“อย่ากังวลไปเลยน้องกัวไฉ ฉันรับเงินของนายมาแล้ว ฉันต้องจัดการให้อย่างแน่นอน”พี่เซิงรินชาใส่ถ้วยอย่างใจเย็นและสั่งการลูกน้องของเขา "ให้พวกเขาเข้ามา!”“ครับ”เมื่อลูกน้องออกไป ไม่กี่วินาทีต่อมา หลินเฟิงและหลี่ฮุยหรานก็เข้ามาในสำนักงาน“พวกคุณ... หื้ม?!”ขณะที่พี่เซิงกำลังจะพูดกับพวกเขา เขาก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใบหน้าของหลินเฟิง ซึ่งดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดเหมมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน“พี่เซิง? พี่เซิง? เป็นอะไรไป? ทำไมคุณถึงเหม่อไปล่ะ?”เมื่อเห็นพี่เซิงจ้องมองหลินเฟิงอย่างว่างเปล่า กัวไฉก็ขมวดคิ้วและสะกิดเขาให้กลับมาได้สติ“ฮะ? โอ้... ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”พี่เซิงจำได้ทันทีชายคนนี้มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับบุคคลที่ผู้นำตระกูล เตือนไว้ว่าอย่าไปยั่วยุเด็ดขาดแม้จะรู้สึกสงสัย แต่พี่ชายเซิงก็ระงับความสงสัยของตนไว้และหันไปพูดกับหลี่ฮุ่ยหราน“อะไรกัน? ประธานคนใหม่ของกลุ่มหลี่ถึงกับมาที่บริษัทเล็ก ๆ ของฉัน เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันงั้นเหรอ?”พี่เซิงส่ายหัวและเป่าแก้วชา ด้วยท่าทางที่ดูผ่อนคลาย“ฮึ่ม….”หลี่ฮุ่ยหรานเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ เขา ซึ่งหลี่ฮุ่ยหรานรู้จักเขาดี ก่อนหน้านี้เคย
“แกไม่ใช่คนเมืองนี้ใช่ไหม?”กัวไฉส่ายหัวและยิ้มพร้อมพูดว่า“แกรู้ไหมว่า กองกำลังที่ห้ามท้ายทายในเมืองเจิ้งเต๋อคือใคร หรือ... แกรู้ไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังพี่เซิง?”“ฉันไม่รู้”คำตอบที่ซื่อตรงของหลินเฟิง ทำให้กัวไฉพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เขากลับฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเยาะ“คนเบื้องหลังพี่เซิงคือตระกูลซือหม่า หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง! ชื่อเต็มของพี่เซิงคือซือหม่าเซิง”“ตระกูลซือหม่า?!”เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานก็เปลี่ยนไปทันทีต้องรู้ว่าตระกูลซือหม่า เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองหลวง และเป็นตระกูลที่ไม่ควรยั่วยุมากสุด รองจากตระกูลหลงหากบริษัทเต๋อเซิ่งมีตระกูลซือหม่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง การทวงเงินของหลี่ซื่อกรุ๊ปอาจเป็นไปไม่ได้ยากที่จะเอากลับคืนมา“เหอะ….”ตอนนี้ซือหม่าเซิงยังแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจเล็กน้อย เพราะเขาเห็นแววของความตื่นตระหนกและความสิ้นหวังบนใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหราน“แบบนี้เป็นไง เอาเงินมา 250 ล้าน เพื่อชดเชยเวลาที่รบกวนพี่เซิงซะ แล้วเราอาจจะปล่อยพวกแกไป”“ถ้าพวกแกปฏิเสธ ฮึ่ม...”ท่าทางที่น่ารังเกียจของก
“หลิน...หลินเฟิง?!”ซือหม่าเซิงจำได้ทันทีถึงคำเตือนเป็นพิเศษ ที่ซือหม่าเผิงหัวเคยสั่งเขาในระหว่างการประชุมออนไลน์กับตระกูลหลักซือหม่าก่อนหน้านี้“นี่คือชายหนุ่มที่ชื่อหลินเฟิง ซึ่งเมืองเจิ้งเต๋อที่นายอยู่ ก็ไม่ไกลจากเจียงโจวเลย ดังนั้นฉันกังวลว่านายอาจจะไปยั่วยุเขาได้”“จดจำไว้!”“ตระกูลซือหม่าของเราไม่อยากไปยั่วยุคน ๆ นี้ในตอนนี้! หากนายไปยั่วยุเขา ก็เตรียมรับโทษของตระกูลได้เลย!”ซือหม่าเซิงสั่นไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็หลุดออกจากความทรงจำและเปรียบเทียบหลินเฟิงกับรูปถ่ายที่เขาจำได้อย่างระมัดระวังใช่แล้ว เป็นเขาจริง ๆ!ในขณะนี้ เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมาจากหลังของซือหม่าเซิงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่า ทำไมซือหม่าเผิงฮวาจึงให้ความสนใจหลินเฟิงเป็นพิเศษ แต่สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ ถ้าเขาไปยั่วยุหลินเฟิง เขาจะละเมิดกฏตระกูลซือหม่าอย่างแน่นอน!เมื่อถึงเวลานั้น ชะตากรรมของเขา…..เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซือหม่าเซิงก็ตัวสั่นเทาทันทีทันใดนั้น เขาเห็นกัวไฉอยู่ข้าง ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า แถมกำลังยั่วยุหลินเฟิงอยู่อีก“แกพิเศษอะไร!”เลือดลมของซือหม่าเซิงพุ่งพล่าน กัวไฉโยนขี้ก้อนใหญ่มาให
ที่นอกประตู ซือหม่าเซิงลดเสียงลงเพื่อยืนยันตัวตนของหลินเฟิง ในขณะที่กัวไฉซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมด้านในประตูจ้องมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ“พวก...พวกแกติดสินบนพี่เซิงมาก่อนหน้างั้นเหรอ?”“พี่เซิง?”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับประธานของบริษัทเต๋อเซิ่งแห่งนี้ เธอจะติดสินบนเขาได้ยังไงกัน?หลี่ฮุ่ยหรานจึงมองไปที่หลินเฟิง“หากบุคคลนั้นมาจากตระกูลซือหม่าจริง เขาก็ควรจะได้ยินชื่อฉัน หากเขาได้ยินชื่อฉัน….”หลินเฟิงแสดงสีหน้าเสียใจต่อกัวไฉ“ถ้าอย่างนั้นแกก็คงโชคร้ายแล้วล่ะ”“นี่มัน... เป็นไปได้ยังไง?!”กัวไฉส่งเสียงคำรามแหบพร่า ซึ่งส่งไปที่หลี่ฮุ่ยหรานพร้อมกับพูดว่า“แกไม่ใช่ผู้นำตระกูลหลี่เล็ก ๆ ในเจียงหนานหรอกเหรอ? และแก….”เขาชี้ไปที่หลินเฟิงอีกครั้ง“แกไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดโง่ ๆ เหรอ? เป็นไปได้ยังไงที่แกจะมีเส้นสายตระกูลซือหม่าในเมืองหลวงได้?!”“ฉันเคยมีปัญหากับตระกูลซือหม่าอยู่ช่วงหนึ่ง”เมื่อเห็นว่าหลี่ฮุ่ยหรานก็มองเขาด้วยสายตาสงสัย หลินเฟิงก็อธิบายอย่างช่วยไม่ได้:“ก่อนหน้านี้ ฉันขอให้อาอวี๋ส่งยาเป็นเครื่องบรรณาการตระกูลซือหม่าแทนฉัน แต่อาอวี๋ได้รั
การบุกเข้าไปในตระกูลซือหม่าและบังคับให้พวกเขาขอโทษ?เรื่องราวแบบนี้ถูกเล่าให้เด็ก ๆ ฟัง พวกเขาก็ยังไม่เชื่อ“เราจะได้เห็นดีกัน!”กัวไฉยิ้มอย่างเย็นชาแต่หลินเฟิงกลับเยาะเย้ย คิดว่ากัวไฉต้องการรนหาที่ตาย ไม่สามารถหยุดเขาได้และไม่ใช่หน้าที่ที่จะต้องหยุดเขาด้วยหลังจากนั้นไม่นาน ซือหม่าเซิงก็กลับมาเขากลับมาที่เก้าอี้สำนักงานด้วยท่าทางที่เคารพมากขึ้น พร้อมกับถือกาน้ำชาไว้ในมือก่อนที่เขาจะรินชา กัวไฉคลานไปตรงโต๊ะของเขาและชี้ไปที่หลินเฟิงและฟ้องว่า“พี่เซิง เด็ก….เด็กคนนี้เพิ่งดูหมิ่นตระกูซือหม่า?”“คุณไม่สามารถปล่อยเขาไปง่าย ๆ!”“โอ้?”พี่เซิงกรอกตามองและพูดอย่างใจเย็น“เขาดูหมิ่นตระกูลซือหม่ายังไง?”“เขาบอกว่า”หลังจากกลืนน้ำลาย กัวไฉก็เยาะเย้ยและพูด“เขาแค่อ้างว่ามีความแค้นกับตระกูลซือหม่า เขาบอกว่าเขาบุกเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซือหม่าในเมืองหลวง ทำร้ายนายน้อยของพวกเขา และบังคับให้ทั้งตระกูลขอโทษเขา!”“ถุ้ย!”กัวไฉแสร้งทำเป็นโกรธและพูดเสริม“ดูเด็กคนนี้สิ แล้วดูว่าตัวเองมีคุณค่าแค่ไหน เขากล้าที่จะกระจายข่าวลือแบบนี้ ฉันว่าเด็กคนนี้ตั้งใจหาที่ตาย พี่เซิง ได้โปรดอย่าลังเล….
“เหอะ ๆ….”ในขณะนั้น ซือหม่าเซิงซึ่งเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มก็เข้ามาหาหลินเฟิง ยื่นชาชั้นเลิศให้เขา และโผล่หัวออกมาเพื่อทดสอบ“คุณหลิน ฉันเพิ่งโทรหาผู้นำตระกูลของเรา และเขาฝากให้ฉันทักทายคุณ”“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”หลินเฟิงตอบพร้อมพยักหน้า เขามั่นใจในความสามารถของตัวเอง จึงไม่กังวลกับกลอุบายใด ๆ ของซือหม่าเซิง เขาจิบชาและพยักหน้าเห็นด้วย“ชานี้ไม่เลว”“ฮ่า ๆ คุณหลิน ถ้าคุณชอบ ฉันจะส่งให้คุณ”“ไม่จำเป็น”หลินเฟิงปฏิเสธ เขายืดตัวอย่างขี้เกียจแล้วหันไปหาหลี่ฮุ่ยหรานและพูดว่า“กลับมาคุยกันเรื่องหนี้ที่บริษัทของนายเป็นหนี้หลี่ซื่อกรุ๊ปกันเถอะ ขอฉันดูหน่อย... ยอดรวมน่าจะ 1000 ล้าน รวมดอกเบี้ย...”“ไม่ต้องคำนวณ”ซือหม่าเซิงพูดแทรกขึ้นพร้อมโบกมือพร้อมส่งยิ้มกว้างเขาเอื้อมมือไปห้ามหลินเฟิงไม่ให้คิดคำนวณต่อ และยิ้มพร้อมพูดว่า“ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีกับประธานหลี่ที่เข้าดูแลหลี่ซื่อกรุ๊ป 1500 ล้าน 5000 ล้านถือเป็นของขวัญ และ 1000 ล้านเป็นจำนวนเงินที่ฉันเป็นหนี้บริษัทของคุณก่อนหน้านี้ คุณคิดว่ายังไง?”“โอเค”หลินเฟิงพยักหน้าหลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกไม่สบายใจ และขมวดคิ้วพร้อมพูด“ม
ใบหน้าของกัวโหย่วคังกลายเป็นซีดเผือด และสุภาษิตที่ว่า 'เรื่องน่าเศร้าที่สุดคือความคิดโง่เขลา' เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการอธิบายสถานะปัจจุบันของเขาโทรศัพท์ในมือของเขาตกลงพื้นพร้อมกับเสียงดังดูเหมือนว่าการตายของกัวไฉจะสร้างความกระทบกระเทือนครั้งใหญ่ให้กับเขาเขาไม่เคยคาดคิดว่าซือหม่าเซิงจะทำร้ายลูกชายของเขาจริง ๆ และไม่มีช่องทางในการเจรจา“หลินเฟิง...เป็นบอดี้การ์ดข้างตัวประธานหลี่ไม่ใช่เหรอ? หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย? ใคร... เขาเป็นใครกันแน่?”หลังจากพึมพำประโยคนี้อย่างเหม่อลอย กัวโหย่วคังก็เงียบไปในขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานได้รีบกลับไปพร้อมกับหลินเฟิงเฟิงแล้วเดิมทีพวกเขาทั้งสองต้องการออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เธอกลับได้รับสายจากจางซินระหว่างทางในโทรศัพท์ได้แจ้งว่าแฟนใหม่ของจางซินได้ส่งโน้ตบุ๊คของหลี่ฮุ่ยหรานมาให้แล้วเมื่อหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานรีบกลับไปที่หลี่ซื่อกรุ๊ป พวกเขาเห็นเลขาคนหนึ่งเดินเข้ามาจากออฟฟิศ และพูดอย่างอึดอัดใจว่า“ประธานหลี่ ลูกพี่ลูกน้องของคุณเพิ่งออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เธอฝากที่อยู่ไว้และบอกว่าคุณควรไปพบเ
หลินเฟิงเงยหน้ามองคน ๆ นั้นอย่างเย็นชา และจู่ ๆ จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนี้ถึงได้พกความมั่นใจออกมาจากบ้านมามากขนาดนี้ได้?“ฉันเชิญให้ประธานหลี่มานั่งที่นี่ เพราะฉันมีเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยกับประธานหลี่ แกเป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ถ้าแกทำให้การตกลงทางธุรกิจมีปัญหา แกจะชดเชยได้ไหม?!”จ้าวเว่ยพูดอย่างเย็นชา“ฉันมีคุณสมบัติเพียงพอ”หลินเฟิงแสร้งทำเป็นโง่และพยักหน้าตรง ๆ“แก….”เมื่อเห็นการปรากฏตัวของหลินเฟิง จ้าวเว่ยก็โกรธขึ้นมาทันที“ได้ ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานเอื้อมมือไปจัดกระโปรงสั้นของเธอให้เรียบร้อย นั่งลงข้าง ๆ หลินเฟิง และทำตัวเป็นคนกลางอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่จ้าวเว่ยแล้วพูดว่า“น้องฉันเอาโน้ตบุ๊คของฉันไปก่อนหน้านี้ ถ้ามันอยู่กับคุณ โปรดส่งคืนให้เจ้าของเดิมด้วย”นี่คือเรื่องที่หลี่ฮุ่ยหรานกังวลมากที่สุดในขณะนี้เพราะมีเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากในโน้ตบุ๊ค ซึ่งไม่ควรให้บุคคลภายนอกดูหากจ้าวเว่ยพบและขายเอกสารเหล่านี้ให้กับบริษัทคู่แข่ง หลี่ซื่อกรุ๊ปจะต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งบอร์ดบริหารคนก่อน ๆ
จางกุ้ยหลานถูกหลอกให้ซื้อที่ดินแห่งนี้เอาไว้ นั่นก็คือที่ดินที่ฉู่ฮวาจิ่นบอกหลินเฟิงก่อนหน้านี้ว่า มูลค่าจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่สิบเท่าอย่ามองว่าหลินเฟิงตอนนี้ใช้เงินสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินเอาไว้ผ่านไปอีกสองเดือน เกรงว่ามูลค่าของที่ดินแห่งนี้จะพุ่งขึ้นสูงด้วยความเร็วจรวด ไม่ใช่แค่เพียงสองหมื่นห้าพันล้านบาท!จางกุ้ยหลานกับจางซินและคนอื่นๆ ยังหัวเราะเยาะหลินเฟิงว่าเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกให้ใช้จ่ายเงินเมื่อดูแบบนี้แล้ว อันที่จริงพวกเธอต่างหากที่เป็นคนโง่มากที่สุด ถ้าหากพวกเธอได้รับรู้ข่าวสารนี้ภายหลัง จะต้องโมโหจนโรคหัวใจกำเริบหลินเฟิงบอกเรื่องนี้กับหลี่ฮุ่ยหรานช้าๆหลี่ฮุ่ยหรานอ้าปากกว้างในทันที และมีใบหน้าตกตะลึง“นี่มันเรื่องจริงเหรอ?!”“น่าจะผิดพลาดไม่ได้”หลินเฟิงพยักหน้า เพื่อเป็นการยืนยัน แถมยังโทรศัพท์ไปหาจ้าวเว่ย ต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานจ้าวเว่ยถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ควบคุมงานประมูล แต่ในฐานะพนักงานภายในหน่วยงานพัฒนาเมืองเจิ้งเต๋อ ก็ยังสามารถได้ยินข่าวคราวนโยบายอยู่บ้างเขาได้ยินการสอบถามของหลินเฟิง พูดขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย:“คุณหลิน เรื่องพื้นที่พักอาศัยผมไม่ท
รับสมัครพวกแก๊งเขี้ยวเขียวเหล่านี้ หลังจากที่หลินเฟิงจัดแจงพวกเขาให้พักอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้เพิ่งขึ้นรถ บนใบหน้าก็เผยความดิ้นรนที่แปลกประหลาดออกมา“เป็นอะไรไปหลินเฟิง มีตรงไหนผิดปกติงั้นเหรอ?”หลี่ฮุ่ยหรานรีบถามขึ้นมา“ไม่ใช่”หลินเฟิงมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยความประหลาดใจ สุดท้ายก็ทำการตัดสินใจ ทอดถอนใจพูดว่า:“ฉันพูดความจริงกับนายแล้วกัน วันนั้นลูกค้าที่ชื่อคุณฉู่คนนั้นของคุณ อันที่จริงคือมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืด”“อะไรนะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานงุนงง ถึงแม้เธอคิดว่าคุณฉู่คนนั้นจะท่าทางไม่ธรรมดา อีกทั้งดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีเบื้องหลัง แต่พูดว่าเป็นมือสังหารหญิงอันดับหนึ่งของลำดับมืดความแตกต่างของสถานะนี้มันมากเกินไปหน่อยแล้วหลี่ฮุ่ยหรานตกตะลึงจนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้รู้สึกคอแห้งผาก มองไปทางหลินเฟิง และพูดขึ้นอย่างยากลำบาก: “ความหมายของคุณก็คือ...หลี่ซื่อกรุ๊ปล้มเลิกการร่วมมือกับเธองั้นเหรอ?”“ไม่ ผมไม่ได้หมายความแบบนี้”หลินเฟิงส่ายหน้าแล้วพูดเสียงเคร่งขรึมว่า:“เธอไม่ได้ตั้งใจปิดบังสถานะของเธอต่อหน้าผม แต่กลับบอกผมโดยตรงผ่านวิธีบางอย่าง“งั้นเธอ
หลินเฟิงโบกมือพูดว่า: “ฉันไม่มีความคิดที่จะเป็นหัวหน้าแก๊งอะไรหรอกนะ เพียงแคร ต่อไปพวกนายห้ามทำความชั่วอีก”หลินเฟิงจับทรงผมโมฮอร์กของจิ่วเทา และสะบัดไปมาจากนั้นพูดว่า:“ตัดผมให้เรียบร้อย ฉันจะส่งคนมารับช่วงต่อ ส่งชุดฟอร์มที่เหมือนกันมาให้พวกนาย นับตั้งแต่วันนี้ พวกนายก็คือสมาชิกหน่วยใต้ดินของหน่วยรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว!”“ฮะ?”จิ่งเทาตั้งตัวไม่ทัน“ฮะอะไรกันล่ะ? หรือว่าพวกนายไม่เต็มใจ?”หลินเฟิงกวาดตามองพวกอันธพาลเหล่านี้ พวกอันธพาลส่วนหนึ่งในนั้นคุกเข่าให้หลินเฟิงด้วยความซาบซึ้งทันทีในเมื่อการเป็นอันธพาล บางครั้งไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากเป็นจริงๆแต่เป็นเพราะเกิดมาฐานะไม่ดี ไม่มีความรู้อะไร และก็ไม่มีความสามารถ ดังนั้นทำได้เพียงใช้ชีวิตไปวันๆแบบนี้สู้รบฆ่าฟันแต่ได้ยินข่าวที่พวกเขาถูกบริษัทใหญ่รับจ้าง คนจำนวนไม่น้อยมีสีหน้าต่อต้าน แต่ก็มีคนเผยความหวังออกมาเช่นกัน“คือว่า…หัวหน้าหลิน มี…มีเงินเดินไหม?”อันธพาลคนหนึ่งถามขึ้นกล้าๆ กลัวๆ“พูดไร้สาระ ประกันสังคม 5 รายการ และกองทุนที่อยู่อาศัย 1 รายการ แล้วยังมีเงินเบี้ยเลี้ยง เงินค่าอาหาร หรือถ้าพวกนายอยากคลอดลูกข ก
หลินเฟิงคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยว่า : ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันมีเงื่อนไขในการ่วมมืออย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะยอมฟังหรือเปล่า?” “ เงื่อนไขอะไร?”ท่านจิ่วตกตะลึงไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลินเฟิงด้วยแสงแห่งความหวังที่ผุดขึ้นในใจหากไม่ต้องออกจากเมืองเจิ้งเต๋อ พวกเขาก็คงไม่อยากออกไปอย่างแน่นอน“ฉันจะจัดการแก๊งอีกสองแก๊งให้พวกนาย ทำให้พวกนายยังอยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อต่อไปได้”“แน่นอน เงื่อนไขก็คือพวกนายจะต้องยอมเชื่อฟังหลี่ซื่อกรุ๊ป ซึ่งก็คือ....”หลินเฟิงชี้ไปที่หลี่ฮุ่ยหราน ก่อนจะพูดอย่างยิ้ม ๆว่า :“คนนี้ ประธานของหลี่ซื่อกรุ๊ป ประธานหลี่”“อ่ะ?!”หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกสับสนอันธพาลที่อยู่โยรอบ รวมถึงท่านจิ่วต่างก็รู้สึกสับสน“ทำไม? พวกนายไม่ยอมรับงั้นเหรอ?”หลินเฟิงขมวดคิ้วอย่างจงใจ“ยอมสิ ยอมแน่นอน เพื่อนและครอบครัวของพวกพี่น้องหลายๆ คนของพวกเราต่างก็อยู่ในเมืองเจิ้งเต๋อ เว้นแต่ไม่มีทางเลือก พวกเราก็ไม่ยอมออกไปจากเมืองเจิ้งเต๋อหรอก เพียงแต่...”ท่านจิ่วรู้สึกลำบากใจ“เพียงแต่อะไร?”“เพียงแต่....”ท่านจิ่วจ้องมองไปที่หลินเฟิง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้จริง ๆเขาก็อยากจะพูดว
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ
เมื่อท่านจิ่วออกคำสั่ง อันธพาลพวกนี้ก็รีบพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะฉีกหลินเฟิงเป็นชิ้น ๆ โดยตรง“ไอ้หนู ฉันชื่นชมความกล้าหาญของนายมากนะ ไม่รู้ว่านายเป็นใครมาจากไหนงั้นเหรอ?”ท่านจิ่วหรี่ตาลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ดูอวดดีและมั่นใจอย่างมากคนนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยหรือว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่มีอิทธิพลหรือเปล่า?หรือว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักหนานไห่?“ฉันคือ หลินเฟิง เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป”เมื่อหลินเฟิงตะโกนชื่อนี้ออกมาด้วยความมั่นใจ แม้แต่ท่านจิ่วก็เกิดภาพลวงตาบางอย่างขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งหลี่ซื่อกรุ๊ป? หลี่ซื่อกรุ๊ปอะไร?หรือว่าที่เขาถึงก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจิ้งเต๋อ? อ่ะ? หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย?ท่านจิ่วตั้งสติอยู่นาน ถึงได้เข้าใจหลังจากเข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงแล้ว ความรู้สึกอับอาบขายหน้าก็ผูดขึ้นมาในใจเป็นมอันดับแรก ไอ้หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าอะไรนั้น ก็เป็นแค่ยามเฝ้าประตูไม่ใช่เหรอ? แค่งยามคนเดียวก็กล้าข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?ทันใดนั้นท่านจิ่วก็โกรธขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนไปทางหลินเฟิงว่า:“ไปเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถือไม้เบสบอลและมีดสปาต้า พร้อมกับปิดกั้นทางของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานไว้ในชั่วพริบตา อาคารที่พักอาศัยทั้งตึกก็เปลี่ยนจากอาคารร้างเป็นครึกครื้นทันที“ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!”พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์และเสียงร้องไม่กี่ครั้ง ก็มีอันธพาลขี่รถจักรยานต์นับสิบคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกของเขตที่พักอาศัยยางล้อรถเสียดสีกับพื้น ก่อนที่สพวกเขาจะหยุดลงที่ข้าง ๆหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้ว ทั้งสี่ทิศทางก็ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา“ติดจะไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว!”แล้วอันธพาลที่มีทรงผมโมฮอร์กก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ฮ่าฮ่าฮ่า....”อันธพาลที่อยู่โดยรอบต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของผู้คนนับร้อย ดังมากจนทำให้อาคารที่พักอาศัยโดยรอบถึงกับสั่นสะเทือน“พวกคุณคิดจะทำอะไร?!”หลี่ฮุ่ยหรานเข้าใจว่า พวกเขาได้เข้ามาในถ้ำของพวกโจรแล้วถึงแม้ในใจจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาเดียว ก็ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่หลินเฟิงสำรวจทั้งกลุ่มเสร็จแล้ว จู่ ๆก็หัวเราะออกมาเสียงดังรอยยิ้มนี้ กลับทำให้พวกอันธพาลที่เข้ามาใกล้ ๆตกใจแทน“หลินเฟิง คุณเป็นอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางหลินเฟิงด้วยความกังวล หรือเป็นเพราะว่าจ่ายเงินสองพันห้าร้อยล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินแย่ ๆแบบนี้ ก็เลยโกรธจนสติมีปัญหางั้นเหรอ?หลี่ฮุ่ยหรานที่คาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆอยู่ในใจแต่เธอเห็นหลินเฟิงหัวกลับมา พร้อมกับยิ้มและกระพริบตาให้เธอและพูดว่า :“ถ้าหากผมเดาไม่ผิดละก็ ครั้งนี้แม่ของคุณจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่”“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจในตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยจริง ๆว่าหลินเฟิงอาจจะมีปัญหาทางจิต“ที่ดินนี้ ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ต้องถูกรื้อแล้ว เมืองเจิ้งเต๋อจะสร้างทางหลวงพิเศษที่ต้องผ่านทางจากตรงนี้พอดี!”หลินเฟิงหันหน้าไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“คุณรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ไม่รอให้หลี่ฮุ่ยหรานตอบกลับ หลินเฟิงก็พูดขึ้นกับตัวเองว่า :“นี่หมายความว่า ราคาของที่ดินนี้จะต้องเพิ่มขึ้นมากว่าสิบเท่าอย่างแน่นอน! หึหึ ฮุ่ยหราน ครั้งนี้พวก
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห