บางทีอาจเพราะได้รับกำลังใจเล็กน้อย ฉันจึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจัดการเรื่องอาจารย์โอวหยางให้สำเร็จ ลั่วอี้ฝานไม่ได้บอกว่าช่วงนี้ดขายุ่งเรื่องอะไร แต่ฉันคิดว่าสิ่งที่เขาต้องทำคงไม่ใช่แค่เรื่องงาน อาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขาด้วย แต่ฉันไม่ชอบล้วงความลับของคนอื่น จึงเลือกที่ให้ความเคารพอย่างเงียบ ๆ เมื่อฉันใช้บัตรเข้างานที่ผู้อาวุโสหนานให้มา และได้พบกับอาจารย์โอวหยางอย่างราบรื่น ฉันก็รู้ทันทีว่าตัวเองเข้าใกล้ความสำเร็จไปอีกก้าวแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าการเชิญอาจารย์โอวหยางให้กลับมาช่วยงานนั้นจะต้องแลกด้วยต้นทุนแค่ไหน แต่เขาคือความหวังเดียวของฉันที่จะพลิกสถานการณ์และคว้าชัยชนะกลับมาได้ อาจารย์โอวหยางเป็นคนเรียบง่าย สวมชุดลำลองสีฟ้าอ่อนที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและอ่อนโยนไปพร้อมกัน อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของความสง่างามแบบโบราณ “อาจารย์โอวหยาง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวอย่างสง่างามเดินเข้ามาใกล้ ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสยาวสีชมพูอ่อน ผมลอนหนาของเธอช่วยเพิ่มความสง่างามและความมีระดับให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นเครื่องประดับที
ทั้งสองเปิดฉากโต้เถียงกันต่อหน้าฉัน ฉันได้แต่ยืนมองพวกเขาทะเลาะกันไปมาโดยที่ไม่สามารถแย้งอะไรได้เลยจนกระทั่งผู้อาวุโสโอวหยางหอบหายใจหนัก ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ ในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกเสียใจอย่างมากโดนขัดจังหวะก็ว่าแย่แล้ว ยังต้องมาพลาดโอกาสที่ดีที่สุด ไปอีกคาดว่าเขาโกรธจนเป็นแบบนี้ คงไม่มีอารมณ์มาจัดการเรื่องความร่วมมือแล้วแน่ ๆยิ่งดูท่าทางแล้ว ดูเหมือนจะไม่พอใจเรื่องพิธีการความร่วมมือนี้อยู่ไม่น้อย หากตอนนี้ฉันพูดอะไรออกไป ก็คงเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟเท่านั้นฉันจึงเลือกเดินออกไปที่สวนหลังบ้านของผู้อาวุโสโอวหยาง ที่นี่ดูสง่างามแบบเรียบง่าย มีดอกโบตั๋นปลูกอยู่ทั่วบริเวณหลังจากฝนตกเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้ดอกโบตั๋นกำลังบานสะพรั่ง ราวกับเป็นงานแสดงที่สวยงามตระการตาฉันใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกือบครึ่งชั่วโมง รู้ตัวดีว่าครั้งนี้คงกลับไปมือเปล่าอีกแล้วจึงตัดสินใจโทรหาลั่วอี้ฝาน“ที่นี่มีปัญหานิดหน่อย คิดว่าโครงการอาจจะไปต่อได้ยาก ถ้าไม่หาทางแก้ไขอะไรบางอย่าง โครงการของพวกเราคงต้องล่มแน่ ๆ"ในเมื่อผู้อาวุโสหนานปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือ แล้วยังเจออุปสรรคครั้งใหญ่แบบนี้ หากไ
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ฉันขยายเครือข่ายของตัวเอง แต่ยังทำให้เข้าใจสถานการณ์ในวงการนี้มากขึ้นด้วย"หนูเฉียว ใช่ไหม? ชอบดื่มชาอะไรหรือ?"ผู้อาวุโสโอวหยางที่เงียบขรึมมาตลอดจู่ ๆ ก็เก็บผลงานของตัวเองขึ้นมา ก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาแหลมคมดูเหมือนเขาจะสนใจฉันไม่น้อย จึงเริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น"ฉันค่อนข้างชอบชาผู่เอ๋อค่ะ แต่จะเอนเอียงไปทางชาดำมากกว่า"ก่อนหน้านี้ฉันเคยเรียนชงชาอยู่ไม่กี่ครั้ง ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายแบบนั้น ฉันจำเป็นต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเพื่อเอาตัวรอดแม้แต่ศิลปะการชงชาก็เป็นหนึ่งในบทเรียนที่ต้องเรียน และเหตุผลที่พ่อบังคับให้ฉันเรียนสิ่งเหล่านี้ ก็เพื่อให้ฉันหาเงินทองกลับมาสู่ตระกูลเฉียวมากขึ้นแต่สุดท้ายพ่อผู้แสนดีของฉันกลับต้องจบลงด้วยการถูกส่งเข้าคุก คนที่แม้กระทั่งแม่ของตัวเองยังไม่กตัญญู คนแบบนี้ไม่ใช่คนที่มีจิตใจอำมหิตหรอกเหรอ?แล้วคนแบบนั้นจะมีจิตวจแบบไหนในการเลี้ยงดูลูกสาวให้มีความสามารถรอบด้าน?“โอ้ แบบนี้ก็น่าสนใจดีนะ ถ้างั้นช่วยชงชาให้พวกเราดื่มสักถ้วยสิ”ผู้อาวุโสโอวหยางดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานสายตาที่มองฉันก็กลับมาเรียบเฉ
การได้ร่วมงานกับผู้อาวุโสโอวหยาง จะทำให้โครงการเซาท์เทิร์น ฮิลด์ เรสซิเดนซ์มีโอกาสพัฒนามากยิ่งขึ้นฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย พยายามควบคุมความรู้สึกยินดีไว้ในใจ และแสดงออกอย่างสงบ“ผู้อาวุโสโอวหยาง ฉันตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับคุณ หากสะดวก ฉันอยากนัดพูดคุยเรื่องความร่วมมือแบบพบหน้ากันค่ะ”ในใจฉันเต็มไปด้วยความหวัง อยากให้การเจรจาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงเสียงหายใจที่มั่นคงจากปลายสายทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นขึ้น ก่อนที่เขาจะตอบกลับสั้น ๆ แต่หนักแน่น “ได้ ถ้างั้นมาได้เลย”จากนั้น เขาก็วางสายไป ความยินดีเอ่อล้นในใจฉันอย่างที่สุดการได้โอกาสในการร่วมงานที่หาได้ยากเช่นนี้ ฉันย่อมไม่กล้าทำให้เสียไป ฉันรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่เรียบร้อยและสะอาดสะอ้าน ก่อนจะเร่งเดินทางไปยังบ้านของผู้อาวุโสโอวหยางทันทีเมื่อฉันมาถึงบ้านของผู้อาวุโสโอวหยาง พบว่าเขากำลังจิบชาอยู่ ในมือถือภาพบางอย่างไว้ คล้ายกับกำลังศึกษาบางสิ่งอย่างละเอียดฉันไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ แต่ยืนรออย่างเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่พ่อบ้านจะพาฉันไปนั่งที่ตรงข้ามกับเขา พร้อมกับส่งถ้วยชามะลิที่หอมอบอวลมาให้บางทีคนในวัยนี้อาจจะชื่นชอบการดื
เนื่องจากทะเลสาบมีอายุยาวนาน ทำให้บางส่วนแห้งเหือดไป แต่ภายหลังธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเอง จนค่อย ๆ กลายเป็นภูเขาเล็ก ๆ ที่มีลำธารไหลผ่าน สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติจึงค่อนข้างสมบูรณ์หากนำพื้นที่นี้ไปใช้สร้างอาคารสมัยใหม่ คงต้องถมทะเลสาบจนหมด ซึ่งจะทำให้เสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมไปแถมยังต้องใช้เงินจำนวนมากแต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่คุ้มค่าแต่หากสามารถผสมผสานกับสถาปัตยกรรมโบราณได้จะช่วยประหยัดงบประมาณไปได้มาก และยังสร้างกลุ่มอาคารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร“โครงการที่ดีแบบนี้ควรลองดู เรามีสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดั้งเดิม มันสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการสร้างสวนโบราณได้ นอกจากนี้ยังกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนสำหรับย่านการค้าใกล้เคียงได้อีกด้วย”ฉันหยิบดินสอที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา แล้วเริ่มลงรายละเอียดเพิ่มเติมบนแบบโครงร่างเดิมของฉัน สีหน้าของผู้อาวุโสโอวหยางค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความพึงพอใจหากความร่วมมือครั้งนี้สำเร็จ ฉันก็จะสามารถพัฒนาโครงการได้อย่างก้าวกระโดดเมื่อภาพทั้งหมดถูกเติมเต็ม ฉันส่งแบบร่างให้ผู้อาวุโสโอวหยาง เขาดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก“ถ้าฉันได้พบเธอเร็วกว่านี้ และเธอสนใจในสาขานี้จริงๆ ฉันคงยินด
“ต่อให้ไม่มีนายโครงการนี้ก็สำเร็จได้ และถึงจะไม่มีความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสโอวหยาง ฉันก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่าย ๆ แต่นายที่คอยช่วยเหลืออยู่ลับ ๆ นายต้องการอะไรกันแน่?”เฉินเยวี่ยเดินทางไปต่างประเทศแล้ว และฉันกับเขาก็แทบไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ อีก ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงยังคงปรากฏตัวในโลกของฉันอยู่เรื่อย ๆดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นความเย็นชาของฉัน จู่ ๆ ก็เดินเข้ามาคว้าข้อมือของฉันไว้แน่น การกระทำแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาไร้มารยาท ฉันจึงพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากการจับของอีกฝ่าย ทว่าคำพูดของเขาที่ตามมานั้นกลับทำให้ฉันชะงักไปทันที ราวกับถูกตรึงอยู่กับที่“ฉันรู้ว่าบางเรื่องมันไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ฉันก็แค่อยากไถ่โทษและสารภาพความผิด เธอจะไม่ให้โอกาสฉันเลยเหรอ? หรือเธออยากให้ฉันต้องจมอยู่กับความทรมานในใจไปตลอดชีวิต?”เขายืนอยู่บนจุดสูงสุดของศีลธรรมใช้มันมาผูกมัดฉัน หากไม่ใช่เพราะพวกเขา ฉันก็คงไม่มีชีวิตที่น่าสังเวชแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?หากไม่ใช่เพราะได้รู้จักเขา และไม่เคยหลงรักเขาอย่างไม่คิดชีวิต ชีวิตฉันก็คงไม่ตกต่ำถึงขนาดนี้ คงไม่ต้องถูกกลั่นแกล้งและเหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ฉันเอง
ความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ความเจ็บที่รุนแรง แต่มันค่อย ๆ แผ่กระจายเหมือนยาพิษเรื้อรังที่กำลังคร่าชีวิตฉันอย่างช้า ๆ จนทำให้จิตวิญญาณของฉันดูพร่องแหว่งไปอย่างสิ้นเชิง“เรื่องของเราสองคนไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ วันนี้ที่ฉันพานายมาที่นี่ เพราะฉันอยากให้นายได้เห็นว่าคนคนเดียวในโลกนี้ที่รักฉันที่สุด ตอนนี้กำลังนอนอยู่ใต้พื้นดิน คนที่เคยให้ความอบอุ่นกับฉันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้กลายเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณอันเย็นเยียบ และคนที่นายพยายามปกป้องมาตลอดเธอคือฆาตกร”ฉันใช้ความพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะได้รับความรักเพียงน้อยนิด แต่คนที่มอบความรักนั้นให้ฉันกลับกลายเป็นร่างเย็นชืดที่ถูกฝังลึกอยู่ใต้ผืนดิน ฉันไม่มีทางได้โอบกอดร่างของคุณย่าอีกต่อไป ไม่มีทางได้สัมผัสความอบอุ่นของท่านอีกแล้วฉันเองก็หวังให้ชีวิตของตัวเองจะได้รับการเยียวยาและไถ่บาป แต่ตอนนี้ชีวิตของฉันกลับตกต่ำจนถึงจุดที่ยากจะก้าวผ่าน“นายอยากให้ฉันยกโทษให้ใช่ไหม? ฉันทำได้นะ ขอแค่นายทำให้คุณย่าของฉันกลับมามีชีวิตๆด้อีกครั้ง แค่คุณย่ากลับมาหาฉันอีกครั้ง ฉันจะไม่ถือสาอะไรอีกเลย ฉันจะเลิกชอบนาย จะออกจากโลกของนายไป และแม้แต่เรื่องของฉันกับเฉินเ
เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ราวกับคาดไม่ถึงว่าฉันจะพูดอะไรแบบนี้ และยิ่งคาดไม่ถึงว่าทุกคำพูดของฉันจะทำให้เขาไม่เหลือโอกาสที่จะโต้แย้งใด ๆ“ทุกสิ่งที่ฉันอยากพูด ฉันพูดชัดเจนหมดแล้ว ถ้านายไม่มีอะไรจะพูด งั้นเราจบกันตรงนี้เถอะ”หัวใจที่เหมือนถูกควักออกไป ยังคงเหลือช่องว่างที่ไม่มีวันเติมเต็ม ไม่มีใครสามารถชดเชยสิ่งนั้นได้คุณย่าคือสีสันเดียวในวัยเด็กของฉัน เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของฉัน ราวกับท่าเรือสุดท้ายที่ฉันสามารถพักพิงได้ หลังจากที่ต้องล่องลอยอยู่ในโลกภายนอกมาแสนนานฉันถอนหายใจยาว ก่อนจะพยายามปรับอารมณ์ให้สงบลงอีกครั้ง เมื่อมองไปยังหลุมศพของคุณย่า ความเจ็บปวดในใจกลับถาโถมเข้ามาอย่างไม่อาจต้านทานได้ฉันไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งนี้ยังไง แค่รู้สึกเหมือนท้องฟ้าของตัวเองถล่มลงมา พ่อที่เลวทรามคนนั้นนำพาความเจ็บปวดมาให้ฉันมากมาย เขาใช้ฉันเป็นเครื่องมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ฉันกลับไม่เคยร้องไห้เลยแม้สักครั้งฉันเพียงหวังที่จะใช้วิธีการของตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ และกลับไปสู่จุดที่ควรเป็นของฉันอีกครั้งแต่เมื่อคุณย่ากลายเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ ฉันมีตัวเลือกเดียว คือยอมถอยซ้ำ
จางเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย และเสริมว่า “นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อผ้าและความประณีตในการตัดเย็บ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพและมูลค่าของมันตั้งแต่แรกเห็น”ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราก็รีบลงมือออกแบบอย่างรวดเร็วฉันวางแนวคิดเกี่ยวกับสไตล์โดยรวมและการออกแบบลวดลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเนื้อผ้าและควบคุมกระบวนการผลิต พยายามทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์แบบที่สุดหากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่โดดเด่นเพียงพอ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ผสมผสานองค์ประกอบของอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันฉันรู้ดีว่า หากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถดึงดูดสายตาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาความนิยมในตลาดได้อย่างยาวนาน จำเป็นต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความวินเทจและความทันสมัยให้ได้ฉันหลับตาลง จินตนาการถึงองค์ประกอบสุดคลาสสิกจากอดีต กระดุมแบบจีนที่ประณีต เส้นสายอันอ่อนช้อยของกี่เพ้า รวมถึงการตัดเย็บที่เรียบง่ายและการจับคู่สีที่ทันสมัยฉันพยายามผสานองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เสื้อผ้ามีทั้งกลิ่นอายของประวั
“เธอกับฉันต่างก็รู้ดีว่าชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาสั่งสมและสะสมผลงาน สำหรับปัญหาที่เธอพูดถึง ฉันมีแนวคิดเบื้องต้นอยู่สองสามข้อ”“ก่อนอื่น เราสามารถเริ่มต้นจากแนวคิด ‘เล็กแต่โดดเด่น’ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างแม่นยำ เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับที่ภักดีในช่วงแรก เราสามารถผสมผสานแนวคิดการออกแบบของฉันเข้ากับประสบการณ์ด้านการบริหารของเธอ ร่วมกันสร้างคอลเลกชันแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือซีรีส์แนวคอนเซ็ปต์ ที่ให้แต่ละชิ้นงานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้น”“นอกจากนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การออกแบบของเธออาจถูกตั้งคำถามหรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ เราสามารถใช้กลยุทธ์ ‘คอนเทนต์คือสิ่งสำคัญ’ โดยการนำเสนอภาพถ่ายคุณภาพสูง บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างละเอียด และให้โมเดลสื่อสารอารมณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละชิ้นงานไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและทัศนคติ นอกจากนี้ เราสามารถเชิญแฟชั่นบล็อกเกอร์หรือเคโอแอลที่มีอิทธิพลมาทดลองใส่และช่วยโปรโมต เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการขยายอิทธิพลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น”“นอ
พวกเรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ“ฉันอยากร่วมมือกับเธอ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ด้วยกัน”ตอนนี้ฉันมีเงินทุนอยู่บ้าง จึงสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แล้วเขาจะช่วยฉันบริหารจัดการ พวกเราจะร่วมกันออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ภายในร้านกาแฟ แสงไฟอ่อนโยนส่องกระทบใบหน้าของซูข่ายเหวิน เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“ร่วมมือกัน? สร้างแบรนด์เสื้อผ้า? ฟังดูเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก!” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ชัดเจนว่าเขาสนใจข้อเสนอของฉันมากฉันพยักหน้าแล้วอธิบายแนวคิดของฉันอย่างละเอียด“ใช่เลย ฉันมีความสนใจอย่างมากในด้านการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนเธอเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน สะสมทั้งประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย ฉันคิดว่า ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันคงจะสร้างประกายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาแน่นอน”ซูข่ายเหวินคนกาแฟในถ้วยเบา ๆ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกมา“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนอื่น เราต้องกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ว่าเราจะเดินสายแฟชั่นระดับไฮเอนด์แ
ค่ำคืนค่อย ๆ ล่วงเลย ไฟริมทางในมหาวิทยาลัยเริ่มส่องสว่าง เงาของพวกเราถูกยืดออกยาวใต้แสงไฟฉันเงยหน้ามองกู้จือโม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความแน่วแน่ ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเล็กน้อยบางที ฉันอาจให้โอกาสเขา และให้โอกาสตัวเองด้วยเช่นกันมองเข้าไปในดวงตาของเขา อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ ว่าทำไมถึงเคยยึดติดกับเขามากขนาดนั้น? บางทีอาจเป็นเพราะความรักของฉันที่มีต่อเขามันลึกซึ้งกว่าที่คิดจริง ๆบางทีความรักอาจค่อย ๆ งอก เงยขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว หรืออาจเป็นเพราะบางเหตุการณ์ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักถูกหว่านลงในใจฉัน พอรู้ตัวอีกที เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว“จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราสองคนจะมานั่งคุยอะไรกันที่นี่ในวันนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เรายังเด็กกันอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีตอนนี้เธออาจจะแค่รู้สึกผิดกับฉัน ถึงได้คิดแบบนี้ แต่พอถึงวันที่เธอเติบโตขึ้นจริง ๆ เธอจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่ไหม?”ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเยวี่ยกับเขา ฉันไม่มีวันลืม ดังนั้นฉันรู้ดีว่า ตอนนี้เขายังไม่โตพอ แม้ว่าเขาจะดูเก่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่ความคิด
แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่
ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั
ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู
ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่
“บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ