“พระองค์ทรงหมายความว่าอย่างไรเพคะ”จวินซานหรงเดินออกมาและเป็นผู้ที่ชี้แจงเรื่องทั้งหมดเพื่อให้ทุกคนในที่นี้ได้คลายข้อสงสัย“วันนี้ข้าตรวจสอบสาวใช้ทั้งหมดโดยให้พวกนางมายืนพิสูจน์โดยการตากแดด พิษชนิดนี้เมื่อเจอแสงแดดก็จะกระจายละอองออกมาเพราะมันมีส่วนผสมของละอองหญ้า และตัวของสาวใช้เจ้าเป็นเพียงคนเดียวที่มีละอองสีเหลืองลอยออกมาจากเสื้อผ้าของนาง”ลี่จินเซียนตกใจและยืนตัวสั่นเมื่อซานหรงพูดจบ นางหันไปมองที่หรูเซิ่งที่เบิกตากว้างเพราะความตกใจที่ไม่คิดว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทจะใช้แผนนี้มาจับตัวนาง“ก่อนหน้านี้ข้าให้เสิ่นกงไปจับสาวใช้ของเจ้ามาก่อนคนหนึ่งซึ่งนางก็มาจากสกุลลี่เช่นกัน แน่นอนว่านางอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าตนเองถูกจับมาเพราะเหตุใดกัน”“พระสนมเพคะหม่อมฉันมิได้ทำจริง ๆ นะเพคะ”“อิ๋นเล่อ”ลี่จินเซียนหันไปมองสาวใช้ของนางที่ยังนั่งนิ่งอยู่ จวินซานหรงจึงได้พูดต่อ“อิ๋นเล่อข้าขอถามเจ้าหน่อยว่าเหตุใดเจ้าจึงได้นำสาลี่เข้ามาในจวนอ๋องมากขนาดนี้”“หม่อมฉัน… ทูลองค์ชายวันก่อนหม่อมฉันกับหรูเซิ่งคุยกันว่าช่วงนี้พระสนมไม่ค่อยอยากอาหารและไม่เสวยสิ่งใด หรูเซิ่งจึงออกความเห็นว่าไหน ๆ ที่บ้านข้าก็ทำสวน
“อะไรนะ!! ท่านอ๋องเพคะได้โปรดละเว้นท่านพ่อของหม่อมฉัน โทษของท่านพ่อไม่น่าจะถึง…”“หลีกไป!!”ท่านอ๋องสะบัดชายชุดทรงมังกรของพระองค์และถอยออกมาจากตัวของลี่จินเซียน สายตายังไม่ลดละความเกลียดชังต่อนางลงเลยแม้แต่นิด ก่อนจะหันไปตรัสเป็นครั้งสุดท้าย“วางยาลอบสังหารเชื้อพระวงศ์ ลอบซ่องสุมกำลังคนลับหลังและยังแบ่งพรรคจับพวกขุนนางในราชสำนักให้แตกแยก โทษเพียงเท่านี้ก็เพียงพอให้ประหารพ่อของเจ้าได้แล้วลี่จินเซียน ข้ายังละเว้นเจ้าเอาไว้คนหนึ่งเจ้าน่าจะต้องขอบคุณถึงจะถูก”“หากเป็นเช่นนั้นเหตุใดพระองค์จึงไม่สั่งประหารหม่อมฉันให้ตายตกตามไปพร้อมกับท่านพ่อเลยเล่าเพคะ จะได้พอพระทัยของพระองค์เสียที”“เจ้าอยากตายงั้นหรือลี่จินเซียน ได้สิหากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะ…”“น้องแปดพอแค่นี้ เถอะแม้ว่านางจะมาจากสกุลลี่แต่เรื่องนี้สนมลี่ไม่รู้เรื่องเจ้าจะเอาผิดนางไม่ได้”“แต่นางอยากขอตายเอง”“อย่าลืมว่ายังมี….”ท่านอ๋องสบเนตรขององค์รัชทายาทก็รู้ได้ทันทีว่าพระเชษฐาทรงหมายถึงพระสนมลี่เฟยที่อยู่ข้างพระวรกายของฝ่าบาท ดังนั้นนอกจากละเว้นนางเขาก็ทำอย่างอื่นไม่ได้ เพื่อมิให้สนมลี่เฟยที่เมืองหลวงก่อเรื่อง“เอาตัวพวกนางไป”ลี่จินเซ
“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ น่ะหรือ”“ใช่ เจ้าดูอย่างสาลี่ที่เขาให้เจ้ามาสิ เจ้าไม่สังเกตอะไรบ้างเลยหรือ”“สังเกตสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”“ก็สาลี่ที่ได้มาจากอารามเซียวเหม่ยลูกใหญ่กว่าสาลี่ทั่วไป”“จริงด้วย เป็นเพราะเหตุใดกัน”“เพราะว่าใต้ซือใช้ความรู้ที่มีอยู่เพราะพันธ์ุสาลี่นี้ขึ้นมา ไม่ใช่แค่นั้นในอารามน่ะเต็มไปด้วยสวนสมุนไพรและผลไม้อีกหลายอย่าง ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าเจ้าถูกพิษเขาก็รีบปรุงยาที่เคยทำมาก่อนแล้วรีบให้ข้ากับอาหลันนำมาให้เจ้าก็เท่านั้นเอง”“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าเล่อชุนหลันที่นั่งเงียบและพยายามเก็บอาการบางอย่างเอาไว้ แต่ในเมื่อพระเชษฐาของเขาพูดเช่นนั้นแล้วเขาก็จะไม่ติดใจสืบถามเพื่อมิให้เกิดความอึดอัดอีกต่อไป โดยเฉพาะกับเล่อชุนหลันที่เขารู้สึกไม่อยากกดดันอะไรนางมากไปกว่านี้ “เล่อชุนหลันเจ้าเป็นอะไรไปเหตุใดจึงหน้าซีดเช่นนั้นเจ้าไม่สบายงั้นหรือ เมื่อครู่ตากแดดนานไปกระมังหรือจะให้หมอหลวงมาดูอาการสักหน่อย”“น้องแปดไม่ต้องหรอกเจ้าพักผ่อนเถอะอาหลันคงตื่นเต้นน่ะ ข้าทำเรื่องนี้ลงไปแล้วไม่ทันได้บอกนางแล้วอีกอย่างก็ตกใจที่ลี่จินเซียนไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน เจ้าคิดว่าอย่างไรเกี
เกิดความเงียบขึ้นมาระหว่างทั้งสอง ชุนหลันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดีแม้ว่าท่านอ๋องจะทำเหมือนกับที่นางเจอเมื่อชาติก่อนแต่ก็เป็นเพราะความจำเป็น บัดนี้นางรู้และให้อภัยเขาได้แต่กับลี่จินเซียนกลับไม่ใช่แบบนั้น นางเลือกที่จะโวยวายและเรียกร้องแต่กลับพูดผิดเวลาดังนั้นจึงได้พบจุดจบเช่นนี้“เล่อชุนหลันตอนนี้เจ้าตอบข้ามาได้หรือไม่ ที่เจ้าปฏิเสธข้าเพราะว่าเจ้าไม่อยากเป็นพระชายาของข้าหรือว่าเป็นเพราะ… พี่สามของข้ากันแน่”“เรื่องนั้น…”“เจ้ารักพี่สามของข้างั้นหรือ”สายพระเนตรที่มองชุนหลันในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเจ็บปวดแสนสาหัส สายตานี้เหมือนกับนางในชาติก่อนไม่มีผิด นางเข้าใจความรู้สึกของเขาแต่ก็เลือกแล้วว่าในชาตินี้จะเดินคนละเส้นทางกับเขา นางไม่อยากทุกข์ใจเพราะเขาอีกแล้ว“หม่อมฉันรักจวินซานหรงเพคะ”“แต่เขาเป็นองค์รัชทายาท ไหนเจ้าบอกว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์และไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวังและราชสำนักอย่างไรเล่า”“เรื่องนี้หม่อมฉันทราบเพคะ แต่ตอนที่หม่อมฉันหมั้นกับเขาในตอนนั้นหม่อมฉันทราบเพียงว่าเขาคือจวินซานหรงซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระองค์ เรื่องที่เขาเป็นองค์ชายหม่อมฉันเองก็พึ่งทราบ
“เจ้าคุยอะไรกับน้องแปดงั้นหรือ”“คือว่า…”เล่อชุนหลันเองก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นางคงปกปิดเขาไปได้อีกไม่นานแล้วเพราะคนอย่างจวินซานหรงฉลาดกว่าที่นางคาดคิด เขาเป็นบุตรของโอรสสวรรค์ย่อมไม่ต่างจากพระราชบิดาของเขา“ซานหรง วันนี้ข้าจะเล่าเรื่องที่ข้าเคยรับปากว่าจะเล่าให้ท่านฟัง”“เจ้าพร้อมแล้วงั้นหรือ”“เพคะ ข้าพร้อมแล้ว”รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาในจวนของซานหรงพร้อมกับทั้งคู่ที่พากันเดินเข้าไปยังเรือนด้านใน ประตูถูกปิดและห้ามคนรบกวนเมื่อเล่อชุนหลันเริ่มเล่าเรื่องที่น่าเหลือเชื่อของตัวนางเองกับท่านอ๋องให้จวินซานหรงฟังตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับนางเมื่อชาติก่อนและนางก็ตัดสินใจจบเรื่องทั้งหมดเองและกลับมาพบเขาในชาตินี้ จวินซานหรงนั่งฟังนิ่ง ๆ โดยไม่ถามอะไรนางจนนางเล่าจบ“เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้า… เช่นนั้นการที่เจ้าปฏิเสธเขาก็เพราะไม่อยากจะเดินซ้ำรอยเดิม”“เพคะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพระองค์เองก็จะมิใช่แค่ขุนนางที่ปรึกษาของท่านอ๋องแต่เป็นถึงองค์รัชทายาทเห็นทีว่าชาตินี้ข้าคงหนีไม่พ้นวังหลวง”“เช่นนั้นน้องแปดของข้าที่เคยโหดร้ายกับเจ้าในอดีต”“ไม่เพคะ ท่านอ๋องแม้ว่าจะเย
“มานี่”“อ๊ะ ซานหรงข้าไม่…อย่านะเดี๋ยวก่อน อื้อ…อ๊าา ซานหรง”ความโหดนี้นางจะขอรับเอาไว้เองเพราะหากเป็นนางก็คงจะคิดมากไม่น้อยและก่อนหน้านี้ชุนหลันก็คิดมาแล้วว่าเขาจะต้องโกรธบ้างแต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ “อ๊าา ซานหรง”เสียงกระแทกถี่ ๆ ที่ดังจนนางแทบจะขาดใจอีกรอบแต่กลับเสียวจนไม่อยากให้หยุดทำให้นางตอบรับเขา เมื่อน้ำรักพุ่งเข้าไปอีกครั้งนางจึงดึงเขาเข้ามาและจูบอีกครั้ง“อย่าหลบสิเพคะ”นางดึงเข้ามาจูบแม้ว่าซานหรงจะเลี่ยงเพราะความโกรธแต่นางก็ปล้นจูบเขามาได้ในที่สุด นางพลิกตัวขึ้นไปคร่อมเขาเอาไว้แทนและจูบเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ มือนางเอื้อมไปจับมังกรยักษ์จนเขาลืมตาขึ้น“เจ้าจะทำสิ่งใด”“ยอมพูดแล้วหรือเพคะคนขี้งอน”“ข้ามิได้งอน”“เช่นนั้นก็ คนขี้หึง”“เจ้า!!”“จวินซานหรง ข้าเป็นของท่านแต่เพียงผู้เดียว”จวินซานหรงหันมามองหน้านางอีกครั้ง ชุนหลันยิ้มให้เขาและก้มลงจูบอีกครั้ง“ท่านช่างโง่นัก ไม่รอฟังข้าให้จบก็ลงโทษข้าและคิดไปเองเพียงคนเดียว”“ข้าแค่ทนไม่ได้ เขาเป็นน้องชายของข้าส่วนเจ้าเป็นดั่งดวงใจของข้าที่มิอาจสูญเสียไปได้แล้วเจ้าจะให้ข้า… คิดเช่นไรได้”“ข้ากับท่านอ๋องในชาติก่อนไม่เคยเข้าหอร่วมกัน
“เดี๋ยวสิอาหลัน อย่าพึ่งไป”ชุนหลันหนีไม่พ้นอ้อมกอดของเขา นางแทบจะไม่มีแรงยืนด้วยซ้ำไปเพราะเขารังแกนางเกือบครึ่งวันมาแล้วและยังไม่ให้นางได้หยุดพักเลย“ข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ทำเช่นนี้แต่เจ้าอย่ากลัวไปเลยนะ”“ข้ามิได้กลัว ปล่อยเถอะข้าจะขึ้นไปเปลี่ยนชุดแล้ว”“ไม่ คืนนี้อยู่กับข้าได้หรือไม่”“อย่าเลยเพคะ หม่อมฉันอยากจะคิดอะไรสักหน่อย”“แต่ว่าอีกไม่ถึงครึ่งเดือนข้ากับน้องแปดก็ต้องออกศึกเมืองชุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับอีกเมื่อใดแต่เจ้าก็คงรู้อยู่แล้วสินะ”นางนิ่งเงียบไป ไม่ทันไรก็จะถึงเวลาของศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วงั้นหรือ เช่นนั้นเรื่องที่นางกังวลอยู่คงต้องวางไว้ก่อน ถึงอย่างไรกองทัพก็ต้องออกศึกและหากนางรู้เรื่องใดก็ควรจะต้องรีบแจ้งเขาก่อน“ก็ได้เพคะ คืนนี้หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับศึกที่เมืองชุ่น”“ได้สิ ขอบใจเจ้ามากนะอาหลัน”“ปล่อยเถอะเพคะหม่อมฉันจะ…อ๊ะ”เขาอุ้มนางขึ้นมาจากน้ำ คนที่ถูกอุ้มอายจนเบือนหน้าซุกกับอกของเขา แม้ว่าจะเคยนอนร่วมเตียงและเขาก็เห็นตอนนางเปลือยมาบ่อยแล้วแต่ความกระดากอายนี้ก็ยังไม่หายไป“ข้าอุ้มเจ้าไปเองดีกว่า คนที่รังแกเจ้าคือข้าดังนั้นก็ต้องเป็นหน้า
ชุนหลันตาพร่ามัวเพราะม่านน้ำตา แต่มิใช่เพราะความเสียใจเหมือนกับชาติก่อนหน้านี้ น้ำตาที่มาจากความดีใจเพราะไม่คิดว่าจวินซานหรงจะทำสิ่งนี้เพื่อนาง ถึงขนาดยอมสละตำแหน่งหากจะต้องผิดคำมั่น เขาค่อย ๆ ดึงราชโองการออกมาจากมือนางและดึงนางมากอดเอาไว้แน่น“ไม่ร้องแล้วนะเด็กดี เจ้าเสียใจงั้นหรือที่ข้าทำเช่นนี้”“เหตุใดพระองค์…”“ข้าไม่มีทางเห็นเจ้าอยู่อย่างทนทุกข์เหมือนเสด็จแม่ของข้า ถึงพระองค์จะทรงเป็นฮองเฮาแต่ก็ต้องแบ่งปันความรักกับสนมทั้งหลายของเสด็จพ่อ แม้ว่าข้าและน้อง ๆ จะไม่เคยแก่งแย่งชิงราชบัลลังก์กันแต่ก็ใช่ว่าในอนาคตจะไม่มีทางเกิดขึ้น ข้าไม่จำเป็นต้องใช้สตรีมากมายเพื่อจะคุมอำนาจในราชสำนัก เจ้าอย่าลืมสิ ชินหยางอ๋องอย่างหยางอี้เหรินและน้อง ๆ ของข้าก็เป็นปราการที่แข็งแกร่งให้ข้าได้มากพอแล้ว”“ซานหรง… ข้าขอโทษข้าไม่ควรระแวงและกลัวไปก่อน”“สิ่งที่เจ้ากลัว มาวันนี้ข้าถึงได้เข้าใจเพราะว่าเจ้าเคยผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายมาก่อนแต่ว่าอาหลัน สิ่งที่ข้าทำก็เพื่อตัวข้าเองด้วยเช่นกันหัวใจของข้าเป็นของเจ้า แล้วตอนนี้หัวใจเจ้าจะมีเพียงข้าเพียงคนเดียวโดยไม่มีเงาของผู้อื่นได้หรือไม่”เขาจับนางมานั่งตักและสบต
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร
ชุนหลันหันไปมองหน้าหวังเจียวเมิ่งที่ยืนเฉย ๆ โดยมิได้คิดอะไรแต่ก็แอบมองชุนหลันที่กำลังกังวลจนเผลอปล่อยมือจวินซานหรง เมื่อองค์ชายเห็นเช่นนั้นก็หันไปเล่นงานน้องชายทันที“เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย ข้าทูลเสด็จพ่อไปแล้วว่าจะรับพระชายาเพียงคนเดียวคือเล่อชุนหลัน เสด็จพ่อเองก็ทรงรับปากและออกราชโองการสมรสมาให้ข้าแล้ว”“พี่สี่ท่านอย่าล้อเล่นเช่นนี้ ข้าเองก็ยังพึ่งเสร็จศึกกลับมาอีกอย่างเรื่องในตำหนักของข้าเสด็จพ่อก็รับรู้แล้วว่าวุ่นวายเพียงใด หากจะแต่งมาที่เหลียงโจวเกรงว่าแคว้นอานฉวนคงไม่พอใจเป็นแน่”“เอาตัวรอดกันเก่งจริง ๆ เลยนะแต่ล่ะคน”“น้องสี่ พูดเช่นนี้เจ้ารู้ตัวสินะว่าตัวเองไม่รอดแน่”“พี่สาม!! ท่าน…”“หึ เอาเถอะองค์หญิงอานฉวนเก่งทั้งบุ๋นและบู๊เป็นยอดสตรีแห่งดินแดนตะวันออกก็เหมาะกับเจ้าดีนะ”“ใช่เสียที่ไหนข้าไปดีกว่าคุยกับพวกท่านแล้วเวียนหัว น้องแปดเจ้าต้องรีบหายเร็ว ๆ นะ”“พ่ะย่ะค่ะ แล้วพบกันใหม่พี่สี่”“แล้วพบกัน”องค์ชายสี่เดินทางกลับไปแล้ว ขบวนธงทัพของกองทัพหลวงค่อย ๆ เคลื่อนไปไกลจนลับสายตา จวินซานหรงหันมาจับมือชุนหลันแต่นางกลับเดินหนีลงมาก่อน“อา… ว่าแล้วอย่างไรเจ้าจวินซานอวี้ ไปอย่างเดียวไ
“ข้าไม่ใช่เด็ก ๆ เสียหน่อยที่จะกลัวเจ็บกลัวกินยาขม ๆ”“เช่นนั้นพระองค์ไม่ต้องการใช่หรือไม่”“ไม่ได้พูดว่าไม่ชอบ”ชุนหลันดึงแขนจวินซานหรงและเดินออกมาเพื่อจะได้ไม่ต้องรบกวนพวกเขา ซานหรงเห็นนางเดินยิ้มออกมาจึงนึกแปลกใจ เขาพานางเดินมาที่ริมแม่น้ำด้านหลังค่ายเพราะที่นี่ไม่มีคนเดินไปมาหากไม่มีคำสั่งของเขา“เจ้ายิ้มอะไรกัน”“ท่านไม่เห็นหรือเพคะ”“เห็น แต่ว่า… ข้าคิดว่าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้”“ผู้ใดจะรู้เล่าเพคะ”“ต่อให้เป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วอย่างไรเล่า ที่เหลียงโจวยังมีลี่จินเซียนอยู่ เจ้าคิดว่าหมอหวังจะสู้นางได้หรือ ต่อให้เป็นบุตรีของขุนนางต้องโทษแต่อย่างไรก็เป็นพระสนม อีกอย่างการที่นางจะลงเอยกับน้องแปดได้…”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว ความรักน่ะไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากขนาดนั้น”“นั่นก็ใช่แต่ข้าเกรงว่าสำหรับน้องแปดอาจจะไม่ง่ายเช่นนั้น”“ช่างเถอะ เรื่องนั้นปล่อยให้พวกเขาจัดการเองจะดีกว่า”“อาหลัน นั่นเจ้าทำอะไรน่ะ”จวินซานหรงหันไปมองนางที่กำลังรวบผมขึ้นและเริ่มถอดชุดด้านนอกออกมา เขาหันไปมองรอบ ๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดอยู่ที่นั่น เพราะเขาพานางเดินมาค่อนข้างลึกแม้ว่าจะเป็นช่วงเย็นแล้วแต่ฟ้ายังไม่มื
กระโจมท่านอ๋อง “แคก แคก น้ำ…”หวังเจียวเมิ่งที่กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่สะดุ้งขึ้นมากลางดึกเมื่อได้ยินเสียงแหบ ๆ เมื่อนางหันก็เห็นว่าท่านอ๋องรู้สึกตัวแล้ว“นี่เพคะ”เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจิบน้ำอย่างยากเย็นเพราะแผลที่ถูกธนูยิงที่ไหล่ขวานั้นยังคงเจ็บปวดอยู่“เจ้าเป็นใคร”“หม่อมฉันเป็นหมอเพคะ มาที่นี่เพื่อรักษาพิษในพระวรกายของพระองค์”“หมองั้นหรือ”“เพคะ”“เจ้ามาจากไหน”“หม่อมฉันมาพร้อมกับบุตรท่านเสนาบดีเล่อ เล่อชุนหลันเพคะ”“อะไรนะ เจ้าบอกว่า… แคก แคก… นาง!! มาที่นี่หรือ”“พระองค์อย่าพึ่งลุกขึ้นมาเช่นนี้ แผลของพระองค์ยังไม่หายดี อีกอย่างพิษในพระวรกาย…”มือของเขาหันมาคว้าแขนของหวังเจียวเมิ่งและดึงนางเข้ามาถาม ยิ่งมองใกล้ ๆ เช่นนี้นางก็ยิ่งรู้สึกว่าท่านอ๋องน่ากลัวยิ่งนัก ผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูรูปงามของเขา สายตาที่มองนางในตอนนี้แทบอยากจะเค้นความจริงราวกับนางเป็นนักโทษ“ท่านอ๋องเพคะ”“บอกข้ามา นางมากับเจ้าหรือ”“พะ เพคะตอนนี้นางพักอยู่ที่กระโจมขององค์รัชทายาทเพคะ”คำนี้ทำให้ท่านอ๋องนิ่งไปและค่อย ๆ ปล่อยมือที่บีบแขนนางออกมาได้ เจียวเมิ่งรีบถอยห่างออกจากเตียงของเขาทันทีและรีบไปดูหม้อต้มยาที่นางต้มเอาไ