หลินเฟิงได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะออกมา ผู้หญิงสองคนนี้คนไหนบ้างที่เขาสามารถเอาเปรียบได้?“ผู้หญิงสองคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับผม คุณลองดูสิว่าพวกเธอใครยินยอมจะไปกับคุณ?”ชายหัวล้านได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีใจ เดิมคิดว่าไอ้หนุ่มคนนี้มีความสามารถอะไร วุ่นวายอยู่นานที่แท้ก็คือคนปอดแหก“ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว”ชายหัวล้านเดินเข้าไปทันที จากนั้นยื่นมือออกไปจับฉินอิ๋งที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดเมื่อเห็นว่ามือของเขาจะแตะโดนใบหน้าของฉินอิ๋งฉินอิ๋งลงมือในทันทีรวดเร็วราวกับฟ้าร้องมือข้างหนึ่งจับข้อมือของเขาเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งออกแรงฟาด“แกร่ก” เสียงดังก้องแขนของชายหัวล้านถูกหักกะทันหัน“อ๊าก…..” เสียงร้องโอดครวญจนแทบจะขาดใจชายหัวล้านพยายามดิ้นรนสุดชีวิต อยากจะดึงแขนของตัวเองกลับแต่ข้อมือของฉินอิ๋งเหมือนกับเลี่ยมด้วยเหล็กล็อกเขาเอาไว้แน่น“พวกแกสองคนมองอะไรอยู่? รีบเข้ามาสิ”ชายหัวล้านตวาดใส่ลูกน้องสองคนที่อยู่ด้านหลังด้วยความโมโหลูกน้องสองคนไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นก็ตะโกนอย่างเดือดดาลแล้วพุ่งเข้าไปทันทีร่างกายของหลินเฟิงเหมือนกับวิญญาณ ปรากฏตัวตรงหน้าพวกเขาสองคนในทันที
“เฉินหลงคนนั้นจะต้องไปเรียกคนมาแน่นอน ลูกน้องใต้อำนาจของเขามีมากมาย ถึงเวลาถ้าหากถูกพวกเขาล้อมเอาไว้ พวกคุณก็หนีไปพ้นแล้ว”ในตอนนี้ถังหว่านพูดขึ้น: “คุณป้าวางใจได้ค่ะ เขาเรียกคนได้ พวกเราก็ไม่ใช่ว่าเรียกไม่ได้”“อิ๋งอิ๋ง เรียกคน ฉันจะดูสิพวกเขาคนเยอะ หรือว่าพวกเราคนเยอะ”ฉินอิ๋งพยักหน้า จากนั้นล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาพี่ใหญ่ของตัวเอง“นี่……”จ้าวเฉียวอวิ๋นเห็นพวกเขาไม่คิดจะจากไป แถมยังจะเผชิญหน้ากับเฉินหลง ชั่วขณะจึงไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรหลินเฟิงสายตาจ้องมองอยู่ที่หลินเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตลอดสาวน้อยก็สังเกตเห็นถึงสายตาของเขาแล้วถึงแม้ไม่ได้มีสายตาโรคจิตเหมือนเฉินหลง แต่ถูกจ้องอยู่แบบนี้ตลอดในใจก็มีความหวาดกลัวเล็กน้อยเธอจึงหลบไปด้านหลังของพี่ชายตัวเองอย่างอดไม่ได้ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินหลงพาลูกน้องกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ากลับมา“เพล้ง” ประตูกระจกของร้านของกินเล่นถูกไม้เบสบอลตีจนแหลกละเอียดคนกลุ่มใหญ่บุกเข้าไปในร้านขายของกิน ที่เหลืออีกยี่สิบกว่าคน ทำได้แค่รออยู่ด้านนอกทำให้โซนของกินแน่นขนัดร้านค้าหลายร้านที่อยู่รอบ ๆ ตกใจจนรีบปิดร้านจ้าวเฉียวอวิ๋นปกป้องลูกทั้งสองคนเอาไว้ที
“ยัยเด็กคนนี้ดึก ๆ ดื่น ๆ มาที่ทำไม?”คนที่มาก็คือฉินสือ ได้ยินว่าน้องสาวของตัวเองถูกนักเลงกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ เขารีบตะลุยมาสนับสนุนอย่างรวดเร็วโชคดีที่น้องสาวของตัวเองไม่ได้เป็นอะไรฉินอิ๋งพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความผิด: “ฉันมาทานอาหารมื้อดึกกับหลินเฟิงและพี่หวานเอ๋อ คิดไม่ถึงว่าจะพบกับพวกตาบอด”ฉินสือมองเข้าไปข้างใน ก็เห็นหลินเฟิงกับถังหว่านเขารีบเข้าไปสอบถาม: “คุณหลิน คุณถัง พวกคุณสองคนไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”หลินเฟิงส่ายหน้าและพูดด้วยความมั่นใจอย่างมาก: “นักเลงกลุ่มนี้ทำร้ายผมไม่ได้”ถังหว่านยักไหล่: “มีพวกเขาสองคนอยู่ ฉันไม่เป็นไรอยู่แล้ว”ในตอนนี้เฉินหลงรีบพูดขึ้น: “พี่ชายคนนี้ ผมไม่รู้สองสามท่านนี้คือคนของคุณ คุณปล่อยพวกเราไปดีไหม”“พวกเรายินยอมชดใช้เงิน……”ต่อให้เขาเป็นคนปัญญาอ่อนก็ยังรู้ได้ว่าสามคนนี้เบื้องหลังไม่ธรรมดาไม่มีทางที่นักเลงกระจอกอย่างตัวเองจะเทียบเท่าได้เขายอมรับผิดติดต่อกัน อยากจะรีบออกจากที่นี่ในตอนนี้ฉินอิ๋งชี้ไปที่เขาแล้วพูดอย่างเย็นชา: “พี่ใหญ่ ไอ้หมอนี่จะหักแขนขาของฉัน”เฉินหลงหน้าตาอึมครึม หมดคำพูดทันทีตัวเองปากพล่อยจริง ๆ ไม่สู้ไม่พูดประโยคนี้
พูดจบ หลินเฟิงก็ไม่ได้อยู่ต่อไป เขาพาถังหว่านกับฉินอิ๋งและคนอื่น ๆ จากไปฉินสือเห็นแบบนี้ก็พาคนถอยกำลังออกไปจ้าวเฉียวอวิ๋นและครอบครัวที่อยู่ในร้านขายของกินสีหน้างงงวยกันหมดหลินเสวี่ยฮุ่ยสับสนอย่างมาก: “หลินเฟิงคนนี้เป็นใครกันแน่? ทำไมจะต้องให้เงินพวกเรามากขนาดนี้?”เธอไม่เข้าใจการกระทำแบบนี้อย่างมากในตอนนี้หลินฝานมองดูเบอร์โทรศัพท์ที่หลินเฟิงทิ้งเอาไว้: “ไอ้หมอนี่ ไม่ใช่ว่าชอบเสวี่ยฮุ่ยหรอกนะ?”“ห๊ะ?”หลินเสวี่ยฮุ่ยตกตะลึงอย่างมาก: “ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อนเลยนะ”“เห็นคนสวยแล้วเกิดตกหลุมรักล่ะมั้ง” หลินฝานยักไหล่: “เมื่อครู่ฉันสังเกตเห็นไอ้หมอนั่นจ้องมองเสวี่ยฮุ่ยอยู่ตลอด”“ไม่แน่อาจจะชอบเสวี่ยฮุ่ย ถึงได้ช่วยเหลือพวกเรา จากนั้นก็ใช้วิธีแสร้งทำดีเพื่อควบคุมภายหลังฟังพี่ชายตัวเองพูดแบบนี้ หลินเสวี่ยฮุ่ยก็รู้สึกว่ามีความเป็นไปได้เมื่อครู่เธอก็สังเกตเห็นแล้ว สายตาของอีกฝ่ายจ้องมองตัวเองอยู่ตลอด“อย่าพูดจาซี้ซั้ว” ในตอนนี้จ้าวเฉียวอวิ๋นพูดตำหนิขึ้น“ผมไม่ได้พูดซี้ซั้ว ผมดูแล้วผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างกายเขา ไม่เพียงหน้าตาดี และยังดูเหมือนมีคนหนุนหลังด้วย”หลินฝานยังคงยืนหยัดคว
หลินเฟิงพยักหน้าอย่างใช้ความคิด: “คุณอยากให้ผมไปคุยกับอิ่นนั่วเจีย?”“ถูกต้อง ด้วยเสน่ห์ของคุณ เอาชนะอิ่นนั่วเจียง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เหรอ?”ถังหว่านมีความมั่นใจต่อเสน่ห์ของหลินเฟิงเป็นอย่างมากหลินเฟิงครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น: “ก็ได้ รอให้คุณกลั่นยาปรับประสานพลังออกมาได้ ผมเอาตัวอย่างไปเจรจากับอิ่นนั่วเจีย”เรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ในเมื่อไม่มีสินค้าสำเร็จรูป ตัวเองพูดปากเปล่า เธอก็อาจจะไม่เชื่อ“ได้ งั้นเรื่องนี้ เอาแบบนี้แหละ” ถังหว่านพูดจบก็บิดขี้เกียจจากนั้นนอนหมอบลงบนเตียงของหลินเฟิง: “วันนี้ฉันจะนอนที่นี่นะ”หลินเฟิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาเขานอนลงข้าง ๆ เธอถังหว่านพาดขาข้างหนึ่งไปบนตัวของหลินเฟิงหลินเฟิงกลับไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกับศพถังหว่านไม่ยอมเชื่อ เธอยื่นมือออกไปลูบคลำบนตัวของหลินเฟิงจากนั้นเป่าลมที่ข้างหูของเขา: “หลินเฟย……”“คร่อก…”เสียงกรนของหลินเฟิงดังขึ้นทันทีถังหว่านกลอกตามองอย่างแรงจากนั้นความง่วงค่อย ๆ ครอบงำ เธอกอดแขนของหลินเฟิงหลับไปเช้าวันที่สอง ในตอนที่หลินเฟิงตื่นขึ้นมา ถังหว่านก็จากไปแล้วเขานวดขมับและเดินไปที่ห้องรับแขกตรงนั้นมีอ
หลี่ฮุ่ยหรานขมวดคิ้ว และเดินเข้าไปจับเธอไว้: “แม่ มาตะโกนอะไรตรงนี้?”จางกุ้ยหลานพูดอย่างลุกลี้ลุกลน: “ไอหยา ลูกไปไหนมาเนี่ย แม่โทรหาลูกทำไมถึงไม่รับสาย?”หลี่ฮุ่ยหรานตอบอย่างจนใจ: “หนูกำลังประชุมอยู่”“โอ๊ย เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เกิดเรื่องอะไรใหญ่โตขึ้น?” หลี่ฮุ่ยหรานนิ่งเฉยไม่ได้ตกตะลึงนิสัยตื่นตูมของแม่ตัวเองเธอเคยชินตั้งนานแล้ว“แน่นอนว่าเป็นเรื่องน้องชายลูก ไม่อย่างนั้นแม่จะร้อนใจขนาดนี้เหรอ?” จางกุ้ยหลานพูดอย่างร้อนรน“เหวินเชาทำไมอีก?” หลี่ฮุ่ยหรานตื่นตระหนกกลัวว่าน้องชายของตัวเองจะสร้างเรื่องอะไรให้เธอจางกุ้ยหลานพูดอธิบาย: “เมื่อคืนน้องชายลูกไปร้านเหล้า วันนี้เช้าไม่รู้ทำไมถึงมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นขึ้นมา”หลี่ฮุ่ยหรานสูดหายใจเข้าลึก ๆ สองมือกำแน่น น้องชายของเธอคนนี้ทำตัวดี ๆ ให้เธอหน่อยไม่ได้เหรอ?“รู้ไหมว่าใครเป็นคนตี?”“ไม่รู้ เหมือนว่าเป็นผู้หญิงบริการคนหนึ่ง”จางกุ้ยหลานพูดเร่งรัด: “โอ๊ย ลูกไม่ต้องถามแล้ว น้องชายของลูกถูกพวกเขาจับตัวเอาไว้แล้ว”“ลูกรีบไปช่วยคนเถอะ”“หนูต้องถามอยู่แล้วสิ อย่างน้อยต้องรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เป็นถิ่นของใคร”หลี่ฮุ่ยหรานกัดฟันพ
หญิงสาวพูดจบก็เปิดกล้องวงจรออกมาทุกคนเห็นหลี่เหวินเชาหลังจากดื่มเหล้าเข้าไป ก็เริ่มเมาอาละวาด และลงไม้ลงมือกับพนักงานเสิร์ฟของบาร์เมื่อถูกเธอผลักออกเขากลับมีสีหน้าเหยียดหยาม เอะอะโวยวายว่าตระกูลหลี่สุดยอดมากแค่ไหน…หลี่ฮุ่ยหรานดูกล้องวงจรเสร็จก็รู้สึกหมดคำพูดหลี่ฮุ่ยหรานถลึงตาใส่น้องชายที่สอนไม่จำจางกุ้ยหลานกลับไม่คิดแบบนี้เธอมือเท้าเอวตะโกนขึ้น: “ต่อให้ลูกชายของฉันทำอะไรกับเธอ นั่นเป็นเรื่องของลูกชายฉันกับพนักงานคนนั้น”“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยล่ะ?”ในตอนนี้หญิงสาวลุกขึ้นช้า ๆ แล้วพูดขึ้น: “ฉันคือเถ้าแก่เนี้ยของบาร์เยว่หลาย พนักงานของฉันเกิดเรื่องขึ้น ต้องเป็นความรับผิดชอบของฉันอยู่แล้ว”คนคนนี้ก็คือพี่หงเถ้าแก่เนี้ยของบาร์เยว่หลาย“เอาล่ะ”ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมาแล้วพูดขึ้น: “เรื่องนี้น้องชายของฉันเป็นฝ่ายผิด”“ฉันอยู่ตรงนี้ต้องขอโทษด้วยค่ะ พวกคุณจะทำอย่างไร? พูดมาเถอะค่ะ เพียงแค่ข้อเสนอสมเหตุสมผล พวกเรารับได้หมด”“ฮุ่ยหลาน ลูกทำอะไรน่ะ?”จางกุ้ยหลานสีหน้าไม่พอใจก็แค่พนักงานคนหนึ่ง ลูกชายของตัวเองชอบเธอถือว่าเป็นบุญของเธอต่อให้เธออยากเป็นลูกสะใภ้ของตัวเอง ตัวเอ
ในตอนนี้หลี่ฮุ่ยหรานไม่รู้จะทำอย่างไรหลี่เหวินเชาดึงแขนของพี่สาวของเขา แล้วรีบพูดขึ้น “พี่รีบคิดหาวิธีสิ!”หลี่ฮุ่ยหรานโมโหจนแทบจะตาย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาก่อเรื่องที่นี่ จะเกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ไหม?“หึหึ ก็แค่เว่ยป้าวนับประสาอะไรกัน?”ในตอนนี้เสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหันคนที่พูดจาก็คือสวีเชาทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างตกตะลึงกันอย่างมาก ใครกันที่ใจกล้าถึงขนาดนี้ ถึงได้ไม่เห็นท่านป้าวอยู่ในสายตา?สวีเชาเดินไปข้างหน้าทั้งสามคนจางกุ้ยหลานดวงตาเป็นประกาย เหมือนกับมองเห็นผู้ช่วยชีวิตพี่หงจ้องมองชายชุดสูทที่อยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ จากนั้นถามขึ้นด้วยความสงสัย: “คุณเป็นใคร?”เธอสังเกตุดูคนคนนี้มีออร่าที่ไม่ธรรมดา คำพูดคำจามีความมั่นใจอย่างมาก หรือว่ามีความสามารถที่จะไม่เห็นท่านป้าวอยู่ในสายตาได้?“สวีเชา บริษัทเทียนฉี่”สวีเชา?พี่หงชะงักงัน สวีเชาคนนี้เธอไม่ได้รู้จักเป็นอย่างดีแต่บริษัทเทียนฉี่เธอเคยได้ยินมาบ้างได้ยินว่าเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตั้งหลักอย่างมั่นคงในเจียงโจว และเบื้องหลังเหมือนว่าจะมีคุณหนูตระกูลเซี่ยงคอยสนับสนุนอยู่บุคคลประเภทนี้ไม่ใช่ว่าเธอที่เป็น
เมื่อพูดคำเหล่านี้ออกมา มันก็ใช้ได้ผลอย่างมากสีหน้าของลูกศิษย์ตระกูลเฝิงทั้งหมดต่างก็แสดงความหวาดกลัวออกมานิสัยของผู้นำ พวกเขารู้ดีที่สุดหากทำให้ผู้นำสามารถพูดแบบนี้ออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าความแข็งแกร่งของหลินเฟิงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนเมื่อนึกถึงการท้าทายแบบเด็ก ๆก่อนหน้านี้ที่พวกเขาล้อมหลินเฟิงเอาไว้ ทั้งยังท้าทายเขา หลาย ๆคนก็ถึงกับเหงื่อตกเลยทีเดียว“ไปกันเถอะ พาเฝิงหลีกลับไป”“ครับ”ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์ตระกูลเฝิงก็ยอมรับ พวกเขาจึงตระหนักได้ในตอนนี้ว่า หลินเฟิงมีความหมายต่อตระกูลเฝิงของพวกเขามากแค่ไหน......“หยินหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงจะคิดยังไง หลินเฟิงก็ไม่ได้สนใจตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจ ก็คือ หยินหลิงเมื่อหยินหลิงเห็นหลินเฟิงหันกลับมา พร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อยว่า : “พี่หลินเฟิง ฉันขโมยชีพจรมังกรของพี่หรานฮุ่ยกับพี่ถังหว่านมา พี่ไม่ตำหนิฉันใช่ไหม?”“เธอกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่?”หลินเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆว่า :“สาวน้อยอย่างเธอเอาชีพจรมังกรมาล่อพลังงานให้ฉัน แล้วฉันจะไม่รู้ได
“พี่รอง หรือว่าพี่ใหญ่จะผิดสัญญา? ต้อง...ต้องการจะขัดแย้งกับสำนักร้อยพิษใช่ไหม?”เฝิงหลีรู้สึกตัวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว“งั้นหลานชาย อวี้อู่ ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยนะสิ!”เมื่อเห็นว่าเขายังคงพูดเรื่องอวี้อู่ออกมา เฝิงเอ้อก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที จึงหันกลับไปตบหน้าเฝิงหลีอย่างแรง“ไอ้สารเลว แกยังมีหน้ามาพูดถึงอวี้อู่อีกงั้นเหรอ?!”“หากไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวอย่างแกที่วางยาพิษซ้ำสอง เรื่องมันจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงหลีที่พยายามคลานขึ้นมาจากพื้นก็ตกตะลึง“พวก...พวกพี่รู้ได้ยังไง?”เขาคิดว่าตัวเองทำอย่างลับ ๆแล้ว แต่ทำไมคนเหล่านี้ถึงได้รู้ล่ะ?“ดีจริง ที่แท้ก็คือแกนี่เอง!”เฝิงเอ้อพูดเพียงแค่นี้ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเฝิงหลีจะสารภาพออกมาเองจริง ๆ เมื่อมองแบบนี้ หลินเฟิงก็พูดถูกแล้ว เหมาะสมแล้วที่เขาเป็นถึงอาจารย์หมอ!เมื่อเห็นเฝิงหลีไร้ยางอายขนาดนี้ เฝิงเอ้อก็โกรธจนหัวเราะออกมา“หมอเทวดาหลิน คนนี้จะจัดการอย่างไรดี?!”เขามองไปที่หลินเฟิงด้วยความเคารพ เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะมอบสิทธิ์ในการจัดการเฝิงหลีให้กับหลินเฟิงแล้ว“ฉันได้ปิดจุดฝังเข็มไว้เ
“พี่รอง ช่วยผมด้วย พี่รอง ช่วยผมเร็ว ๆสิ!”เฝิงหลีเห็นเฝิงเอ้อก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่รองของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วชี้ไปที่หลินเฟิงพร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเทิ้มว่า :“มัน....ทำขาของผมหักไปทั้งสองข้างเลย พี่รอง ช่วยผมแก้แค้นด้วยนะ ผมจะฆ่ามัน ไม่สิ ผมอยากจะเฉือนเนื้อของมันออกมาที่นิด ๆ”“ผมอยากจะให้มันตายโดยที่ไม่มีที่ฝังศพ!”เสียงคำรามลั่นของเฝิงหลี ไม่ได้รับการยอมรับจากเฝิงเอ้อเมื่อเหล่าลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงที่กำลังลงมาจากรถที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้เข้า ทันใดนั้นดวงตาก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ก่อนจะถลึงตามองไปทางหลินเฟิงด้วยความโกรธ“หลินเฟิง แกกล้ามากนะที่กล้ามาตัดขาคุณท่านสามตระกูลเฝิงของพวกเรา”“ใช่แล้ว วันนี้อย่าคิดว่าแกจะออกไปได้ครบสามสิบสองส่วนเลย!”“ตระกูลเฝิงของพวกเราจะไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ดูเหมือนว่าเฝิงชางเพียงแค่ให้คนเหล่านี้มาขัดขวางเฝิงหลีเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกกับพวกเขาว่าหลินเฟิงเป็นคนที่ตระกูลเฝิงไม่สามารถล่วงเกินได้แต่ถึงแม้จะบอกไป คนเหล่านี้ก็มีท่าทางที่ดูถูกหลินเฟิงอยู่ดีในเมื่อพวกเขาไม่เคยได้เห็นวิธีการของหลินเฟิงมาก่อนเลย“
“เชี่ย เชี่ยเอ๊ย!”เฝิงหลีตกใจจนหน้าซีดเซียว ในปากก็ด่าคำหยาบต่างๆ นานา ร่างกายก็ถอยหลังไม่หยุดเป็นเพราะผู้ชายตรงหน้าที่เดินเข้ามาหาเขา ไม่เหมือนกับคนด้วยซ้ำเหมือนกับสัตว์ดุร้ายยุคดึกดำบรรพ์ที่อยู่บนภูเขาสูง ส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นออกมาส่วนหลินเฟิงก็เห็นหยินหลิงที่กระโปรงเลิกขึ้นถึงขาอ่อนตั้งแต่ไกลๆ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฝิงหลีคนนี้คิดจะทำอะไรเขาเดินไปจุดที่อยู่ใกล้กับเฝิงหลี จู่ๆ ก็คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล“อ๊าก อ๊าก!”เฝิงหลีกลับตกใจจนอะดรีนาลีนพุ่งพล่าน ไม่รู้ว่าเอาแรงมาจากไหน ยกเท้าวิ่งเผ่นแนบ“คิดหนีงั้นเหรอ? สายไปแล้ว!”หลินเฟิงโบกมือ ขณะที่เฝิงหลีวิ่งอย่างสุดกำลังอยู่นั้น กลับพบว่าขาทั้งสองข้างของเขาออกแรงยังไงก็ไม่มีกำลังส่วนร่างกายของเขาก็ล้มลง ไม่สามารถควบคุมได้“นี่...นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!”เฝิงหลีก้มหน้ามองคนทั้งคนตกใจจนสติแทบแตกทันทีเป็นเพราะว่าตอนนี้ขาทั้งสองข้างของเขา ถูกฟันขาดออกจากหัวเข่าอย่างเรียบเนียนโดยพลังชี่แท้ที่หลินเฟิงส่งออกไปเขาล้มลงอย่างควบคุมไม่ได้ หันหลังไปเห็นขาทั้งสองข้างที่ยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม“อ๊าก อ๊ากกกกกกกกก!”
“ส่วนคุณ หนูที่ได้เปรียบ คิดว่าตัวเองควบคุมได้ทุกอย่าง แต่หนูก็คือหนู คุณไม่เหมาะสมที่จะยืนบนเวทีและได้รับความเคารพ”“แม่งเอ้ย!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฟิงหลีก็โกรธจนตัวสั่นไปหมดเขาจับหยินหลิงกดลงกับพื้น คลายเข็มขัดของตัวเองด้วยมือข้างหนึ่ง และคำรามว่า :“วันนี้ฉันจะทำให้คุณตายอยู่ข้างถนน แล้วมาดูกันว่าคุณจะกล้าดูถูกฉันอีกไหม!”“หึหึหึ....”หยินหลิงที่ถูกจับกุมอยู่ กลับหัวเราะเยาะขึ้นมาแทน"คุณคิดว่านี่จะทำให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ?"“สิ่งนี้แค่เน้นย้ำถึงความไร้ความสามารถและความเลวทรามของคุณเท่านั้น รอให้กลุ่มพันธมิตรบู๊ตอบกงลับมา ก็จะหาพวกคุณเจอเอง”“เมื่อถึงเวลา คุณก็จะถูกสำนักร้อยพิษโยนออกไปเป็นอาหารปืนใหญ่ ช่างต่ำช้าและน่าสมเพชจริงๆ...”“แม่งเอ้ย!”เฟิงหลีไม่สามารถคลายเข็มขัดด้วยมือข้างเดียวได้ และเมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยของหยินหลิง เขาก็ยิ่งโกรธและกระสับกระส่ายมากขึ้น จนถึงกับตะโกนเรียกคนขับรถที่อยู่ข้าง ๆ ให้เข้ามาช่วยจับหยินหลิงไว้"แต่ว่าคุณท่านสาม..."คนขับยังคงต้องการให้คำแนะนำสุดท้ายอีกแต่เฟิงหลีในเวลานี้ไม่ฟังใครอีกต่อไปแล้วดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้คนขับกลืนคำพูดที่กำ
แน่นอนสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คื ความลับที่ซ่อนอยู่ในตัวหยินหลิง ความลับที่หลอกล่อยอดฝีมือของประเทศมังกรทุกคนหากเธอตกอยู่ในมือของสำนักร้อยพิษแล้วสุดท้าย สำนักร้อยพิษก็จะได้เปรียบไปนี่เป็นสิ่งที่หยินหลิงไม่อยากเห็นแม้ว่าเธอจะตายก็ตาม“หึหึ ท่านหัวหน้า ฉันแนะนำว่า คุณอย่าคิดอะไรเลวร้ายเลยจะดีที่สุด ตอนนี้ในร่างกายจของคุณ ฉันได้วางยาตะขาบเลือดไว้แล้ว เพียงแค่ฉันไม่พอใจ”“ท่านหัวหน้าก็ได้เสียชีวิตไปซะแล้ว”เฟิงหลีข่มขู่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ยื่นมือไปยกคางของหยินหลิงขึ้นพร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า :“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้านั้นงดงามจริงๆ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง”เมื่อได้ยินคำล้อเล่นพวกนี้ หยินหลิงก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาขณะที่มองไปทางเฟิงหลีด้วยความดูถูก ร่างกายก็หลีกเลี่ยงฝ่ามือของเฟิงหลีไปโดยไม่รู้ตัว“หืม?”ใบหน้าของเฟิงหลีเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย เมื่อตระหนักได้ว่าหยินหลิงยังคงไม่เชื่อฟังตัวเองหัวหน้าของกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่ปกติจะเข้าถึงได้ยากนั้น ตอนนี้ก็อยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเองแล้วความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขแต่เขาไม่คาดคิดว่า
“ผม...”หลินเฝิงโกรธอย่างมากจนอยากจะฆ่าเฝิงชางซะเดี๋ยวนี้แต่ไม่นานหลินเฝิงก็สงบสติอารมณ์ลงเขาดีดนิ้ว ก่อนที่พลังชี่แท้โปร่งใสจะถูกปล่อยเข้าสู่ร่างของเฝิงอวี้อู่หลินเฝิงก้าวออกไปและพูดอย่างเย็นชาว่า:“หากผมไม่ได้กลับมาก่อน คุณชายตระกูลเฝิงของพวกคุณก็อาจจะไม่ได้ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”“หากเกิดอะไรขึ้นกับหยินหลิงที่นี่ ฉันจะให้ทุกคนในตระกูลเฝิงถูกฝังไปพร้อมกับเธอ! ได้ยินหรือเปล่า?!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ เฝิงชางก็ตัวสั่นอย่างมากหากเขาเคยดูถูกหลินเฝิงมาก่อน ตอนนี้เขาคงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เกิดจากหลินเฝิงลองคิดดูสิชายหนุ่มที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการแพทย์และศิลปะการต่อสู้ แน่นอนว่าเบื้องหลังเขาเบื้องหลังของเขาไม่ได้มีแค่หลี่ซื่อกรุ๊ปที่เป็นกองกำลังเล็ก ๆต้องมีอำนาจบางอย่างซ่อนอยู่ในประเทศมังกรอำนาจแบบนี้ไม่ควรไปยั่วยุให้มากนักเมื่อมองไปที่ร่างหลินเฝิงที่เดินจากไป เฝิงชางก็คิดได้หลายอย่างในใจทันทีเนื่องจากเป็นผู้นำตระกูลเฝิง เขาจึงรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาเลยในขณะนี้หากตอนแรกมันเป็นเพียงชีวิตของลูกชายเขาต่อมาเขาได้ไปยั่วยุสำนักร้อยพิษและเชิ
“เข็มเจ็ดสิบสองเล่มขจัดความชั่วร้าย!”หลินเฟิงก้มหน้าตวาดเสียงทุ้มต่ำ ดึงเข็มเงินที่ฝังอยู่บนตัวของเฝิงอวี้อู่ออก และตกลงบนพื้นเสียงดังติ๊งเข็มเงินเพิ่งจะออกจากตัวของเฝิงอวี้อู่ เฝิงอวี้อู่ก็ส่งเสียงร้องโอดครวญเสียงสูงจึงทำให้เฝิงชางที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างร้อนใจจนใบหน้ามีเหงื่อออกแต่เขาไม่เพียงไม่กล้ารบกวนหลินเฟิง ทำได้แค่มองตาปริบๆคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ ก็ไม่ได้สนใจเฝิงอวี้อู่อีกแล้ว แต่หันหน้ามองไปทางหมอเทวดาเลี่ยวที่หมดสติอยู่เฝิงอวี้อู่พิษเข้าไขกระดูก หลินเฟิงต้องใช้กลอุบายจัดการเล็กน้อยแต่ทว่าทางด้านหมอเทวดาเลี่ยวง่ายกว่าเยอะเลยหลินเฟิงยกมือขึ้นโดยตรง ปล่อยพลังชี่แท้บริสุทธิ์เข้าไปที่หน้าผากของเขา และนำยาเม็ดสีเหลืองใส่เข้าปากของหมอเทวดาเลี่ยว“ไปเถอะ หามหมอเทวดาเลี่ยวไปพักในที่เย็นสบาย อีกเดี๋ยวเขาก็ได้สติแล้ว”คำพูดนี้ของหลินเฟิงพูดให้เฝิงเอ้อฟังเฝิงเอ้อชี้ตัวเอง และมีสีหน้างุนงง“ไปสิ! ฟังหมอเทวดาหลิน!”เฝิงชางตวาดน้องชายคนรองของตัวเองเสียงดัง แต่ทว่าเฝิงเอ้อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปสัมผัสหลินเฟิงมองออกถึงความเป็นกังวลของเขา เก
ได้ยินการวิเคราะห์ของหลินเฟิง เฝิงเอ้อกับเฝิงชางถลึงตาโตทันที“เฝิงหลี?!”หรือว่าเมื่อครู่เฝิงหลีถือโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ได้สังเกต วางยาพิษเฝิงอวี้อู่เป็นครั้งที่สองงั้นเหรอ?!ดังนั้นหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวเพิ่งรักษาจนดีขึ้นเล็กน้อย ก็ได้อาการหนักขึ้นทันที ?“ไอ้สารเลว ผมจะไปจับตัวเขามาถามเดี๋ยวนี้!”เฝิงเอ้ออารมณ์ร้อน ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหทันที“หยุดก่อน!”เฝิงชางกลับตะโกนเสียงดัง จ้องมองเฝิงเอ้อแล้วพูดว่า:“หรือว่านายอยากให้ตระกูลเฝิงของเราตายงั้นเหรอ?”“ไม่พูดก่อนว่านี่เป็นคำพูดของไอ้หมอนี่ฝ่ายเดียว ต่อให้ไอ้หนุ่มคนนี้พูดจริง หรือว่าพวกเราจะแตกหักกับเฝิงหลีจริงๆ งั้นเหรอ?!”“ถ้าหากไอ้หมอนี่รักษาไม่หาย งั้นพวกเราตระกูลเฝิงจะทำยังไง?!”เผชิญหน้ากับการสอบถามของเฝิงชาง เฝิงเอ้อนิ่งอึ้งอยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายก็โมโหจนทรุดนั่งลงกับพื้น“แม่งเอ๊ย แบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้ ทำให้ผมโมโหตายไปเลยเถอะ!”เมื่อเห็นว่าน้องรองของตัวเองโมโหขนาดนี้ เฝิงชางก็รู้สึกเชื่อความสามารถของหลินเฟิงขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงรีบถามว่า:“หลินเฟิง ถ้าหากคุณสามารถรักษาอวี้อู่กับหมอเทวดาเลี่ยวจนหายได