“ซิงลั่ว ซิงลั่ว ตอบฉันหน่อย”“ซิงลั่ว?”เสียงของกู้จือโม่ค่อย ๆ ไกลออกไป ฉันแทบจะฟังไม่ออกว่าคำสุดท้ายเขาพูดอะไรก่อนที่สติจะดับวูบ ฉันเห็นเงาสองร่างเลือนรางกำลังค่อย ๆ เข้ามาใกล้“ยายผู้หญิงแพศยานี่ทำไมยังไม่ฟื้นอีก? เสียเรื่องจริง ๆ”เมื่อฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของหวงเหมาที่อยู่ใกล้จนดูใหญ่โตตรงหน้าเขาจ้องมองฉัน เผยให้เห็นฟันเหลือง ๆ แล้วพูดออกมาพร้อมกลิ่นปากที่เหม็นคลุ้งว่า “ในที่สุดก็ฟื้นสักที ทำเอาฉันรอแทบแย่”ชายคนนั้นหัวเราะอย่างมีเลศนัย ก่อนหันไปตะโกนเรียกคนอื่น “ต้าจ้วง! ยายนี่ฟื้นแล้ว เข้ามาได้เลย!”ฉันปวดหัวแทบระเบิด แต่ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากร่างกายช่วยให้ฉันยังคงมีสติอยู่บ้าง “พวกแกอย่ามาแตะต้องฉันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น ถ้าฉันหลุดออกไปได้ ฉันจะ...”ฉันยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกตบหน้าจนมึนไปทันทีฉันมองที่ตำแหน่งของโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว และแวบหนึ่งก็เห็นสีของเคสโทรศัพท์อยู่ราง ๆโชคดีที่พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเคยโทรหากู้จือโม่แล้วหน้าของฉันแสบร้อนด้วยความเจ็บ ชายที่ชื่อว่าต้าจ้วงมองฉันด้วยสายตาดุดันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ฉันไม่สนว่าเธอแซ่อะไร ในสถาน
หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบขาด ฉันเจ็บปวดจนรู้สึกว้าวุ่นไปหมด!คมมีดปักลึกเข้าไปในเนื้อและเลือด แต่ไม่รู้กู้จือโม่เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขาตอบโต้กลับด้วยการโจมตีต้าจ้วงจนล้มลงไปทันที!ในที่สุด ตำรวจจำนวนมากก็กรูกันเข้ามาทางประตู!เจ้าหน้าที่นำหน้าหลายคนถือกระบองและโล่ เข้าควบคุมตัวทั้งสองคนได้อย่างรวดเร็ว!ตอนนี้พวกเขาถึงเริ่มรู้สึกกลัว ร้องไห้จนทั้งน้ำตาและน้ำมูกไหลปนกันพลางพูดว่า “คุณตำรวจ พวกเราโดนใส่ร้าย! เราไม่ได้ทำอะไรเลย!”“มีคนสั่งให้พวกเราทำแบบนี้ จะมาจับพวกเราทำไมล่ะ คุณตำรวจควรไปจับตัวเขาสิ!”หลังจากโดนเตะไปหนึ่งที พวกเขาก็ยอมสงบลงในที่สุด เลิกโวยวายร้องลั่นเสียที!ท่ามกลางฝูงชน ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมา ดูเหมือนจะมีตำแหน่งไม่น้อย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความร้อนรน รีบเข้าไปประคองกู้จือโม่พลางถามว่า “คุณชายกู้ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”เมื่อเห็นเสื้อของกู้จือโม่เปื้อนเลือด ชายวัยกลางคนถึงกับสะดุ้งตกใจพลางพูดว่า “คุณชายกู้ บาดแผลของคุณ...”กู้จือโม่ลุกขึ้น ยกมือปัดเขาออก แม้จะก้าวเดินอย่างลำบาก แต่ยังมุ่งตรงมาหาฉันอย่างชัดเจน!ผู้กำกับการเพิ่งตั้งสติได้ รีบตะโกนสั่งว่า “พ
ตอนนี้ฉันมัวแต่กังวลเรื่องความปลอดภัยของกู้จือโม่ จนเผลอลืมไปว่ามีคนร้ายลักพาตัวอีกสองคนถ้าวันนี้กู้จือโม่ไม่ได้พาตำรวจมาทันเวลา ฉันไม่กล้าคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ลำบากแล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณด้วยความสุภาพ ความเหนื่อยล้าทั้งร่างกายทำให้ฉันต้องทรุดตัวลงนั่งทันทีบรรยากาศเงียบสงัดลงทันที พวกเราต่างนั่งเงียบ รอคอยผลอย่างใจจดใจจ่อที่ประตู ห้องฉุกเฉินมีตัวอักษรสีแดงเรืองแสง ฉันจ้องมองมันตลอดจนเผลอเหม่อลอยหลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่ เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับกู้จือโม่ก็ย้อนกลับมาในความคิดครั้งแล้วครั้งเล่าคำพูดของเขาที่ว่า “ฉันจะจีบเธอ” ยังคงก้องอยู่ในหูของฉันไม่จางหายฉันอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาจะทำเพื่อฉันได้ถึงเพียงนี้ ตอนนั้นฉันจะยังปฏิเสธเขาอยู่ไหม?หัวใจที่เคยคิดว่าหนาวเหน็บจนไร้ความรู้สึก ดูเหมือนจะเริ่มอุ่นขึ้นทีละน้อยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดคนข้างในก็เปิดประตูออกมา“คุณหมอ กู้จือโม่เขาเป็นยังไงบ้างคะ?”คุณหมอรับสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของฉัน ขณะถอดหน้ากากออกพลางพูดว่า “มีดถูกดึงออกแล้ว แผลกำลังเย็บอยู่ ต่อจากน
กู้จือโม่เข้ารับการผ่าตัดด้วยการดมยาสลบ ชั่วครู่เขาคงยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมาฉันอยากจะเดินออกไป แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ยกเท้าไม่ขึ้นนั่งอยู่สักพัก ความรู้สึกไม่สบายใจก็ค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผ่านไปอีกสองชั่วโมง พ่อบ้านของกู้จือโม่เดินออกมาแล้วพูดว่า “คุณเฉียว คุณชายฟื้นแล้วครับ”กู้จือโม่ฟื้นแล้ว...ฉันสูดลมหายใจลึก ความหนักอึ้งในใจเหมือนก้อนหินที่กดทับอยู่ ในที่สุดก็หายไปฉันพยักหน้าเบา ๆ แต่ทันทีที่ลุกขึ้นยืน โลกทั้งใบก็หมุนคว้าง และในวินาทีต่อมาฉันก็จมดิ่งเข้าสู่ความมืดมิดเมื่อฉันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง แสงแดดอ่อน ๆ ก็ส่องผ่านม่านบาง ๆ เข้ามาในห้องฉันลืมตาขึ้น ก็ได้ยินเสียงของกู้จือโม่ดังขึ้นข้างหูว่า “ตื่นแล้วเหรอ? มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายบ้างไหม?”“แม่บ้านอู๋ รีบไปตามหมอมาเร็ว!”พอหันไปก็เห็นกู้จือโม่ที่มีรอยฟกช้ำบนแก้มจากการต่อสู้กับคนร้ายเขานั่งอยู่บนรถเข็น มีสายน้ำเกลือที่หลังมือ อาจเป็นเพราะเสียเลือดมาก ทำให้สีหน้าดูไม่ค่อยดีนักสายตาของฉันมองไปที่บริเวณหน้าท้องของเขา แต่เพราะมีเสื้อผ้าปิดอยู่ ฉันจึงไม่สามารถบอกได้ว่าแผลลึกหรือร้ายแรงแค่ไหนเมื่อครู่ในความฝัน ฉากในฝั
"เฉียวซิงลั่ว เธอต้องการผลักไสฉันออกไปจริง ๆ ใช่ไหม?" เสียงของกู้จือโม่เต็มไปด้วยความเย็นชา พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวเขาที่กดดันลงอย่างชัดเจนฉันเม้มปาก ไม่ตอบอะไร กลัวคำพูดต่อไปของเขาฉันอยากให้เขาหยุดพูด แต่ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปาก เขากลับพูดต่อ"เธอก็ชอบฉันเหมือนกันใช่ไหม? แล้วทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?""ตอนที่เห็นฉันถูกแทง เธอกลัวมากใช่ไหม? เธอพูดอะไรกับฉันบ้างตอนนั้น ฉันได้ยินทุกคำ"คำพูดของกู้จือโม่เหมือนหินก้อนหนึ่งที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่สงบนิ่ง ทันทีที่มันสัมผัสผิวน้ำ คลื่นกระเพื่อมก็ปรากฏความทรงจำที่ฉันพยายามลืม ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งจนไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไปตอนที่กู้จือโม่ถูกคนร้ายแทง เลือดของเขาไหลซึมเปื้อนเสื้อผ้าจนชุ่มฉันมองเห็นเลือดที่เปรอะเปื้อนเสื้อของเขา และมองดูเขาทรุดลงข้างฉัน ก่อนจะแก้มัดเชือกบนตัวฉันแล้วหมดสติไปฉันกลัว... กลัวมากกว่าตอนที่รู้ว่าเขาไม่มีวันรักฉันในชาติก่อนฉันกลัวว่าจะไม่มีเขาอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ฉันกลัวว่าจะไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาอีกต่อไป และกลัวว่าในอนาคตเมื่อพูดถึงเขา จะต้องเริ่มต้นด้วยคำว่า ‘ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่’ฉันกลัวท
ฉันกับกู้จือโม่ทะเลาะกันโดยไม่มีเหตุผล คุณอู๋ดูงุนงงอย่างเห็นได้ชัด "คุณชาย...คุณหนู..."ความรู้สึกน้อยใจที่ไม่มีที่มาพุ่งเข้ามาในใจ ฉันดึงผ้าห่มลงจากหน้า แต่พบว่ากู้จือโม่ไม่อยู่แล้วคุณอู๋ยืนอยู่ข้างเตียงของฉัน ดูเหมือนไม่รู้จะทำยังไงดี "คุณหนู..."ฉันสูดลมหายใจลึก พยายามกดความรู้สึกทั้งหมดลงไป แล้วส่งยิ้มให้คุณอู๋ "คุณอู๋ รบกวนไปดูคุณชายกู้หน่อยนะคะ ตามเขาไปให้แน่ใจว่าเขากลับถึงห้องพักผู้ป่วยอย่างปลอดภัยก็พอ""ฉันไม่มีปัญหาอะไร ตุณไปเถอะค่ะ"เมื่อฉันพูดแบบนั้น คุณอู๋พยักหน้าและรีบวิ่งออกไปห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ฉันนอนมองเพดานอยู่นาน ความรู้สึกอึดอัดในใจจึงค่อย ๆ เบาบางลงฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหา ลั่วอี้ฝาน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โทรกลับมาเสียงของเขาในสายฟังดูไม่ผ่อนคลายเหมือนเคย "มีอะไรหรือเปล่า? พอดีเพิ่งกินข้าวกับคณะกรรมการเสร็จ พึ่งออกมาจากโรงแรม"ก่อนหน้านี้ฉันตั้งใจจะใช้เงินสองล้านหยวนเพื่อซื้อที่ดินผืนนั้น แต่ลั่วอี้ฝานลองติดต่อหลายทางแล้วพบว่าถ้าไม่ผ่านการประมูลตามกฎหมาย อาจจะได้ราคาถูกลงอีกสามถึงสี่แสนหยวนช่วงนี้เขาเลยต้องวิ่งหาเส้นสายทุกทาง เพื่
"ยังมีใครอีก?""เฉินเยวี่ย""ผู้หญิงคนนั้นเหรอ?"ฉันตอบรับด้วยเสียง "อืม""เธอกล้าเหรอ?"ฤดูหนาวลึกเข้ามาอีกระดับ ใบของต้นการบูรแทบจะหลุดร่วงหมด เหลือเพียงกิ่งก้านเปลือยเปล่ายื่นออกไปฉันไม่รู้ว่าเฉินเยวี่ยจะกล้าหรือไม่ แต่สิ่งที่ฉันรู้คือ ความอิจฉาสามารถทำให้คนเปลี่ยนแปลงจนดูไม่เหมือนเดิมได้ฉันไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป แต่ก็ไม่ดูถูกธรรมชาติของมนุษย์ และข้อสงสัยของฉันก็ไม่ได้ไร้ที่มาที่ไป"วันนั้น ตอนที่คนร้ายที่รับโทรศัพท์ เสียงที่ฉันได้ยินในวินาทีแรกเหมือนเสียงของผู้หญิง"ตอนนั้นฉันยังไม่กล้ายืนยัน แต่เมื่อคิดย้อนไป ฉันนึกถึงตอนที่เรียนมัธยมปลายปีสอง เฉิงเฉิงเคยหลงใหลนักพากย์เสียงชายคนหนึ่งที่เสียงไพเราะมากเธอใช้เวลาทั้งกลางวันและกลางคืนฟังเสียงของนักพากย์คนนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสแต่ไม่นานก็มีข่าวออกมาว่านักพากย์คนนั้นแท้จริงเป็นผู้หญิง เสียงนั้นถูกแต่งเสียงผ่านอุปกรณ์เสียงและโปรแกรมตัดต่อเฉิงเฉิงเสียใจจนหมดอาลัย และเริ่มค้นคว้าวิธีแยกแยะเสียงจริงของคน ฉันอยู่กับเธอทุกวัน เลยได้ยินเรื่องเหล่านี้จากเธอบ่อย ๆเมื่อครู่ฉันตั้งใจฟังเสียงในความทรงจำอีกครั้ง และก็ชัด
ฉันจับมือของกู้จือโม่ไว้ มือของเขาร้อนอย่างกับไฟ ฉันจึงขอให้พ่อบ้านช่วยเอาน้ำมาให้เพื่อลดไข้ด้วยวิธีทางกายภาพฉันใช้ผ้าชุบน้ำเย็นวางไว้ที่หน้าผาก และใช้แอลกอฮอล์เช็ดตามฝ่ามือ แผ่นหลัง และฝ่าเท้าของเขา หลังวุ่นวายกว่าชั่วโมง อุณหภูมิร่างกายของเขาก็ลดลงเล็กน้อยเสื้อผ้าของเขาเปียกชื้นไปหมด ฉันที่ไม่สามารถยกเขาได้จึงขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาตลอดกระบวนการทั้งหมด กู้จือโม่ไม่ได้ลืมตาขึ้นเลยแม้แต่น้อยฉันรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย จับมือเขาไว้แน่นแล้วเรียกเขา “กู้จือโม่ ตื่นเถอะ ลืมตาขึ้นมาดูฉันหน่อยได้ไหม?”หลังจากที่ฉันพูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาทีฉันดีใจอย่างท่วมท้น ฉันพยุงตัวเองขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “กู้จือโม่ นายฟื้นแล้วเหรอ?”แววตาของเขาในตอนแรกดูเลื่อนลอย แต่ค่อย ๆ กลับมาแจ่มใสขึ้นทีละน้อยเขาจ้องมองฉันโดยไม่พูดอะไร ฉันเริ่มรู้สึกกังวล จึงยื่นมือแตะหน้าผากเขาอีกครั้ง “หรือจะเป็นไข้จนเบลอไปแล้ว?”“ทั้ง ๆ ที่ไข้ก็ลดลงแล้วนี่นา” ฉันพูดพลางหันไปขอให้พ่อบ้านเรียกหมอ แต่กลับถูกมือของกู้จือโม่คว้าไว้แน่น“ไม่
จางเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย และเสริมว่า “นอกจากนี้ เราต้องให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อผ้าและความประณีตในการตัดเย็บ เพื่อให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงคุณภาพและมูลค่าของมันตั้งแต่แรกเห็น”ในช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราก็รีบลงมือออกแบบอย่างรวดเร็วฉันวางแนวคิดเกี่ยวกับสไตล์โดยรวมและการออกแบบลวดลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การคัดเลือกเนื้อผ้าและควบคุมกระบวนการผลิต พยายามทำให้ทุกองค์ประกอบสมบูรณ์แบบที่สุดหากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่โดดเด่นเพียงพอ เราต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี และตอนนี้ฉันต้องการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ผสมผสานองค์ประกอบของอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกันฉันรู้ดีว่า หากต้องการออกแบบเสื้อผ้าที่สามารถดึงดูดสายตาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาความนิยมในตลาดได้อย่างยาวนาน จำเป็นต้องหาจุดสมดุลที่ลงตัวระหว่างความวินเทจและความทันสมัยให้ได้ฉันหลับตาลง จินตนาการถึงองค์ประกอบสุดคลาสสิกจากอดีต กระดุมแบบจีนที่ประณีต เส้นสายอันอ่อนช้อยของกี่เพ้า รวมถึงการตัดเย็บที่เรียบง่ายและการจับคู่สีที่ทันสมัยฉันพยายามผสานองค์ประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อให้เสื้อผ้ามีทั้งกลิ่นอายของประวั
“เธอกับฉันต่างก็รู้ดีว่าชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลาสั่งสมและสะสมผลงาน สำหรับปัญหาที่เธอพูดถึง ฉันมีแนวคิดเบื้องต้นอยู่สองสามข้อ”“ก่อนอื่น เราสามารถเริ่มต้นจากแนวคิด ‘เล็กแต่โดดเด่น’ โดยใช้โซเชียลมีเดียและการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างแม่นยำ เพื่อดึงดูดกลุ่มแฟนคลับที่ภักดีในช่วงแรก เราสามารถผสมผสานแนวคิดการออกแบบของฉันเข้ากับประสบการณ์ด้านการบริหารของเธอ ร่วมกันสร้างคอลเลกชันแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นหรือซีรีส์แนวคอนเซ็ปต์ ที่ให้แต่ละชิ้นงานมีเรื่องราวและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยให้ได้รับความสนใจได้ง่ายขึ้น”“นอกจากนี้ สำหรับปัญหาที่ว่า การออกแบบของเธออาจถูกตั้งคำถามหรือไม่ได้รับความสนใจมากพอ เราสามารถใช้กลยุทธ์ ‘คอนเทนต์คือสิ่งสำคัญ’ โดยการนำเสนอภาพถ่ายคุณภาพสูง บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างละเอียด และให้โมเดลสื่อสารอารมณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้แต่ละชิ้นงานไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่เป็นการส่งต่อวัฒนธรรมและทัศนคติ นอกจากนี้ เราสามารถเชิญแฟชั่นบล็อกเกอร์หรือเคโอแอลที่มีอิทธิพลมาทดลองใส่และช่วยโปรโมต เพื่อใช้พลังของพวกเขาในการขยายอิทธิพลของแบรนด์ให้กว้างขึ้น”“นอ
พวกเรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ“ฉันอยากร่วมมือกับเธอ เพื่อสร้างแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ด้วยกัน”ตอนนี้ฉันมีเงินทุนอยู่บ้าง จึงสามารถออกแบบเสื้อผ้าได้ แล้วเขาจะช่วยฉันบริหารจัดการ พวกเราจะร่วมกันออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ภายในร้านกาแฟ แสงไฟอ่อนโยนส่องกระทบใบหน้าของซูข่ายเหวิน เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น“ร่วมมือกัน? สร้างแบรนด์เสื้อผ้า? ฟังดูเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก!” เขาเอนตัวมาข้างหน้าอย่างตื่นเต้น ชัดเจนว่าเขาสนใจข้อเสนอของฉันมากฉันพยักหน้าแล้วอธิบายแนวคิดของฉันอย่างละเอียด“ใช่เลย ฉันมีความสนใจอย่างมากในด้านการออกแบบเสื้อผ้า ส่วนเธอเองก็คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน สะสมทั้งประสบการณ์และทรัพยากรมากมาย ฉันคิดว่า ถ้าเราสามารถร่วมมือกันได้ มันคงจะสร้างประกายที่ไม่เหมือนใครขึ้นมาแน่นอน”ซูข่ายเหวินคนกาแฟในถ้วยเบา ๆ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยความคิดของเขาออกมา“นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ ก่อนอื่น เราต้องกำหนดตำแหน่งของแบรนด์ให้ชัดเจน ว่าเราจะเดินสายแฟชั่นระดับไฮเอนด์แ
ค่ำคืนค่อย ๆ ล่วงเลย ไฟริมทางในมหาวิทยาลัยเริ่มส่องสว่าง เงาของพวกเราถูกยืดออกยาวใต้แสงไฟฉันเงยหน้ามองกู้จือโม่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความแน่วแน่ ทำให้หัวใจฉันสั่นไหวเล็กน้อยบางที ฉันอาจให้โอกาสเขา และให้โอกาสตัวเองด้วยเช่นกันมองเข้าไปในดวงตาของเขา อยู่ ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ ว่าทำไมถึงเคยยึดติดกับเขามากขนาดนั้น? บางทีอาจเป็นเพราะความรักของฉันที่มีต่อเขามันลึกซึ้งกว่าที่คิดจริง ๆบางทีความรักอาจค่อย ๆ งอก เงยขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว หรืออาจเป็นเพราะบางเหตุการณ์ที่ทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความรักถูกหว่านลงในใจฉัน พอรู้ตัวอีกที เมล็ดพันธุ์นั้นก็เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว“จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเราสองคนจะมานั่งคุยอะไรกันที่นี่ในวันนี้ ก็คงไม่ได้คำตอบอะไรอยู่ดี ตอนนี้เรายังเด็กกันอยู่ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไร บางทีตอนนี้เธออาจจะแค่รู้สึกผิดกับฉัน ถึงได้คิดแบบนี้ แต่พอถึงวันที่เธอเติบโตขึ้นจริง ๆ เธอจะยังคิดเหมือนเดิมอยู่ไหม?”ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเยวี่ยกับเขา ฉันไม่มีวันลืม ดังนั้นฉันรู้ดีว่า ตอนนี้เขายังไม่โตพอ แม้ว่าเขาจะดูเก่งกว่าคนทั่วไปมาก แต่ความคิด
แววตาของเขาสะท้อนอารมณ์ที่ซับซ้อนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า “ฉันแค่เป็นห่วงเธอ ไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บหรือเจอเรื่องร้าย”ฉันถอนหายใจเบา ๆ ในใจรู้สึกซับซ้อนอยู่ไม่น้อยความห่วงใยของกู้จือโม่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกดดันไปด้วยฉันไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด และยิ่งไม่อยากให้เขาทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นเพราะความเข้าใจผิดนั้น“กู้จือโม่ ฉันรู้ว่านายหวังดี แต่ฉันกับซูข่ายเหวินเป็นแค่เพื่อนกันจริง ๆ เราทั้งคู่กำลังพยายามเปิดโปงความผิดของศาสตราจารย์จาง ฉันหวังว่านายจะเข้าใจนะ”ฉันพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูจริงใจที่สุดเขาเงียบไปสักพัก แล้วค่อย ๆ พยักหน้า“ได้ ฉันเชื่อเธอ แต่เธอต้องระวังตัวให้ดี ศาสตราจารย์จางไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ”ฉันมองเขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วพยักหน้าเบา ๆ“ฉันจะระวังตัว ขอบคุณนะ กู้จือโม่”เขายิ้มบาง ๆ ดวงตาสะท้อนความอ่อนโยนออกมาเล็กน้อย“ไม่ต้องเกรงใจ ไปเถอะ ฉันจะไปส่งเธอที่หอพักเอง”พวกเราเดินไปด้วยกันในบริเวณโรงเรียน แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบตัวเรา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเงียบสงบฉันรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจที่
ฉันแค่นหัวเราะเย็นโดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ส่วนผู้หญิงตรงหน้าดูจะไม่พอใจอย่างมากในตอนนี้“ฉันก็ไม่อยากพูดคำสวยหรูพวกนี้กับคุณ และก็ไม่มีเวลาจะเสียไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอแค่นี้เถอะ ฉันจะไปแล้ว”ฉันหันหลังแล้วเดินจากไป ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นตะโกนด่าทออยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยพอฉันกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นอยู่ไม่ไกลตามคาดกู้จือโม่เดินเข้ามาหาทันที พร้อมจ้องมองฉันด้วยสายตาร้อนแรง“ได้ยินมาว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เป็นยังไงบ้าง?”ฉันยิ้มบาง ๆ พยายามทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอจนเกินไป“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”กู้จือโม่ดูเหมือนไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฉันนัก เขาขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล“เธอแน่ใจนะ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือ ต้องบอกฉันนะ”ฉันพยักหน้าเบา ๆ ความอบอุ่นเอ่อล้นขึ้นในใจในโลกที่ซับซ้อนใบนี้ การมีใครสักคนที่ห่วงใยอยู่เสมอเป็นเรื่องที่อบอุ่นใจฉันไม่ได้แหลมคมเฉียบขาดเหมือนเมื่อก่อน และก็ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบเดิมอีกแล้ว“ขอบคุณนะ ฉันจะระวังตัว”กู้จือโม่ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของฉั
ในช่วงหลายวันต่อมา ฉันและซูข่ายเหวินให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของตำรวจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งติดตามข่าวจากสื่ออย่างใกล้ชิดไม่นานนัก อาชญากรรมของศาสตราจารย์จางก็ถูกเปิดเผยออกมาทีละเรื่องแต่สิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจก็คือ เรื่องนี้กลับถูกกลบด้วยเหตุการณ์อื่นอย่างรวดเร็วและเรื่องนี้ก็ถูกตำรวจจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ฉันไม่คาดคิดเลยว่าคำตอบสุดท้ายจะทำให้ฉันประหลาดใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ตำรวจยืนอยู่ตรงหน้าฉันและอธิบายทุกอย่างให้ฟัง“จากการสืบสวนของเรา พบว่าผู้ก่อเหตุเพียงแค่ต้องการปล้นเท่านั้น และไม่ได้มีเจตนาถูกจ้างวานให้ฆ่าแต่อย่างใด”ฉันเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยินปล้นงั้นเหรอ?เป็นไปได้ยังไง?คนนั้นชัดเจนว่าเล็งเป้าหมายมาที่ฉันโดยตรง แถมยังทิ้งคำพูดที่เกี่ยวข้องกับศาสตราจารย์จางไว้หลังจากก่อเหตุ นี่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้จริง ๆ เหรอ?“แต่... มีดในมือของเขา วิธีที่เขาโจมตีฉัน รวมถึงคำพูดนั้น...”ฉันพยายามอธิบาย แต่เสียงของฉันกลับอ่อนลงเรื่อย ๆซูข่ายเหวินจับมือฉันไว้ เป็นสัญญาณให้ฉันสงบสติอารมณ์ลงเขาหันไปมองตำรวจ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจตำรวจดู
ฉันตกใจอย่างมาก คาดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะลงมือทำร้ายฉันจริง ๆฉันรีบปรับสภาพจิตใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจตามมาคนขี่มอเตอร์ไซค์ดูเหมือนไม่คิดจะให้ฉันมีโอกาสได้พักหายใจเลย เขาเงื้อไม้เบสบอลขึ้นอีกครั้งแล้วฟาดมาทางฉันอย่างรุนแรง!ฉันหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว พลางมองหาจังหวะที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากปะทะกันไปหลายครั้ง ฉันสังเกตได้ว่าคนคนนี้มีฝีมือพอตัว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเป็นทางการฉันรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆ ในใจ เพราะเห็นโอกาสเล็กน้อยที่จะเอาชนะเขาได้ฉันเริ่มเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พยายามทำลายจังหวะของเขาเพื่อให้เขาเสียสมดุลและเปิดช่องโหว่หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็พบช่องโหว่และซัดหมัดตรงเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง!เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นฉันถือโอกาสพุ่งเข้าไป หวังจะควบคุมตัวเขาให้สิ้นฤทธิ์แต่ในขณะนั้นเอง เขากลับควักมีดออกมาจากกระเป๋าแล้วพุ่งแทงมาทางฉัน!ฉันตกใจสุดขีด รีบถอยหลังออกไปทันทีแต่ฉันก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ไม่มีแรงมากนัก จะรับมือกับชายที่ดุดันเช่นนี้ได้อย่างไร?มีดสั้นพุ่งตรงมาทางฉัน ก่
“บางทีคุณอาจพูดถูก หากไม่มีการสนับสนุนจากคุณ ฉันอาจต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากขึ้น แต่ฉันก็เชื่อว่า ตราบใดที่ฉันพยายามมากพอและยืนหยัดอย่างมั่นคง สักวันหนึ่งฉันจะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงได้ และฉันก็เชื่อว่า บนโลกนี้ยังมีอีกหลายคนที่มีความฝันและพรสวรรค์เหมือนฉัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคุณ แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้!”เขาชัดเจนว่าโกรธจัดเพราะคำพูดของฉัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่จ้องมองฉันอย่างดุดัน“เธอคิดว่าพูดแบบนี้แล้วจะเปลี่ยนอะไรได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้รู้ไว้เลยนะว่าเธอคิดผิด! เธอจะต้องเสียใจในทุกสิ่งที่เธอทำในวันนี้แน่นอน!”ฉันยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืน“บางทีฉันอาจจะเสียใจ แต่ฉันจะไม่มีวันเสียใจในสิ่งที่ฉันเลือก เพราะฉันรู้ดีว่า มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่ทำให้ฉันเป็นตัวของตัวเอง และทำให้ฉันสามารถเติมเต็มความฝันของตัวเองได้ และสำหรับคุณ ศาสตราจารย์จาง คุณจะต้องกลายเป็นฝันร้ายของตัวเอง”พูดจบ ฉันหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไปตอนนั้นเอง ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาซูข่ายเหวิน“หลักฐานทั้งหมดเก็บรวบรวมเรียบร้อยหรือ