“คุณอยากจะทำอะไรกันแน่?!”หลินเฟิงปิดโน้ตบุ๊คลง และจ้องมองเทพธิดาฉู่“ฉันไม่ได้อยากทำอะไรนะ ฉันแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง!”เทพธิดาฉู่หัวเราะคิกคัก ทำให้หลินเฟิงโมโหมากยิ่งขึ้น“หึ”หลินเฟิงไม่ได้สนใจเธอ จะหันหลังเดินจากไป“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน!”เทพธิดาฉู่รีบเข้ามาดึงแขนของหลินเฟิงเอาไว้ จากนั้นยิ้มขอโทษ: “คุณอย่าโกรธนะ หรือว่าคุณไม่อยากรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร? หลินชิงเสวียน?”“อะไรนะ?”หลินเฟิงนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง รีบหันหน้ากลับมา“คุณรู้ชื่อของผมในอดีต? พูดมา! คุณเป็นใครกันแน่?”“ฉันน่ะเหรอ...”เทพธิดาฉู่ส่ายหน้า แสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพูดว่า:“ฉันเป็นคนเร่ร่อนที่มีบ้านแต่กลับไปไม่ได้ เหมือนกับคุณ”“......”หลินเฟิงรวบรวมหยวนชี่ทั้งห้าที่อยู่ภายในร่างกาย แผ่นซ่านพลังออกมารอบตัวเห็นได้ชัดว่า หลินเฟิงเตรียมจะลงมือแล้วในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดดีๆ ไม่ฟัง งั้นหลินเฟิงก็จะใช้ไม้แข็งกับเธอแล้ว!”“โธ่ อย่าใจร้อนขนาดนี้สิ! คุณเป็นคนใจร้อนจริงๆ เลยนะ”เทพธิดาฉู่ถอยหลังไปสองก้าว ยิ้มออดอ้อนและพูดว่า:“ในเมื่อคุณอยากรู้ขนาดนี้ งั้นฉันบอกคุณก็ได้”“ชื่อของฉันมีหลายชื่อ บอกคุณชื่อไหนดีล่ะ? อืม อ่
ออกมาจากในร้านกาแฟ หลินเฟิงท่าทางเหนื่อยล้าเล็กน้อยต่อไปถ้าหากหลี่ฮุ่ยหรานให้เขาทำเรื่องอะไรแบบนี้อีก ตีให้ตายเขาก็ไม่ทำหรอกมองดูรถมัสแตงเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าร้าน ในหัวของหลินเฟิงนึกถึงคำพูดที่ฉู่ฮวาจิ่นพูดเมื่อครู่นี้“เป็นศัตรูกับฉัน ไม่มีผลดีอะไรต่อคุณสักนิด”“ถ้าหากคุณยอมรับฉันอย่างว่าง่าย ฉันก็สามารถให้ข่าวสารของประเทศมังกรทั้งหมดที่คุณอยากรู้ได้นะ!”“เพื่อแสดงความจริงใจ...”“ตึกร้างทั่วทั้งแถบที่อยู่นอกเมืองเจิ้งเต๋อ คุณให้ประธานหลี่กว้านซื้อเอาไว้ ใช้เวลาไม่กี่วัน ตรงนั้นก็จะถูกรื้อถอน”“มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า!”หลินเฟิงถามฉู่ฮวาจิ่นทันทีว่าได้ยินข่าวนี้มาจากที่ไหน แต่ทว่าเธอเพียงแค่ยิ้มอย่างมีเลศนัย“ไมอาจบอกได้ นอกจากว่าคุณจะรับปากฉัน”เดินออกจากร้านกาแฟ หลินเฟิงล้วงโทรศัพท์ออกมา โทรไปหาจ้าวเทียนหัว“คุณชายหลิน”จ้าวเทียนหัวยังคงมีความนอบน้อม รับสายของหลินเฟิงอย่างรวดเร็ว“ไปตรวจสอบผู้หญิงที่ชื่อว่าเชียนเปี้ยนฮวาจิ่นให้ฉันหน่อย”“เชียนเปี้ยนฮวาจิ่น?”จ้าวเทียนหัวได้ยินชื่อนี้ น้ำเสียงก็ประหลาดใจย่างเห็นได้ชัด“ทำไม นายรู้จักเธอเหรอ?”
“หลี่เหวินเชา? พี่สาวนายล่ะ?”หลินเฟิงตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้หลี่เหวินเชาตกใจจนเกือบโยนโทรศัพท์มาในตอนที่เขาเห็นว่าคนที่มาถึงคือหลินเฟิง ก็ทำสีหน้าไม่พอใจทันที“ไม่รู้ อย่ามาถามฉัน!”หลังจากตอบกลับด้วยความหงุดหงิด หลี่เหวินเชาก็ตกอยู่ในโลกเกมของตัวเองอีกครั้งหลินเฟิงเห็นภาพนี้ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องที่หลี่เหวินเชาคนนี้เอาเท้าวางไว้บนโต๊ะที่ปกติหลี่ฮุ่ยหรานไว้ใช้ทำงาน ถึงขั้นที่เอกสารจำนวนมากถูกเหยียบจนมีรอยเท้า“เอ๊ะ? หัวหน้าหลิน?”ในตอนนี้ เลขาที่หลี่ฮุ่ยหรานโยกย้ายมาจากหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจียงโจวเห็นหลินเฟิง เธอจำหลินเฟิงได้แน่นอนอยู่แล้วเธอรีบดึงหลินเฟิงไปที่ด้านข้างและพูดเสียงเบาว่า:“โทรศัพท์ของประธานหลี่หายไปเมื่อคืน พวกเราหาทั้งคนก็ตามหาไม่พบ เมื่อครู่ประธานหลี่ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาลแล้ว“ประธานหลี่กำชับกับฉัน หากเห็นคุณกลับมาก็ให้บอกเธอสักคำ”หลินเฟิงฟังเลขาที่อยู่ข้างๆ อธิบายกับเขากลับรู้สึกได้ว่าหลี่เหวินเชากำลังแอบมองเขาอยู่รอตอนที่หลินเฟิงมองไปทางหลี่เหวินเชา เขาก็รีบเคลื่อนสมาธิไปที่บนโทรศัพท์ ปากก็ตะโกนไม่หยุดแสร้งทำท่าเป็นใช้
ประธานโจว ประธานโจว! ผมพาคนมาแล้ว!”“รบกวนคุณให้พรรคพวกของคุณลงมือ กำจัดหลินเฟิงคนนี้ซะ!”หลี่เหวินเชาลงจากรถ ตะโกนไปด้วย พร้อมทั้งวิ่งไปในโรงงานร้าง“หึหึ...”แต่ในตอนนี้ ชายแก่ที่ดูอายุประมาณหกสิบปี สวมชุดสูทลายทาง ปากคาบซิการ์เดินออกมาจากภายในโรงงานหลินเฟิงก็จำคนคนนี้ได้เช่นกันตอนนั้นที่งานประมูล เคยพูดคุยกับหลี่ฮุ่ยหรานหลินเฟิงจำได้ว่า คนคนนี้เหมือนจะยังถูกคนนอกเรียกว่าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองเจิ้งเต๋อนามสกุลโจวตอนนั้น ข้างกายของเขายังมีฉู่ฮวาจิ่นติดตามอยู่ด้วยเมื่อเห็นหลินเฟิงลงมาจากรถ และเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายใจ ประธานโจวคนนี้ก็สูบซิการ์ พ่นควันออกมา และหัวเราะเบาๆ พูดว่า:“นายคือหลินเฟิง สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง”หลินเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเขา เหลือบมองหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ตระกูลโจว และส่ายหน้าด้วยความเหยียดหยาม:“เดิมทีคิดว่าช่วงเวลาที่นายออกจากเมืองเจียงโจว น่าจะมีความคืบหน้าอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงว่านายจะไร้ยางอายแบบนี้”“หึ ไร้ยางอายก็ต้องดูว่าเป็นใคร!”หลี่เหวินเชาพูดยิ้มเยาะ: “สำหรับขยะแบบนาย ไม่มีคำพูดอะไรที่น่าประนีประนอมด้วย!”“
เถ้าแก่โจวเห็นสองพี่น้องตระกูลหานพูดออกมา เขาก็ขมวดคิ้ว และบ่นพึมพำในใจเขาหันหน้ามองไปทางหลี่เหวินเชา“นายมั่นใจว่าเขาก็คือหลินเฟิง? สามีของหลี่ฮุ่ยหราน?”“ถูกต้อง!”หลี่เหวินเชาจ้องมองหลินเฟิง และแสยะยิ้มพูดว่า: “ประธานโจว คุณวางใจได้ ต่อให้เขากลายเป็นขี้เถ้าผมก็จำได้”“หึ ถ้าหากไม่ใช่ นายรู้จุดจบนะ”ประธานโจวยิ้มเยาะได้ยินคำพูดแบบนี้ หลี่เหวินเชาตัวสั่นไปหมด และก็รีบยิ้มประจบสอพอพูดว่า:“ประธานโจวพูดอะไรกันครับ ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไงล่ะ?!”“คนผู้นี้ก็คือหลินเฟิงแน่นอน ถ้าหากผมพูดผิด คุณก็ฆ่าผมได้เลย!”“อีกอย่าง ผมยังค้างเงินคุณอยู่อีกสี่ร้อยห้าสิบล้านบาท!”ต่อให้ทำเพื่อเอาหลี่ซื่อกรุ๊ปมาจำนำ ผมก็ไม่สามารถบอกคุณได้ ถูกไหมครับ?”หลินเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมรอบถือว่าได้ยินชัดเจนแล้วที่แท้หลี่เหวินเชาติดหนี้ประธานโจวคนนี้ ถูกบีบบังคับให้คิดหาวิธี จึงทำได้แค่เอาพี่สาวของตัวเองออกมาเป็นเกาะกำบัง“ไอ้เวร...”หลินเฟิงสีหน้าดุดัน ครอบครัวของหลี่ฮุ่ยหรานทำไมถึงไร้มนุษยธรรมแบบนี้? เอาเปรียบหลี่ฮุ่ยหรานอย่างถึงที่สุด?“หลี่ฮุ่ยหรานอยู่ที่ไหน?”เมื่อเห็นว่าคนที่ออยู่รอบๆ จะลงมือ
“ในเมื่อพวกนายหาที่ตาย งั้นฉันก็จะตอบสนองพวกนาย!”หลินเฟิงสายตาเย็นชา พลิกฝ่ามือตบออกไป ทำให้หมัดของหานเวยแตกหักทันที“หือ?!”ความรู้สึกที่กระดูกแตกหักนั้นชัดเจนจนดังเข้ามาในหัวของหลินเฟิงหลังจากเสียงร้องโอดครวญของหานเวย หลินเฟิงกลับยืนอยู่กับที่และมองฝ่ามือของตัวเองด้วยความตกตะลึง เขาจำได้ว่า...ตัวเองน่าจะไม่ได้มีแรงมากมายขนาดนี้หรอกมั้ง?”ตามแผนการย้อนโจมตีที่หลินเฟิงวางแผนเอาไว้เขาจะผลักกำปั้นที่ดุดันของหานเวยออก จากนั้นใช้หมัดอีกข้างหนึ่งโจมตีกลับ ต่อยหน้าผากของหานเวยจนแตก ทำให้เขาตายในทันทีแต่สิ่งที่ทำให้หลินเฟิงประหลานใจเล็กน้อยก็คือ ฝ่ามือที่เขาทำเพื่อป้องกันการโจมตีของหานเวย กลับเป็นเหมือนกับมีดสับเต้าหู้ ที่ตัดทั้งกำปั้นของหานเวยโดยตรงภายใต้ความแอบตกตะลึง หลินเฟิงกลับลืมที่จะโจมตีต่อไปเขายืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความงุนงง“พลังชี่แท้ภายในร่างกายไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด มีเพียงหนึ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลง นั่นก็คือระดับความแข็งแกร่งของร่างกายของฉัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”หลินเฟิงตั้งตัวไม่ได้ชั่วขณะ“ไอ้หนุ่ม นายใช้วิธีชั่วร้ายอะไร?!”เห็
ตอนนี้ ทุกคนต่างคิดว่าคนที่พ่ายแพ้และมีเลือดไหลออกมาก็คือหลินเฟิงแต่...“แค่กแค่กแค่ก.พี่ใหญ่ รีบ...รีบหนี”เสียงไอที่อ่อนแรงดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกควัน“อะไรกัน?!”หานเวยที่กุมข้อมือที่หักของตัวเอง คุกเข่าอยู่บนพื้นถลึงตาโต เขาได้ยินอะไร?เขาเหมือนกับได้ยินเสียงที่อ่อนแรงของน้องชายตัวเองแถมยังให้เขาหนีไปอีก?ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?ไม่ถึงสองวินาที ควันฝุ่นหายไปจนหมด ในที่สุดหานเวยก็เห็นภาพตรงหน้าแล้วเห็นเพียงแค่หลินเฟิงยื่นหมัดออกมาอย่างเงียบสงบคิดไม่ถึงว่าจะโจมตีโดนหน้าอกของหานกั๋วโดยตรงแบบนี้!ศพของหานกั๋วห้อยอยู่ที่แขนของหลินเฟิง แขนกับศีรษะตก ไม่มีลมหายใจแล้ว!“อะไร?!”หานเวยตกตะลึงจนหน้าถอดสี น้องชายของเขาถูกหมัดธรรมดาๆ แบบนี้...ฆ่าตายงั้นเหรอ?!”“ฮะ?!”หลี่เหวินเชาก็แสดงความตกตะลึงออกมากับผลลัพธ์แบบนี้เป็นเพราะเขารู้ว่าหลินเฟิงก็เป็นนักบู๊ถึงแม้จจะออกจากเมืองเจียงโจวไประยะหนึ่งแล้ว แต่เขาได้ยินมาจากที่ต่างๆ ว่าความสามารถของหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากด้วยเหตุนี้ เขาจึงเตือนประธานโจวโดยเฉพาะและประธานโจวก็ไม่ได้สะเพร่า จ่ายเงินไปก้อนใหญ่ เชิญพี่น้องตระกูลหาน
“พรวด!”หลินเฟิงไม่ได้ใช้พลังชี่แท้ เขายกเท้าขึ้น เตะร่างกายท่อนบนของหานเวยจนระเบิดออกมองดูเลือดสดและเนื้อที่กระเด็นไปทั่ว สีหน้าของประธานโจวกับหลี่เหวินเชาเปลี่ยนไปซีดขาวโดยสิ้นเชิง“นี่...นี่เขาแม่งใช่คนเหรอ?”ประธานโจวเหลือบมองหลี่เหวินเชา อยากจะตบหน้าเขาต่อหน้าทุกคน เขาแม่งเชิญพญายมมาจากที่ไหนกัน?หรือว่าตั้งใจอยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?“ผม...เป็นไปได้ยังไง...”หลี่เหวินเชาหน้าตาโศกเศร้า สีหน้าของเขาแย่ยิ่งกว่าประธานโจว คนทั้งคนแทบเหมือนกับถูกสูบกระดูกอ่อน ตัวอ่อนทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสั่นเทาถ้าหากหลินเฟิงตามมาจะไม่ฆ่าเขาได้ในทันทีเลยเหรอ?นึกถึงเรื่องเลห่านี้ที่ตัวเองทำ และคำพูดรุนแรงที่เขาพูดกับหลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะตบหน้าตัวเอง“นี่...ทำยังไงดี?”หลี่เหวินเชางุนงงไปหมด เขาพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดชีวิตไปได้ และในตอนนี้เอง เขาก็เห็นสายตาที่ดุเดือดของประธานโจวที่มีต่อเขาเช่นเดียวกันหลี่เหวินเชาที่กำลังกระวนกระวายในตอนแรก เป็นเหมือนกับหมาป่าที่ถูกต้อนจนสิ้นหวัง กลับเผยสายตาดุดันออกมาใส่ประธานโจว “ทั้งหมดเป็นเพราะแกข่มขู่ฉัน! แม่งเอ๊ย!”หลี่เหวิน
เขาฝังเข็มโดนใช้ใจอย่างมาก แต่ละเข็มฝังลงไปได้อย่างแม่นยำในที่สุดหลังจากที่หมอเทวดาเลี่ยวฝังเข็มสุดท้ายลงบนหน้าอกของเฝิงอวี้อู่ ความมืดบนใบหน้าของเฝิงอวี้อู่ก็ลดลงอย่างน่าอัศจรรย์แม้แต่ลมหายใจก็มั่นคงขึ้นไม่น้อย“เอ๊ะ?”เมื่อเห็นภาพนี้ เฝิงหลีที่อยู่ไกลออกไปดูตกใจ“นี่คือยาล้างพิษ แม้จะไม่ได้ผลเท่ากับยาของอาจารย์ของผม แต่ก็เป็นแบบจำลองที่วิจัยออกมาโดยศูนย์การแพทย์ตระกูลเลี่ยวของผม”ขณะพูด หมอเทวดาเลี่ยวยัดยาเม็ดสีเหลืองขนาดเท่าลำไยเข้าไปในปากของเฝิงอวี้อู่ยาเม็ดนี้ทานเข้าไปแล้วจะน้ำลายไหล ในสายตาของทุกคน ยาเม็ดนั้นกลายเป็นลูกบอลสีเหลืองไหลลงคอของเฝิงอวี้อู่ทันทีส่วนเฝิงอวี้อู่กลับไอสองครั้งในขณะที่หมดสติใบหน้าก็แดงก่ำอย่างผิดปกติ“ได้ผลจริงๆ ด้วย!”เห็นลูกชายของตัวเองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เฝิงชางตื่นเต้นมากจนเขาคุกเข่าให้หมอเทวดาเลี่ยวทันที“ไม่เสียแรงที่เป็นหมอเทวดาเลี่ยว ก่อนหน้านี้คุณถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ!”เฝิงชางเห็นภาพนี้ คิดว่าลูกชายของตัวเองรอดแล้ว เมื่อครู่เป็นแค่คำถ่อมตัวของหมอเทวดาเลี่ยวและในตอนนี้หมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันเพราะวิธีการที่
เมื่อดูแบบนี้ เป็นที่น่าตื่นตะลึงหัวใจของหมอเทวดาเลี่ยวก็กระตุกมองแค่ใบหน้า ก็รู้ว่าคุณชายเฝิงอยู่ได้ไม่นานแล้ว หน้าผากเต็มไปด้วยอากาศสีดำ ใบหน้าดูเหมือนตายแล้ว นี่มันถูกพิษที่ไหนกันนี่เป็นการยื้อลมหายใจสุดท้ายด้วยซ้ำ!หากปล่อยลมหายใจสุดท้ายนี้ออกมา คุณชายตระกูลเฝิงคงจะตายไปนานแล้ว“เป็นยังไงบ้าง? หมอเทวดาเลี่ยว?”เฝิงชางและคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ รีบถามด้วยความกังวลนี่คือลูกชายของเขา ยังเป็นความหวังสำหรับอนาคตของตระกูลเฝิงของพวกเขาอีกด้วย ตอนนี้เห็นลูกชายกลายเป็นแบบนี้ หัวใจของเฝิงชางแทบจะแตกสลาย“ผู้นำตระกูลเฝิงไม่ต้องร้อนใจ”หน้าผากของหมอเทวดาเลี่ยวเต็มไปด้วยเหงื่อถ้าหากพูดว่าเมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าตัวเองมีความหวัง สามารถใช้ความคิดส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาจมลงสู่ก้นบึ้งแค่มองรูปลักษณ์ภายนอกของคุณชายเฝิง อย่าว่าแต่เขาเลย ต่อให้อาจารย์ของเขามา เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถช่วยกลับมาได้“เฮ้อ…”หมอเทวดาเลี่ยวถอนหายใจ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน“พิษที่คุณชายเฝิงโดนได้แทรกซึมเข้าอวัยวะภายในแล้ว เกรงว่ากระเพาะทะลุลำไส้เน่าไปแล้ว เหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย”“ผมทำ
ไม่ต้องพูดถึงหมอเทวดาเลี่ยวที่มีสถานะอันสูงส่งเลยพูดไร้สาระมากกว่านี้ นั่นก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัวถ้าอีกฝ่ายโกรธและปฏิเสธที่จะทำการรักษา ตระกูลเฝิงจะหันไปพึ่งใครได้?หรือว่าจะไปหาหลินเฟิงคนนั้นงั้นเหรอ?“เมืองเจิ้งเต๋อ?”หมอเทวดาเลี่ยวตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าช่วงนี้หลินเฟิงอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ แต่เมื่อเห็นท่าทางของตระกูลเฝิงในเวลานี้ เขาก็ไม่สามารถยืนยันได้จึงทำได้แค่พยักหน้า ความสงสัยนี้วางเอาไว้ก่อนในเมื่อเมืองเจิ้งเต๋อมีคนมากมาย แต่คนที่สามารถกำเริบเสิบสานที่ตระกูลเฝิงได้กลับมีไม่เยอะหมอเทวดาเลี่ยวก็รู้สึกสงสัยเป็นธรรมดา“หึหึ หมอเทวดาเลี่ยว เชิญทางด้านนี้ครับ”เฝิงชางนำทางอยู่ข้างหน้า พาหมอเทวดาเลี่ยวไปที่ชั้นลอยโบราณ ทุกคนเพิ่งผลักประตูเขาไปก็ได้รับกลิ่นหอมที่รุนแรงของยา“อืม? เทียนหลงเสียน เจิ้นเฟิงจือ…”ยังไม่ได้เข้าห้อง หมอเทวดาเลี่ยวก็ย่นปลายจมูก ได้กลิ่นหอมอันล้ำค่าของสมุนไพรสมบัติล้ำค่าจำนวนมากได้ยินหมอเทวดาเลี่ยวพูดชื่อยาสมุนไพรมากกว่าสิบชนิดที่ไม่ขาดไปแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงชางและเฟิงเอ้อค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นรีบพยักหน้าพูดว่า:“หมอเทวดา
“เดี๋ยวนะไอ้หนุ่ม สมองของนายไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ ใช่ไหม?”“ชู่วชู่วชู่ว อย่าเพิ่งพูด ให้ไอ้หมอนี่พูดพร่ำเพ้อไปเถอะ ให้หมอเทวดาเลี่ยวกราบเขา พรวด...”ทั้งสองคนพากันหัวเราะจนปวดท้องเนื่องด้วยคำพูดโอ้อวดของหลินเฟิงหมอเทวดาเลี่ยวมีสถานะอะไร?ทำไมจะต้องคุกเข่ากราบให้นายเด็กหนุ่มที่ไม่มีชื่อเสียง และอวดดีอย่างบ้าระห่ำแบบนี้ด้วย?เขายิ้มบางพูดว่า:“ถ้าหากผมพูดได้ไม่ถูกต้อง เช่นนั้นผมจะคุกเข่ากราบทั้งสองท่าน ชีวิตน้อยๆ ของผมก็จะปล่อยให้พวกคุณสองคนจัดการ”“แต่ถ้าหากผมพูดถูกต้อง...”หลินเฟิงมองไปทางทั้งสองคนและพูดอย่างนิ่งเฉยว่า:“พวกคุณคุกเข่าลง และคลานจากตรงนี้ไปที่หน้าประตูจวนตระกูลเฝิง อีกทั้งขณะที่คลาน จะต้องเลียนแบบหมาเห่าด้วย เป็นยังไง?”เห็นหลินเฟิงเล่นจริง ผู้คุ้มกันทั้งสองนิ่งอึ้งเล็กน้อยพวกเขาเห็นสีหน้าที่จะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มของหลินเฟิง ในใจก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อยดูยังไง ไอ้หมอนี่ก็ตั้งใจล่อให้พวกเขาติดกับชัดๆแต่ว่าการเดิมพันเกินเหตุไปหน่อยไหมให้หมอเทวดาเลี่ยว หมอเทวดาเมืองจิงที่มีชื่อเสียงโด่งดังกราบตรงหน้าเขา อีกทั้งขอร้องให้เขาลงมือรักษา?เรื่องแบบนี้พูดออกไปใคร
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี
หลินเฟิงตามกลุ่มคนตระกูลเฝิงมาที่ตึกเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังตรงสวนหลังบ้าน ยังไม่ได้เข้าประตู หลินเฟิงก็เห็นหมอเทวดาเลี่ยวที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งติดตามมาเขาไม่ได้เข้าไปทักทาย แต่ยืนอยู่นอกกลุ่มคนเพราะว่าผู้คุ้มกันของตระกูลเฝิงสองคนจับตาดูเขาอยู่ตลอดพวกเขาสองคนอนุญาตให้หลินเฟิงรออยู่ตรงนี้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเมื่อเฝิงอวี้อู่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงและอำนาจมากที่สุดในตระกูลเฝิงพวกเขาได้ยินมานานแล้วว่า สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของคุณชายเฝิงอวี้อู่ในตอนนี้ เป็นฝีมือของหลินเฟิงถึงแม้หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนวางยา และหลินเฟิงก็ชี้แจงแล้วว่า เขาไม่ใช่คนชั่วช้าต่ำทรามที่ใช้แผนลวงทำร้ายคนอื่นแต่ความโมโหแบบนี้ยังคงมีอยู่และยิ่งเป็นคนชั้นล่างของตระกูลเฝิง ผลกระทบแบบนี้ก็ยิ่งมีมากดังนั้นเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลเฝิง จึงยังคงมีท่าทางไม่เป็นมิตรต่อหลินเฟิงเป็นอย่างมากถึงขั้นที่มีลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงจำนวนมากขยับเข้ามา อยากจะประลองฝีมือกับหลินเฟิง ลองดูว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ หรือไม่ถ้าหากไม่ได้ผู้คุ้มกันตระกูลเฝิงขวางไว้ ตรงนี้คงเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้นตั้งนานแล
“ง่ายมาก”หลินเฟิงยืดอก พูดด้วยความมั่นใจว่า:“ผมช่วยแก้พิษให้เฝิงอวี้อู่ ส่วนคุณ บอกเบาะแสะของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม เป็นยังไง?”“พรวด”คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงเพิ่งพูดแบบนี้จบ เฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะออกมาเขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยันและพูดว่า:“คุณหลินคนนี้ คุณคงไม่ได้คิดว่าพวกเราโง่เหมือนกับคุณหรอกนะ? ใครจะเชื่อคำพูดไร้สาระของคุณได้?”“ผมได้พูดกำชับหลายครั้งแล้วว่า ยาโลหิตปลิดชีพเป็นยาพิษพิเศษของสำนักร้อยพิษ ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเราแก้พิษก็ไม่มีทางแก้ได้”“ส่วนคุณพูดจาโอ้อวดอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าลิ้นบ้างเหรอ?”เผชิญหน้ากับการเยาะหยันของเฝิงหลี หลินเฟิงไม่ได้รู้สึกโกรธเพียงแค่ส่ายหน้าช้าๆ พูดว่า:“ผู้นำตระกูลเฝิง ผมมองออกถึงความลำบากใจของคุณ”“ไม่สู้เอาแบบนี้ คุณพาผมไปพบเฝิงอวี้อู่ตอนนี้ รักษาหายไม่หาย ก็คิดบัญชีกับผมได้”“ถ้าหากรักษาหาย คุณก็บอกเบาะแสของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม แต่ถ้าหากรักษาไม่หาย...ผมก็จะติดเชื้อพิษ และก็จะต้องตายเพราะคำพูดโอ้อวดของผม”“เป็นยังไง?”ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองของหลินเฟิง เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อย
“ขู่นายนี่แหละ จะทำไม?”เฝิงเอ้อก็ไม่เสแสร้งแล้ว เขาชักดาบสะท้อนแสงเล่มใหญ่ออกมาจากด้านหลัง ฟันไปบนโต๊ะเสียงดังปึง จ้องมองหลินเฟิงด้วยความดุดันและพูดอย่างโมโหว่า:“วันนี้ถ้านายพูดไม่ชัดเจน นายก็อย่าได้คิดจะออกจากตระกูลเฝิงเลย!”“พรวด...”ในตอนที่บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนไปตึงเครียดเฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ กลับหลุดหัวเราะออกมากระทันหัน“นายหัวเราะอะไร?!”เฝิงเอ้อไม่พอใจอย่างมากเป้าหมายที่เขาข่มขู่หลินเฟิงแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากให้ไอ้หมอนี่สมหัวงถ้าหากสามารถได้รับวิธีการรักษาอวี้อู่จากตัวหลินเฟิง งั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ออกไปแล้วเมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มพันธมิตรบู๊แล้วและก็ไม่ต้องทิ้งจุดอ่อนเอาไว้แต่ทว่าแม้แต่เรื่องที่แม้แต่เฝิงเอ้อยังสามารถคิดได้ เฝิงหลีจะคิดไม่ได้ได้อย่างไร?เขากวาดตามองหลินเฟิงด้วยความเหยียดหยาม และก็มองไปทางเฝิงเอ้ออีกครั้ง:“ฉันว่านะพี่รอง ฉันเคยพูดไว้แล้ว พิษที่อวี้อู่โดนคือยาโลหิตปลิดชีพ พิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก”“บนโลกนี้แล้ว นอกจากผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ ก็ไม่มีใครสามารถแก้พิษนี้ได้แล้ว”“ไอ้ห
“ที่คุณหลินพูดถึง ไม่ทราบว่ารับการไหว้วานมาจากใคร? ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไม?”ตอบกลับด้วยคำถามง่ายๆเตะบอลกลับมาที่เท้าของหลินเฟิงใหม่อีกครั้ง“ได้รับการไหว้วานจากพ่อของผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำหรับเรื่องที่ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไมนั้น...”หลินเฟิงหยุดชะงัก ในหัวครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และยิ้มบางพูดว่า:“ตอนเด็กผมเคยมีหมั้นหมายกับผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่มาตามหาในวันนี้ เพื่อให้การหมั้นหมายเสร็จสมบูรณ์”“หือ?”เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อยผู้นำของกลุ่มพันธมิตรบู๊มีหมั้นหมายแล้วงั้นเหรอ? ภายในกลุ่มพันธมิตรบู๊ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่พูดจาซี้ซั้วหรอกนะ?เฝิงชางหรี่ตาลง ในใจครุ่นคิดไม่หยุดส่วนทางด้านหลินเฟิงเขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล หาสถานะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพื่อที่จะให้เขาตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรไม่อย่างนั้นคุณจะเข้ายุ่งเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้อย่างไร?ในตอนนี้เอง หลินเฟิงก็มีข้ออ้างแล้วหยินหลิงเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรของพวกคุณ เป็นเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ฉันตามหาคู่หมั้นของตัวเอง มีปัญหาไ