“กลับมาแล้วเหรอคะ คุณพ่อว่ายังไงบ้างคะ” พริมาเอ่ยถามรพีพัฒน์ เพราะรู้ว่าบิดาของตนนัดชายหนุ่มออกไปพบ รพีพัฒน์สอดแขนกอดเอวบางแล้วกระชับเข้ามาหาตัวเอง แต่เหมือนจะยังไม่พอใจ เขาจึงจับเธอนั่งตักเสียเลยก่อนตอบ “คุยกันเรื่องของเรานี่แหละครับ”“เรื่องอะไรคะ หรือว่าคุณพ่อยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องชีวิตคู่ของพริมอีก” ร่างบางขึ้นเสียงบ่งบอกความไม่พอใจ ใบหน้าสวยบึ้งตึงเล็กน้อย“เปล่าครับ ไม่ใช่แบบนั้น” ชายหนุ่มบอกคนที่มีท่าทีไม่พอใจ พลางยื่นนิ้วไปกดคลึงหัวคิ้วให้คลายออกจากกัน“แล้วคุณพ่อนัดพี่พีไปคุยเรื่องอะไรคะ พี่พีพูดมาสักทีสิ พริมอยากรู้จะแย่ มัวชักช้าอยู่ได้ ทีเรื่องอื่นไม่เห็นชักช้าแบบนี้บ้างเลย” พริมาว่าหน้าตูมด้วยอยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกับบิดาของเธอรพีพัฒน์ยิ้มกรุ้มกริ่มโน้มหน้ากดปลายจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มแล้วสูดกลิ่นหอมเข้าปอดฟอดใหญ่ ทั้งยังไม่วายหยอกล้อคนรัก “ก็ถ้าชักช้าพริมก็ไม่พอใจสิครับ ขนาดพี่รวดเร็วยังถูกพริมเร่งทุกที”“พี่พี!” เพียะ! เพียะ! เรียกชายหนุ่มเสียงเขียวพร้อมฟาดมือลงที่ไหล่ไปสองครา “เลิกเล่นได้แล้วค่ะ เข้าเรื่องสักที คุณพ่อเรียกพี่พีไปคุยเรื่องอะไรกันแน่คะ พริมอยากรู้ ถ้าไม่ใช่เ
สองวันก่อนที่จะถึงงานเลี้ยง รพีพัฒน์พาพริมาไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเครื่องเพชรชุดใหม่ที่จะใส่ไปงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของอิงอร แม้พริมาจะคัดค้านอย่างไรก็ไม่เป็นผล “พี่พีนะพี่พี เครื่องเพชร เครื่องประดับมีอยู่เต็มห้องจนไม่รู้จะใส่อันไหน ยังจะพามาซื้ออีก” เธอบ่นพร้อมเดินฉับ ๆ ตรงไปยังร้านจิวเวลรี่ของตระกูลเลิศเกียรติคุณ บอกว่าไม่ไป ไม่ซื้อ เขาก็ไม่ยอม ลากเธอมาจนได้ “วันนี้มีเครื่องเพชรชุดใหม่ออกมา พี่ก็อยากให้พริมได้ใส่สิครับ งานเลี้ยงวันนั้นต้องเจอกับพวกนักธุรกิจมากแน่”“แต่ที่ห้องก็มีตั้งหลายชุดแล้วนะคะ ใส่พวกนั้นก็ได้”“แต่พี่อยากซื้อให้นี่ครับ อยากเห็นพริมใส่เครื่องประดับที่เพิ่งออกวางขายช่วงนี้มากกว่า ชุดล่าสุดนี่พริมยังไม่มีเลยนะ เป็นถึงคนรักเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่มีคอลเล็กชันล่าสุดได้ยังไง อายเขาตายเลย”หญิงสาวทำหน้าเหม็นเบื่อพลางว่า “พี่พีคะ พริมว่าไม่ต้องมีทุกชุด ทุกเซตที่บริษัทพี่พีออกแบบมาวางขายก็ได้ค่ะ มีเยอะแล้ว พริมมีคอเดียว ใส่ไม่หมดค่า!” “เก็บไว้เป็นสมบัติตกทอดให้ลูกเราใส่ก็ได้ครับ น่า เลิกบ่นได้แล้วครับ ถึงหน้าร้านแล้วเนี่ย”พริมามองบนพร้อมส่ายหน้าให้กับความช่างเปย
อิงอรเป็นคนประเภทชอบอะไรที่ได้มายาก ๆ อะไรที่มันท้าทายเธอยิ่งอยากได้ เธอไม่เชื่อหรอกว่าความพยายามและเสน่ห์ของเธอจะใช้กับเขาไม่ได้ผล ก่อนหน้านี้ที่คิดอยากเข้าหารพีพัฒน์ก็แค่อยากเอาชนะพริมาเท่านั้น กะว่าได้เล่น ๆ ทำให้มีปัญหากับน้องสาวต่างมารดาเธอก็จะทิ้งไปต่างคนต่างอยู่ แต่ตอนนี้...บอกตามตรง เธออยากได้อยากครอบครองเขา อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผู้ชายคนนี้ อยากให้เขาสยบอยู่แทบเท้าเธอ ยิ่งคิดใบหน้าเฉี่ยวยิ่งฉายชัดถึงความต้องการ แน่นอนว่าชายหนุ่มเห็นแต่ไม่สนใจ เพราะสำหรับเขาผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้มีค่ามากพอให้สนใจหรือปรายตามองด้วยซ้ำถึงตัวเขาจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่มีทางมีพฤติกรรมน่ารังเกียจแบบนี้แน่นอน ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนคิดอยากเป็นมือที่สามของคนอื่นกัน ยิ่งเป็นคนรักของน้องสาวยิ่งสมควรอยู่ให้ห่าง แต่นี่กลับ... การกระทำอันน่ารังเกียจของเธอตอนนี้ก็บ่งบอกอยู่แล้ว ว่าไม่ได้มีเจตนาที่ดีอะไร เพราะงั้นทำไมเขาต้องสนใจให้ค่าด้วย? “ปากร้ายจังเลยนะคะ ไม่รู้ว่าอย่างอื่นจะร้ายด้วยหรือเปล่า” อิงอรพูดเบา ๆ ก่อนจะเงียบไปเมื่อพนักงานเอาอาหารที่เธอเดาว่า รพีพัฒน์และพริมาสั่งมาเสิร์ฟ รอจ
ในที่สุดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของอิงอรก็มาถึง งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นภายในรั้วกำแพงบ้านของตระกูลเลิศลักษณ์ เป็นงานเลี้ยงที่ค่อนข้างใหญ่ หรูหราโอ่อ่าสมฐานะ แขกเหรื่อที่มาร่วมงานทุกคนล้วนระดับและต่างชื่นชมการจัดงานทั้งสิ้น ทำเจ้าภาพในการจัดงานอย่างคุณอรวรรณยิ้มแย้มเต็มใบหน้า งานเลี้ยงครั้งนี้แขกที่มาร่วมงานนอกจากจะเป็นญาติสนิทมิตรสหายแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักธุรกิจหรือคู่ค้าคู่ขายของตระกูล เป็นบุคคลสำคัญที่อิงอรต้องทำความรู้จักในฐานะว่าที่ผู้บริหาร อีกนัยคือประกาศให้รู้ว่าตนคือทายาทสายตรงของตระกูล นอกจากนี้ยังมีช่างภาพและนักข่าวสายวงสังคมไฮโซถูกเชิญมาร่วมงานเพื่อเก็บภาพไปทำข่าวด้วยทว่างานเลี้ยงต้อนรับบุตรสาวคนโตของตระกูลเลิศลักษณ์นี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก พวกเขาสนใจข่าวที่ดังไปช่วงหนึ่งของบุตรสาวนอกสมรสคนเล็กเสียมากกว่า ข่าวที่ฝ่ายชายประกาศเปิดตัวคนรักที่คบหากันมาหลายปี สิ่งที่ใครหลายคนให้ความสนใจจริง ๆ คือ น้องสาวเจ้าของงานและคนรักของเธอจะมาร่วมงานไหมมากกว่า เพราะคนวงในจริง ๆ ต่างก็รู้กันดีว่าพี่น้องบ้านนี้หาได้รักกันอย่างที่แสดงออกมาอิงอรในชุดราตรีสีแดงสวมเครื่องเพชรน้ำ
“แขกทยอยกลับหมดหรือยังพริม” คุณอรวรรณถามลูกเลี้ยง “หมดแล้วค่ะ เหลือแต่คุณพ่อคุณแม่พี่พีที่ยังคุยกับคุณพ่อไม่เสร็จ”“อืม ผู้ใหญ่เขาคงกำลังคุยเรื่องหมั้นของเธอนั่นแหละ ขอบใจมากนะที่มาช่วยดูแลแขก ไม่รู้ว่ายัยอิงหายไปไหน งานตัวเองแท้ ๆ หายไปแบบนี้ได้ยังไง ไม่รู้ความเลยลูกคนนี้”พริมาเมินเฉยต่อคำพูดของแม่เลี้ยง แล้วทำหน้าที่ของเธอต่อไป โดยการเดินไปดูว่ามีแขกเหรื่อคนไหนตกหล่นที่ยังไม่กลับบ้าง เผื่อเมาแล้วดูแลตัวเองไม่ไหว จะได้ให้คนในบ้านช่วยดูแล เมื่อตรวจสอบดูทุกอย่างว่าเรียบร้อยดี จึงสั่งความกับคนงานทั้งหลาย ให้เก็บกวาดงานให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน“เชิดหน้าชูคอไปเถอะ อีกเดี๋ยวแกก็ไม่ได้เชิดแบบนี้แล้วนังพริมา!” คุณอรวรรณจิกตามองตามหลังลูกเลี้ยงสาว เธอเกลียดท่าทางโอหัง เชิดหน้าชูคอของพริมาเหลือเกิน แต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของงานที่จัดขึ้นวันนี้ และทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามแผน หล่อนก็กระหยิ่มยิ้มย่องหญิงวัยกลางคนอารมณ์ดีขึ้นมาฉับพลัน เมื่อนึกถึงความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เธอเดินไปกำกับงานกับบรรดาสาวใช้และคนงานด้วยรอยยิ้ม สร้างความสงสัยให้คนงานทั้งหลาย กระนั้นคุณอรวรรณก็
ทว่าการก้มหน้าของพริมากลับทำให้คุณอรวรรณมั่นใจ ว่าลูกเลี้ยงสาวไม่ได้มั่นใจในคำตอบของตนเองเลย เธอกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ แผนที่วางเอาไว้กับบุตรสาวคงสำเร็จแน่นอนแล้ว ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นยกยิ้มเยาะเย้ยพลางว่า “ต๊าย! ยัยพริม เธอแน่ใจได้ยังไงว่าคุณพีไปคุยธุระ หนุ่มสาวหายไปสองคนแบบนี้ไม่ใช่ว่า...”“อรวรรณ!” คุณเดชาทนไม่ไหวกับคำพูดสองแง่สองง่ามของภรรยาจึงตวาดเสียงเขียว รู้สึกอับอายอย่างมากจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วไม่ว่าเรื่องที่พวกเขากำลังคิดจะจริงหรือไม่ มันก็ไม่สมควรพูดออกมาโต้ง ๆ ในขณะที่มีคนนอกอยู่แบบนี้ พูดออกมาแบบนี้บิดามารดาของรพีพัฒน์จะมองครอบครัวพวกตนเช่นไร ยิ่งนานใบหน้าของเขายิ่งมืดครึ้ม หากคุณอรวรรณกลับเลือกที่จะไม่สนใจ หล่อนมั่นใจในแผนการที่วางไว้กับบุตรสาวว่ามันต้องสำเร็จ จึงเชิดหน้าพูดไปว่า “หรือคุณไม่สงสัย ไม่คิดแบบฉันกันล่ะคะคุณเดช ชายหญิงหายไปพร้อมกันสองคนแบบนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ยังไง”“แต่ยัยพริมบอกแล้วว่าเขาไปคุยธุระ!” คุณเดชาพูดเสียงต่ำแทบไม่อยากมองหน้าแขกทั้งสองที่ยังนั่งอยู่ด้วยกัน“ไหนล่ะคะหลักฐาน พูดไปธุระใครก็พูดได้”“แต่สิ่งที่คุณอรวรรณพูดก็ดูจะใส่ร้ายลูกชายขอ
บรรยากาศกดดันและน่าอึดอัดกระจายไปทั่วห้องรับแขกของบ้านเลิศลักษณ์ เสียงร้องไห้กระซิกสะอึกสะอื้นของอิงอรไม่ได้ทำให้คุณเดชาเห็นใจเลยแม้แต่น้อย เขาตวัดสายตามองบุตรสาวคนโตด้วยสายตาผิดหวังระคนโกรธขึ้ง ก่อนใช้สายตาคมกริบมองไปยังชายหนุ่มที่เคยหมายตาให้เป็นบุตรเขยด้วยแววตากดดัน ฉัตรนั่งนิ่งเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในเมื่อทุกอย่างล้วนชัดเจนในสายตาเจ้าของบ้านอยู่แล้ว จะแก้ตัวก็ไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง และเขาก็มีอะไรกับอิงอรผู้หญิงที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่จริง ๆ ก่อนหน้านี้ตัวเขานั่งดื่มอยู่ในงาน และพูดคุยกับนักธุรกิจด้วยกัน ขณะที่เปลี่ยนแก้วเครื่องดื่มตอนคนเดินมาเสิร์ฟ หลังดื่มเข้าไปเขาก็รู้สึกแปลก ๆ กับร่างกายตัวเอง จึงเดินไปเข้าห้องน้ำตามที่ได้ถามทางกับสาวใช้คนหนึ่ง ขณะที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จตั้งใจว่าจะกลับบ้าน สาวใช้อีกคนก็เข้ามาพูดจาแปลก ๆ บอกมีเรื่องรบกวนให้ช่วย ยังไม่ทันจะตอบรับก็ถูกสาวใช้ดันหลังให้เดินขึ้นบันไดมายังชั้นสองของบ้าน แล้วหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งกำลังจะถามว่าพามาที่นี่ทำไม ประตูก็ถูกเปิดออกก่อนที่เขาจะถูกผลักเข้าไปด้านในโดยฝีมือสาวใช้ที่พาเขาขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงปิดประตู
ด้านรพีพัฒน์และพริมาหลังออกจากบ้านเลิศลักษณ์ ก็ไปส่งบิดามารดาของชายหนุ่มที่บ้าน แล้วจึงตรงกลับคอนโดมิเนียม เมื่อถึงที่พักก็พากันอาบน้ำชำระกาย แล้วมานอนกอดกันที่เตียงอย่างสบายใจ “พี่พีไปแอบอยู่ตรงไหนมาคะเป็นชั่วโมง” พริมาถามอย่างสนใจใคร่รู้ เพราะหลังบอกให้เธอร่วมแสดงละครนิด ๆ หน่อย ๆ เขาก็หายออกไปเลยตอนแรกก็ไม่คิดกังวลเท่าไรหรอก แต่พอเขาหายไปเป็นชั่วโมงก็หวั่นใจเหมือนกัน กลัวว่าเขาจะพลาด ยิ่งมาเจอคำพูดแม่เลี้ยงที่ส่อไปในทางไม่ดี ภายในอกก็ร้อนรุ่มเหมือนไฟสุมทรวง ดีที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่คุยกันเอาไว้ ไม่งั้นละก็ ฮึ่ม! เขาไม่รู้หรอกว่าเธอรู้สึกอย่างไรที่ต้องทนฟังถ้อยคำยั่วยุกวนน้ำให้ขุ่นของแม่เลี้ยงใจยักษ์คนนั้น หลายครั้งที่เธอเกือบกระโจนเข้าไปประทุษร้ายแม่เลี้ยง คนอะไรพูดออกมาเป็นฉาก ๆ ราวกับเห็นด้วยตาตัวเองจริงอยู่ที่เธอมั่นใจในตัวของรพีพัฒน์ แต่พอฟังมาก ๆ เข้าก็มีอารมณ์นะสิ ยิ่งหวง ๆ อยู่ เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่ต้องบังคับตัวเองให้สงบนิ่งแบบนั้น เกือบหลุดก็ตั้งหลายครั้ง ไม่มีใครใจเย็นทนฟังคนอื่นพูดถึงคนรักตนเองไปมีอะไรกับคนอื่นได้อย่างเธอแล้ว มีแค่เธอนี่แหละที่เป็นบ้า
20:00 น. รพีพัฒน์กลับจากทำงานก็เข้ามาเห็นภรรยาสาวนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องนอนเด็ก ซึ่งเป็นห้องว่างข้าง ๆ ห้องนอนพวกเขา ที่เอามารีโนเวทให้เป็นห้องนอนของลูก“เป็นอะไรครับ ทำไมนั่งหน้าบูดแบบนี้” ชายหนุ่มถามคนนั่งหน้าบึ้งอย่างสงสัยไม่รู้มีใครทำอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือไม่พอใจ วันนี้คนสวยของเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้“ก็คุณพ่อคุณแม่สิคะ ซื้อของเล่นกับชุดเด็กมาอีกแล้ว พริมบอกว่าให้พอก่อน ๆ ดูสิคะเนี่ย เต็มห้องไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว” เจ้าตัวชี้ไปยังกองของเล่นที่เพิ่งมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง รพีพัฒน์เลิกคิ้วแล้วมองตามมือขาวผ่องที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนก็เห็นจริงดังว่า เขาพรูลมหายใจออกจากปาก ห้ามพ่อแม่เขา? คงยาก! ยิ่งหลานคนแรกด้วยแล้ว หึหึ“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะคะพี่พี พริมเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย! ฮึก”เขาว่าอารมณ์คนท้องมักแปรปรวน รพีพัฒน์แจ่มแจ้งแก่ใจแล้ว ภายในหนึ่งวันเขาต้องปรับตัวรับกับอารมณ์แม่ของลูกอยู่ตลอด เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ ผสมปนเปกันไปหมด เช่นเดียวกับตอนนี้ “โอ๋ อย่าร้องสิครับ ไหนเครียดอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้น่าเครียดเลย
“มีความสุขไหมคะ” พริมาเอ่ยถามคนที่ตระกองกอดเธออยู่ข้างหลัง มือบางกอบกุมมือใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ชมความงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้น ประเทศที่มีสีเขียวที่เธอชื่นชอบ ประเทศที่มีเทือกเขาเยอะที่สุดในโลก มองไปทางไหนก็งดงาม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์“มีความสุขครับ” เสียงทุ้มตอบกลับก่อนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พร้อมทั้งโน้มใบหน้าหอมแก้มนุ่มเข้าปอดฟอดใหญ่“ชอบไหมครับ ได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนยังประเทศที่พริมชอบ”“ชอบสิคะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกล่าวตอบเสียงใสพาใจคนฟังชุ่มชื้น“หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหมือนกันนะครับ”“ใช่ค่ะ ทั้งงานทั้งคนวุ่นไปหมดเลย”“นั่นสิครับ ดีจังที่เราได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนกันแบบนี้”“ใช่ค่ะดีมากเลย ที่นี่สงบมากเลยค่ะ วิวก็สวย พริมอยากอยู่ไปนาน ๆ เลย”“ได้เลยครับ หยุดตามวันที่เราแพลนไว้เลยเนอะ ความจริงเราควรมาฮันนีมูนกันตั้งนานแล้ว นี่อะไร แต่งงานกันมาสามเดือนแล้วเพิ่งจะได้มาฮันนีมูน”“อย่าบ่นสิคะ ช่วงนั้นเราสองคนงานยุ่งนี่นา คุณพ่อเพิ่งวางมือให้พี่อิงรับตำแหน่งประธานบริษัทแบบเต็มตัว แม้พริมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งบริ
หนึ่งปีผ่านไป... “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”“เรียบร้อยดีครับ”“ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดละ”“ครับ”เสียงพูดคุยระหว่างออแกไนซ์และทีมงานดังขึ้นเป็นระยะให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าแทบทุก 3 นาที 5 นาที ที่เป็นเเบบนี้เพราะว่างานนี้เป็นงานใหญ่ จึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดซุ้มประตูดอกไม้ขนาดใหญ่สีขาวแซมสีชมพูที่อยู่หน้าประตู ถูกเซตเข้ากันอย่างลงตัว ตั้งแต่ทางเดินเข้าไปจนถึงเวทีปูด้วยพรมสีแดง ภายในห้องบอลรูมสุดหรูถูกตกแต่งไปด้วยไม้ดอกหลากสีนานาพรรณ โต๊ะแชมเปญทาวเวอร์จัดเรียงแก้วลดหลั่นกันมาดูงดงามหรูหราเข้ากับบรรยากาศของงานอย่างมาก โต๊ะเก้าอี้ต่างถูกจัดเรียงไว้อย่างลงตัว ข้างเวทีมีเครื่องดนตรีถูกติดตั้งไว้อย่างเพียบพร้อม และหากทอดสายตามองขึ้นไปบนเวทีจะเห็นชื่อของคนสองคนประดับไว้โดยมีรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง‘รพีพัฒน์ พริมา’ ใช่แล้ว!วันนี้คือวันแต่งงานของรพีพัฒน์และพริมา วันคืนที่ชายหนุ่มเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มาถึงสักที! “โอ๊ย ๆ หุบยิ้มหน่อยเถอะพ่อคุณ ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วนั่น” ภายในห้องวีไอพีของโรงแรมห้องหนึ่ง เสียงเย้าแหย่เอ่ยแซวของเพื่อนชายดังขึ้นหลายค
หนึ่งเดือนต่อมาจากคำขอร้องกึ่งบังคับของคนในครอบครัว ทำให้คุณเดชาใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนปลดเกษียณ เขาหยุดงานเพื่อพักฟื้นร่างกายอยู่ที่บ้านนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เวลาว่างส่วนใหญ่ถ้าไม่ปลูกผักทำสวนก็จะทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายปลอดโปร่ง เพราะได้กำลังใจดี กำลังกายจึงดีตามไปด้วย สุขภาพของเขาจึงกลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็วกระนั้นคุณเดชาก็ยังไม่กลับไปทำงานที่บริษัทแต่อย่างใด เพราะหลังจากได้หยุดยาว มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น จึงคิดอะไรได้หลายอย่าง เริ่มคิดถึงบั้นปลายชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุข ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากวางมือจากบริษัท แล้วหันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายปลูกผักทำสวนอยู่ที่บ้านมากกว่างานบริษัทตอนนี้เขาจึงมอบหมายให้ลูก ๆ และผู้บริหารคนอื่น ๆ ดูแลรับผิดชอบ เพื่อว่าหากเขาวางมือจริง ๆ ขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องงานที่สำคัญจริง ๆ คุณเดชาจะประชุมอยู่บ้าน เอกสารสำคัญตัวไหนที่เขาต้องเซ็น เลขาส่วนตัวก็จะนำมามอบให้ที่บ้านเช่นกัน กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว ระหว่างคุณเดชาและบุตรสาวทั้งสองนับว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเขาหากัน แม้แรก ๆ พริมาจะมีอาการเกร็งและฝื
“พริม พ่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ค่อยดี และพ่อก็ได้ทำร้ายจิตใจลูกมามาก แต่พ่อก็อยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อรักลูกนะ รักไม่น้อยไปกว่าพี่สาวของลูกเลย แล้วพ่อก็อยากขอโทษ ขอโทษที่เข้มงวดกับลูกเกินไป ขอโทษที่ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ ขอโทษที่ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์กับลูกไม่ได้ ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ” คุณเดชามองแผ่นหลังของบุตรสาวด้วยแววตาวูบไหว หน้าอกรู้สึกปวดแปลบเพราะหัวใจบีบรัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ยังฝืนพูดต่อว่า“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี เป็นที่พึ่งพาแก่ลูกบ้าง สักครั้งก่อนตายก็ยังดี ลูกจะให้โอกาสพ่อได้ไหมพริมา” ไหล่บางสั่นน้อย ๆ ก่อนที่หยดน้ำตาจะกลิ้งหล่นลงบนใบหน้างาม ใจดวงน้อยสั่นระรัว เมื่อได้ยินคำว่ารักและคำขอโทษ ที่เธอเฝ้ารอออกจากปากเขา หญิงสาวรู้สึกดีกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันยังไม่พอจะปลดล็อกความรู็สึกทั้งหมดได้ กำแพงที่เธอมีต่อเขามันสูงเกินไป หากอิงอรมีปมเรื่องการถูกละเลยความรู็สึก เธอก็มีปมที่คิดว่าตัวเองและแม่ไม่สำคัญสำหรับเขาเช่นกันร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็
08:30 น. เช้าวันที่แปดคุณเดชาตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าผ่องใสเบิกบานกว่าเดิม มองขวดน้ำเกลือที่พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ด้วยแววตาเบื่อหน่ายเขาแข็งแรงดีแล้วคุณหมอก็ยังไม่ยอมให้กลับบ้านเสียที เฮ้อ!ดวงตาคมดุกวาดมองไปรอบตัวพลันรู้สึกว่าห้องพักผู้ป่วยดูคับแคบขึ้นทันตาเพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด ไม่ว่าจะเป็นอรวรรณ อิงอร พริมา รพีพัฒน์ ฉัตร“ทนหน่อยนะคะคุณ หายดีกว่านี้เดี๋ยวหมอก็อนุญาตให้กลับเองแหละค่ะ” คุณอรวรรณรีบพูดเมื่อเห็นสายตาเบื่อหน่ายของสามีคุณเดชาไม่ตอบ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังบุตรสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งเกิดจากหน้าที่ อีกคนเกิดจากความรัก แต่ถึงจะเกิดจากคนละแม่ เขาก็รักลูกทั้งสองคนมากอยู่ดี ไม่เคยรักใครน้อยกว่าใครเลย แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พี่น้องไม่รักกันก็ว่าแย่แล้ว คิดร้ายต่อกันไม่พอ ถึงขนาดไล่ให้อีกคนไปตาย คนเป็นพ่ออย่างเขาจะรับได้หรือ? ลูกสองคนเป็นแบบนี้แล้วเขาจะมีความสุขได้อย่างไร?คุณเดชาหลับตากล้ำกลืนความขมขื่นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ภายในห้องพักผู้ป่วยเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ คิดว่าหากมีใครสักคนทำเข็มตกต้องได้ยินชัดเจนแน่ สถานการณ์ดูเหมือนจะน่า
ทันใดนั้นเองประตูห้องฉุกเฉินก็ถูกเปิดออกโดยนายแพทย์วัยกลางคน“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวบุรุษพยาบาลและพยาบาลจะเข็นเตียงคนไข้ไปยังห้องวีไอพีตามที่ญาติคนไข้ทำเรื่องไว้เลยนะครับ แล้วก็หมอขอคุยกับญาติคนไข้หน่อยนะครับ หมอขอตัวเปลี่ยนชุดก่อนสักครู่ เดี๋ยวจะมีพยาบาลนำทางไปยังห้องของหมอนะครับ” นายแพทย์พูดจบก็ปลีกตัวออกไปผู้เกี่ยวข้องทั้งสามเมื่อได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้ชำนาญการว่าคุณเดชาปลอดภัยแล้วต่างโล่งอกถอนหายใจไปตาม ๆ กัน ก่อนตามพยาบาลไปยังห้องทำงานของนายแพทย์เจ้าของคนไข้ เพื่อพูดคุยอาการของคุณเดชาทั้งสามพูดคุยกับแพทย์เจ้าของคนไข้อยู่นานเกี่ยวกับอาการของคุณเดชา ก่อนจะเดินกลับมายังห้องพักคนป่วยด้วยอาการเลื่อนลอย ตั้งรับไม่ทันถึงสิ่งที่ได้รับรู้...โรคหัวใจ‘หมอไม่รู้นะครับว่าคนไข้มีปัญหาอะไรถึงได้ไม่ยอมบอกครอบครัวว่าเป็นโรคหัวใจทั้ง ๆ ที่คนไข้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ตั้งนานแล้ว ซึ่งการที่คนไข้ปิดบังครอบครัวแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีเลย ตอนนี้ครอบครัวก็รู้แล้วว่าคนไข้เป็นโรคหัวใจ ดังนั้นช่วยกันสอดส่องและเฝ้าระวังด้วยนะครับ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันแบบวันนี้อีก’ ‘เพราะคนไข้ห
หลังคุณเดชาทรุดลงไปกับพื้นความชุลมุนก็เกิดขึ้น ทีมแพทย์ที่รพีพัฒน์เตรียมพร้อมไว้รับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งรีบเข้าช่วยชีวิตชายวัยกลางคนได้อย่างทันท่วงที ร่างแน่นิ่งของคุณเดชาถูกนำส่งโรงพยาบาลและหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินพร้อมทีมแพทย์ตั้งแต่ที่มาถึงแล้ว กระนั้นสถานการณ์ก็ยังไม่น่าไว้วางใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ด้านในเป็นอย่างไรบ้างยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่คนที่รออยู่ด้านนอกก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากเท่านั้น ไม่มีใครสามารถสบายใจได้จนกว่าจะได้ทราบว่าชายวัยกลางคนปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำอิงอรสะเทือนใจไม่น้อย เธอหวาดกลัวว่าจะสูญเสียบิดา เอาแต่กอดร่างแน่นิ่งของบิดา และเอ่ยขอโทษไม่หยุดตั้งแต่อยู่บนรถฉุกเฉิน กระทั่งร่างบิดาถูกเข็นหายเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สติหญิงสาวก็ยังไม่กลับมาคุณอรวรรณที่ทราบข่าวว่าคุณเดชาเข้าโรงพยาบาลจากพริมาที่โทรไปแจ้ง ก็เร่งรีบมาทันที ยังไม่ทันได้ไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น บุตรสาวก็โผลเข้ากอดเธอพร้อมร้องไห้อย่างหนัก ปากก็พร่ำบอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตัวเองซ้ำไปซ้ำมา จนคุณอรวรรณงงไปหมด สงสัยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่หล่อนกอดปลอบบุตรสาวอยู่น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าพี่อิงจะคิดร้ายกับฉันขนาดนี้ ทำไมคะ ฉันทำอะไรให้พี่นักหนาเหรอ ทำไมพี่ถึงคิดอะไรทุเรศ ๆ อุบาทว์ ๆ แบบนี้ออกมา” หญิงสาวตวาดถามเสียงกร้าว“...” อิงอรก็ยังไม่ยอมผลิปาก เธอยืนนิ่ง ผินหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากมองหน้าผู้เป็นน้องสาว เนื่องจากขายหน้าที่ถูกจับได้ อีกทั้งส่วนหนึ่งในใจลึก ๆ ยังรู้สึกละอายใจ เมื่อครู่ไม่ใช่น้องสาวคนนี้หรือที่พยายามช่วยเธอ ที่หยุดยั้งไม่ให้ผู้ชายคนนั้นฉีกกระชากชุดเธอให้ขาดไปมากกว่านี้น่าตลก คนที่เธอคิดร้าย กลับเป็นคนแรกที่ยื่นมือช่วยเหลือเธอ ความจริงใจที่พริมามีให้นั้นเธอสัมผัสถึงมันได้แต่จริง ๆ แต่ว่าจะมีประโยชน์อะไรล่ะ เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว มันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วพริมาพุ่งตัวเข้าไปจับหัวไหล่มนของอิงอรแล้วเขย่าสุดแรง ทั้งตะคอกถามกดดันให้อิงอรตอบคำถาม“ตอบสิคะ! เงียบทำไม ทำไมถึงมีความคิดน่ารังเกียจได้ขนาดนี้ ทำไมคะ ทำไม! ตอบสิ ตอบ!”“เพราะฉันเกลียดเเกไง! ถ้าไม่มีแกสักคนคุณพ่อก็จะรักฉันห่วงฉันคนเดียว ฉันเคยเป็นที่หนึ่ง เคยได้รับความสนใจมาก่อนใครตลอด แต่พอมีแกเข้ามา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คุณพ่อสนใจแกมากกว่าฉัน รักแกห่วงแกมากกว่าฉัน แ