“รังแกอะไรกัน ไม่มี”หยุนเจิงปฏิเสธโดยไม่คิด แล้วจ้องไปที่เยี่ยจื่ออย่างหมดคำพูดพี่สาวมาของจริงหรือนี่!“พวกเจ้าคุยกันเถอะ ข้าไปทำงานต่อล่ะ”เยี่ยจื่อยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหายตัวไปในพริบตาใบหน้าของหยุนเจิงกระตุกเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายรอให้ออกจากเมืองจักรพรรดิก่อนเถอะ ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!“ท่านยังกล้าบอกว่าไม่อีกรึ?”เสิ่นลั่วเยี่ยนแค่นเสียงหึ “พี่สะใภ้จะปดข้าหรือ?”“พี่สะใภ้ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ” หยุนเจิงแก้ตัว “ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้เสียหน่อยว่าช่วงนี้ข้าถูกทรมานจนใกล้ตายแล้ว! ข้าจะมีกะจิตกะใจรังแกพี่สะใภ้ได้อย่างไรกัน!”“ยังจะแก้ตัวอีก?”เสิ่นลั่วเยี่ยนทำตาดุพร้อมกวาดมองไปที่หยุนเจิงอย่างเหี้ยมโหดหยุนเจิงหมดคำพูด เอ่ยหัวเราะฮ่าๆ อย่างขมขื่นว่า “พี่สะใภ้พูดอะไรกับเจ้ากัน? เจ้าบอกว่าข้ารังแกนาง อย่างน้อยก็ต้องมีเหตุผลหน่อยกระมัง?”มารดามันเถอะ!สู้แม่นางนี่ไม่ไหวจริงๆ!องค์รักษ์ทั้งจวนของตนก็ยังสู้นางไม่ได้!หวังว่าตนเองก็สามารถพบเจอกับยอดฝีมือ ช่วยบูรณาการทุกอย่างให้ตนกลายเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานภายในค่ำคืนเดียวได้จริงๆหากสู้นางได้ล่ะก็ จะตีบั้นท้ายของ
หยุนเจิงเอ่ยยิ้มแย้ม “ต่อไปเราก็จะร่วมเรียงเคียงหมอนกันแล้ว หากเรื่องนี้เจ้ายัง…”“ใครจะร่วมเรียงเคียงหมอนกับท่านกัน?”เสิ่นลั่วเยี่ยนขวยเขินกำลังจะสะบัดมือหยุนเจิงออกโดยสัญชาตญาณ ทว่าหยุนเจิงกลับจับเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยอย่างหน้าไม่อาย“อย่าขัด เจ้ายิ่งขัดข้ายิ่งชอบ”หยุนเจิงเห่าหอนอยู่ในใจ ทว่ากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา “เจ้าต้องปรับนิสัยจริงๆ แล้วนะ เจ้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้าข้าน่ะไม่เป็นไร แต่หากเจ้าไปพูดต่อหน้าเสด็จพ่อคิดว่าเสด็จพ่อจะคิดอย่างไร?”“อย่าเอาฝ่าบาทมากดขี่ข้านักเลย!”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่พอใจ ทว่าแรงขัดขืนก็น้อยลงด้วยหยุนเจิงส่ายศีรษะอย่างจริงจัง “ไม่ได้เอาเสด็จพ่อมากดขี่เจ้า เพียงแต่ไม่หวังให้เจ้าทำตัวไม่รู้จักแบ่งแยก ทำให้เสด็จพ่อไม่พอพระทัย”เสิ่นลั่วเยี่ยนเบะปากแค่นเสียงเย็นชา “ฝ่าบาทอยู่ ข้าจะพูดเรื่องพวกนี้หรือไง?”โอ๊ะ แม่นางนี่ไม่โง่นี่!หยุนเจิงแอบยิ้มในใจแล้วกล่าวว่า “หากเสด็จพ่อกำชับเจ้าให้สืบสานสายตระกูลให้กับข้า เจ้าคงไม่ตอบว่า ‘ใครจะสืบสานสายตระกูลให้เขากัน?’ หรอกกระมัง”เสิ่นลั่วเยี่ยนอ้าปากเล็กน้อยพูดไม่ออกในบัดดลอย่าว่านะจักรพรรดิเหวินอาจจะกำชับ
ยามเช้า หยุนเจิงไปที่จวนเสิ่นตั้งแต่เช้าจวนเสิ่นในบัดนี้ก็ตกแต่งไปด้วยกลิ่นอายมงคลเช่นเดียวกันแล้วภายใต้การนำทางของคนรับใช้ในตระกูลเสิ่น ทำให้หยุนเจิงมาถึงสนามฝึกซ้อมวรยุทธ์ของตระกูลเสิ่นขณะนี้เสิ่นลั่วเยี่ยนกำลังถือหอกลายเมฆฝึกซ้อมคนจวนเสิ่นสิบกว่าคนที่ถูกคัดเลือกมาอยู่พวกเขาไม่ได้ใส่เกราะ เพียงแค่มัดกระสอบไว้ที่แขนกับเท้าเท่านั้นเมื่อเห็นหยุนเจิงเดินเข้ามา ฝูงชนพลันหยุดฝึกซ้อมแล้วคำนับให้กับหยุนเจิงหยุนเจิงยังไม่ทันเอ่ยปากพูด จู่ๆ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็ตะโกนเสียงดุอย่างอ่อนโยนว่า “ฝึกต่อไป! พวกเจ้าฟังข้าให้ดี! ไม่มีคำสั่งจากแม่ทัพ พลทหารห้ามถอดเกราะ! หากมีครั้งต่อไปอีก ข้าจะลงโทษด้วยกฎของกองทหาร!”โอ้โห่!แม่นางคนนี้มีความเป็นหัวหน้าแม่ทัพอยู่นะเนี่ย!ใบหน้าของหยุนเจิงมีรอยยิ้มวาบผ่าน จากนั้นหันไปพูดต่อฝูงชนว่า “ฟังคุณหนูของพวกเจ้า”เมื่อมีคำสั่งจากหยุนเจิง ฝูงชนจึงรีบฝึกซ้อมต่อหยุนเจิงเองก็ไม่รบกวนพวกเขา เพียงแค่นั่งมองพวกเขาฝึกซ้อมอยู่ข้างๆ ตามลำพังการฝึกซ้อมของเสิ่นลั่วเยี่ยนนั้นง่ายมาก เพียงแค่ให้คนสิบกว่าคนนี้ตั้งค่ายคุ้มกันเสาไม้ต้นหนึ่ง โดยมีนางโจมตีเสาไม้ต้นนั้
บุรุษผู้นี้หากได้ครอบครองอำนาจกองทหารของซั่วเป่ยจะต้องยิ่งใหญ่ทะยานสู่ฟ้าแน่นอน!ฮ่าๆ!จักรพรรดิเหวินเอ๋ยจักรพรรดิเหวิน!พระองค์ทรงรังแกให้ตระกูลเสิ่นโดดเดี่ยวทั้งตระกูล ทว่ากลับไม่คิดว่าจะมอบคนยอดเยี่ยมคนหนึ่งมาให้ตระกูลเสิ่น!คนทำนายไม่สู้สวรรค์ทำนายจริงๆ!ดูท่าแล้วตนสามารถเตรียมตัวทำเรื่องออกจากเมืองจักรพรรดิได้อย่างวางใจแล้ว!ฮูหยินเสิ่นมีความสุขอยู่ในใจ จากนั้นจู่ๆ ก็ขัดคำพูดของหยุนเจิง “องค์ชายหก ท่านคิดว่าจื่อเออร์เป็นอย่างไร?”หืม?เปลือกตาของหยุนเจิงกระตุกเล็กน้อยเกิดอะไรขึ้น?เหตุใดจู่ๆ นางถึงได้ถามเช่นนี้?หรือว่านางดูออกว่าตนมีความสนใจต่อเยี่ยจื่อ?นางกำลังลองเชิงตนอยู่?ไม่หรอกน่า!นางไม่อยู่ในจวนของตนเสียหน่อยจะอ่านความรู้สึกของตนออกได้อย่างไร?หยุนเจิงเงียบขรึมพลางเอ่ยยิ้มแย้มว่า “พี่สะใภ้เป็นคนดี ฉลาดปราดเปรื่อง ทำงานเรียบร้อย! เรื่องต่างๆ ภายในจวนของข้าล้วนแต่มีพี่สะใภ้คอยดูแล ข้าวางใจมาก!”“ดูท่าแล้วองค์ชายจะประทับใจจื่อเออร์มากนะ!”ฮูหยินเสิ่นยิ้มๆ แล้วจ้องหยุนเจิงด้วยแววตาทรงพลัง “องค์ชายจะยอมรับจื่อเออร์ให้เป็นพระชายารองหรือไม่?”โครม!เสียงฟ้าผ
จวนเสิ่นกว้างใหญ่มาก ไม่เล็กไปกว่าจวนองค์ชายหกของหยุนเจิงเลยขณะที่เสิ่นลั่วเยี่ยนพาหยุนเจิงไปคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในจวนอยู่นั้น นางพลันเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นว่า “ท่านแม่ข้าพูดอะไรกับท่านรึ? แถมยังให้ท่านไปคิดดูดีๆ อีก?”พูดอะไรน่ะหรือ?พูดว่าให้ข้ารับพี่สะใภ้รองของเจ้าน่ะสิ!หยุนเจิงแอบยิ้มในใจทว่าคำพูดนี้ เขาไม่มีทางพูดออกมาอยู่แล้วมิเช่นนั้น เสิ่นลั่วเยี่ยนต้องทุบตนเป็นแน่!“นางให้ข้าไปทูลขอเสด็จพ่อไม่ให้ข้าไปซั่วเป่ย…”หยุนเจิงแต่งเรื่องเองเสิ่นลั่วเยี่ยนเองก็ไม่แปลกใจพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ท่านผลักฝ่าบาทและตัวท่านไปถึงจุดที่อันตรายที่สุดแล้ว ท่านไปทูลขอฝ่าบาทตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร?”“ดังนั้นข้าจึงไม่มีหนทางไงเล่า!”หยุนเจิงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง“ตอนนี้รู้แล้วหรือว่าไม่มีหนทาง? ไปทำอะไรมาอยู่ตั้งนานล่ะ?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนก็โมโหขึ้นมาเคยเห็นคนวอนหาที่ตาย แต่ไม่เคยเห็นคนวอนหาที่ตายขนาดนี้มาก่อน!“ก็ตอนนั้นข้าเมาสุรานี่?”หยุนเจิงยิ้มๆ “ไปกันเถอะ เราไปเดินเล่นในเมืองกัน ดูซิว่าเจ้ามีอะไรต้องซื้อหรือไม่”“ไม่ไป!”เสิ่นลั่วเยี่ยนยังคงแน่วแ
ม้าตัวนั้นคือม้าของเขา!ตอนที่ม้านั่นถูกหยุนเจิงสลับไป เขาเจ็บปวดอยู่นานวันนี้ในเมื่อพบเจอกันแล้ว อย่างไรก็ต้องสลับคืนมาให้ได้!เมื่อได้ยินคำพูดของหยวนกุยแล้ว หยุนเจิงไม่ชอบใจในทันใดไอ้คนนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยจริงๆ!ตนยังไม่ทันมีความคิดจะเอาเปรียบเขา เขากลับคิดจะสลับม้าคืนไปนั้นรึ?เนื้อที่ตนกลืนลงท้องแล้วยังจะคืนเขาอีกหรือ?คิดอะไรอยู่!“ในเมื่อสลับไปแล้วย่อมต้องสลับคืนมาอยู่แล้ว”หยุนเจิงพยักหน้าอย่างจริงจัง“ขอบพระทัยองค์ชาย!”หยวนกุยดีใจสุดขีดสำหรับเขาการที่สามารถสลับม้าตัวนี้กลับมาได้นั้นถือเป็นการปลอบโยนอย่างหนึ่ง“นี่เป็นสิ่งที่ควร”หยุนเจิงท่าทางอ่อนโยน แล้วกล่าวต่อเสิ่นลั่วเยี่ยนว่า “เจ้าไปดูว่ามีของที่ชอบหรือไม่ ข้าไปสลับม้ากับหยวนกุยครู่หนึ่ง”เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่อยากยุ่งเรื่องเละเทะระหว่างพวกเขาอยู่แล้วจึงแยกตัวไปเลือกเครื่องหยกหลังจากแยกตัวเสิ่นลั่วเยี่ยนออกไปได้ หยุนเจิงพลันพาหยวนกุยออกจากร้านขายหยกขณะที่หยุนเจิงกำลังจะเริ่มเอาเปรียบหยวนกุย จู่ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยถามในบัดดล “ที่จวนเสิ่นเมื่อคราวก่อน ข้าได้ยินว่าเจ้ามีความสัมพันธ์เป็นญาติกับพ
สถานการณ์ข้างนอกทำให้เสิ่นลั่วเยี่ยนสะท้านใจเสิ่นลั่วเยี่ยนวิ่งออกไปถึงก็พบว่าหยวนกุยกำลังคุกเข่าขอร้องอยู่บนพื้น“เกิดอะไรขึ้น?”เสิ่นลั่วเยี่ยนเดินเข้าไปถามอย่างสงสัย“จะอะไรได้อีก?”หยุนเจิงมองหยวนกุยด้วยสีหน้าสุขุม “เดิมข้ายังคิดจะสลับม้าของเขากลับไป แต่เขากลับกล้าพูดว่ามีใจต่อพระชายาของข้าต่อหน้าข้า!”อะไรนะ?สีหน้าของเสิ่นลั่วเยี่ยนเปลี่ยนไปเกือบจะเตะเท้าออกไปแล้วไอ้ระยำ!บ้าไปแล้วหรือไงกัน!ตนไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาอยู่แล้ว!แต่เขายังกล้าพูดว่ามีใจกับตนต่อหน้าหยุนเจิงอีก?ถึงแม้หยุนเจิงจะไร้ประโยชน์อย่างไร เขาก็เป็นถึงองค์ชายเชียวนะ!มีความคิดต่อพระชายาองค์ชาย เขามีศีรษะกี่อันกัน!หากเรื่องนี้ถูกเผยออกไป ไม่แน่คนอื่นคงจะคิดว่าตนมีความสัมพันธ์อะไรกับเขาจริงๆ แน่!เขาไม่รู้จักความตาย ก็อย่าทำให้ตระกูลเสิ่นพลอยลำบากไปด้วย!“ข้า…ข้าเพียงแค่พูดผิดเท่านั้น ขอองค์ชายทรงเมตตาด้วย!”หยวนกุยร้องขออีกครั้ง แล้วส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังเสิ่นลั่วเยี่ยนเสิ่นลั่วเยี่ยนจ้องหยวนกุยตาเขม็งอย่างไม่พอใจ แล้วหันไปขอโอกาสกับหยุนเจิงให้กับเขา “คนคนนี้ไร้สมอง ชอบพูดจาเหลวไหล
“ยืนยันความบริสุทธิ์ จะยืนยันความบริสุทธิ์อย่างไร?”หยวนฉงตะคอกเสียงดุอย่างเกรี้ยวโกรธ “เพราะเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทยังทุบตีเหล่าองค์ชายคนอื่นๆ ต่อหน้าทุกคนด้วย! แต่เหล่าองค์ชายต่างก็ไม่ยอมรับว่าเป็นฝีมือของพวกเขา ฝ่าบาททรงส่งคนให้ไปสืบเรื่องนี้มานานก็ไม่อาจหาคนที่อยู่เบื้องหลังได้จริงๆ บัดนี้มีเขาโผล่หัวมาเช่นนี้ก็เท่ากับเป็นตัวตายตัวแทนแล้ว!”หยวนกุยจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าทันทีที่เรื่องนี้ใหญ่โตขึ้น แม้แต่เหล่าองค์ชายคนอื่นๆ ก็ต้องตกบ่อถ่วงน้ำด้วยเช่นกัน!เพื่อขจัดความสงสัยในตนเอง พวกเขาจะต้องโยนความผิดทุกอย่างให้กับหยวนกุยไม่ว่าด้วยวิธีใด!เมื่อหยวนฉงพูดเช่นนี้ ฮูหยินหยวนพลันตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์พลางเอ่ยสะอึกสะอื้นว่า “แล้วควรทำอย่างไรดี? นายท่าน ท่านต้องคิดหาวิธีช่วยกุยเออร์นะ! ฮือๆ…”“ร้องไห้รู้จักร้องไห้เป็นอย่างเดียว!”หยวนฉงตะคอกด้วยความโกรธ แล้วเตะเรือนร่างของหยวนกุยแรงๆ “รีบลุกขึ้นไปหาองค์ชายสามกับข้า ให้ท่านคิดหาวิธีช่วยไอ้ระยำอย่างเจ้า!”เมื่อเข้าใจความคดเคี้ยวของเรื่องนี้ หยวนกุยยิ่งตกใจจนสติหลุดรีบลุกขึ้นในทันใด เพียงแค่จัดระเบียบอาภรณ์ของตนง่ายๆ แล้วเดินทางไปจวน