"ถือดีๆ นะ ใบนั้นตั้งหลายล้าน" คนเมาหันมาสั่งเธอเสียงแหว จนเมื่อรถคันหรูขออลินามาจอดรอรับที่หน้าบาร์ ส่งเธอขึ้นรถเสร็จแต่เหมือนคนเมาจะอยากให้เขาไปส่งที่บ้านด้วยอย่างนั้นแหละ "ริสไปส่งอลินที่บ้านหน่อยนะคะ" "อย่าเลยครับ เกรงใจอาธนา เดี๋ยวใครจะมองไม่ดี" "ริสน่ะ" "ครับ ไว้เจอกันนะ" ฟาริสปิดประตูรถให้อลินาเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจ พอดีกับที่รถมินิแวนมาจอดพอดี เธอก้าวขึ้นก่อน เพราะต้องนั่งตำแหน่งเดิมด้านใน "ทำไมทำหน้าอย่างนั้น" ฟาริสเอ่ยถามคนข้างๆ "หน้าฉันก็ปกติ" "โกรธเหรอที่ฉันมาที่นี่" "เปล่าค่ะ" "แต่หน้าเธอมันฟ้องเหมือน หึง ฉันอยู่" คนถูกกล่าวหาว่า หึง รีบหันหน้าไปมองเขาอีกครั้ง พลางแค่นหัวเราะออกมาจากลำคอเบาๆ "หึงคุณ ทำไมฉันต้องหึงคุณด้วยคะ" "เธอไม่หึงฉัน แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ" "ฉันก็บอกแล้วหน้าฉันปกติ" "ไม่ปกติ" "งั้นก็ถือว่าคุณทำสำเร็จ" "เรื่อง" ฟาริสเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ว่าใช่เรื่องที่เขาคิดว่าเธอหึงหรือไม่ "ถ้าคุณอยากพาฉันมาให้คนอื่นดูถูก เหยียดหยามแล้วคิดว่าฉันจะต้องเสียใจไหม หรือคิดว่าฉันจะหน้าด้านขนาดไหน คุณทำสำเร็จแล้วค่ะ"
"วันนี้พี่พราวหยุดค่ะ" แจ่มเอ่ยบอกเจ้านายเสียงใส ยังไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์กรุ่นโกรธของผู้เป็นเจ้าของบ้านสักเท่าไร ฟาริสพยักหน้าให้บอดี้การ์ด ทั้งเป็นคำสั่งว่าควรจะไปตามที่ไหน และเป็นการบอกให้ทุกคนออกไปได้แล้ว "นี่เธอ คุณพราวฟ้าพักอยู่ห้องไหนอ่ะ" พอออกจากห้องทำงานใหญ่มาได้ บอดี้การ์ดก็เอ่ยถามแจ่มทันที "ห้องริมสุดน่ะค่ะ" เห็นหน้าชายชุดดำสองคน แจ่มก็พอจะเข้าใจ "งั้นเดี๋ยวหนูพาพี่สองคนไปเองก็ได้ค่ะ" เพราะถึงคนของคุณฟาริสจะสามารถตรวจตราไปได้ทุกส่วนของบ้าน แต่กระนั้นในส่วนของห้องพักหญิง ยิ่งเป็นคุณพราวฟ้าด้วยแล้ว ทำให้บอดี้การ์ดสองคนนี้เกิดขยาดขึ้นมาทันที เพราะยังจำวันที่ถูกดุเรื่องให้เธอทำความสะอาดที่เขี่ยบุหรี่ที่หล่นแตกได้ดี ภายในห้องพักเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่ด้านใน แจ่มเคาะประตูห้องอยู่สองสามครั้งจนแน่ใจว่าพี่พราวไม่ได้อยู่ในห้องแน่ "คุณพราวไม่อยู่ที่ห้องครับ" หนึ่งในบอดี้การ์ดสองคนขึ้นไปรายงานเจ้านายที่ห้องทำงาน ปัง!! เสียงทุบโต๊ะดังสนั่น จนคนที่ยืนรายงานสะดุ้งตัวนิดๆ "ไม่อยู่ห้องพวกมึงก็ไปหาซิวะ" "ครับๆ" อธิปที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาชั้นสองของ
ไม่ถอดหมดแล้วมันต้องถอดแค่ไหน ได้แต่เก็บคำถามไว้ในใจ เพราะมัวแต่หลบริมฝีปากที่เม้มไซ้ไปตามลำคอ เมื่อเสียงห้ามไม่อาจห้ามคนเอาแต่ใจได้ พราวฟ้าจึงใช้แขนดันตัวเขาไว้ โดยที่พยายามไม่ให้มือที่เลอะดินเปื้อนเสื้อแบรนด์หรูราคาแพงบนตัวเขา "มือเลอะอยู่นะ" คล้ายรำคาญเสียงของคนในอ้อมแขน เมื่ออยู่ๆ ริมฝีปากอิ่มก็ถูกประกบลงมาทั้งที่เธอกำลังจะเอ่ยห้ามเขาอีกครั้ง ลิ้นหนาที่ตวัดพันเกี่ยวหยอกเย้าให้เธอแทบจะลืมหายใจ สะโพกกลมก็ยังถูกบดขย้ำอย่างมันมือ "อื้อ..." มือที่เลอะไปด้วยดินถูกวางพาดไปที่ลำคอหนาอย่างไม่รู้ตัว แค่จูบของเขาก็ทำเธอแข้งขาอ่อนแรงแทบจะพยุงตัวไม่ไหว ฟาริสใช้สองมือล็อกเอวบางอุ้มเพียงนิด ตัวคนเล็กก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่ที่ลูบไล้เนินสามเหลี่ยมอวบอิ่มแม้จะผ่านเนื้อผ้าหนา แต่มันก็ทำให้เธอร้อนวาบไปทั้งตัว ปลายนิ้วบดขยี้ติ่งเสียว นวดคลึงเพียงเบาๆ เสียงกระเส่าก็หลุดออกมาทันที ยิ่งเขาออกแรงบดขยี้และรู้ดีว่าจุดไหนที่เธอจะสะท้านจนตัวเกร็ง ฟาริสก็ยิ่งลงน้ำหนักและความเร็วในจุดนั้น "ฟาริส...อ๊ะ..." นั่นไงแค่นั้นเธอก็เสร็จแล้ว แทบไม่ต้องคิดว่าด้านในกางเกงผ
กลับออกมาจากร้าน เพราะชุดที่ออกจะยาวทำให้เธอต้องคอยจับชายกระโปรงเอาไว้ เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับได้ ก็ค่อยๆ เอนตัวเข้าไปด้านในด้วยความระวัง ฟาริสที่เดินตามมา เขาช่วยกดศีรษะเธอต่ำลงอีกนิด เพื่อไม่ให้หัวโขกกับขอบประตู เธอได้แต่เหลือบสายตามอง เขาช่วยแหละ...แม้จะเหมือนกดหัวเธออย่างแรงก็ตาม คงเพราะไอ้รถสปอร์ตหรูหราแต่เวลาขึ้นลงแสนจะลำบาก กำลังจะเอี้ยวไปหยิบเข็มขัดนิรภัยข้างตัว แต่คนที่ยืนค้ำหัวอยู่นอกรถก้มตัวมาหยิบไปคาดให้เสียก่อน "ขอบคุณค่ะ" พราวฟ้าได้แต่เอ่ยเสียงขอบคุณแผ่วเบา เพราะคนตัวสูงที่ก้มตัวเข้ามาในรถตอนนี้ ทำให้ใบหน้าหล่อคมคายของเขาอยู่ห่างจากเธอเพียงคืบ "นมจะล้นออกมาอยู่แล้ว เวลาเอี้ยวตัวก็ระวังหน่อย" เขาเอ่ยบอกตอนที่ถอยตัวกลับไปยืนเต็มความสูงอยู่ข้างรถ ยังไม่เดินไปขึ้นฝั่งคนขับ จนเมื่อเขาปิดประตูรถให้ "เห็นไหมล่ะ บอกแล้วให้เลือกชุดสีครีม" พราวฟ้าต่อว่าเขาทันที ที่ฟาริสขึ้นมานั่งในรถ พลางขยับขอบเสื้อที่หน้าอกไม่ให้นมล้นออกมาอย่างเขาว่า "ก็แค่บอกให้ระวังตัวเวลาเอี้ยวตัวแค่นั้น มันก็ไม่ได้จะหลุดออกมาทั้งเต้าหรอก แต่คนเห็นแล้วมันจะลุ้นเอา" คร้านจะเถียงกับเ
เสียงใสที่เอ่ยทักทาย พร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ พลางกระชับวงแขนของฟาริสเบียดตัวเองเข้าหาอย่างจงใจจนหน้าอกอิ่มเกยอยู่บนต้นแขนแกร่งของคนข้างๆ หวังว่าไอ้ท่าแบบนี้คงไม่ต้องอธิบายมากหรอกนะ "คู่นอนคนใหม่ของพี่ฟาริสหรือคะ เมื่อคราวที่แล้วที่มาไม่ใช่คนนี้นี่" "แฟนพี่เอง" "ครั้งที่แล้วก็บอกแบบนี้ เห็นคบกันไม่เกินสามเดือนสักคน คนนี้คบมากี่เดือนแล้วคะ" น้ำเสียงที่เอ่ยถามคล้ายไม่ได้สนใจเธอที่ยืนเกาะแขนเขาอยู่สักนิด ท่าทางคงจะถูกตามใจอย่างหนักจนดูไร้มารยาทขนาดนี้ "กี่เดือนแล้วนะคะ ฟาริส พราวก็จำไม่ค่อยได้ น่าจะเกินสามเดือนแล้วนะคะ" ในประโยคท้ายเธอหันไปบอกสาวสวยตรงหน้า "เดี๋ยวพี่ขอตัวพาคุณพราวไปสวัสดีผู้ใหญ่ด้านในก่อนนะ" "ค่ะ" เสียงห้วนที่เอ่ยตอบอย่างไม่พอใจ ยืนมองให้คนสองคนตรงหน้ากำลังจะเดินผ่านไปด้วยความหมั่นไส้ "อุ๊ย!!" พราวฟ้าอุทานขึ้นเบาๆ ตอนที่กำลังจะเดินผ่านสาวสวยดีกรีลูกสาวเจ้าของสายการบิน อยู่ๆ เธอก็ร้องออกมาราวกับตกใจอะไรสักอย่าง แต่เสียงตกใจที่ฟังอย่างไรก็เหมือนแกล้งทำ "หือ เป็นอะไร" ฟาริสเอ่ยถามพลางกระชับมือเธอ "ขอโทษค่ะ พราวสะดุดชายกระโปรง" ฟาริสจึงปล่อย
"ไง ฟาริส ไม่เจอกันนานเลยนะ" เสียงทักทายที่ดังมาจากด้านหลัง สีหน้าของเขาดูตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีจะหันไปสนใจ คล้ายกับว่าไม่อยากทักทายเสียด้วยซ้ำ ได้แต่มองหน้าเธอที่ชะงักมือกำลังจะใช้ส้อมจิ้มอาหารเข้าปาก จนเจ้าของเสียงทักทายนั้นเดินมายืนตรงหน้าฟาริสจึงได้เงยหน้าขึ้นมองอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าคมคายอย่างคนมีเชื้อสายยุโรปผสมเอเชียผิวสีเข้มยิ่งส่งให้ดวงตาคมดูดุแต่แววตาเป็นประกายไม่ได้เรียบนิ่งอย่างฟาริส ติดออกจะเจ้าเล่ห์และเจ้าชู้อยู่ไม่น้อย "ว่าไง" "ไม่นึกว่าจะเจอมึงที่นี่ นึกว่ากลับอิตาลีไปแล้วซะอีก" "มีอะไร" "ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากทักทายเพื่อนเก่า เอ๊ะ..แต่ว่า...นี่ใคร มึงจะไม่แนะนำหน่อยหรือ" "ไม่จำเป็น" "แต่ทำไมกูคุ้นหน้าจังวะ อ๋อ...คุณพราวฟ้า ใช่ไหมครับ" ในประโยคท้ายชายคนนั้นหันมายิ้มให้เธอ เพราะไม่รู้ควรต้องทำอย่างไร ดูเหมือนคนสองคนจะไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไร เธอจึงเพียงยกยิ้มมุมปากเพียงนิดให้เป็นมารยาทพลางก้มหน้าให้เล็กน้อย "คุณพราวฟ้า ลูกสาวคุณอานนท์ใช่ไหมครับ" เพราะชื่อผู้เป็นพ่อ ทำให้พราวฟ้ามีสีหน้าตื่นๆ ขึ้นทันที คนในวงการน้อยคนที่จะรู้จ
ตลอดระยะเวลาในท้องถนนยามค่ำคืน กับรถสปอร์ตหลายร้อยแรงม้า เพียงแค่ไม่กี่นาทีรถคันหรูก็กลับมาจอดที่คฤหาสน์หลังใหญ่ อธิปยืนรอรับเจ้านายอยู่ที่หน้าบ้าน นี่เขาต้องขับรถเร็วขนาดไหน ขนาดว่ามาถึงก่อนเจ้านายตัวเองที่เหยียบคันเร่งจนเธอเกร็งเท้าตาม "ขึ้นไปรอบนห้อง" พราวฟ้าชะงักฝีเท้าที่กำลังจะก้าวไปในทิศทางที่ต้องเดินอ้อมไปหลังบ้าน ได้แต่เดินกลับเข้าบ้านตรงขึ้นไปชั้นสอง ตามหน้าที่ "พ่อคุณพราวอยู่กับไอ้เอมอนน์" ฟาริสเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิท "มิน่า เราถึงหาคุณอานนท์ไม่เจอสักที" "เตรียมความพร้อมไว้ด้วย" "ครับ" ฟาริสกลับขึ้นมาที่ห้องเห็นหญิงสาวสวยในชุดราตรีหรูนั่งอยู่ที่โซฟาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เขาจึงเดินไปรินเหล้าใส่แก้ว คล้ายไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ "ฉันบอกแล้วไงว่าจะจัดการเรื่องพ่อเธอให้" "จัดการแบบไหนคะ" ไร้เสียงตอบจากคนที่กำลังกระดกแก้วเหล้าเข้าปาก "ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณจะไม่ถูกกันเรื่องอะไรหรอกนะ แต่ฉันแค่อยากรู้เรื่องพ่อแค่นั้น" "ก็บอกให้อยู่เฉยๆ และห้ามเข้าใกล้มันแค่นั้น อย่าดื้อ" ฟาริสวางแก้วเหล้าลงที่โซฟา หย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก พลางใช้หลังมือเกลี่ยที่ข
เมื่อคนตัวเล็กยังทำท่าทางดื้อดึง ฟาริสเพียงพยักหน้าให้อธิป ลูกน้องคนสนิทก็เดินเข้าหาเธอช้าๆ แตะแขนเธอเบาๆ "ขึ้นไปรอข้างบนเถอะครับ" มองใบหน้าของคุณอธิปมีสีหน้าจริงจัง แต่แววตาเรียบนิ่งที่มองเธออย่างไม่ได้คิดร้าย ทำให้เธอยอมเดินออกมาจากตรงนั้น "คุณเอมอนน์เป็นคนอย่างไรหรือคะ" พ้นห้องรับแขกมาไกลแล้ว เธอจึงได้เอ่ยถามลูกน้องคนสนิทของฟาริส ที่ยังเดินตามมาด้วย แม้รู้ว่าเจ้าตัวคงจะเข้าข้างเจ้านาย แต่ก็ยังเชื่อว่าคุณอธิปจะยังพอมีมโนธรรมอยู่บ้าง "ผมก็ไม่ค่อยรู้จักนิสัยเขาหรอกครับ รู้แต่ว่าคุณคนนี้ไม่ค่อยเล่นตามกติกาสักเท่าไร" "เขาไม่ถูกกับเจ้านายคุณอธิปหรือคะ" "ทำนองนั้นครับ" "แล้วถ้าเขาช่วยใช้หนี้ให้พ่อฉัน" "คุณรออยู่ในห้องนะครับ ห้ามลงไปข้างล่าง ผมจะให้บอดี้การ์ดมาเฝ้าหน้าห้องคุณไว้ให้" นอกจากไม่ได้คำตอบจากอธิป เธอยังกลายมาเป็นนักโทษไปโดยปริยายอีกหรือเนี่ย และเมื่อมาถึงห้อง เขาก็หายกลับลงไปข้างล่างอีกครั้ง พราวฟ้าได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่ในห้อง พยายามฟังเสียงฝีเท้าที่หน้าประตูแต่มันก็เงียบเชียบ ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เธอได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องถูกเปิดก็รีบวิ่งหน
หลังจากพักเที่ยงทานข้าวกล่องกันง่ายๆ ช่วงบ่ายก็ยังดำเนินต่อไปไม่ต่างจากเมื่อเช้า เพียงแต่นักแสดงรับเชิญสองตัวสีดำที่จะต้องเข้าฉากในช่วงบ่ายดูจะสร้างความลำบากใจให้พราวฟ้าไม่น้อย เมื่อเธอจะต้องถูกภาวินพระเอกของเรื่องอุ้มขึ้นไปนั่งบนหลังหนึ่งในเจ้าสองตัวนั่น ซักซ้อมกันอยู่หลายครั้ง จนคนที่นั่งอยู่ในเต็นท์นั่งต่อไปอย่างไม่เป็นสุข ต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ ทีมงานที่กำลังถ่ายทำโดยไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น "ต้องขึ้นไปนั่งบนควายนั่นด้วยหรือไง" คำถามของเขาทำเอาทุกคนหันมามอง "ในบทเป็นอย่างนั้นครับ" ผู้กำกับรีบออกมาชี้แจง "เปลี่ยนไม่ได้หรือไง ไม่เห็นหรือว่ามันอันตราย" "ฟาริส...คุณไปนั่งรอเถอะค่ะ พราวทำได้" พร้อมกับบอกเขาเสียงเบาแกมดุให้คนจุ้นจ้าน ดันตัวให้เขาเดินกลับเข้าไปรอในเต็นท์ "ตกไปทำยังไง" "ไม่ตกหรอกน่า" ฟาริสยอมถอยห่างออกมาแต่ก็เพียงนิดเดียว เสียงแอ็กชันสั่งนักแสดงเริ่มขึ้น ทุกอย่างก็เงียบกริบ ภาวินยืนอยู่ข้างควายตัวใหญ่ อุ้มพราวฟ้าให้ขึ้นไปนั่งไขว้บนหลังมันสำเร็จ แล้วตัวเองก็กำลังจะปีนตามขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่จังหวะดึงเชือกสายตะพายเพื่อรั้งให้ตัวเองขึ้นไปนั่งได้ คว
ฟาริสหายออกไปครู่ใหญ่ๆ กลับมาพร้อมกับถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อ ผ้าอนามัยแบบที่เธอต้องการอยู่ในนั้นเกือบสิบห่อ พราวฟ้าได้แต่ยิ้มน้อยๆ อย่างรู้สึกผิดที่เขาต้องออกไปซื้อของแบบนี้มาให้ แต่ก็อดขอบคุณเขาไม่ได้ ยื่นมือไปรับถุงพลาสติก แต่คนซื้อกลับดึงมือกลับ ไอ้ที่นึกขอบคุณอยู่ในใจเมื่อครู่จึงเปลี่ยนเป็นรอยขมวดคิ้วมุ่น "ฉันอุตส่าห์ออกไปซื้อให้ ไม่ขอบคุณสักคำหรือไง" "ก็กำลังจะขอบคุณนี่ไงคะ" ฟาริสกดยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงนิด พลางจิ้มนิ้วชี้ตัวเองลงที่แก้มสาก "หอมแก้มฉันทีนึง" พราวฟ้าแทบจะกลอกตาใส่ นี่เขาเห็นเธอเป็นเด็กหรือไง จะให้ของทีต้องหอมแก้มตอบแทน แต่ขืนช้ากว่านี้ไอ้ผ้าอนามัยที่ใส่แทนชั่วคราวไว้มันคงทำให้น้องสาวเธอผื่นขึ้นแน่ ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่มเพียงนิด เผลอสบตาเข้ากับคนตรงหน้า ทว่าอยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจเงียบๆ แต่เธอกลับรับรู้ความรู้สึกนั้นได้อย่างดี หรือจะเพราะดวงตาพราวหวานเชื่อมของคนตรงหน้าที่ทำเธอเสียอาการ จนหัวใจแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่เมื่อเขายิ่งมอง เธอก็ยิ่งขยับเข้าไปใกล้กว่านั้นไม่ได้ "หันหน้าไปซิ" พร้อมกับพูดเธอก็ใช้ปลายนิ้วดั
"พราวได้คีย์การ์ดห้องแล้วหรือ" ยังไม่ทันจะคุยเรื่องห้องกับฟาริสจบ เสียงภาวินทักมาจากด้านหลัง ทำให้เธอหันไปมองจึงได้เห็นพระเอกหนุ่มหล่อกำลังเดินมาทางนี้ "ได้แล้วค่ะ เอ่อ..." ภาวินมองหน้านางเอกคนสวยแล้วก็เหลือบสายตาไปทางหนุ่มหล่อข้างกาย ที่เห็นตั้งแต่ที่กองถ่ายนั่นแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะมาถึงก็ถูกลากไปแต่งหน้าเข้าฉากถ่ายทันที พอถ่ายเสร็จก็แยกย้ายกันออกมา "ฟาริสครับ เป็นคนดูแลพราวฟ้า" เขาเอ่ยแนะนำตัวเอง ภาวินจึงได้ยื่นมือไปทักทาย ภาวินแยกไปรับกุญแจห้อง ฟาริสก็รีบดึงเธอเดินกลับห้องพัก "ดูท่าสนิทกับมันเหลือเกิน" "ใครคะ" "ไอ้พระเอกนั่นน่ะ" "อ๋อ พี่วิน ก็สนิทกันค่ะ เคยเป็นคู่จิ้นตอนเล่นละครด้วยกัน แล้วทำไมคุณไม่เปิดห้องใหม่อีกห้องคะ" เพราะห้องที่เปิดก็ดันให้คนขับรถไปแล้ว "ก็นอนห้องเธอไง" "คุณจะนอนได้หรือ" "ทำไมฉันจะนอนไม่ได้" "ก็เห็นทุกครั้งที่ทำเสร็จ คุณก็จะกลับห้อง คิดว่าคุณอาจจะอึดอัดถ้าต้องมานอนห้องฉัน" "งั้นเธอก็นอนโซฟาซิ" "คุณซิต้องนอน นั่นห้องฉัน แล้วอีกอย่างฉันนอนดิ้น นอนกรน นอนน้ำลายยืด อย่าบ่นก็แล้วกัน" "ถ้านอนแล้วสร้
รถมินิแวนคันหรูที่วิ่งออกจากกรุงเทพมาได้ครู่ใหญ่ๆ ตลอดทางเสียงคนข้างๆ ก็ยังถามถึงเรื่องราวของงานในวันนี้ไม่หยุด "ไอ้ธรมันตกต่ำถึงขนาดมาช่วยกำกับมิวสิกบ้านๆ แบบนี้เลยหรือไงเนี่ย" "เพื่อนเขาขอร้องให้ช่วย" "มาตั้งสองวันได้ค่าตัวแค่นี้อ่ะนะ นอนกับฉันแป๊บๆ ยังได้มากกว่านี้อีก" "คุณ นี่ฉันใช้ความสามารถในการหาเงินค่ะ" "อ๋อ ลืมไปเรื่องบนเตียงนั่นมันพรสวรรค์ของเธอ" "คุณฟาริส หยุดพูดสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ" "ฉันแค่ถาม แค่อยากรู้เรื่องในวงการ" "ทำไมไม่ไปถามคุณอลินาแฟนเก่าคุณล่ะ รายนั้นรู้เยอะกว่าฉันแน่" "ก็อยากจะถามเด็กเก่ามันผิดตรงไหน" "หยุดพูดได้ไหมคะ ฉันจะอ่านบท" รถคันหรูมาจอดที่หน้ารีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี เธอแอบเห็นพี่ธรยืนรวมกลุ่มกับใครอีกหลายคนน่าจะเป็นทีมงาน สายตาหลายคู่ที่หันมามองคงจะเพราะความหรูหราของรถคันละหลายสิบล้าน คนที่ก้าวขาลงจากรถไปก่อน เรียกสายตาให้สาธรหันมามองด้วยความสนใจ แต่พอเธอลงจากรถตามลงมา คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องอย่างสาธร ก็รีบเดินมาหาทันที "อ้าว พราว ทำไมมา..กับ" "สวัสดีค่ะพี่ธร เอ่อ.." "มีปัญหาอะไรกับเด็กข
รถมินิแวนคันหรูมาจอดที่หน้าร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งหนึ่ง บรรยากาศดูออกจะโรแมนติกไม่น้อย เธอเดินเกาะแขนเขามาเงียบๆ แต่ใจก็เต้นตึกตักเตรียมรับแรงกระแทกจากคนที่น่าจะผิดหวังในค่ำคืนนี้ "ฟาริส" และดูท่าคนที่คอยอยู่จะผิดหวังกว่าที่เธอคิดเสียอีก เมื่อสายตาของอลินาหันมาเห็นเธอที่เดินคู่มากับเขา "ขอโทษทีอลินา พอดีผมไปธุระที่อื่นมาก่อน เลยต้องเอาคุณพราวไปด้วย" อลินาขมวดคิ้วมองอย่างไม่สบอารมณ์ โชคดีโต๊ะที่อลินาจองไว้ เป็นแบบกึ่งโซฟา นั่งได้ฝั่งละสองคน ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องมีการเสริมเก้าอี้กันวุ่นวาย "คุณอลินาคงไม่ถือสาพราวนะคะ ที่จะขอร่วมโต๊ะด้วยคน" "หึ ขนาดสามีฉันเธอยังขอร่วม อย่างอื่นฉันคงไม่ต้องถือสาหรอกมั้ง" "เห็นไหมคะ ฟาริส บอกแล้วให้พราวกลับเองก็ไม่เชื่อ" "ขอโทษนะอลิน มันจำเป็นจริงๆ" สายตาอลินามองที่แขนแกร่งของคนที่บอกจำเป็นจริงๆ แต่ปล่อยให้อีกคนลอยหน้าเกาะแขนไม่ยอมปล่อย พราวฟ้านั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับอลินา ขยับเข้าไปด้านในเพียงนิด ฟาริสก็นั่งลงข้างๆ เธอ อาหารมื้อพิเศษ บรรยากาศที่เหมาะสำหรับคู่รักมาพลอดรักกันอย่างยิ่ง แต่กลับอิหลักอิเหลื่อสำหรับเธอไม
ประตูห้องที่ถูกเปิดออก คนด้านนอกก็รีบแทรกตัวผ่านคุณอธิปเข้ามาทันที "ริสคะ" อลินาชะงักตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง สายตาที่มองมาถึงผู้หญิงอีกคนจึงดูไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที "ทำไม ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ล่ะคะ" "ผมให้มาช่วยงานน่ะ งานเยอะ" คนตอบเดินกลับไปที่โซฟาหยิบเอกสารแผ่นเดียวที่วางอยู่ตรงนั้นเดินกลับมาที่หน้าประตู ส่งให้อธิปที่ยังยืนรออยู่ด้านนอก "จัดการให้เรียบร้อย" ประตูห้องปิดลงอีกครั้ง เขาก็เพียงเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ได้สนใจแขกที่เดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา "พราว เอกสารที่ต้องเซ็นล่ะ" คล้ายเพิ่งหาตัวเองเจอว่าเธอควรจะทำอย่างไร คิดจะเดินออกจากห้องในทีแรกก็ไม่ทันเพราะเขาปิดประตูลงเสียก่อน เมื่อมีคำสั่ง เธอก็เพียงทำตามคำสั่ง หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นมาส่งให้เจ้านายที่โต๊ะ "วันนี้ริสว่างไหมคะ ไปซื้อของเป็นเพื่อนอลินได้ไหมคะ" อลินายั้งคำว่าชอปปิงไว้ได้ทันเพราะไม่งั้นเธอคงจะดูเหมือนคนว่างงานขึ้นมาทีเดียว "งานผมยุ่งมากเลยอลิน ให้บอดี้การ์ดไปช่วยคุณถือของไหมล่ะ" คนที่กำลังเซ็นเอกสารเพียงตอบกลับไม่ได้เงยหน้ามอ
พราวฟ้าหาเสียงตัวเองเจอก็ตอนที่รู้สึกตัวว่าฝ่ามือร้อนๆ ลูบไปตามเรียวขาจนถึงขอบบิกินีด้านใน ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะลูบเลยไปถึงเนินอวบนูนภายใต้แพนตี้ตัวจิ๋ว "ไหนๆ ก็เป็นคนไม่มีมารยาทแล้ว งั้นจะเอาตรงไหนก็คงได้นะ" "เดี๋ยวคุณอธิปเข้ามา" เธอพยายามหาเหตุผล "ถ้าฉันไม่อนุญาตก็ไม่มีใครเข้ามาหรอก" "นี่ห้องทำงานนะคะ" "มีกฎข้อไหนห้ามเอาที่ห้องทำงาน" "อย่าค่ะ ฟาริส อ๊ะ..." มือที่ผลักอกแกร่งแปรเปลี่ยนเป็นขยำที่ไหล่เขาไว้แน่น เมื่อเนินสามเหลี่ยมด้านล่างถูกล่วงล้ำ นิ้วเรียวใหญ่ที่กรีดตามรอยแยกนวดคลึงกลีบเกสรอวบอิ่มอย่างชำนาญ ลูบไล้นวดคลึงติ่งเกสรด้านในช้าๆ ก่อนจะลงน้ำหนักขยี้ปลายนิ้วเร็วๆ "ฟะ...ฟาริส อย่า..ค่ะ" ดวงตาหวานที่ปรือตาจ้องมองคนตรงหน้า มันฉายชัดแห่งความต้องการอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่นิ้วมือนั้นจะค่อยกลับมานวดเค้นไปตามกลีบเกสรในจังหวะเนิบช้าอีกครั้ง "อยากให้หยุดจริงๆ หรือ" "อ๊า..." เธอเกือบจะปฏิเสธได้อยู่แล้วเชียว ถ้าอยู่ๆ นิ้วมือยาวนั้นไม่ได้ล้วงลึกเข้าไปด้านใน และมันกำลังสั่นไหวอยู่ภายในช่องทางรักคับแคบ เสียงปฏิเสธในคราแรกจึงกลายเป็นเสียงครางเบาๆ อย่างคนที่
พราวฟ้าก้าวเข้ามาในห้องทำงานในตอนเช้าตามเวลาปกติเหมือนทุกวัน หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่ห้องนอนส่วนตัวเสร็จ เธอก็จะเดินมาที่ห้องทำงานใหญ่ของฟาริส "อุ๊ย!" เสียงอุทานด้วยความตกใจ เพราะปกติเธอจะมาถึงก่อนผู้เป็นเจ้าของห้อง แต่วันนี้ฟาริสนั่งอยู่ในมุมมืดที่โซฟาด้านใน เธอรีบเปิดไฟในห้องให้สว่าง "มานั่งนี่ซิ" น้ำเสียงราบเรียบที่เอ่ยเรียก เธอได้แต่ภาวนาให้อย่ามีเรื่องอะไรที่จะทำให้ปวดหัวไปมากกว่านี้เลย เพราะสีหน้าของคนที่นั่งอยู่มันบ่งบอกว่าเขามีเรื่องอะไรจะพูดแน่นอน หลังจากแอบอ่านข้อความในโทรศัพท์มือถือของเธอตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้เขาก็ตื่นเช้าเป็นพิเศษ หรือจะเรียกว่าหลับไม่เต็มตื่นนักก็ได้ อดทนเก็บความเคลือบแคลงใจนั้นไว้ไม่ไหว จนต้องมาดื่มกาแฟที่ห้องทำงานรอเวลา พราวฟ้าทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม วันนี้เธอเลือกใส่ชุดเดรสสีฟ้าอ่อนสั้นเหนือเข่าพอสมควรคลุมทับด้วยเสื้อคาร์ดิแกนไหมพรมสีเทาอ่อน ไอ้ท่าระแวงระวังจับกระโปรงสั้นจนน่าหมั่นไส้ ทำอย่างกับเขาไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ "คุณมีอะไรจะคุยกับฉันหรือเปล่าคะ" "เธอกับไอ้สาธร เป็นอะไรกัน" เมื่อเธอเข้าเรื่อง เขาก็ถามเร
ฟาริสอ่านข้อความนั้นอย่างเงียบๆ แล้วก็วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะทำงานอย่างไม่ใคร่สนใจ เซ็นเอกสารในแฟ้มต่อ ทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ "ได้เรื่องไอ้สาธรบ้างไหม" อธิปถูกเรียกตัวไปที่ห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ห้องใหญ่ชั้นสามของบ้าน ภายในตกแต่งไว้อย่างหรูหราสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสไตล์อิตาเลียนอย่างแท้จริง คนถามยืนแกว่งแก้วเหล้าอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่ "ยังครับ ผมสืบประวัติญาติพี่น้องหมดแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่จะเป็นเครือญาติกับคุณพราวฟ้าอย่างที่สงสัยได้" "หรือยายนั่นมันจะแอบชอบไอ้สาธรจริงๆ" "ไม่น่าใช่นะครับ แต่เจอข้อมูลใหม่มาว่าคุณสาธรเคยโอนเงินให้คุณพราวห้าแสนครับ หลังจากเกิดเรื่อง" ฟังลูกน้องบอก ฟาริสก็ยังหาเหตุผลที่ดูจะมีเหตุผลจากแม่ดาราคนสวยนั่นไม่ได้สักนิด ยายนี่มันต้องโง่ ขนาดไหน "เดี๋ยววันเสาร์นี้ฉันจะไปเอง" "คุณฟาริสจะไปเอง" "ทำไม ก็ฉันอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าเรื่องของสองคนนี้มันยังไงกันแน่" "หรือที่จริงอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ครับ แค่คุณพราวอาจจะยืมเงินคุณสาธร คุณอลินาอาจจะเข้าใจผิด เพราะหลังจากนั้นสองคนนั้นก็แทบไม่ติดต่อกัน" "แต่ไอ้นั่นมันขอเลิกกับอลินานะ ไม่ติดต่อ