Share

บทที่ 100

Author: จิ้งซิง
ในฐานะบุตรสาวแห่งภรรยาเอกแห่งจวนเจิ้นกั๋วกง เวินซื่อย่อมรู้จักของเหล่านี้อยู่แล้ว

และนางไม่เพียงแต่รู้จักเท่านั้น แต่เมื่อก่อนยังเคยใช้บ่อย ๆ อีกด้วย

เพราะหลังจากที่มารดาล่วงลับไป จวนเจิ้นกั๋วกงก็มีนางเป็นบุตรสาวคนเดียว ดังนั้นในเวลานั้นเมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้รับสิ่งใดมาก็ตาม ก็จะมอบให้กับนางโดยตรง

แต่ต่อมาเมื่อมีเวินเยวี่ยเข้ามาในสกุลเวิน

เวินเยวี่ยแค่เอ่ยคำเดียวว่าชอบ ปริมาณยาหยกหิมะที่ส่งมาที่ห้องนางก็ลดลงจากสามขวด สองขวด หนึ่งขวด จนสุดท้ายก็ไม่เคยได้รับมันอีกเลย

ในเวลานั้นเวินซื่อที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็วิ่งไปหาเวินเฉวียนเซิ่งโดยตรง

เพื่อถามบิดาของตนว่า ทำไมถึงมอบยาหยกหิมะแก่เวินเยวี่ย แต่นางกลับไม่มีสักขวดเลย?

เวลานั้น ‘บิดาแสนดี’ พูดว่าอย่างไรนะ?

เวินซื่อลองนึกดูสักครู่

ใช่แล้ว ตอนนั้นเขาขมวดคิ้วพร้อมกับพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เพราะนางเป็นน้องสาวของเจ้า นางต้องลำบากลำบนมากมายตั้งแต่เด็ก เจ้าเป็นพี่สาวจะยอมเอื้อเฟื้อหน่อยไม่ได้หรือ?”

ด้วยคำว่า ‘พี่สาว’ นำหน้า เวินซื่อจึงต้องยอมแม้ว่าในใจจะรู้สึกคับข้องเพียงใดก็ตาม

นางในเวลานั้นยังมีความคิดอย่างไร้เดียงสา...

ช่างมันเถอะ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (11)
goodnovel comment avatar
WLFJ
รออัพเดตตอนใหม่อยู่นะคะ
goodnovel comment avatar
หญิงอุ๊ ลัดดาวัลย์
เศร้าาาเลย กำลังสนุก
goodnovel comment avatar
WLFJ
รออัพเนื้อเรื่องต่อนะคะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 101

    “ซือไท่หมายความว่าเช่นไร?”เป่ยเฉินหยวนแสร้งทำไม่เข้าใจ แล้วย้อนถามม่อโฉวซือไท่ กล่าว “อมิตตาพุทธ” แล้วหลุบตาเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจความหมายของข้า อารามสุ่ยเยว่เป็นพื้นที่แห่งพระพุทธศาสนา เหล่าเด็กที่มาออกบวชที่นี่ล้วนต้องตัดขาดจากโลกีย์ ผัสสะทั้งหกหมดจด อู๋โยวเองย่อมต้องเป็นเช่นนั้น”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเรียบเฉย “ความหมายของซือไท่ เห็นว่าข้ารบกวนการบำเพ็ญของอู๋โยวหรือ?”ม่อโฉวซือไท่ไม่ปฏิเสธความเงียบสงัดแผ่ซ่านออกมาจากทั้งสองผ่านไปสักครู่ เป่ยเฉินหยวนจึงเอ่ยเชื่องช้า “ข้ามีความสงสัยมาโดยตลอด เรื่องนี้คิดว่าซือไท่น่าจะทราบดี พอดีวันนี้ซือไท่อยู่ที่นี่ด้วย ขอซือไท่โปรดคลายความสงสัยให้ข้าด้วย”ม่อโฉวซือไท่ไม่ปฏิเสธเขา “เชิญท่านอ๋องกล่าวมาได้เลย”“ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือกล่าวไว้ พระพุทธองค์โปรดผู้มีบุญสัมพันธ์ เช่นนั้นท่านคิดว่าคนอย่างข้าพระพุทธองค์จะโปรดหรือไม่?”เป่ยเฉินหยวนยกมือขวาที่ถือกระบี่มาตลอดขึ้นเขามองดูมือข้างนั้น กระดูกมือเรียวยาว แต่กลับเต็มไปด้วยรอยแผลเช่นเดียวกันกับบาดแผลบนตัวเขาเหล่านั้นที่ปกปิดอยู่ใต้ร่มผ้า บิดเบี้ยวและน่าเกลียดเขากำมือแน่นขึ้น บรรยาก

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 102

    พวกนางบำเพ็ญอยู่ที่อารามสุ่ยเยว่อย่างลำบากอาหารอย่างพวกขนมเหล่านี้ ในยามปกติหากินได้ยากมากหลังจากได้รับอนุญาตจากม่อโฉวซือไท่ เวินซื่อรีบนำขนมหลายห่อนั้นไปหาพวกศิษย์พี่หญิงทันทีตอนที่กลับมาอีกครั้ง ในมือเหลือเพียงครึ่งห่อเท่านั้นเวินซื่อวิ่งกลับมาอย่างดีใจ แต่เพิ่งเห็นเป่ยเฉินหยวนจู่ ๆ นึกถึงบางอย่าง “โอ๊ย...”ดูเหมือนลืมเก็บไว้ให้ท่านอ๋องแล้ว...เป่ยเฉินหยวนแค่มองก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไร เขากำลังจะบอกว่าตัวเองไม่กินของพวกนี้ ให้เวินซื่อเก็บไว้กินเองแต่เมื่อคำพูดมาจ่ออยู่ที่ปาก เขาก็เปลี่ยนคำพูดพร้อมเลิกคิ้ว “ทำอย่างไรดี เหลือแค่นี้เองหรือ ข้ายังไม่ได้กินสักชิ้นเลย”เมื่อได้ยินดังนั้น เวินซื่อยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นขนมที่ท่านอ๋องเป็นคนซื้อมา นางดีใจไปชั่วขณะก็เลยคิดแต่จะแบ่งให้พวกศิษย์พี่หญิง กลับลืมเก็บไว้ให้ท่านอ๋องเวินซื่อทำหน้ากระอักกระอ่วนแล้วยื่นขนมครึ่งห่อให้เขา “ยังมีอีกนิด ท่านอ๋องกินหรือไม่?”“กินแน่นอน”เป่ยเฉินหยวนจ้องมองใบหน้าแดงระเรื่อของนาง ยื่นมือไปหยิบขนมออกมาจากห่อกระดาษไขเพียงหนึ่งชิ้น“แต่ข้าไม่ได้ชอบกินมากนัก ที่เหลือท่านเก็บไว้กินเองเถอะ”เวินซื่อป

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 103

    ที่แท้เป็นเช่นนี้มิน่าก่อนหน้านี้ตอนตอบแทนบุญคุณเป่ยเฉินหยวน เขาแค่บอกให้นางสวดมนต์ให้เขาฟังหลาย ๆ ครั้งเท่านั้นหลังจากเข้าใจแล้วเวินซื่อรู้สึกโล่งอกอย่างสิ้นเชิง“ท่านอ๋องทำเพื่อบ้านเมืองเพื่อราษฎร มีผลงานมากมาย ยามนี้ต้องทุกข์ทรมาน พวกข้าสมควรช่วยท่านอ๋องแบ่งเบา”เวินซื่อยิ้มอย่างจริงใจ “หากเสียงสวดมนต์ของข้าทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ถือเป็นเกียรติของข้า”ราชวงศ์ต้าหมิงสามารถอยู่เย็นเป็นสุขเช่นนี้ได้ เรียกได้ว่าเป็นผลงานของท่านอ๋องเทพสงครามผู้นี้แน่นอนเมื่อขุนนางผู้มีคุณร้องขอ นางย่อมไม่อิดออดอีกทั้งเป็นเพียงคำขอร้องเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นนางรับปาก รอยยิ้มบนใบหน้าของเป่ยเฉินหยวนเบิกบานยิ่งกว่าเดิม“ต่อไปหากท่านทรมาน มาหาข้าได้ตลอดเวลา ไม่ต้องนำสิ่งใดมาให้ข้าก็มาหาได้”คราวนี้เวินซื่อนึกว่า ก่อนหน้านี้ที่เป่ยเฉินหยวนนำของมากมายมาให้นางเพราะต้องการซื้อตัวนางตอนนี้ในเมื่อนางรู้ความจริง ต่อไปคงรับไว้ไม่ได้อีกแล้วเรื่องนี้เป่ยเฉินหยวนไม่ปฏิเสธ เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อไปค่อยว่ากัน”วันเวลาหลังจากนี้เมื่อมีเหตุผลที่ถูกต้องเป่ยเฉินหยวนขยันไปอารามสุ่ยเยว่มากกว่าเดิม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 104

    “เหอะ? พวกเราจวนจงหย่งโหวรังแกเจ้าหรือ?”เวินหย่าลี่ทำสีหน้าน่าขัน เอ่ยกับเวินซื่ออย่างไม่ยี่หระ “เวินซื่อ เจ้าอย่าเสแสร้งแกล้งทำอีกเลย ตกลงเจ้าขโมยสิ่งใดไปจากข้า เจ้ารู้อยู่แก่ใจดี ยังต้องให้ข้าเอ่ยปากเปิดโปงเจ้าด้วยตัวเองอีกหรือ?”“อย่ามาโยกโย้กับข้า”เวินซื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย “ในเมื่อท่านคิดว่าข้าขโมยของมาจากจวนจงหย่งโหว เช่นนั้นก็พูดให้ชัดเจนต่อหน้าธารกำนัลไปเลย!”“ดี ดี เดิมทีข้ายังเห็นแก่พี่ใหญ่ไว้หน้าเจ้าบ้าง แต่ในเมื่อเจ้าไร้ยางอายขนาดนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวเหมือนกัน”เวินหย่าลี่สั่งให้หัวหน้าสาวใช้เดินออกไปหัวหน้าสาวใช้ก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว แล้วเอ่ยกับเวินซื่อและศิษย์พี่หญิงข้างกายนางอย่างเย่อหยิ่ง “หลายวันก่อนเจ้าอารามสุ่ยเยว่ม่อโฉวซือไท่ พร้อมด้วยธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงไปพบฮูหยินผู้เฒ่าที่จวนจงหย่งโหว แต่วันนั้นหลังจากพวกเจ้ากลับไป ยาหยกหิมะภายในห้องเก็บสมบัติของฮูหยินหายไปถึงสามขวด”เวินหย่าลี่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วเอ่ยขึ้น “หลายวันนั้นนอกจากพวกเจ้า ไม่เคยมีใครไปเยือนจวนจงหย่งโหวอีกเลย หากพวกเจ้าไม่ได้ขโมยแล้วใครขโมยไป?”“ยาหยกหิมะหรือ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 105

    ทั้งที่เป็นอาหญิงแท้ ๆ ของนางแต่กลับเกลียดชังนางถึงเพียงนี้ในใจเวินซื่อผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งคนในตระกูลเวินจะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะทำร้ายนางได้อย่างแสนสาหัส“เดิมเจ้าก็เป็นคนใจคอโหดเหี้ยม ริษยาจนเป็นนิสัย จิตใจคับแคบอยู่แล้ว!”เวินหย่าลี่ชี้หน้านางพร้อมกับด่าทออย่างดูแคลนที่สุดโดยไม่ลังเล “เจ้าไม่เคารพผู้ใหญ่ ไม่เคารพพี่ชาย อีกทั้งยังใช้วิธีโหดเหี้ยมไปทำร้ายเวินเยวี่ยน้องสาวของเจ้า นังเด็กที่มีแม่ให้กำเนิดแต่ไม่มีแม่สั่งสอนอย่างเจ้า หากเดินไปสู่ทางผิดข้าเองก็ไม่สงสัยแม้แต่น้อย”“พูดจบหรือยัง?!”เวินซื่อเงยหน้ามองเวินหย่าลี่ด้วยความโมโห“มีแม่ให้กำเนิด แต่ไม่มีสั่งสอนหรือ?”ดวงตานางแดงก่ำ ลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ “ถูกต้อง ข้ามีแม่ให้กำเนิดไม่มีแม่สั่งสอน แล้วท่านที่พูดกับลูกหลานด้วยคำพูดที่ร้ายกาจทำร้ายจิตใจ ท่านที่เป็นถึงฮูหยินจงหย่งโหว เป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนเจิ้นกั๋วกงในอดีต ได้รับการสั่งสอนมาเช่นไรหรือ?”“หุบปาก! เจ้ายังกล้าต่อปากต่อคำกับข้าหรือ!”เวินหย่าลี่ลุกพรวดทันที ไฟโทสะที่ลุกโชนทำให้นางลืมสถานะระหว่างนางกับเวินซื่ออีกครั้ง จากนั้นจึงพุ่งเข้าไปตามสัญชาตญาณ ยกมือหมาย

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 106

    หลังจากเวินซื่อสะบัดเวินหย่าลี่ นางถูกสาวใช้ประคองเอาไว้ จากนั้นชี้นิ้วที่สั่นเทาไปหาเวินซื่อ “ดี ดี! เจ้าคอยดูเถอะ เรื่องนี้ข้าไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่!” มาอย่างดุดัน กลับไปอย่างทุลักทุเลหลังเวินซื่อละสายตา พลันหันหลังกลับเข้าอารามทันทีทิ้งไว้เพียงฝูงชนกลุ่มหนึ่งที่ยังข้องใจไม่หาย“เพราะฉะนั้นแล้ว ตกลงธิดาศักดิ์สิทธิ์ฝูหมิงได้ขโมยยาหยกหิมะของจงหย่งโหวฮูหยินหรือไม่?”“นี่ยังต้องถามอีกหรือ บทสรุปชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”“จงหย่งโหวฮูหยินสงสัยว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ขโมยยาหยกหิมะของนางไป แต่นางก็ไม่มีหลักฐาน ส่วนธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดเผยจริงใจ ดังนั้นข้าคิดว่านางไม่ได้ขโมย”“จะว่าอย่างนั้นคงไม่ได้ ข้าว่าจงหย่งโหวฮูหยินเองก็มีเหตุผลให้สงสัย ก่อนออกบวชชื่อเสียงของธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่สู้ดีนัก ข้าคิดว่าหากนางต้องการแก้แค้นจงหย่งโหวฮูหยิน ก็ใช่ว่าจะทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้”“เจ้าโง่หรือ? หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ขโมยจริง นางยังกล้าบอกว่าจะไปกราบทูลต่อหน้าพระพักตร์หรือ?”“ทว่าก็ยังไม่ได้ไปกราบทูลไม่ใช่หรือ ไม่แน่อาจแค่ข่มขู่เท่านั้นล่ะ? อย่างไรข้าก็ไม่เชื่อคนนิสัยอย่างเวินซื่อหรอก”หลังจากฝูงชนที่อยู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 107

    เมื่อได้ยินคำพูดของเวินจื่อเฉิน บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดสีหน้าของเวินเยวี่ยแข็งข้างไปชั่วขณะมือที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่น ในใจรู้สึกรำคาญเวินจื่อเฉินที่พูดโพล่งออกมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอย่างที่สุดทั้งที่คราวก่อนเจ้าโง่นี่ถูกนังแพศยาทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทำไมตอนนี้จึงดูเหมือนสนใจนังแพศยานั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ล่ะ?หรือสมองของเวินจื่อเฉินมีปัญหา?คนอื่นยิ่งเกลียดเขา เขาก็ยิ่งอยากเสนอหน้าไปทำดีด้วยงั้นหรือ? !นอกจากเวินจื่อเฉิน เวินฉางอวิ้นที่อยู่ข้างกันตะลึงไปสักครู่จึงรู้สึกตัว“วันนี้เป็นวันที่หนึ่ง เป็นวันเกิดของน้องห้าจริง”ระหว่างที่พูดอย่างนั้น สีหน้าเวินฉางอวิ้นสับสน ในใจพลันเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาบ้างหากไม่ใช่น้องรองเอ่ยขึ้นกะทันหัน เขาเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วเวินจื่อเยวี่ยขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ “จู่ ๆ พี่รองเอ่ยถึงนางทำไม? ตอนนี้นางไม่ใช่คนตระกูลเวินแล้ว จะเป็นวันเกิดของนางหรือไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา”เวินอวี้จือยกถ้วยน้ำชาของตัวเอง แล้วจิบหนึ่งคำ โดยไม่ได้พูดอะไรเวินฉางอวิ้นนึกถึงท่าทางเย็นชาที่เวินซื่อแสดงออกก่อนหน้านี้ อดหันไปมองผู้ที่นั่งตรงตำแหน่งประธานไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 108

    อย่างไรเขาก็ไม่เข้าใจว่าพี่ใหญ่กับพี่รองคิดอะไรกันอยู่ยามนี้ทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นเอาใจใส่เวินซื่อมากทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ไม่สนใจไม่ใส่ใจเวินซื่อแม้แต่น้อย พี่รองยิ่งลงไม้ลงมือกับเวินซื่อ ไม่มีใครดีกับนางสักคนตกลงพวกเขาเป็นอะไรไป?เพราะเวินซื่อให้พวกเขากินยาเสน่ห์ จนทำให้พวกเขาลืมไปว่าก่อนนี้เวินซื่อเป็นคนใจดำอำมหิตขนาดไหนงั้นหรือ?“พี่สาม อย่าพูดเช่นนี้ เกิดพี่หญิงห้าได้มายินคำพูดเช่นนี้ของท่าน นางจะเสียใจนะเจ้าคะ”เวินเยวี่ยที่ออกมาพร้อมกัน แม้ปากจะบอกให้เวินจื่อเยวี่ยอย่าพูดเช่นนี้ ทว่าในใจกลับพอใจมากโชคดีที่เวินจื่อเยวี่ยยังอยู่ในการควบคุมของนาง เพราะชายหนุ่มที่ดูเคร่งขรึมคนนี้ เป็นคนที่ดื้อดึงที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คนเมื่อเขาปักใจว่าเวินซื่อคือคนที่ใจคอโหดเหี้ยม มันจะไม่เปลี่ยนแปลงเพราะคำโน้มน้าวจากผู้อื่นเด็ดขาดดังนั้นหากเวินเยวี่ยอยากใช้เขาเล่นงานเวินซื่อ พูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก“อย่าว่าแต่ตอนนี้นางไม่ได้ยิน ต่อให้นางยืนอยู่ตรงหน้าข้า ก็ไม่มีสิ่งใดที่ข้าเวินจื่อเยวี่ยไม่กล้าพูด”น้ำเสียงของเวินจื่อเยวี่ยใจร้ายมาก ทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนสะบัดแขนเสื้อจา

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 309

    “เสียใจอะไร?”เวินจื่อเฉินขมวดคิ้ว มองดูทั้งสองด้วยความไม่เข้าใจ “ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่ดีมาก”แม้ว่าจะตัดขาดจากความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งของจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ใช้ชีวิตเหน็ดเหนื่อยขึ้นเล็กน้อย ยุ่งขึ้นเล็กน้อยแต่ชีวิตแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายทางจิตใจอย่างที่ไม่เคยได้เจอมานานโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากถูกงูพิษกัดในครั้งนั้น เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ท่าทีของน้องสาวที่มีต่อเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้วแม้ว่าเขาจะยังไปพบน้องสาวไม่ได้ แต่สิ่งของที่เขาส่งไปที่อารามสุ่ยเยว่ก็ไม่เคยถูกส่งคืนมาเวินจื่อเฉินรู้สึกว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งน้องสาวจะให้อภัยเขาดังนั้นเขาจึงไม่เสียใจ“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยธุระอันใด? รีบบอกมาเร็ว อย่าทำให้ข้าเสียเวลาทำงานอีกเลย”ค่าจ้างของเขาในวันนี้จะคิดเป็นชั่วยามหากทำงานน้อยลง ค่าจ้างก็จะถูกคนอื่นหักไปเวินจื่อเฉินยังต้องการหาเงินให้มากขึ้นเพื่อซื้อขนมอบให้น้องสาว ไม่อยากให้ค่าจ้างของตัวเองถูกหักไปเวินจื่อเยวี่ยมองดูเวินจื่อเฉินในสภาพเช่นนี้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกรังเกียจ “ข้าว่านะพี่รอง ท่านดูสิว่าตอนนี้ท่านอยู่ในสภาพไหน? ผมคลุกฝุ่น

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 308

    สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งถอนกลับจากภายนอกอย่างช้า ๆ เขาเหลือบมองขาของเวินจื่อเยวี่ยอย่างเฉยชา“ยังไม่รู้ว่าเป็นนางจริง ๆ หรือเปล่า แต่คาดเดาว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างตัดไม่ขาด”“ข้ารู้อยู่แล้ว!”เวินจื่อเยวี่ยพูดอย่างโกรธเคือง “เวินซื่อจะไม่ปล่อยน้องหกไปแน่! คราวก่อนก็ใส่ร้ายน้องหกว่าขโมยกระดูกของท่านแม่ไป ตอนนี้แทนที่จะยอมรับผิดกลับเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ซ้ำยังกล้าโกหกและร้องเรียนต่อฝ่าบาท ทำให้น้องหกถูกขังไว้ในวัง!”เมื่อได้ยินคำพูดครึ่งแรกของเวินจื่อเยวี่ย เวินเฉวียนเซิ่งก็นิ่งไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง“ในเมื่อมีความเกี่ยวข้องกับเวินซื่อ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไปหานางอีกหรือ?”เวินอวี้จือขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะไปพบเวินซื่อสักเท่าใด“ถ้าพวกเจ้าไม่อยากไป ก็สามารถไปหาพี่รองของพวกเจ้าได้”เวินเฉวียนเซิ่งเสนอความคิดให้พวกเขาอย่างเฉยชาเมื่อเวินอวี้จือได้ยินดังนั้น ก็ลูบคางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรขึ้นมาเวินจื่อเยวี่ยลังเลเล็กน้อย “พี่รองเขาจะตอบตกลงไหม?”ครั้งที่แล้วตอนที่เวินจื่อเฉินออกจากจวนเจิ้นกั๋วกง ก็เอะอะโวยวายกว่าพี่ใหญ่เสียอีกสีหน้ามีแว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 307

    “ท่านพ่ออีกคน ท่านก็เหมือนกัน ลูกรู้ว่าท่านลำเอียงเข้าข้างน้องหก แต่หัวใจของท่านก็อย่าเอนเอียงจนเกินไป!”เวินฉางอวิ้นจ้องเขม็งใส่บิดาท่านนี้ที่เขาเคยเคารพศรัทธามาโดยตลอดทั้ง ๆ ที่เคยเป็นแบบอย่างที่เขาอยากเดินตาม แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอะไร ๆ ล้วนไม่จริง!ตัวตนของน้องหกก็ไม่จริงความรู้สึกของพ่อที่มีต่อแม่ก็ไม่จริงยังมีภาพลักษณ์พี่ชายที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของเขา ก็ไม่จริงเช่นกัน!เขาไม่สมควรที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น!เมื่อนึกขึ้นมาในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจมากจริง ๆทั้ง ๆ ที่เขาเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวนี้ แต่กลับไม่ห้ามน้องสาวออกบวช และไม่ได้เกลี้ยกล่อมน้องชายที่ออกจากบ้านให้กลับมาบัดนี้เมื่อเขาได้สติในที่สุด ก็ได้สูญเสียน้องห้าและน้องรองไปแล้วเวินฉางอวิ้นมองดูน้องชายสองคนที่เหลืออยู่ในบ้าน มองดูพวกเขาเหมือนกับตัวเองเมื่อก่อนทุกประการ ท่าทางไม่มีสติเลยแม้แต่นิดเดียวเขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องสาม น้องสี่ ดูแลครอบครัวนี้ให้ดี หากพวกเจ้ายังไม่ได้สติอีกล่ะก็ ครอบครัวนี้ก็จะแตกแยกจริง ๆ แล้ว!น่าเสียดายที่เวินจื่อเยวี่ยไม่เข้าใจเวินอวี้จือก็ไม่เข้าใจเช่นกันพวกเขามองพี่ใหญ่ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 306

    การระเบิดคำถามอย่างกะทันหันของเวินฉางอวิ้น ทำให้ทั้งเวินจื่อเยวี่ยและเวินอวี้จือที่ตั้งใจจะคุยกับเวินจื่อเยวี่ยตกตะลึงไปเวินเฉวียนเซิ่งไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเหลือบมองเวินฉางอวิ้นเวินจื่อเยวี่ยเปิดปาก อยากจะพูดบางอย่างเพื่อโต้แย้ง แต่สุดท้ายก็แค่บ่นด้วยความอึดอัดใจ “นั่นจะโทษตัวนางก็ไม่ได้ และไม่ใช่พวกเราที่บีบบังคับให้นางออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้นี่”เวินฉางอวิ้นยิ้มเยาะ โยนมาให้เขาแล้ว พลางเอ่ยอย่างราบเรียบ “น้องสาม ดวงตาของเจ้าบอดแล้ว ข้าก็เช่นกัน พวกเราทุกคนก็เช่นเดียวกัน”“มีเพียงน้องรองเท่านั้นที่ได้สติแล้ว เขาเข้าใจทุกอย่าง ดังนั้นจึงไปจากบ้านหลังนี้โดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนน้องห้า”“ได้สติอะไร แค่ออกไปเป็นคนโง่เท่านั้นเอง”เวินจื่อเยวี่ยกล่าวอย่างไม่แยแส“พี่ใหญ่ ท่านไม่ได้แอบไปดูหรือ? เขาออกจากจวนเจิ้นกั๋วกงของเรา แม้แต่ที่อยู่อาศัยของตัวเองยังหาไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำได้เพียงออกไปสร้างกระท่อมฟางโทรม ๆ เหมือนขอทาน นี่น่ะหรือได้สติอย่างที่พี่ใหญ่ว่า? ข้าว่าเขาเป็นแค่เรื่องขำขันมากกว่า”แต่เวินฉางอวิ้นกลับเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเวทนา“เจ้าบอกว่าน้องรองเสียสติ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 305

    จวนเจิ้นกั๋วกงห้องหนังสือ“ท่านพ่อ พี่ใหญ่ ข้าไม่นึกเลยว่าพวกท่านจะปฏิบัติกับน้องหกแบบนี้!”“พวกท่านรู้ดีว่าวังหลังนั่นคือสถานที่อะไร รู้ดีว่าพระองค์เกรงกลัวจวนเจิ้นกั๋วกงของเราแค่ไหน พวกท่านยังกล้าวางใจทิ้งน้องหกไว้ที่นั่นอีก!”“ถ้าน้องหกอยู่ในวังถูกข่มเหงรังแกจะทำอย่างไร? หากพวกเราไม่ได้อยู่ใกล้ตัวนาง ใครจะสามารถปกป้องนางได้?!”“ได้ ได้! ในเมื่อพวกท่านไม่ไปหานาง ถ้าอย่างนั้นข้าจะไป!”“หากรู้ตั้งแต่แรกว่าวันนั้นหลังจากน้องหกตามพวกท่านเข้าวังไปแล้ว จะถูกพวกท่านทิ้งไว้ที่นั่นล่ะก็ ต่อให้ขาข้างนี้ของข้าต้องพิการก็จะตามพวกท่านเข้าวังไปด้วย!”สกุลเวินในเวลานี้เกิดการโต้เถียงใหญ่โตมาสองวันแล้ว เพราะเรื่องที่เวินเยวี่ยเข้าวังพูดให้ถูกก็คือ ส่วนใหญ่เป็นการโวยวายเพียงฝ่ายเดียวของเวินจื่อเยวี่ยเป็นหลักแม้ว่าเวินอวี้จือจะไม่เอะอะโวยวายเหมือนกับเวินจื่อเยวี่ย แต่ทุกครั้งเมื่อเวินจื่อเยวี่ยเสียงดัง โดยพื้นฐานเขาก็ยืนอยู่ข้างเวินจื่อเยวี่ยเสมอส่วนพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งและเวินฉางอวิ้น ทั้งสองนั้นมีนิสัยใจคอเหมือนกัน ในตอนแรก ๆ ยังสามารถอดทนไว้ได้ อธิบายให้พวกเข้าฟังอย่างใจเย็น ไม่

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 304

    เหลียงหมอมอคือคนเก่าคนแก่ที่อยู่ข้างกายองค์ไทเฮา และไทเฮาก็เจาะจงสั่งให้มาอบรมกฎเกณฑ์แก่เวินเยวี่ยดังนั้นนางจึงตอบปฏิเสธคำร้องขอของเวินเยวี่ยอย่างไม่ลังเล “ขออภัยด้วยคุณหนูหกสกุลเวิน เนื้อตัวของท่านมีกลิ่นอายชนบทมากเกินไป เพื่อให้ท่านได้เรียนรู้กฎเกณฑ์และกลายเป็นผู้สูงศักดิ์ในวังได้โดยเร็ว บ่าวจึงต้องเข้มงวดกับท่านเล็กน้อย”เมื่อได้ยินคำว่า “กลิ่นอายชนบทมากเกินไป” สีหน้าของเวินเยวี่ยก็บึ้งตึงขึ้นมาอย่างทนไม่ไหวทันทีนังแก่นี่กล้าดูหมิ่นนางได้อย่างไร?เวินเยวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ พลางข่มไฟโทสะไว้ “แต่ว่าพระองค์ตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกเห็น หากข้าไม่ทันระวังได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้าในขณะที่เรียนรู้กฎเกณฑ์จากท่าน เกรงว่าหมอมอจะลำบากกระมัง?”ลูกไม้ตื้น ๆ แบบเวินเยวี่ยนี้ เหลียงหมอมอเคยเห็นมามากแล้วนางยิ้มเล็กน้อย “คุณหนูหกสกุลเวิน คำพูดของท่านนั้นไม่ถูกต้อง”เวินเยวี่ยไม่แยแส “ตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”“ไม่มีตรงไหนถูกต้องเลย พระองค์ทรงตกหลุมรักท่านตั้งแต่แรกเห็น ต้องการรับท่านเข้าวังในฐานะพระสนม ดังนั้นถึงให้ท่านเข้ามาเรียนรู้กฎเกณฑ์ในตำหนักของไทเฮา แต่ตอนนี้ท่านไม่เพียงแต่ไม่ตั้งใจเรียนรู

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 303

    เวินฉางอวิ้นทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ“ไม่ใช่ขนมอบถั่วเขียวหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นขนมกุ้ยฮวา?”รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินซื่อสดใสขึ้น แต่ก็เย็นชาลงเช่นกัน “ขนมกุ้ยฮวา พี่ใหญ่แน่ใจหรือ? คิดว่าเป็นขนมกุ้ยฮวาจริงหรือ? ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ลองเดาดูอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรทุกครั้งท่านก็เดาแม่นเช่นนี้เสมอ ทำไมไม่ลองดูหน่อยว่า น้องสาวที่น่ารำคาญอย่างข้าผู้นี้ มีของที่ไม่ชอบกินที่สุดมากน้อยแค่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของเวินฉางอวิ้นซีดเผือดอีกครั้งในชั่วประเดี๋ยวเดียว“ช่างมันเถอะ ข้าชอบกินอะไรมันเกี่ยวอะไรกับพี่ใหญ่ด้วยเล่า เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ พี่ใหญ่จำไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกติ”น้ำเสียงของเวินซื่อเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “เพราะถึงอย่างไรต่อให้ข้าไม่กิน แต่ก็ยังมีคนหนึ่งที่ชอบกินอย่างไรเล่า พี่ใหญ่รีบห่อกลับไปให้น้องสาวสุดที่รักผู้นั้นที่ท่านรักสุดหัวใจเถิด”“ไม่ใช่นะ...น้องห้าเจ้าฟังพี่ใหญ่อธิบายก่อน พี่ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจซื้อขนมอบถั่วเขียวที่เจ้าเกลียดมาให้ เพียงแต่ตอนนั้นซื้อไปโดย...จิตใต้สำนึก”เวินฉางอวิ้นร้อนใจจนพูดจาไม่คล่อง พูดถึงตอนท้ายเขาเองยังรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิมเมื่อคิดดูอย่างรอบคอบ ขนมอบถั

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 302

    “หากข้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าก็ไม่ใช่คน ขอให้ฟ้าผ่าลงทัณฑ์ข้า!”เวินฉางอวิ้นยืนรับรองอยู่ข้างนอกอารามสุ่ยเยว่เป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ลำคอแทบแห้งผาก ซือไท่เหล่านั้นถึงผ่อนคลายลง รับปากว่าจะช่วยเข้าไปพูดให้เขาแต่น่าเสียดายเหล่าซือไท่รับปากว่าจะบอกให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเวินซื่อจะตกลงออกไป“ไม่ไป”แค่สองคำที่มีกลับมาถึงเบื้องหน้าเวินฉางอวิ้นเวินฉางอวิ้นมีหรือจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้“เหล่าซือไท่ได้โปรดช่วยเกลี้ยกล่อมน้องสาวของข้าอีกครั้ง ข้าแค่อยากเห็นหน้านางเท่านั้น”“ไม่ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์บอกไปแล้วว่าจะไม่พบท่านก็คือไม่พบท่าน ท่านอย่ามาเสียเวลาที่นี่เลยดีกว่า รีบกลับไปเสียเถอะ”เหล่าซือไท่ที่ไม่ถูกชะตากับจวนเจิ้นกั๋วกงอยู่แล้ว หลังจากส่งต่อคำพูดจบแล้วก็รีบขับไล่เขาทันที ไม่อยากให้เวินฉางอวิ้นอยู่หน้าอารามสุ่ยเยว่ของพวกนางนานไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียวแต่พวกนางนึกไม่ถึงว่าวันนี้ขับไล่ไป แต่หลังจากนี้เวินฉางอวิ้นก็มาอีกทุกวันทันทีที่เสร็จงานในช่วงบ่าย ไม่ได้กลับไปที่จวนเจิ้นกั๋วกงด้วยซ้ำก็ตรงมาที่อารามสุ่ยเยว่เลยมาเคาะประตูทุกวัน รบกวนจนเหล่าซือไท่หาความสงบสุขไม่ได้สุดท้ายก็ต้อ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 301

    “ท่าน วันนี้มาได้อย่างไร?”เวินซื่อมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยนางรู้ว่าวันเหมายันมาเยือนของทุกปีในราชสำนักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าขุนนาง แต่ปีนี้นางไม่ได้ไปเพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่บุตรสาวภรรยาเอกของจวนเจิ้นกั๋วกงอีกแล้วฝ่าบาททรงส่งคนมาถามนาง แต่นางก็ยังปฏิเสธอย่างสุภาพเนื่องจากออกบวชเป็นชีแล้ว งานเลี้ยงสวดขอพรเหล่านั้นที่ไม่ต้องมีนางอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องไปอยู่แล้วแม้ว่าฝ่าบาทจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ก็หลีกเลี่ยงคำนินทากาเลไม่ได้อยู่แล้วนางไม่อยากเพิ่มความยุ่งยากใจให้ฝ่าบาทเกินไป“งานเลี้ยงสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงความสนุกสนานหลังจากร่ำสุรา ช่างน่าเบื่อหน่ายจริง ๆ สู้มาหาท่านดื่มกันสักจอกดีกว่า”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ข้าดื่มสุราไม่ได้”“ข้ารู้ ก็เลยนำชาอย่างดีมาให้ท่านจำนวนหนึ่ง”เป่ยเฉินหยวนชูถ้วยชาขึ้น พลางเชื้อเชิญนาง “ไม่ทราบว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีดื่มกับข้าสักถ้วยหรือไม่?”เวินซื่อไม่ได้เห็นเขามีท่าทีจริงจังขนาดนี้มานานแล้ว จึงอดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”สองคนนั่งลงด้วยกันเป่ยเฉินหยวนยื่นน้ำชาที่เพิ่งชงเสร็จเมื่อครู่ หลังจากปล่อยให้เย็นลงเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status