“เพราะเหตุนี้ ข้าก็เลยคิดที่จะแต่งตั้งเจ้าเป็นราชทูต ประทานดาบซ่างฟางให้เจ้าไปสืบราชการลับ กวาดต้อนพวกขุนนางทุจริตเหล่านี้! กำลังพรรคพวกของตู้หวินหยวนให้หมด เพื่อให้ใต้หล้ามีอนาคตที่สดใส! เมื่อถึงตอนนั้นที่บุกค้นบ้านและยึดทรัพย์ของตู้เหวินหยวน พวกเราสองคนก็หารครึ่งกัน”คำพูดของฮ่องเต้หวู่นั้น พูดได้อย่างชอบธรรมและจริงจังแต่หลี่หลงหลินเหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรงเสด็จพ่อ นี่ท่านประเมินข้าสูงเกินไปหรือไม่?ให้ข้าไปต่อกรกับพวกขุนนางที่มีอำนาจเหลือล้นอย่างนั้นหรือ?นี่อยากจะให้ข้าไปตายหรือไม่?อย่าว่าแต่ข้าเลยแม้แต่ท่าน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขุนนางเหล่านี้!ไหนจะดาบซ่างฟางอะไรนั่นอีก!มันจะมีประโยชน์อะไรกัน!ขุนนางพวกนั้นไม่ต้องใช้มีด แค่คำพูดจากปากไม่กี่คำก็ไม่รู้ว่าต้องมีชาวบ้านเท่าไหร่ที่หัวต้องหลุดจากบ่า!“เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินจึงเอ่ยปฏิเสธ “ลูกแค่ฉลาดเล็กน้อยเท่านั้น! หน้าที่ผู้แทนพระองค์เช่นนี้ ลูกไม่มีความสามารถทำให้สำเร็จจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แผ่นดินต้าเซี่ยเต็มไปด้วยความสามารถ พระองค์ลองพิจารณาดูคนอื่นก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “คนอื่นหรือ?
หลี่หลงหลินชูนิ้วของมาหนึ่งนิ้ว “เสด็จพ่อ! ท่านอยากให้ลูกเป็นผู้แทนพระองค์ตรวจสอบคดีฉ้อโกงเงินบำนาญ! ข้อแรกลูกอยากให้เสด็จพ่อทรงเงียบเอาไว้ ห้ามบอกใครเรื่องที่ลูกเป็นผู้แทนพระองค์!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “เช่นนั้นย่อมได้แน่นอน! ตราบใดที่เจ้ารับปาก ข้าเองก็จะปิดปากเงียบ! เช่นนี้ก็จะมีเพียงสวรรค์และนรกที่รู้ และมีเพียงเราสองพ่อลูกที่รู้กัน! แม้แต่เว่ยซวิน ข้าก็จะไม่บอกเขา”หลี่หลงหลินพูดต่อ “ข้อที่สอง เวลาที่ลูกตรวจสอบคดีนี้ ห้ามกำหนดเวลา”ฮ่องเต้หวู่ก็ตรัสด้วยความประหลาดใจ “ไม่กำหนดเวลา? ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยากจะสืบเท่าไหร่ก็สืบเท่านั้นอย่างนั้นน่ะหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ก็ส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ไม่ได้! เจ้าจำเป็นต้องกำหนดเวลาให้ข้า ไม่อย่างนั้น ถ้าเจ้าจงใจยืดเวลาออกไป สืบจนเวลาเนิ่นนาน หรือว่าข้าจะสอบถามอะไรไม่ได้?”หลี่หลงหลินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เสด็จพ่อลูกทำเพื่อราชสำนัก ทำเพื่อท่าน!ถ้าลูกตรวจสอบตู้เหวินหยวน เช่นนั้นมันต้องเกิดความวุ่นวายทั่วราชสำนักแน่!”“ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพร้อมที่จะโจมตีเข้าเมืองหลวงได้ตลอดเวลา สถานการณ์ที่หัวเลี
หลี่หลงหลินมองไปที่ฮ่องเต้หวู่ แล้วพูดต่อว่า “ความคิดของลูกไม่เพียงแต่สร้างทางรวยเท่านั้น! แต่ยังสามารถทำให้ทหารรักษาพระองค์ชนะอีกด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ตะลึงงันในทันที มองหลี่หลงหลินด้วยความไม่เข้าใจ “ทั้งรวยแล้วก็ยังสามารถทำให้แนวหน้าได้รับชัยชนะอีกอย่างนั้นหรือ? สองเรื่องนี้มันคนละเรื่องเลยนะ! เจ้าพูดมา ว่ากิจการอะไรกันแน่”หลี่หลงหลินเอ่ยว่า “จางไป่เจิงคือแม่ทัพที่มีชื่อเสียง ทหารรักษาพระองค์ของเสด็จพ่อ เป็นทหารชั้นยอดในชั้นยอด มีจำนวนหนึ่งแสนนาย! แต่ว่าเหตุใดจางไป่เจิงถึงได้หลีกเลี่ยงไม่ยอมออกรบตลอด ได้แต่หดหัวอยู่ในกระดอง ให้เผ่าหมานเพียงไม่กี่หมื่นคนโจมตีเมือง สังหารและปล้นสะดมอย่างกำเริบ?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “แม้ว่าข้าจะอยู่บนหลังม้าออกศึกมาตลอดชีวิต เคยเข้าร่วมสงครามมานับไม่ถ้วน แต่ว่าในสนามรบนั้นมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ข้าไม่ได้อยู่ในแนวหน้าก็บอกไม่ได้! แต่ว่าจางไป่เจิงจำเป็นน่าจะมีเหตุผลของเขา!”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เหตุผลนั้นง่ายมาก! เพราะว่าแม่ทัพจาง แผนการในการเอาชนะยังมีไม่พอ...”ฮ่องเต้หวู่มีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้! ทหารรักษาพระองค์ของข้า เผ่าหมาน
คำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ฮ่องเต้หวู่ตกใจ!นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก!จางไป่เจิงถ่วงเวลาไม่ยอมออกรบ ต่อสู้กับพวกเผ่าหมานจนสุดชีวิตประชาชนและกองทัพ เกิดเสียงก่นด่าขึ้นมาเรื่อยๆ มีหลายคนที่ทิ่มแทงเข้ากระดูกสันหลังของจางไป่เจิง บอกว่าเขากลัวสงคราม บอกว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด!เสียงของชาวบ้าน จางไป่เจิงไม่สนใจเสียงของกองทัพ จางไป่เจิงสามารถยับยั้งไว้ได้แต่ในราชสำนักล่ะ?ฎีกาฟ้องร้องจางไป่เจิงก็เหมือนกับเกล็ดหิมะที่ทยอยกันมาอย่างไม่ขาดสายตอนนี้สามารถระงับฎีกาไม่ส่งออกไปได้ชั่วคราวแต่การทำเช่นนี้จะสามารถอยู่ได้นานแค่ไหน?สิบวัน?ครึ่งเดือน?หรือหนึ่งเดือน?สักวันหนึ่ง ประชาชนก็ต้องลุกฮืออย่างโกรธเกรี้ยว ข้าก็คงไม่อาจระงับมันไว้ได้ ทำได้เพียงเชื่อฟังเจตนารมณ์ของเหล่าขุนนาง ออกพระราชกฤษฎีกาให้จางไป่เจิงออกไปทำสงคราม ไม่อย่างนั้นก็ต้องเรียกเขากลับมารายงานที่เมืองหลวง!การเปลี่ยนแม่ทัพ เป็นสิ่งต้องห้ามในการทหารทหารขาดเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย พวกเขาต้องรีบไปรับมือกับสงคราม สภาพอากาศก็ไม่เอื้ออำนวย!ถ้าเจอลมหิมะ เช่นนั้นจุดจบที่รอกองทัพรักษาพระองค์ทั้งแสนนายคือสิ่งใด?แน่นอนว่าต้อง
ยังอยากบริจาคเสื้อผ้าฝ้ายอีกหนึ่งแสนตัวหรือ?นั่นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านกำลังคนและวัสดุเท่าใดกัน? และจะต้องจ่ายเงินออกไปเป็นจำนวนเท่าใด?อย่างน้อยก็ต้องใช้เงินหลายแสนตำลึง!“ยามชาติมีภัยควรมีใจภักดี!”“เจ้าเก้า เจ้าช่างซื่อสัตย์จริงๆ!”ฮ่องเต้หวู่ตื่นเต้นอย่างยิ่ง จับสองมือของหลี่หลงหลินแน่น กล่าวทั้งน้ำตา “แต่เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินดูลำบากใจ “เรื่องเงินน่ากังวลจริง! แต่เพื่อต้าเซี่ย เพื่อเสด็จพ่อ ข้ายินดีจะรัดเข็มขัดตัวเอง[footnoteRef:1] ประหยัดเงินค่าอาหารอาภรณ์ ไม่ยอมให้เงินเล็ดลอดแม้แต่ระหว่างซี่ฟัน! ไม่ว่าจะยากเพียงใด ข้าก็มิใช่จะลำบาเท่าแนวหน้าขอรับ” [1: การทำให้ตัวเองลำบาก] ฮ่องเต้หวู่หลั่งน้ำตา เสียงสั่นระริก “เจ้าเก้า หากวันหนึ่งพวกเราเอาชนะพวกหม่านอี๋ทางเหนือได้ เจ้าย่อมมีความดีความชอบ! เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าต้องการสิ่งใด ข้าก็จะพระราชทานสิ่งนั้นให้!”“ต่อให้เจ้าจะต้องการเป็นรัชทายาท ข้าก็จะไม่ลังเลยกให้!”เวลานี้ ฮ่องเต้หวู่แสนจะสะเทือนใจ!ในบรรดาองค์ชายทั้งเก้า หลี่หลงหลินอาจไม่ใช่คนที่มีความสามารถมากที่สุดทว่า เขาเป็นคนที่จงรักภักดีและกตัญญูที
หลี่หลงหลินนำเข็มขัดและกระบี่ล้ำค่าเล่มนั้นออกจากพระราชวังต้องห้าม กลับไปยังตระกูลซูยามนี้ดึกสงัดแล้ว โคมไฟเริ่มจุดเรียงรายสมาชิกหญิงทุกคนในตระกูลซูรวมตัวกันที่ห้องโถง รอคอยอย่างใจจดใจจ่อซูเฟิ่งหลิงเป็นเหมือนมดบนหม้อตั้งไฟ เดินไปมาราวหนูติดจั่น พึมพำเบาๆ “เหตุใดถึงยังไม่กลับมาอีก? เจ้าเก้าหน้าเหม็นนี่ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วกระมัง?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูปลอบใจนาง “องค์ชายเก้ามีโชคชะตาเป็นของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าวังไปพร้อมกับองค์ฮ่องเต้ ไม่ใช่ว่าไปสนามรบเสียหน่อย จะเกิดอะไรขึ้นได้?”ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่ในความคิดของข้า เข้าวังที่ว่านั้นอันตรายยิ่งกว่าสนามรบเสียอีก!”เมื่อญาติผู้หญิงทุกคนได้ยินคำนี้ ก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยติดตามกษัตริย์ดุจติดตามพยัคฆ์สถานที่ที่อันตรายที่สุดหาใช่สนามรบแต่เป็นวังหลวง เป็นราชสำนัก!กองทัพตระกูลซูก็เป็นตัวอย่างให้เห็น พวกเขาองอาจเทียมฟ้ายามลงสมรภูมิ แต่ทว่าเพราะคำวิจารณ์สาดเสียเทเสียของเหล่าขุนนาง รวมถึงการแก่งแย่งอำนาจของผู้สูงศักดิ์ กองทัพทั้งกองจึงแตกพ่ายอย่างไร้เหตุผลที่ชัดเจน...นี่แสดงให้เห็นว่า เหล่าขุนน้ำขุนนางที่มี
หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “เรียกข้าว่าพี่ชายคนดีสักคำสิ!”ซูเฟิ่งหลิงคิ้วกระตุก หมัดสีชมพูกำแน่น “เจ้าหาเรื่องตาย!”หลี่หลงหลินยกมุมปาก “อ้อ? อยู่ต่อหน้าทุกคนเลยอายเช่นนั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็ติดหนี้ข้าเอาไว้ก่อน! ไม่อยู่กันตามลำพังเมื่อใดเจ้าค่อยใช้คืน!”ก่อนที่ซูเฟิ่งหลิงจะเสียใจ หลี่หลงหลินก็ยื่นดาบซ่างฟางไปให้ซูเฟิ่งหลิงอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงของอาวุธวิเศษได้ หลังจากได้รับดาบซ่างฟางมา นางก็แทบรอไม่ไหว ชักมันออกมาจากฝักทันที!เวิ้ง...มังกรคำรามลั่น ขดตัวพัวพันรอบลำแสง!ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยแสงกระบี่และเจตนาฆ่า!ซูเฟิ่งหลิงถือกระบี่ไว้ในมือข้างหนึ่ง เริ่มเหวี่ยงกระบี่อย่างตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะเชยชม “กระบี่ดี กระบี่ดี! นี่ไม่ใช่กระบี่ธรรมดา นามว่าอะไรหรือ?”หลี่หลงหลินพูดอย่างใจเย็น “นี่คือกระบี่ของเสด็จพ่อ วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย!”สูด...ทันใดนั้น ทุกคนก็สูดอากาศเย็นเข้าปอดหลี่หลงหลินตกใจ ละล้ำละลักพูดว่า “วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย? กระบี่เทพปักษ์แคว้น วิหคมังกรแห่งต้าเซี่ย? ฮ่องเต้ถึงขั้นมอบกระบี่เทพปักษ์แคว้นให้ท่านจริงๆ หรือ? เหตุ
ฮูหยินผู้เฒ่าซูขมวดคิ้ว “หากฮ่องเต้กล่าวโทษลงมาเล่าจะทำอย่างไร? นางหนู คืนดาบซ่างฟางให้องค์ชายเก้าเสีย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรรับมา! ระวังจะจุดไฟเผาตัวเอง นำหายนะมาสู่ตระกูลซู!”ซูเฟิ่งหลิงมอบวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยให้หลี่หลงหลินอย่างไม่เต็มใจนัก กลับไปให้หลี่ “เอาไป! กระบี่ร้ายๆ ของเจ้า ข้าไม่สนใจหรอก!”หลี่หลงหลินไม่รับกระบี่ พูดด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านกังวลเกินไปแล้วขอรับ! หากกลัวว่าฮ่องเต้จะตำหนิลงมา ก็เพียงแค่บอกว่าซูเฟิ่งหลิงเป็นองครักษ์ส่วนตัวของข้า ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”ฮูหยินผู้เฒ่าซูเลิกคิ้ว “องครักษ์ส่วนตัว นี่ก็นับเป็นวิธีได้! ยิ่งไปกว่านั้น ตู้เหวินยวนและพรรคพวกย่อมไม่ยอมแพ้ ต้องคอยคิดจะใช้วิธีที่ร้ายกาจจัดการท่านแน่นอน! การที่พวกเขาจะส่งนักฆ่ามาลอบสังหาร ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”“แทนที่จะกังวลเรื่ององค์ชายเก้าอยู่ทั้งวัน”“ไม่สู้ให้นางหนูซูเฟิ่งหลิงคอยคุ้มครองความปลอดภัยของท่านจะดีกว่า!”“นี่เป็นวิธีขว้างหินหนึ่งก้อนฆ่านกสองตัวจริงๆ!”“กลัวแต่ก็แค่นางหนูซูเฟิ่งหลินจะรั้น ไม่ยอมเห็นด้วย...”หลี่หลงหลินมองไปที่ใบหน้างามของซูเฟิ่งหลิง และพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้
เช้าวันรุ่งขึ้นทะเลคราม ฟ้าสีฟ้า ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ ไกลสุดสายตาเรือใหญ่ลำหนึ่งแล่นออกจากท่าเรือตงไห่อย่างโอ่อ่า ท่วงทีองอาจไม่ธรรมดาการออกทะเลครั้งนี้ หลี่หลงหลินไม่เพียงแต่พาเหล่าพี่สะใภ้มาด้วยหลายคน แต่ยังคัดเลือกทหารยอดฝีมือของตระกูลซูมาเป็นพิเศษอีกสามร้อยนายซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทอดสายตามองไปยังเส้นขอบฟ้าที่ผืนน้ำจรดกับผืนฟ้า แววตาเต็มไปด้วยความกังวล ลมทะเลพัดผ่าน ผ้าคลุมสีแดงสดด้านหลังนางปลิวสะบัดพลิ้วไหว!หลี่หลงหลินบิดขี้เกียจ กระทืบเท้าลงบนดาดฟ้าเรือเบาๆเรือของเมืองตงไห่แข็งแรงกว่าที่ข้าคิดไว้มากตอนนี้หลี่หลงหลินทำได้เพียง มีอะไรก็ใช้อย่างนั้นไปก่อนแม้จะเทียบไม่ได้กับเรือประมงหมื่นตันในจินตนาการแต่แค่จับปลาหลายพันชั่งขึ้นมาก็ยังถือว่าสบายมากหลี่หลงหลินหยิบคันเบ็ดออกมานั่งลงข้างๆ ซูเฟิ่งหลิง ด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงาม กล่าวเสียงขรึม "รัชทายาท ท่านบอกว่าจะพาพวกเราออกมาจับปลา คงไม่ได้คิดจะใช้แค่คันเบ็ดนี่ตกปลาหรอกนะเพคะ?"เหล่าพี่สะใภ้ก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่ออยู่บ้างอาศัยเพียงคันเบ็ดคันเดียวของหลี่หลงหลิน
ลั่วอวี้จู๋ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางส่ายหน้าไม่หยุดกล่าวว่า “ไม่ได้ น้องหญิง เจ้าอย่าพูดอะไรพล่อยๆ บัญชีมันไม่ได้คำนวณแบบนั้น! ตอนนี้ประชาชนหลายแสนคนในตงไห่กำลังรอเสบียงอาหารอยู่ นี่ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เพียงแค่พึ่งพาการล่าสัตว์ อย่างไรก็ไม่พอ!”ตอนนี้ไม่เพียงแต่ต้องคำนึงถึงค่ากินอยู่ใช้สอยของเหล่าทหารกองทัพตระกูลซูทั้งหมด แต่ที่สำคัญกว่าคือการแก้ปัญหาความต้องการเสบียงอาหารของประชาชนตงไห่ทั้งหมดซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วเรียวงาม “ถ้าไม่ไหวจริงๆ ข้าจะนำกองทัพตระกูลซูไปปล้นยุ้งฉางของพวกพ่อค้าเหล่านั้นเสียเลย! แบบนี้พวกเราก็จะมีเสบียงอาหารแล้วไม่ใช่รึ?”ลั่วอวี้จู๋ตกใจ รีบกล่าวว่า “น้องหญิง! เจ้าอย่าทำเรื่องเหลวไหล!”“เจ้าทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ แล้วชื่อเสียงของกองทัพตระกูลซูจะทำอย่างไร! ชื่อเสียงอันดีงามที่ตระกูลซูผู้จงรักภักดีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษจะถูกทำลายในพริบตาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง ท่านย่าก็คงไม่อนุญาตให้เจ้าทำตามอำเภอใจเช่นนี้แน่!”ซูเฟิ่งหลิงเบ้ปาก พึมพำว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง...”ตระกูลซูรับราชการทหารมาหลายชั่วอายุคน ทั้งตระกูลจงรักภักดี ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมใดๆ แม้กระทั
ตกเย็น จวนอ๋องตงไห่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟเหล่าพี่สะใภ้รวมตัวกันอยู่ในห้อง ใบหน้างดงามซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล ทุกคนต่างกลัดกลุ้มกับสถานการณ์ปัจจุบันของตงไห่ลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อย ถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “รัชทายาท ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไรดี? ท่านสัญญาว่าจะทำให้ราษฎรตงไห่ทุกคนได้กินเนื้อสัตว์ภายในเจ็ดวัน แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่เนื้อเลย เกรงว่าแม้แต่การกินให้อิ่มท้องธรรมดาๆ ก็ยังยาก”เมื่อตอนเย็น ลั่วอวี้จู๋ได้ส่งคนไปสืบราคาเสบียงอาหารในตลาดแล้วและก็เป็นไปตามคาด หลังจากที่ราษฎรตื่นตระหนก ราคาเสบียงอาหารก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดที่ว่าในตลาดตงไห่ไม่มีข้าวสารขายในทันทีแล้ว หากต้องการซื้อทันทีก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ!เหล่าราษฎรต่างพากันส่งเสียงก่นด่าอย่างคับแค้น สถานการณ์เริ่มจะดำเนินไปในทิศทางที่ควบคุมไม่ได้แล้วลั่วอวี้จู๋มองไปยังหลี่หลงหลิน ถอนหายใจกล่าวว่า “รัชทายาท ตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือการขายทรัพย์สมบัติทั้งหมด แล้วนำเงินไปแลกเป็นเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย”“แต่ข้าคำนวณดูแล้ว ต่อให้ขายทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลซู ก็ทำได้เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
เหล่าราษฎรจ้องเขม็งไปยังหลี่หลงหลิน ต้องการคำอธิบายจากเขา หากไม่ได้ความในวันนี้ พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมเลิกรา!หลี่หลงหลินเชิดหน้าอกผาย กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ปากท้องของราษฎรคือเรื่องสำคัญที่สุด ในเมื่อตงไห่เป็นดินแดนในอาณัติของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็คือราษฎรของข้า หลี่หลงหลิน”“แม้จะมีภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ แต่ข้ารับรองว่าจะไม่ปล่อยให้พวกท่านต้องอดอยากหิวโหยเป็นอันขาด เรื่องเสบียงอาหารนั้นขอให้ราษฎรวางใจ ภายในเจ็ดวัน ข้าจะทำให้พวกท่านได้กินอิ่มท้องอย่างแน่นอน!”น้ำเสียงของหลี่หลงหลินทรงพลังอย่างยิ่ง ถ้อยคำดังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเหล่าราษฎรผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา“ขี้โม้!”“พี่น้องทั้งหลาย อย่าได้หลงเชื่อคำโอ้อวดของเขาเลย! ดูสิ ยุ้งฉางเหล่านี้ล้วนว่างเปล่า! จะเอาข้าวที่ไหนมาให้พวกเรา!”“หากวันนี้ไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับพวกเรา แล้วอีกเจ็ดวันพวกเราจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมกับใคร!”“ใช่แล้ว!”“หากวันนี้ไม่ยอมมอบเสบียงอาหารออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ก้าวเท้าออกจากยุ้งฉางนี้ไปได้!”ชายฉกรรจ์ผู้เป็นหัวหน้าโบกแขนตะโกนปลุกระดมเหล่าราษฎร ผู้คนต่างขานรับเป็นเสียงเดี
เหล่าราษฎรที่อยู่ด้านนอกยุ้งฉางต่างชูกำปั้นตะโกนก้อง เสียงดังสะท้อนไปทั่วฟ้า “แจกจ่ายเสบียง! แจกจ่ายเสบียง!”ข่าวราคาเสบียงอาหารในเมืองตงไห่พุ่งสูงขึ้นได้แพร่กระจายออกไปแล้ว ราษฎรต่างตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงนัดหมายกันมารวมตัวที่หน้ายุ้งฉางเพื่อเรียกร้องขอเสบียง ก่อเกิดเป็นพลังมหาศาลหากไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่คอยขัดขวางไว้ เกรงว่าป่านนี้เหล่าราษฎรคงบุกเข้าไปในยุ้งฉางแล้วลั่วอวี้จู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “รัชทายาท เช่นนี้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ยังไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหารถึงที่สุด แต่ความโกรธแค้นของราษฎรก็รุนแรงถึงเพียงนี้แล้ว หากมีวันใดที่เสบียงหมดลงจริงๆ...”ใบหน้างามของลั่วอวี้จู๋ซีดขาว ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ยืนนิ่งตะลึงงันอยู่กับที่ นางไม่อาจจินตนาการถึงภาพนั้นได้ราษฎรที่ก่อความวุ่นวายนอกยุ้งฉางมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ดังขึ้นเรื่อยๆเหล่าทหารยามเริ่มชักดาบประจำกายออกมา แต่สำหรับเหล่าราษฎรแล้ว หากไม่มีเสบียงให้กิน ในภายภาคหน้าก็มีแต่ความตายสถานเดียว!ซูเฟิ่งหลิงขมวดคิ้วงามเล็กน้อย แววตาหงส์ฉายประกายดุดัน “รัชทายาท หากปล่อยให้พวกเขาอาละวาดต่อไปเช่นนี้ ต้องเกิดเรื่องแน่เพค
ลั่วอวี้จู๋เดินเข้ามาก่อนสองก้าว กล่าวว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้แม้จะจัดการกับพวกพ่อค้าเศรษฐี แต่ก็ยังต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องเสบียงอาหารก่อน มิฉะนั้นเมื่อถึงเวลา ราษฎรอาจตื่นตระหนก ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อพวกเราได้”หลี่หลงหลินเพียงแค่แย้มยิ้มบางเบาซูเฟิ่งหลิงกล่าวว่า “องค์รัชทายาท ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถือเป็นสถานที่สำคัญยิ่งของต้าเซี่ย ข้างในย่อมต้องมีเสบียงเก็บไว้แน่นอน ตอนนี้สามารถนำเสบียงในยุ้งฉางออกมาแจกจ่ายช่วยเหลือราษฎร เพื่อให้พวกเขาคลายกังวลได้แล้วเพคะ”ลั่วอวี้จู๋พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้วเพคะ องค์รัชทายาท ทำให้ราษฎรคลายกังวลลงก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงแผนขั้นต่อไป”หลี่หลงหลินส่ายหน้า กล่าวเสียงเรียบ “ไม่ต้องเสียแรงเปล่าแล้ว ยุ้งฉางเมืองตงไห่ถูกขนย้ายไปจนหมดสิ้นนานแล้ว ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ยุ้งฉางเปล่าๆ เท่านั้น”ทั้งสองคนตกตะลึง“เป็นไปได้อย่างไร? ยุ้งฉางนั้นเป็นเสบียงช่วยชีวิตที่ราชสำนักเก็บไว้ เพื่อรับประกันว่าราษฎรจะไม่อดตายในปีที่เกิดภัยพิบัติ จะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ มาคิดการใหญ่กับมันได้อย่างไร?”ซูเฟิ่งหลิงไม่อยากจะเชื่อคำพูดของหลี่หลงหลินหลี่
ตำหนักอ๋องตงไห่หลี่หลงหลินเดินออกจากห้องก็พบกับลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงที่รีบร้อนเข้ามาพอดีลั่วอวี้จู๋มีสีหน้าตื่นตระหนก รีบกล่าวว่า “องค์รัชทายาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วเพคะ!”หลี่หลงหลินหาว กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ ไม่ต้องรีบร้อน มีอะไรค่อยๆ พูด”ลั่วอวี้จู๋หอบหายใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ากับน้องหญิงกำลังดูแลร้านค้าของตระกูลซูในตงไห่ที่ถนน ได้ยินเถ้าแก่บอกว่า ตอนนี้ราคาธัญพืชในตงไห่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วันเดียวเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”“เรื่องผิดปกติย่อมมีเบื้องหลัง ดังนั้นจึงรีบกลับมารายงานองค์รัชทายาท”ปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดราคาธัญพืชเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หากราคาธัญพืชผิดปกติ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก!ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า ตอบว่า “องค์รัชทายาท ตอนนี้เป็นปีแห่งภัยพิบัติอยู่แล้ว เกิดภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี บ้านเรือนของราษฎรแทบไม่มีเสบียงสำรอง ต้องอาศัยการซื้อธัญพืชประทังชีวิตทั้งสิ้น”“แต่ตอนนี้ถ้าหากราคาธัญพืชพุ่งสูงขึ้น แล้วราษฎรในตงไห่เหล่านี้จะทำอย่างไร?”หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ กล่าวเรียบๆ ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่าน
“แต่ทุกท่านกลับมองข้ามเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งไป นั่นคือโอกาสที่จะร่ำรวยมหาศาล”แววตาละโมบปรากฏขึ้นในดวงตาของหลู่จงหมิง“นั่นก็คือเสบียงอาหาร”พอหลู่จงหมิงกล่าวคำนี้ออกมา ทั่วทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮา พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่พ่อค้าร่ำรวยไม่อาจปิดบังความดีใจอย่างบ้าคลั่งในใจ “ท่านพระเชษฐภาดา ท่านหมายความว่าจะลงมือกับราคาธัญพืชหรือ?”หลู่จงหมิงเผยรอยยิ้มเย็นชา “ถูกต้อง”ปัจจุบันต้าเซี่ยประสบภัยแล้งติดต่อกันหลายปี ผลผลิตธัญพืชลดลงทุกปี แม้แต่ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์อย่างตงไห่ ยุ้งฉางก็ร่อยหรอเต็มทีแล้วยิ่งไปกว่านั้น หลี่หลงหลินนำกองทัพใหญ่มาปักหลักที่ตงไห่ ค่ากินอยู่ใช้สอยล้วนต้องเบิกจ่ายจากท้องพระคลังตงไห่แม้ว่ากบฏจะถูกปราบปรามจนสงบ ก็จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเสบียงอาหารให้กับตงไห่มากขึ้นเท่านั้นยิ่งไปกว่านั้น อาจมีสถานการณ์กบฏที่รุนแรงกว่าเกิดขึ้นได้อีกถึงตอนนั้น เสบียงอาหารของตงไห่ก็จะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆของยิ่งน้อยยิ่งมีค่า ราคาธัญพืชย่อมต้องถูกปั่นสูงขึ้นปากท้องของประชาชนคือเรื่องสำคัญที่สุดพ่อค้าร่ำรวยย่อมรู้หนทางสู่ความร่ำรวยด้วยการกักตุนธัญพืช ปั่นราคา แต่ไม่มีใครกล
จวนตระกูลหลู่คานแกะสลัก เสากรอบวาดลวดลาย วิจิตรตระการตา ทองเหลืองเรืองรอง หลู่จงหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตากวาดมองเหล่าพ่อค้าที่มาถึง “มากันครบแล้วหรือ?”เงียบสงั ดจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตกพ่อค้าเหล่านี้หูตาสว่าง รู้เรื่องที่พระเชษฐภาดาเจอในจวนอ๋องนานแล้ว ไม่กล้าราดน้ำมันบนกองไฟในจังหวะสำคัญนี้ พ่อค้าที่ปกติหยิ่งยโสโอหังต่างก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวต่อหน้าหลู่จงหมิง ไม่กล้าพูดมาก เกรงว่าจะล่วงเกินแม้หลู่จงหมิงจะเสียหน้าอย่างหนักในจวนอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่คนที่พ่อค้าอย่างพวกเขาจะดูเบาได้พ่อบ้านจวนตระกูลหลู่เดินเข้ามากล่าวเสียงเบา “นายท่าน ยังมีคนจากตระกูลซุนและตระกูลจ้าวที่ยังไม่มา ท่านจะว่าอย่างไร...”หลู่จงหมิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตวาดว่า “ไม่มาก็ไม่ต้องมาแล้ว! กล้าดีอย่างไรไม่เห็นคำพูดของข้าผู้เป็นพระเชษฐภาดาอยู่ในสายตา”หลู่จงหมิงมองเหล่าพ่อค้ามั่งคั่งที่อยู่ ณ ที่นั้น กล่าวเสียงเย็นชา “นับแต่นี้ไป ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ห้ามทำการค้าใดๆ กับสองตระกูลนี้ หากข้าพบเข้า... หึหึ!”แววตาอำมหิตวาบผ่านดวงตาของหลู่จงหมิงนี่คือเขาต้องการแสดงอำนาจ สร้างบารมี กู้หน้าตาที่เสียไปกลับคืนมาพ่อค