เฉียวซุนถูกลู่เจ๋อกอดไว้เธอไม่คุ้นเคยกับการที่เขาพูดคุยกับเธออย่างใกล้ชิด เธอจึงหันหลังกลับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ใช่ ทนายเมิ่งพึ่งกลับไป!”เธออยากเก็บของต่อ แต่ลู่เจ๋อก็ตัวติดเธอ เขาโอบแขนรอบเอวอันเพรียวของเธอแล้วสัมผัสร่างกายของเธออย่างช้าๆ โดยดูเหมือนว่าจะไม่ได้ร้องขออย่างไรเพื่อให้เวลาผ่านไปเท่านั้นเฉียวซุนแต่งงานกับเขามาหลายปีแล้วรู้ดีว่าเขานิสัยแย่ขนาดไหนเธอไม่ได้ขัดขืนแล้วปล่อยให้เขาสัมผัสเธอ!หลังจากนั้นไม่นานลู่เจ๋อวางมือ “พูดอะไรบ้างล่ะ?”เสียงของเฉียวซุนเย็นชา “เรื่องหุ้นและการฟ้องร้อง”ลู่เจ๋อรอมาเป็นเวลานาน แต่เธอไม่ได้ริเริ่มพูดถึงหลีรุ่ยรวมถึงความปรารถนาของหลีรุ่ยที่มีต่อเธอเขามองเธออย่างลึกซึ้งอยู่นานลู่เจ๋อไม่ได้พูดถึงแต่กลับพูดถึงเรื่องอื่นแทน “จริงสิ! ฉันให้เลขาฉันหาคอนโด ที่ทำเลดีมาก!เหมาะมากสำหรับพ่อกับป้าเสิ่นไปอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปดู...…ว่าไง?”เขาดูใส่ใจ แต่เฉียวซุนก็ไม่หวั่นไหวเธอรู้จักลู่เจ๋อดีเขาใช้เงินแบ่งหุ้นของลู่ซื่อกรุ๊ป เขาใช้เงินสองร้อนล้านเพื่อจ้างเมิ่งเยียนมาสู้คดี เขาต้องทำให้เงินก้อนนี้คุ้มค่า... เขาต้องการให้เธอเล่นบทบาทของคู่รักกั
หลังจากที่เสิ่นชิงจากไปเฉียวซุนยืนมองอย่างเงียบๆที่ข้างหน้าต่างเธอเห็นป้าเสิ่นเดินลงมานั่งร้องไห้อยู่ริมถนน เธอไม่เคยเห็นป้าเสิ่นเป็นแบบนี้มาก่อน... ตั้งแต่ตระกูลเฉียวล้มละลาย ป้าเสิ่นก็แสดงท่าทีไม่มีความรู้สึกอะไรเลขาฉินที่อยู่ข้างหลังเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ “คุณนายลู่ คุณเสียภายหลังไหม”เฉียวซุนลดสายตาลงครู่หนึ่งเธอยิ้มเบาๆ “ฉันไม่เสียภายหลัง! ฉันจะไม่มีวันเสียใจภายหลัง”ไม่มีทางเลือกจะเสียใจได้อย่างไร?เฉียวซุนอยู่บ้านเป็นเวลานาน ตอนออกไปตอนบ่าย เธอก็ถือเพียงกล่องเล็กๆ ……พลบค่ำในตอนเย็นท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆหลากสีสันและแสงเรืองรองที่พร่างพราวอย่างยิ่งรถบ้านราคาแพงแล่นผ่านประตูแกะสลักสีดำ วนอยู่หลายครั้ง เพื่อจอดที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ลู่เจ๋อยืนอยู่ภายใต้สีฟ้าพลบค่ำ เปิดประตูรถให้เฉียวซุนเขาเรียกเธอว่าคุณนายลู่เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาแสดงถึงความสวยงามแล้วหัวเราะเบาๆ “ป้าหลี่ทำปูแช่สุรา! รสชาติไม่เลวเลยนะ เดี๋ยวฉันจะเปิดขวดไวน์แดง!"เขาเอาใจใส่มาก เฉียวซุนก็รู้ว่านี่คือช่วงข้าวใหม่ปลามันแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากันมาสามปีแล้วก็ตามไม่ว่าจะผ่านกี่วันกี่คืน
ลู่เจ๋อมองเธอจากมุมสูงดูจมูกเล็กๆของเธอที่ดูท่าทางน่าจู่โจมถ้าเขาทำได้ดี เธออดไม่ได้ที่จะเอาแขนโอบไหล่เขาแล้วหายใจเบาๆ ที่ข้างคอของเขา... มีเฉพาะตอนที่เธอลึกซึ้ง ใบหน้าเล็กๆของเธอก็เย็นชา ใบหน้าของเธอก็สดใสขึ้นเหมือนกับเฉียวซุนคนเดิมกลับมาแล้ว!ลู่เจ๋อโน้มตัวลงแล้วจูบเธอ ถึงจุดสูงสุด……ลู่เจ๋อใช้เวลาทำเรื่องอย่างว่านานพอสมควร เขาเสร็จไปสามครั้งติดต่อกัน ทำให้สบายตัวไม่น้อยทั้งสองก็เต็มไปด้วยเหงื่อพวกเขากอดกันเงียบๆด้วยความรักหลังจากนั้นไม่นาน เฉียวซุนก็ขยับตัวเล็กน้อยก็ลุกขึ้นนั่งลู่เจ๋อจับเอวของเธอแน่น เสียงของเขาก็แหบแห้ง “เป็นอะไรเหรอ?”“ฉันจะไปกินยา”เฉียวซุนใช้นิ้วสยายผมยาวถึงเอวแล้วอธิบายอย่างใจเย็น “เมื่อกี้คุณไม่ได้ใส่ถุงยาง ฉันจะไปเอายา”ลู่เจ๋อตกใจเล็กน้อยการไม่มีลูกเป็นเรื่องที่เขาตกลงกัน แต่ตอนนี้เมื่อเธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบ ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเขาลุกขึ้นนั่งแล้วพูดว่า “แค่ครั้งเดียวคงไม่ท้องหรอก”เฉียวซุนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำหลังจากรับประทานยาและน้ำแล้วกลืนลงไป เธอก็พูดเบาๆ “ความปลอดภัยจะดีกว่า! นอกจากนี้คุณบอกว่าอยากจะเล่นสักกี่
ลู่เจ๋อไม่ได้ปล่อยเธอในทันทีเขากดเธอไว้กับประตูตู้เสื้อผ้า มือใหญ่สัมผัสเข้าไปในชุดนอนของเธอ และสัมผัสเธออย่างยั่วยวน “มีอะไรสำคัญไปมากกว่าฉันเหรอ...หืม?”เล่ห์เหลี่ยมของผู้ชายแบบนี้ ทำไมเฉียวซุนจะไม่รู้ล่ะ?เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยอมรับการยั่วยวนของเขา และในบางครั้งเธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเหอะเบา ๆถ่วงเวลาให้ช้าลงระยะหนึ่งดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความชุ่มชื้น และเอ่ยว่า “ลู่เจ๋อ ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าอย่าขังฉันไว้! ฉันจะไปที่ไหนหรือทำอะไร มันคืออิสระของฉันนะ”ลู่เจ๋อไม่ได้ถามเขายอมปล่อยเธอ “ดูเหมือนว่าคุณนายลู่ของเรา ต้องการทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่ซะแล้ว!”หลังจากนั้น เขาก็ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออกต่อหน้าเธอ และเริ่มแต่งตัวร่างกายของลู่เจ๋อดูดีมากโครงร่างเขาสูงใหญ่และหุ่นดี ปกคลุมด้วยชั้นกล้ามเนื้อบางและเป็นธรรมชาติ ไม่มีไขมันส่วนเกินแต่ก็ไม่ใช่กล้ามเนื้อที่ออก แต่ไม่ใช่กล้ามเนื้อที่ได้ออกกำลังกายในยิมเขาถอดจนเหลือแค่กางเกงในสีดำตัวเดียวสิ่งที่พันไว้อยู่ตรงนั้น ทำให้เฉียวซุนเบือนหน้าหนีเล็กน้อย บนใบหน้าเธอมีสีแดงของเลือดฝาด เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้หญิงลู่เจ๋อชอบเธอแบบนี้มากเขา
ลู่เจ๋อกลับถึงคฤหาสน์ เหล่าคนใช้เห็นเขากลับมาต่างก็คาดไม่ถึงคุณนายลู่ล่ะ? ยังไม่ออกจากบ้านเหรอ?ลู่เจ๋อเอ่ยถามขณะที่เดินขึ้นชั้นบนของคฤหาสน์คนใช้รีบตอบในทันที “คุณนายยังอยู่ในบ้านค่ะ แต่เพิ่งออกปากกับคนขับรถไปว่าอีกสักครู่จะออกไปข้างนอกค่ะ”ขาเรียวของลู่เจ๋อหยุดลงเพียงครู่ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไปเขาเดินไปถึงชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนใหญ่ เห็นเฉียวซุนเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ เหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้นเสื้อเชิ้ตไหมแท้ กระโปรงทรงหางปลาความสวยงามที่มิอาจหักห้ามได้ลู่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะจ้องมองอยู่นานสองนาน เขาถอดเสื้อสูทออกหย่อนกายลงบนโซฟา ดวงตาเข้มทอดมองไปที่เธอ “เพิ่งกลับมาก็ต้องไปออกงานสังคมแล้วเหรอ? เลื่อนไปแล้วไปดินเนอร์กับฉัน”เฉียวซุนนัดกับอาจารย์เว่ยไว้อย่างดิบดีไม่สามารถเลื่อนนัดได้อย่างแน่นอนแต่เธอก็ไม่อยากก่อเรื่องกับลู่เจ๋อ เลยเอ่ยไปอย่างนุ่มนวล “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาก่อน ลู่เจ๋อ คราวหน้าถ้าคุณอยากไปดินเนอร์ด้วยกัน บอกฉันล่วงหน้าสักนิดนะคะ ฉันจะได้เตรียมตัวไว้ค่ะ”อารมณ์ของลู่เจ๋อตอนนี้ก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่นักเขาเหยียดแขนดึงเธอ เฉียวซุนล้มลงในอ้อม
เฉียวซุนพูดอย่างรีบร้อน “อาจารย์ถ่อมตัวไปแล้ว”เธอไม่ได้ต้องการที่จะประจบประแจง ในแวดวงนั้นอาจารย์เว่ยถือว่าเป็นคนดีมีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ ตำแหน่งฐานะนับว่าอยู่เหนือคนธรรมดาอย่างมากอาจารย์เว่ยชอบเธอมาโดยตลอดเขามองหลินซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คำเยินยอของเฉียวซุน ฉันชอบฟังมากเลยล่ะ”หลินซวงรินชาให้เขา พลางเอ่ยถาม “งั้นถือโอกาสวันนี้แล้วกัน ท่านเองก็คุยกันแบบเป็นกันเองเถอะนะ ไม่ต้องเคร่งครัดอะไรขนาดนั้น ครั้งก่อนเจอคุณหนูไป๋……ใช่ไป๋เซียวเซียวหรือไม่? ท่านที่หน้านิ่วคิ้วขมวด ต้องลงทุนลงแรงขนาดไหนกันถึงทำให้คนมองความน่ารังเกียจนั้นไม่ออก”อาจารย์เว่ยตบเบา ๆ บนหลังมือเธอ “พูดเรื่องอะไรที่ไม่ควรพูด! ไปพูดถึงเธอทำไมกัน?”หลินซวงเหมือนตกอยู่ในภวังค์เขาเอ่ยอย่างรู้สึกผิดต่อเฉียวซุน “ฉันผิดเอง ไม่ได้คิดให้รอบคอบ ฉันต้องขอโทษศิษย์น้องหญิงด้วย”เฉียวซุนไม่ได้โง่เง่า!พวกเขาสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ความจริงแล้วเพียงต้องการหลอกล่อให้พูดเรื่องของไป๋เซียวเซียว เธอพอเดาออกว่าลู่เจ๋อเคยพาไป๋เซียวเซียวมาเจอกับอาจารย์เว่ย อาจารย์เว่ยดูไม่พอใจกับคน แต่ก
เฉียวซุนปล่อยให้เขาสัมผัสเธอเธอถือได้ว่ายังอ่อนโยนขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ทว่าลู่เจ๋อคิดว่าเธอไม่ได้เหมือนเดิมแล้วไม่เหมือนเดิมตรงไหนกัน!คงเป็นเพราะตอนนี้เฉียวซุนถือว่าได้เป็นภรรยาของลู่เจ๋อ หากพูดถึงด้านหน้าที่การงาน เธอก็ถือว่าพร้อมไปด้วยความสามารถที่ตรงตามคุณสมบัติของเขา เธอทำเรื่องงานบ้านงานเรือนก็เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่เขา แต่กลับไม่ได้มีเรื่องความรักมาเกี่ยวข้องแล้ว รักหรือไม่รัก ผู้ชายสามารถรับรู้ได้กันทั้งนั้นลู่เจ๋อคิดว่าเขาเองก็ไม่ได้แยแส แต่เพียงรู้สึกยุบยิบนิดหน่อย เฉียวซุนไม่ได้ริเริ่มที่จะเป็นฝ่ายพูดเขาพูดแทนเธอไปให้รู้แล้วรู้รอด “เมื่อกี้ฉันเห็นเฮ่อจี้ถัง เป็นเพราะเจอเขา คุณนายลู่เลยมีท่าทีแบบนี้ใช่รึเปล่า?”เฉียวซุนเงยหน้าขึ้นมอง……สองสายตาสอดประสาน ดูมีบรรยากาศการดึงเชิงฝ่ายตรงข้ามซึ่งกันและกันไม่นาน เฉียวซุนเอ่ยกลับด้วยเสียงเบา “ลู่เจ๋อ คุณไม่ต้องสงสัยฉันทั้งวันขนาดนี้ก็ได้นะ! ฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาเป็นการส่วนตัว เป็นแค่การบังเอิญเจอกันเพียงเท่านั้น”แววตาลู่เจ๋อกำลังลอบตัดสินไม่นาน เขาลูบใบหน้าของเธอเบา ๆ “ฉันเชื่อเธอคุณนายลู่ ตอนนี้กลับบ้านกับฉัน
ลู่เจ๋อเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วค่อยๆ พ่นควันสีเทาออกมา เขามองไปที่ลู่จิ้นเซิง "ฉันไม่ได้ขายตลกนะ!"ลู่จิ้นเซิงถึงกับสำลัก ในขณะที่กำลังจะถามเรื่องที่เกี่ยวกับเฉียวซุน หลีชิงเฉิงถือไวน์แดงเดินเข้ามาวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวเป็นพิเศษชุดกระโปรงที่ค่อนข้างเป็นผู้หญิงอย่างมาก ประเพณีที่จงใจอวดเสน่ห์ของผู้หญิงในทุก ๆ อิริยาบถเธอนั่งลงข้างลู่เจ๋อ และใช้น้ำเสียงสนิทสนมถามว่า “ลู่เจ๋อทำไมไม่พาเฉียวซุนมาด้วยล่ะ? หลังจากที่คุณแต่งงานกับเธอดูเหมือนคุณจะไม่ได้พาเธอออกมาเที่ยวเล่นเลยนะ ทำไม...นายทุน กำลังดูถูกฉันหรือดูถูกภรรยาของคุณกันล่ะ?”คำพูดนี้มีความคลุมเครือสามส่วนและหยั่งเชิงเจ็ดส่วนยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอพูด ร่างกายของเธอแทบใกล้ชิดกับไหล่ของลู่เจ๋อ ผิวขาวนุ่มนวลนั้นแนบไปกับเสื้อเชิ้ตสีขาวราวหิมะของผู้ชาย หากดูเหมือนไม่มีการเสียดสี หลีชิงเฉิงเชื่อว่าไม่มีชายใดสามารถต้านทานได้ลู่จิ้นเซิงทำเป็นมองไม่เห็นเขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและดื่มเหล้านอกลู่เจ๋อวางโทรศัพท์ลงแล้วมองไปด้านข้างที่หลีชิงเฉิง และชุดกระโปรงที่ค่อนข้างเซ็กซี่ของเธอผู้ชายจะไม่เข้าใจคำบอกใบ้ยั่วยุของผู้หญิงเหรอ?ลู่เจ๋