"อ๊ะ...!"เมื่อเห็นดาบยาวแทงเข้ามา ชายกล้ามสิ้นหวังโดยตรง ถึงกับส่งเสียงร้องด้วยความละอายเขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงยอดเยี่ยมที่มาครึ่งทางคนนี้ จะโหดเหี้ยมขนาดนี้พูดไม่ถูกใจก็ฆ่าไม่ได้เห็นสำนักสวนอู่ในสายตาเลย"หยุด!""อย่า!"ฉากที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทําให้สีหน้าของผู้เก่งในสำนักสวนอู่กลัวจนเปลี่ยนไปมากแต่พวกเขาจะหยุดก็สายเกินไปแล้ว"สาวน้อย อย่าฆ่าคน"ลู่เฉินส่งเสียงมาทันเวลา"หึ่ง!"ได้ยินเพียงเสียงเบาๆชิงเฟิงสามนิ้วของจ้าวหงยิงในที่สุดก็หยุดที่ไกลจากคอของชายกล้ามหนึ่งเซนติเมตรความเฉียบแหลมที่น่ากลัวได้ตัดผิวหนังไปแล้ว และเลือดไหลออกมาตราบใดที่ลู่เฉินตะโกนช้าไปอีก แม้ว่าจะเป็นเพียงศูนย์จุดกี่วินาที ชายกล้ามก็ต้องตายทันที"เอื๊อก!"ชายกล้ามกลืนน้ำลายหน้าเขาซีดและเหงื่อเย็น ๆ โผล่ออกมาเรื่อยๆความกลัวในสายตาเขายากที่จะควบคุมแค่เล็กน้อย เขาก็เกือบจะตายแล้วนี่แม่งเป็นผู้หญิงบ้ามาจากไหน?เจตนาฆ่าหนักขนาดนี้เลยเหรอ?คนอื่นจะคิดว่าทั้งสองฝ่ายมีความเกลียดชังอะไรกันมากน่ากลัวจริงๆ!"ถ้าคุณกล้าก่อความวุ่นวายอีก ระวังชีวิตของคุณนะ"จ้าวหงยิงพูดประโยคหนึ่งออกม
“ตอนนี้พวกคุณคนไหนจะเข้ามาก่อน”“ฉันก่อนละกัน”หญิงสาวอ้วนท้วมเสนอตัวเองคนแรกเดินเข้าไปทดสอบความแข็งคุณร่งของหมัดเครื่องทดสอบความแข็งแรงของการชกมวยนี้ผลิตขึ้นเป็นพิเศษและทำมาจากโลหะทั้งหมด ตรงกลางเป็นเป้าชกที่ยืดหยุ่นสำหรับการชกหลังจากชกหมัดออกไปแล้ว ค่าความแรงจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอเครื่องทดสอบความแข็งแรงของหมัดโดยอัตโนมัติ“พรรคพวกทุกท่าน ฉันจะทดสอบให้พวกคุณดู”หญิงสาวอ้วนท้วมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นชกไปที่เป้าหมายอย่างเต็มแรง“ปัง!”ได้ยินเพียงแค่เสียงดังปังเป้าชกมวยถูกชกจนกระแทกกับเครื่องทดสอบในเวลาเดียวกัน ตัวเลขสีแดงบนจอแสดงผลก็เริ่มแล่นอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็หยุดที่ 1250“เป็นไปได้ไง ผู้หญิงคนเดียวสามารถชกได้แรงถึง 1250กรัมเลยหรอ หรือว่าเขาแข็งคุณร่งกว่าฉันหรอเนี่ย”“มันน่าทึ่งจริงๆ ที่สามารถไปถึงระดับนี้ได้ด้วยความแข็งคุณร่งทางร่างกายโดยไม่ต้องใช้พลังงานใดๆ”ทุกคนซุบซิบอย่างประหลาดใจมากแค่เด็กผู้หญิงสิบเจ็ดสิบแปดปี ต่อยหมัดเดียวได้ผลลัพธ์ขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดมากๆ“เห็นหรือยังพละกำลังของหญิงสาวคนนี้”หญิงสาวอ้วนท้วมยิ้มอย่างภาคภูมิใจและโบกมือให้ลู่เฉินและคน
เมื่อมองดูตัวเลขสีแดงที่สะดุดตา ทุกคนต่างตกใจจนพูดไม่ออกรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไปอย่างสิ้นเชิง และถูกแทนที่ด้วยความตกใจไม่มีใครคาดคิดว่าลู่เฉินจะมีพลังที่น่าสะพรึงเช่นนี้ ชกออกไปหมัดเดียวด้วยพลังนับหมื่นกรัมทำให้คนตะลึงจริงๆ“เชี่ย!ไอ้หนุ่มนี้มาแต่ไหนเนี่ย ทำไมถึงโหดขนาดนี้”“ผมคิดว่าห้าพันกรัมนี่ก็สูงมากแล้วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้หนุ่มนี้จะชกได้เกินหนึ่งหมื่นกรัม!”“เชี่ย!เป็นตัวสัตว์ประหลาดแน่ๆเลย!”เมื่อเผชิญหน้ากับการแสดงอันน่าทึ่งของลู่เฉิน เหล่านักรบก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาและตกอยู่ในความตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนจากสาขาเส้าหยางของสำนักสวนอู่ที่แสดงสีหน้าไม่เชื่อศิษย์พี่สองของพวกเขาทุ่มสุดกำลังแรงกายก็สามารถชกได้เพียงห้าพันกรัม สุดท้ายไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างหน้านี้ชกได้ถึงหนึ่งหมื่นเก่งกว่าทุกคนโดยสิ้นเชิง!การชกนี้มันช่างโหดเหี้ยมจริงๆ!“เป็นไปได้ยังไง ทำไมผู้ชายผอมๆคนนี้ถึงได้แข็งคุณร่งขนาดนี้ หรือว่ามันจะใช้กำลังภายในของมัน” หญิงสาวอ้วนท้วมสังสัย“ถ้าใช้กำลังภายใน เครื่องทดสอบจะแสดงผลลัพธ์ไม่ได้ ดังนั้นหมัดเมื่อกี้คือพละกำลังของมันจริงๆ” ข้างๆมีคนอธิบายขึ้นมา
หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง ทั่วทั้งสนามก็ตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้งแต่ละคนเบิกตากว้างและมองดูค่าบนหน้าจอแสดงผลด้วยความไม่เชื่อหนึ่งหมื่นกรัมของลู่เฉินก็โหดมากพอแล้ว สามารถเลื่อนขั้นได้เลยคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีตัวประหลาดที่แข็งคุณว่งกว่าปรากฎตัวขึ้นในตอนนี้หนึ่งหมื่นสี่พันกว่ากรัม เป็นการทุบสถิติก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์อีกด้วยช่างน่ากลัวเสียจริงๆ!“ฮ่าๆๆๆ... ศิษย์พี่ห้ายอดเยี่ยมไปเลย!”หญิงสาวอ้วนท้วมกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ“ไม่เสียแรงที่พละกำลังมาโดยกำเนิด”พี่น้องคนอื่นๆ ต่างก็ดูประหลาดใจเช่นกันผู้ชายร่างกำยำชอบทำตัวเด่น พวกเขาก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วยเช่นกัน“ลูกพี่ โหดมาก ชกหมัดเดียวก็ทำลายสถิติในประวัติศาสตร์ได้”พนักงานของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เบิกตากว้าง ยกย่องนับถือ“เหอะๆ.... นี่คืออะไรหรอ เมื่อกี้ฉันแค่อุ่นเครื่องแค่นั้น ครั้งนี้ฉันจะเอาจริงแล้วนะ!”ชายร่างล่ำกำหมัด ขยับคอ แล้วโบกมือให้ทุกคนหลีกทางเขาหายใจออกเสียงดัง ต่อยด้วยหลังมือ และโจมตีไปที่เป้าหมายอย่างแรง“ปัง!”เสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้งเครื่องทดสอบสั่นสะเทือนอยู่หลายครั้งในขณะเดียวกัน ตั
ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นว่าเครื่องทดสอบหมัดถูกชกห่างออกไปมากกว่าสิบเมตรยืนอึ้งอยู่ที่เดินไม่ขยับและไม่มีการตอบสนองดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่เข้าไปได้เป็นฟองแค่ฝันพวกเขาก็ไม่อยากจะคิด อยู่ๆก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเพียงแค่หมัดเดียวก็ทำลายเครื่องทดสอบหมัดได้เป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย!“ผม....ผมไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม เครื่องทดสอบหมัดถูกชกจนกระเด็น”“เชี่ย!ตัวประหลาดนี้มันผุดมาแต่ไหนเนี่ย!”“ไม่เคยเจอมาก่อนเลย ไม่เคยเจอมาก่อนเลยจริงๆ!”หลังจากที่เงียบสงัดไปพักหนึ่ง ทั้งสนามก็ระเบิดในทันทีทุกคนต่างมองที่สายตาของลู่เฉินต่างก็เหมือนเห็นปีศาจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ!บอกว่าชกแรงจนตัวเลขสูงลิ่วก็ยังกัดฟันรับได้ตอนนี้หมัดเดียวทำเครื่องระเบิด ใครจะรับมือไหวเนี่ย“ไม่....เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ทำไมเขาถึงเก่งกว่าศิษย์พี่ห้า”หญิงสาวอ้วนท้วมส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง แทบไม่อยากจะเชื่อกับภาพที่อยู่ข้างหน้าเธอศิษย์พี่ห้ามีพละกำลังมาโดยกำเนิด ก็ยังชกได้แค่หนึ่งหมื่นห้าพันฝ่ายตรงข้ามผอมยังกับอะไรทำไมชกได้โหดเหี้ยมขนาดนี้“เมื่อกี้.....ถึงขั้นระเบิดเลยหรอ!”ศิษย์พี่สองและพ
“นี่..... ”พนักงานพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ค่อนข้างลำบากใจตอนนี้เครื่องก็พังเรียบร้อยแล้ว โกงหรือม่โกงนั้นก็ไม่รู้ยกเลิกผลคะแนน ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลยอีกอย่าง หมัดของลู่เฉินหมัดแรกก็มีพละกำลังชกได้หนึ่งหมื่นกรัม ก็ถือว่าได้เลื่อนขั้นแล้วดังนั้นหมัดที่สองโกงหรือไม่โกงนั้นไม่สำคัญอะไรเลย“เรื่องนี้ฉันจะค่อยๆตรวจสอบ รายชื่อคนที่ได้เลื่อนตำแหน่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกคุณไปที่การทดสอบลำดับต่อไปเถอะ”หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก พนักงานพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ก็ได้ผลสรุปรอบสุดท้าย“เหอะ ถือว่าเป็นความโชคดีของคุณนะไอ้หนุ่ม!”ชายร่างกายกำยำถึงแม้ว่าจะไม่โมโห แต่ก็รู้ว่าไม่มีหลักฐานที่จะทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้“ทดสอบครั้งแรกก็โกง ฉันจะจ้องการทดสอบครั้งที่สอบของคุณว่าจะเล่นแง่อะไรอีก”หญิงอ้วนท้วมใบหน้าไม่สบอารมณ์“ไป เข้าไปทดสอบในรอบที่สอบ มีคนดกงหรือไม่นั้นอีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”ศิษย์พี่สองให้สัญญาณมือ แล้วนำคนกลุ่มหนึ่งเดินไปยังจุดทดสอบอีกอันหนึ่งการทดสอบครั้งที่สอง เรียกว่าการทดสอบวิธีการเคลื่อนไหวของร่างกายคนที่ทดสอดจะต้องลอดผ่านกองดอกบ๊วยที่ไม่เรียบสม่ำเสมอกันกองดอกบ๊วยมีทั้งเสมื
ศิษย์พี่สามยืนอยู่หลังกองดอกบ๊วย อยู่ๆก็หันกลับมาอีกครั้ง มองไปยังทางของพวกพ้องลู่เฉิน“ไอ้หนุ่ม ความผิดอันยิ่งใหญ่ของพวกคุณคือมาดูถูกคนของสำนักสวนอู่””“ฉันรู้ว่าคุณค่อยข้างแข็งคุณร่ง แต่ว่าในด้านของวิธีการเคลื่อนไหวร่างกาย ฉันสามารถให้คุณอยู่ในกำมือฉันได้อย่างง่ายดาย”“เบิกตาดูให้ดีนะ ฉันจะทำให้คุณได้เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าจิตวิญญาณของร่างกายศิษย์พี่สามเงยศีรษะขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจด้านพละกำลัง เขารู้ดีว่าสู้ศิษย์น้องห้าไม่ได้แต่ถ้าพูดถึงวิธีการเคลื่อนไหวร่างกาย ทุกคนที่อยู่ในสนามนี้ล้วนไม่ใช่คู่แข่งของเขา“เตรียมตัว.....เริ่มได้!”เสียง“ตู้ม!”ศิษย์พี่สามก็ออกตัวทันทีเห็นเพียงแค่เท้าทั้งสองข้างของเขาเตะอย่างต่อเนื่องเด้งกลับไปกลับมาบนกองดอกบ๊วยเหมือนแมลงปอสัมผัสน้ำความเร็วนั้นน่าทึ่งมาก การเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉง เงาที่ล่อยลอยไม่อยู่กับที่ราวกับปีศาจร้ายยากที่จะคาดเดา“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว.... ”ในตอนนี้ อาวุธที่ซ่อนอยู่หลายชุดถูกยิงออกไปทีละชุดโจมตีจากด้านข้างบ้าง โจมตีจากด้านหลังบ้างอย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญกับการจู่โจม ศิษย์พี่สามก็ดูเหมือนจะมีดวงตาอ
ทุกคนต่างยกนิ้วให้“ว่าไง จะยอมไหม”ศิษย์พี่สามกรอกสายตากลับมองดูลู่เฉินและคนอื่นๆ อย่างยั่วยุ:“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าวิธีเคลื่อนไหวร่างกาย หลังจากนี้ตั้งใจเรียนนะ!”“ไอ้หนุ่ม กลัวแล้วใช่ไหมล่ะ ภายในหนึ่งนาทีก็ผ่านด่าน ทำได้หรือเปล่า”ชายร่างกำยำใบหน้าภาคภูมิใจ“ถูกต้อง ในด้านของวิธีการเคลื่อนไหวร่างกาย ศิษย์พี่สามของฉันยอมรับที่สอง แต่ในนี้ไม่มีใครกล้ายอมรับว่าได้ที่หนึ่ง!”หญิงสาวอ้วนท้วมโอ้อวดกำลังทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อาศัยความสามารถของคนอื่นเที่ยวรังคุณคนอื่นไปเรื่อย“ข้ามกองดอกบ๊วยทั้งผืน ใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรอ พวกคุณภาคภูมิใจอะไร”ลู่เฉินไม่มีคำจะพูดแค่หลบหลีกอาวะไม่กี่เนินก็ทำเป็นโม้ใหญ่ ช่างไม่เคยเห็นโลกเลยจริงๆ“โย่โฮ ฟังคำนี้ของคุณ ดูเหมือนจะไม่ยอม มามามา ถ้าเก่งก็ลองดู ผมจะคอยดู คุณจะเก่งสักแค่ไหนกัน!”ชายร่างกำยำกล่าว“เหอะ ปากเก่งขนาดนั้น ขึ้นไปสิ ไปหลบอยู่ข้างหลังทำไม คอหอเป็นเต่าหรอ”หญิงสาวอ้วนท้วมเริ่มประชดประชันเขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่มีทักษะวิธีการเคลื่อนไหวตัวที่สูงกว่าศิษย์พี่สามของเขา“ช่างเป็นกบในกะลาจริงๆ”ลู่เฉินส่ายหัวแล้วส
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่