ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนที่หลินเฟิงนำพาหลี่ซื่อกรุ๊ปซุ่มตัวอยู่ระหว่างนั้นชีพจรมังกรออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ ในที่สุดเมืองเจิ้งเต๋อก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งหลักฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ จำนวนนักบู๊ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงอย่างมากเพียงแต่ว่าชีพจรมังกรไม่ใช่ปัญหาที่หลินเฟิงจะให้ความสนใจในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขากังวลเล็กน้อยคือหยินหลิงถึงแม้หยินหลิงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ความสามารถเฉพาะตัวไม่ธรรมดา อีกทั้งมีลูกน้องจำนวนมากแต่ได้ยินว่าชีพจรมังกรเปลี่ยนมือมาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้อยู่ในมือของกลุ่มพันธมิตรบู๊อีกต่อไปแล้วแบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงเกิดความเป็นกังวลเล็กน้อยขณะที่มีความกังวลแบบนี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากอาฝูในช่วงบ่ายวันหนึ่ง นั่นก็คือพ่อของหยินหลิงที่โทรมา“คุณชายหลินเฟิง”น้ำเสียงของอาฝูเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่หลินเฟิงสังเกตได้ถึงความร้อนรนที่แฝงอยู่ในนั้นอย่างฉับไว“ว่าไงครับ”หลังจากผ่านเรื่องชีพจรมังกรไป หลินเฟิงรู้ซึ้งได้ว่าประเทศมังกรนั้นเป็นที่ที่มีคนเก่งกาจซ่อนอยู่มากมาย เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรโดยใช้อารมณ
สำหรับน้าจ้าวแล้วลูกสาวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อลูกชายตอนนี้อยู่ที่ต่างประเทศ ชีวิตก็มีการประกันชีวิตบั้นปลายก็ได้พบคนที่อยู่เคียงข้างน้าจ้าวกับอาอวี๋ พึงพอใจชีวิตของพวกเขาในตอนนี้อย่างมาก สิ่งเดียวที่เป็นกังวลนั่นก็คือ อวี๋จื่อเสวียนเด็กบ้าคนนี้ตอนนี้เธออยู่เมืองเจียงโจว กับอิ่นนั่วเจียได้ยินว่าช่วงนี้กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่กับอิ่นนั่วเจียอาอวี๋ปากพูดว่าทำสิ่งที่ไม่เข้าเรื่อง แต่ความเป็นจริงหน้าตายิ้มแย้มทุกวันทุกอย่างของพวกเขาเป็นฝีมือของคนคนเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงดังนั้นหลินเฟิงในตอนนี้ พูดจากบางด้าน ได้กลายเป็นลูกชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาไปแล้ว“จริงด้วยหลินเฟิง ค่ำขนาดนี้แล้วนายยังจะไปไหนอีก?”อาอวี๋หยิบตะเกียบขึ้น และพูดอย่างเป็นกังวล“หึหึ ผมไปที่เมืองหนิงโจวสักหน่อย”หลินเฟิงไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปทำอะไร เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลหลินเฟิงกำลังจะออกจากบ้าน หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านที่หน้าตาอ่อนเพลียก็กลับมาแล้ว“ไม่ไหวแล้วสามี หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนบ้างานจริงๆ ต่อไปฉันไม่ทำงานด้วยกันกับเธอแล้ว”เมื่อถังหว่านเข้ามาก็ระบายความทุกข
เธอเขินอายอยู่ครู่หนึ่งประธานหลี่ถึงได้แบกหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินเฟิงที่มีสีหน้างุนงง และพูดติดๆขัดๆ ว่า:“ที่...ที่รัก ฉัน...ฉันก็อยากได้ เหมือนกับถังหว่าน คือ...ว่า...”“ฮ่าฮ่า หลี่ฮุ่ยหราน ฉันว่าแล้ว”ถังหว่านไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกอดอก และมีสีหน้าเย้ยหยัน“อยากได้ก็พูดสิ อิดๆ ออดๆ อายุขนาดนี้แล้ว ยังเขินอายอยู่อีกเหรอ? ประธานหลี่?”“เธอไม่ต้องยุ่งเลย!”หลี่ฮุ่ยหรานหันหน้าไป ตอกกลับถังหว่านประโยคหนึ่งทว่าในตอนที่เธอหันหน้ากลับมา ก็พบว่าหลินเฟิงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้วเขาก้มหน้า สัมผัสอบอุ่นหลี่ฮุ่ยหรานลูบหน้าผากของตัวเองอย่างเหม่อลอยเธอเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟิงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินจนหน้าแดง หันหลังเดินออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า:“เอาล่ะเอาล่ะ ทานข้าว ไปทานข้าวกัน!”ไล่ถังหว่านที่หัวเราะเสียงดังเข้าไปในห้อง ถังหว่านหันหน้าไปมองหลินเฟิง“กลับมาเร็วๆ หน่อยนะ”“อืม”หลินเฟิงยิ้มและพยักหน้าไม่นานนัก เสียงสตาร์ทรถก็ส่งเสียงดังอยู่ที่นอกบ้านหลี่ฮุ่ยหรานถือชามข้าวเอาไว้ มอ
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา
เธอเขินอายอยู่ครู่หนึ่งประธานหลี่ถึงได้แบกหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นมองไปทางหลินเฟิงที่มีสีหน้างุนงง และพูดติดๆขัดๆ ว่า:“ที่...ที่รัก ฉัน...ฉันก็อยากได้ เหมือนกับถังหว่าน คือ...ว่า...”“ฮ่าฮ่า หลี่ฮุ่ยหราน ฉันว่าแล้ว”ถังหว่านไม่รู้ว่าปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอกอดอก และมีสีหน้าเย้ยหยัน“อยากได้ก็พูดสิ อิดๆ ออดๆ อายุขนาดนี้แล้ว ยังเขินอายอยู่อีกเหรอ? ประธานหลี่?”“เธอไม่ต้องยุ่งเลย!”หลี่ฮุ่ยหรานหันหน้าไป ตอกกลับถังหว่านประโยคหนึ่งทว่าในตอนที่เธอหันหน้ากลับมา ก็พบว่าหลินเฟิงปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเธอแล้วเขาก้มหน้า สัมผัสอบอุ่นหลี่ฮุ่ยหรานลูบหน้าผากของตัวเองอย่างเหม่อลอยเธอเงยหน้าขึ้นมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเฟิงอีกครั้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเขินจนหน้าแดง หันหลังเดินออกไป และพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า:“เอาล่ะเอาล่ะ ทานข้าว ไปทานข้าวกัน!”ไล่ถังหว่านที่หัวเราะเสียงดังเข้าไปในห้อง ถังหว่านหันหน้าไปมองหลินเฟิง“กลับมาเร็วๆ หน่อยนะ”“อืม”หลินเฟิงยิ้มและพยักหน้าไม่นานนัก เสียงสตาร์ทรถก็ส่งเสียงดังอยู่ที่นอกบ้านหลี่ฮุ่ยหรานถือชามข้าวเอาไว้ มอ
สำหรับน้าจ้าวแล้วลูกสาวเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจิ้งเต๋อลูกชายตอนนี้อยู่ที่ต่างประเทศ ชีวิตก็มีการประกันชีวิตบั้นปลายก็ได้พบคนที่อยู่เคียงข้างน้าจ้าวกับอาอวี๋ พึงพอใจชีวิตของพวกเขาในตอนนี้อย่างมาก สิ่งเดียวที่เป็นกังวลนั่นก็คือ อวี๋จื่อเสวียนเด็กบ้าคนนี้ตอนนี้เธออยู่เมืองเจียงโจว กับอิ่นนั่วเจียได้ยินว่าช่วงนี้กำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่กับอิ่นนั่วเจียอาอวี๋ปากพูดว่าทำสิ่งที่ไม่เข้าเรื่อง แต่ความเป็นจริงหน้าตายิ้มแย้มทุกวันทุกอย่างของพวกเขาเป็นฝีมือของคนคนเดียวนั่นก็คือหลินเฟิงดังนั้นหลินเฟิงในตอนนี้ พูดจากบางด้าน ได้กลายเป็นลูกชายที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของพวกเขาไปแล้ว“จริงด้วยหลินเฟิง ค่ำขนาดนี้แล้วนายยังจะไปไหนอีก?”อาอวี๋หยิบตะเกียบขึ้น และพูดอย่างเป็นกังวล“หึหึ ผมไปที่เมืองหนิงโจวสักหน่อย”หลินเฟิงไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปทำอะไร เพื่อที่จะไม่ให้พวกเขาเป็นกังวลหลินเฟิงกำลังจะออกจากบ้าน หลี่ฮุ่ยหรานกับถังหว่านที่หน้าตาอ่อนเพลียก็กลับมาแล้ว“ไม่ไหวแล้วสามี หลี่ฮุ่ยหรานเป็นคนบ้างานจริงๆ ต่อไปฉันไม่ทำงานด้วยกันกับเธอแล้ว”เมื่อถังหว่านเข้ามาก็ระบายความทุกข
ระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ เกือบสองเดือนที่หลินเฟิงนำพาหลี่ซื่อกรุ๊ปซุ่มตัวอยู่ระหว่างนั้นชีพจรมังกรออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ ในที่สุดเมืองเจิ้งเต๋อก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งหลักฐานที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่โรงพยาบาลเมืองเจิ้งเต๋อ จำนวนนักบู๊ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงอย่างมากเพียงแต่ว่าชีพจรมังกรไม่ใช่ปัญหาที่หลินเฟิงจะให้ความสนใจในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขากังวลเล็กน้อยคือหยินหลิงถึงแม้หยินหลิงจะเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ความสามารถเฉพาะตัวไม่ธรรมดา อีกทั้งมีลูกน้องจำนวนมากแต่ได้ยินว่าชีพจรมังกรเปลี่ยนมือมาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้อยู่ในมือของกลุ่มพันธมิตรบู๊อีกต่อไปแล้วแบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงเกิดความเป็นกังวลเล็กน้อยขณะที่มีความกังวลแบบนี้ ในที่สุดหลินเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากอาฝูในช่วงบ่ายวันหนึ่ง นั่นก็คือพ่อของหยินหลิงที่โทรมา“คุณชายหลินเฟิง”น้ำเสียงของอาฝูเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่หลินเฟิงสังเกตได้ถึงความร้อนรนที่แฝงอยู่ในนั้นอย่างฉับไว“ว่าไงครับ”หลังจากผ่านเรื่องชีพจรมังกรไป หลินเฟิงรู้ซึ้งได้ว่าประเทศมังกรนั้นเป็นที่ที่มีคนเก่งกาจซ่อนอยู่มากมาย เขาไม่ได้ทำเรื่องอะไรโดยใช้อารมณ
พวกเธอทั้งแสดงท่าทางที่ดูถูกต่อหลินเสวี่ยฮุ่ย และแสดงความกังวลออกมาว่า ต่อจากนี้จะไปฝึกงานกันที่ไหนดีเรื่องพวกนี้ต่างก็ถูกหลินเฟิงได้ยินจนหมดแล้ว“อ้าว คนนี้ไม่ใช่พี่ชายของหลินเสวี่ยฮุ่ยหรอกเหรอ?”นักศึกษาสาวที่เป็นคนเริ่มก็เห็นหลินเฟิงเช่นกัน ก่อนที่เธอจะตกตะลึงไปชั่วครู่จากนั้นก็เยาะเย้ยว่า : “เพื่องานของน้องสาวของตัวเอง คุณถึงกับต้องพยายามอย่างมากจริง ๆ!”“ใช่ การเอาน้องสาวของตัวเองไปให้กับชายชรา ความกล้าหาญแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะไม่มีวันเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน”การเยาะเย้ยพวกนี้ ทำให้หลินเฟิงสับสนอยู่เล็กน้อยหลังจากฟังพวกเธอพูดคุยและอธิบายอยู่นาน หลินเฟิงก็รู้ว่าพวกเธอนั้นกำลังเข้าใจผิดหลินเสวี่ยฮุ่ยสามารถที่จะเป็นผู้อำนวยการได้ ก็เพราะความสามารถของตัวเองทักษะทางการแพทย์ของเธอก็มีเพียงพอแล้วและไม่ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดด้วยวิธีที่น่ารังเกียจใด ๆด้วยเมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฟิง เหล่าเพื่อนร่วมชั้นของหลินเสวี่ยฮุ่ยก็ยังรู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อยหลินเฟิงก็เลยถือโอกาสดึงพวกเธอเอาไว้ และอยากจะไปหาหลินเสวี่ยฮุ่ยด้วย เพื่อให้หลินเสวี่ยฮุ่ยได้อธิบายในเรื่องนี้แต่ทั
บริวารของตระกูลซือหม่าคนนี้ที่มีโอกาสรอดเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นเท่านั้นแต่หนึ่งเปอร์เซ็นนี้ ก็ถูกเด็กทั้งสองคนที่เพิ่งเรียนจบ และยังถูกกล่าวหาว่าเป็นคนรักของเผิงกวงฉี่ ได้รักษาจนหาย?แถมตอนนี้ก็สามารที่จะพูดได้แล้วด้วย?หัวหน้าหนงรู้สึกเหมือนโลกของตัวเองพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง เขาที่เรียนรู้ทักษะทางการแพทย์มาหลายสิบปีโดยเปล่าประโยชน์ และก็คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะล้มเพราะเด็กผู้หญิงทั้งสองคนและเหล่าผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างเขา ก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกันทั้งหมดขนาดหัวหน้าหนงก็ยังทำไม่ได้ แล้วเด็กสาวทั้งสองคนนี้ทำได้อย่างไร?หรือว่าทักษะทางการแพทย์ของเด็กสาวทั้งสองคนนั้น จะสูงกว่าของหัวหน้าหนง ผู้มีประสบการณ์มายาวนานกันนะ?“พวกคุณรู้จักคนที่ชื่อหลินเฟิงหรือเปล่า?”และในตอนนี้ บริวารโจวที่หลับตาอยู่ ก็เอ่ยถามหลินเสวี่ยฮุ่ยและโจวเสี่ยวหางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง“หลินเฟิง?”หลินเสวี่ยฮุ่ยกับโจวเสี่ยวหางต่างมองหน้ากันและกัน“หลินเฟิงคือพี่ชายของฉัน”“หลินเฟิงคืออาจารย์ของฉัน”เมื่อได้ยินคำตอบของทั้งสองสาว บริวารโจวก็แสดงสีหน้า “เป็นอย่างที่คิดเอาไว้” ออกมา ก่อนที่เขาจะถอนหายใจแ
“อ๊ะ! พวกเธอมาที่นี่เพื่อมาหาหลินเสวี่ยฮุ่ย”ผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า :“เดาว่าพวกเขาเห็นว่าหลินเสวี่ยฮุ่ยได้เป็นผู้อำนวยการแล้ว ก็เลยอยากจะมาฝึกงานที่โรงพยาบาลเจิ้งเต๋อของพวกเรา”“เหอะ!”เมื่อได้ยินอย่างนี้ หัวหน้าหนงก็มองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา“เธอคิดว่าโรงพยาบาลของพวกเราเป็นอะไร?!”หัวหน้าหนงพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า :“ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้เด็กผู้หญิงอย่างพวกเธอมาเลื่อนขั้นได้ ออกไปจากที่นี่ซะ!”“ใครจะอยากอยู่ที่นี่กับพวกคุณ!”สาวที่เป็นคนเริ่มจ้องมองหลินเสวี่ยฮุ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มเยาะอย่างดูถูกแล้วหันหลังเดินจากไป“รอเดี๋ยว...”หลินเสวี่ยฮุ่ยทีเพิ่งจะทำการผ่าตัดเสร็จ จึงรู้สึกอ่อนเพลียมาก ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยจะมีแรงพูดสักเท่าไหร่“ฉันกำลังคุยผู้อำนวยการหลิน”“แค่มีเธออยู่ที่นี่แค่คนเดียว ฉันก็ลำบากมากพอแล้ว!”“โปรดเข้าใจด้วยว่า ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่สถานทีที่เผิงกวงฉี่จะเอาผู้หญิงมาซ่อนได้!”ในขณะที่พูดอยู่ หัวหน้าหนงก็ชี้ไปที่บริวารของตระกูลซือหม่าที่นั่งอยู่บนรถก่อนจะพูดด้วยความโกรธว่า :“ดูสิ่งที่เธอทำสิ!”“เธ
“ฟู่”ในที่สุด หลังจากการช่วยเหลือมามากกว่าสี่ชั่วโมง หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องผ่าตัดโดยที่มือเปื้อนเลือดอยู่“เสวี่ยฮุ่ย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”โจวเสี่ยวหางนำผ้าขนหนูมาช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ ในขณะที่หลินเสวี่ยฮุ่ยก็ส่ายหน้า“น่าเสียดาย....”“ใช่ น่าเสียดาย....”โจวเสี่ยวหางจ้องมองตามสายตาของหลินเสวี่ยฮุ่ย ก่อนจะมองไปทางชายที่ถูกเย็บแผลเรียบร้อยแล้วอยู่บนเตียงผ่าตัดพร้อมกับส่ายหน้า“ดีแล้ว เสวี่ยฮุ่ย เธอทำดีที่สุดแล้ว”“ฉันรู้”หลินเสวี่ยฮุ่ยถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยไม่นานหลังจากนั้น บริวารของตระกูลซือหม่าที่อยู่บนเตียงผ่าตัด ก็ถูกวางลงบนรถเข็น และพาออกไปจากห้องผ่าตัด“อุ๊บ หึ น่าหัวเราะจะตายแล้ว พวกคุณรีบมาดูสีหน้าของเด็กผู้หญิงคนนั้นสิ ดูเหมือนว่าจะเสียใจอย่างมากเลยนะ.....”“หึ เด้กสาวทั้งสอง ฉันก็บอกแล้วว่าพวกเธอแค่แกล้งทำ ตอนนี้บริวารของตระกูลซือหม่าตายอยู่บนเตียงผ่าตัดของเธอ คราวนี้คนของตระกูลซือหม่าจะโกรธแล้ว”“ถึงยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราแค่ดูอย่างสนุกสนานก็พอแล้ว”เมื่อได้ยินการสนทนาอันยุ่งวุ่นวายของเหล่าแพทย์ที่อยู่โดยรอบ หลินเสวี
เมื่อรู้ว่าคนรักตัวน้อยของเขารักษาบริวารของตัวเอง งั้นหลินเสวี่ยฮุ่ยเกรงว่าอาจจะต้องตายเร็วขึ้นอีกนี่ก็คือหลุมพรางที่หัวหน้าหนงวางไว้สำหรับล่อลวงหลินเสวี่ยฮุ่ย ไม่ว่าเธอจะกล้ารับหรือไม่ เธอก็จะต้องโชคร้ายอยู่ดีส่วนหลินเสวี่ยฮุ่ยจะสามารถช่วยชีวิตบริวารคนนี้ได้หรือเปล่า?เดิมทีความเป็นไปได้นี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหัวหน้าหนงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนหน้าที่หลินเสวี่ยฮุ่ยจะมา ตัวเองได้ทำการตรวจร่างกายบริวารของตระกูลซือหม่าทั้งหมดแล้วทั่วทั้งร่างมีร่องรอยกระดูกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แขนข้างหนึ่งหัก และอวัยวะภายในก็มีเลือดออกเยอะมาก แม้แต่ตัวเลขบนเครื่องช่วยหายใจก็ยังแสดงให้เห็นว่าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแม้แต่คนที่มีประสบการณ์เยอะอย่างหัวหน้าหนงการต้องเผชิญหน้ากับเรื่องร้ายแรงแบบนี้ บาดแผลมันก็ไม่ต่างไปกว่าการถูกรถไฟชนกระแทกเขารู้สึกว่า บริวารของตระกูลซือหม่าไม่อาจจะจะช่วยชีวิตได้แล้วต่อไปก็ถึงเวลาที่จะต้องหาคนโชคร้ายมาเป็นแพะรับบาปแทนแล้วเขาก็ใช้โอกาสนี้ เลือกผู้อำนวยการหลินที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่ถึงวัน“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพิเศษขนาดไหน การช่วยชีวิตผู้ป่วยก็ต้องสำคัญเป็นอันด