ทนายคงรู้ว่าตำรวจทั้งสองจะไม่ยอม จึงรีบถอยออกมาหนึ่งก้าวแล้วกล่าวว่า “ถ้าไม่ได้จริง ๆ งั้นให้พวกเรามองดูจากหน้าต่างก็ยังดี”ฉันจ้องมองตำรวจสองนายด้วยความกังวลแต่ทั้งสองคนไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน “ไม่ได้ครับ”“ไม่มีใครเข้าใกล้ได้ทั้งนั้น”แม้ทนายจะแสดงบัตรประจำตัวที่ทำงานให้ดู แต่ตำรวจทั้งสองกลับไม่กะพริบตาเลยสักนิดท่าทีของพวกเขาแน่วแน่จนไม่มีช่องทางใดๆ ให้ประนีประนอมความคาดหวังในใจฉันค่อยๆ มอดดับ ฉันมองตำรวจสองคนด้วยสายตาเย็นชา ความสงสัยในใจยิ่งชัดเจนขึ้นทนายถอนหายใจแล้วถอยกลับมาเมื่อเห็นทนายกลับมาด้วยท่าทีหมดหวัง ฉันเม้มปากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไปกันก่อนเถอะค่ะ”คำพูดของฉันฟังดูเย็นชาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งเฉิงเฉิงและคนอื่น ๆ ไว้เบื้องหลังฉันเดินเร็วมาก ราวกับว่าการก้าวเดินที่รวดเร็วนั้นจะช่วยระบายความโกรธในใจออกไปได้เมื่อเดินออกมาจากโถงชั้นหนึ่ง ฉันถึงหยุดฉันยืนอยู่ที่หน้าประตู มองไปไกลอย่างเลื่อนลอย ในใจเริ่มครุ่นคิดถึงจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายทำเช่นนี้ไม่นานนัก มีคนแตะเบา ๆ ที่ไหล่ซ้ายของฉันเฉิงเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล “ลั่วเป่า
ฉันมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง พอมั่นใจว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ก็รีบเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูอย่างเบามือหมอคนนี้เพิ่งเดินออกมาจากห้องของเฉินเยวี่ย ดูเหมือนเขาจะเป็นหมอเจ้าของไข้ของเธอประวัติการรักษาของเฉินเยวี่ยต้องอยู่ที่นี่แน่ ๆแล้วมันจะอยู่ที่ไหนกันนะ?ฉันมองไปรอบ ๆ แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่คอมพิวเตอร์บนโต๊ะน่าเสียดายที่คอมพิวเตอร์ถูกล็อกรหัสผ่าน ฉันเปิดไม่ได้ จึงหันไปสนใจตู้เก็บเอกสารแทนฉันรีบเดินไปเปิดประตูตู้อย่างลวก ๆ แล้วเริ่มค้นหาข้อมูลอย่างรวดเร็วเอกสารในตู้นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล ถึงจะพยายามหาอย่างสุดความสามารถ แต่ฉันก็เพิ่งค้นได้เพียงเล็กน้อย และยังไม่เจอประวัติของเฉินเยวี่ยแต่ฉันไม่ยอมแพ้ฉันยังคงค้นหาอย่างตั้งใจขณะที่ฉันกำลังจะเปลี่ยนไปค้นชั้นเล็กอีกช่องหนึ่ง เสียงคนพูดคุยกันดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับเสียงลูกบิดประตูถูกหมุนฉันสะดุ้งเฮือก รีบเก็บเอกสารทั้งหมดกลับเข้าไปในที่เดิมแล้วปิดตู้ให้เรียบร้อยแต่ยังไม่ทันจะหาทางออกจากห้อง ประตูก็ถูกเปิดออกใช่แล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ใครคิดว่าฉันเป็นขโมย ฉันแค่ปิดประตู แต่ไม่ได้ล็อกคนข้างนอกจึงสา
ฉันยืนหันหลังให้กับกู้จือโม่ ไม่ได้เห็นสีหน้าเขาเลยแต่ฉันสัมผัสได้ว่าตอนที่คำพูดของฉันหลุดออกไป มือใหญ่ที่จับข้อมือฉันอยู่สั่นเล็กน้อย บรรยากาศในบันไดก็หยุดชะงักลง ทันใดนั้นความเศร้าโศกบางอย่างเหมือนแพร่กระจายออกจากตัวเขาไม่กี่วินาทีต่อมา บรรยากาศรอบตัวเหมือนถูกคลุมด้วยความเศร้าหมองนั้นทั้งที่ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกใด ๆ เหลือให้เขาแล้ว แต่หัวใจกลับรู้สึกปวดหนึบอย่างประหลาดฉันเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรต่อ ขณะที่กำลังพยายามจะสะบัดมือของกู้จือโม่ออกจากข้อมือ ฉันก็ได้ยินเสียงของเขาอีกครั้ง ครั้งนี้น้ำเสียงเขายิ่งฟังดูเศร้าหนักกว่าเดิม แฝงไว้ด้วยความพ่ายแพ้บางอย่าง "ฉันขอโทษ"ฉันได้แต่แค่นหัวเราะออกมาตอนนี้คำสามคำนี้สำหรับฉันมันไม่มีค่าอะไรเลยจากนั้นฉันก็ได้ยินเขาพูดอีกว่า "อย่าเสี่ยงอีกเลย สิ่งที่เธอต้องการ เธอจะต้องได้มันแน่นอน"พูดจบเขาก็ปล่อยมือฉันและเดินจากไปฉันหันกลับไปโดยไม่รู้ตัว ตั้งใจจะถามเขาว่าหมายความว่ายังไงแต่กู้จือโม่ดูเหมือนจะไม่ได้คิดจะอธิบายอะไรสิ่งที่ฉันเห็นคือแผ่นหลังของเขาที่ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว และจุดหมายของเขา...เฮอะ ฉันกำลังหวังอะไรอยู่?
คำพูดของเฉิงเฉิง เงียบหายไปในห้องที่เต็มไปด้วยความอึดอัดเธอเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่ฉันไม่อยากฟังแล้วเพราะฉันรู้ดีว่ามีคนที่มีอิทธิพลบางคนที่สามารถแทรกแซงถึงขั้นโยกย้ายตำแหน่งในระบบราชการได้แต่จะทำไมล่ะ?ตราบใดที่เฉินเยวี่ยยังไม่ได้รับโทษที่ควรจะได้รับ เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบแต่ฉันคาดไม่ถึงเลยว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันได้รับโทรศัพท์จากคนที่อ้างตัวว่าเป็นพนักงานส่งพัสดุ เขาบอกว่ามีพัสดุในเมืองส่งถึงฉัน ให้ฉันลงไปรับตอนแรกฉันยังสงสัยอยู่ในใจว่า ใครส่งอะไรมาให้แต่เมื่อเห็นชื่อผู้ส่งบนพัสดุ หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวฉัน ฉันนึกถึงคำพูดของกู้จือโม่เมื่อวานเขาบอกว่า "สิ่งที่เธอต้องการ เธอจะได้รับมัน"ดังนั้นในพัสดุนี้...ฉันพยายามกดความตื่นเต้นในใจไว้ รีบแกะซองพัสดุอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเอกสารเวชระเบียนภายในนั้น หัวใจฉันแทบจะกระเด็นออกมา แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะสรุปอะไรฉันรีบเปิดเอกสารเวชระเบียนนั้นออกมา อ่านทุกคำอย่างรวดเร็ว และมุ่งหน้าไปที่สรุปท้ายสุดว่านี่คือหลักฐานที่ฉันต้องการจริง ๆ หรือเปล่าข้อคว
“ปึง” เสียงอื้ออึงดังขึ้นในสมองของฉันทันที ร่างกายอ่อนแรงสมองของฉันเมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ?"คดีถูกปิดแล้ว?"ฉันตกตะลึงจนไม่อาจควบคุมได้ เสียงสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว "ทำไมถึงปิดคดีไปล่ะคะ?! ทำไมไม่มีใครแจ้งฉันเลย! ทั้งพยาน ทั้งหลักฐานก็มีอยู่ครบ ถ้าฝ่ายโจทก์ยังไม่ได้ถอนฟ้อง คุณมีสิทธิอะไรปิดคดี!"เสียงของฉันดังเกินไป จนทั้งสถานีตำรวจต้องหันมามองเฉิงเฉิงและฟางฉิงหยางเองก็เช่นกันฉันเห็นเงาสองร่างวิ่งตรงมาทางฉันอย่างเร่งรีบผ่านหางตา แต่ในตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจอะไรแล้วฉันต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน!"ฉันบอกพวกคุณไว้เลยนะว่าการรับสินบนช่วยฆาตกรให้พ้นผิดมันผิดกฎหมาย!" เสียงของฉันดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสถานีตำรวจเหลือเพียงเสียงตะโกนของฉันตรงหน้าฉัน ผู้บัญชาการตำรวจเองก้กำลังหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ สายตาของเขาเย็นเยียบจ้องฉันราวกับจะกลืนฉันเข้าไปทั้งเป็นถ้าเป็นปกติ ฉันอาจจะรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแต่ในตอนนี้ความโกรธได้ครอบงำฉันจนไม่เหลือที่ว่างให้ความกลัวอีกแล้วดวงตาของฉันแดงก่ำ ร่างกายพุ่งไปข้างหน้า หมายจะคว้าปกเสื้อของเขาเพื่อถามให้รู้เรื่องแต่ก่อนที่มือของฉันจะสัมผัสชายเสื้อของผู้กำ
ฉันคิดว่าถ้าฉันได้หลักฐานมา ก็จะสามารถส่งเฉินเยวี่ยเข้าคุกได้ แต่ใครจะคิดว่า สุดท้ายแล้วก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี คดีถูกปิดแล้ว และเฉินเยวี่ยก็ถูกพาตัวไปแล้วเช่นกัน ตอนนี้ฉันไม่มีโอกาสแม้แต่จะชนเธอให้ตายแล้วด้วยซ้ำ ฉันหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะตบหลังมือของเฉิงเฉิงเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” เมื่อเฉิงเฉิงได้ยินฉันพูดเช่นนั้น น้ำตาก็พรั่งพรูออกมา “ลั่วเป่า เธอไม่ต้องกลั้นน้ำตาไว้หรอกนะ ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาได้เลย อยู่ต่อหน้าเรา ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก” ฉันมองดูเฉิงเฉิง มองดูเธอปล่อยน้ำตาไหลพรั่งพรูราวกับเขื่อนแตกแม้แต่ฟางฉิงหยาง ดวงตาก็ยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ ได้ยินเสียงสะอื้นของเฉิงเฉิง แต่ในดวงตาของฉันกลับแห้งผากไร้น้ำตาฉันร้องไห้ไม่ออกแม้กระทั่งเมื่อเห็นน้ำตาในดวงตาของเฉิงเฉิงและฟางฉิงหยาง ฉันกลับรู้สึกเลือนลาง ราวกับว่าฉากแบบนี้ห่างไกลจากตัวฉันเหลือเกิน ไกลเสียจนฉันไม่อาจสัมผัสถึงอารมณ์ใด ๆ ได้เลย ฉันจ้องมองพวกเขาอย่างเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ ว่า “ฉันอยากกลับบ้าน” เฉิงเฉิงดูเหมือนจะตกใจกลัวกับสิ่งที่ฉันพูด พอได้ยินฉันบอกว่าอ
หลังจากฉันออกไป เฉิงเฉิงก็ตื่นขึ้นมา เธอหันไปมองเตียงผู้ป่วยโดยอัตโนมัติ แต่บนเตียงกลับไม่มีฉันอยู่แล้ว เมื่อวานฉันเป็นลมหน้าสถานีตำรวจ เธอตกใจมาก รีบเรียกรถแล้วพาฉันส่งโรงพยาบาลพร้อมกับฟางฉิงหยาง หมอบอกว่าฉันเป็นลมเพราะความเครียดและความโศกเศร้าอย่างรุนแรง แค่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว แต่เฉิงเฉิงยังไม่วางใจ คอยเฝ้าฉันอยู่ข้างเตียงตลอดเวลา ช่วยวอร์มมือให้ฉัน ทาปากให้ชุ่มชื้น และทุกครั้งที่ฉันมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เธอก็รีบเข้ามาดูทันที พอถึงช่วงดึก เฉิงเฉิงเริ่มทนไม่ไหว จึงผล็อยหลับไปในที่สุด ใครจะคิดว่าเพียงแค่ชั่วขณะ พอตื่นขึ้นมาอีกที ฉันกลับหายไปแล้ว เฉิงเฉิงตกใจจนร้องไห้ออกมา มือสั่นเทาควักโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟางฉิงหยาง “ฟางฉิงหยาง ลั่วเป่าหายไปแล้ว!” ฟางฉิงหยางตกใจจนหน้าถอดสี เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใด รีบขับรถตรงมายังโรงพยาบาลทันที เฉิงเฉิงเพิ่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเสร็จ พอเห็นฟางฉิงหยางมา น้ำตาก็พลันพรั่งพรูอีกครั้ง “ฟางฉิงหยาง…” เฉิงเฉิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะพุ่งเข้าสู่อ้อมอกของฟางฉิงหยาง เธอกอดเขาไว้แน่นแล้วพูดทั้งน้ำตาเสียงสะอ
ฉันคิดว่า หากครั้งนี้ฉันไม่มา ไม่นานนักลานบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็คงจะหายไปในสายธารแห่งกาลเวลา เช่นเดียวกับคุณย่า พอคิดถึงตรงนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกจมูกแสบจนเจ็บ น้ำตาเริ่มเอ่อคลอในดวงตา ฉันเบือนสายตาไปทางอื่น สูดลมหายใจกลั้นสะอื้น ก่อนกดความรู้สึกอยากร้องไห้ลง แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางเดินเข้าไปข้างใน รองเท้าเหยียบลงบนพื้นหญ้าหนาทึบ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเบา ๆ ตามจังหวะก้าวเดิน ฉันเดินต่อไปตามทาง ก้าวขึ้นบันไดหินที่แตกร้าว วางกระเป๋าเดินทางไว้บนพื้นที่เรียบ แล้วเงยหน้ามองชายคาที่เหลือกระเบื้องอยู่เพียงไม่กี่แผ่น ความรู้สึกกังวลพลันเอ่อล้นขึ้นมาในใจ แต่วินาทีถัดมา ฉันก็รีบกดความรู้สึกนั้นลงไป ฉันมองหาทิศทางเล็กน้อยแล้วเดินไปยังตัวบ้านหลัก เมื่อผลักประตูเข้าไป กลุ่มฝุ่นหนาก็พุ่งเข้ามาอย่างแรงจนแทบสำลัก ทำเอาฉันน้ำตาแทบไหลออกมา ฉันรีบเอียงตัวหลบ พร้อมรอให้ฝุ่นในบ้านจางลงบ้าง ก่อนจะยกเท้าเดินเข้าไปข้างในทุกย่างก้าวที่เดินเข้าไป ความทรงจำที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ก็ถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง ‘คุณย่า หนูอยากกินขนมเค้กพุทราแดงค่ะ’ ‘ฮือ ๆ โต๊ะนี่ชนหนูค่ะ คุณย่าช่วยตีมันให้หนูหน่อย’ ‘ค
จางเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย และเสริมว่า “นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อผ้าและความประณีตในการตัดเย็บ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพและมูลค่าของมันตั้งแต่แรกเห็น”ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราก็รีบลงมือออกแบบอย่างรวดเร็วฉันวางแนวคิดเกี่ยวกับสไตล์โดยรวมและการออกแบบลวดลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเนื้อผ้าและควบคุมกระบวนการผลิต พยายามทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์แบบที่สุดหากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่โดดเด่นเพียงพอ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ผสมผสานองค์ประกอบของอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันฉันรู้ดีว่า หากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถดึงดูดสายตาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาความนิยมในตลาดได้อย่างยาวนาน จำเป็นต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความวินเทจและความทันสมัยให้ได้ฉันหลับตาลง จินตนาการถึงองค์ประกอบสุดคลาสสิกจากอดีต กระดุมแบบจีนที่ประณีต เส้นสายอันอ่อนช้อยของกี่เพ้า รวมถึงการตัดเย็บที่เรียบง่ายและการจับคู่สีที่ทันสมัยฉันพยายามผสานองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เสื้อผ้ามีทั้งกลิ่นอายของประวั
“เธอกับฉันต่างก็รู้ดีว่าชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาสั่งสมและสะสมผลงาน สำหรับปัญหาที่เธอพูดถึง ฉันมีแนวคิดเบื้องต้นอยู่สองสามข้อ”“ก่อนอื่น เราสามารถเริ่มต้นจากแนวคิด ‘เล็กแต่โดดเด่น’ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างแม่นยำ เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับที่ภักดีในช่วงแรก เราสามารถผสมผสานแนวคิดการออกแบบของฉันเข้ากับประสบการณ์ด้านการบริหารของเธอ ร่วมกันสร้างคอลเลกชันแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือซีรีส์แนวคอนเซ็ปต์ ที่ให้แต่ละชิ้นงานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้น”“นอกจากนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การออกแบบของเธออาจถูกตั้งคำถามหรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ เราสามารถใช้กลยุทธ์ ‘คอนเทนต์คือสิ่งสำคัญ’ โดยการนำเสนอภาพถ่ายคุณภาพสูง บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างละเอียด และให้โมเดลสื่อสารอารมณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละชิ้นงานไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและทัศนคติ นอกจากนี้ เราสามารถเชิญแฟชั่นบล็อกเกอร์หรือเคโอแอลที่มีอิทธิพลมาทดลองใส่และช่วยโปรโมต เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการขยายอิทธิพลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น”“นอ
พวกเรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ“ฉันอยากร่วมมือกับเธอ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ด้วยกัน”ตอนนี้ฉันมีเงินทุนอยู่บ้าง จึงสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แล้วเขาจะช่วยฉันบริหารจัดการ พวกเราจะร่วมกันออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ภายในร้านกาแฟ แสงไฟอ่อนโยนส่องกระทบใบหน้าของซูข่ายเหวิน เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“ร่วมมือกัน? สร้างแบรนด์เสื้อผ้า? ฟังดูเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก!” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ชัดเจนว่าเขาสนใจข้อเสนอของฉันมากฉันพยักหน้าแล้วอธิบายแนวคิดของฉันอย่างละเอียด“ใช่เลย ฉันมีความสนใจอย่างมากในด้านการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนเธอเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน สะสมทั้งประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย ฉันคิดว่า ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันคงจะสร้างประกายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาแน่นอน”ซูข่ายเหวินคนกาแฟในถ้วยเบา ๆ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกมา“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนอื่น เราต้องกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ว่าเราจะเดินสายแฟชั่นระดับไฮเอนด์แ
ค่ำคืนค่อย ๆ ล่วงเลย ไฟริมทางในมหาวิทยาลัยเริ่มส่องสว่าง เงาของพวกเราถูกยืดออกยาวใต้แสงไฟฉันเงยหน้ามองกู้จือโม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความแน่วแน่ ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเล็กน้อยบางที ฉันอาจให้โอกาสเขา และให้โอกาสตัวเองด้วยเช่นกันมองเข้าไปในดวงตาของเขา อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ ว่าทำไมถึงเคยยึดติดกับเขามากขนาดนั้น? บางทีอาจเป็นเพราะความรักของฉันที่มีต่อเขามันลึกซึ้งกว่าที่คิดจริง ๆบางทีความรักอาจค่อย ๆ งอก เงยขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว หรืออาจเป็นเพราะบางเหตุการณ์ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักถูกหว่านลงในใจฉัน พอรู้ตัวอีกที เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว“จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราสองคนจะมานั่งคุยอะไรกันที่นี่ในวันนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เรายังเด็กกันอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีตอนนี้เธออาจจะแค่รู้สึกผิดกับฉัน ถึงได้คิดแบบนี้ แต่พอถึงวันที่เธอเติบโตขึ้นจริง ๆ เธอจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่ไหม?”ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเยวี่ยกับเขา ฉันไม่มีวันลืม ดังนั้นฉันรู้ดีว่า ตอนนี้เขายังไม่โตพอ แม้ว่าเขาจะดูเก่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่ความคิด
แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่
ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั
ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู
ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่
“บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ