่มข้าราชการสวามิภักดิ์ด้วย เขาก็จะทรงครองตำแหน่งรัชทายาทได้อย่างมั่นคง ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้ แผ่นดินต้าเซี่ยจะอยู่ในมือของเขา? หลี่หลงหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาแงนมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด แล้วเอ่ยเสียงต่ำ “แผ่นดินต้าเซี่ยนี้ ผุพังเกินเยียวยานานแล้ว ข้าจะเอาไปทำอะไร?” บรรดาหญิงสาว
ฮ่องเต้หวู่ปวดหัวแทบระเบิด สองมือกดขมับคลึงเค้น สมองแทบเหลวเป็นแป้งเปียก ฮ่องเต้หวู่จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลี่หลงหลินอย่างจนปัญญา: “เจ้าเก้า เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี?” หลี่หลงหลินแย้มยิ้มเล็กน้อย: “เสด็จพ่อ ใกล้ค่ำแล้ว วันนี้แยกย้ายกันเพียงเท่านี้เถิด! สุขภาพของท่านสำคัญยิ่งนัก รีบกลับไปพักผ่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้หวู่ชะงัก: “แยกย้ายกันเพียงเท่านี้? แล้วคดีทุจริตของซ่งชิงหลวนเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่หลงหลินผายมือ: “ก็ทำตามที่ควรทำ ตอนนี้เสด็จพ่อมีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ให้พวกเขาไปสืบสวนก็สิ้นเรื่อง! ควรจับก็จับ ควรตัดสินก็ตัดสิน ควรประหารก็ประหาร!” “การสอบคัดเลือกขุนนางเป็นเรื่องใหญ่ยิ่ง ครั้งนี้ต้องสืบสวนให้ถึงที่สุด!” ฮ่องเต้หวู่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันที เมื่อก่อนข้าพึ่งพาเหล่าขุนนางมากเกินไป จึงสูญเสียอำนาจในการตัดสินใจ ทำอะไรก็ต้องคอยระแวดระวัง กระทั่งถูกริดรอนอำนาจ เป็นฮ่องเต้เช่นนี้ ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก! แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้ามีหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาขุนนางพวกนี้อีกต่อไป! ข้าอยากจะสืบสวนอย่างไร ก็ทำได้ตามใจ! ดี! ฮ่องเต้หวู
ฮ่องเต้หวู่ทรงกริ้วจัดเดิมที เขาทรงคิดว่าซ่งชิงหลวนเป็นผู้มีปัญญามาก มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่เคารพนับถือ คาดไม่ถึงเลยจริงๆหลายปีมานี้ ซ่งชิงหลวนสมคบกับตู้เหวินยวน ผูกขาดการสอบขุนนาง ทุจริต ฉ้อฉล ไม่รู้ว่ารีดไถทรัพย์สินจากราษฎรไปเท่าไหร่การคดโกงเงินทองนั้น จริงๆ แล้วฮ่องเต้หวู่ไม่ได้ใส่พระทัยขุนนางทั้งราชสำนัก มีใครบ้างที่ไม่รับสินบน?บัณฑิตร่ำเรียนมาสิบปี หวังจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็เพื่ออะไรกัน?เพื่อทำตามความฝันและปณิธานของตนเอง?เหลวไหล!ใครบ้างที่ไม่ทำเพื่อเงินทอง?ปัญหาคือ คนดีรักทรัพย์สิน ก็ควรได้มาโดยชอบธรรมหากซ่งชิงหลวนเพียงแค่ยักยอกค่าเล่าเรียนเล็กๆ น้อยๆ นั่นก็แล้วไป!เขากลับใช้การสอบขุนนางเป็นเครื่องมือ!ช่างเกินไปแล้ว!มิน่าเล่า ในราชสำนัก ขุนนางที่ไร้ความสามารถจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่ละคนถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ตีสามครั้งก็ยังไม่ปริปากให้ไปปกครองบ้านเมือง ก็ทำได้แย่มิน่าเล่า หนิงชิงโหว ผู้มีความรู้ความสามารถ ถึงได้สอบตกแม้ว่าภายหลัง หนิงชิงโหวจะสอบได้จอหงวน ก็ยังเลือกที่จะไปเป็นอาจารย์อยู่ที่เขาประจิม ไม่ยอมเข้ารับราชการแท้จริงแล้ว รากฐานของต้าเซี่ย
เรื่องน่าอับอายของซ่งชิงหลวนเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งที่นางกุขึ้นเองทั้งสิ้นหลักฐานของหลี่หลงหลินมาจากไหน?หรือว่าเพื่อช่วยนาง หลี่หลงหลินคิดจะปลอมแปลงหลักฐาน หลอกลวงเบื้องสูง?นี่... นี่ไม่ได้!การหลอกลวงเบื้องสูงเป็นความผิดมหันต์ต่อให้หลี่หลงหลินเป็นถึงรัชทายาท ก็ไม่อาจแบกรับไหว!ยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้หวู่กำลังทรงกริ้ว ถึงขั้นคิดจะถอดหลี่หลงหลินออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลี่หลงหลินเสี่ยงอันตราย หากถูกฮ่องเต้หวู่จับได้ ก็คงจะถึงคราววิบัติ“องค์รัชทายาท”“อนาคตของท่านยังอีกยาวไกล เพื่อหญิงต่ำต้อยเช่นข้า เหตุใดต้องทำลายอนาคตตนเอง?”หลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลอาบแก้ม คิดจะเปิดเผยความจริงหลี่หลงหลินรีบส่งสัญญาณให้ซูเฟิ่งหลิง “เจ้าพาพี่สะใภ้สี่ไปด้านข้าง อย่าให้นางพูดอะไรเหลวไหล”ซูเฟิ่งหลิงจับแขนหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย! ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์รัชทายาทเถิด! มีเขาอยู่ ต้องไม่มีปัญหาแน่นอน”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้า ถอยไปด้านข้างหลี่หลงหลินเห็นดังนั้น ก็ถอนหายใจยาวเกือบไปแล้ว!เกือบจะเกิดศึกภายใน ทำลายแผนการจนหมดสิ้นหลิ่วหรูเยียนยังขาดประสบการณ์ในเรื่องให
เมื่อมีหลี่เทียนฉี่เป็นหัวหอก เหล่าขุนนางก็ดาหน้าเข้ามาผสมโรง “ฝ่าบาท พระชายารัชทายาททำเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“กล้าขัดพระราชโองการอย่างเปิดเผย ช่างบังอาจยิ่งนัก!”“ซูเฟิ่งหลิงเป็นลูกหลานแม่ทัพ ไม่รู้ขนบธรรมเนียม รัชทายาท ท่านก็ไม่รู้หรืออย่างไร?”“ถูกแล้ว รัชทายาท! ท่านควรจะดูแลสตรีของท่านให้ดี! มิเช่นนั้นพูดมากไปก็จะเสียการ เป็นที่น่าอับอาย!”“หึๆ รัชทายาทขึ้นชื่อว่าเป็นคนกลัวเมีย เขาจะกล้าไปหือกับสตรีที่มุทะลุดุดันอย่างซูเฟิ่งหลิงหรือ? ไม่อยากอยู่แล้วหรือไร?”“คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนเป็นแม่เสือโคร่ง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ!”“รัชทายาท ท่านจงดูแลแม่เสือโคร่งของท่านให้ดี อย่าปล่อยออกมาทำร้ายผู้อื่น”คำเยาะเย้ยถากถางถาโถมเข้ามาไม่หยุดซูเฟิ่งหลิงไม่สันทัดในการโต้เถียง ทั้งร้อนรนทั้งโกรธ น้ำตาคลอเบ้า แทบจะร้องไห้ออกมา “พวกเจ้า... พวกเจ้า...”“หุบปาก!”ในเวลานั้น เสียงตวาดดุจสายฟ้าฟาดก็ดังขึ้นในตำหนักฉางเล่อหลี่หลงหลินก้าวออกมา มือไพล่หลัง ท่าทางหยิ่งผยอง เอ่ยเสียงเย็น “รังแกผู้หญิง นับเป็นความสามารถอันใด? พวกท่านมีความสามารถ ก็มาโต้คารมกับข้าสักห้าร้อยยก แบบไม่มีกติกาก็ได้