“หวางเส้าช่วยเรามากขนาดนี้ จะถือว่าเป็นคนนอกได้อย่างไร?” จางกุ้ยหลานไม่เห็นด้วยอย่างมากของคำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆก็พูดเสริม “ถูกต้อง เอาจริงนะทำไมไม่ให้หวางเส้าเป็นพี่เขยของฉันล่ะ? มันยังดีกว่าหลินเฟิงมากไม่ใช่หรอ?”“คุณหุบปากไปเถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานจ้องมองไปที่พี่ชายของเขาและหยุดพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หลินเฟิงก็รีบไปที่บ้านของตระกูลหลี่เมื่อทุกคนเห็นหลินเฟิง ไม่มีใครลุกขึ้นมาทักทายด้วยซ้ำอย่างไรก็ตามในสายตาของญาติเหล่านี้ หลินเฟิงไม่ได้ดีเท่ากับลูกเขยที่เข้ามาหาฝ่ายหญิงด้วยซ้ำมีเพียงหลี่ฮุ่ยหรานเท่านั้นที่ยืนขึ้นทักทาย แต่เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เธอกับหลินเฟิงก็ยังเครืองกันอยู่ “คุณมาแล้วเหรอ?”หลินเฟิงรีบถาม “อาการของคุณปู่เป็นยังไงบ้าง?”“อาการหนักมากดูท่าไม่ค่อนดีนัก”หลินเฟิงพยักหน้า “ฉันไปพบคุณปู่ก่อน”เขาเดินผ่านกลุ่มคนตรงไปที่ห้องผู้ป่วยของหลี่ไห่ซาน“คุณปู่ คุณเป็นยังไงบ้าง?”คุณปู่รออยู่นาน สุดท้ายก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองหลินเฟิง“เสี่ยวเฟิง คุณมาแล้วหรอ?”หลินเฟิงรีบจับคุณปู่ อีกทั้งยังจับ
ตอนนั้นประตูก็ถูกผลักคนถูกผลักอย่างกะทันหันจางกุ้ยหลานกับคนอื่นๆก็หลั่งไหลเข้ามาเมื่อเห็นหลินเฟิงกดคุณปู่ ก็รีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาทันที “แซ่หลินหรอ?คุณจะทำอะไร?"หลินเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ฉันกำลังช่วยคุณปู่รักษาโรคของเขา”“ช่วยคุณปู่รักษาโรคงั้นเหรอ?”จางกุ้ยหลานมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “คนไร้ค่าอย่างคุณจะช่วยคุณปู่รักษาโรคงั้นหรอ?”“รีบไปซะ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ผลักหลินเฟิงออกไป“คุณ...” หลินเฟิงพูดถึงกลับไม่ออกคุณปู่ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เสี่ยวเฟิงกำลัง... กำลังรักษาฉันอยู่...”จางกุ้ยหลานถามว่า “เขาจะรักษาโรคอะไรได้”“คุณปู่ โปรดผ่อนคลายเถิด หวังเส้าได้ยินว่าคุณป่วย เขาจึงใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อเสวียนหลิงเพื่อยืดอายุของคุณ”คุณปู่กัดฟันแล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นมารักษาฉัน มังกรตัวนั้น... รีบไปซะ”“คุณปู่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร หวางเช่าช่วยครอบครัวของเราไว้มาก และเขาสนใจฮุ่ยหรานมาก”จางกุ้ยหลานพูดอย่างภาคภูมิใจ “อีกไม่นาน หวางเช่าจะเป็นลูกเขยของตระกูลหลี่ของเรา”“คุณ...” เมื่อคุณปู่ได้ยินว่าหลี่ฮุ่ยหรานกำลังจะแต่งงานกับหวางเช่า เขาก็โกรธมากจนเป็
หัวใจของหวางเส้าหลงเต้นรัวเมื่อวานฉันดื่มกับหลิวไฮ่เทา ยังได้ยินเรื่องยาอมตะเลือดราชันย์จากปากเขา แต่ไม่มีอันที่สองหลังจากได้ยินเรื่องอาการป่วยของคุณปู่ เขาเลยซื้อยาอาหารเสริม มันรักษาโรคไม่ได้ แต่แค่ไม่ได้เป็นอันตรายเขาโกหกว่าผู้ว่าการหลิวใช้ยาเป็นยาอมตะเลือดราชันย์แต่ยังไงก็รักษาหายแล้ว รักษาไม่หายก็เป็นจุดจบของคุณปู่ไม่คิดว่าหลินเฟิงจะพูดตรงๆว่าน้ำอมฤตของเขาเป็นของปลอมก่อนที่เขาจะพูดจางกุ้ยหลานดุ “หุบปากซะ คนไร้ค่าอย่างคุณจะรู้เรื่องงั้นหรอ?”“คุณยังสงสัยหวางเส้าอีกงั้นหรอ”หลี่เหวินเชาดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น “ถูกต้อง คุณมีคุณสมบัติอะไรมาสงสัยหวางเส้า?”หวางเส้าหลงมีความสุขอย่างมาก ตราบใดมี่มีตระกูลหลี่อยู่ ฉันไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูดใดๆด้วยซ้ำฮ่าๆๆ......หลินเฟิงจ้องมองทั้งสองคนแล้วพูดว่า “ฉันขี้เกียจเกินกว่าจะเถียงกับคุณ ตอนนี้ฉันแค่อยากจะช่วยคุณปู่”ทั้งสองยืนอยู่ขวางไม่ยอมให้เขาเข้าเข้าใกล้จางกุ้ยหลานพูดอย่างเหยียดหยาม “ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าคุณอยากจะฆ่าคุณปู่”หลินเฟิงมองไปที่หลี่ฮุ่ยหรานอย่างเบื่อหน่าย “ฮุ่ยหรานให้ฉันไปรักษาคุณปู่เถอะ”หลี่ฮุ่ยหรานลังเลอย
แม้แต่หลี่ฮุ่ยหรานก็มองไปที่หวางเส้าหลงอย่างไม่น่าเชื่อ หวางเส้าหลงรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย ในใจก็รู้สึกเหลือเชื่อมากยิ่งขึ้นเขาไม่ได้ซื้อยาอมตะเลือดราชันย์ของจริงหรอกมั้ง?ดูเหมือนว่าฉันจะซื้อตุนเพิ่มตอนกลับ“ฮ่าฮ่า คุณปู่ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”จางกุ้ยหลานจ้องไปที่หลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ “ฮึ่ม คุณไม่ได้บอกว่ายาอมตะเลือดราชันย์ของหวางเส้าเป็นของปลอมไม่ใช่เหรอ?”“ตอนนี้คุณปู่จากขีดอันตรายเป็นปลอดภัย คุณยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”หลินเฟิงมองบน อาการคุณปู่จากขีดอันตรายแล้วปลอดถัยไม่ได้เกี่ยวข้องกับยาเม็ดนั้นเลยแต่ตอนนี้ตัวเองไม่ว่าจะพูดอะไรพวกเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดีเขาก็ยังขี้เกียจจะอธิบายด้วยหลี่เหวินเชาพูดอย่างไร้ความปราณี “แม่ คุณคิดว่าเขาเป็นหมอมหัศจรรย์จริงๆ งั้นเหรอ?”“คำที่เขาพูดกับการตดมันแตกต่างกันอย่างไร”หลินเฟิงหันหลังกลับเพื่อจะจากไปคุณปู่เรียกเขาเพื่อให้หยุดทันที “เสี่ยวเฟิง คุณจะไปไหน? อยู่กินข้าวเย็นก่อนสิ”หลินเฟิงพูดอย่างขมขื่น “ไม่หรอก ฉันมีอย่างอื่นต้องทำงั้นไปก่อนนะ”“อย่าสิ”คุณปู่หลี่ไม่ต้องการให้หลินเฟิงจากไป แล้วพยายามอย่างเต็มที่เพื่อ
บรรยากาศระหว่างทั้งสองก็เริ่มตึงเครียดทันทีทันใดนั้นแท็กซี่ที่หลินเฟิงเรียกก็มาถึงหวังเส้าหลงไม่ได้ทำอะไรแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แซ่หลิน ต่อไปเดินต้องระวังด้วยนะ”หลินเฟิงพูดอย่างเหยียดหยาม “ฉันจะมอบประโยคนี้ให้กับคุณ”“ให้ตายเถอะ” หวังเส้าหลงแอบสาปแรถก็ขับออกไปภายในบ้านพักเก่าของตระกูลหลี่คุณปู่หลี่เห็นหลินเฟิงจากไป เขาก็ไม่ได้สนใจจางกุ้ยหลานกับคนอื่นๆจางกุ้ยหลานเดินไปข้างหลี่ฮุ่ยหราน แล้วพูดว่า “ลูกสาวของบอสหม่าแห่งบริษัทเอเวอร์ไบรท์ก็ป่วยหนักเหมือนกันเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้า “ใช่ ทำไมหรอ?”บริษัทเอเวอร์ไบรท์เป็นคนรับผิดชอบการขายวัสดุก่อสร้างหลัก ตระกูลหลี่ได้รับสินค้ามากมายจากตระกูลหม่า ราคาก็ยุติธรรมคุ้มค่ายิ่งกว่านั้นบอสหม่ายังใจดีมากจางกุ้ยหลานพูดอย่างรวดเร็ว “หวางเส้าหลงเอายายาอมตะเลือดราชันย์ให้สองเม็ด ตอนนี้ยังเหลืออีกหนึ่งเม็ด”“ถ้าถึงตอนนั้นอาการของเจ้าของหม่าดีขึ้น คุณจะเป็นผู้มีพระคุณของตระกูลหม่า”“เมื่อถึงเวลาจะเจรจากับตระกูลหม่าจะง่ายดายขึ้นไม่ใช่หรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้วทันทีแล้วกำลังคิดอย่างถี่ถ้วนสิ่งที่แม่ของเขาพูดดูสมเหตุสมผลโครงการพัฒนาซี
ถึงอย่างไรคุณปู่หลี่ก็กินมันแล้ว อีกทั้งยังไม่เป็นอะไรน่าจะไม่ใช่ของปลอม “ความหมายของคุณหลี่คือ?”หลี่ฮุ่ยหรานยิ้มเล็กน้อย “ฉันอยากเอายาอมฤตนี้ให้กับประธานหม่า”เมื่อหม่าฉางโปได้ยินเรื่องนี้ เขาก็ตื่นตัวทันทีการทำดีที่ไม่ต้องการผลตอบแทน หลี่ฮุ่ยหรานจึงมอบยาวิเศษเช่นนี้ให้กับตัวเองฟรีจริงๆ เหรอ?“คุณหลี่มีเงื่อนไขอะไรบ้าง หรือคุณต้องการให้ตระกูลหม่าของฉันช่วยอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานไม่ได้ปิดบังแล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “อันที่จริงเงินทุนลงทุนของตระกูลหลี่มีไม่มากนัก ตอนนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปก็ได้เข้าโครงการพัฒนาซีเฉิงแล้ว”“นั่นคือเวลาที่ต้องใช้ทรัพยากรในการก่อสร้างจำนวนมาก”“ฉันหวังว่าประธานหม่าจะสามารถทำกำไรให้กับเราได้ ต่อไปในด้านทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับโครงการพัฒนาซีเฉิง พวกเราจะทำความร่วมมือกับตระกูลหม่าต่อไป”หม่าฉางโปกล่าวว่า “ฉันสามารถให้สัมปทานจากเดิม 10% ตามพื้นฐานเดิม”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างจริงจัง “30%”“20”“25” หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างจริงจัง “ประธานหม่า นี่เป็นโครงการระยะยาว เมื่อการพัฒนาซีเฉิงเสร็จ คุณจะได้รับกำไรมากขึ้น” หม่าฉางโปขมวดคิ้วครุ่นคิด ตอนนี้เบื้องหลังหลี
หม่าเหยียนลุกขึ้นยืนทันที และรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของหลี่ฮุ่ยหราน คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้: "แกเอาอะไรให้พ่อฉันกินไป?"หลี่ฮุ่ยหรานไม่มีข้อแก้ตัว: "มัน... มันคือยาอมตะเลือดราชันย์!"“บัดซบ”หม่าเหยียนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ: "แล้วทำไมพ่อของฉันถึงกลายเป็นแบบนี้?"หลี่ฮุ่ยหรานกัดริมฝีปากของเธอ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ในตอนนั้นเอง จางกุ้ยหลานรีบก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า: "นายน้อยหม่าคะ นายน้อยหม่านี่อาจเป็นความเข้าใจผิด ปัญหาอาจจะไม่ได้มาจากยาของฉันก็ได้ค่ะ"หม่าเหยียนยังคงมีเหตุมีผล และพูดอย่างเย็นชา: "ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของฉัน ตระกูลหม่าจะไม่ให้พวกแกสองคนมีชีวิตรอดกลับไปแน่"หลังจากพูดอย่างนั้นออกไป เขาก็สั่งให้บอดี้การ์ดของตระกูลหม่าขังทั้งสองคนไว้ในห้องพักแขกคนรับใช้รีบไปเชิญหมอเทวดาจางจากสำนักไป๋เกามาทันทีเมื่อถูกขัง หลี่ฮุ่ยหรานก็เดินเข้าไปในห้องจางกุ้ยหลานนั่งอยู่บนเตียง กุมหัวของเธอแล้วบ่นว่า "มันจบลงแล้ว นี่คือหายนะจริงๆ"“ทำไมยาอมตะเลือดราชันย์ถึงไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของหม่าฉางโปได้?”“ยานั่นจะมีปัญหาจริงๆ เหรอ?”จางกุ้ยหลานเร่งเร้า: "ฮุ่ย
“รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ค่อนข้างดีเลยจริงๆ… มันเกิดอะไรขึ้น?” ผู้เฒ่าหลี่ถามเมื่อได้ยินคุณปู่พูดแบบนั้น เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับยาอมตะเลือดราชันย์“ไม่มีอะไรค่ะแค่ถามถึงอาการของคุณปู่เฉยๆ ค่ะ”ผู้เฒ่าหลี่ค่อนข้างงุนงง: "ทำไมจู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ล่ะ?"พวกเขาเพิ่งแยกกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง และความกังวลของหลี่ฮุ่ยหรานเกี่ยวกับอาการของเขานั้น ทำให้เขาค่อนข้างแปลกใจไม่ใช่ว่า ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือนซะหน่อยหลี่ฮุ่ยหรานตอบตามความจริง: "หนูเอายาอมตะเลือดราชันย์ที่เหลือให้กับประธานหม่ากินค่ะ แต่อาการของเขาแย่ลงหลังจากกินยาเข้าไป" “หนูไม่แน่ใจว่าเกิดจากยาอมตะเลือดราชันย์หรืออาการของหม่าฉางโปนั้นร้ายแรงเกินไปค่ะ”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผู้เฒ่าหลี่ก็ตบต้นขาของเขาแล้วพูดว่า: "ถ้าอย่างนั้นคงจะเกิดจากยานี้แน่นอน"หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกงุนงง: "แต่... คุณปู่ก็กินยาอมตะเลือดราชันย์เข้าไปด้วยเหมือนกันนะคะ""ถุ้ย แหวะ"ผู้เฒ่าหลี่พูดอย่างเหยียดหยาม: "ยาอมตะเลือดราชันย์อะไรไร้สาระ ต้องเป็นหลินเฟิงต่างหากที่ช่วยฉันไว้ และมันไม่เกี่ยวอะไรกับนายน้อยหวัง
“เป็นยังไงบ้าง? แผลคุณหายแล้วยัง?”“หายก็หายแล้วนั่นแหละ แต่ยังมีรอยแผลเป็นนิดหน่อย”ถังหว่านส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อย“ฉันไม่อยากให้หลี่ฮุ่ยหรานเห็นหรอกนะ ยังไงซะ ถ้าคิดถึงฉัน ก็ทำตัวดีๆ รออีกสักหน่อย”“อืม”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์และคิดอยู่ครู่หนึ่งเดิมทีเขาอยากไปกับหลี่ฮุ่ยหราน แต่เมื่อคิดว่าหลี่ฮุ่ยหรานงานยุ่งขนาดนี้ เขาอย่าไปเพิ่มความวุ่นวายให้เธอเลย“จ้าวเทียนหัว เตรียมรถให้ฉันคันหนึ่ง”หลินเฟิงโทรศัพท์ไปหาจ้าวเทียนหัว เมื่อจ้าวเทียนหัวได้ยิน กลับลำบากใจเป็นครั้งแรก“คุณชายหลิน ผมไม่มีสาขาย่อยที่เมืองเจิ้งเต๋อ ถ้าจะจัดเตรียมรถ เกรงว่าคงหารถที่เหมาะสมกับสถานะของคุณไม่ได้ชั่วคราว…”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“แค่ยานพาหนะเอง ไม่ต้องเอารถที่ดีอะไร นายรีบเตรียมให้หน่อยก็พอแล้ว”“ก็ได้รับ”จ้าวเทียนหัวขานรับ จากนั้นผ่านไปไม่นาน รถยนต์ออดี้ คันหนึ่งจอดอยู่ใต้ตึกของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลินเฟิงก็ไม่ได้เลือกอะไรเพียงแต่หลังจากที่เขานำของขวัญที่ถังหว่านเตรียมเอาไว้ออกไปก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงนำหยกจิ้งจอกมีตำหนิที่ได้รับจากต่งเทียนไป๋ติดตัวไปด้วยถึงแม้หยกจิ้งจอกจะม
หลินเฟิงกลับมาถึงหลี่ซื่อกรุ๊ปเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ หลินเฟิงใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มากเขาออกคำสั่งจิ่วเทาอยู่ในสำนักงานของเขา ขณะที่เขากำลังสั่งให้จิ่วเถาอยู่ในสำนักงานของเขาเพื่อรวบรวมสมาชิกที่เหลือของแก๊งหมาป่าสีเลือด และฝึกศิลปะการต่อสู้ไปด้วยให้ร่างกายของเขาปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการบรรลุหลินเฟิงในตอนนี้ได้กลายเป็นปรมาจารย์ระดับสูงที่แท้จริงของประเทศมังกรที่ไม่เป็นรองใครแล้วถ้าหากพูดว่า ก่อนหน้านี้พ่อบ้านกับบริวารของตระกูลหลง สามารถสร้างความลำบากให้หลินเฟิงได้ ส่วนตอนนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงอีกแล้วเกรงว่า มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดในประเทศมังกร ยอดฝีมือแดนเทพที่ยืนอยู่บนยอดปิรามิด ถึงจะสามารถงัดข้อกับหลินเฟิงได้เช่นผู้นำตระกูลหลงหรืออย่างเช่นราชาหลินแห่งตอนใต้…พ่อของเขาหลังจากความแข็งแกร่งที่เปลี่ยนไปของหลินเฟิง คนทั้งคนก็เปลี่ยนแปลงไปไม่เพียงมีออร่าที่ทำให้คนหลงใหลที่ไม่สามารถอธิบายได้ยังมีรัศมีของปรมาจารย์ผู้หลุดพ้นจากทางโลกและไม่สนใจเรื่องทางโลกอายุแค่นี้ก็มีออร่าที่แข็งแกร่งแบบนี้ สามารถพูดได้ว่าแปลกประหลาดอย่างมากสำหรับการเปลี่ยน
“เอ่อ…ค่ะ”หญิงรับใช้ก็ลำบากใจเล็กน้อย เห็นหลินเฟิงไม่พูดอะไร พวกเธอก็ทำได้คุกเข่าลงที่ด้านข้างหลินเฟิง และเก็บเศษหินเหล่านี้ขึ้นมาสุดท้ายก็คือให้กับหลินเฟิง“ขอบคุณ”หลินเฟิงขอบคุณหญิงรับใช้เสียงเบาส่วนหญิงรับใช้คนนี้เดิมคิดว่าหลินเฟิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะขอบคุณเธอที่เป็นบุคคลไม่สำคัญแบบนี้ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกชั่วคราว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมเชื่อว่าสหายน้อยหลินก็มีความเป็นของตัวเอง ต่อให้เป็นเศษหินก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร”ต่งเทียนไป๋เห็นบรรยากาศน่าอึดอัด จึงรีบพูดเสริมให้หลินเฟิงหินก้อนนี้แตกที่ในมือของหลินเฟิง ถ้าหากหลินเฟิงย้อนกลับมาหาเขา งั้นเขาก็สามารถเอาตัวเองออกมาได้แต่สุดท้ายก็ยังต้องไว้หน้าหลินเฟิงเขาข้ามตอนนี้ไปอย่างรวดเร็ว เอาสมบัติล้ำค่าชิ้นต่อไปออกมาส่วนสมาธิของหลินเฟิงในตอนนี้อยู่ที่ในร่างกาย ไม่ได้รู้สึกสนต่อสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋อีกต่อไปผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องฟ้าเริ่มมืดสมบัติล้ำค่าของต่งเทียนไป๋ก็ถูกนำออกมาจนหมดแล้วหนึ่งในนั้นมีขวดหยกที่ถูกถังฮั่วประมูลเอาไปได้ด้วยสองพันห้าร้อยล้านบาททุกคนต่างชื่นชม เป็นเพราะมูลค่าของขวดหยกชิ้นนี้
และเลือดที่เปื้อนอยู่บนหินก้อนนี้เป็นสารจำเป็นและเลือดของผู้นำสำนักเสวียนเทียน ที่เป็นเพราะถูกล้อมโจมตี จนทะลวงขั้นไม่สำเร็จ และนั่นก็คือเลือดของอาจารย์ของหลินเฟิงถึงแม้อาจารย์ของเขาตอนนั้นจะไม่ได้บรรลุขอบเขตเทพ แต่มีเค้าลางของพลังจิตวิญญาณเซียนแล้วและสารจำเป็นและเลือดที่อยู่บนหินนี้ ถูกเจือปนด้วยกลิ่นอายของจิตวิญญาณเซียนไม่ว่าจะจากมุมมองเหตุผล หรือส่วนบุคคล หลินเฟิงไม่อยากเห็นหินก้อนนี้หลุดล่องอยู่ภายนอกเลือดที่อยู่บนหินก้อนนี้ หมายถึงความไม่ยอมแพ้ของอาจารย์แสดงถึงโศกนาฏกรรมของสำนักเสวียนเทียนที่ถูกทำลายล้างแสดงถึงการเดินทางเร่ร่อนสามปีของหลินเฟิงดังนั้นสำหรับหลินเฟิงแล้ว หินก้อนนี้เป็นสมบัติที่ไม่สามารถประเมินค่าได้อย่าว่าแต่สองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เป็นห้าหมื่นล้านบาท หนึ่งแสนล้านบาท หลินเฟิงก็ต้องเอามาให้ได้หลินเฟิงเอาเงินสองหมื่นห้าพันบาทที่มีทั้งตัวออกมา มอบให้ต่งเทียนไป๋ เขาก็ได้รับหินก้อนนั้นมาตามที่ต้องการถือไว้ในมือรู้สึกอบอุ่นมากที่สุดเหมือนกับเลือดร้อนที่อยู่ข้างบนยังไม่เหือดแห้ง หลินเฟิงอดไม่ได้ น้ำตาจะไหลออกมาในทันที แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไ
หรือว่าหินก้อนนี้จะเป็นของล้ำค่าจริง ๆ?เขาจงใจประเมินค่าให้ต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่น ๆแย่งชิงกับเขางั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ทุกคนในนี่นั้นต่างก็เริ่มกังขาแล้วเมื่อต่งเทียนไป๋เห็นการกระทำของหลินเฟิง ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที การที่หลินเฟิงทำแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการโฆษณาก้อนหินของตัวเองงั้นเหรอ?เขารีบถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า :“เพื่อนตัวน้อยหลิน โปรดอภัยที่ผมสายตาไม่ดี ถึงแม้จะได้มาในราคาที่สูง แต่ก็คิดมาตลอดว่ามันคือทับทิม”“ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวน้อยหลินจะช่วยแก้ปริศณาให้หน่อยได้ไหม? ถ้าหากไม่ใช่ทับทิม งั้นมันคืออะไร?”“เป็นเพียงแค่หินธรรมดาทั่วไป”หลินเฟิงยังคงอธิบายอย่างใจเย็น แต่แววตาของเขากลับดูซับซ้อนและพูดอย่างใจเย็นว่า :“ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดาทั่วไป แต่กลับมีความหมายกับผมเป็นพิเศษ ดังนั้นผมจึงอยากได้มันมา”“พรวด....”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ถังฮั่วที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมาหลินเฟิงคิดว่าพวกเขาเป็นคนโง่กันหมดแล้วใช่ไหม?พูดในตอนแรกว่ามันไม่ใช่ทับทิม และยังพยายามประเมินค่าให้ต่ำอีก หลังจากนั้นตัวเองก็เดินออกไปซื้อมัน เห็น ๆอยู่ว่ามันมีบางอ
เป็นไปตามที่คิด งานแกะสลักไม้ชิ้นนี้ไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนักุท้ายก็ถูกคนซื้อไปในราคาเพียงสองล้านบาทเท่านั้นจากนั้น ต่งเทียนไป๋ก็เอาชามกระเบื้องอีกหนึ่งชุดออกมาชามลายนี้ก็ไม่ได้มีอะไรปัญหาอะไรเช่นกันเมื่อเห็นแบบนี้ หลินเฟิงก็พยักหน้าถึงแม้ว่าของพวกนี้จะไม่ได้เข้าตาหลินเฟิง แต่ก็ไม่ใช่ของปลอม ที่จะขายได้ในราคาเจ็ดร้อยห้าสิบล้านบาทเมื่อเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้พูดอะไรออกมานานแล้ว ในที่สุดต่งเทียนไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกดูเหมือนว่างานเขียนอักษรชิ้นก่อนหน้านี้ จะเป็นข้อยกเว้นจริง ๆสุดท้ายเขาก็วางใจและเอาของล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งออกมาจากของสะสมของตัวเองเป็นปะการังคริสตัลสีแดง“ทุกท่าน ปะการังคริสตัลสีแดงชิ้นนี้ผมได้รอบรวมสะสมมาจากเมืองหนานไห่ มีราคามากและหาได้ยากอย่างมาก หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษในครั้งนี้ละก็ ผมก็คงไม่มีวันที่ตะขายมัน”ต่งเทียนไป๋แนะนำอย่างภาคภูมิใจว่า :“ได้ยินมาว่าของล้ำค่าชิ้นนี้มีอออร่าและแกะสลักโดยท่านอาจารย์ แถมยังมีพลังงานวิญญาณอีกด้วย เพียงแค่วางไว้ที่บ้านก็จะทำให้บ้านเป็นสิริมงคลและอายุยืนยาวได้”ตอนนี้ผมพร้อมที่จะขายมันในราคาห้าพันล้านบาท!”“ห้าพันล้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง สีหน้าของต่งเทียนไป๋ เขาตะคอกเสียงดังว่า:“ไป ไปซื้อไม้ขีดไฟมาให้ฉัน!”“จริง!”หญิงรับใช้ก็ตกใจ และรีบออกไป“หลินเฟิง หรือว่าคุณไม่รู้เหรอว่า อะไรที่เรียกว่าอภัยได้ก็ให้อภัย?”ถังฮั่วมองหลินเฟิงด้วยความโมโห“หึหึ เมื่อครู่ตอนที่ถังฮั่วบีบบังคับให้ผมกลับมาตรวจสอบ คุณได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของผมบ้างไหม?“ยังคิดว่าผมพูดแบบนี้ก็เพื่อที่จะหนีไป”“ตอนนั้นคุณยังต้องการให้ผมคุกเข่ากราบทุกคน ทำไมถึงไม่พูดว่าให้อภัยได้ก็ให้อภัยล่ะ?”ได้ยินคำพูดนี้ของหลินเฟิง ถังฮั่วก็รู้สึกจุกในลำคอพูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ ทำได้เพียงกัดส่งเสียงไม่พอใจออกมาผ่านไปครู่หนึ่ง หญิงรับซื้อไม่ขีดไฟกลับมาต่งเทียนไป๋กลับมือสั่นเทา สุดท้ายก็เผาภาพเขียนใบนั้นต่อหน้าทุกคน มองดูมันกลายเป็นขี้เถ้าส่วนเขาก็รู้สึกเสียดายจนใบหน้าเหี่ยวย่นกระตุกแต่ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อพูดรับปากออกมาแล้ว งั้นก็จำเป็นต้องทำอยู่ในวงการตรวจสอบสมบัติล้ำค่า นี่เป็นกฏที่เด็ดขาด“เอาล่ะ แค่งานเขียนเท่านั้นเอง ผมขอตัวก่อนล่ะ”หลินเฟิงเห็นว่าสีหน้าของทุกคนที่อยู่ในงานไม่ค่อยดีนักและเขาก็รู้สึกว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีอ
หลินเฟิงกลับไปที่ข้างหน้างานเขียน เขาเพียงแค่มองดูเล็กน้อย ก็พบช่องโหว่หลายจุด“หึ หลินเฟิง เป็นยังไง? คิดคำโกหกเสร็จแล้วยัง?”ถังฮั่วไม่รู้ว่าเอาความเป็นศัตรูมาจากไหน ท่าทางที่มีต่อหลินเฟิงแฝงไปด้วยการดูถูกอยู่ตลอดหลินเฟิงไม่ได้สนใจเขา แต่กลับพยักหน้าอย่างมั่นใจ“ทุกท่านเชิญดูที่ตราปั๊มตรงนี้”หลินเฟิงชี้ไปที่ตราปั๊มตรงมุม และพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ตราประทับนี้ถึงแม้ตั้งใจทำให้เก่า แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยกับยุคสมัยของกระดาษ“สถานการณ์แบบไหนกันที่ งานเขียนแผ่นหนึ่งหลังจากเสร็จสมบูรณ์เป็นร้อยปี รอให้ผู้เขียนสิ้นชีวิตแล้ว ถึงได้ประทับตราชื่อผู้เขียนลงไป?”“อะไรนะ?!”ได้ยินถึงตรงนี้ ทุกคนต่างไม่นิ่งเฉยโดยเฉพาะต่งเทียนไป๋ เขาหยิบแว่นขยายมาจากด้านข้างของเขา คุกเข่าลงและสังเกตอย่างละเอียด ถือโอกาสในตอนที่เขากำลังสังเกตอย่างละเอียด หลินเฟิงชี้ไปที่ตัวหนังสือบนงานเขียน และพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “อักษรราชวงศ์ซ่งโบราณผมเคยเห็นมาเยอะแล้ว ตัวอักษรนี้ เห็นได้ชัดว่าที่ราชวงศ์ซ่งโบราณมีวิธีเขียนสองแบบ อย่าว่าแต่อาจารย์จางเลย ราชวงศ์ซ่งโบราณคนส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้วิธีเขียนแบบนี้”“นี่เป็นรูป
ต่งเทียนไป๋ส่งเสียงไม่พอใจออกมา หลินเฟิงพูดออกมาแบบนี้แล้ว ถ้าหากวันนี้ปล่อยให้เขาจากไปนั่นหมายความว่าคำพูดของเขาเป็นจริงไม่ใช่หรือไง?เขาไม่ได้ขายสมบัติ แต่ขายชื่อเสียงเขาต่งเทียนไป๋ตรวจสอบและรับซื้อสมบัติล้ำค่ามาทั้งชีวิต ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น เขาไม่สามารถทนต่อการถูกเหยียดหยามแบบนี้ได้“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณพูดแบบนี้ถือว่าเป็นการทำลายงานของผม คุณจะกลับไปอย่างสงบงั้นเหรอ?”คำพูดของต่งเทียนไป๋ไม่เป็นมิตรอย่างมาก“หือ? งานแบบนี้ของคุณทำลายไม่ได้งั้นเหรอ?”หลินเฟิงพูดอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า:“เอาของปลอมเป็นทรัพย์สมบัติ สิ่งที่ถูกประมูลกลับเป็นชื่อเสียงของคุณ หากมีคนคัดค้าน ก็จะลงไม้ลงมือ”“แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของคุณไม่มีมูลค่าอะไรในสายตาของผม อีกทั้งผมก็ไม่กลัวที่จะลงไม้ลงมือ”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ต่งเทียนไป๋ตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งวุ่นวายอยู่นาน หลินเฟิงรังเกียจที่เขาขายของปลอมงั้นเหรอ?คิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของต่งเทียนไป๋สงบลงบ้างแล้วเขาเดินเข้ามาช้าๆ ยืนอยู่ข้างหลินเฟิงพูดด้วยความมั่นใจว่า:“พ่อหนุ่ม ที่นี่ขายสมบัติล้ำค่า ไม่ได้ขายชื่อเสียงหน้าตาของ