เรามาถึงร้านตอนสองทุ่มครึ่ง ยัยคะนิ้งก็สั่งเครื่องดื่มมาเต็มโต๊ะจนฉันสงสัย สรุปคือนัดผู้ชายมาอีกแล้ว ฉันอยากจะบ้า
และผู้ชายคนนั้นก็คงหนีไม่พ้นพี่คิวเพราะช่วงนี้ยัยนิ้งมันคลั่งผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
“ได้ยินว่าพี่เขามีแก๊งที่สนิทกันสี่คน แต่พวกผู้หญิงที่คุยกับเขาไม่เคยมีใครได้ไปเจอ เพราะพี่เขาจะไม่พาไป” ยัยนั่นยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่รู้เพ้อฝันอะไรอยู่ “ฉันว่าถ้าเป็นคนสำคัญกับพี่เขาต้องพาไปแน่”
“...” ฉันนั่งฟังยัยนั่นพูดไป ตั้งแต่เข้าร้านมาก็พูดถึงแต่เรื่องผู้ชาย นี่ละยัยคะนิ้ง
“แกว่าพี่เขาเป็นไง”
“เจ้าชู้ นิสัยไม่ดี” ฉันตอบเสียงเรียบแล้วเล่นมือถืออย่างไม่ใส่ใจ
“ฉันว่าเขาไม่ได้เจ้าชู้นะ เหมือนยังไม่เจอคนที่ถูกใจมากกว่า” นั่นละเหตุผลของคนเจ้าชู้ มันหนักกว่าคนนอกใจเป็นล้านเท่าเพราะทำคนเสียใจมากกว่าหนึ่ง “แล้วเขานิสัยไม่ดีตรงไหน แกอคติกับเขาทำไมเนี่ย”
“ถามจริง ทำไมคนนี้แกจริงจังวะ แค่เล่น ๆ ไม่ใช่เหรอ” เอาจริง ๆ ฉันไม่อยากให้มันจริงจังกับคนนี้เลย ดูเขาไม่แคร์ใครสักคนนอกจากตนเอง
“เอาจริงนะ ถ้าพี่เขายอมคบฉัน ฉันจะเลิกกับน้องบอล” คำตอบของคะนิ้งทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้นมามองมันทันที
“แต่น้องบอลไม่เคยทำให้แกเสียใจเลยนะ ตั้งสติหน่อย แกจะเลือกคนแบบพี่คิวแล้วทิ้งคนที่เขารักเดียวใจเดียวเหรอ” ฉันถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ เชื่อมโยงหลายเรื่องเข้าหากันจนรู้สึกปวดตุบ ๆ ที่หัวไปหมด
“ฉันชอบความท้าทาย แต่บอลดูจืดชืดว่ะ ไม่มีปัญหามาให้ตื่นเต้นเลย อีกอย่างก็อยู่ไกลกันอะ ฉันเหงา”
เหตุผลของพี่ดรีมก็คงเป็นแบบนี้ใช่ไหม เพราะฉันมันจืดชืดและไม่น่าตื่นเต้น ฉันดูเป็นเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราวสำหรับเขา
เพราะแบบนี้ไงฉันถึงเปลี่ยนตนเองมาเป็นพวกชอบแต่งตัวแต่งหน้าหลังจากที่เราเลิกกัน แต่ก็เหมือนเป็นการเปลี่ยนเพื่อตนเองเท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไรเราก็กลับมาหากันไม่ได้อีกแล้ว
หรือต่อให้เขากลับมา ตอนนี้ฉันก็คงไม่คิดจะคบเขาอีก
“...” ฉันได้แต่เงียบ ไม่อยากพูดต่อ
สักพักพี่คิวก็มานั่งกับเรา มากับเพื่อนอีกคนชื่อวิล เพื่อนไม่ซ้ำหน้าเลย ผู้หญิงก็คงเช่นกัน
ฉันยกมือไหว้ตามมารยาทแล้วก้มเล่นมือถือเงียบ ๆ คนเดียวอยู่อย่างนั้น ยัยคะนิ้งก็ชวนพี่สองคนคุยไปอย่างอารมณ์ดี
“น้องเตยนี่ติดมือถือเหรอ” เสียงของพี่คิวที่พูดถึงฉันทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาก็ยิ้มแบบทุกครั้งส่งมาให้
“เปล่าค่ะ แค่ไม่มีอะไรทำ” ฉันตอบเสียงเรียบแล้วก้มเล่นมือถือต่อ
“มันอกหักค่ะพี่คิว วันนี้ไปเจอแฟนเก่ามากับเมียใหม่ เขาจะแต่งงานกันเดือนหน้า”
“คะนิ้ง” ฉันเรียกชื่อเพื่อนเพื่อเตือนสติ “เรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องเล่าให้คนนอกฟังหรือเปล่า”
“คนนอก...” ได้ยินเสียงพี่คิวหัวเราะออกมาในลำคอ ฉันจึงหันไปมอง เขาก็กอดอกอมยิ้มโดยที่มองลงไปยังแก้วของตนเองเหมือนคิดว่าฉันเป็นตัวตลก
“คบกันนานเหรอ” พี่วิลถามและหันมาสนใจฉัน จากที่ตอนแรกสนใจดูถ่ายทอดสดฟุตบอลอยู่
“ห้าปีค่ะ” ยัยคะนิ้งตอบแทนฉัน
“แล้วเลิกกันทำไม ขอโทษนะที่ถามเยอะ พี่จะได้ปลอบใจถูกวิธี” พี่วิลพูดแล้วหัวเราะออกมา
“เขานอกใจค่ะ” อันนี้ฉันตอบเองแล้วยิ้มออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ทั้งที่เมื่อกลางวันยังแอบร้องไห้อยู่เลย
“เออ พี่ก็ว่าแปลกนะ ทำไมคนเราถึงชอบทิ้งคนที่คบกันมานานแล้วเลือกคนที่แอบคุยกันไม่กี่เดือน บางทีก็คุยกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ” ฉันก็สงสัยอย่างที่พี่วิลสงสัยเหมือนกัน
แต่เหตุผลมันก็คงเหมือนกับยัยคะนิ้งตอนนี้
“คนเก่ามันไม่น่าตื่นเต้นมั้งคะ”
“แอบกินกันมันตื่นเต้นกว่าไง” คำพูดนี้ดังมาจากปากของพี่คิว เขาพูดแล้วปรายตามามองฉันพร้อมกับเหยียดยิ้มออกมา
เรื่องนี้มันก็กระทบทุกคนละ แต่ฉันกลับอยากเอาขวดเหล้าตรงหน้าทุบหัวเขาสักที พูดแบบนี้ต้องการจะสื่อถึงเรื่องฉันกับเขาอยู่หรือเปล่าเพราะสายตาและรอยยิ้มมันสื่อแบบนั้น
“พี่คิวคงชอบ แต่เตยไม่ชอบ” ฉันตอบเสียงเรียบแล้วเบือนหน้าหนี ก็ได้ยินเสียงเขาหัวเราะในลำคอเหมือนเดิม
“ไม่ชอบจริง ?”
“...” ฉันจ้องหน้าเขาแล้วก็หลบสายตาเจ้าเล่ห์นั่นกลับมา ถ้ามองกันนานกว่านี้ยัยคะนิ้งคงได้สงสัยแน่
“เพราะอย่างนี้ไงแกถึงโดนทิ้ง หัดทำตัวให้มันน่าตื่นเต้นบ้างดิ” ยัยคะนิ้งพูดแล้วยิ้มออกมาพร้อมกับมองพี่คิว
“...” ฉันพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะยกแก้วตนเองขึ้นดื่มจนหมด “ฉันอยากกลับแล้ว แกอยู่กับพี่เขาได้ใช่ไหม”
“เอ้า ! เออ ๆ ตามใจแก กลับเองนะ” ยัยนั่นตอบแบบไม่ต้องคิด ฉันจึงลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กของตนเองขึ้นมาถือไว้
“ลาค่ะ” ฉันบอกพวกพี่ ๆ แล้วยกมือไหว้ก่อนจะหมุนตัวกลับมา
ฉันไม่น่าออกมากับมันเลย มาเสียความรู้สึกเปล่า ๆ
พอออกมานอกร้านได้ฉันก็เรียกรถแต่คงไม่กลับหอ หงุดหงิดแบบนี้ไปนั่งร้านเหล้าคนเดียวคงสบายใจกว่า
คิดได้ดังนั้นฉันก็นั่งรถมาอีกร้าน สั่งเครื่องดื่มเบา ๆ มานั่งดื่มคนเดียว ร้านนี้อยู่ห่างจากร้านเมื่อกี้ไม่ไกลนัก บรรยากาศสบาย ๆ คนก็ไม่ได้เยอะเท่าไร เพลงก็เป็นแนวช้า ๆ เหมาะกับคนกำลังอกหัก
ซึ่งจะรวมฉันเข้าไปด้วยอีกคนก็คงไม่ผิด
“หวัดดี” ขณะที่กำลังนั่งมองนักร้องร้องเพลงเพลิน ๆ เสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมา ฉันจึงหันไปมองแล้วยิ้มให้ตามมารยาท
“ค่ะ”
“มาคนเดียวเหรอครับ” เขาถามแล้วหย่อนตัวนั่งลงตรงข้ามฉัน “ขอนั่งชนแก้วด้วยได้ไหม”
“อ๋อ ได้ค่ะ” ฉันตอบแล้วยิ้มให้ ก่อนจะยื่นแก้วไปชนกับเขา
เราคุยกันไปสักพักก็ได้รู้ว่าเขาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน อยู่ปีสามคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ชื่อ ซัน หน้าตาดีมากเหมือนกัน เขามากับเพื่อนซึ่งนั่งอยู่โต๊ะห่างจากฉันไม่กี่โต๊ะ
“แล้วเตยมายังไง”
ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้วฉันจึงขอตัวกลับ คิดเงินแล้วออกมาจากตรงนั้น
“เราเรียกรถมา”
“ให้ไปส่งไหม” เขาเดินตามออกมาแล้วถามขึ้น ตอนนี้เพื่อน ๆ ของเขาก็แซวกันใหญ่
“ไม่เป็นไร เรากลับเองได้” ฉันบอกแล้วส่งยิ้มให้อีกเช่นเคย
“ไม่ได้เมาใช่ไหม” คำถามเหมือนเป็นห่วง แต่ผู้ชายส่วนใหญ่ที่คิดไม่ดีก็ถามแบบนี้เหมือนกัน
“ไม่เมา” ที่จริงก็มึนนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับไม่ไหว
“งั้นเราขอไลน์ได้ป้ะ”
ฉันพยักหน้าให้แล้วจึงรับมือถือของเขามากดไอดีตนเอง กดแอดเพื่อนแล้วส่งกลับไป
“เราไปก่อนนะ” ฉันหันไปบอกเพราะรถที่เรียกมารับมาถึงพอดี
“โอเค ถึงหอบอกด้วยนะ”
จะว่าไปแล้วเขาก็ดูเป็นคนดีนะ ไม่ได้ดูเจ้าชู้อะไร ออกจะเป็นคนใจดีมาก ๆ ด้วย
“เตย !” ไม่ทันที่จะเดินไปถึงรถเขาก็เรียกชื่อฉันอีกครั้ง
“ว่า”
“โสดใช่ไหม”
ฉันไม่ได้ตอบออกไปแต่พยักหน้าให้เขาแล้วยิ้มออกมาก่อนจะเดินขึ้นรถกลับหอตนเอง
พอมาถึงหอก็เห็นรถของใครบางคนที่คุ้น ๆ ตาจอดอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะใช่คนที่ฉันคิดไว้หรือเปล่า เพราะฉันดันจำป้ายทะเบียนรถเขาไม่ได้นี่สิ
ถ้าใช่เขาก็คงจะมาเอาของที่ลืมไว้ละมั้ง แต่ขอภาวนาให้ไม่ใช่อย่างที่คิดไว้แล้วกัน เพราะฉันเพิ่งจะบอกกับตนเองไปว่าจะพยายามไม่เจอเขาแบบนี้อีก
แต่สุดท้ายก็ต้องเจออยู่ดีเพราะโลกตั้งใจเหวี่ยงผู้ชายคนนี้มาให้ฉันสินะ หรือไม่เขาก็เหวี่ยงตนเองเข้ามาหาฉัน
“นั่งรถกลับหอนานจัง” นี่คือคำทักทายของเขาและรอยยิ้มกวน ๆ แบบเดิม
“...” ฉันไม่ตอบ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“คนขับเขาคงขับรถวนรอบเมืองเลยมั้ง” พี่คิวยังคงพูดต่อแล้วเดินตามฉันมาจนถึงหน้าห้อง
“แล้วพี่ยุ่งอะไร”
“เมียทั้งคนก็ต้องห่วงหรือเปล่า”
EP. 6“เมียทั้งคนก็ต้องห่วงหรือเปล่า” พี่คิวยิ้มแล้วกอดอกพิงกับประตู“อย่ามามโน เตยไม่ใช่เมียพี่คิว” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “หลบไป จะเปิดประตู”เขากระตุกยิ้มแล้วหลบให้ฉันอย่างว่าง่าย แต่ที่ยอมหลบง่าย ๆ เพราะจะเข้ามาห้องฉันต่างหาก“ของอยู่ตรงนั้น เอาแล้วกลับไปเลย”“ก็มาให้เอาดิ แล้วจะกลับ” คำพูดของพี่คิวทำเอาฉันต้องหมุนตัวกลับมามองเขา คนพูดยิ้มยียวนก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ด้วยความรวดเร็วแล้วรวบเอวฉันเข้าไปจนแนบชิดกับตัวเขา“ปล่อย !” ฉันพยายามดันตัวเขาออกแต่คนที่แรงเยอะกว่าก็ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด “พี่เลิกยุ่งกับเตยได้ไหม ขอร้อง”“ยาก” เขาตอบทันทีพร้อมรอยยิ้ม“แต่เตยไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้” ฉันบอกเสียงแข็งแล้วจ้องเขาตอบอย่างไม่ยอมแพ้“...” เขากระตุกยิ้มมุมปากแล้วเลื่อนหน้าลงมาใกล้ กระซิบข้างหูฉัน “อยากเปิดตัวเหรอ ร้ายเหมือนกันนะ”เกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุดเลย ทำไมชอบคิดไปเอง“ไม่ได้อยากเปิดตัว ไม่ชอบ อยู่ให้ห่างได้ไหม”“...” พอฉันพูดจบเขาก็เหยียดยิ้มออกมาก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาทันทีแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว ฉันเกลียดขี้หน้าเขาก็จริงแต่ร่างกายของฉันมันไม่เคยปฏิเสธเขาเลย เขาเก่งที่ทำให้ฉั
EP. 7“เตย มีเสื้อให้พี่ไหม” ร่างสูงที่ตามไปรังแกฉันถึงในห้องน้ำเดินออกมาพร้อมกับร่างกายที่มีหยดน้ำเกาะตามตัวเป็นเม็ดเล็ก ๆ พันผ้าเช็ดตัวของฉันไว้รอบเอว เผยแผงอกแน่น ๆ และกล้ามเป็นมัดเออ มันก็ดูเซ็กซีละ ใครเห็นต้องกรี๊ดแน่ ๆ แต่เห็นหลายครั้งแล้วทำไมต้องมาทำเหมือนตนเองเท่มากด้วย“ไม่มี ใส่ตัวเดิมแล้วพี่ก็กลับห้อง” ฉันบอกแล้วรีบแต่งตัว ใส่ชุดนอนแบบเดรสสั้นแล้วเดินไปเป่าผม “อย่าใจดำ” ว่าแล้วเขาก็เดินดุ่ม ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าของฉัน “มีเสื้อแฟนเก่า จะใส่ไหม”“ไม่ใส่” เขาตอบแบบไม่ต้องคิด “ยังเก็บไว้อีกเหรอ ทำไมไม่ทิ้ง”“ก็ว่าจะทิ้ง” ฉันบอกแล้วหันไปมองเขาที่กำลังเสียมารยาทกับตู้เสื้อผ้าฉันอยู่ “ไหน หลบไป จะหาให้”“รอผัวเก่ากลับมาเอาหรือไง” พี่คิวพูดแล้วยิ้มมุมปาก บอกตามตรงว่ามันทำให้ฉันหงุดหงิดมาก ๆ “ไม่ได้รอ ถ้าจะกวนประสาทก็ไม่ต้องมานอนนี่ ไปเลย เตยไม่หาให้ละ” ฉันหมุนตัวจะเดินหนีไปจากพี่คิวเพราะความรำคาญแต่เขาก็ยังดึงรั้งข้อมือฉันเข้าไปหาอีกรอบ“ล้อเล่น รีบหาให้หน่อย”“...” ฉันขมวดคิ้วมองพี่คิวแล้วดึงมือกลับมาอย่างไม่ชอบใจ แต่ก็ยอมหันกลับไปหาเสื้อให้เขาต่อ“ไม่เอาเสื้อมันนะ” เขาบอกแล้ว
EP. 8พอทำงานเสร็จพวกเราก็ชวนกันไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะอักษรศาสตร์ เพราะที่นี่มีร้านข้าวไก่ย่างร้านหนึ่งที่ดังมาก ไม่ว่าใครก็ต้องได้มาลองสักครั้งก่อนเรียนจบ เวลานี้เพิ่งจะสิบเอ็ดโมงคนเลยไม่มากเท่าไร“พรหมลิขิตชัด ๆ” ทันทีที่มาถึงยัยคะนิ้งก็พูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้พวกเราต้องมองตามสายตาของมันไปเห็นกลุ่มผู้ชายวิศวะใส่เสื้อช็อปสีกรมท่าสามสี่คนกับผู้หญิงอีกสามคนที่นั่งกินข้าวด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในโลก'พี่คิว' ซวยอีกแล้วชีวิตฉัน ปกติก็ไม่เคยมาเจอกันตอนกลางวันแบบนี้ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาในลุคนักศึกษา ก็ดูดีไปอีกแบบละ เพื่อนเขาในกลุ่มก็หน้าตาดีกันหมดรวมถึงผู้หญิงด้วย คงเป็นแฟนของผู้ชายแก๊งนั้นสักคน“แก๊งนี้แหละเพื่อนสนิทพี่เขา” ยัยคะนิ้งทำหน้าคาดหวังอะไรบางอย่างก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ของตนเองแล้วแกล้งเดินผ่านไปทางโต๊ะของพี่คิวพอพี่เขาหันไปเจอ ยัยนั่นก็ทำตัวเหมือนบังเอิญและทักทายไป จริตนี้ใครมันจะดูไม่ออก“เชื่อมันเลย กูขอเลิกคบมันได้ไหม รับไม่ได้” เค้กบ่นอย่างรำคาญก่อนจะเดินไปร้านข้าว ฉันกำลังจะเดินออกไปก็เผลอสบตากับพี่คิวที่หันหลังมามองพอดี ยัยนั่นค
EP. 9ครืด ~ ครืด ~นอนดูซีรีส์ไปสักพัก สายเรียกเข้าจากยัยคะนิ้งก็ดังขึ้น ฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูอย่างชั่งใจ ทำไมช่วงนี้มันถึงได้โทร.มาหาฉันบ่อยจัง ทั้งที่ปกติเวลาโทร.มาถ้าไม่ชวนเที่ยวก็คงเรื่องงานแค่นั้น“อือ ว่า” ฉันกดรับสายแล้วปรายตามองคนที่นั่งทำงานอยู่เล็กน้อย(แกอยู่ไหน หอไหม) เสียงยัยนั่นดูตื่นเต้นแปลก ๆ “อืม มีอะไร”(ฉันเห็นรถพี่คิวจอดหอแก เขาไปหาใคร แกเห็นไหม) พอยัยคะนิ้งพูดจบฉันก็นิ่งเงียบไป แต่หัวใจมันดันเต้นแรงขึ้นมา(ยัยเตย ฟังฉันอยู่ไหม)“ฟัง”(แล้วแกรู้ไหม เห็นพี่เขาหรือเปล่า) “ไม่เห็น อยู่แต่ในห้อง” ฉันตอบแล้วขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มือเล็ก ๆ ชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศยี่สิบเอ็ดองศา (เออ ๆ ถ้าเห็นบอกด้วยนะ อยากรู้ว่าไปหาใคร) พูดจบยัยนั่นก็กดวางสายไปทันที“เพื่อนเธอเหรอ” อยู่ ๆ พี่คิวก็ถามออกมาแล้วหัวเราะในลำคอ ทั้งที่ตนเองกำลังทำงานอยู่และมองแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่พิมพ์อะไรไม่รู้เต็มไปหมดสลับกับหน้าโปรแกรมบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวกับสาขาที่เขาเรียนอยู่“อืม”“โกหกเพื่อนไม่ดีนะ” คราวนี้เขาพูดแล้วหันมายิ้มแบบกวน ๆ “รักเพื่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องโกหก”“บางทีพี่ค
EP. 10“เป็นอะไร” ฉันถามอีกรอบเมื่อเห็นเขาจอดรถหน้าคลินิกแห่งหนึ่งที่รักษาโรคทั่วไป“เธอไงเป็น” เขาหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหันมาบอกฉันอีกรอบ “ลงไป”“เตยไม่ได้เป็นอะไร”“เป็นเมียฉันไง ไปฉีดยาคุม” พูดได้หน้าตายมาก ทำไมฉันต้องฉีดด้วย ไอ้บ้านี่“พี่เป็นบ้าเหรอ”“ฉันไม่อยากใช้ถุงแล้ว ถ้าเธอไม่ฉีด ฉันแตกในห้ามโวยวายนะ” เขาพูดจบก็ทำท่าจะสตาร์ทรถอีกรอบเอาอย่างไรดีฉัน ต้องฉีดไหม ฉันจะหนีเขาไม่พ้นแล้วจริง ๆ หรือ ทำไมฉันต้องยอมเขาด้วยล่ะ ฉันปฏิเสธเขาได้อยู่แล้วแต่ทุกครั้งก็ไม่เคยทำได้นะเตย...“พี่ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วยเลยไหม” ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วถามเขา ตอนนี้ฉันลังเลทั้งที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ยอมฉีดยาแน่ เราไม่ได้เป็นอะไรกันไม่ใช่หรือ ทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร“ไม่”“เตยกลัวโรคนะ”“ฉันป้องกันตลอดแต่ฉันจะไม่ใช้ถุงกับเธอแล้ว มันเปลือง ขี้เกียจใส่” เป็นคำพูดที่คนพูดไม่ได้รู้สึกกระดากอายเลยแม้แต่น้อย ต่างกับฉันที่ใบหน้าร้อนรุ่มไปหมดแล้วตอนนี้“ทำอย่างกับจะจริงจัง เดี๋ยวก็ไปกับคนนั้นคนนี้อีก เตยจะฉีดเพื่ออะไร เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันด้วย” ฉันพูดออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้กลับสองจิตสองใจอยู่ด
EP. 11“อย่านะ !”“คุย” พูดจบเขากดรับสาย เสียงของยัยคะนิ้งก็ดังขึ้นมา(ยัยเตย ฉันชักจะสงสัยละว่าพี่คิวแอบคุยกับใครในหอแก)“...” พี่คิวเหยียดยิ้มพร้อมกับหัวเราะในลำคอแต่สีหน้าของเขาไม่พอใจเท่าไร(แกได้ยินไหมวะ !) พอฉันไม่ตอบยัยคะนิ้งก็ทำเสียงแหลมขึ้นมา“อื้อ !” ฉันพยายามจะไม่ส่งเสียงแต่ไอ้พี่คิวมันดันแกล้งใส่มาเต็มแรง แล้วยังก้มลงมาซุกหน้าดูดหน้าอกฉันอีก “แกเลิกสนใจผู้ชายคนนี้เถอะ เชื่อฉัน มันเลว ! โอ๊ย !”“เลวยังไงก็ผัวเธอนะ พูดถึงผัวดี ๆ หน่อย” เขากระซิบแนบหูอีกข้างของฉันที่อยู่คนละฝั่งกับโทรศัพท์มือถือซึ่งเขาจับมันไว้อยู่(เป็นอะไรของแกยัยเตย แล้วพี่คิวไปเลวให้แกเห็นตอนไหน) ตอนนี้ไง เลวมากด้วย กัดมาได้ไงตอนนี้ หัวไหล่ฉันมันเป็นรอยแล้วแน่ ๆ“...” ฉันได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะใช้เหตุผลไหนคุยกับยัยคะนิ้งดี “ฉันยุ่งอยู่ ค่อยคุยได้ไหม”(ฉันไปหาแกได้ป้ะ จะไปแอบดูว่าพี่เขาไปหาใคร) ยัยคะนิ้งมันอาการหนักแล้วนะ“ฉันไม่ได้อยู่หอ แค่นี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็พยายามจะดึงมือถือมาจากพี่คิวแต่เขาไม่ให้ จึงต้องพูดเสียงลอดไรฟันออกมา “เอามือถือเตยมา”“เพื่อนเธอยังไม่อยากวางเลยนะ” เขาพูดกระซิบข้างหูอีกรอบ แล
EP. 12เช้าวันต่อมาไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉันเผลอหลับไปตอนไหน พอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพี่คิวก็มานอนอยู่ข้างฉันแล้ว เก็บคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กไว้ให้ด้วย แถมยังกอดกันไว้อีกต่างหาก“เตย... เตย...” แรงเขย่าเบา ๆ ของใครบางคนพร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหูทำให้ฉันต้องฝืนลืมตาตื่นขึ้นมานิด ๆ “เตยหอม... ตื่น”“อื้อ... เช้าอยู่เลย” ฉันหลับตาลงแล้วพูดกับเขา “อย่ามากวน ~”“ไปอาบน้ำเร็ว ตื่นเช้าวันเดียวเองนะ เมื่อวานก็บอกไปแล้ว” บอกตอนไหน ไม่เห็นจำได้เลย ฉันยังคงนอนนิ่งเพราะความง่วงงัน ให้ตายเถอะ เขากล้าปลุกฉันเวลานี้ได้อย่างไร ดูแล้วคงยังไม่ถึงหกโมงด้วยซ้ำ“เตย” พี่คิวเริ่มน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อฉันยังคงไม่ขยับเขยื้อน อะไรของเขากันนะ ทำไมชอบบังคับอยู่เรื่อยเลย แม้กระทั่งตอนจะหลับก็ยังบังคับให้ตื่นเกลียด เกลียด เกลียด !!พอเขาทำเสียงเข้มขู่แบบนั้นฉันจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็เห็นผู้ชายหน้าหล่อที่นั่งขมวดคิ้วมองมาอยู่ ตอนนี้เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วด้วย“อะไร...” “ลุกไปอาบน้ำ จะพาไปวัด” พูดจบเขาก็ดึงแขนของฉันให้ลุกขึ้น พอไม่ลุกเขาก็เปลี่ยนมาอุ้มแทน จากนั้นก็เดินลิ่วเข้าไปในห้องน้ำ จะโวยวายก็ไม่ได้ เ
EP. 13พอเรากินเสร็จก็แยกย้ายกลับหอ ถึงหอปุ๊บฉันก็กระโดดขึ้นเตียงทันทีหวังจะนอนต่อ“จะไปไหน” ฉันหันไปถามเมื่อเห็นเขาสะพายกระเป๋าตนเอง ไม่ใช่ว่าอยากรั้งหรอกนะ แต่เรื่องแม่เขาฉันยังไม่ลืมเลย จะทิ้งกันแบบนี้ได้อย่างไร“ไปส่งงานอาจารย์”“ไปด้วยดิ กลัวผี” ว่าแล้วฉันก็รีบลุกจากเตียงเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของตนเองมายืนข้างเขา“...” พี่คิวทำหน้าเหมือนกำลังตกใจแล้วเขาก็ขำออกมา “พูดจริง ?”“อืม เอาสร้อยพี่คิวออกไปด้วย เตยกลัวแม่พี่”“อาการหนักแล้วนะเราอะ” เขาพูดแล้วเดินมาหยิบสร้อยคอล็อกเกตของตนเองไป“เดี๋ยวเตยไปหาเพื่อนดีกว่า ไม่ไปด้วยแล้ว”“ไปด้วยกันดิ ไปได้ วันเสาร์คนไม่เยอะ”“ไม่ไป เปลี่ยนใจแล้ว”“หลายใจว่ะ” สุดท้ายก็มาส่งฉันที่หอยัยเค้ก จากนั้นพี่คิวก็ไปส่งงานอาจารย์ เราแยกย้ายกันตรงนั้น และไม่ได้คุยหรือนัดอะไรกันอีกซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะหายไปอีก เหมือนทุก ๆ ครั้งที่เรามาเจอกัน แล้วเขาก็หายไปอีกหลายวัน เป็นแบบนี้จะให้ฉันคิดว่าเขาจริงจังได้อย่างไรมันเหมือนคนมาหาความสุขชั่วคราวมากกว่า“เล่ามา ให้หมด” พอมาถึงห้องยัยเค้กมันก็ถามขึ้นมาทันที “...” ฉันถอนหายใจแล้วมองหน้ามันก่อนจะพูดกับเพื่อนอีก
พิเศษใส่ไข่หลังจากที่คุยกันไว้ว่าเราจะไปเที่ยวในวันหยุดของพี่คิวแล้ว สถานที่ที่เราเลือกไปก็เป็นทะเล เป็นเกาะที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศโชคดีว่าวันที่เราเดินทางมาไม่ใช่วันหยุดของคนส่วนใหญ่ ทำให้ผู้คนบางตาและสงบมากกว่าที่คิดไว้ บวกกับเกาะแห่งนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ที่พักไม่แอะอัด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ตั้งใจมาพักผ่อนและหาที่เงียบสงบอยู่กันใต้หล้ากับไต้ฝุ่นเล่นทรายด้วยกัน มีอุปกรณ์ที่พ่อของพวกเขาขนมาให้มากมาย หลังจากจัดการกับลูกแล้วพี่คิวก็เดินมาหาฉันที่กำลังจัดแจงของกินเล่นซึ่งสั่งมาจากร้านใกล้ ๆ นี้“ถ่ายรูปไหม เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”พี่คิวถามเพราะเห็นว่าฉันแต่งตัวเตรียมพร้อมมาเพื่อถ่ายรูปแล้ว ที่พี่คิวยอมให้ใส่ทูพีซตัวนี้มาก็เพราะว่านักท่องเที่ยวไม่มาก เวลานี้มันก็ไม่โป๊มากเพราะมีเสื้อคลุมตัวยาวบาง ๆ คลุมอยู่“ถ่ายสิ แต่งตัวมาขนาดนี้แล้ว”ฉันบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปลื้องเสื้อคลุมตัวนั้นออกแล้วเดินนำสามีตนเองออกไปตรงบริเวณชายหาด เวลานี้แดดค่อนข้างแรง ฉันก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนักเพราะปกติทำงานอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยโดนแดดอย่างนี้“สวย ๆ นะ แบบรูปเดียวลงได้เลย”เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถือกล้องไว้ในระ
ตอนพิเศษ 4หลายปีต่อมาเราตัดสินใจมีเด็ก ๆ ไว้เป็นเพื่อนยามเหงาสองคน จากนั้นก็ทำการปิดอู่ทันทีเพราะฉันกับพี่คิวคิดไว้แล้วว่าจะให้เขามีพี่น้องไว้คอยปรึกษากัน ทีแรกตั้งใจจะให้อายุห่างกันสักสามปีแต่คนที่สองดันมาไวกว่าที่คิดคนพี่ชื่อใต้หล้า คนน้องชื่อไต้ฝุ่น เป็นชื่อที่พี่คิวตั้งให้เขาทั้งคู่ เรามีลูกชายทั้งสองคนขณะที่ใบชากับพี่ฮ่องเต้นั้นมีลูกชายหนึ่งกับลูกสาวอีกคน คนโตชื่อน้องฮัท แก่กว่าใต้หล้าหนึ่งปี แต่คนน้องนั้นอายุเท่าไต้ฝุ่น ชื่อว่าน้องฮานึล ตอนนี้กำลังน่าหยิกเลยทีเดียว“คุณแม่ !!”เสียงของใต้หล้าดังขึ้นมาแต่ไกล เขาจูงมือน้องชายที่อายุได้เพียงสามขวบเดินเข้ามาด้วย แต่ใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกำลังจะร้องไห้“น้องเป็นอะไรคับ”“ฮือ ~”ทันทีที่ฉันย่อตัวไปถามลูกชายเขาก็ปล่อยเสียงร้องไห้โฮทันที ก่อนจะโผตัวเข้ามากอดฉันราวกับอัดอั้นตันใจ“ฝุ่นจะแย่งรถของใต้ ก็เลยล้มเอง” ลูกชายวัยห้าขวบอธิบายเมื่อฉันหันไปมองเขาเพราะต้องการเหตุผล“ฝุ่นล้มเองเพราะซนใช่ไหมครับ” ฉันดันตัวลูกชายออกอย่างเบามือแล้วถามเขาด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนไหมเอ่ย”“ตงนี้ ~ ฮึก” เขาตอบเสียงสั่นเจือด้วยเสียงร้องไห้เบา ๆ“ไม่ร้อ
ตอนพิเศษ 3ฉันหัวเราะใส่พี่คิวอย่างนึกตลก คนที่เคยเก่งเรื่องอย่างว่าพอโดนแกล้งถึงกับหน้าเสีย จนฉันต้องยอมหยุดแกล้งแต่โดยดี“เตยล้อเล่น”“เดี๋ยวเถอะ ร้องจริงนะ” พี่คิวทำหน้าเครียดแต่มือก็อยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปตามผิวกายของฉันทั่วร่างจนขนอ่อน ๆ ของฉันมันลุกชันจากสัมผัสนั้นฉันก็แกล้งเขาไปไม่จริงจัง ทั้งที่จริงสำหรับฉันแล้วพี่คิวคือที่สุด เพราะเขาคือคนแรกและคนเดียวของฉัน ไม่คิดอยากมีใครมาแทนที่อีกแล้ว“อื้อ !”ฝ่ามือเย็นเฉียบของเขาลูบลงที่ต้นขา ขยับมาที่ขาอ่อน ก่อนจะค่อย ๆ ขยับมาที่กลีบดอกไม้สีระเรื่อและใช้ปลายนิ้วนั้นลากผ่านเพื่อแหวกเข้าหารอยแยกที่ผลิแย้ม“แกล้งกันดีนัก” เขาทำเสียงแข็ง แทรกนิ้วเข้าไปในช่องทางรักที่เริ่มมีน้ำหวานระบายออกมาจากการถูกสัมผัสที่ปลุกเร้าหัวใจของฉันวาบหวาม ถึงแม้จะเป็นคนที่คุ้นเคยแต่มันไม่เคยชินกับการถูกรุกล้ำตรงส่วนนั้นเลยสักนิด เหมือนมันคือการเริ่มใหม่ ราวกับเป็นครั้งแรก“อ๊า... พี่คิวขา เตยเสียว” ฉันร้องกระเส่าไม่รู้ตัวเมื่อถูกนิ้วเรียวยาวนั้นสอดแทรกและขยับเคลื่อนที่เข้าออกเนิบนาบ ปรนเปรอปลุกเร้ากลายเป็นความสยิวซ่านอย่างต่อเนื่องเขาใช้นิ้วกลางจ้วงแทงจนเกิดเป็น
ตอนพิเศษ 2“ประจำเดือนมาไหม เดือนนี้รู้สึกว่าไม่วานให้ไปซื้อของ”“ไม่”“ขาดไปกี่วันแล้ว”พี่คิวตั้งคำถามที่ตอนนี้มันถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเราสองคน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ละก็ฉันคงได้อายหน้าร้อนแน่ ๆ ก็มีที่ไหนล่ะที่จะมาถามเรื่องแบบนี้กัน“ห้าวันแล้วค่ะ แต่ช่วงนี้เตยนอนไม่ค่อยหลับเลยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะตรงนั้น”“ลองตรวจดูหรือยัง หืม” เสียงพี่คิวยังคงถามต่อ หลังจากที่เขาเพิ่งเลิกงานมา ไม่รู้ไปโดนอะไรเข้า วันนี้ถึงได้เซ้าซี้นัก“ยังเลย ที่ซื้อมาก็หมดแล้วค่ะ ตรวจบ่อย วันนี้ก็ลองตกแต่งรูปขายของทั้งวัน ลืมไปเลย”ช่วงนี้ฉันรู้สึกว่าตนเองเบื่อ ๆ เพราะอยู่บ้านคนเดียวไม่มีอะไรทำ เลยขอพี่คิวสั่งของจากร้านค้าต่างประเทศมาขาย ก่อนหน้านี้ลองสั่งมาน้อย ๆ ลงขายในแพลตฟอร์มต่าง ๆ พอจับจุดได้ เจอตัวที่ขายดีเลยสั่งมาถ่ายรูปเอง ลงโพรโมตเพิ่มยอดขายได้มากเลยทีเดียว“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ทำแก้เบื่อ อย่าจริงจังจนเครียด” พี่คิวพูดแล้วเอื้อมมือมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน “เดี๋ยวพี่ไปซื้อ”เขาจริงจังกับการพยายามมีลูกมากถึงแม้ว่าจะแพ้พนันพี่ฮ่องเต้ เพราะใจจริงเราสองคนก็อยากมีเจ้าตัวน้อยไว้กอดเหมือนกัน หลังจากวั
ตอนพิเศษ 1หลังจากที่เราทั้งคู่ตัดสินใจว่าอยากมีเจ้าตัวน้อยไว้เชื่อมความสัมพันธ์ หลังจากวันนั้นเราก็เลือกโรงพยาบาลเพื่อคอยรับคำปรึกษาและคอยดูแลเราสองคนต้องเข้าตรวจสุขภาพและรับประทานยาบำรุงตามที่หมอสั่ง หลังจากนั้นก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ผลตรวจที่ออกมาแน่นอนว่าเราสองคนยังสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง ไม่มีโรคร้ายใด ๆ สามารถมีลูกได้“ลองโหลดแอปนี้มาแล้ว เขาบอกว่าดี” พี่คิวยื่นโทรศัพท์ของเขาที่หน้าจอกำลังแสดงแอปพลิเคชันหนึ่งซึ่งหน้าตาคล้ายปฏิทินวันนี้เป็นวันหยุดของพี่คิว วันที่เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันทั้งวัน แต่วันนี้คุณหมอก็ยังคงนัดตรวจร่างกายอีกครั้งเพื่อติดตามผลและตรวจร่างกายเพิ่ม“นับวันไข่ตก”“...” เขาไม่ตอบแต่ยิ้มกริ่มแล้วพยักหน้าเป็นคำตอบแทน“แม่นยังไงพี่คิว”“ก็ถ้าเราอึ๊บ ! กันช่วงที่เป็นสีชมพูโอกาสท้องก็มีเยอะมาก ๆ ไง” เขาพูดหน้าตาเฉยแต่ฉันกลับใบหน้าร้อนวาบ“ทุกวันเลยเหรอ เตยก็ตายพอดี ไม่ได้พัก” ฉันยัดโทรศัพท์ของเขากลับไปให้ก่อนจะหันหน้าหนีออกไปทางหน้าต่าง รอให้ความร้อนบนใบหน้ามันลดลงถึงหันกลับมามอง แต่พี่คิวก็ยังยิ้มอยู่“พี่ศึกษามาแล้วครับ ถ้าอยากได้ลูกที่เก่งและสมบูรณ์เราต้องพักวั
EP. 41เราซื้อบ้านอยู่ด้วยกันสองคนแถวชานเมือง แต่ไม่ได้ใกล้กับบริษัทที่พี่คิวทำงานเท่าไร นั่นเป็นเพราะเขาวางแผนจะลาออกในปลายปีนี้และออกมาทำบริษัทของตนเองโดยหุ้นกับเพื่อนสนิทอีกสามคนเรียกว่าแยกย้ายกันไปเก็บประสบการณ์และกลับมาสร้างฐานตนเองนั่นละ“พี่คิว...” ฉันกรอกเสียงใส่ปลายสายอย่างอ้อน ๆ เพราะจะวานให้เขาซื้อของสำคัญให้(ครับ ว่าไง)“กลับมาแล้วใช่ไหมคะ เตยจะฝากซื้อยา”(ได้ ยาอะไร)“ยาคุมไง เมื่อคืนบอกไปแล้วว่ามันหมด ขาดไปหนึ่งวันแล้วด้วย เดี๋ยวเตยส่งรูปให้นะ พี่คิวแค่ยื่นให้เภสัชดู” (ครับ)แล้วฉันก็จัดการถ่ายรูปกล่องยาคุมกำเนิดที่รับประทานประจำให้พี่คิวทางกล่องข้อความแอปพลิเคชันไลน์ ก่อนกลับมาเตรียมกับข้าวบนโต๊ะกินข้าวต่อ จะว่าไปแล้วการอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่มันก็เหงาพอสมควร จากที่ตอนแรกฉันคิดว่าจะหางานทำแต่พี่คิวไม่ยอม บอกว่าให้อยู่บ้านไปก่อนจะได้ดูแลสามีได้เต็มที่ และตอนที่เปิดบริษัทด้วยกันกับเพื่อนจะให้ฉันมีตำแหน่งเป็นคนทำบัญชีด้วยชีวิตที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันโคตรน่าเบื่อเหลือเกิน หรือฉันควรจะหาน้องหมามาเลี้ยงสักตัวดีนะ“คิดถึง...” “อ๊ะ พี่คิว จานเกือบร
EP. 40หลายเดือนต่อมาเราใช้เวลาเตรียมงานแต่งงานไม่ถึงเดือนหลังจากที่ได้ฤกษ์เมื่อหลายเดือนก่อน เพราะฉันตั้งใจจะจัดแบบเรียบง่าย ชวนแค่เพื่อนและคนสนิทของเราทั้งสองฝ่ายราว ๆ ห้าสิบคนเท่านั้น เหตุผลหนึ่งคือไม่ต้องเหนื่อยอะไรมากมาย ทำบุญ ทำกับข้าวและสังสรรค์กันในหมู่เพื่อนและครอบครัว อีกอย่างคือไม่ต้องสิ้นเปลืองเพราะตั้งใจจะเก็บเงินไว้สร้างอนาคตต่อเมื่อเข้าพิธีแต่งงานแบบเรียบง่ายกันเสร็จเราก็มานั่งดื่มและกินของอร่อยฝีมือยายกันต่อ เพราะเพื่อนหลายคนอยู่ที่นี่กันจึงใช้บ้านหลังนี้จัดงานอีกอย่างพวกเพื่อน ๆ ก็ถือโอกาสมาเที่ยวกันด้วยเพราะช่วงนี้อากาศกำลังดีเลยทีเดียว“คิวต่อไปให้ไอ้เต้” พี่คิวพูดแล้วดันแก้วไปให้เพื่อนตนเอง“พูดอะไรของมึง จะให้มันจัดอีกรอบเหรอ” พี่ทศกัณฐ์เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “เออ มึงจะให้กูหัวแตกเหรอถ้าต้องแต่งงานอีกรอบ” พี่ฮ่องเต้หัวเราะชอบใจก่อนจะหันไปมองใบชาที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการตักของกินอยู่อีกมุม “ก็งานแต่งมึงพวกกูไม่ได้ไป” พี่คิวพูดแล้วหัวเราะในลำคอ“ปล่อยผ่านกูไปแล้วกัน กดข้ามไปตอนกูมีลูกเลย” พี่ฮ่องเต้พูดแล้วยิ้มออกมา แววตาบ่งบอกถึงความสุข “มึงอ
EP. 39เรามาถึงร้านกาแฟที่คุณแพรว ลูกค้าบริษัทของพี่คิวนัดเอาไว้เวลาเกือบเที่ยง ผู้หญิงคนนั้นมารออยู่ก่อนแล้วและพอเห็นพี่คิวเดินเข้ามาเธอก็ยิ้มร่า แต่ก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อเห็นฉันเดินเข้าไปคล้องแขนเขาเอาไว้“พอดีเห็นว่าเป็นวันหยุด ผมเลยพาแฟนมาเที่ยวด้วย” พี่คิวพูดแล้วยิ้มบาง ๆ พอเป็นมารยาท “เตย นี่ลูกค้าที่พี่เล่าให้ฟัง”“สวัสดีค่ะคุณแพรว” ฉันยิ้มกว้างแล้วยกมือไหว้เป็นมารยาท เธอพยักหน้าแล้วยิ้มตอบแบบเสียอาการสักหน่อย“ค่ะ”“เตยนะคะ” คนที่นั่งตรงข้ามเงียบไปในทันที เธอยกกาแฟขึ้นมาจิบเหมือนกำลังทำตัวไม่ถูก ที่จริงเธอเป็นคนสวยในระดับหนึ่ง การแต่งตัวดูภูมิฐานแต่แววตาของเธอดูไม่เป็นมิตรกับฉันสักเท่าไร เป็นใครก็คงดูออกว่าไม่ชอบฉันและสาเหตุก็คงมาจากพี่คิว“เรื่องที่จะคุย เชิญพูดได้เลยครับ” พี่คิวพูดแล้วหยิบเอาไอแพดรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นมาพร้อมปากกาเพื่อเตรียมจดสิ่งที่ลูกค้าต้องการ“ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหมคะ เพราะมันเป็นเรื่องงาน” คนตรงหน้าพูดแล้วเบือนหน้ามามองทางฉัน ก็แค่เรื่องงานติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในตึก คงไม่ต้องเป็นความลับขนาดนั้นมั้ง“ไม่เป็นไรหรอกครับ นี่แฟนผมไม่ใช่คนอื่น”“แต่มันเป็น
EP. 37“เคยมีคนบอกว่าจะไม่ให้ทำอะไรจนกว่าจะรู้สึกว่ารัก”ประโยคของคนตัวโตที่พูดอยู่เหนือศีรษะทำให้ฉันเบิกตากว้าง สมองกลั่นกรองเอาความทรงจำที่เคยพูดประโยคนั้นออกมา “ใครพูด” “หึ...” สิ้นเสียงหัวเราะของเขาความนุ่มชื้นก็แนบลงมาบนริมฝีปากของฉันโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว ใบหน้าร้อนวูบ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะทันที“อื้อ” สัมผัสอ่อนนุ่มขยับขมเม้มริมฝีปากของฉันอย่างหยอกเย้าแต่ก็รู้สึกเจ็บไม่หยอกจนต้องเผยอปากออกมา กลับกลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้เรียวลิ้นแทรกเข้าฉกชิมความหวานภายในโพรงปากจนได้ กลิ่นมินต์เดียวกันถูกพ่นผ่านลมหายใจของเราทั้งคู่ไปมา รสจูบนุ่มนวลทว่าเร่าร้อนในคราเดียวกันส่งผลให้ร่างกายฉันอ่อนยวบและเผลอไผลจูบตอบเขาไปอย่างไม่รู้ตัว“แฮ่ก” ฉันรีบสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อเขาเปิดโอกาส ใบหน้าคมเลื่อนออกห่างแล้วยกยิ้มมุมปากแบบที่ชอบทำบ่อย ๆ ดวงตาคมเข้มที่ตอนนี้แพรวพราวเสียเหลือเกินกำลังจ้องลึกเข้ามายังนัยน์ตาของฉัน“วันนี้ไม่ใส่ชุดนอน” ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทั่วร่างกายก่อนสอดเข้ามาในเสื้อยืดตัวบาง ผ่านหน้าท้องแบนราบขึ้นมาจนถึงเนินเนื้อนุ่มที่ล้นบรา“อากาศแบบนี้ได้โดนยายด่าพอดี” น้ำเสียงที่ออกจากปากฉ