"คุณ คุณทําอะไร!"สีหน้าของหลี่ชิงเหยาได้เปลี่ยนไปและเริ่มต่อสู้อย่างบ้าคลั่งหน้าอกทั้งสองข้างส่ายไปส่ายมา ยิ่งทำให้ดึงดูดใจผู้คน"คุณชอบเล่นไม่ใช่หรอ งั้นผมจะอยู่เป็นเพื่อนจนถึงที่สุด!" ลู่เฉินสีหน้าเย็นชา"คุณมันคนบ้า แล้วยังไม่รีบหยุดอีก!" หลี่ชิงเหยาตะโกนด้วยความโกรธ“ยังแสดงอยู่อีกหรอ หนังหน้าของเธอมันหลุดไปหมดแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกหรอ?” ลู่เฉินพูด"ห๊ะ?"หลี่ชิงเหยาหรี่ตาลงและเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าโดยไม่รู้ตัวแต่สัมผัสได้เพียงด้านเดียว เธอก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าใบหน้าจะเสียหายหรือไม่นั้น การกระทำของตนเช่นนี้ก็มีรอยตำหนิ"ฉันก็ว่าการแสดงของฉันก็ไม่เลวนะ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมองออกได้เร็วขนาดนี้"พอถูกเปิดโปงแล้ว "หลี่ชิงเหยา" ก็ไม่ได้ซ่อนอีกต่อไป เอื้อมมือไปที่หูและกระชากอย่างแรงหน้ากากหนังมนุษย์ ก็ถูกฉีกออกมาอย่างรวดเร็วหลี่ชิงเหยาได้หายตัวไปแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าของผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งใบหน้าผู้หญิงไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแค่สีหน้าซีดเซียวเหมือนคนป่วยไปหน่อยโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น มันดุร้าย น่ากลัว ที่เป็นต้นฉบับของผู้หญิงที่ร้ายกาจ"คุณเป็นใครหรอ
กลุ่มผู้หญิงสวมหน้ากากชักมีดจ่อที่คอของหลี่ชิงเหยาคมมีดกรีดลงบนผิวหนังจนเลือดไหลออกมาท่าทางนั้น ขอเพียงแค่ลู่เฉินขยับตัว หลี่ชิงเหยาต้องตายลงในที่นี้ทันทีลู่เฉินหน้านิ่วคิ้วขมวด และในที่สุดก็ได้ปล่อยมือลงฝ่ายตรงข้ามมีคนมากเกินไป เขาไม่กล้าเสี่ยงด้วยชีวิตของหลี่ชิงเหยา"แบบนี้สิถึงจะถูก"จงเยี่ยนบิดคอและดูเหมือนว่าชัยชนะนั้นจะอยู่ในมือแล้ว "ลู่เฉินอาจารย์ของฉันเห็นคุณในสายตานั่นถือเป็นเกียรติของคุณ เพียงแค่คุณพยักหน้า ภายภาคหลังเราก็คือครอบครัวเดียวกัน แต่ถ้าคุณปฏิเสธละ ไม่เพียงแต่คุณที่จะตาย ทุกคนรอบตัวคุณก็ต้องตายด้วย!""ต้องทําถึงขนาดนี้เลยหรอ" ลู่เฉินทําหน้าเย็นชา"นี่ก็คือจุดมุ่งหมายในการทํางานของเรา เก่งๆแบบคุณเนี่ย ในเมื่อครอบครองไม่ได้ งั้นก็ต้องทำลายทิ้ง" จงเยี่ยนกล่าว"ลำพังพวกคุณจะฆ่าผมได้หรอ " ลู่เฉินถามกลับ"เห๊อะเห๊อะ... ฉันรู้ว่าคุณเก่ง แต่ว่าฉันเตรียมตัวมาดี"จงเยี่ยนยิ้มเย็นชาและพูดว่า "ในถ้วยชาที่คุณเพิ่งดื่มไปเมื้อกี้นั้น ฉันได้ใส่ยาพิษสือเซียงหร่วนจินซ่านลงไป ซึ่งพิษนี้ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น เมื่อถูกพิษแล้ว ร่างกายก็จะอ่อนแอ แม้แต่ลมหายใจก็ออกแรงใช้ไม่ได
"เอือก..."จงเยี่ยนตัวแข็งทื่อเธอมองใบหน้าของเซียวหงเย่ที่ยิ้มและมองลงไปที่มีดที่แทงเข้าไปในหน้าอก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกตะลึงและความประหลาดใจเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ก่อนหน้านี้ที่ศิษย์น้องยังหัวเราะ และต่อมาจะลงมือฆ่าเธอ แถมยังเด็ดขาดขนาดนี้โดยไม่มีลางบอกตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้"ฮะ?"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทําให้ลู่เฉินมึนงงเมื่อกี้เขาเพียงพูดขำๆ ไม่ได้คิดจะฆ่าเขาจริงๆ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเซียวหงเย่จะคิดเป็นจริงไม่เพียงแต่คิดว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้น แต่ยังลงมือได้อย่างเฉียบขาดเพียงแค่คมมีดเดียวก็ตรงเข้าไปที่หัวใจของศิษย์พี่ของตนเองได้ผู้หญิงคนนี้คือคนที่จิตใจโหดเหี้ยม? หรือว่าบ้าจนเกินไป?"เพื่อ เพื่ออะไร?"จงเยี่ยนเบิกตากว้าง พูดออกมาสองสามคำด้วยความลำบากใบหน้านั้นมีความตกใจ ความโกรธ ความแค้น ความไม่เต็มใจ แต่ส่วนใหญ่คือความไม่เข้าใจเธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทําไมเซียวหงเย่ต้องฆ่าเธอหรือเพียงแค่คำพูดประโยคนั้นของลู่เฉิน"ศิษย์พี่สอง อย่ามองฉันแบบนี้สิ เมื้อกี้คุณได้ยินว่าหมอเทวดาคนนี้ให้ฉันฆ่าคุณ ฉันเองก็ลำบากใจ คุณคงไม่ถือโทษโกรธฉันใชไหม?" เซียวหงเย่
"หมอเทวดา ฉันทำเพื่อคุณ ไม่ลังเลที่จะทรยศอาจารย์และฆ่าศิษย์พี่ คุณว่าฉันแบบนี้ ใจร้ายเกินไปหรือเปล่า" เซียวหงเย่ทําหน้าบ่นบึ้งตึง"คุณจะทําอะไรกันแน่" ลู่เฉินถาม"อย่าคิดมากเลยหน่า ฉันแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณเท่านั้นเอง ไม่มีนัยยะอื่นแอบแฝง" เซียวหงเย่พูดด้วยรอยยิ้ม"เพื่อนแบบเธอนี้ ผมรับไมได้ ไม่รู้ว่าวันไหนจะหักหลังผม" ลู่เฉินพูดแบบตรงไปตรงมามาก"คิกคิกคิก... หมอเทวดา ฉันแทงคุณไม่ได้หรอก ถ้าจะแทงก็คงเป็นคุณที่แทงฉัน" เซียวหงเย่ยิ้มประจบสอพลอเมื่อได้ยิน ริมฝีปากของลู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะสะแยะมุมปากขึ้นสองครั้งผู้หญิงคนนี้ ทำไมเหมือนกำลังขับรถอยู่"ถ้าคุณไม่มีอะไรอย่างอื่น งั้นผมขอตัวก่อนนะ"ลู่เฉินไม่ยอมพัวพันด้วย อุ้มหลี่ชิงเหยาที่หมดสติขึ้นมาแล้วเดินจากไป "เดี๋ยวก่อน"ทันใดนั้นเซียวหงเย่ก็หยิบขวดยาเล็กๆ ออกมาและยื่นให้ลู่เฉิน "นี่เป็นยาถอนพิษสําหรับยาพิษสือเซียงหร่วนจินซ่าน ดื่มเถอะ ไม่งั้นจะเกิดผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง""ไม่ต้อง ฉันไม่ได้ถูกวางยาเลย" ลู่เฉินส่ายหัว"ไม่ได้ถูกยาพิษหรอ"เซียวหงเย่ตกตะลึง "แล้วเมื้อกี้ที่คุณเหงื่อออกเต็มใบหน้า แขนขาอ่อนแรง มันเกิดอะไรขึ้นห
เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในหลี่จื่อกรุ๊ปเมื่อหลี่ชิงเหยาตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ก็พบว่าตัวเองกําลังนอนอยู่บนโซฟาที่บริษัทมีผ้าห่มหนา ๆ คลุมตัวและมีแก้วนมร้อนวางอยู่ข้างโต๊ะเธอลูบหัวที่บวมเปล่งและยังคงปวดอยู่ พร้อมกับความทรงจําสำหรับเมื่อคืนเธอที่ปากแห้งได้หยิบนมขึ้นมาดื่มจนหมดในชั่วพริบตาหลังจากดื่มเสร็จแล้ว ความแสบร้อนในกระเพราะอาหาร ร่งกายที่ไม่สบายก็ได้ค่อยๆดีขึ้น "ชิงเหยา คุณฟื้นแล้ว "ในเวลานี้ ลู่เฉินได้นำอาหารเช้าร้อน ๆ ผลักประตูเดินเข้ามา"ทําไมถึงเป็นคุณ?"หลี่ชิงเหยาขมวดคิ้วทันทีและหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้น"ผมไม่รู้ว่าคุณพักที่ไหน เลยพาคุณกลับไปที่บริษัทนอนแค่คืนเดียว"ลู่เฉินพูดพร้อมกับนํานมถั่วเหลือง ปาท่องโก๋ เสี่ยวหลงเปา และโจ๊กเนื้อไม่ติดมันหนึ่งชามออกมาจากถุงอาหารเช้า"ฉันถามคุณว่า ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้" หลี่ชิงเหยาถามด้วยเสียงเย็นชา"เรื่องเมื่อคืน คุณจําไม่ได้เลยเหรอ" ลู่เฉินค่อนข้างแปลกใจเมื่อคืน?หลี่ชิงเหยาคิดแล้วคิดอีก ความทรงจําในสมองค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเธอจําได้ว่าเธอถูกวางยาสลบ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอถูกมัดพันกันอย่างยุ่งเหยิงและคนที่ลักพาตัวเธ
ที่นี่คงจะเป็นเป็นชั้นที่30 ถ้ากระโดดลงไปกระดูกคงแตกหักเป็นเสี่ยงๆ เธอต้องการให้ลู่เฉินล้มเลิกความตั้งใจก่อนหน้านี้"โอเค ผมจะกระโดด!"ลู่เฉินพยักหน้าโดยไม่ลังเล หันหลังและวิ่งขึ้นไปทุบหน้าต่างที่อยู่สูงจรดเพดานและได้กระโดดลงจากอาคารชั้นที่30"เอือก..."หลี่ชิงเหยาตัวแข็งทื่อ เธอสติหลุดและไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ที่เธอพูดเมื่อกี้นั้นก็เพียงแค่เอ่ยเล่นๆ แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายกล้ากระโดดตึกจริง ๆ"ลู่เฉิน!"หลังจากที่เธอได้สติ หลี่ชิงเหยาก็ตะโกนออกมาแล้วรีบวิ่งไปที่หน้าต่างที่แตกและชะโงกหน้ามองลงไปนอกหน้าต่าง ไม่มีแม้แต่เงของลู่เฉินกระโดดลงมาจากความสูงร้อยเมตร ตราบใดที่เป็นคนก็ต้องย่อมตายเป็นซากศพอย่างแน่นอน "ตู้ม!"หลี่ชิงเหยาเข่าอ่อน ได้แต่คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า "เป็นแบบนี้ได้ยังไง มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง ""ลู่เฉิน ทําไมคุณถึงโง่ขนาดนี้ ทําไมต้องกระโดดลงไปด้วย""คุณตายแล้วฉันจะทํายังไง ฉันจะอยู่ยังไง"หลี่ชิงเหยาร้องไห้จนน้ำตาไหลอาบแก้มเธอเสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจที่หุนหันพลันแล่น พูดอะไรที่ไม่ควรพูดเสียใจไม่เชื่อลู่เฉิน เสียใจที่ปล่อยให้อีกฝ่
" ไม่ร้องแล้วนะ ผมยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรอ "ลู่เฉินลูบหลังของหลี่ชิงเหยา เพื่อปลอบใจเธอเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่กอดกันแน่นได้ขนาดนี้สูดกลิ่นหอมที่น่าดึงดูดใจของอีกฝ่ายและสัมผัสถึงความยืดหยุ่นอันน่าทึ่งของหน้าอกลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่พักหนึ่ง"ฮึ่ม! คุณยังมีหน้ามาพูดอยู่อีกหรอ คุณเกือบจะตายไปแล้วนะ!" หลี่ชิงเหยาทุบหน้าอกของเขาอีกครั้ง"ก็ช่วยไม่ได้ คุณเป็นคนบอกให้ผมกระโดดลงไปเองนะ " ลู่เฉินพูดด้วยถ้อยคำไร้เดียงสา"ฉันบอกให้คุณกระโดดคุณก็กระโดดหรอ งั้นฉันให้คุณกินขี้ คุณก็จะกินหรอ " หลี่ชิงเหยาพูดประชดประชัน"เอ่อ... อันนี้ก็ต้องพิจารณาดูก่อนนะ" ลู่เฉินเคอะเขิน"กินขี้รู้จักคิดพิจารณา กระโดดตึกไม่รู้จักคิดหรอ ในสมองคุณคิดอะไรกันแน่"หลี่ชิงเหยายื่นนิ้วชี้ออกมาและจิ้มหน้าผากของฝุ่นลู่อย่างแรง"เมื้อกี้มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ผมสัญญา จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว" ลู่เฉินยอมรับผิดสถานการณ์เมื่อกี้มันอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมดหลังจากรู้ว่าเธอกระโดดตึก หลี่ชิงเหยาร้องไห้เหมือนหัวใจแตกสลายและไม่ลังเลที่จะฆ่าตัวตายตามนอกจากความประหลาดใจแล้ว ในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่
"ลูกสาว! ไอ้สัตว์นี้มันเอายาอะไรให้หนูกิน ทำไมถึงได้เชื่อมันขนาดนี้?" จางชุ่ยฮัวทั้งตกใจและโกรธเธอไม่คาดคิดจริง ๆ เลยว่า ลูกสาวของเธอจะใฝ่ต่ำเช่นนี้เพื่อผู้ชายห่วยๆคนหนึ่ง ไม่สนใจแม้แต่การตายของน้องชายตัวเอง และที่สำคัญยังแก้ตัวให้กับฆาตกรอีกต่างหาก โง่ชะมัดเลย!"หนูเชื่อเขา เพราะเรื่องนี้มันมีข้อสงสัยจริง ๆ หนูไม่อยากใส่ร้ายคนดี" หลี่ชิงเหยาพยายามอธิบาย"คนดีห่าอะไร ไอ้คนสารรูปแบบนี้ แค่มองตาเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี วันนี้ฉันต้องจับมันไปให้ตำรวจ!"จางชุ่ยฮัวไม่ยอมฟังใคร ตะโกนให้ลงมือทันที "แม่ ใจเย็นๆหน่อยได้ไหม?"หลี่ชิงเหยายังคงขวางหน้าและยับยั้งแม่ของตัวเอง"หลีกไป!"จางชุยฮัวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า พยายามผลักลูกสาวเธอออกไปแต่หลี่ชิงเหยาไม่ยอมหลีกทางให้และใช้ร่างกายกั้นไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มฉุดกระชากกัน"แม่ ฟังหนูนะ คือเรื่องนี้...""เพี๊ยะ!"เมื่อหลี่ชิงเหยาอยากจะพูด จางชุ่ยฮัวที่กำลังโกรธจนลุกเป็นไฟก็ได้ตบเข้าไปที่หน้าเธออย่างแรง "หลี่ชิงเหยา! แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่?""หลี่ห้าวตายได้ไม่นาน แกก็ยังมาปกป้องไอ้ฆาตกรนี้อีก จิตใจแกถูกหมาคาบไปกินหมดแล้วใช่ไหม "
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่