ฉันยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยุดและหันกลับมามองที่ฉัน“ไม่กินมื้อเช้าเหรอ?”ฉันถอนหายใจยาว ทำได้เพียงตามเขาไปอย่างช่วยไม่ได้หลังจากรับประทานมื้อเช้ากันแบบง่าย ๆ เป็นเพราะบรรยากาศอึดอัดเกินไป ฉันก็ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับเขาราวกับกำลังหนีตายระหว่างที่ฉันจ่ายเงิน เขาก็หยิบของหนัก ๆ แล้วเดินออกไปก่อนเรามาถึงสถานที่จัดประชุมและตัดสินใจตกแต่งสถานที่ ที่นี่พวกรุ่นพี่ได้สร้างเวทีที่เรียบง่ายขึ้นเวทีหนึ่ง พวกเราแค่ต้องตกแต่งสถานที่นี้ตามรูปภาพก็พอฉันหยิบทุกอย่างข้างในถุงออกมา แล้วจัดเรียงมันให้ตรงตำแหน่งเพื่อหน่วยกิต ต้องบอกว่าฉันพยายามอย่างหนักจริง ๆ แต่ก็มักจะรู้สึกเหมือนมีสายตาที่เร่าร้อนจับจ้องฉันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ที่มาของสายตานี้ฉันเม้มริมฝีปากลง ค่อย ๆ จัดสถานที่ทีละนิดระหว่างพักเบรก เขายื่นเครื่องดื่มมาให้ฉันหนึ่งขวด ฉันปฏิเสธไปอย่างสุภาพ แต่เขากลับบังคับยัดมันใส่มือฉัน“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”นี่ไม่เหมือนเขาเลย แต่...ของฟรีแบบนี้ ทำไมจะไม่เอาล่ะ?ดื่มน้ำอัดลมไปห
ขืนยังอยู่เป็นก้างขวางคออีก ก็คงเสียมารยาทแล้ว พอเห็นทั้งสองคนที่แสนจะมีความสุขและหวานหยด ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินท้ายที่สุด คนที่ไม่ถูกรักต่างหากถึงจะเป็นมือที่สามฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงหอพักด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบไหน แต่เมื่อฉันนอนลงบนเตียง ภาพที่เขาอุ้มฉันไว้ในอ้อมแขนก็ประเดประดังเข้ามาในหัว ทำให้ฉันรู้สึกแปลกพิกลแต่ด้วยอุปนิสัยเช่นนั้นของเขา แม้ว่าจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นเขาก็คงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเหมือนกันฉันพยายามขจัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวทั้งหมดออกไป จากนั้นก็หลับไปอย่างสงบในความฝัน ฉันฝันว่าพวกเขาสองคนกำลังกอดกัน ส่วนฉันซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เป็นเหมือนหัวขโมยที่คอยแอบดูความสุขของคนอื่นฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา โชคดีที่ทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเช้าวันรุ่งขึ้น ฉันก็เปลี่ยนไปสวมชุดใหม่ที่สะอาดและคล่องตัว เตรียมจะไปจัดสถานที่คนเดียว แต่กลับได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จักสายหนึ่ง “สวัสดีค่ะ”ฉันกดรับสายอย่างสุภาพ แม้จะไม่รู้ว่าใครโทรมา แต่มันก็ทำให้ฉันประหลาดใจอย่างมาก“ฉันไม่โอเค”น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังส่งมา ทำให้ฉันยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเขาโทรหาฉันทำไม?
ชั่วครู่หนึ่ง ฉันถูกบีบให้เข้าสู่ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าฉันปฏิเสธเขา ฉันจะกลายเป็นคนถ่อยที่เนรคุณคนทันทีแต่ถ้าฉันตอบตกลง ก็กลัวว่าจะเข้าไปพัวพันกับเขาอีก“ฉันไม่บังคับเธอหรอกนะ ถ้าเธอไม่เต็มใจ ก็ลืมมันไปซะเถอะ อย่างที่คิดไว้เลย ทำดีไม่ได้ดีจริง ๆ ด้วย”กู้จือโม่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสายถอนหายใจยาว เสียงนี้เป็นเหมือนกับเสียงของปีศาจที่วนเวียนอยู่ในหัวใจของฉันไม่หยุด“อีกเดี๋ยวฉันจะไปถึงที่นั่น”ขณะที่เขากำลังจะวางสาย ฉันก็ตอบตกลงต่อให้เราจะใกล้ชิดกันสักสองสามวันแล้วจะทำไม ฉันไม่มีทางเกิดความรู้สึกที่ไม่ควรมีกับเขาอย่างมากสุด อีกหน่อยก็อยู่ให้ห่างจากเขาเยอะหน่อยฟังจากที่พูดมา เหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้กินข้าวเช้า ฉันเลยรีบนั่งแท็กซี่ไปที่ร้านอาหารเช้าใกล้โรงพยาบาล แล้วซื้ออาหารเช้าสองสามอย่างแล้วหิ้วมันไปที่โรงพยาบาลด้วยกันกู้จือโม่ในเวลานี้กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างสง่างาม เขาก็แค่กระดูกมือหัก ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเขาถึงต้องเข้าแอดมิดในโรงพยาบาลด้วยเมื่อเห็นฉันมาถึง เขาก็เริ่มทักทายฉันทันที“เมื่อวานฉันนอนเฝ้าดูอาการอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ต
นิ้วเรียวยาวของเขากำลังดึงสายกางเกง เหมือนว่าจะเป็นเพราะมือของเขาเข้าเฝือกอยู่ เลยทำให้มัดเชือกได้ยากถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาสวมกางเกงเสร็จแล้ว ฉันคงได้เห็นเขาล่อนจ้อนจริง ๆวินาทีนั้น ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองแดงเหมือนกุ้งที่เพิ่งต้มสุกเลย“นาย…”ฉันอยากจะตำหนิเขา แต่ก็รู้สึกเขินอายอย่างมาก จึงหันหลังกลับและรีบวิ่งออกไปให้ตายสิ ทำไมเขาถึงได้น่ารำคาญขนาดนี้นะ?ฉันที่ยืนอยู่ที่ประตูรู้สึกเหมือนหัวใจตึกตักไม่หยุด ใบหน้าแดงก่ำมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งแดงจนร้อนผ่าวแม้แต่การหายใจก็ยังหอบกระชั้น แทบจะขาดอากาศหายใจอยู่แล้วฉันหลับตาลงอย่างตื่นเต้น แต่ในหัวก็เอาแต่นึกถึงนิ้วยาวของเขาที่กำลังดึงสายกางเกงไม่หยุดมองดูผ้าห่มที่ยังไม่ได้พับซึ่งกองอยู่บนเตียง ฉันก็รีบปรี่ขึ้นไปแล้วพับผ้าห่มผืนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งเขาเดินออกมา ฉันถึงได้วางผ้าห่มไว้ข้าง ๆฉันหันหน้าหนีทันที ไม่กล้าเผชิญหน้าเขาส่วนเขารอบตัวกลับปลดปล่อยกลิ่นอายที่เจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นด้านหนึ่งของกู้จือโม่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน“อะไร เธอเขินเหรอ?”น้ำเสียงของเขามีเสน่ห์อย่างมาก ฉันรู้สึกเหมือนว่าขื
ลมหายใจอุ่น ๆ พ่นรดลงมาและกระจายไปโดนใบหูและแก้มของฉันแต่เดิมฉันก็เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลามีคนมาพูดที่ข้างหู จึงทำให้ฉันยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่ ใบหูแดงก่ำจนเกือบสุกเขายื่นมือออกมากอดฉันไว้ จากนั้นก็ก้มศีรษะลงมาริมฝีปากบางเฉียดผ่านแก้มของฉันไปเบา ๆดวงตาคู่นั้นมันช่างล้ำลึกเหมือนเหมือนจะรวบรวมเอาความเวิ้งว้างของกาแล็กซีไว้ แค่ได้มองครั้งเดียวก็ทำให้คนตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเมื่อเห็นริมฝีปากบางขยับเข้ามาใกล้ฉัน ฉันก็รู้สึกราวกับมีมนต์สะกดมาพันธนาการตัวฉันไว้ ฉันจับเชือกมัดกางเกงนั้นด้วยมือทั้งสองข้างและยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ แม้แต่ลมหายใจก็กระชั้นแทบจะหยุดลงผู้ชายที่เคยทำให้ทั้งชีวิตนั้นของฉันน่าทึ่ง จะไม่หวั่นไหวเมื่อพบเขาเป็นครั้งที่สองได้อย่างไรเมื่อคุณพบใครสักคนที่น่าทึ่งมากเมื่อสมัยยังเด็ก น่ากลัวว่าไม่เพียงแต่คุณจะไม่สามารถลืมมันได้ตลอดทั้งชีวิต แม้ว่าจะมีโอกาสกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ก็ยังไม่อาจหนีพ้นเป็นเหมือนกับกับดักที่ทำให้ใจเต้น และก็เป็นเหมือนตาข่ายความรักที่ผูกมัดผู้คนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัวเขากำลังจะจูบปากของฉัน และฉันเองก็แอบคาดหวังนิด ๆ
หลังจากที่เฉินเยวี่ยพูดจบ ฉันก็ตกตะลึงไปสองวินาทีก่อนที่จะกลับมาได้สติอีกครั้งเธอเดินขึ้นมา จับมือของฉันแล้วถามฉันอย่างจริงใจ “ลั่วลั่ว เธอจะอวยพรให้กับฉันและอาโม่ใช่ไหม?"ฉันมองดูท่าทางคาดหวังของเฉินเยวี่ย แล้วดึงมือของตัวเองกลับ“ขอโทษทีนะ ฉันคิดว่าพวกเธอไม่ต้องการคำอวยพรจากฉันหรอก ยังไงพวกเธอก็ต้องมีชีวิตที่ดีมากอยู่แล้ว”“แต่พวกเราไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ?”ฉันอยากจะหัวเราะเล็กน้อย เฉินเยวี่ยเห็นว่าฉันเป็นนางโง่รึไง?ไม่ใช่ว่าฉันจะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในพักนี้ของกู้จือโม่ไม่ได้ เพียงแต่ว่าถูกงูกัดครั้งหนึ่งกลัวเชือกไปสิบปี ฉันยังจดจำหลักการนี้ได้อย่างขึ้นใจตอนนี้ฉันมีความฝันที่อยากจะทำมันให้สำเร็จแล้ว มีชีวิตที่อยากจะมี ห้วงทุกข์ในอดีต มีแต่จะเตือนฉันว่าให้อยู่ให้ห่างจากเขา“เฉินเยวี่ย” ฉันมองเธออย่างเย็นชาและยิ้ม “สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าเธอกำลังจะกลายเป็นหลานสะใภ้ของตระกูลกู้ และเป็นคู่หมั้นของกู้จือโม่ในเร็ว ๆ นี้หรอกเหรอ?”“ทำไมฉันถึงมองเห็นความหวาดกลัวจากในสายตาของเธอกันล่ะ?”ฉันเปิดโปงความคิดของเฉินเยวี่ยออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ใบหน้าที่ไร้เดียงสานั้นฉับพลันจึงบิดเบี้ย
ฉันจับมือของเธอลงมาแล้วส่ายหัว "เปล่า วันนี้ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"“แล้วพวกนั้นล่ะ?”“ไม่รู้สิ น่าจะใกล้กลับมาแล้วมั้ง พวกนั้นออกไปช้อปปิ้ง ฉันไม่ได้ไปด้วย แค่ไปเดินเล่นที่สนามกีฬาน่ะ”“โอเค งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”“ไปเถอะ ถ้ารู้สึกไม่ดีก็รีบเก็บของและพักผ่อนซะนะ”หลังจากที่ฉันออกจากห้องน้ำ ทุกคนก็กลับมาแล้ว ฉันพูดหยอกล้อกับพวกเธออีกสักพัก แล้วจึงขึ้นเตียงนอนประมาณสี่ทุ่ม กู้จือโม่ก็ส่งข้อความมาบอกให้ฉันไปที่โรงพยาบาลในเช้าวันพรุ่งนี้ เพราะพยาบาลพิเศษติดธุระบางอย่างเลยจะไม่มาทำงานแล้วฉันมองดูตัวอักษรบนหน้าจอแต่ละแถว จู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามันน่าหัวเราะเขากำลังจะหมั้นหมายกับเฉินเยวี่ย แต่ก็ยังมาเกาะแกะฉันอีก นี่เขาหมายความว่ายังไง?ฉันซุกโทรศัพท์ไว้ใต้หมอน หลับตาแล้วพยายามทำให้ตัวเองหลับไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเที่ยงคืน ฉันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโอนเงินไปให้กู้จือโม่ก้อนหนึ่ง จากนั้นก็บล็อกวีแชทของเขาไปตลอดคืนไร้ซึ่งความฝันเนื่องจากเพิ่งจะเปิดเทอม ตารางเรียนของพวกเราจึงยังไม่ออกมาโดยส่วนใหญ่ทุกคนจึงว่างกันมากฉันเพิ่งจะมองหางานพาร์ทไทม์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบเสื้อผ้าผ่
ฉันกำหมัดไว้ข้างหลังตัวเอง ในขณะที่น้ำเสียงเย็นชา “ก็อย่างที่นายเห็นนั่นแหละ”“เธอบล็อกฉันเหรอ?”กู้จือโม่ถามด้วยสีหน้าที่เข้มขึ้นฉันมองเขาแล้วยิ้ม “ก็เห็น ๆ กันอยู่นี่ไง”สีหน้าของกู้จือโม่จากหม่นหมองกลายเป็นเคร่งเครียด ดวงตาของเขาจ้องมาที่ฉันเหมือนจะเผาฉันให้เป็นจุณ มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมาฉันเริ่มรู้สึกกลัวโดยสัญชาตญาณ จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวแต่ในทันทีนั้นเอง มือใหญ่มาก็วางลงบนบ่าของฉันฉันหันกลับไปมอง ก็พบลั่วอี้ฝานยืนอยู่ เขามองฉันด้วยดวงตาแฝงไปด้วยความสนุกสนาน“อรุณสวัสดิ์นะ ที่รักของฉัน”ฉันเงียบ “...”ฉันแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำเรียกของลั่วอี้ฝาน แล้วส่งสายตาให้เขาปล่อยมือจากไหล่ฉันแต่เขากลับเลิกคิ้วขึ้น เหมือนจงใจไม่ยอมปล่อยการที่ฉันกับลั่วอี้ฝานเงียบกันแบบนี้ ในสายตาของกู้จือโม่คงดูเหมือนว่าเรากำลังหยอกล้อกันกู้จือโม่ใช้มือข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกจับข้อมือของฉัน ในขณะเดียวกันลั่วอี้ฝานก็เหมือนจะรู้ทัน เขาก็จับข้อมือของฉันอีกข้างไว้เช่นกันทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างแรงราวกับอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายตอนนี้เป็นเวลาประมาณเก้าโมงเช้า นักศึกษาท
แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่
ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั
ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู
ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่
“บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม ราวกับว่าเขาได้จัดฉันให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับเด็กสาวที่ยอมประนีประนอมเพื่อผลประโยชน์ไปแล้วอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้อ่อนแอและถูกกดขี่ยังไงก็ได้อย่างที่เขาคิด ฉันมีหลักการและขอบเขตของตัวเองฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อทำให้จิตใจสงบลง จากนั้นก็มองเขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น“ศาสตราจารย์จาง บางทีคุณอาจเข้าใจอะไรผิดไป ฉันมาที่นี่เพราะความหลงใหลในงานออกแบบและความกระหายในความรู้ ไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างที่คุณว่า ถ้าคุณคิดว่าการกระทำของคุณจะทำให้ฉันยอมจำนน ฉันคงต้องบอกว่าคุณคิดผิดแล้ว”เขาไม่คาดคิดว่าฉันจะกล้าตอบโต้เขาอย่างตรงไปตรงมา สีหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงทันที ดวงตาเผยให้เห็นแววโกรธเคืองแวบหนึ่งอย่างไรก็ตาม ฉันไม่ได้ถอยหนีเพราะเหตุนี้ ฉันยังคงอธิบายจุดยืนของตัวเองต่อไป“ฉันรู้ว่า ในวงการนี้มีบางคนที่ใช้ตำแหน่งและอำนาจของตัวเองทำเรื่องที่ไม่เหมาะสม แต่ฉันอยากบอกว่าฉันไม่ใช่คนแบบนั้น และฉันก็จะไม่มีวันเป็นแบบนั้น ฉันให้เกียรติตัวเอง ทั้งยังให้เกียรติผู้อื่น ฉันหวังว่าคุณจะเคารพการตัดสินใจของฉันด้วย”เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมาเบา
บางทีอาจเป็นเพราะฉันเคยพบเจอผู้คนมามากมาย จึงทำให้ฉันเข้าใจได้ว่าคนประเภทนี้มีความคิดที่รอบคอบเพียงใด และยังทำให้ฉันรับรู้ได้ถึงเจตนาที่แท้จริงของพวกเขาด้วยนี่คิดจะใช้วิธีนี้เพื่อล่อให้ฉันตกหลุมพรางงั้นเหรอ? ดูเหมือนจะโง่ไปหน่อยนะ แต่ฉันจะไม่รีบร้อนหรอก ของดีมักจะมาในตอนท้าย และฉันมั่นใจว่าจะสามารถจับจุดอ่อนของเขาได้แน่นอนฉันแสร้งทำเป็นมีท่าทีคาดหวังอย่างตั้งใจ สีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นความหมายที่ยากจะคาดเดา จากนั้นสายตาของเขาก็เริ่มเปล่งประกายร้อนแรงขณะมองมาที่ฉัน แล้วก้าวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น“ฉันได้พิจารณาแบบร่างของเธออย่างละเอียดแล้ว ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าค่อนข้างธรรมดานะ แต่ที่เธอสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ในครั้งนี้ คงเป็นเพราะโชคช่วยเสียมากกว่า เพราะอันดับของเธอไม่ได้อยู่ในระดับต้น ๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ครั้งนี้เธอได้รับโอกาสที่ดีมาก ก็หวังว่าเธอจะสามารถใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และค้นพบศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่”เมื่อได้ยินคำวิจารณ์ของเขา ฉันแทบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของฉันเลย แต่การที่เขาพูดแบบนี้ออกมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ ฉันก็รักษาสีหน้าที่อ่อนโยนไว้ทันที เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งรถจอดลงที่นี่ ฉันก็เดินตามผู้ชายคนนั้นขึ้นไปบนชั้นอย่างรวดเร็วขณะอยู่ในลิฟต์ เขาหันกลับมามองฉันแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาของเขาก็แฝงไปด้วยอารมณ์ที่ทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจและแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก“ศาสตราจารย์จางเป็นอาจารย์ที่ทุกคนยกย่องมาโดยตลอด การที่เธอได้รับโอกาสนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่หายาก แต่มีบางเรื่องที่ฉันต้องอธิบายให้เธอเข้าใจ”ฉันพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมแสร้งทำท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้อีกฝ่ายเชื่อจริง ๆ ว่าฉันเป็นคนไร้เดียงสาและใสซื่อ“ต่อจากนี้ ศาสตราจารย์จางอาจจะให้คำแนะนำเธอเกี่ยวกับบางประเด็น และยังเสนอวิธีที่ดียิ่งขึ้นให้กับเธอ เพื่อที่เธอจะสามารถก้าวไปได้ไกลขึ้นบนเส้นทางที่เกี่ยวข้องนี้”ฉันย่อมรู้ดีว่า ‘วิธี’ ที่ว่าก็คือการเรียนการสอนตามเส้นทางที่เป็นทางการเท่านั้น แต่ในตอนนี้ ฉันกลับแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรเลย พร้อมกับถามเขาด้วยท่าทีไร้เดียงสา“แล้วทำไมถึงนัดที่นี่ล่ะคะ? นัดในห้องเรียนไม่ได้เหรอ?”ฉันแสร้งทำเป็นรู้
หลังจากวางสาย ฉันรีบแจ้งเรื่องนี้ให้ซูข่ายเหวินรู้เป็นอันดับแรก แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีประหลาดใจอย่างที่ฉันคาดไว้เลย ตรงกันข้าม เขากลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้า“ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้คงต้องลำบากเธอหน่อย การต้องอยู่กับคนเลวแบบนี้คงเป็นเรื่องที่เหนื่อยแน่ ๆ เธอต้องทำให้เขาตายใจและลดความระมัดระวังลงให้ได้”ฉันพยักหน้าตอบรับ แน่นอนว่าฉันรู้ดีว่าสิ่งนี้อันตรายแค่ไหน และก็รู้เช่นกันว่าต้องจัดการเรื่องนี้อย่างรอบคอบให้ดีที่สุด“อุปกรณ์ที่ฉันให้เธอ อย่าลืมใช้ล่ะ เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดแน่ ๆ แต่มั่นใจได้เลยว่าอุปกรณ์ที่ฉันให้ จะสามารถบันทึกหลักฐานความผิดของเขาได้ทั้งหมด”ฉันพยักหน้า เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ซูข่ายเหวินให้ฉันนั้นต้องมีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นฉันจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอนด้วยแผนการที่รอบคอบของเราทั้งสองคน เชื่อว่าเรื่องนี้จะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน และเมื่อนั้นก็จะไม่มีใครสามารถคุกคามสาว ๆ ที่ไร้เดียงสาเหล่านี้ได้อีกต่อไปเมื่อลมเย็นพัดผ่านตัวฉันในค่ำคืนนี้ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเวลานัดห