“เดี๋ยวสิอาหลัน อย่าพึ่งไป”ชุนหลันหนีไม่พ้นอ้อมกอดของเขา นางแทบจะไม่มีแรงยืนด้วยซ้ำไปเพราะเขารังแกนางเกือบครึ่งวันมาแล้วและยังไม่ให้นางได้หยุดพักเลย“ข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ทำเช่นนี้แต่เจ้าอย่ากลัวไปเลยนะ”“ข้ามิได้กลัว ปล่อยเถอะข้าจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดแล้ว”“ไม่ คืนนี้อยู่กับข้าได้หรือไม่”“อย่าเลยเพคะ หม่อมฉันอยากจะคิดอะไรสักหน่อย”“แต่ว่าอีกไม่ถึงครึ่งเดือนข้ากับน้องแปดก็ต้องออกศึกเมืองชุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับอีกเมื่อใดแต่เจ้าก็คงรู้อยู่แล้วสินะ”นางนิ่งเงียบไป ไม่ทันไรก็จะถึงเวลาของศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วงั้นหรือ เช่นนั้นเรื่องที่นางกังวลอยู่คงต้องวางไว้ก่อน ถึงอย่างไรกองทัพก็ต้องออกศึกและหากนางรู้เรื่องใดก็ควรจะต้องรีบแจ้งเขาก่อน“ก็ได้เพคะ คืนนี้หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับศึกที่เมืองชุ่น”“ได้สิ ขอบใจเจ้ามากนะอาหลัน”“ปล่อยเถอะเพคะหม่อมฉันจะ…อ๊ะ”เขาอุ้มนางขึ้นมาจากน้ำ คนที่ถูกอุ้มอายจนเบือนหน้าซุกกับอกของเขา แม้ว่าจะเคยนอนร่วมเตียงและเขาก็เห็นตอนนางเปลือยมาบ่อยแล้วแต่ความกระดากอายนี้ก็ยังไม่หายไป“ข้าอุ้มเจ้าไปเองดีกว่า คนที่รังแกเจ้าคือข้าดังนั้นก็ต้องเป็นหน้า
ชุนหลันตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตา แต่มิใช่เพราะความเสียใจเหมือนกับชาติก่อนหน้านี้ น้ำตาที่มาจากความดีใจเพราะไม่คิดว่าจวินซานหรงจะทำสิ่งนี้เพื่อนาง ถึงขนาดยอมสละตำแหน่งหากจะต้องผิดคำมั่น เขาค่อย ๆ ดึงราชโองการออกมาจากมือนางและดึงนางมากอดเอาไว้แน่น“ไม่ร้องแล้วนะเด็กดี เจ้าเสียใจงั้นหรือที่ข้าทำเช่นนี้”“เหตุใดพระองค์…”“ข้าไม่มีทางเห็นเจ้าอยู่อย่างทนทุกข์เหมือนเสด็จแม่ของข้า ถึงพระองค์จะทรงเป็นฮองเฮาแต่ก็ต้องแบ่งปันความรักกับสนมทั้งหลายของเสด็จพ่อ แม้ว่าข้าและน้อง ๆ จะไม่เคยแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์กันแต่ก็ใช่ว่าในอนาคตจะไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าไม่จำเป็นต้องใช้สตรีมากมายเพื่อจะคุมอำนาจในราชสำนัก เจ้าอย่าลืมสิ ชินหยางอ๋องอย่างหยางอี้เหรินและน้อง ๆ ของข้าก็เป็นปราการที่แข็งแกร่งให้ข้าได้มากพอแล้ว”“ซานหรง… ข้าขอโทษข้าไม่ควรระแวงและกลัวไปก่อน”“สิ่งที่เจ้ากลัว มาวันนี้ข้าถึงได้เข้าใจเพราะว่าเจ้าเคยผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายมาก่อนแต่ว่าอาหลัน สิ่งที่ข้าทำก็เพื่อตัวข้าเองด้วยเช่นกันหัวใจของข้าเป็นของเจ้า แล้วตอนนี้หัวใจเจ้าจะมีเพียงข้าเพียงคนเดียวโดยไม่มีเงาของผู้อื่นได้หรือไม่”เขาจับนางมานั่งตักและสบต
“ข้าเชื่อใจท่าน แต่ข้าไม่เชื่อใจศัตรูที่มองไม่เห็นตราบใดที่ยังหาตัวหวังเจียวเมิ่งยังไม่พบข้าก็มิอาจไว้วางใจได้”“อาหลันข้าเชื่อว่าเราจะหานางพบในที่สุด แต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่เวลานั้นก็ได้”“ท่านต้องระวังตัวด้วย ข้ามิอาจวางใจสิ่งใดได้เลยในตอนนี้แม้ว่าพวกท่านทั้งสองพระองค์จะเป็นแม่ทัพที่มีฝีมือแต่สงครามนั้นโหดร้าย มีดหอกก็ไร้ตาข้า…”เขาดึงนางเข้ามากอดและค่อย ๆ ตบหลังนางเพื่อปลอบใจ หัวใจนางเต้นแรงกว่าปกติเพราะความกลัวและตื่นเต้นซึ่งเขารู้ดี ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยหวั่นใจที่จะต้องจับดาบออกศึก แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งเพราะเขามีนางที่ยังรออยู่ข้างหลัง ดังนั้นทุกฝีก้าวและทุกแผนการจะต้องวางแผนอย่างรัดกุมและไม่ประมาทโดยเด็ดขาด“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนนะอาหลัน ข้าไม่มีทางเป็นอะไรไปได้ ในความทรงจำของเจ้าข้าก็รอดนี่ใช่หรือไม่”“ท่านอย่ามาพูดเช่นนี้ครั้งนั้นท่านมิได้กลับมากับท่านอ๋อง…. หรือว่าท่านกลับมาด้วยแต่ข้าไม่ทันเห็น”นางไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับจวินซานหรงเลย สายตาและหัวใจของนางในชาติก่อนมีไว้มองเพียงท่านอ๋องผู้เดียวอีกทั้งจบศึกครั้งนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับหมอหญิงที่นั่งบนม้าตัวเดียวกับเขาดังนั้น
ชุนหลันมองนางใกล้ ๆ จนมั่นใจ ในมือจับกระดาษรูปชายคนหนึ่งเอาไว้มั่น สตรีผู้นั้นมองหน้านางกลับด้วยเช่นกันพร้อมกับความแปลกใจ“แม่นาง นี่ท่าน…”“หวังเจียวเมิ่ง”สตรีตรงหน้าเบิกตากว้างด้วยความตกใจที่เล่อชุนหลันเรียกชื่อนางได้ถูกต้องทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้นางใช้ชื่ออื่นในการเดินทางมาโดยตลอด“แม่นางท่าน… รู้จักข้างั้นหรือ”“ข้า… เอ่อ คือว่าเรื่องนี้… เจ้ากำลังตามหาคนผู้นี้งั้นหรือ”นางลืมเรื่องตรงหน้าเมื่อเห็นว่าเล่อชุนหลันกางกระดาษออกมาดูอีกครั้ง“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้าออกตามหาเข้ามาหลายเดือนแล้ว ครั้งสุดท้ายข่าวคราวของเขาบอกว่ามาที่เหลียงโจว ข้าเดินทางมาจากต่างแดนเพื่อมาตามหาเขาไม่ทราบว่าแม่นางพอจะคุ้นเคยบ้างหรือไม่”“ใบหน้านี้เหตุใดจึงดูเด็กนัก เจ้าตามหาเขาจากรูปวาดเพียงรูปเดียวนี้น่ะหรือ”“เจ้าค่ะ ข้ากับเขาจากกันตอนที่เขาอายุยังไม่มากรูปนี้จึงวาดขึ้นมาจากความทรงจำเดียวของข้าเจ้าค่ะ”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงได้มาตามหาที่นี่เหตุใดไม่ไปที่ศาลาว่าการหรือว่า…”“ข้าไปมาแล้วเจ้าค่ะ พวกเขาเพียงแค่รับเรื่องเอาไว้ ข้าทราบเพียงว่าเขามารับตำแหน่งขุนนางที่นี่เลยตามมา”“ขุนนางงั้นหรือ เช่นนั้นถ้าเป็นขุนนางเหตุใดไ
“พิษนี้ร้ายแรงมากเลยหรือ”“ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยใช้สัตว์และแมลงร้ายพวกนั้นมาปรุงยามาก่อนเพราะมันให้โทษมากกว่าการรักษา พิษนั้นเมื่อโดนเข้าไปต่อให้เพียงแค่เล็กน้อยก็สามารถเปลี่ยนเลือดให้กลายเป็นสีดำได้หากไม่รีบถอนพิษและถ่ายเลือดออกพิษก็จะเริ่มกระจายไปตามจุดสำคัญ อีกอย่างต้องห้ามอยู่ใกล้ผู้อื่นนอกจากคนถอนพิษมันได้เพราะมันสามารถกระจายออกไปได้เจ้าค่ะ”ชุนหลันเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้แล้ว หากว่ากบฏของเมืองชุ่นใช้พิษชนิดนี้กับท่านอ๋องในชาติก่อนแน่นอนว่าเขาต้องพาหวังเจียวเมิ่งกลับมาที่นี่ด้วยเพื่อถอนพิษ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เขาต้องให้นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขา“แล้ววิธีการถอนพิษเล่า”“นั่นเป็นที่มาของยาถอนพิษยี่สิบชนิดที่ข้าทำเพื่อแก้พิษของมัน ข้ายังมีอีกขวดให้ท่าน”“ให้ข้าหรือแต่ว่านี่มัน...”“ข้าเป็นหมอยาท่านไม่ต้องห่วงข้าสามารถปรุงขึ้นมาได้ แต่พิษของเจ็ดไฟกัลป์จะต้องเจาะเลือดพิษออกมาผ่านนิ้วมือ รีดออกจนพิษหมดหากไม่รู้วิธีการ เพียงเจ็ดคืนหากไม่ได้ยาถอนพิษ…”“เจ็ดคืน… จะเกิดอะไรขึ้น”“เลือดในกายจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ ไม่เกินหนึ่งเดือนอวัยวะภายในจะเริ่มเสียหายจนถึงระยะสุดท้ายเลือดออกทวารทั้งเ
เมื่อถึงเนินเขาก่อนจะเข้าค่ายทหาร จางหลิงจึงชี้ให้พวกนางดู ค่ายนั้นเป็นค่ายที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็น่าเกรงขาม ทหารเฝ้ายามเดินกันรอบค่ายเมื่อถึงทางเข้าหน่วยองครักษ์ก็ใช้ทวนกั้นทันที“สตรีห้ามเข้า”“นายกองมู่ พวกนางเป็นหมอที่จะมารักษาท่านอ๋องกับว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ยังไม่รีบเปิดทางอีกงั้นหรือ”“อะไรนะ …. ข้าน้อยขออภัยที่เสียมารยาท เชิญขอรับ”ทหารเปิดทางให้ทุกคนเข้าไปในค่าย เมื่อลงจากหลังม้าได้พวกนางก็เดินตามเสิ่นกงและจางหลิงมาที่ค่ายทันที“พวกท่านรอตรงนี้ก่อนข้าจะรีบเข้าไปแจ้งท่านอ๋องกับองค์รัชทายาท"“อืม ได้สิเจียวเมิ่งมารอตรงนี้เถอะ”เสิ่นกงเดินเข้าไปแต่จางหลิงยืนรออยู่พร้อมกับชุนหลัน ไม่นานจากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากกว่าสามคนที่วิ่งออกจากกระโจมแม่ทัพออกมา จวินซานหรงที่ยังบาดเจ็บตรงแขนข้างซ้ายวิ่งออกมาพร้อมกับเสิ่นกงและรองแม่ทัพในกองทัพ ส่วนแม่ทัพเกราะสีเงินอีกคนนางไม่รู้จัก“ท่านหมอมาแล้วหรืออยู่ไหนกัน”“เสิ่นกงเจ้าบอกว่าหาคนเจอแล้วนางอยู่… ที่ไหน อาหลัน!!”สีหน้าของจวินซานหรงตกใจสุดขีดเมื่อเห็นว่าผู้ใดที่เป็นคนพาหมอหลวงที่เขาตามหาออกมาเขาพุ่งตัวเข้ามาและใช้แขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็
ชุนหลันถูกจวินซานหรงอุ้มเดินออกมาจากกระโจมแม่ทัพ นางพยายามซุกหน้าไปที่อกของเขาเพื่อหลบเลี่ยงสายตาเหล่าทหารในกองทัพ แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าจะมองหรือพูดอะไรแต่นางก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา“ขี่ม้าทั้งวันทั้งคืนคงเหนื่อยและเพลียมากเลยสินะ เจ้าอยากจะอาบน้ำก่อนหรือไม่”“ข้าอาบได้หรือเพคะ”ซานหรงหันมามองนางพร้อมกับหันไปเตรียมผ้ามาให้นางเปลี่ยน สายตาของเขานิ่งดุจมิได้คิดอะไรเมื่อพานางเข้าไปยังห้องอาบน้ำเล็ก ๆ ที่มีเพียงอ่างไม้ใบเดียวในห้องแคบ ๆ“ตัวเจ้ามอมแมมไปหมด อาบน้ำก่อนแล้วค่อยไปนอนพักสักหน่อยตื่นมาจะได้สดชื่น”“ที่นี่…”“กระโจมของข้าเองหากไม่มีคำสั่งข้าก็ไม่มีใครเข้ามารบกวน เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”เขาพานางมานั่งที่พักในห้องอาบน้ำและค่อย ๆ จับที่รองเท้าของนางเพื่อจะถอดให้ชุนหลันจึงรีบดึงขากลับ“ไม่นะเพคะ ข้าทำเองก็ได้ท่านไม่ต้องทำ”“อยู่เฉย ๆ อย่าให้ข้าพูดอะไรมากจะดีกว่าหากเจ้ายังอยากจะอาบน้ำดี ๆ”“แต่ว่านี่มันรองเท้า…”“อยู่เฉย ๆ”เขาจับขานางออกมาและค่อย ๆ ถอดรองเท้าให้ รอยแดงจากการสวมรองเท้าที่ยาวนานโดยมิได้หยุดพักอีกทั้งนิ้วที่เริ่มบีบทำให้จวินซานหรงรู้สึกเจ็บในใจนิด ๆ เมื่อจับนางลุก
“ท่านพูดอะไรแปลก ๆ ข้ามาที่นี่เพราะต้องพาเจียวเมิ่งมารักษาท่านอ๋องเท่านั้น นางเป็นสตรีจะเดินทางมาพร้อมกับบุรุษข้าก็ไม่ค่อยไว้ใจดังนั้นก็เลยพานางมาด้วยตัวเอง”“เจ้าพบกับหวังเจียวเมิ่งได้เช่นไรกัน”เมื่อเขาเริ่มถาม เล่อชุนหลันจึงได้เล่าให้เขาฟังในเรื่องที่นางพบกับหวังเจียวเมิ่งที่ตลาดในเมืองเหลียงโจวจนกระทั่งวันที่จางหลิงและเสิ่นกงไปส่งข่าวที่จวนสกุลเล่อ“ที่แท้นางก็ตามหาคนที่เหลียงโจและเปลี่ยนชื่อแซ่เพื่อปกปิดฐานะตัวเองนี่เองเราถึงได้ตามหานางไม่พบ”“ใช่เพคะ พวกชั่วนั่นยังติดตามนางไม่หยุดนางเลยหนีมาที่เหลียงโจว นางมาอยู่ที่นั่นได้เกือบสามเดือนแล้วเพื่อตามหาพี่ชายเพคะ”“พี่ชายของนางงั้นหรือ แล้วนางได้พบพี่ชายหรือยัง”“ยังเลยเพคะ ท่านพ่อช่วยนางตามหาจากขุนนางในเหลียงโจวเกือบจะครบแล้ว ยังขาดก็แต่พวกขุนนางกรมคลังของพี่ใหญ่ข้านั่นแหละเพคะ”“ทำไมล่ะ”“เพราะว่าพวกเขายังไม่กลับมาจากเจียงหนาน และวันที่พี่ใหญ่ข้ากลับมาท่านพ่อท่านแม่ก็ไปรับเขา ดังนั้นข้าจึงเลือกเดินทางวันนั้นเพคะ”“ที่แท้ก็หนีออกจากจวนนี่เองเจ้านี่มัน…”“อ๊ะ ถ้าบอกไปตรง ๆ ก็แอบมาหาท่านไม่ได้น่ะสิอย่าตีข้านะ”สุดท้ายนางก็พลั้งปากออก
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร
ชุนหลันหันไปมองหน้าหวังเจียวเมิ่งที่ยืนเฉย ๆ โดยมิได้คิดอะไรแต่ก็แอบมองชุนหลันที่กำลังกังวลจนเผลอปล่อยมือจวินซานหรง เมื่อองค์ชายเห็นเช่นนั้นก็หันไปเล่นงานน้องชายทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วว่าจะรับพระชายาเพียงคนเดียวคือเล่อชุนหลัน เสด็จพ่อเองก็ทรงรับปากและออกราชโองการสมรสมาให้ข้าแล้ว”“พี่สี่ท่านอย่าล้อเล่นเช่นนี้ ข้าเองก็ยังพึ่งเสร็จศึกกลับมาอีกอย่างเรื่องในตำหนักของข้าเสด็จพ่อก็รับรู้แล้วว่าวุ่นวายเพียงใด หากจะแต่งมาที่เหลียงโจวเกรงว่าแคว้นอานฉวนคงไม่พอใจเป็นแน่”“เอาตัวรอดกันเก่งจริง ๆ เลยนะแต่ล่ะคน”“น้องสี่ พูดเช่นนี้เจ้ารู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่รอดแน่”“พี่สาม!! ท่าน…”“หึ เอาเถอะองค์หญิงอานฉวนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊เป็นยอดสตรีแห่งดินแดนตะวันออกก็เหมาะกับเจ้าดีนะ”“ใช่เสียที่ไหนข้าไปดีกว่าคุยกับพวกท่านแล้วเวียนหัว น้องแปดเจ้าต้องรีบหายเร็ว ๆ นะ”“พ่ะย่ะค่ะ แล้วพบกันใหม่พี่สี่”“แล้วพบกัน”องค์ชายสี่เดินทางกลับไปแล้ว ขบวนธงทัพของกองทัพหลวงค่อย ๆ เคลื่อนไปไกลจนลับสายตา จวินซานหรงหันมาจับมือชุนหลันแต่นางกลับเดินหนีลงมาก่อน“อา… ว่าแล้วอย่างไรเจ้าจวินซานอวี้ ไปอย่างเดียวไ
“ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ เสียหน่อยที่จะกลัวเจ็บกลัวกินยาขม ๆ”“เช่นนั้นพระองค์ไม่ต้องการใช่หรือไม่”“ไม่ได้พูดว่าไม่ชอบ”ชุนหลันดึงแขนจวินซานหรงและเดินออกมาเพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนพวกเขา ซานหรงเห็นนางเดินยิ้มออกมาจึงนึกแปลกใจ เขาพานางเดินมาที่ริมแม่น้ำด้านหลังค่ายเพราะที่นี่ไม่มีคนเดินไปมาหากไม่มีคำสั่งของเขา“เจ้ายิ้มอะไรกัน”“ท่านไม่เห็นหรือเพคะ”“เห็น แต่ว่า… ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”“ผู้ใดจะรู้เล่าเพคะ”“ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอย่างไรเล่า ที่เหลียงโจวยังมีลี่จินเซียนอยู่ เจ้าคิดว่าหมอหวังจะสู้นางได้หรือ ต่อให้เป็นบุตรีของขุนนางต้องโทษแต่อย่างไรก็เป็นพระสนม อีกอย่างการที่นางจะลงเอยกับน้องแปดได้…”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว ความรักน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น”“นั่นก็ใช่แต่ข้าเกรงว่าสำหรับน้องแปดอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น”“ช่างเถอะ เรื่องนั้นปล่อยให้พวกเขาจัดการเองจะดีกว่า”“อาหลัน นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ”จวินซานหรงหันไปมองนางที่กำลังรวบผมขึ้นและเริ่มถอดชุดด้านนอกออกมา เขาหันไปมองรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เพราะเขาพานางเดินมาค่อนข้างลึกแม้ว่าจะเป็นช่วงเย็นแล้วแต่ฟ้ายังไม่มื
กระโจมท่านอ๋อง “แคก แคก น้ำ…”หวังเจียวเมิ่งที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่สะดุ้งขึ้นมากลางดึกเมื่อได้ยินเสียงแหบ ๆ เมื่อนางหันก็เห็นว่าท่านอ๋องรู้สึกตัวแล้ว“นี่เพคะ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจิบน้ำอย่างยากเย็นเพราะแผลที่ถูกธนูยิงที่ไหล่ขวานั้นยังคงเจ็บปวดอยู่“เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันเป็นหมอเพคะ มาที่นี่เพื่อรักษาพิษในพระวรกายของพระองค์”“หมองั้นหรือ”“เพคะ”“เจ้ามาจากไหน”“หม่อมฉันมาพร้อมกับบุตรท่านเสนาบดีเล่อ เล่อชุนหลันเพคะ”“อะไรนะ เจ้าบอกว่า… แคก แคก… นาง!! มาที่นี่หรือ”“พระองค์อย่าพึ่งลุกขึ้นมาเช่นนี้ แผลของพระองค์ยังไม่หายดี อีกอย่างพิษในพระวรกาย…”มือของเขาหันมาคว้าแขนของหวังเจียวเมิ่งและดึงนางเข้ามาถาม ยิ่งมองใกล้ ๆ เช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องน่ากลัวยิ่งนัก ผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูรูปงามของเขา สายตาที่มองนางในตอนนี้แทบอยากจะเค้นความจริงราวกับนางเป็นนักโทษ“ท่านอ๋องเพคะ”“บอกข้ามา นางมากับเจ้าหรือ”“พะ เพคะตอนนี้นางพักอยู่ที่กระโจมขององค์รัชทายาทเพคะ”คำนี้ทำให้ท่านอ๋องนิ่งไปและค่อย ๆ ปล่อยมือที่บีบแขนนางออกมาได้ เจียวเมิ่งรีบถอยห่างออกจากเตียงของเขาทันทีและรีบไปดูหม้อต้มยาที่นางต้มเอาไ