คเชนทร์ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรในตัวของพี่สะใภ้ที่อายุน้อยกว่าเขาอยู่หลายปีเหมือนกับคนอื่นๆ ในบ้าน เพราะหากใช้สมองตรองดูสักนิด ก็จะเข้าใจว่าพรรณรีไม่ผิด น้าสาวของอีกฝ่ายต่างหากที่เห็นแก่ตัว พอรู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็พยายามทำทุกทางเพื่อให้หลานสาวของตัวเองมีชีวิตที่สุขสบายด้วยการจับพี่ชายของเขาทำผัว ซึ่งเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากไอ้พี่ชายตัวดีของเขาป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว!
เพราะอย่างนั้นถ้าหากจะให้โทษว่าเป็นความผิดของใคร ก็ต้องโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ใครคนใดคนหนึ่ง!
“หน้าเหมือนตาคีไม่มีผิด…”
คุณปองกูลอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วยต่อคำพูดของภรรยา กระทั่งเมื่อวินาทีที่หลานลืมตาขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ ใจคนเป็นปู่และย่านั้น ก็แทบละลายในความน่ารักน่าชังของอีกฝ่าย
“คุณพ่อบอกพวกฉันว่าเธอต้องการหย่า แล้วยัยหนูนี่ล่ะจะทำยังไงกับแกดี” เป็นเสียงของคุณสินินาถที่เอ่ยถามขึ้นหลังจากช้อนอุ้มหลานติดมือมาที่โซฟาด้วย กลิ่นหอมๆ จากแป้งเด็กที่โชยมาตามลมให้ได้สัมผัสนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าแม้จะอายุน้อย แต่ลูกสะใภ้ก็เหมือนว่าจะทำหน้าที่แม่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ไหนจะเรื่องที่อีกฝ่ายรองรับทุกๆ อารมณ์ของบุตรชายของนางได้นั่นอีก หากเป็นคนอื่นแล้วโดนกระทำเช่นนั้นมาเป็นระยะเวลายาวนาน นางเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะมีใครทนเหมือนอย่างที่คนตรงหน้าทนรึเปล่า แต่แค่เพียงความอดทนที่มี มันก็ไม่ได้เป็นตัวแปรว่าอีกฝ่ายจะเป็นที่ยอมรับของทุกคนในบ้าน
ซึ่งหากถามนาง ลองถ้าเด็กนั่นไม่ทำเรื่องแบบนั้นกับลูกชายคนโตของนาง บางทีนางอาจก็คงนึกเอ็นดูได้ไม่ยากเย็นเลย!
ปากนิด จมูกหน่อย แถมงานบ้านงานเรือนก็ไร้ที่ติ ว่าอะไรไปก็เอาแต่ก้มหน้ารับฟังเงียบๆ ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากเถียงกันสักคำ นี่มันคุณสมบัติลูกสะใภ้ในฝันของใครหลายๆ คนชัดๆ เลย
“หนูขอแค่ทะเบียนหย่ากับลูกค่ะ ส่วนอย่างอื่นหนู…ไม่ต้องการ” ในเมื่อเธอเดินเข้ามาในชีวิตของคชาแต่ตัว เธอก็หวังว่าตัวเองจะไปจากเขาแต่ตัวเช่นกัน ซึ่งคงไม่มีเวลาไหนที่จะเหมาะสมได้เท่ากับเวลานี้อีกแล้ว ที่เธอจะคืนอิสรภาพให้แก่เขา
คนที่ต้องทุกข์ทรมาน กับชีวิตคู่ที่เขาไม่ได้ต้องการแต่แรก!
“แล้วถ้าฉันเสนอเงินให้เธอหนึ่งก้อน เพื่อแลกกับหลานแล้วก็ใบหย่าล่ะ เธอจะว่าไง!” เกิดกลายเป็นความตกใจขึ้นทันทีที่แม่สามีกล่าวจบ แน่นอนว่าไม่ได้แค่เธอเท่านั้นตกใจต่อคำพูดนั้นของท่าน แม้แต่คเชนทร์กับผู้เป็นพ่อเองต่างก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คุณหญิง! / คุณแม่!”
“เธอยังเด็ก อายุก็เท่านี้จะเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตเป็นคนที่ดีพร้อมได้จริงๆ เหรอนารี สู้ยกแกให้พวกฉันจะไม่ดีกว่ารึไง”
หากตัดเรื่องปล่อยตัวเองให้ท้องเพื่อหวังจับลูกชายนางออกไปแล้วล่ะก็ เด็กนี่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย ติดก็แต่ว่าหล่อนมีแค่ตัว จะเอาปัญญาที่ไหนเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้เติบโตได้กันเชียว ยิ่งเป็นเด็กที่เกิดจากลูกชายของนางยิ่งแล้วใหญ่ นางคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมให้หล่อนพาหลานนางไปลำบากแน่
พรรณรียังเด็กมากนักในความรู้สึกของนาง ซึ่งบางทีหากตรองดูให้ดีสักนิด เด็กนี่อาจจะเข้าใจได้ถึงความหวังดีที่นางมีให้
ซึ่งหากตกลงกันได้ทุกคนมีแต่จะได้ผลประโยชน์กันทั้งนั้น!
“หนู…อยู่โดยไม่มีลูกไม่ได้ค่ะ ถ้าต้องให้หนูกับลูกแยกจากกัน…หนูขอตายยังจะดีเสียกว่า” คำตอบที่ได้รับทำให้ทั้งสามตกใจ ด้วยไม่คิดว่าวัยเพียงเท่านี้ จะกล้าคิดเรื่องความตายแล้ว
“นี่เธอ!”
“เอาน่าคุณ เรื่องนี้ให้ตาคีกับหนูนาเขาตกลงกันเองดีกว่า เราคอยดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่เคยทำเถอะ” แม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ แต่เดิมทีนางก็เป็นคนนอกอยู่แล้ว สินีนาถถึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องของหลานสาวแทน
หรือแม้แต่ตอนจะกลับ ก็ยังไม่วายหยิบเอากำไรข้อเท้าเพชรน้ำดีออกมาจากกระเป๋าก่อนจะค่อยๆ สวมมันให้กับหลาน ในส่วนของแววตานั้น เต็มไปด้วยความรักและเอ็นดูอย่างเปิดเผย
“เป็นเด็กดี เลี้ยงง่ายๆ นะลูกนะ” ภาพนั้นทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ด้วยไม่คิดว่าท่านจะเมตตาลูกสาวเธอ
ไม่พ้นวันดีด้วยซ้ำ ใครบางคนก็ปรากฏตัวต่อหน้ากันในรอบหกเดือน มันเป็นหกเดือนที่เขาปล่อยให้เธออยู่ที่นี่เพียงลำพัง ในขณะที่ตนเองนั้น ก็มีข่าวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาไปเสียทั่ว “คุณคีคงทราบเรื่องแล้ว ไม่ทราบว่าคุณสะดวกไปหย่า…” “ฉันบอกตอนไหนว่าจะหย่า!” กลับกลายเป็นเสียงเย็นชาที่ดังสวนขึ้น ก่อนที่เขาจะจ้องมองกันด้วยสายตาไม่สบอารมณ์อย่างหนัก ให้กับความคิดอะไรโง่ๆ ไม่สมกับที่น้าสาวผู้ลาลับของหล่อนวาดฝันเอาไว้ก่อนตาย ถึงปรารถนาครั้งสุดท้ายของตนเอง! ชีวิตคู่ของเขาต้องพังทลายลงเพราะความเชื่อใจที่เขามอบให้สองน้าหลาน โดยเฉพาะคนน้าที่เขาเคยไว้ใจมากกว่าใครๆ แต่อีกฝ่ายกลับตอบแทนความไว้ใจของเขา ด้วยการกระทำที่สิ้นคิด ซึ่งหากขอร้องกันดีๆ เขาเชื่อว่าตัวเองมีทางออกที่ดีมอบให้ อย่างน้อยๆ หลานสาวของอีกฝ่ายจะไม่มีวันลำบาก ตราบใดที่เขายังให้ความสำคัญ แต่พูดอะไรไปตอนนี้คนที่จากไปแล้วก็คงไม่ได้ยินมันอยู่ดี สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความชิงชังเท่านั้น! “คุณคี…หมายความว่ายังไงคะ” เธอไม่ได้คิดไปเองว่าเขาน่าจะต้องการอิสระ ไม่อย่างนั้นเขาจะย้ายตัวเองไปอยู
“คุณคี นาเจ็บค่ะ” เสียงหวานจำต้องเอ่ยขึ้นยามเมื่อเขารั้งชุดนอนออกไปจากร่างกายไม่พอ ยังฝากรอยรักไปทั่วตัวเธออีก แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำ แต่มันกลับเป็นครั้งแรกที่เธอนึกอยากจะขัดขืน เพราะบางจุดที่เขาเน้นย้ำเป็นพิเศษนั้นมันเป็นจุดที่ยากต่อการปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งเธอไม่ชอบเลยเวลาที่ใครต่อใครพากันแอบมองร่องรอยที่เขาฝากไว้ เพราะมันทำให้เธออับอาย “อดทนสิ เธอเก่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่รึไง!” ทว่ามันกลับเป็นอีกครั้งแล้ว ที่เขาตอบโต้กลับมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้เธอต้องมีน้ำตา “ฮึก” กระทั่งเมื่อช่วงเวลาสำคัญมาถึง เขาก็ไม่แม้แต่จะอ่อนโยนต่อกัน ทั้งๆ ที่ก็น่าจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าร่างกายเธอผิดปกติ ความไม่พร้อม บวกกับการร้างลาจากเรื่องเหล่านี้มาเป็นเวลานาน ทำให้เธอเจ็บทุกครั้งยามที่เขาพยายามแทรกตัวเข้าหา “จะ…เจ็บค่ะ” “อ้าขาหน่อย…อ่าส์! แน่นชิบ!” ช่องทางของหล่อนคับแน่นเหมือนกับคืนนั้นไม่มีผิด คืนที่เขาใช้ทุกๆ ความสามารถล่อลวงให้เธอจมดิ่งกับบวงสวาทไปจนเกือบเช้า จะต่างจากครั้งนั้น ก็แค่หนนี้มันไม่ได้มีความเอ็นดูเจือปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมว่า…คุณมลเอาไปให้แกด้วยตัวเองดีกว่า ดีไหมครับ” “มล…ไปได้เหรอคะ” “ได้สิครับ ในเมื่อคุณมลเป็นคนสำคัญของผม..ทำไมจะไปเยี่ยมลูกสาวผมไม่ได้ จริงไหมครับ” คำตอบของนายทำให้ดนุเริ่มรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่าง แต่กระนั้นด้วยหน้าที่เขาจึงทำได้แค่เพียงเงียบ ไม่กล้าพอที่จะสอนสั่งใครคนไหน ถึงความเหมาะสม ภาพของสามีที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับใครบางคนนั้นทำให้พรรณรีเจ็บร้าวที่หัวใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็น แต่กระนั้นเธอก็ต้องฝืนยิ้มให้ เมื่ออีกฝ่ายชี้แจ้งการมาของตัวเองว่าเพียงแค่ต้องการแวะเวียนมาเยี่ยมลูกสาวตัวน้อยของเธอเท่านั้น ซึ่งว่ามาเสียขนาดนั้นแล้ว ครั้นจะให้เธออุ้มลูกหนีไปให้ไกลอย่างที่ใจต้องการก็คงทำไม่ได้แน่ เพราะว่าพ่อของลูกนั้นคงไม่มีวันยอมปล่อยให้เธอทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าแขกคนสำคัญของเขาเป็นแน่ “แกน่ารักน่าเอ็นดูมากเลยค่ะ คุณนาจะว่าอะไรไหมคะถ้ามลอยากขอลองอุ้มแกดูบ้าง” ถามออกไปแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เธอไม่รังเกียจเลยสักนิดหากวันหนึ่งจะได้อยู่ในสถานะแม่เลี้ยงของเด็กคนนี้ เพราะยิ่งมาเห็น ก็ยิ่งรู้สึกว่าแกช่างน่ารักเหลือเกิน เก
“ไม่ว่าใครจะว่ายังไง ขอให้รู้ไว้ว่าพี่อยู่ข้างนาเสมอนะ” คำปลอบที่มาพร้อมฝ่ามืออบอุ่นที่ค่อยๆ ลูบเบาๆ บนหัวนั้นทำให้เธอยิ้มได้ ทว่าใครอีกคนที่เพิ่งจะเดินกลับเข้ามากลับยิ้มไม่ออก! เป็นอีกครั้งแล้ว ที่คชาต้องมาเห็นภาพความสนิทสนมระหว่างน้องชายกับแม่ของลูก มันเป็นภาพที่ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็น และทันทีที่น้องชายขอตัวกลับไป เขาก็ไม่รีรอที่จะกระชากแม่ตัวให้เดินตามกันที่ระเบียงห้อง หวังจะคุยกันให้รู้เรื่อง ว่าเธอจะไปให้ท่าผู้ชายคนไหนบนโลกนี้ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่น้องชายเขา เพราะมันคงแปลกพิลึกหากพี่น้องมีเมียคนเดียวกัน! “คุณคี…นาเจ็บนะคะ” “ทีผัวจับนิดจับหน่อยทำเป็นเจ็บ หรือต้องเป็นไอ้ครามถึงมีสิทธิ์แตะเธอได้!” ต่อให้จะไม่ใช่เมียที่อยากได้ แต่หล่อนก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของเขา เพราะอย่างจะทำอะไรก็ควรไว้หน้ากันบ้าง! ไม่ใช่คิดจะปล่อยให้ผู้ชายคนไหน จับเนื้อต้องตัวเอาง่ายๆ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ครามนะคะ อย่าเอาเขาเข้ามาเกี่ยว!” คเชนทร์เป็นคนดี ดีมากทีเดียว เขาไม่ควรต้องมาพบเจอกับความเข้าใจผิด ด้วยเรื่องบ้าๆ แบบนี้ไม่ว
“นอน! หรืออยากให้ฉันกล่อมนอนแบบคืนนั้น” คนถูกถามสะบัดหน้าไปมาแทบจะทันทีก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงยามเมื่อเผลอนึกไปถึงคืนนั้นที่ว่า ซึ่งมันเป็นคืนที่เธอแทบไม่ได้นอนทั้งคืน หลังจากได้หลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม พรรณรีกับคชาก็กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในช่วงค่ำเพื่อเปลี่ยนให้คุณสินีนาถกลับไปพักบ้าง ในส่วนของคนอื่นๆ นั้นก็เพิ่งจะทยอยกลับไปก่อนหน้าพวกเขาได้ไม่นาน เพราะนายหญิงของบ้านบอกว่าเอาอยู่ ซึ่งก็เหมือนว่าท่านนั้นจะเอาอยู่ ตามที่ลั่นวาจาเอาไว้จริงๆ “แม่ให้กินนม นี่ก็เพิ่งจะหลับไปก่อนหน้าพวกเธอจะเข้ามาได้ไม่นาน หมอมาตรวจแล้ว บอกว่าไข้เริ่มลดลงบ้างแล้ว อีกวันสองวันคงกลับบ้านได้”เป็นคชาที่พยักหน้ารับพร้อมกล่าวขอบคุณแทนอีกคน ที่ก็ได้แต่พนมมือไหวแม่ของเขาไม่ยอมหยุด “ขอบคุณครับแม่” “พรุ่งนี้แม่จะมาแต่เช้า” พรรณีไม่ได้พูดอะไรนอกจากยืนรอจนกระทั่งแม่สามีเดินออกไปจากห้อง เธอถึงขยับเข้าไปหาลูก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้เห็นแกล้มป่วย ใจคนเป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดจนพาลไปถึงขั้นโทษตัวเองที่ดูแลแกไม่ดี “ร
“หนึ่งเดือน” เกิดกลายเป็นความวูบโหวงขึ้นแปลกๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้เห็นหน้าเขาเป็นเดือน ถึงจะรู้สึกแบบนั้นหญิงสาวก็ยังบังคับให้ตัวเองปรับท่าทีให้เป็นปกติ ก่อนจะฝากลูกไว้กับมะขิ่น เพื่อที่เธอจะได้มีเวลามากพอขึ้นมาจัดกระเป๋าให้เขา คชาเป็นคนขี้ร้อน เพราะฉะนั้นเสื้อกันหนาวเอาไปสักสามตัวกำลังดี ในส่วนของครีมต่างๆ ก็คงต้องเตรียมไปเยอะหน่อยเพราะพ่อของลูก ค่อนข้างให้สำคัญกับผิวหน้ามากกว่าส่วนอื่นๆ แม้แต่กางเกงชั้นในหรือชุดนอนตัวโปรด ก็ต้องเตรียมไปด้วยไม่อย่างนั้นเขาจะหลับไม่สบายและพาลอารมณ์เสียไปทั้งวัน หญิงสาวใช้เวลาอยู่พักใหญ่ในการจัดข้าวของที่จำเป็นให้คนที่ตอนนี้กำลังนั่งมองลูกสาว ด้วยสายตาที่ยากต่อการคาดเดา “อยู่กับแม่ดีๆ อย่าดื้อนะ เดี๋ยวพ่อกลับมา” กลับกลายเป็นภาพของเขาที่ค่อยๆ ก้มลงไปหอมแก้มลูกนั่นต่างหาก ที่มันทำให้เธอช็อกจนพูดอะไรไม่ออกทันทีที่ได้เห็น กว่าจะได้สติก็พบว่าเวลาที่เขาจะต้องเดินทางมาถึงแล้ว “ครั้งนี้ดนุไม่ได้ไปด้วย ฉันสั่งให้มันอยู่ที่นี่ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไรก็โทรไปหามันได้ตลอดเวลา” หญิงสาวได้แต่พยักหน้า
“เรื่องนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรอกวิ คงต้องขึ้นอยู่กับคุณคชา ว่าเขาจะเอายังไง” และหากท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการหย่าเพื่อกลับไปหารักครั้งเก่า คนที่เขารักยิ่งกว่าใคร ผู้หญิงสารเลวที่ทำลายชีวิตคู่ของเขาสองคน ให้พังพินาศจะกล้ามีปัญหาอะไรได้! ไหนจะรอยยิ้มของเขาที่มันทำให้ใจของเธอสะดุด เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา คงจะมีแค่เธอคนนั้นที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของมัน ในขณะที่เธอกับใครๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เห็นด้วยซ้ำความหงุดหงิดที่มี ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเท่าทวีคูณเมื่ออยู่ๆ คชาก็ติดต่อ ‘คนที่บ้านไม่ได้’ ไปเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะโทรไปดึกดื่นสักแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่เคยเลยที่จะไม่ลุกขึ้นมารับสาย หรือต่อให้เขาจะส่งข้อความไปถามไถ่ถึงลูก เธอก็ไม่วายอธิบายความเป็นอยู่ของแกมาให้อ่าน พร้อมกับรูปถ่ายน่ารักอีกหลายใบเป็นของแถม “คุณนาสบายดีนะคะ ไม่ได้เป็นอะไร แต่ช่วงนี้เหมือนยอดสั่งขนมจะมากขึ้นค่ะ นี่ก็กำลังช่วยกันเตรียมของอยู่ในครัว ไม่ทราบว่าคุณคีจะให้มะขิ่นไปเรียกมารับสายไหมคะ…” กระทั่งโทรเข้าเบอร์บ้าน ความจริงที่ได้รู้ก
“เป็นเพื่อนกัน…มันน่าจะดีที่สุดแล้วค่ะ” เพราะความเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่วันไหน มันจะมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งเธอรักในความสัมพันธ์แบบนี้ของตัวเองกับเขามากกว่า คชาอยู่จัดการกับงานต่างๆ ต่ออีกสองอาทิคย์ก็ถึงเวลาที่เขาจะได้กลับมาจัดการกับคนที่บ้าน แน่นอนว่าทันทีที่พบหน้า เขาก็ไม่รอ ที่จะรั้งร่างหอมกรุ่นเข้ามาสอบถามถึงสิ่งที่สงสัยทันที “ทำไมไม่รับโทรศัพท์!” คำถามที่ดังขึ้นพร้อมๆ กับสายตาเอาเรื่องของสามี ทำให้พรรณรีเผลอก้าวถอยหลังหนีอย่างลืมตัว “พะ…พอดีช่วงนี้นายุ่งๆ ค่ะ เพิ่งรับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่…” “ไอ้ขนมพวกนั้น…มันสำคัญมากกว่าผัวเธอรึไง!” เป็นคำถามนี้ต่างหากที่เธอตอบไม่ได้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอตั้งคำถามกลับคืนไปให้เขาบ้าง ว่าแล้วเธอล่ะ สำคัญกับเขาแค่ไหน! “เรื่องข่าวพวกนั้น…” “นาขอตัวไปดูลูกก่อน…ว้าย! คุณคี ปล่อยนะคะ!” ทันทีที่เขาทำท่าจะพูดถึงเรื่องพวกนั้น เธอก็ชิงพูดตัดหน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหนี หากแต่นอกจากพ่อของลูกจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแล้ว เขายังเลือกที่จะกักขังกันเอาไว้ด้ว
“คะ…คุณคะ!” กระทั่งเมื่อปลายนิ้วหนาค่อยๆ แทรกผ่านความคับแน่นที่ชุ่มช่ำ มายังจุดที่แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่เคยล้วงล้ำลึกซึ้งถึงเพียงนี้ เสียงหวานถึงได้ร้องครางขึ้นเบาๆ ให้กับความรู้สึกแปลกใหม่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอมาก่อน “แค่นิ้วยังรัดขนาดนี้…เธอมันแม่มดชัดๆ” เขากล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะขยับปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะไปพร้อมๆ กับเสียงครวญครางที่ดังขึ้นตามติด ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะถึงที่หมาย ปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำรักก็ชักออก พร้อมๆ กับร่างเธอที่ลอยขึ้น “อย่าเพิ่งรีบเสร็จสิคนสวย เรายังมีเวลาสนุกกันทั้งคืน” คชาไม่ปรารถนาให้แม่กวางน้อยเสร็จสมเร็วนัก เพราะเขาต้องการสอนให้เธอรู้ว่าค่ำคืนนี้จะเป็นคืนที่เธอจะไม่มีมันลืมเลือน ชายหนุ่มเริ่มจากการออกคำสั่งให้เธอช่วยตัวเองให้ดู ซึ่งก็ถือว่าภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้เขาแข็งไปทั้งตัว ไหนจะท่าทีอ่อนเดียงสาพวกนั้น ที่ยิ่งเห็น ก็ยิ่งปลุกความเป็นนักล่าในตัวให้ตื่นขึ้น “อ้าปากหน่อยเด็กดี…” แม้แต่การใช้ปากเขาก็ยังสอน ไม่สนด้วยว่านี่จะเป็นครั้งแรกของเธอ!“อ่าส์ แบบนั้น ดูดแรงขึ้นหน่อยคนเก่ง” ความห
“ชอบคนที่มาด้วยมากกว่าค่ะ” นิสัยที่กล้าแสดงออกมากขึ้นของภรรยาทำให้คชารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นได้เข้าใกล้เธออีกก้าว ซึ่งมันเป็นก้าวที่สำคัญ เขาว่าชายหญิงต่างกันตรงการเก็บความรู้สึก ซึ่งผู้ชายโดยทั่วไปจะเป็นประเภทคิดยังไงก็พูดออกมาแบบนั้น ในขณะที่ผู้หญิง กลับเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในใจมากกว่าพูดมันออกมา “ฉันรักนานะ” “นาก็รักคุณคีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ดูแลนากับลูกๆ เป็นอย่างดี นา…มีความสุขมากค่ะ” เพียงเท่านี้ที่เขาต้องการ เขาไม่หวังอะไร ไปมากกว่าการที่ได้เห็นเธอกับลูกๆ ทั้งสองมีความสุข “พี่ก็มีความสุขครับ” คำว่า ‘พี่’ ที่สามีมอบให้ทำให้พรรณรีถึงกับยิ้มกว้าง เธอโผเข้ากอดเขาเต็มรัก ก่อนจะค่อยๆ ช้อนตาขึ้น “เข้าห้องกันไหมคะ นามีของขวัญจะให้พี่คี” จะด้วยเนื่องในโอกาสอะไรก็ช่างมันเถอะ ขอแค่เป็นของขวัญที่มาจากภรรยา เขาก็ชอบทั้งนั้น “ไหนครับของขวัญพี่” พรรณรีไม่ได้ตอบอะไรนอกจากขอร้องให้สามีหลับตาลง ใช้เวลาไม่นานเธอก็บอกให้เขาลืมตาขึ้น และภาพที่ได้เห็นหลังจากนั้น ก็
“แต่ฉันกลับชอบชีวิตของตัวเองแบบนี้มากกว่านะ…” ชีวิตที่มันทั้งแสนจะเรียบง่าย และมีความสุขได้โดยไม่ต้องพยายาม มันเหมือนกับว่าเขา รู้สึกเป็นตัวเองที่สุดเมื่อได้อยู่กับเธอ! “นาครับ…เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” ครั้งนี้เขาจะไม่สัญญาอะไรกับเธอทั้งนั้น แต่จะทำให้เธอได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ว่าเขาสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และเขาจะทำทุกทางเพื่อให้เธอกับลูกๆ มีแต่ความสุข ด้วยความตั้งใจทั้งหมดที่เขามี คชาไม่สามารถเปลี่ยนอดีตได้ แต่เขาสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้น และหากได้โอกาสสักครั้ง เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะทำมัน! “เขาว่ากันว่า…หนังสือเล่มเดิมตอนจบก็มักจะเหมือนเดิมทุกครั้ง นากลัวค่ะ กลัวว่าสุดท้ายแล้วจะต้องกลับไปเจ็บแบบเดิมอีก” ความรักที่เธอมีต่อเขายังคงเหมือนเดิมเสมอไม่เคยเปลี่ยนเลย แต่มันเป็นใจของเธอเสียมากกว่าที่กลัวจนไม่กล้าเริ่มต้นใหม่ ใช่ว่าที่ผ่านมาเธอจะไม่เคยพยายามหยุดรักเขา แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งเหมือนจะยิ่งรักเขามากขึ้นก็เท่านั้น “ลองดูก่อนได้ไหม ให้โอกาสฉันดูสักครั้ง…” หากนี่เป็นการเสี่ยงดวงครั้งสุดท้
“ดนุ…” น้ำเสียงที่ผู้เป็นนายใช้เรียกกันนั้นทำเอาคนถูกเรียกถึงกลับรู้สึกหวั่นใจแทนคนในห้องเสียเหลือเกินกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้ แน่นอนว่าใครบ้างจะไม่รู้ว่าเจ้านายของเขานั้นเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่หนึ่ง ซึ่งคุณคเชนทร์อาจต้องรับศึกหนัก โทษฐานที่ปกปิดที่อยู่ของลูกเมียเจ้านายเขามาจนถึงวันนี้ “ครับนาย” “เรื่องของเด็กนั่น…ส่งข่าวให้แม่ฉันรู้ซะ!” คนได้ฟังตกใจจนพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดว่านายจะล่วงรู้ความลับของน้องชาย ที่พยายามมาตลอดหลายปีในการซ่อนใครอีกคนเอาไว้ ใครบางคนที่อาจจะต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ถ้าหากเพียงแต่แม่ของเขานั้น ได้รู้ว่าคเชนทร์กับหล่อนยังติดต่อกันอยู่ ภาพของคนที่เขาเฝ้าแต่คิดถึงมาตลอดหลายเดือนที่ตอนนี้กำลังยืนเฝ้าลูกสาวอยู่ที่ริมหาดทำให้คชาได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าเขาจะอยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของภาพตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดแล้วไอ้ขาเจ้ากรรมก็ดันก้าวไปออกไปดื้อๆ นั่นอาจเป็นเพราะก่อนมาที่นี่เขาไม่ได้เตรียมคำพูดดีๆ เอาไว้เลย จึงไม่รู้ว่าควรต้องเริ่มจากตรงไหนมันถึงได้ทำให้พรรณรียอม
ภาพของลูกชายคนโตที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นปู่นั้นสร้างความสะเทือนแก่คนสามคนที่ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ ไม่น้อย แต่กระนั้นเพราะคำสั่งเด็ดขาดของประมุขของบ้านจึงไม่มีใครกล้าพอที่จะสอดมือเข้าไปยุ่ง เว้นก็แต่คุณสินีนาถผู้เป็นแม่เท่านั้น ที่รั้งความรู้สึกเป็นห่วงไม่ไหว ถึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหา “คี…” “แม่ครับ…นากับลูกไม่อยู่แล้ว เขาทิ้งผมไปแล้วครับแม่…” อกคนเป็นแม่หรือจะทนมองดูลูกสะอื้นไห้อย่างคนใจสลายได้ลงคอ รู้ตัวอีกทีนางก็คว้าตัวลูกชายเข้ามากอดเอาไว้เต็มรักพร้อมกับคำปลอบมากมายที่ดังขึ้น แต่ก็เหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก เพราะคชายังคงพร่ำขอโทษคนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่ เพื่อฟังคำพูดเหล่านั้น. จากปากของลูกชายนางอีกแล้ว… เด็กคนนั้นแม้ภายนอกจะดูอ่อนแอ ไม่สู้คน แต่ทว่าพอเอาเข้าจริงกลับใจแข็งกว่าที่นางและใครๆ หลายคนคิด พรรณรีไม่เพียงแต่ยอมคืนอิสรภาพให้กับคชาเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังคืนทุกๆ สิ่งให้ลูกชายนางจนหมดไม่เว้นแม้แต่แหวนแต่งงานก็ถูกทิ้งเอาไว้ ราวกับอีกฝ่ายนั้น ไม่ต้องการให้มีสิ่งไหนติดค้างใจกันอีกไม่ว่าชาตินี้ หรือช
“เชื่อคนอย่างเธอแล้วฉันได้อะไร! ครั้งก่อนทำลายความรักของพวกฉันมันยังไม่สาแก่ใจเธอใช่ไหมห๊ะ! ครั้งนี้เธอต้องการอะไร หรือต้องให้จีตายไปมันถึงจะสาแก่ใจเธอ! ตอบฉันมาสิ!” คำถามที่มาพร้อมแรงเขย่านั้น ทำให้เธอตกใจจนกลั้นน้ำไว้ไม่อยู่ สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เคยมองเธอในแง่ดี ไม่เคยเลยจริงๆ “มึงใจเย็นๆ ก่อนได้ไหมวะไอ้คี!” “จีเกือบตายเพราะผู้หญิงคนนี้ มึงยังมีหน้ามาบอกให้กูใจเย็นอีกรึไง”คำตวาดนั้นทำให้เธอเข้าใจทุกสิ่งโดยไม่ต้องถามอะไร “ถ้าในสายตาคุณนาเป็นคนสารเลวขนาดนั้น…เรามาหย่ากันเถอะค่ะ!” ทุกคนต่างพากันตกใจทันทีที่ประโยคนี้สิ้นสุดลง ทว่าสำหรับคชาแล้ว เขาไม่ได้ตกใจหรือแสดงท่าทีใดๆ ออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว “ก็เอาสิ! ฉันเองก็ขยะแขยงผู้หญิงอย่างเธอเต็มทนแล้วเหมือนกัน!” และในเมื่ออยากได้อิสระจากเขานักเขาก็จะมอบให้ พอเสียทีความไว้ใจที่เคยมี จากนี้เขาจะไม่ไว้ใจเธออีกแล้วตอนจดทะเบียนเงียบแค่ไหน ตอนหย่าจากการนั้นกลับเงียบยิ่งกว่า เพราะอดีตสามีจัดการทุกอย่างผ่านทนายทั้งหมด ราวกับว่าเขาต้องการจะทำให้เธอได้รู้ ว่า
“กะ…ก็คุณคี…” กลิ่นกายหอมๆ ของเขายังคงมีผลต่อความรู้สึกของเธอเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ นั่นยังไม่รวมไปถึงร่างกายกำยำสูงใหญ่ที่ประคองกอดเธอเอาไว้ในทุกๆ ค่ำคืนที่เหน็บหนาว “ขอนะ…” คำขอเสียงสั้นๆ หรือจะทำให้ใจสั่นไหวได้เท่ากับแววตาเว้าวอนที่เขาใช้จ้องมองกัน มันทำให้เธอค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ ก่อนที่รู้สึกได้ถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปาก เนิ่นนานราวกับว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด “น่ารัก” คชาไม่ได้เอ่ยไปตามแรงอารมณ์เท่านั้น แต่แม่ของลูกในเวลานี้นั้น น่ารักมากเสียจนเป็นเขาเองที่เริ่มอดใจไม่อยู่ ชายหนุ่มวนเวียนอยู่กับจูบที่แสนอ่อนหวานนานหลายนาที ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ปลดเปลื้องเดรสสีหวานออกไปจากร่างกายขาวผ่องอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งไม่มีส่วนไหนเลยที่เขาจะไม่คิดฝากร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้ เพื่อย้ำเตือนให้คนใต้ร่างได้รู้ ว่านอกจากเขาแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับเธอทั้งนั้น! “ฮึก! คุณคีไม่ได้ป้องกัน…” เป็นเสียงหวานที่ดังขับขานขึ้น ยามเมื่อสัมผัสได้ว่าสิ่งที่กำลังแทรกเข้ามาในร่างกายของเธอนั้นไร้การป้องกันอย่างที่เคยตกลงกันเอาไว้ ซึ่งนอกจากเขาจ
“เป็นเพื่อนกัน…มันน่าจะดีที่สุดแล้วค่ะ” เพราะความเป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเมื่อไหร่วันไหน มันจะมั่นคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ซึ่งเธอรักในความสัมพันธ์แบบนี้ของตัวเองกับเขามากกว่า คชาอยู่จัดการกับงานต่างๆ ต่ออีกสองอาทิคย์ก็ถึงเวลาที่เขาจะได้กลับมาจัดการกับคนที่บ้าน แน่นอนว่าทันทีที่พบหน้า เขาก็ไม่รอ ที่จะรั้งร่างหอมกรุ่นเข้ามาสอบถามถึงสิ่งที่สงสัยทันที “ทำไมไม่รับโทรศัพท์!” คำถามที่ดังขึ้นพร้อมๆ กับสายตาเอาเรื่องของสามี ทำให้พรรณรีเผลอก้าวถอยหลังหนีอย่างลืมตัว “พะ…พอดีช่วงนี้นายุ่งๆ ค่ะ เพิ่งรับออเดอร์ลูกค้ารายใหญ่…” “ไอ้ขนมพวกนั้น…มันสำคัญมากกว่าผัวเธอรึไง!” เป็นคำถามนี้ต่างหากที่เธอตอบไม่ได้ เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอตั้งคำถามกลับคืนไปให้เขาบ้าง ว่าแล้วเธอล่ะ สำคัญกับเขาแค่ไหน! “เรื่องข่าวพวกนั้น…” “นาขอตัวไปดูลูกก่อน…ว้าย! คุณคี ปล่อยนะคะ!” ทันทีที่เขาทำท่าจะพูดถึงเรื่องพวกนั้น เธอก็ชิงพูดตัดหน้า ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหนี หากแต่นอกจากพ่อของลูกจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแล้ว เขายังเลือกที่จะกักขังกันเอาไว้ด้ว
“เรื่องนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจหรอกวิ คงต้องขึ้นอยู่กับคุณคชา ว่าเขาจะเอายังไง” และหากท้ายที่สุดแล้วเขาต้องการหย่าเพื่อกลับไปหารักครั้งเก่า คนที่เขารักยิ่งกว่าใคร ผู้หญิงสารเลวที่ทำลายชีวิตคู่ของเขาสองคน ให้พังพินาศจะกล้ามีปัญหาอะไรได้! ไหนจะรอยยิ้มของเขาที่มันทำให้ใจของเธอสะดุด เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา คงจะมีแค่เธอคนนั้นที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของมัน ในขณะที่เธอกับใครๆ ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้เห็นด้วยซ้ำความหงุดหงิดที่มี ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเท่าทวีคูณเมื่ออยู่ๆ คชาก็ติดต่อ ‘คนที่บ้านไม่ได้’ ไปเสียเฉยๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเขาจะโทรไปดึกดื่นสักแค่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่เคยเลยที่จะไม่ลุกขึ้นมารับสาย หรือต่อให้เขาจะส่งข้อความไปถามไถ่ถึงลูก เธอก็ไม่วายอธิบายความเป็นอยู่ของแกมาให้อ่าน พร้อมกับรูปถ่ายน่ารักอีกหลายใบเป็นของแถม “คุณนาสบายดีนะคะ ไม่ได้เป็นอะไร แต่ช่วงนี้เหมือนยอดสั่งขนมจะมากขึ้นค่ะ นี่ก็กำลังช่วยกันเตรียมของอยู่ในครัว ไม่ทราบว่าคุณคีจะให้มะขิ่นไปเรียกมารับสายไหมคะ…” กระทั่งโทรเข้าเบอร์บ้าน ความจริงที่ได้รู้ก