ทิศทางถูกต้องแล้ว?เกาเหอและโจวมี่ครุ่นคิดเงียบๆอีกทาง ฮั่วกู้พาคนควบม้ามาถึงกองทัพด้านหลัง นำคำสั่งของหยุนเจิงบอกกับหวังชี่เมื่อได้รับคำสั่งจากหยุนเจิง หวังชี่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจแล้ว จึงตะโกนบอกคนข้างกาย “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ทุกคนเพิ่มความเร็วในการขนส่งเสบียง อย่าเอาแต่อาศัยม้าลากบรรทุก เอาคนบางส่วนมาเข็นรถเกวียน! รวบรวมวัสดุระหว่างทางมาทำคบเพลิง เร็วเข้า!”เมื่อได้รับคำสั่งของหวังชี่ ทหารส่งสารวิ่งจไปถ่ายทอดคำสั่งทันที“พี่หวัง ความสัมพันระหว่างท่านกับท่านอ๋องสนิทกัน เกลี่ยกล่อมท่านอ๋องดีกว่า!”ฮั่วกู้กล่าวอย่างเป็นกังวล “ท่านอ๋องหัวรุนแรงเช่นนี้ ดีไม่ดีจะเกิดเรื่อง!”“เกิดเรื่องใดไร้สาระ!”หวังชี่ส่งสายตาให้ฮั่วกู้ ควบม้าไปด้านข้างกับฮั่วกู้ “ข้าคิดว่า ท่านอ๋องต้องการให้โอกาสคนเป่ยหวนลอบโจมตีค่าย! แต่ว่า ที่ท่านอ๋องทำเช่นนี้ ข้าเองก็คาดไม่ถึง”“โจมตีค่าย?”ฮั่วกู้ตกใจ จากนั้นก็เกิดอาการสั่นขึ้นมาแผนการที่พวกเขากำหนดไว้ในตอนแรก ก็เพื่อให้คนเป่ยหวนข้ามทะเลทรายเหลืองมาโจมตีค่ายไม่ใช่หรือ?เพียงแต่ เป่ยหวนทางนี้ไม่มีความเคลื่อนไหว เขาคิดไปเองว่าหยุนเจิงละทิ้งแผน
ใกล้เวลาพลบค่ำ หยุนเจิงส่งคนมาสั่งกองกำลังชวีจื้อให้กลับมากองกำลังชวีจื้อรวมตัวกับพวกเขา พวกเขาถอยไปข้างหลังทันที อยู่รวมกับพวกหวังชี่ คุ้มกันส่งเสบียงไปด้านหน้าเสบียงที่ได้รับการคุ้มกันแน่นหนาจากกองทัพ จุดไฟเดินไปข้างหน้าไม่หยุดจากนั้น สายสืบกลับมารายงาน มีกองทหารกลุ่มหนึ่งข้ามทะเลทรายเหลืองมา ดูท่าทางแล้ว คิดจะเผาเสบียงของพวกเขาเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงสั่งคนให้เตรียมตัวทว่า รอจนกระทั่งกลางดึก ทัพศัตรูก็ยังไม่มาเผาเสบียงหยุนเจิงหัวเราะแห้ง สั่งให้คนตั้งค่ายเขารู้ แผนของเขาถูกศัตรูมองออกแล้วทัพศัตรูไม่มีทางมาเผาเสบียงแล้วทัพศัตรูแสร้งทำเป็นติดกับ ทำเหมือนพวกเขา!แผนการตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงตอนนี้ จำเป็นต้องกำหนดแผนการใหม่แล้วจากนั้น หยุนเจิงสั่งให้พวกแม่ทัพระดับเดียวกับชวีจื้อเข้ามาในกระโจม“ทุกท่าน สนใจที่จะเล่นตั๋วใหญ่กันหรือไม่?”หยุนเจิงเข้าประเด็นถามทุกคนเมื่อได้ฟังคำพูดของหยุนเจิง ทุกคนตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเล่นตั๋วใหญ่?“องค์ชาย ท่านมีแผนการใด?”ชวีจื้อซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธเป็นคนแรกที่ถาม“ท่านอ๋อง ท่านมีแผนการใดก็บอกมาเถอะ! พวกเราล้วนทำตามท
แต่ความเสียหาย ยากที่จะกล่าวแม้จำนวนคนของทัพศัตรูจะเหนือกว่า ต่อให้ในมือถือกระบองไฟ ไม่แน่อาจทำคนตายได้เมื่อได้ฟังคำของชวีจื้อ หยุนเจิงรู้ว่าชวี้จื้อมีความคิดใด จากนั้นก็กล่าวทันที “พูดความเห็นของเจ้า”ชวี้จื้อหัวเราะ จากนั้นก็กล่าว “ทัพศัตรูไม่ใช่วางมาดให้พวกเราดูไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นพวกเราก็วางมาดให้ทัพศัตรูดู!”“พูดต่อ”หยุนเจิงยิ้มเล็กน้อยดูเหมือน ชวี้จื้อคิดในสิ่งที่เขาคิดได้แล้วชวี้จื้อกล่าวต่อ “ข้าคิดว่า พวกเราสามารถแบ่งทหารชั้นยอดออกหลายพันคน ทำท่าทางจะเหมือนจะข้ามทะเลทรายเหลืองไปยังราชสำนักของพวกเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ กองทัพศัตรูก็จะแบ่งทหารขัดขวางพวกเรา! หากทัพศัตรูตามมาไม่ทัน พวกเราก็สามารถบุกราชสำนักได้โดยตรง!”ขอแค่ทัพศัตรูแบ่งทหาร กำลังการปะทะก็จะน้อยลงเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาโจมตีอย่างรุนแรง ความเสียหายก็จะน้อยลงเมื่อได้ฟังคำของชวี้จื้อ ทุกคนพากันพยักหน้าแผนการนี้ของชวี้จื้อ ไม่เลวเลยหยุนเจิงพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วกล่าว “ข้าก็คิดเช่นนี้ แต่ข้ายังกังวล”“หืม?”ชวี้จื้อกล่าวอย่างไม่เข้าใจ “องค์ชายกังวลสิ่งใด?”“ข้ากังวลทัพศัตรูจะมีแผนสำรอง”หยุนเจิงขมวด
กองทัพกลางเป่ยหวนเจียเหยานอนไม่หลับอีกคืนตั้งแต่เสด็จพ่อนางตาย นางไม่รู้ว่าตัวนางนอนไม่หลับมาแล้วกี่คืนไม่ใช่นางไม่อยากนอน แต่นอนไม่หลับจริงๆความกดดันนับพันชั่งกดทับร่างกายนาง ความกดดันของนางมีมากกว่าคนอื่นนักแม้เมื่อวานจะดูแผนการของทัพศัตรูออก แต่นางกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อยปู้ตูไม่ได้มาถึงในเวลาตามสัญญา!เมื่อวานนางดูเจตนาของทัพศัตรูออกแล้ว ทัพศัตรูก็อาจมองเจตนาของนางออกเช่นกัน!วันนี้ เป็นไปได้มากว่าทัพศัตรูจะเคลื่อนตัวจู่โจมขนาดใหญ่!เมื่อทัพศัตรูตีมา คาดว่าต้องยกทหารสองหมื่นคนให้เป็นของรางวัลให้ทัพศัตรูแล้ว!ตอนนี้นางมีเพียงต้องถ่วงเวลา พยายามยื้อเวลาไว้ ให้สองกองกำลังของเหมิงกู่และเจินเกอมารวมตัวกับพวกเขานางส่งคนไปเร่งกองทัพให้มารวมตัวกับพวกเขาแล้วหากมีคนและม้าสองหมื่นรวมเข้ามา ขวัญทหารภายในกองทัพก็จะเพิ่มขึ้นตอนนี้ ต่อให้ขวัญทหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก็ล้วนเป็นประโยชน์กับพวกเขาหากขวัญทหารสูงขึ้น บวกกับสองกำลังของเหมิงกู่และเจินเกอสู้กับทัพศัตรู พวกเขาอาจเอาชนะทัพศัตรูได้!“องค์หญิง สายสืบรายงาน ทัพศัตรูเปิดฉากโจมตีขนาดใหญ่!”เวลานี้เอง กู่เก๋อวิ่งเข้ามารายงานด้
บรรยากาศใกล้ทำสงครามใหญ่แผ่ซ่านออกมาหากเป็นเมื่อก่อน บรรยากาศเช่นนี้ล้วนทำให้คนตื่นเต้นดีใจแต่ตอนนี้ เจียเหยารับรู้เพียงความหดหู่อย่างยิ่งบรรยากาศหดหู่เช่นนี้ทำให้เจียเหยาอยากจะกรีดร้องออกมา แต่สุดท้ายนางก็ข่มเอาไว้ ต้องทำท่าทีดูสงบนิ่งเจียเหยาขี่ม้าศึกของตัวเอง ห้ามไม่ให้โม่ยื่อเกินพาคนติดตามมา นางควบม้าออกจากค่ายไปอย่างรวดเร็วมาถึงบริเวณนอกค่ายที่ไร้ผู้คน ในที่สุดเจียเหยาก็ถอนหายใจขุ่นเคืองออกมาบรรยากาศภายในค่ายหดหู่เกินไปแล้ว!ใบหน้าของทหารเป่ยหวนล้วนไม่เห็นรอยยิ้มใดราวกับว่า ทุกคนกำลังเห็นความตายมาเยือนไม่มีใครไม่กลัวตายต่อให้ชายชาตรีเป่ยหวนเลือดร้อนเพียงใด สุดท้ายร่างกายก็ยังมีเลือดเนื้อรบแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง จิตวิญญาณของพวกเขาถูกตีจนไม่เหลือแล้ว!บรรยากาศเช่นนี้ อาจเป็นเรื่องดี แล้วก็อาจเป็นเรื่องร้ายหากทุกคนต่างเตรียมใจต้องตายไปสู้ศึกครั้งนี้ ต่อให้พวกเขาแพ้พ่าย ทัพศัตรูก็ต้องลำบากเช่นกัน!แต่หากถูกบรรยากาศเช่นนี้สะท้อนกลับ ขวัญกองทัพของพวกเขาก็อาจพังทลายได้ง่ายเมื่อศัตรูโจมตีจากด้านหน้า พวกเขาก็ถูกตีแตกพ่าย!ตอนนี้ นางจำเป็นต้องสงบลง เปลี่ยนข้อเสียใ
เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ปู้ตูนำกองหนุนสองหมื่นคนมาถึงแล้วเวลานี้ ภายในค่ายได้เตรียมเนื้อไว้แล้วเมื่อเห็นเนื้อ คนของสองกองกำลังเหมิงกู่และเจินเกอราวกับหมาป่าหิวโหยเจียเหยาไม่ได้กล่าวสิ่งใด ให้พวกเขาแยกย้ายกันกินข้าวตอนนี้ กองทัพศัตรูกดดันเข้ามา ได้ข้าวดีๆ สักมื้อ ก็เป็นการกระตุ้นขวัญทหารมีขวัญทหาร จึงสามารถทำสงครามกับทัพศัตรูได้อย่างวางใจขณะที่ทหารทั้งหมดกำลังร่วมงานเลี้ยง เจียเหยาเรียกปู้ตูเข้ามาในกระโจม ถามสถานการณ์ของเหมิงกู่และเจินเกอสองกองกำลัง ปู้ตูหัวเราะ “สมองของคนเหล่านี้ง่ายดาย แขนขาที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี! ขอแค่มีเนื้อให้กิน พวกเขาสามารถขายชีวิตได้!”หลังจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดตั๊กแตนที่แพร่ระบาดในปีที่แล้ว เหมิงกู่ เจินเกอล้วนใช้ชีวิตไม่สบายนักเหมิงกู่และเจินเกอมีคนหิวตายแล้วเมื่อได้ฟังว่าหากพวกเขามาต่อสู้ก็สามารถได้กินเนื้อ แต่ละคนส่งเสียงร้องตะโกนคนผมหงอกเต็มหัวก็ยังคิดจะติดตามมาด้วย!หากไม่ใช่ปู้ตูไล่คนชราอ่อนแอเหล่านั้นออกไป พวกเขาพาคนม้าได้ถึงห้าหกหมื่นคนล้วนไม่ใช่ปัญหา!“เช่นนั้นก็ดี!”เจียเหยาถอนหายใจ จากนั้นก็สั่งปู้ตู “อีกเดี๋ยวส่งคนนำม
ตอนนี้ กำลังทหารทัพศัตรูด้านหน้าเกรงว่ามีเพียงครึ่งเดียวของพวกเขานอกจากด้านจำนวนคนแล้ว คุณสมบัติทุกด้านล้วนสู้ทัพศัตรูไม่ได้ แต่ปู้ตูก็ยังเห็นความหวังนี่คือความหวังที่จะชนะของพวกเขาหากชนะสงคราม ก็สามารถกระตุ้นขวัญทหารได้หากสามารถทำลายชื่อเสียงหยุนเจิงผู้ไม่แพ้สงครามได้ นักรบเป่ยหวนก็จะได้รับความมั่นใจอีกครั้ง“จริงด้วย องค์หญิง! ถึงเช่นไรพวกเราก็มีคนจับตา ไม่ต้องกลัวพวกเขาเล่นลูกไม้”“องค์หญิง ตอนนี้กังวลมากไป เกรงว่าจะกระทบกับการตัดสินใจของท่าน”กู่เก๋อและโม่ยื่อเกินปลอบใจเจียเหยาเช่นกันพวกเขาต่างก็รู้ ตอนนี้เจียเหยามีแรงกดดันมหาศาลพวกเขากลัวเจียเหยาคิดมากเกินไป สุดท้ายจะทำให้สมองของนางเลอะเลือนเมื่อได้ยินคำเกลี่ยกล่อมของทุกคน เจียเหยาสะบัดศีรษะอย่างแรง บังคับให้ตัวเองสงบลงบางที อาจเป็นเพราะนางคิดมากเกินไปแล้วกระมัง!หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ เจียเหยาสั่งกู่เก๋อ “เจ้ารีบนำกำลังทหารม้าห้าพันคนไปช่วยเหลือราชสำนัก หากทัพศัตรูโจมตีราชสำนัก ไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะกับศัตรู เพียงแค่ถ่วงเวลาทัพศัตรูก็พอแล้ว!”“ขอรับ!”กู่เก๋อรับคำสั่งแล้วออกไปเจียเหยาโยนความคิดสับสนในสมองทิ้
“รายงาน! รายงานด่วน! มีตั๊กแตนระบาดหนักในเป่ยหวน เป่ยหวนได้รวบรวมกำลังทหารม้าเหล็กจำนวนสองแสนนายที่ชายแดน ราชครูแห่งเป่ยหวนได้นำทัพด้วยตนเองมุ่งมาทางเมืองหลวงเพื่อขอเสบียง อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงเมืองหลวงแล้วขอรับ!”“มาขอเสบียงต้องใช้กำลังพลทหารม้าเหล็กสองแสนนายเลยรึ เป่ยหวนสมควรตาย นี่มันกำลังข่มขู่ข้าชัดๆ!”“ฝ่าบาท ราชวงศ์ของเราเพิ่งประสบกับคดีที่องค์รัชทายาทกบฏ ภายในไม่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง เวลานี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเปิดศึกกับเป่ยหวนได้นะพ่ะย่ะค่ะ”“มีราชโองการ: ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ขุนนางในราชสำนักเร่งมาที่พระราชวังเพื่อประชุมด่วน หากผู้ใดล่าช้า มีโทษประหาร!”...ณ ที่พำนักขององค์ชายหก เรือนปี้ปัว ราชวงศ์ต้าเฉียน หยุนเจิ้งนั่งอยู่คนเดียวที่ศาลาในสวนแม้ว่าเขาจะยอมรับความจริงเรื่องทะลุมิติเวลามาได้แล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกหดหู่อยู่เล็กน้อยเหตุใดจึงทะลุมิติเวลามาอยู่ในร่างขององค์ชายที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เล่า!ที่สำคัญคือ คนผู้นี้ยังบังเอิญได้รับจดหมายเลือดที่องค์รัชทายาททิ้งไว้เพื่อเปิดโปงเรื่ององค์ชายสามกล่าวหาว่าองค์รัชทายาทก่อกบฏ หลังจากนั้นก็ทำให้เขาถูกองค์ชายสามจับตามองอยู