“ศิษย์น้องหญิงเล็กหลังเสร็จสิ้นเรื่องในวิหารใหญ่ ศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่รีบนำขนมห่อนั้นมาหาเวินซื่อทันที“รีบเปิดดูสิว่าวันนี้นำสิ่งใดมาให้เจ้า!”ตอนศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่มาถึง เวินซื่อกำลังเก็บกวาดแปลงสมุนไพรภายในเรือนของนางหลังย้ายสือหูผิวเหล็กที่ปลูกก่อนหน้าออกไป ทำให้มีพื้นที่ว่างจากนั้นได้ย้ายสมุนไพรหายากอีกชนิดหนึ่งออกมาจากมิติ แล้วนำมาปลูกในแปลงสมุนไพรผืนเล็กเนื่องจากดินที่อยู่ภายในยังมีพลังวิญญาณหลงเหลืออยู่ เวินซื่อไม่อยากสิ้นเปลือง ดังนั้นครั้งนี้จึงย้ายสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่เพาะปลูกค่อนข้างยากออกมาอาศัยความพิเศษที่มีใบขนาดใหญ่ของสมุนไพรชนิดนั้น จึงแอบปลูกหญ้าฝรั่นไว้สองต้นในแปลงสมุนไพรตอนศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่มาถึง เวินซื่อกำลังแอบปลูกหนึ่งในต้นนั้นพอดีเมื่อเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เวินซื่อตกใจจนมือสั่น จนเกือบจะฝังหญ้าฝรั่นต้นนั้นลงไปทั้งต้นแต่เมื่อลองคิดดูอีกที คนภายนอกแทบไม่รู้เลยว่าต้นหญ้าฝรั่นหน้าตาเป็นอย่างไร นางจะกลัวทำไม?ดังนั้นเวินซื่อจึงปลูกอย่างใจเย็นต่อไปพร้อมกับตอบศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ไปด้วย “นำสิ่งใดมาให้หรือ? อาจารย์สั่งให้ศิษย์พี่หญิงนำมาให้ข้าหรือ?
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าคุกเข่า”เวินจื่อเฉินยื่นมือดันเขาออกไปหากจะเทียบพลกำลัง พวกเขาสองพี่น้องเขาแรงมากกว่าเวินจื่อเฉินหยิบขวานบนพื้นขึ้นมา เตรียมจัดการไม้แห้งท่อนหนึ่งที่เมื่อเช้าเพิ่งขนกลับมากระท่อมของเขาไม่แข็งแรงมากพอ จึงพักได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นดังนั้นเขาจึงคอยเก็บรวบรวมไม้ที่ซ่อมแซมบ้านได้ ไม้ท่อนนี้นำมาทำเสาเอกค้ำยันน่าจะเหมาะเจาะ“ข้ากับน้องสี่มาหาท่านตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งไม่ว่าพวกเราจะพูดอย่างไรท่านก็ไม่ไหวติงสักนิด ท่านไม่ได้กำลังรอให้พวกเราขอร้องท่านหรอกหรือ? !”เวินจื่อเยวี่ยมองดูเขาในยามนี้ที่ทำงานเหมือนไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เขาก็รู้สึกหงุดหงิดทันทีเขาเหยียบลงไปบนไม้ท่อนนั้น อีกทั้งยื่นมือไปแย่งขวานด้ามนั้นจากมือเวินจื่อเฉิน“หากวันนี้ท่านไม่ให้คำตอบพวกเรา ท่านก็อย่าหวังว่าจะได้จัดการไม้ท่อนนี้อย่างสงบ!”“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าต้องการทำสิ่งใด ข้าก็ไม่รู้ว่าพวกเจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด ดังนั้นข้าคงให้คำตอบใดกับพวกเจ้าไม่ได้”เวินจื่อเฉินมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกล่าวเสียงเรียบ“เพราะฉะนั้นพวกเจ้าไปเถอะ คืนขวานมาให้ข้า ต่อไปไม่ต้องมารบกวนข้าอีกแล้ว ข้ายั
จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่รองกลับมาแล้วขอรับ”เวินอวี้จือแจ้งเวินเฉวียนเซิ่งเวินเฉวียนเซิ่งวางพู่กันในมือลง แล้วกวาดมองเขาราบเรียบ “เขากลับมาเอง หรือว่าเจ้าเป็นคนพากลับมา?”“ลูกเป็นคนพากลับมาขอรับ”เวินอวี้จือหลุบตาลงเวินเฉวียนเซิ่งทำเสียงฮึดฮัดทันใดจากนั้นเขาลุกขึ้น “ไปเถอะ พ่อจะไปดูเขาสักหน่อย”นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวินเฉวียนเซิ่งมาเยือนห้องลับของเวินอวี้จือแต่เวินจื่อเยวี่ยและเวินจื่อเฉินสองพี่น้องฝาแฝดเพิ่งเคยเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่พวกบ่าวค้นพบห้องลับนี้ภายในห้องของเวินอวี้จือ แม้เวินเฉวียนเซิ่งจะโกรธ แต่ไม่ได้สั่งให้เขาปิดตายห้องนี้ ภายหลังกลับบอกเวินอวี้จือเป็นการส่วนตัวว่าให้เขาศึกษายาพิษของตนเองต่อไปได้เพียงแต่ห้ามใช้กับคนในครอบครัวโดยพลการกระนั้นนึกไม่ถึงว่าผ่านไปเพียงไม่นาน คำพูดของเวินเฉวียนเซิ่งกลับถูกทำลายโดยตัวเขาเอง“เจ้ารอง คิดว่าคำพูดต่างๆ เจ้าสามเจ้าสี่คงพูดกับเจ้าอย่างชัดเจนหมดแล้ว พ่อจะถามเจ้าเพียงคำเดียว เจ้าจะรับปากไปหาเวินซื่อหรือไม่?”เวินจื่อเฉินแตกต่างจากฝาแฝดเวินจื่อเยวี่ยที่ถูกถอนพิษผงเอ็นอ่อนไปตั้งแต่แรก ตอนนี้เขาถูกคนวางไว้บ
“เท่านี้ก็ได้แล้วหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่มองดูอยู่ข้างกันถามอย่างสงสัย“ขณะนี้ยากำลังออกฤทธิ์ เพราะให้กินในปริมาณมาก คงต้องรออีกสักพัก อีกครึ่งชั่วยามก็เรียกให้เขาตื่นได้แล้ว”“งั้นก็ดี ข้าจะเฝ้าเขาเอง”เวินจื่อเยวี่ยหันมองเวินจื่อเฉินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อ ท่านกับน้องสี่ออกไปพักด้านนอกเถอะ อีกเดี๋ยวข้าค่อยไปเรียกพวกท่าน”“ได้ ถ้างั้นที่นี่ขอมอบให้เจ้า”เดิมทีเวินเฉวียนเซิ่งคิดจะเฝ้าดูด้วยตัวเองแต่น่าเสียดายที่ตอนนี้สุขภาพของเขาไม่เป็นเหมือนก่อนนี้เมื่อเทียบกับเจ้าสี่ที่สุขภาพร่างกายอ่อนแอ เขาดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้นหลังจากรอให้พวกเขาออกไปแล้ว ภายในห้องลับมีเพียงเวินจื่อเยวี่ยกับเวินจื่อเฉินที่อยู่บนแท่นหินเพียงสองคนเวินจื่อเฉินนั่งอยู่ด้านข้าง สายตาจ้องมองพี่ชายฝาแฝดที่ใบหน้าเหมือนเขามากเขาอดถอนหายใจไม่ได้ “พี่รอง ท่านดูท่านสิ ไฉนจึงต้องทำเช่นนี้”เขาให้โอกาสเวินจื่อเฉินหลายครั้งแล้วแต่เสียดายที่พี่รองไม่ยอมรับปากตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ เขาเองก็ไม่รู้ว่ายาของน้องสี่เป็นอย่างไรบ้างหวังเพียงผลข้างเคียงอย่างรุนแรงนักและอย่าทำร้ายร่างกายพี่รองผู้ป่วยผู
“ปัง! ปัง! ปัง!”“เวินซื่อ เวินซื่อ! เจ้าไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”นอกอารามสุ่ยเยว่ เวินจื่อเฉินทุบประตูใหญ่อย่างบ้าคลั่งความเคลื่อนไหวอึกทึกครึกโครม จนทำให้ผู้มีจิตศรัทธาที่เข้าออกอารามตกใจกันหมด“นี่เขาเป็นอะไรไป?”“นี่เกิดเรื่องใดขึ้น?”“เวินซื่อ? นั่นไม่ใช่นามของธิดาศักดิ์สิทธิ์ก่อนออกบวชหรือ? คนผู้นี้มาหาธิดาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”“ดูเหมือนจะใช่ เอ๊ะ ช้าก่อน! ข้านึกออกแล้วว่าเขาคือใคร”“ใครหรือ?”“เขาคือคุณชายรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง อดีตพี่ชายคนรองของธิดาศักดิ์สิทธิ์”“เป็นเขาหรือ? แล้วทำไมเขาถึงทำท่าทางดุร้ายอย่างนั้น? ดูราวกับมาหาเรื่องธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างไรอย่างนั้น”“เฮ้อ พวกเจ้ายังไม่รู้...”ขณะนี้ผู้มีจิตศรัทธาในอารามสุ่ยเยว่ส่วนมากเป็นผู้มาจากต่างถิ่น แต่ก็มีชาวเมืองหลวงหลายคน หลังจากเห็นเหตุการณ์ จึงเล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงอย่างดุเดือดให้พวกเขาฟังอย่ากระตือรือร้นดังนั้นในไม่ช้า ผู้คนต่างรู้เรื่องบุญคุณความแค้นระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและธิดาศักดิ์สิทธิ์ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยที่เมื่อหันกลับมามองเวินจื่อเฉินใหม่ สายตาล้วนเปลี่ยนไปแล้วเวินจื่อเฉินไม่สั
ทั้งสองสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวนอกประตูใหญ่อารามสุ่ยเยว่ต่อไป“เวินจื่อเฉิน ท่านเป็นบ้าอะไร? กินยาผิดมาหรือ?”เวินซื่อไม่ได้อ้อมค้อมเหมือนศิษย์พี่หญิงอู๋ขู่ จ้องเวินจื่อเฉินเยือกเย็น ด่ากลับไปอย่างไม่เกรงใจสักนิด“เจ้าว่าอะไรนะ?”เวินจื่อเฉินเบิกตาโตทันใด “เจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไร? ถึงได้กล้าพูดจากับข้าที่เป็นพี่รองเช่นนี้? !”“อ่อ ใช่สิ ตอนนี้เจ้ามีฝ่าบาทกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนคอยหนุนหลัง แม้แต่จวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่อยู่ในสายตา นึกจะออกบวชก็ออกบวช ดูจากท่าทางของเจ้า คงไม่เห็นหัวพี่รองอย่างข้าแล้วสินะ? !”เวินซื่อรู้สึกว่าเขาแปลกประหลาดมากนางหรี่ตาทั้งคู่ลงเล็กน้อย “เวินจื่อเฉิน ตกลงท่านมาทำอะไรกันแน่?”“ที่ข้ามาไม่มีเรื่องอื่น แค่ขัดหูขัดตาท่าทางยโสโอหังของเจ้าในตอนนี้ ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ วันนี้หากเจ้าไม่ตามข้าไปพาน้องหกออกมาจากวังหลวง ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีวันสงบสุข!”“เพียะ!”เวินซื่อตบฝ่ามือลงไปบนใบหน้าเวินจื่อเฉินอย่างไม่เกรงใจนางจ้องมองอีกฝ่ายเยือกเย็น “ดูท่าคงกินยาผิดมาจริงๆ เป็นอย่างไร ได้สติขึ้นมาบ้างหรือไม่?”เวินจื่อเฉินกุมใบหน้าตัวเอง แล้วหันมองเวินซ
“พวก...พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ? !”เวินจื่อเฉินนอนกุมหัวตัวเองอยู่บนพื้น เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดที่รัวลงมาบนตัวเขาราวลมพายุฝนกระหน่ำ ทำให้เขาอดตะโกนเสียงดังไม่ได้ “ข้าเป็นคุณชายรองแห่งจวนเจิ้นกั๋วกงนะ”ทว่าหลังจากเสียงตะโกนของเวินจื่อเฉินดังขึ้น ผู้คนที่ล้อมเขาเอาไว้กลับลงมือหนักกว่าเดิม“จะตีคนจากจวนเจิ้นกั๋วกงอย่างพวกเจ้านี่ละ!”ผู้มีจิตศรัทธาจากต่างถิ่นซัดอย่างเมามันเพราะอย่างไรตีเสร็จพวกเขาก็จากไปต่อให้เจิ้นกั๋วกงร้ายกาจเพียงใด จะสามารถตามหากลุ่มคนต่างถิ่นที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อไปจนถึงสุดหล้าฟ้าเขียวได้หรือ?ยิ่งพวกชาวจินโจวยิ่งใจกล้ากว่าผู้ใดรอให้พวกเขาตีเสร็จกลับไปจินโจว เรื่องมีเกียรติที่ได้ปกป้องธิดาศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองเช่นนี้ พวกเขามิต้องป่าวประกาศไปสามวันสามคืนหรือ?รอให้ทุกคนตีจนพอสมควรแล้วเวินซื่อถึงได้เอ่ยปากห้ามทุกคนผู้มีจิตศรัทธาต่างถิ่นรีบหยุดทันใด“วันนี้ขอบคุณทุกคนมากที่ช่วยเหลือ”เวินซื่อเพิ่งเอ่ยปาก ผู้มีจิตศรัทธาจากจินโจวรีบกล่าวทันที “ธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่าได้เกรงใจพวกข้าเด็ดขาด!”“ถูกต้อง ถูกต้อง มีโอกาสปกป้องธิดาศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นเกียรติของพวกเรา!”“
หลังจู๋เยวี่ยออกไป เวินซื่อหลุบตามองเวินจื่อเฉินบนพื้น จากนั้นยื่นมือไปจับตัวเขาจากการหาบน้ำปลูกสมุนไพรในช่วงที่ผ่านมา ร่างกายของนางมีพละกำลังมากกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัดแบกคนน่าจะแบกไม่ไหว แต่ลากคนยังพอทำได้เวินซื่อลากตัวเวินจื่อเฉินที่ดิ้นรนเล็กน้อยเข้ามาภายในห้องหลังปิดประตู วินาทีต่อมา สองพี่น้องหายไปจากที่เดิมทันที“อื้อ?”แต่เดิมเวินจื่อเฉินเป็นคนฝึกยุทธ์อยู่แล้ว แม้จะถูกปิดตาเอาไว้ ทว่าเมื่อสภาพแวดล้อมรอบด้านเปลี่ยนแปลงกะทันหัน เขาสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้บ้างเหมือนกับตอนนี้ที่เพิ่งเข้าสู่มิติ เสียงรอบด้านที่หายไปฉับพลัน รวมถึงสภาพแวดล้อมที่เงียบสงัด ล้วนทำให้เวินจื่อเฉินรู้สึกถึงความผิดปกติแต่ว่าเขายังไม่ทันได้คิดมากกว่านี้ เวินซื่อก็กระชากตัวเขาให้ลุกขึ้นอีกครั้ง แล้วลากไปที่แท่นหินชั้นหนึ่ง“เวินจื่อเฉิน ท่านพูดอีกรอบสิ วันนี้ท่านมาทำอะไร?”หลังจากเวินซื่อดึงก้อนผ้าที่อุดปากของเขาออก พลางหอบเหนื่อยพลางเอ่ยถาม อีกทั้งยังนำเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ออกมาเวินจื่อเฉินได้ยินเพียงข้างหูมีเสียงก๊องแก๊งดังขึ้น ยังไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้ในที่สุดเมื่อ
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว