"ประธานจ้าน"บอดี้การ์ดพูดอีกครั้งจ้านหยินมองดูเขาเขาพูดว่า "ประธานซางสั่งไว้ว่า ต้อวให้ประธานจ้านซื้อด้วยตัวเองและอย่าให้บอดี้การ์ดไปทำแทน ด้วยวิธีนี้ จะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของประธานจ้านและความเคารพที่ประธานจ้านมีต่อคุณซางมากเพียงใด และยังพิสูจน์ว่าประธานจ้านรักญาติผู้น้องสมากแค่ไหนด้วยครับ"พูดอีกอย่าง ถ้าจ้านหยินไม่ได้ออกไปซื้อของด้วยตัวเอง ก็จะแสดงการไม่เคารพซางหวู่เหิง การไม่เคารพซางหวู่เหิงยังแสดงว่าความรักที่เขามีต่อไห่ถงนั้นยังไม่เพียงพอจ้านหยินรู้สึกโมโหมากกับข้อเรียกร้องของซางหวู่เหิง จนควันออกหู แต่ซางหวู่เหิงก็จี้ใจดำของเขาได้ถูกจุดจริงๆแม้ว่าไห่ถงและคุณนายซางจะไม่ได้รู้จักกันมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดจ้านหยินไม่สามารถประมาทตระกูลซางได้จริงๆจ้านหยินไม่ได้พูดอะไรอีก หันหลังกลับและจากไปไปซื้อของขวัญมาให้กับซางหวู่เหิงซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ปิดไปตั้งนานแล้วจ้านหยินสามารถไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อซื้อของได้เท่านั้นเขาไม่ใส่ใจที่จะเลือกอย่างพิถีพิถัน เขาเข้าไปในร้านสะดวกซื้อพร้อมกับบอดี้การ์ด และคว้าของที่
ใบหน้าที่หล่อเหลาของจ้านหยินเต็มไปด้วยความอับอาย เมื่อเห็นสิ่งที่ตัวเองหยิบขึ้นมาเขาถูกซางหวู่เหิงแกล้ง จากนั้นก็ไปช้อปปิ้งร้านสะดวกซื้อ โดยไม่ได้ดูว่าเขาหยิบอะไรมาบ้าง เขากวาดงทุกอย่างทุกอย่างจากชั้นวาง หยิบของมากเกินไป รวมถึงยังมีผ้าอนามัยหลายห่อปนอยู่กับของที่กวาดลงมาจากชั้นวางของ แต่เขาไม่ได้สังเกตเลย"คุณมีภรรยา"จ้านหยินโยนผ้าอนามัยกลับไปให้ซางหวู่เหิงซางหวู่เหิงระเบิดเสียงหัวเราะเสียงหัวเราะของเขา ทำให้จ้านหยินอยากจะกระโดดขึ้นมาตะครุบ แล้วบีบคอเขา!หลังจากต่อสู้กับซางหวู่เหิงมาหลายปี เขาไม่เคยรู้สึกอับอายต่อหน้าอีกฝ่ายขนาดนี้เลยซางหวู่เหิงหัวเราะอยู่นาน ก่อนที่จะหยุด เขาลูบท้องแล้วพูดกับจ้านหยิน: "จ้านหยิน นายอยากหัวเราะจนตาย เพื่อที่นายจะได้รับมรดกฉันใช่ไหม ฉันปวดท้องจากการหัวเราะมาก""ก่อนที่นายจะหัวเราะตัวเองจนตาย อย่าลืมเขียนพินัยกรรมโดยมอบทรัพย์สินทั้งหมดของนายให้ฉันด้วย แล้วนายจะหัวเราะมากแค่ไหน ก็ได้ตามที่นายต้องการ"ซางหวู่เหิงหัวเราะอีกครั้ง “ฉันสงสัยว่านายคงอยากไม่ได้ทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ ของฉันหรอก ฉันไม่มีเงินมากเท่านายนี่”“ไม่ส่าจะเล็กแค่ไหนก็มีค่า ไม่
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จ้านหยินก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: "จะหลีกเลี่ยงซางเสี่ยวเฟยอย่างไรนั้น ฉันคิดว่านั้นเป็นเรื่องที่นายควรจะต้องจัดการ"เขาไม่สามารถไปส่งชางเสี่ยวเฟยออกไปได้“ใช่ พวกเราต้องจัดการเอง ก่อนที่นายจะมา ช่วยส่งข้อความถึงฉันล่วงหน้าเพื่อที่ฉันจะได้หันเหความสนใจเสี่ยวเฟยไป และฉันจะอธิบายให้พ่อแม่ของฉันรู้ล่วงหน้า”จ้านหยินไม่คัดค้านเรื่องนี้เขาไม่ต้องการให้ซางเสี่ยวเฟยรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับไห่ถงในตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่หอมหวานที่สุดสำหรับพวกเขา และถ้าซางเสี่ยวเฟยรู้เรื่องนี้ ใครจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรบ้าๆ อะไรบ้าง?“ก่อนตรุษจีน ฉันไม่คิดว่าจะมีเวลามา หลังตรุษจีนฉันจะหาเวลาไปเยี่ยมครอบครัวของนายกับไห่ถง”ไห่ถงสูญเสียพ่อแม่ของเธอไปทั้งคู่ และเธอก็ไม่เคยคิดญาติดีกับญาตินิสัยเสียที่บ้านเกิดนอกจากพี่สาวของเธอแล้ว ที่เดียวที่เธอจะไปเยี่ยมคือครอบครัวชางซางหวู่เหิงถามเขา: "ก่อนตรุษจีนนายจะทำอะไรอีก? บริษัทของนายไม่ได้หยุดวันที่ 24 หรอกเหรอ?"ชางซื่อกรุ๊ปก็มีตารางวันหยุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดใหญ่จึงยุ่งมาก พวกเขามักจะไม่เริ่มต้นวันหยุดจนกว่าจะถึ
บอดี้การ์ดเดินตามไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงฝีเท้าของพวกเขา คงคิดว่าเป็นวิญญาณที่ผ่านไปมาก่อนเข้าลิฟต์ ซางหวู่เหิงก็หยุดฝีเท้าลง"จ้านหยิน"เขาพูดด้วยเสียงต่ำจ้านหยินหันศีรษะไปมองเขาหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซางหวู่เหิงก็พูด: "อย่าแย่งธุรกิจของฉันไปซึ่งๆ หน้า"จ้านหยินตอบอย่างใจเย็น "ตราบใดที่นายยังไม่ได้เซ็นสัญญา ก็มีโอกาสเสมอที่พวกเขาจะเปลี่ยนใจ บางคนถึงกับยอมยกเลิกสัญญาหลังจากเซ็นไปแล้ว นั่นเป็นเพียงวิถีในการทำงานของโลกธุรกิจ มันไม่ใช่ฉันกำลังฉกธุรกิจของนาย แต่ชางซื่อกรุ๊ปยังไม่แข็งแกร่งพอ ดังนั้นลูกค้าจึงเลือกจ้านซื่อกรุ๊ปแทน"“ธุรกิจก็คือธุรกิจ เรื่องส่วนตัวก็เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าหวังว่าฉันจะยอมคุณง่ายๆ”ซางหวู่เหิงพูดไม่ออก “จ้านหยิน นายมีความกล้าจริงๆ”จ้านหยินยังคงเฉยเมย "แน่นอนว่าฉันมีความกล้า แต่... แต่งงานมาตั้บงหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีลูกเลย ร่างกายนายมีปัญหา? ในฐานะที่นายเป็นญาติของไห่ถง ฉันจะได้แนะนำให้นายรู้จักกับหมอเทวดาที่จะช่วยรักษานายเอง""ฉันไม่มีอะไรผิดปกติ! ฉันกับภรรยาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขและไม่รีบร้อนที่จะมีลูก"ซางหวู่เหิงโ
เช้าตรู่ขนาดนี้ ใครมากัน?หลังจากนั้นไม่นาน ไห่ถงลงไปก็พบกุญแจเปิดประตูบ้านหลักออกไปก่อนและเดินออกไป เห็นคนยืนอยู่ที่ประตูวิลล่าแต่ไกล ถือถุง 2 ใบในมือทั้งสองข้าง หน้าเหมือนคนส่งอาหาร“คุณหนูไห่ สวัสดีตอนเช้าครับ”ผู้จัดการโจทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม“คุณนี่เอง อรุณสวัสดิ์ค่ะ”ไห่ถงไม่ได้คาดคิดว่าจะเป็นผู้จัดการของโรงแรมกวนเฉิงผู้จัดการโจยกถุงในมือแล้วยิ้ม "คุณจ้านโทรหาผมเมื่อคืนนี้ เพื่อสั่งอาหารเช้าสองที่ให้มาส่งในเวลานี้ ผมจึงมาส่งแต่เช้าและรบกวนคุณหนูไห่"ไห่ถงคิดกับตัวเองว่า เธออยู่กับจ้านหยินเกือบทั้งคืน และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่เขาจัดให้ผู้จัดการโจมาส่งอาหารเช้าเขามักจะรับประทานอาหารเช้าที่จัดส่งจากโรงแรมกวนเฉิงเสมอแม้ว่าเขาจะทำงานให้กับจ้านซื่อกรุ๊ปและได้รับส่วนลดที่โรงแรมกวนเฉิง แต่เขาก็ไม่ควรจะพึ่งพาบริการของพวกเขาเสมอไปใบหน้าของไห่ถงยิ้ม เปิดประตู ขอบคุณผู้จัดการโจ และรับอาหารเช้าทั้งสองที่ จากนั้นเธอก็ถาม: "ผู้จัดการโจ ราคาเท่าไหร่คะ ฉันจะจ่ายเอง"จ้านหยินบอกเธอว่าวิลล่าหลังนี้จ่ายแค่เงินดาวน์เท่านั้น และพวกเขายังมีค่าจำนองรายเดือนอยู่ แม้ว่าในเวลาต่อมาเขาจะเก็บ
ตอนนี้ยังไม่มีลูก สองสามีภรรยาก็สามารถใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลเมื่อมีลูก ค่าใช้จ่ายก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก และการเลี้ยงลูกก็แพงมาก ไม่เช่นนั้นจะเรียกเด็กว่าเป็นเครื่องสูบเงินได้อย่างไร“ฉันก็มีรายได้เหมือนกัน สำหรับครอบครัวเล็กๆ นี้ฉันจะออกค่าใช้จ่ายในบ้านบางส่วนเอง คุณควรประหยัดเงินได้มากขึ้น หากพวกเรามีเงินออมมากพอ ก็เอาเงินไปจ่ายค่าบ้านที่ค้างไว้ก่อนเถอะ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี จ่ายให้หมดแล้ว ก็จะโล่งใจเร็วขึ้น”เธอไม่ได้เสนอเงิน เพื่อช่วยเหลือเรื่องการจ่ายค่าผ่อนบ้านวิลล่าแห่งนี้ยังเป็นทรัพย์สินก่อนสมรสของจ้านหยิน และเขาจ่ายจำนองมาโดยตลอด เหมือนกับพี่สาวของเธอกับไอ้คนแซ่โจวเมื่อก่อนแม้ว่าเธอและจ้านหยินเพิ่งจะกลายเป็นคู่รักกัน และอยู่ในช่วงเวลาที่แสนหวาน ไห่ถงก็ควรหลีกเลี่ยงการเดินตามรอยพี่สาว นี่เป็นบ้านของเขา และเธอก็จะไม่คิดมาก แต่เธอก็จะไม่ช่วยผ่อนบ้านในกรณีที่ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไม่ลึกซึ้งพอ หากต้องหย่าร้างกันในอนาคต และเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน ก็จะมีแต่ทำให้เกิดข้อพิพาทแยกแยะให้ชัดเจนตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่าจ้านหยินวางคางบนไหล่ของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น: "ถงถง
“อีกไม่กี่วันบริษัทก็จะจัดประชุมประจำปี เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะเอาหนังสือเชิญกลับมาให้คุณ ในช่วงเย็นของงานคุณเปลี่ยนเป็นชุดราตรี ฉันจะกลับไปรับคุณหรือคุณจะขับรถไปที่นั่นเองก็ได้”“ทำไมฉันต้องเข้าร่วมการประชุมประจำปีของบริษัทของคุณด้วย ฉันไม่ใช่พนักงานของบริษัทของคุณด้วยซ้ำ”ไห่ถงไม่ชอบเข้าร่วมการประชุมเหล่านั้นแม้ว่าเธอจะไป ก็คงไปเพราะอาหารแต่ถ้าเธอไปกับจ้านหยิน เธอจะไม่สามารถดื่มด่ำกับอาหารได้อย่างอิสระ เหมือนที่เสี่ยวจวินพูดไว้ว่า งานเลี้ยงไม่สนุกเธออาจเชิญเสี่ยวจวินไปกินหม้อไฟแทนก็ได้“บริษัทอนุญาตให้เราอนุญาตพาสมาชิกในครอบครัวมาประชุมประจำปีได้ คนอื่นๆ จะพาครอบครัวมาได้ ฉันรู้สึกแปลกนิดหน่อยถ้าไม่พาครอบครัวไปด้วย”ไห่ถงมองเขาอย่างพูดไม่ออก“เย็นวันนี้ฉันต้องไปช่วยงานที่บริษัท ถ้าคุณรอให้ฉันไปรับอาจจะดึกหน่อย ฉันจะต้องทำงานให้เสร็จก่อนถึงจะมารับได้”“เอาล่ะ เมื่อถึงเวลาก็บอกฉันด้วย ฉันจะไปเอง คุณไม่จำเป็นต้องรีบกลับ เมื่อไปถึงทางเข้าบริษัทแล้ว คุณก็สามารถออกมาพบฉันได้ ฉันเดินเข้าไปด้วยตัวเองไม่ได้”จ้านหยินรู้สึกโล่งใจและพูด: "แน่นอน คุณเซินอาจจะอยู่ที่นั่นด้วย ประธานซูไ
ลู่ตงหมิงก้าวไปข้างหน้าและยื่นกังหันลมให้หยางหยางหยางหยางไม่รับกังหันลมจากเขา“ประธานลู่ หยางหยางมีของเล่นมากมายแล้ว”“ผมไม่ได้ซื้อของเล่นให้เขา ผมแค่เดินผ่านร้านขายของเล่น เห็นกังหันหมุนอย่างสวยงามที่ทางเข้า และคิดว่าหยางหยางคงจะชอบ วันนี้ลมแรงมาก ผมเลยซื้อมาให้เขา”ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เข้ามาที่นี่เขาอยู่ที่นี่เพียงเพื่อมอบกังหันลมให้กับหยางหยางลู่ตงหมิงยื่นกังหันลมให้ไห่หลิงแล้วพูด "คุณเอาให้หยางหยางเถอะ"ไห่หลิงคิดว่ามันเป็นแค่กังหันลม ไม่ใช่ของแพง เธอจึงยอมรับมัน ขอบคุณเขาแทนลูกชายของเธอ แล้วมอบกังหันลมให้กับหยางหยางหยางหยางรับมันลู่ตงหมิงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย “หยางหยางกลัวผมอยู่เสมอ พอผมให้กังหันลมกับเขา เขาก็ไม่รับ แต่เมื่อเป็นคุณแล้ว เขาก็จะรับมันทันที”ไห่หลิงหัวเราะ: “ฉันเป็นแม่ของเขา ฉันอุ้มท้องเขามาสิบเดือนและดูแลเขามาตั้งแต่เกิด ถ้าเขาไม่สนิทกับฉัน แล้วเขาจะสนิทกับใครล่ะ?”ลู่ตงหมิงยิ้มกว้างและพูด: "เมื้อกี้ผมพูดผิดไปแล้ว"เขามองไปรอบๆ ร้านแล้วถาม: "คุณมาทำอะไรที่นี่ทุกวัน?"ร้านนี้สะอาดมากตอนนี้มันสะอาดมาก แต่พอรีโนเวทหลัตรุษจีนแล้ว ก็จะกลับมาเละเท