ลู่เจ๋อน่าจะมาจากบริษัทชุดสูทสามส่วนสไตล์อังกฤษเมื่ออยู่บนตัวเขาแล้วดูดีมาก แต่รูปร่างหน้าตาเขาเผยให้เห็นเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของชายที่ประสบความสำเร็จสาวๆหลายคนแอบมองเขาอยู่ลู่เจ๋อเคยชินกับรูปลักษณ์ที่น่าชื่นชมเหล่านี้ เขาเดินตรงไปหาเฉียวซุน เงยหน้าขึ้นมองโปสเตอร์หนังขนาดใหญ่ "อยากดูเรื่องนี้ไหม?"เฉียวซุนบีบตั๋วหนังในมืออย่างเงียบๆเธอยิ้มและปฏิเสธ "แค่อยากซื้อโค้ก!"ดวงตาสีเข้มของลู่เจ๋อดูอ่อนโยนเขามองเธอเงียบๆ แล้วซื้อเครื่องดื่มให้เธอเอง เมื่อจ่ายเงิน เขาพูดอย่างตามใจว่า "เมื่อก่อนเหมือนคุณไม่ชอบดื่มสิ่งนี้"เฉียวซุนยิ้มเบาๆ “คนเรามันเปลี่ยนกันได้!”ลู่เจ๋อยื่นโค้กให้เธอแล้วยิ้ม “ไปดูหนังด้วยกันไหม?”นี่เป็นครั้งแรก ที่ลู่เจ๋อชวนออกเดท หากเฉียวซุนเคยไปที่นั่นมาก่อน เขาคงหลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ และมีความสุขมากจนนอนไม่หลับเป็นเวลาสามวันสามคืนแต่ตอนนี้เธอขี้เกียจเกินกว่าจะจัดการกับมันแต่เธอก็รู้ด้วยว่า สามีของเธอกำจัดตัวยาก การปฏิเสธเขาต่อหน้าเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดเฉียวซุนไม่ได้พูดอะไรเธอยื่นถุงในมือให้เขา บอกว่าจะไปซื้อตั๋ว แต่ลู่เจ๋อไม่ได้รับให้ดี... ดังนั้นถ
ลู่เจ๋อบีบคางเธอเบา ๆเขาไม่ได้คิดอะไรกับไป๋เซียวเซียว ไม่ว่ายังไง เขาแค่อยากช่วยเธอรักษาเพียงเพราะเรื่องในอดีต แล้วค่อยส่งเธอให้กับอาจารย์เว่ย......หลังจากนั้นทั้งสองก็จะได้ไม่มีหนี้ค้างต่อกันอีกแต่เขาไม่อยากอธิบายเรื่องพวกนี้กับคุณนายลู่แต่งงานกันมา 3 ปี เขาจะไม่รู้ความคิดของเฉียวซุนได้ยังไง?ตอนนี้เธอไม่สนใจเขาแล้ว!ไม่อย่างงั้นเธอจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ได้ไปดูหนังกับเขาทำไม.......ตอนนี้เฉียวซุนเกลียดเขาถึงขนาดที่ว่าหนังก็ไม่อยากไปดูกับเขาสิ่งดี ๆ ที่เธอมีให้เขาเมื่อก่อน ถูกหมาคาบไปกินแล้ว!......เพราะว่าอารมณ์ไม่ดี ลู่เจ๋อก็เลยจู้จี้จุกจิกเมื่อกลับบ้านมาโดยปกติเขายังคงใจกว้างกับคนรับใช้แต่ขณะรับประทานอาหารเย็นวันนี้ เขากลับพูดว่าอาหารไม่อร่อย......ทำให้คนรับใช้ตกใจแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยอะไรได้เฉียวซุนรู้ดีว่าเขากำลังโกรธ เธอไม่อยากให้คนใช้ลำบากใจจึงพูดกับลู่เจ๋อว่า “ถ้าคุณไม่ชอบอาหารวันนี้ งั้นเดี๋ยวฉันไปทำให้ใหม่”ลู่เจ๋อไม่ได้ตอบกลับเขาพิงไปบนเก้าอี้ หยิบบุหรี่ขึ้นมา จากนั้นจึงพูดว่า “ก็ได้!”เฉียวซุนขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องแล้วจึงลงมาทำอาหารคนรับใช้รู้สึกเก
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ห้องแต่งตัวในห้องนอนใหญ่เฉียวซุนกำลังรีดเสื้อผ้าให้ลู่เจ๋อและเลือกเนกไทที่ดีที่สุด เธอรู้ว่าวันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นที่เฉียวซื่อกรุ๊ป เธอตั้งใจเลือกเข็มกลัดเข้าชุดเพื่อความเหมาะสมทันใดนั้นกายบางก็ถูกกอดจากด้านหลังเฉียวซุนตกใจเล็กน้อย เพราะเมื่อวานเราทั้งคู่เมินเฉยต่อกัน เธอคิดว่าเขาคงเย็นชากับเธอไปสักพักลู่เจ๋อไม่ได้พูดถึงเรื่องตั๋วหนังอีกเขากอดเอวเรียวบางของภรรยาไว้แน่น หยิบเข็มกลัดขึ้นมาไว้ในมือ ใช้น้ำเสียงอบอุ่น “เมื่อก่อนที่คุณไม่อยู่ ทำอะไรก็ไม่สะดวกเลย!”เฉียวซุนยิ้มเบา ๆ “ฉันกลับมาแล้วนี่ไง”เธอพูดจบก็ถูกลู่เจ๋อจับให้หันกลับหลังมาเขาดันเธอไปติดกับตู้กระจก ยกเธอขึ้นเบา ๆ เฉียวซุนนั่งอยู่บนขาซ้ายของเขาครึ่งหนึ่ง......ชุดคลุมอาบน้ำถูกร่นขึ้น สามีของเธอกำลังเล่นกับร่างกายเธอเช้าขนาดนี้ ลู่เจ๋อช่างหน้าไม่อายจริง ๆลู่เจ๋อไม่ได้อยากทำจริง ๆ หรอก เขาใช้ประโยชน์จากการที่ถูกเธอเมินเฉยถาม “คนกลับมาแล้ว แล้วใจล่ะ?”เฉียวซุนคิดว่าเขากินยาผิดรึเปล่าความสัมพันธ์จืดชืดแบบนี้ จะถามหารักจากไหน?แต่เธอไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ ท้ายที่สุดเธอจะแบกรับความเห
ความคิดของเสิ่นชิงอาจจะโบราณหน่อยเธอพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดเสียงเบา “เสี่ยวซุน มีลูกเถอะ! จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้”เฉียวซุนรู้ว่าเธอหวังดี กลัวว่าเธอจะถูกลู่เจ๋อเมินเฉย เฉียวซุนก็เคยหวังอยากมีลูกกับลู่เจ๋อเช่นกัน แต่ครั้งนี้ที่กลับไปหาเขา เธอไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วเฉียวซุนยิ้มเล็กน้อย “อีก 2 ปี ค่อยว่ากันนะคะ!”เสิ่นชิงถอนหายใจเบา ๆ มองดูเฉียวซุนเดินออกไปหลังจากที่เฉียวซุนออกไปจากห้องผู้ป่วยแล้ว เธอก็เดินไปซื้อยาคุมกำเนิด ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เดี๋ยวนี้เวลามีอะไรกับลู่เจ๋อ เขาเหมือนไม่ค่อยอยากใช้ถุงยาง บางครั้งฉีกซองแล้วก็ไม่อยากใช้ ไม่ยอมใช้มันกับเธอเธอไม่อยากท้องและเธอก็ต้องทานยาคุมเองหลังจากรับยาเสร็จ เมื่อออกไปเธอกลับไปเจอกลุ่มคนที่ไม่อยากเจอ......แม่ลูกตระกูลไป๋แม้ว่าภูมิหลังจะไม่ดีแต่เพราะว่าพวกเขารู้จักกับลู่เจ๋อ บุคลากรในโรงพยาบาลล้วนให้ความเคารพพวกเขา ดังนั้นไป๋เซียวเซียวและแม่ของเธอจึงทั้งทะนงตัวและหยิ่งผยองเมื่อเห็นเฉียวซุน คุณนายไป๋ก็เริ่มมีความขุ่นเคืองครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล ลู่เจ๋อหลอกลูกสาวของเธออย่างชัดเจน เธอดีอกดีใจว่าลู
ต่างคนต่างเงียบอยู่ในลิฟต์ในที่สุดลู่เจ๋อก็เป็นคนเริ่มพูดขึ้นก่อน “ทำไมคุณถึงมารับยาเอง แถมยังเป็นยาคุมที่พัฒนาโดยบริษัทลู่......”เฉียวซุนหัวเราะ “ยาคุมที่ไหนก็เหมือนกัน”เธอมองเขาแล้วถามอย่างใจเย็น “ตามมาทำไม? คุณไม่ต้องไปดูแลคนรักของคุณเหรอ? ......ไป๋เซียวเซียวดูเหมือนต้องการคุณมากเลยนี่!”ดวงตาของลู่เจ๋อจ้องมองลึกเขาจ้องมองลอบสังเกตสีหน้าของเธอเป็นเวลานานที่เขาจัดเนกไทอยู่หน้ากระจก จากนั้นก็ปรับตำแหน่งเข็มกลัด เขาสบตาเธอแล้วถามเธออย่างใจร้อน “แล้วคุณล่ะคุณนายลู่ ไม่อยากให้ผมอยู่ด้วยเหรอ?”เฉียวซุนไม่ได้หลบสายตาเขาเธอมองนัยน์ตาเขา เอ่ยตอบอย่างเย็นชา “ฉันได้ชื่อว่าเป็นคุณนายลู่ก็พอแล้วล่ะ!”......พวกเขาแยกจากกันโดยยังรู้สึกขุ่นเคืองใจขณะที่ลู่เจ๋อกำลังขึ้นลิฟต์ เขามองตนเองในกระจก อดไม่ได้ที่จะดึงเข็มกลัดและเนกไทที่ตนชอบ......แถมยังไม่ระวังจนโดนเข็มกลัดทิ่มตอนนี้ในใจของเขามันแย่กว่าเดิมอีก!เลขาฉินเห็นใบหน้าไร้ชีวิตชีวาของเขา เดาได้ว่าต้องถูกเฉียวซุนปฏิเสธมาแน่ ๆ ทำให้เธอไม่กล้าแหย่เขา!จริง ๆ แล้วไป๋เซียวเซียวก็ดูเป็นคนฉลาดมีเพียงคุณนายไป๋ที่แสร้งทำเป็นฉลาด เมื่
“นวดขมับให้หน่อยสิ”ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆเฉียวซุนวางหนังสือลง จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้โกรธอะไรเขา เธอโน้มตัวลงไปนวดให้เขา เมื่อก่อนเธอเคยตั้งใจเรียนมันมาเพราะเห็นว่าเขาทำงานหนักแต่ทันทีที่สัมผัส คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย “ลู่เจ๋อ คุณไม่สบาย!”ลู่เจ๋อลืมตาขึ้นเพราะว่าป่วย ดวงตาของเขาจึงดูไม่สดใส......จู่ ๆ เขาก็ลูบเอวเธอช้า ๆ เหมือนอยากทำเรื่องอย่างว่ากับเธอเฉียวซุนจับมือเขาเอาไว้ไม่ให้ขยับลู่เจ๋อไม่ได้ป่วยง่าย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ป่วยจะอารมณ์ไม่ค่อยดี เมื่อก่อนเฉียวซุนยอมเขาตลอด......ไม่เพียงคอยดูแลเขา แถมยังให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการด้วยลู่เจ๋อกำลังไม่สบาย อีกทั้งยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ทำให้เขาไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม ดวงตาสีดำจ้องมองเฉียวซุน “เป็นอะไร? ไม่อยากให้ผมทำเหรอ?”เฉียวซุนย้ายขึ้นมานั่งบนตักเขาเธอเอื้อมมือไปหยิบกล่องยา และวัดไข้ให้เขาทั้งแบบนั้นเขาไข้สูงถึง 39 องศา!เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับคนป่วย “เดี๋ยวฉันไปเอายาและซุปร้อนมาให้นะ......ลู่เจ๋อ ตอนนี้ร่างกายของคุณไม่พร้อมจะทำเรื่องนั้นหรอก”ลู่เจ๋อกลับไม่หยุด เขายั่วยวนเธอไปด้วย มองดูเธอไปด้วยสายตา
เฉียวซุนขัดขืนโดยเปล่าประโยชน์ถึงแม้ลู่เจ๋อจะป่วย แต่เขาก็สามารถจับตัวเธอไว้ได้อย่างง่ายดายเฉียวซุนกำลังจะหมดแรง สุดท้ายเธอก็ไม่ดิ้นต่อแล้ว ใบหน้าของเธอฝังลงบนโซฟาสีเข้มสไตล์อังกฤษ......เธอไม่ได้มองเขา แล้วก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาด้วยเลยทำให้ลู่เจ๋อโกรธมาก อดไม่ได้ที่จะทำรุนแรงกับเธอนิ้วเรียวยาวบีบคางแหลมของเธอ บังคับให้เธอหันมามองตัวเอง ปากก็เอ่ยแต่คำพูดที่ไม่น่าฟังออกมา “คุณนายลู่ มาดูกันว่าใครจะทำให้คุณรู้สึกดีกว่า!”เฉียวซุนรู้สึกละอายใจเธอกำลังจะหันกลับไปด้วยความโมโห แต่ลู่เจ๋อก็จับเธอเอาไว้แน่น ทำให้เธอไม่สามารถหลีกหนีได้ เธอได้แต่ร้องไห้จมูกแดง และจ้องมองไปยังใบหน้าของเขา......แสงสลัวตกกระทบรอบตัวลู่เจ๋อ ราวกับเป็นรัศมีที่เคลือบบาง ๆ บนตัวของเขา ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างมากแต่เขากลับไม่อ่อนโยนกับเธอเลยสักนิดใบหน้าด้านข้างและลำคอก็เต็มไปด้วยเหงื่อลู่เจ๋อรู้สึกเหนือกว่าเธอเล็กน้อย รวมถึงร่างกายและจิตใจที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ในขณะที่ความรู้สึกของเขากำลังอยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุด เขาก็โน้มตัวลง ก่อนจะกัดริมฝีปากและกระซิบข้างใบหูเธออย่างเซ็กซี่ “เฉียวซุน ยังชอบผมไหม?”ไ
ฤดูใบไม้ร่วงในเดือน 10เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ ด้านนอกคลุมด้วยเสื้อคลุมบาง ๆ สีเดียวกัน แสงแดดส่องกระทบใบหน้าเขา แรงลมเบา ๆ ในยามเช้าพัดผ่านผมที่ถูกเซตไว้อย่างดี ทำให้เขาดูหล่อเหลาเป็นพิเศษเขารู้สึกได้ว่าเฉียวซุนกำลังมองตนเองอยู่ลู่เจ๋อจึงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสบตากับเฉียวซุนทั้งคู่ต่างไม่มีใครหลบสายตา แม้กระทั่งลู่เจ๋อเองก็หรี่ตาลงเล็กน้อย เพื่อต้องการมองเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น......เขาเห็นภรรยาของตนยืนอยู่ใต้แสงสลัว ๆ แสงที่ตกกระทบลงบนตัวเธอ ทำให้เขาแอบเห็นทัศนียภาพเล็ก ๆ ในฤดูใบไม้ผลิลูกกระเดือกของลู่เจ๋อขยับขึ้นเล็กน้อย จากการสูดบุหรี่เข้าลึก ๆ ทำให้แก้มของเขาตอบลงจากการออกแรง แสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ความเป็นผู้ชายหลังจากนั้นเขาก็เหยียดยิ้มหัวเราะราวกับว่าต้องการหัวเราะเยาะ!ขณะนั้นเอง เลขาฉินก็ได้ถือกระเป๋าเดินทางออกมา เพื่อให้คนขับรถได้ยกกระเป๋าไว้ท้ายรถต่อ เฉียวซุนถึงได้รู้ว่าลู่เจ๋อกำลังจะไปทำงานที่ต่างจังหวัด......ทันใดนั้นโทรศัพท์ในห้องนอนก็ส่งเสียงดังขึ้นเฉียวซุนเดินกลับเข้าไปดูก็พบว่าเป็นสายจากเลขาฉิน เสียงของเธอทั้งเกรงใจและไม่คุ้นเคย “คุณนายลู่ ช่วยหยิบยาขอ
ใบหน้าของเมิ่งเยียนซีดลงเธอก้มศีรษะลง นิ้วเรียวเล็กสีขาวของเขาแตะท้องตัวเองเบา ๆ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในนี้จะมีเด็กแล้วจริง ๆ แต่สามีของเธอกลับถามเธอ......ถามเธอว่าใครคือพ่อของเด็กนอกจากเขาแล้ว ยังจะเป็นใครไปได้อีกกัน?ลูกของเหอโม่รึไง?ในอดีต ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เหมือนกับว่าเมิ่งเยียนจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรักเขาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของเขาที่จูบกับผู้หญิงคนอื่น เธอรู้ดี......เขาไม่ได้รักเธอเธอเองก็ไม่ได้โง่ เธอเคยแอบตรวจสอบมาบ้างแล้วเหมือนกันเลขาของพี่ชายพยายามบอกเธออย่างคลุมเครือว่าอย่ายั่วยุเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร บอกว่าเขากับพี่ชายไม่ลงรอยกัน แต่เธอไม่ใช่แค่ยั่วยุเขา เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอถึงขั้นแต่งงานกับเขาเลยด้วยซ้ำเมิ่งเยียนไม่ได้อธิบายอะไรเธองอเรือนร่างเพรียวบางของเธอ และโค้งเอวลงเล็กน้อย ราวกับพยายามปกป้องทารกตัวน้อยในครรภ์ของเธอ เธอบ่นพึมพำกับเฉียวสือเยี่ยนว่า “คุณยังต้องการเด็กคนนี้อยู่ไหม? ”เป็นคำถามที่ยากจะให้คำตอบ......หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวสือเยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จึงทำให้เมิ่งเยียนเข้าใจได้ในท
เมิ่งเยียนขดตัวอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถูกเขาทำให้ตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่วันนี้เธอกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เธอถึงขั้นกล้ามองมองตาเขา แล้วถามกลับ “คุณไม่รักฉัน! คุณมาขอฉันแต่งงานทำไม? ”อันที่จริงคำตอบนั้นง่ายมากหากต้องการแก้แค้น บางครั้งก็ควรที่จะบอกเรื่องจริงกับเธอ จากนั้นก็รอดูสีหน้าที่ตกตะลึงของเธอแต่เฉียวสือเยี่ยนกลับไม่ได้ทำแบบนั้น กลับกัน ในใจเขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่า เขาใช้แรงที่มีดูดบุหรี่ที่เหลืออยู่จนหมดในคราวเดียว จากนั้นก็ดับบุหรี่ลง......ต่อมา เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเขาไม่แม้แต่จะมองเธอด้วยซ้ำแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านพักที่เปรียบเสมือนคุกหลังนั้น หลังจากที่เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้ว เขาก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้ แล้วลากเธอเข้าไปในบ้านพัก...... เมิ่งเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เธอจึงปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่เฉียวสือเยี่ยนเป็นคนใจแข็งเขาอุ้มเธอขึ้นมา แล้วพาเธอไปที่ห้องนอนหลักบนชั้นสอง เขาโยนเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ แล้วเริ่มลงโทษเธอ เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออก ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกบฏในใจเธอเขากดศักดิ์ศรีของเธอลงจนจมดินร่างกายของเธอเ
ร้านอาหารสุดหรู แจกันฝรั่งเศสสีน้ำเงิน เชิงเทียนเงินสเตอร์ลิงเมิ่งเยียนจ้องมองดูหนังสือพิมพ์อยู่นานมากทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็มีข้อความไลน์เด้งขึ้นมา เป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเข้ามา [สวัสดีนักเรียนเมิ่ง! ผมชื่อว่าเหอโม่ ผมอยากรู้จักคุณ ได้ไหม? ] ประโยคประโยคนั้น เมิ่งเยียนจ้องมองอยู่พักใหญ่จู่ ๆ เธอก็อยากรู้ว่าการที่ได้รับความรักที่แท้จริงมันรู้สึกยังไง จากนั้นเธอก็หน้ามืดตามัวตอบออกไปว่า [ตกลง]......สามวันต่อมา คนรับใช้ในคฤหาสน์ก็โทรหาเฉียวสือเยี่ยน บอกว่าหลังจากที่คุณนายเลิกเรียน ก็มักจะขึ้นรถบัสกลับบ้านเสมอคำพูดของคนรับใช้เหมือนมีนัยบางอย่างอยู่ด้วย “คุณนายอารมณ์ดีมากเลยค่ะ”เฉียวสือเยี่ยนพูดอย่างใจเย็น “รู้แล้ว! ”หลังจากที่เขาวางสายโทรศัพท์ เขาก็โน้มตัวไปกดโฟนอินภายในทันที “เลขาจิน มานี่หน่อย”สักพัก เลขาจินคนสวยก็เดินเข้ามา “ประธานเฉียวคะ มีเรื่องอะไรจะสั่งเหรอคะ? ”เฉียวสือเยี่ยนเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาเอื้อมมือไปลูบผมสีดำที่หวีเรียบร้อย แล้วมองขึ้นไปที่แสงไฟด้านบน จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไปตรวจสอบตารางเรียนวันนี้ของคุณนายที”เลขาจินยิ้ม “ได้ค่ะ ประธานเฉียว”เธอจัดการไ
เขามองดูใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอเธอยังเด็ก และไม่มีประสบการณ์มาก่อน เธอไม่สามารถเก็บซ่อนหรือควบคุมอะไรได้......แค่ครั้งเดียวเขาก็แทบจะครอบครองทุกอย่างที่มีในตัวเธอ แต่เฉียวสือเยี่ยนกำลังอยู่ในช่วงวัยที่ต้องการเรื่องพวกนี้มากที่สุด แค่นี้มันจะไปพอได้ยังไง?อีกอย่าง เขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้วด้วย!หลังจากที่ทำกับเธอไปจนถึงตอนสุดท้าย ทุกอย่างมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด เมิ่งเยียนก็เหนื่อยหอบจนหมดสติไป......เฉียวสือเยี่ยนก้มศีรษะลง และจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนโซฟาเธอช่างน่าสังเวชจริง ๆสักพัก เขาก็เช็ดเธอด้วยเสื้อเชิ้ตของเขา จากนั้นก็อุ้มเธอไปที่เตียงในห้องนอนชั้นสอง แน่นอนว่าเขาจะไม่ช่วยเธออาบน้ำ แล้วก็ไม่มีความรักระหว่างสามีภรรยาอะไรแบบนั้นด้วยเช่นกันเขาห่มผ้าห่มให้เธอ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายหลังจากที่ได้ระบายออกไป เขาก็ไม่ได้มีความคะนึงหาอยู่เลยแม้แต่น้อยพอเมิ่งเยียนตื่นขึ้นมา เฉียวสือเยี่ยนก็แต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอก......เธอลุกขึ้นจากเตียงทันที และถามเขาอย่างระมัดระวัง “คุณจะไปอีกแล้วเหรอ? ”เฉียวสือเยี่ยนบีบแก้มเธอเบา ๆ ด้
หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็พูดขึ้นว่า “พี่คะ นี่พี่บ้าไปแล้วเหรอ!”เธอไม่เคยพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้มาก่อนเฉียวสือเยี่ยนเองก็ตกตะลึงเช่นกันในเวลานี้ เขาพักอยู่ที่คฤหาสน์สุดหรูในเมืองเซียง คฤหาสน์ทั้งหลังตกแต่งด้วยงาช้างและของตกแต่งที่ทำมาจากทองคำ แลดูฟุ่มเฟือยเป็นอย่างมาก และนี่ก็เป็นบ้านสีทองที่เฉียวสือเยี่ยนมีไว้เพื่อเก็บซ่อนของสวย ๆ งาม ๆ เอาไว้เมิ่งเยียน น้องสาวของเมิ่งเยียนหุยในตอนที่เมิ่งเยียนอายุได้ 20 ปี เธอก็ได้กลายเป็นคุณนายไปแล้ว หลังจากแต่งงาน เธอก็ถูกเฉียวสือเยี่ยนจัดแจงให้อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ ทุก ๆ วันเธอจะนั่งรถสุดหรูส่วนตัวไปเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ พอเลิกเรียน เธอก็จะละทิ้งการเข้าสังคมทั้งหมด และกลับมาที่บ้านพักแห่งนี้ หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ข้างกายเธอก็ไม่มีเพื่อนเหลืออยู่อีกเลย ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกตัดแขนขาออก และกลายเป็นภรรยาตัวน้อยของเขาเท่านั้นเขาแทบไม่อยากจะให้เธอเรียนรู้อะไรเลยเขายิ่งไม่ต้องการให้เธอทำงานบ้าน และไม่ต้องการให้เธอเรียนรู้อะไรจากคุณนายคั่วเลยด้วยซ้ำ เขาแค่อยากเป็นคนเลี้ยงดูเธอ เธอต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอให้กลายเป็นคนที่นอกจากเ
เฉียวซุนเต็มใจที่จะให้อภัย แต่เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้......ในช่วงกลางดึก ลู่เจ๋อลงมายังชั้นล่างจางหยวนยังคงอยู่ที่นั่นเธอเพิ่งทำสิ่งที่น่าละอาย และด้วยความรู้สึกผิด ทันทีที่เธอเห็นลู่เจ๋อกำลังลงมา เธอก็เริ่มพูดใส่ร้ายทันที “ประธานลู่คะ คุณเฉียวล้ำเส้นเกินไปแล้วนะคะ เรื่องในคฤหาสน์เดิมทีเธอไม่ควรเข้ามายุ่งเลยด้วยซ้ำ”“ไม่งั้นจะให้ใครจัดการ? ”เสียงของลู่เจ๋อดูเย็นชา เขามองดูหมอสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาต้องการที่จะไล่เฉียวไป แต่เขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คลุมเครือกับผู้ดูแลสาวคนนี้เลย และเขาก็ไม่เคยบอกใบ้ให้ท่าอะไรกับเธอด้วยจางหยวนตกตะลึงลู่เจ๋อบอกเธอไปตรง ๆ ว่าเขาจะใช้เส้นสายของเขาเพื่อเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของเธอ ซึ่งหมายความว่าเธอจะไม่สามารถเป็นหมอได้อีกต่อไป“นอกจากนี้...... ”ลู่เจ๋อพูดออกไปด้วยความเย็นชา “ออกจากเมือง B ภายในสองวัน! อย่าคิดที่จะหลีกเลี่ยง ผมจะให้คนไปเก็บกระเป๋าเดินทางของคุณ และส่งคุณไปยังเมืองซีเป่ย......ต่อไป พวกเขาจะคอยจับตาดูคุณเอาไว้! ”“ตอนที่คุณกินข้าว พวกเขาก็จะอยู่ข้าง ๆ”“ตอนคุณนอน หรือเข้าห้องน้ำ พวกเขาก็จะคอยดูแลคุณ”“หมอจาง
ลู่เจ๋อไม่สามารถตอบคำถามได้ในตอนนี้ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะถามหาคำตอบอยู่แล้ว พวกเขาทำได้แค่อดทนอยู่ใต้แสงไฟ รอคอยการมาถึงของเสิ่นชิง......ตกกลางดึก ก็มีเสียงรถดังขึ้นตรงลานหน้าบ้าน เสิ่นชิงมาถึงห้องนอนหลักชั้นสองอย่างรวดเร็วพอเห็นว่าเธอมาถึง เฉียวซุนก็พอที่จะหายใจได้ด้วยความโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยเสียงต่ำ “ป้าเสิ่น”“พาป้าไปดูเด็ก ๆ หน่อย”เสิ่นชิงดูสงบมาก เธออุ้มเจ้าหนูลู่เหยียนขึ้นมาแล้วตบเบา ๆ จากนั้นก็ตรวจเช็คอุณหภูมิ เธอพูดกับเจ้าหนูลู่เหยียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา......เจ้าหนูลู่เหยียนยังคงตกอยู่ในฝันร้ายหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ร้องไห้และเรียกหาคุณยาย จากนั้นก็พูดอย่างคลุมเครือว่า “ป้าจางนั่นทำให้หนูตกใจ เธอบอกว่าพ่อปฏิบัติกับแม่ไม่ดี บอกว่าพ่อส่งแม่ไปขังไว้ที่บ้านพักรักษา เธอบอกว่าพ่อไม่ต้องการแม่อีกต่อไป และกำลังจะหาภรรยาใหม่...... ”หัวใจของเสิ่นชิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายเธอเอ็นดูเจ้าหนูลู่เหยียนเอามาก ๆ เธอยิ่งเอ็นดูเฉียวซุน ใจของเธอแทบจะแตกสลาย แต่เธอยังคงเอาหน้าแนบชิดกับใบหน้าของเจ้าหนูลู่เหยียน และปลอบเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก “สิ่งเหล่านั้นก็
จริง ๆ แล้วเขาก็ใส่ใจเรื่องนี้มาโดยตลอดผู้ชายคนไหนที่ไม่มีความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอย่างลู่เจ๋อเลย......เฉียวซุนจ้องมองตามแผ่นหลังของเขา จากนั้นก็ลดเปลือกตาลง......มีบางอย่างอยู่ในใจของเธอไม่เช่นนั้น คืนนี้เธอคงสามารถจับลู่เจ๋อให้อยู่หมัดได้ เดิมทีร่างกายของเขาก็มีความต้องการอยู่แล้ว บวกกับที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ามาตั้งหลายปี ก็แค่คืนนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดีก็เท่านั้น เลยไม่ได้รู้สึกอยากทำเท่าไหร่เธอยังคงนึกถึงสิ่งที่เมิ่งเยียนหุยเคยพูด และนึกถึงเรื่องที่พี่ชายตัวเองแต่งงานกับเมิ่งเยียน พอมีเรื่องพวกนี้เพิ่มเข้ามา มันกลับยังคงถูกกดเอาไว้ส่วนลึกในใจของเธออยู่เฉียวซุนรอลู่เจ๋ออยู่ตลอดแต่เธอก็ยังไม่เห็นลู่เจ๋อ กลับกัน เป็นป้าแม่บ้านที่วิ่งลงมาแทน น้ำเสียงของป้าแม่บ้านค่อนข้างลนลาน “คุณนายคะ เกิดเรื่องกับคุณหนูเหยียนเหยียนแล้วค่ะ จู่ ๆ คุณหนูก็ละเมอขึ้นมาอย่างรุนแรง! คุณผู้ชายเชิญให้คุณไปดูหน่อยค่ะ”“เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ”เฉียวซุนพลางถาม พลางก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์เธอเดินเร็วมาก ป้าแม่บ้านเองก็เดินตามเธอมาติด ๆ แล้วพูดขึ
เฉียวซุนไม่อยากให้เขาเห็นเธอเบือนหน้ามองออกไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “เปล่าค่ะ! ”เธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “คุณช่วยบอกให้ป้าแม่บ้านอุ้มลูกลงมาที ฉันไม่ขึ้นไปแล้วล่ะค่ะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ขยับแต่อย่างใดภายใต้แสงจันทร์สลัว ดวงตาสีดำของเขาจ้องมองเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ละสายตาจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นที่ถามเธอออกไปตรง ๆ “ร้องไห้มาก่อนแล้วเหรอ? ”“เปล่า! ”เฉียวซุนทนต่อสายตาแบบนี้ของเขาไม่ได้ เธอจึงรีบลงจากรถ “ฉันจะไปเรียกเอง”ทันทีที่เธอก้าวเท้าลง ก็ถูกใครบางคนคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ลู่เจ๋อจับเธอเอาไว้ได้ เขาจ้องมองเสื้อผ้าที่สวยงามและเซ็กซี่ของเธอท่ามกลางแสงจันทร์ และตรงข้อมือของเธอยังคงหลงเหลือรอยแดงจาง ๆ อยู่ด้วย......ด้วยความดื้อรั้น เขาจึงค่อย ๆ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาร่างกายของเฉียวซุนสั่นเล็กน้อยพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจ๋อค่อย ๆ ใช้มือลูบไปบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงของเขาแทบจะคาดเดาอะไรไม่ได้เลย เขาถามขึ้นว่า “ที่ตัวสั่นขนาดนี้ เป็นเพราะเรื่องที่แอบเล่นชู้ หรือว่าเรื่องอื่นกันล่ะ? ”เธอนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจับเอว