“ข้านึกเอาไว้แล้วเชียวว่ามันต้องไม่ธรรมดา รีบส่งคนของเราไปสืบข่าวที่สกุลหลางอย่าให้เสนาบดีหลางรู้ตัว”“ตอนนี้ข่าวในเมืองหลวงเริ่มถูกปล่อยออกไปว่าคุณหนูรองไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เพราะนางหวังแก้แค้นน้องสาวที่อาจมีส่วนร่วมกับการวางเพลิงครั้งก่อน ดูเหมือนว่าจะมีคนพยายามทำให้เรื่องนี้เป็นคดีพี่น้องฆ่ากันเองพ่ะย่ะค่ะ”“ฉลาดมาก ปล่อยให้สตรีทะเลาะกันเอง ตัวเองอยู่ในเงามืดคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ทั้งปัดความผิดให้พ้นตัวและยังสามารถยับยั้งมิให้หลางเย่หลินเข้าวังไปอภิเษกได้ เขารู้แล้วว่าเย่หลินมิใช่หมากที่ดีและเตรียมจะกำจัดนาง”“เช่นนั้นเราต้องเพิ่มการอารักขาคุณหนูรองอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง แม้ว่าเขาจะเป็นหมาป่าที่กระหายเลือดแต่ก็ไม่กล้าเข้าถ้ำเสือแน่ แต่หากจะล่อลูกเสือออกไปก็ไม่แน่ สั่งคนของเราเอาไว้ หากว่าข้ายังไม่กลับเข้าไปห้ามให้หลางเย่หลินออกจากจวนโดยเด็ดขาด”“พ่ะย่ะค่ะ”รถม้ามุ่งตรงไปยังวังหลวงแต่จ้าวซางหยวนออกมาจากรถก่อนแล้วพร้อมกับชุดองครักษ์และสวมหน้ากากกลับเข้าไปแล้ว เขามุ่งหน้าไปยังจวนสกุลหลางเพื่อลอบสืบข่าวด้วยตัวเอง แต่เมื่อไปถึงกลับไม่พบเสนาบดีหลางและคนอื่
ฟ้าเริ่มมืดแล้วเมื่อพวกเขาเข้าไปในจวน องครักษ์ก็สั่งปิดประตูห้ามคนเข้าออก แม้แต่ชาวบ้านที่มามุงดูก็เริ่มถอยกลับออกไปเพราะฝนเริ่มตกลงมาแล้ว พวกเขาไม่ได้นึกสนใจอีกเพราะเป็นเรื่องของสกุลใหญ่ในราชสำนักที่อยู่ไกลตัวพวกเขาในจวน“ท่านบอกว่าพวกนางถูกพิษเพราะยาที่ข้าให้ ข้าขอตรวจสอบขวดยาหน่อยได้หรือไม่”“เจ้าจะเอาขวดยาไปทำไม”"ท่านพ่อ ท่านพูดเองนี่ว่าพวกนางถูกพิษเพราะยาของข้า เช่นนั้นข้าก็จะให้คนที่มอบยาให้พวกนางตรวจสอบดูเพราะก่อนจะให้พวกนางไปพวกเราตรวจสอบกันครบถ้วนและไม่มีทางให้ยาพวกนางผิด หากจะผิดก็คงจะมีผู้อื่นสับเปลี่ยนยาให้พวกนางกิน พิษถึงได้ไม่ทุเลาลงจนมันกัดลิ้นให้พวกนางพูดไม่ได้เช่นนี้“เจ้า…นี่เจ้าสงสัยข้างั้นหรือ”“ข้ายังไม่ทันได้พูดเลย ท่านส่งขวดยามาเถอะ”เสนาบดีหลางมองหลางเย่หลินตาไม่กะพริบและให้คนส่งขวดยาไปให้นางตรวจสอบดู เมื่อนางตรวจและดมขวดยาดูก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ในยาชนิดนี้ เย่หลินหันไปพยักหน้าให้หย่าหลี นางรู้ทันทีว่าเย่หลินต้องการสิ่งใด นางเดินออกจากห้องโถงไปทันที“ยานี้ไม่มีความผิดปกติ เป็นยาแก้พิษที่ข้าให้พวกนางไปจริง ๆ”“เช่นนั้นเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นผู้วางยาพวกน
แม่บ้านเก่าแก่เงยหน้ามองดูคุณหนูของตัวเอง น้ำตาที่นองหน้ามองและส่ายหน้าไปมา นางถูกมัดมือเอาไว้และพามาที่นี่ด้วยคำสั่งขององค์รัชทายาท“แม่บ้านเหยา เป็นท่านงั้นหรือ!!”แม้แต่โม่จางหยวนเองก็แทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของสกุลหลาง “เป่ากง…นี่มันเรื่องเข้าใจผิดอะไรกัน…”“คุณชาย คุณหนูรอง พวกข้าไปค้นในจวนสกุลหลางและตรวจพบขวดยาพิษในห้องของแม่บ้านเหยาที่ซ่อนเอาไว้ใต้ถุนเตียงของนางจำนวนมาก นางจึงยอม..รับสารภาพขอรับ”“ป้าเหยา เหตุใดเป็นท่าน”“คุณหนู…ฮือ….ฮูหยิน…มีบุญคุณกับข้ายิ่งนัก ฮูหยินต้องมาตายเพราะนังแพศยาจางเยี่ยน สิบกว่าปีมานี้ที่ข้ายอมใช้ชีวิตอย่างอดสูในสกุลหลางก็เพื่อวันนี้ วันที่จะมีโอกาสแก้แค้นนาง แก้แค้นแทนท่านหญิงไป๋ลั่วเจิน!!”เย่หลินถอยออกมาและถึงกับจะทรุดตัวลงเมื่อรู้ว่าผู้ที่วางยาพิษในน้ำของทั้งสองมิใช่เสนาบดีหลางอย่างที่ทุกคนกล่าวหา ดังนั้นเรื่องนี้จึงทำให้เขามั่นใจจนกล้าประจานนางสินะ โม่จางหยวนค่อย ๆ พยุงนางไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเบามือ“นั่งตรงนี้ก่อน ใจเย็น ๆ อย่าพึ่งตระหนก”“ท่าน…ท่านป้าเหยา…เหตุใดท่านจึง…..”“หึ ในเมื่อคนร้ายก็ถูกจับแล้ว พวกเจ้ารออะไรกัน รีบไปแจ้
เย่หลินดึงแขนของเสนาบดีหลางในตอนที่เขาไม่ทันได้ระวังตัว นางหมุนตัวออกมาจากวงดาบที่เขารัดนางเอาไว้ได้ เย่หลินใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่อกของเขาอย่างรวดเร็วและแย่งดาบในมือของหลางฮุ่ยมาได้สำเร็จเพราะยากำลังเริ่มออกฤทธิ์พอดีหลางฮุ่ยล้มลงพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อดาบในมือของเย่หลินฟันไปที่แขนขวาของเขา ความแสบร้อนตามร่างกายและบาดแผลที่ถูกฟันทำให้เขาดิ้นเร่าอยู่ที่พื้น“อ๊ากก!!! เจ้า!! นังตัวดีเจ้าหลอกข้า เจ้าให้ข้ากินยาอะไรเข้าไป!!”โม่จางหยวนรีบวิ่งมาถึงตัวนางในที่สุดและดึงตัวเย่หลินออกมาให้ห่างจากหลางฮุ่ยให้มากที่สุด เขามองไปยังเสนาบดีหลางที่เริ่มใช้มือขึ้นมาจับใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนรูปร่างเพราะพิษผงบุปผาของเย่หลิน คนอื่น ๆ ที่วิ่งมาสมทบล้วนแต่ตกใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ มีบาดแผลที่ใดหรือไม่”“ข้าไม่เป็นอะไร อย่า!! กังลี่ท่านอย่าเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด พวกเจ้าถอยออกมา!! เขาหนีไปไหนไม่ได้แล้ว พิษนี้รุนแรงจนร่างกายจะไม่สามารถขยับได้ในอีกไม่ช้า”“คุณหนูรองท่าน….ทำอะไรกับเขาหรือขอรับ”“ผงบุปผา ชนิดเดียวกับที่เคยใช้ที่ตีนเขาฉีซาง พวกท่านน่าจะเคยเห็นมาก่อนแล้ว”โม่จางหยวนจำได้แม
หลางเย่หลินหันไปมองหลางฮุ่ยเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อกองทัพลับนั้นเอาผ้าสีดำมาคลุมกายเขาและพาออกจากจวนไปทางประตูด้านข้าง แต่ในตอนนี้จางหยวนก็กระอักเลือดออกมาและหมดสติไปอีกครั้ง“เร็วเข้ารีบพาเข้าเข้าไปข้างในข้าจะรีบทำแผลให้เข้า”“ขอรับ”กังลี่พยุงโม่จางหยวนเข้าไปในห้องเพื่อให้เย่หลินทำแผลให้ แม้ว่าแผลจะไม่โดนจุดสำคัญแต่เขาถูกแทงจนลึกและน่าจะเสียเลือดมากจึงหมดสติไปในที่สุด นางค่อย ๆ ทำแผลให้เขาจนเสร็จโดยมีกังลี่ที่คอยช่วยพยุงเขาเอาไว้ระหว่างที่นางทำแผลจนเสร็จและวางเขาลงที่เตียง นางรับหน้าที่เช็ดตัวให้เขาต่อจากนั้น“ท่านรีบไปตามคนที่เหลือออกมาเถอะ ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว”“ขอรับ ฝาก…คุณชายกับท่านแล้ว”“ไม่ต้องห่วงอยู่กับข้า เขาไม่ตายหรอก”เย่หลินค่อย ๆ เช็ดเลือดที่ริมฝีปากของเขาออกและเริ่มทำแผล นางหันไปมองที่ริมฝีปากของเขาที่มีรอยแผลเหมือนกับรอยกัดนั้นชัด ๆ อย่างนึกสงสัย“เขาคงมิได้เผลอกัดปากตัวเองหรอกกระมัง”เมื่อนึกถึงตอนนี้ ฉากที่พึ่งผ่านไปเมื่อตอนบ่ายก็ย้อนกลับมาให้นางได้คิดถึงอีกครั้ง ในห้องหนังสือ นางและองค์รัชทายาทอยู่ในนั้นและเขา…คิดจะล่วงเกินนาง ดังนั้นด้วยความตกใจนางจึง….กัดไปที่ปากของ
สามวันผ่านมาแล้วที่พวกเขาระดมค้นหาทั่วเมืองหลวงและเขตเมืองใกล้เคียง องค์รัชทายาทต้องยอมรับว่าพวกนางคงจะออกจากเมืองหลวงไปไกลแล้วเพียงแต่ไม่รู้ว่าจุดหมายที่นางจะไปคือที่ใดเท่านั้นเอง “องค์รัชทายาท ข่าวจากแม่ชีอี้ซินพ่ะย่ะค่ะ”“รีบเอามาเร็วเข้า”จดหมายที่เขาให้คนรีบส่งไปยังอารามจวินซวนถูกส่งกลับมาและคำตอบก็เป็นอย่างที่เขาคิดเช่นกัน หากว่านางจะไม่ให้เขาเจอย่อมไม่มีทางกลับไปที่เขาฉีซางเป็นแน่แต่เนื้อความในจดหมายมีสิ่งที่น่าสนใจแฝงอยู่ในนั้น เขายิ้มและรีบหันไปมององครักษ์คู่กายทั้งสองคนด้วยความหวังอีกครั้ง แม้ว่าบาดแผลยังไม่หายดีเท่าใดนักแต่ขอเพียงแค่มีข่าวของนาง เขาก็พร้อมจะออกไปตามหานางด้วยตัวเอง“เหตุใดข้าจึงลืมคิดเรื่องนี้ไปได้ เหตุใดข้าถึงไม่คิดถึงเขากันนะ”“พระองค์ทรงหมายถึงผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ”“พี่ชายฝาแฝดของนาง รองแม่ทัพบูรพา หลางเจิ้งหลิงที่ประจำการอยู่เมืองฉาง เร็วเข้า!! พวกเจ้ารีบเตรียมตัวข้าจะออกเดินทางในคืนนี้เลย หากว่านับวันที่นางออกจากเมืองหลวง ในเวลานี้นางคงใกล้จะถึงที่เมืองฉางแล้ว”“แต่ว่าพระวรกายของพระองค์ยัง…”“เป่ากง เจ้าเห็นว่าข้าอ่อนแอถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”“องค์รัชทายาทพ่
“เรื่องนี้….”“ท่านแม่ทัพมาขอรับ”ไม่ทันที่หลางเจิ้งหลิงจะได้พูดสิ่งใด แม่ทัพของกองทัพบูรพาก็เดินเข้ามาสมทบกับพวกเขาในกระโจม แม่ทัพผู้นี้ผิวคล้ำแม้ว่าหน้าตาจะดูเคร่งขรึมแต่สายตาที่มองหลางเย่หลินกลับอ่อนโยนยิ่งนัก เย่หลินคำนับให้เขาอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้ามาด้านใน“หลางเย่หลินคารวะท่านแม่ทัพ ต้องขออภัยที่มาโดยมิได้แจ้งล่วงหน้าเจ้าค่ะ”“อย่าได้…มากพิธี รีบนั่งเถอะ ตามสบาย ๆ”หลางเย่หลินเห็นสายตาของท่านแม่ทัพที่มองมายังนางและพี่ชายก็เริ่มหวั่นใจ นางหันไปมองใบหน้าของพี่ชายฝาแฝดที่ยิ้มและพยักหน้าให้นาง“เหมือนเหลือเกิน…ช่างเหมือนยิ่งนัก”“พี่ใหญ่เจ้าคะ….”“หลินเอ๋อร์ นี่คือแม่ทัพฟางมู่อิ๋ง แม่ทัพบูรพาที่ยิ่งใหญ่ดูแลเขตตะวันออกของต้าเซี่ยทั้งหมด”“ท่าน….”“พวกเจ้า ใบหน้าพวกเจ้า…คนหนึ่งเหมือนกับท่านหญิงไป๋ลั่วเจิน ส่วนคุณหนูก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับท่านแม่ทัพเซี่ยยิ่งนัก แทบจะไม่ผิดเพี้ยนเลยขอรับ”หลางเย่หลินหันมามองหน้าพี่ชายที่จับแขนนางเอาไว้แน่น แม่ทัพฟางก็เป็นเช่นนี้เมื่อรู้ว่าเขาคือผู้ใดในตอนแรกที่เขาถูกคนของอารามจวินซวนส่งมาที่นี่ “ข้า…เคยเป็นรองแม่ทัพของแม่ทัพเซี่ยเจี้ยนกั๋
"กระหม่อม….ขอบพระทัยฝ่าบาทและองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้า….ไปขอบใจน้องสาวของเจ้าเถอะ ก่อนมาที่นี่ข้าสอบถามเรื่องราวของพวกเจ้ากับท่านอาจารย์อี้ซินแล้ว นางเป็นคนเล่าเรื่องบิดาของพวกเจ้าให้ข้าฟัง ดังนั้นเย่หลินที่มีความดีความชอบจึงได้รับพระราชทานราชโองการฉบับนี้เพื่อเจ้าสองพี่น้องจะได้หลุดพ้นจากสกุลหลางได้จริง ๆ เสียที”“เช่นนั้นที่พระองค์เสด็จมาที่นี่ เพียงเพื่อแจ้งเรื่องนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ”โม่จางหยวนหันมามองหน้าเซี่ยเจิ้งหลิงอีกครั้ง เขามองด้วยสายตาที่ต้องการร้องขอบางอย่างซึ่งเจิ้งหลิงเองก็ไม่เข้าใจว่าพระองค์หมายถึงสิ่งใด“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาเย่หลิน นาง…มาพบเจ้าสินะ”“หลินเอ๋อร์ น้องสาวกระหม่อมมาที่นี่ได้เกือบสี่วันแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าเพราะเหตุใดพระองค์จึงได้มาหานาง นางคงมิได้ไปทำสิ่งใดล่วงเกินพระองค์หรอกใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ใช่ แต่นาง…พาสิ่งที่สำคัญที่สุดของข้ามากับนางด้วย”“สิ่งที่สำคัญงั้นหรือ แต่ว่าตอนที่นางมาถึงที่นี่ นางแทบจะไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”องค์รัชทายาทส่ายหน้าเบา ๆ และหลับตา เขาเดินเข้าไปตบบ่าผู้ที่เป็นความหวังเดียวของเขาที่จะช่วยเขาได้ในครั้งนี้ เจิ้งหล
สิบสองปีผ่านไป / วังหลวง“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”กังลี่เที่ยวมองหาองค์ชายใหญ่ที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในสวนแต่จู่ ๆ ก็หายไปจากสายตาของเขาหลังจากที่เขาถูกฝ่าบาทเรียกไปเพื่อสั่งงานบางอย่างก่อนที่พระองค์จะเสด็จเข้าไปที่ท้องพระโรงเพื่อประชุมราชสำนัก“ข้าอยู่นี่อาจารย์กังลี่”“องค์ชายเซียวหยาง ลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาทกำลังประชุมราชสำนักเช้าอยู่ หากว่าพบพระองค์อยู่ตรงนี้จะถูกลงโทษนะพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าพึ่งถูกเสด็จแม่ไล่ออกมาจากตำหนักเพราะว่านางกำลังจะให้นมน้องของข้า มาปีนต้นไม้ก็ถูกท่านพบเข้าอีก เฮ้อ ชีวิตองค์ชายในวังนี่แสนลำบาก หรือว่าข้าควรจะขอเสด็จพ่อไปฝึกที่กองทัพบูรพาของท่านลุงเจิ้งหลิงดีเล่ากังลี่”“ลงมาก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”“เป่ากง!!”“รีบลงมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมีบางอย่างให้ทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ”“สิ่งใดงั้นหรือ หากว่าเป็นหนังสือวิชายุทธ์เช่นวันเก่าข้าไม่เอาแล้วเพราะข้าอ่านหมดแล้ว”“หน้ากากที่พระององค์สั่งให้กระหม่อมไปทำให้เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไรนะ จริงหรือเป่ากงเสร็จแล้วงั้นหรือแล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า”“จ้าวเซียวหยาง” องค์ชายใหญ่ซึ่งเป็นพระโอรสของฮ่องเต้จ้าวซางหยวนและฮองเฮาเซี
“หา!! เจ้าว่าอย่างไรนะ แล้วทำไมไม่รีบบอกเล่า แล้วเหตุใดจึงเอาไปวางไว้ที่เดียวกับยาทาแผล”“โม่จางหยวน!! นี่ท่านแน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามิได้จงใจจะฆ่าหม่อมฉัน”“เย่หลินข้าเปล่านะ ข้าก็แค่….”“ออกไปเลย แล้วไปเรียกหย่าหลีมาให้หม่อมฉัน!!”เรือนใหญ่“เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้”“ดังนั้นในตอนนี้….”องค์รัชทายาทนั่งที่โต๊ะพร้อมกับเซี่ยเจิ้งหลิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อฟังเรื่องที่พระองค์เล่าให้ฟัง เซี่ยเย่หลินไล่องค์ชายออกมาเพราะว่าเขาทำนางบาดเจ็บและหยิบขวดยามาผิดนางจึงโกรธและไล่เขาออกมาจากห้อง“ตอนนี้…”“สาวใช้ของนางกำลังทำแผลให้นางอยู่ข้างใน เจ้าช่วยข้าหน่อยสิเจิ้งหลิง”“เฮ้อ องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ไม่ได้ต่างจากพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ หากว่าหลินเอ๋อร์โกรธเข้าล่ะก็…”“แต่เจ้าเป็นพี่ชายนางนะ”“พระองค์เป็นถึงพระสวามียังถูกไล่ออกมาจากห้องเลยนะพ่ะย่ะค่ะ คิดว่านางจะ…”“เจ้าไปลองดูหน่อย ไปสิ เร็ว ๆ เข้า”“เอ่อ….องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่ามีวิธีที่ดีกว่านั้นนะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเช่นนี้พระองค์ควรจะ….”เซี่ยเจิ้งหลิงกระซิบบางอย่างกับองค์ชาย โม่จางหยวนเริ่มยิ้มออกมาและพยักหน้าอย่างรู้ทัน เขาหันมามองหน
เมืองหลวงหลังจากพิธีอภิเษกที่กองทัพบูรพาผ่านไปสิบวันองค์รัชทายาทก็ได้เสด็จกลับเมืองหลวงพร้อมกับพระชายาเซี่ยหลิงเย่ ขบวนนำเสด็จถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติเพราะในครั้งนี้กองทัพบูรพาที่ยิ่งใหญ่ของรองแม่ทัพเซี่ยเจิ้งหลิงจัดขบวนทัพเข้าเมืองหลวงด้วยตัวเอง เมื่อขบวนรถม้าขององค์รัชทายาทเข้าสู่ประตูเมืองหลวงก็ได้รับการต้อนรับอย่างคับคั่งจากชาวบ้านในเมืองหลวงที่ทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว“ตื่นเต้นเหรอเย่หลิน”“คิดไม่ถึงว่าจะได้กลับมาอีกครั้งเพคะ หม่อมฉัน…”“ถึงอย่างไรเจ้าก็หนีวังหลวงไม่พ้นแล้วล่ะพระชายา ทางที่ดีทำใจและยอมรับเสียเถอะ”“หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงประทานแซ่เซี่ยให้หม่อมฉันและพี่ใหญ่เพคะ”“นั่นเป็นสิ่งที่เสด็จพ่อทรงประทานให้แม่ทัพเซี่ยผู้เฒ่ามิใช่ข้า สิ่งที่ข้าจะมอบให้เจิ้งหลิงกับเจ้าน่ะ คือสิ่งนั้นต่างหากเล่า”องค์รัชทายาทเปิดหน้าต่างรถม้าเพื่อให้นางเห็นบางอย่างที่อยู่ตรงหน้า จวนหลังใหญ่ที่ประดับตกแต่งแล้ว ประตูจวนนั้นเขียนด้วยป้ายพระราชทาน “ความดีงามคงอยู่ตลอดกาล” “ที่นี่คือ….."จวนสกุลเซี่ย" พระองค์…"“แน่นอนว่าจะต้องมีจวนเพื่อสกุลเซี่ยที่ทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมืองสิใช่หรือไม่
เจ้าสาวหันไปมองแม่สื่อที่กระซิบบางอย่างกับนาง ไม่นานมือของนางก็โผล่ออกมาจากม่านสีแดงเพื่อเป็นการยืนยันว่านางคือเจ้าสาวที่แท้จริง เสียงโห่ร้องกึกก้องด้วยความยินดีที่องค์รัชทายาทสามารถเลือกเจ้าสาวถูกต้องได้ตั้งแต่ด่านแรกซึ่งมีน้อยคนนักที่จะทำได้ แม่สื่อดึงม่านแดงออก เจ้าสาวอีกสองคนที่เหลือคือสาวใช้ของนางทั้งสองคนนั่นเอง พวกนางเดินไปหาเป่ากงและกังลี่พร้อม ๆ กัน“ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พิธีการซ่อนเจ้าสาวผ่านพ้นไปแล้ว จากนี้จะเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินพ่ะย่ะค่ะ”ท่านแม่ทัพได้รับเกียรติให้เป็นผู้เอ่ยนำพิธีมหามงคลนี้ เมื่อพวกเจาจุดธูปแดงมงคลเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และจึงได้เดินเหยียบพรมแดงที่มีเด็ก ๆ โปรยดอกไม้สีแดงไปตลอดทางจนถึงบริเวณหน้าพิธีเพื่อทำการกราบไหว้ฟ้าดิน“คำนับที่หนึ่ง คำนับฟ้าและดิน”บ่าวสาวค่อย ๆ ทำการคำนับและค่อย ๆ ลุกขึ้นมาองค์รัชทายาทหันไปพยุงเย่หลินให้นางลุกขึ้นมา“คำนับที่สอง คำนับบุพการีและผู้ให้กำเนิด”“คำนับที่สาม บ่าวสาวคำนับซึ่งกันและกัน”เมื่อพวกเขาคำนับเสร็จแล้ว หย่าหลีจึงนำไม้หอมผูกดอกไม้มงคลมามอบให้องค์ชายเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาว“องค์รัชทายาท เปิดหน้าเจ้าสาวไ
“แต่นั่น…จะไม่เป็นการหักหน้าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หรอกหรือเพคะ”“บัลลังก์เป็นของข้า ใต้หล้านี้ข้าก็เป็นผู้ดูแล เหตุใดต้องอาศัยอำนาจของพวกขุนนางละโมบที่คอยจดจ้องส่งบุตรสาวเข้ามาในวังหลังให้วุ่นวายด้วย ขอเพียงมีเจ้าที่อยู่ร่วมเคียงเป็นหงส์คู่มังกร ข้าไม่ต้องการผู้อื่นอีก”นางหลับไปพร้อมกับคำมั่นนั้นของเขา แม้จะดีใจที่องค์ชายตรัสออกมาด้วยพระองค์เองแต่เส้นทางของนางยังไม่ได้เริ่มต้น ยังคงต้องดูอีกนานหลังจากที่พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสองวันถัดมาค่ายบูรพากลายเป็นสีแดงมงคลที่ถูกประดับไปด้วยผ้ามงคลสีแดงซึ่งเหล่าทหารและชาวบ้านในละแวกนั้นล้วนอยากจะมีส่วนร่วมในพิธีการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เพราะนาน ๆ ทีจะมีงานมงคล นั่นหมายถึงการที่จะได้ล้มวัวและสัตว์ใหญ่ที่หาในป่ามาเพื่อร่วมฉลองทั้งวันทั้งคืน“ตื่นเต้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าอยากเห็นเจ้าสาวของข้าแล้ว”“ขอทรงโปรดพระทัยเย็นพ่ะย่ะค่ะ ทางชายแดนแห่งนี้มีกฎอยู่อย่างหนึ่งคือพิธีซ่อนเจ้าสาว”“อะไรนะ เดี๋ยวก่อนเจิ้งหลิงเจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนเลยนะว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วยน่ะ”“องค์รัชทายาทโปรดอภัย หากว่ากระหม่อมแจ้งเรื่องนี้กับพระองค์ก่อน เกรงว่าพระองค์กับหลินเอ๋อร์
“ท่านว่าอย่างไรนะ แต่งงานงั้นหรือ”“ใช่ ข้าไม่อยากรอพิธีการวุ่นวายในราชสำนัก ถึงอย่างไรข้าก็ใจร้อนอยากให้เจ้าเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับข้า ตั้งแต่เจ้าหนีมาเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้ว หากครั้งนี้เสียเจ้าไปอีก ข้าคงไม่อยากมีชีวิต….”นางเอานิ้วมือปิดปากเขาเอาไว้ ก่อนหน้านี้นางโกรธเขามากจริง ๆ แต่เมื่อได้รับรู้สิ่งที่เขาพบเจอตลอดทางที่เดินทางมาหานางจากปากของสองสาวใช้ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากองครักษ์ของเขาทั้งสองคนบอกกล่าวถึงความลำบากที่เขาพบมานางก็เริ่มใจอ่อน อีกทั้งเขาตามตื๊อนางอยู่เกือบร่วมเดือนในค่ายนี้โดยไม่สนใจยศถาบรรดาศักดิ์ขององค์รัชทายาทเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้นางยอมยกโทษให้เขา“หากท่านยังพูดอีก ข้าจะไม่แต่งกับท่าน”“เย่หลิน ที่นี่มีพี่ชายของเจ้าอยู่ อย่างน้อยข้าควรให้เกียรติเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่ ข้าจึงได้ไปปรึกษาเขาเรื่องจัดงานแต่ง..ในอีกสองวันข้างหน้า”“สะ…สองวันงั้นหรือ เช่นนี้จะเตรียมตัวกันทันหรือเจ้าคะ”เขาดึงนางเข้ามากอดเอาไว้แน่นพร้อมกับก้มลงไปหอมที่หน้าผากของนางอีกที“ขอเพียงมีแค่เจ้ากับข้าในพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและส่งตัวเข้าหอ เพียงเท่านี้ก็นับว่าครบพิ
“เย่หลิน…..ยกโทษให้ข้าได้หรือไม่”เย่หลินค่อย ๆ ปลดมือเขาออกแต่ว่าเขากลับไม่ยอมปล่อย“ขออยู่แบบนี้สักครู่ เจ้าจะต่อว่าจะด่าหรือตีข้า ข้าก็ยอมทั้งนั้นแต่ขออยู่เช่นนี้สักประเดี๋ยวนะ”“เหตุใดต้องมาทนลำบากที่นี่ด้วย”“เจ้าอยู่ที่ใดข้าก็อยู่ที่นั่น ต่อให้ลำบากกว่านี้ข้าก็จะตามเจ้าไปทุกที่”“ท่านมิต้องทำหน้าที่องค์รัชทายาทงั้นหรือ”“ข้ากำลังทำอยู่นี่อย่างไร หาพระชายาให้ตัวเอง หากว่าข้าไม่มีพระชายาข้าก็คงไม่อยากเป็นรัชทายาทอีกแล้ว เย่หลินเจ้าเชื่อข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ ข้าไม่มีวันทรยศต่อเจ้าอีกข้าไม่กล้าแล้ว ครั้งนี้…ยกโทษให้ข้าเถอะนะ”“ท่านทำได้เช่นไรกัน ตอนที่ข้าเข้าวังในครั้งแรกข้าจำได้ว่าท่านยืนอยู่ด้านหลังข้า แล้วท่าน….”“คือว่า…ข้าสลับตัวกับกังลี่น่ะ เขามีรูปร่างท่าทางและน้ำเสียงใกล้เคียงกับข้าก็เลย…ให้เขาสลับตัว แล้วช่วงที่ข้าอ้างว่ากลับไปที่รถม้าเพื่อส่งหลางเสี่ยวหงกลับ ในตอนนั้นข้ากับกังลี่ก็สลับตัวกันอีกครั้งเพื่อกลับไปหาเจ้า”“เช่นนี้นี่เอง ครั้งที่พบกันที่ตำหนักบูรพา ท่านยอมเปิดหน้ากาก”“เพราะข้าต้องการบอกความจริงกับเจ้า เสียดายที่เจ้ายังลังเลสงสัยในตัวข้า วันนั้นก็เลยไม่ทันได้
“เย่หลิน เจ้า….ไม่ต้องการข้าแล้วจริง ๆ น่ะหรือ”เย่หลินไม่อยากจะใจอ่อนกับเขาอีก นางรีบเดินออกมาด้านนอกและหันไปมององครักษ์ทั้งสองที่ยืนอยู่หน้ากระโจม ตอนนี้เองที่นางพอจะรู้แล้วว่าพวกเขาคือผู้ใด“กังลี่ เป่ากง พวกท่านเองสินะ ไม่ต้องหลอกข้าแล้วข้ารู้เรื่องหมดแล้ว”องครักษ์ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะคำนับให้นาง“คุณหนูเซี่ย ข้าน้อยสองคนไม่ได้ตั้งใจแต่ว่าองค์รัชทายาทลำบากพระวรกายมากกว่าจะมาพบท่านถึงที่นี่ได้ หนทางที่มาช่างลำบากแต่ว่าพระองค์ก็ไม่ได้หยุดพัก หวังว่าท่าน….”“พวกท่านรีบเตรียมตัวพาเขากลับเมืองหลวงไปเถอะ ที่นี่มิได้สบายเฉกเช่นเมืองหลวงที่เขาจากมา เกรงว่าจะรักษาบาดแผลของเขาได้ไม่หายขาด”“แต่โรคของพระองค์คือโรคทางใจ หากจากไปก็คงรักษายากแล้ว”เย่หลินเดินออกจากกระโจมทันทีเพื่อจะไม่ต้องคุยกับพวกเขาอีก นางไม่อยากฟังเรื่องของพวกเขาแม้แต่น้อยไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คือคนโกหกสำหรับนาง เรื่องที่เขาทำที่เมืองหลวงเป็นสิ่งที่นางยังทำใจยกโทษให้เขาไม่ได้กระโจมเย่หลิน“อะไรนะเจ้าคะ ท่านบอกว่าทหารองครักษ์นั่น…คือ”“ใช่แล้ว โม่จางหยวนหรือว่าองค์รัชทายาท เขาหลอกให้ข้ารักษาเขาจนหายโดยไม่บอก เขาโกหกข้าอีกแล
นางป้อนข้าวเขาจนเสร็จและค่อย ๆ ป้อนยาให้เขา เมื่อป้อนเสร็จไม่นานทหารด้านนอกก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงผ้าห่อใหญ่ เขาเอาวางบนโต๊ะและรีบเดินออกไปทันที“นั่นคืออะไรหรือ”“ให้เจ้า”“ท่านยอมพูดแล้วหรือ”“อืม…เจ้า…ไว้ใจได้”“แล้วมันคือสิ่งใดกัน”เขาทำเพียงแค่ชี้ไปที่ถุงนั้นแล้วไม่พูดอะไรอีก เย่หลินนำถามยามาวางและรินน้ำส่งให้เขาดื่มเพื่อดับความขมของยาและเดินกลับมาดูของที่อยู่ในห่อ เมล็ดเซียงหย่าเต็มถุงทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นราวกับได้ทองสามร้อยตำลึง“นี่ท่าน….ให้คนไปเก็บมาทั้งหมดนี้เลยงั้นหรือ”“อืม”“ยอดไปเลยท่านองครักษ์ นี่มันจะช่วยทหารในค่ายนี้ ข้าจะสามารถทำยาแก้ไข้ แก้พิษของแมลงออกมาช่วยพวกเขา ขอบคุณพระคุณของพวกท่านในครั้งนี้ ข้าจะรีบนำมันไปอบก่อนท่านก็รีบพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาอีกครั้งและเปลี่ยนยากับผ้าพันแผลให้”นางเดินออกไปแล้วพร้อมกับถุงขนาดใหญ่ที่บรรจุเมล็ดเซียงหย่าเต็มถุง ทหารหน้ากระโจมเป็นคนอาสาถือไปส่งให้นางที่กระโจมพักและเดินกลับเข้ามาหาเขาทันที“กระโจมข้างท่านรองแม่ทัพ มีเพียงสาวใช้สองคนอยู่ด้วยแต่พวกนางแยกกระโจมนอนช่วงกลางคืนพ่ะย่ะค่ะ”“ดีมาก ขอบใจเจ้ามากเป่ากง เจ้า…คงไม่ได้ทำอะ