หรือว่า...เป็นลู่เฉินหรือ? !ทันทีที่หลี่ชิงเหยาคิดแบบนี้ เธอก็ปฏิเสธไปเองไม่! เป็นไปไม่ได้!ลู่เฉินหย่ากับเธอแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ไม่เข้ากันมาก แล้วเขาจะช่วยเธอได้อย่างไร?อีกอย่าง เขาก็ไม่มีความสามารถนี้ด้วย“หยางเหว่ย! แกช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอายยิ่งนัก! ตอนนั้นกูตาบอดแล้วถึงจะได้เชื่อคนอย่างแก!”“ไอ้สารเลว! ผมยังปฏิบัติต่อคุณเหมือนพี่เขยของผม ปรากฎว่าคุณไม่ได้ดีเท่ากับลู่เฉินที่เป็นคนขยะนั้นด้วยซ้ำ!”หลังจากรู้ความจริงแล้ว จางชุ่ยฮัวและหลี่ห้าวก็สาปแช่งอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นก่อนหน้านี้พวกเขาเชื่อใจหยางเหว่ยมาก แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนโกหก“ธรรมชาติของมนุษย์คือการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง! พวกคุณโง่ขนาดนี้ ก็สมควรที่จะถูกหลอก!” หยางเหว่ยพูดด้วยท่าทางประชด“เชี่ย หุบปากไปหมดเลย!เสียงดังจนหูกูจะระเบิดแล้ว!”จ้าวเทียนหลงตะโกนด้วยความโกรธและทำให้สถานการณ์สงบลงในทันที“คุณจ้าวครับ! ที่ผมบอกเหล่านี้ก็เพื่อจะบอกคุณว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับตระกูลหลี่เลย และผมก็ไม่รู้จักหวางป่ายโซ่ การตายของคุณหู่ เป็นฝีมือของตระกูลหลี่ ไม่เกี่ยวข้องกับผมเลยครับ!”หยางเหว
หลังจากฟาดไปพักหนึ่ง ในที่สุดหลี่ชิงเหยาก็ทนไม่ไหวและหมดสติไปในขณะนี้ หลังของเธอเต็มไปด้วยเลือด มันดูน่าสมเพชเกินกว่าจะดูบาดแผลที่น่ากลัวเหล่านั้นยังคงไหลเลือดทีละน้อยอยู่แม้ว่าเธอจะหมดสติไปแล้ว แต่ร่างกายของเธอก็ยังคงกระตุกโดยไม่รู้ตัว“ท่านแม่ทัพครับ เธอหมดสติไปแล้วครับ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวสงรายงาน“สาดให้ตื่นแล้วฟาดต่อ”จ้าวสงพูดอย่างเย็นชา“คุณลุงครับ ให้ผมทำเองได้ไหมครับ”ในเวลานี้ จ้าวเทียนหลงพูดอย่างกระตือรือร้นนับตั้งแต่เขาถูกทำลาย ใจเขาได้เปลี่ยนเป็นอย่างมากยิ่งผู้หญิงที่สวย เขาก็ยิ่งอยากทำลายเธออย่างแรง!“ถ้าคุณชอบ ก็ลองดูสิ” จ้าวสงพยักหน้า"ขอบคุณครับคุณลุง!"จ้าวเทียนหลงยิ้มอย่างดุร้ายหลังจากที่หลี่ชิงเหยาถูกสาดน้ำให้ตื่นขึ้น เขาก็เหวี่ยงแส้ยาวแล้วฟาดใส่เธออย่างแรง“พูดหรือไม่! พูดหรือไม่!”“ฆ่า...ฆ่าฉัน...ฆ่าฉันเร็ว!”หลี่ชิงเหยาไม่สามารถทนต่อการทรมานได้ และเธอเกือบจะเสียสติไปตอนนี้เธอแค่หวังว่าอีกฝ่ายจะฆ่าเธอตายไปอย่างรวดเร็วและให้เธอได้พ้นทุกข์โดยเร็วที่สุด“อยากตายเหรอ?มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น! ผมยังระบายความโกรธของผมไม่พอเลย!”จ้าวเทียนหลงยิ้
ลู่เฉินเขย่งปลายเท้าขึ้นเพียงนิดเดียว ในชั่วพริบตาเขาก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วความเร็วของเขานั้นราวกับลูกศรที่ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว!"เร็ว ฆ่าเขาเร็ว!"เมื่อจ้าวเทียนหลงเห็นลู่เฉินลงมือ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและร้องด้วยความตกใจทันทีอย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทหารมือดีเหล่านั้นจะตอบสนอง ลู่เฉินก็พุ่งตัวไปที่ข้างหน้าพวกเขาแล้วเขาเตะเท้าออกไป ทหารมือดีคนหนึ่งก็กระเด็นออกมาทันทีพร้อมกับเสียง "ปัง" ราวกับถูกรถบรรทุกชนเกราะกันกระสุนที่หน้าอกของทหารคนนั้นถูกเจาะเข้าไป แม้แต่กระดูกหน้าอกของเขาก็ถูกทำให้แตกละเอียด!ยังไม่ทันรอให้คนลงมา ลู่เฉินก็ไปที่ด้านหน้าของทหารอีกคนหนึ่ง และเตะคอของเขาจนหักอีกครั้งแม้ว่าจะหักกระดูกสองคนติดต่อกัน ลู่เฉินก็ไม่ได้หยุดแม้แต่น้อย เขายังคงโจมตีอย่างบ้าคลั่งต่อไปถิ่นที่เขาเดินผ่าน ศัตรูต่างก็โดนเขาจัดการจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเมื่อเผชิญกับความเร็วและความแข็งแกร่ง พวกที่เรียกว่าทหารฝีมือดีเหล่านั้นไม่มีเวลาจะตอบสนองด้วยซ้ำในระยะเวลาลมหายใจเพียงไม่กี่นาที ทหารเหล่านี้ก็ล้มลงทีละคนปากกระบอกปืนที่เคลื่อนไหวของพวกเขาไม่สามารถตามความเร็วของลู่เฉินได้เลยตั
ลู่ฉางเกอเป็นใครล่ะ?ตัวซวยที่ทำให้ทั่วทั้งเมืองจงโจวไม่สงบสุข!เขาเป็นปีศาจชั่วร้ายที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนลนลานจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ!และเป็นผู้ก่อเหตุการณ์ฆ่าคนที่โหดร้ายที่เมืองจิงตูครั้งนั้นในเมื่อสิบปีก่อน!ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าวัยรุ่นเพียงอายุสิบห้าปีคนหนึ่งเกือบจะแทงท้องฟ้าทะลุได้แล้ว!มิน่า... มิน่าเล่าที่พอท่านนายพลเห็นคนนี้เขาจะตกใจขนาดนี้ที่แท้แล้ว คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือลู่ฉางเกอที่เป็นลูกกิเลนที่หายไปนานนับสิบปีนั้น!"ตุ๊บ!"ขาสองข้างของนายทหารระดับผู้ช่วยอ่อนแอลง เขานั่งลงกับพื้นโดยตรงชั่วขณะหนึ่ง เขาก็หมดอาลัยตายอยากแล้ว!หลังจากลู่เฉินหันกลับมามองจ้าวสงกับนายทหารระดับผู้ช่วย เขาก็ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกต่อไป แต่กลับเดินตรงไปที่ตรงหน้าจ้าวเทียนหลง"คุณลุงครับ ช่วยผมด้วยนะครับคุณลุง!"จ้าวเทียนหลงอุ้มขาที่หักของเขาและตะโกนไม่หยุด ร่างกายของเขาขยับไปข้างหลังอย่างต่อเนื่องเหมือนหนอนตัวหนึ่ง เพื่อพยายามที่จะอยู่ห่างจากลู่เฉิน"ผมเคยบอกแล้ว ผมจะให้คุณตายโดยไม่มีศพ!"ลู่เฉินหยิบแส้ยาวที่ติดหนามขึ้นมาจากพื้น แล้วฟาดเข้าที่หน้าจ้าวเทียนหลงอย่างแรง"อ้า!
เงียบ!ความเงียบที่ราวกับไม่มีคนหายใจ!ขณะที่ชายชราในเสื้อคอจีนคุกเข่าต่อหน้าลู่เฉิน ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไม่มีใครคาดคิดได้ว่า บุคคลสําคัญที่สามารถทําให้หวางป่ายโซ่ประจบสอพลอได้จะคุกเข่าต่อหน้าลู่เฉินโดยตรง!ท่าทางนั้นเหมือนบ่าวเจอเจ้านายอย่างไรอย่างนั้นนี่มันแม่งเป็นสถานการณ์อะไรกันเนี่ย?!"เอ่อ..."หยางเหว่ยแข็งทื่อไปโดยตรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อเดิมทีเขาคิดว่าลู่เฉินแค่มีความสามารถด้านการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่จริงๆแล้วอีกฝ่ายยังมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งที่เขายากที่จะคาดถึง!สถานะของหวางป่ายโซ่สูงพอแล้วใช่ไหม?แต่เมื่อเขาเห็นชายชราในเสื้อคอจีน เขาก็ยังต้องทำตัวต่ำต้อยและประจบสอพลอเลยชายชราในเสื้อคอจีนเจ๋งพอแล้วใช่ไหม?แต่คนใหญ่คนโตแบบนี้กลับคุกเข่าลงทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับลู่เฉิน!นี่มันแม่ง...แม่งคือการเอาคนที่แข็งแกร่งกว่ามาจัดการคนที่อ่อนแอกว่าชัดๆ !จะเห็นได้ว่าลู่เฉินที่เขาดูถูกมาตลอดมีภูมิหลังที่น่ากลัวแค่ไหน!"ไม่... เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!"จ้าวเทียนหลงในขณะนี้ตกใจหมดแล้วเมื่อเขาเห็นชายชราในเสื้อคอจีนคุกเข่าลง จิตวิญญาณของเขาก็ถ
สองวันต่อมา ในโรงพยาบาลผิงอันหลี่ชิงเหยาที่โคม่าตลอด ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ สิ่งที่เธอเห็นเป็นห้องที่เรียบง่ายมากมีโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้สองตัวและเตียงอีกเตียงมันคุ้นตาเล็กน้อย เหมือนเธอเคยมาที่นี่มาก่อน"คุณตื่นแล้วเหรอ"ในเวลานี้ ลู่เฉินก็เดินเข้ามาอย่างกะทันหันในมือของเขายังถือโจ๊กเนื้อหมูใส่ผักกวางตุ้งชามหนึ่งไว้แม้ว่ามันจะจืดมาก แต่สําหรับหลี่ชิงเหยาที่หิวมาสองวันแล้ว มันก็น่าดึงดูดมากทีเดียวจนท้องของเธอเริ่มทนไม่ไหวและร้องโครกครากออกมา"คุณเป็นคนช่วยฉันหรอ?"หลี่ชิงเหยาค่อนข้างอึดอัดเลยชิงถามก่อน"คุณได้รับบาดเจ็บ เป็นลมอยู่ข้างถนน ผมเลยไปหิ้วคุณกลับมา" หลู่เฉินตอบอย่างสงบ"หิ้วกลับมา?"หลี่ชิงเหยาขมวดคิ้วและทันใดนั้นเธอก็นึกได้และถามว่า "โอ้ใช่แล้ว ฉันหมดสติไปนานแค่ไหนแล้ว? ตอนนี้ตระกูลจ้าวเป็นไงบ้าง? พ่อแม่ของฉันตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า?"การถามกลับเหมือนยิงปืนเป็นชุด ๆ ทําให้ลู่เฉินรู้สึกเวียนหัวไปพักหนึ่งเขาได้แต่อธิบายทีละข้ออย่างอดทนว่า "คุณอยู่ในอาการโคม่าสองวันสองคืนแล้ว ครอบครัวของคุณปลอดภัยดี สําหรับตระกูลจ้าว ถูกคนอื่นเผาไปหมดแล้ว"
หลังจากผ่านการอดทนทุกข์กลั้นมาได้แล้ว หลี่ชิงเหยาหน้าแดงและเหงื่อออกมากแล้วแววตาที่คับแค้ยใจของเธอนั้น จับจ้องไปที่ลู่เฉินจนเขารู้สึกหวาดกลัวก็แค่ทายาเองไม่ใช่เหรอ?ทำไมเธอดูเหมือนโดนดูหมิ่นล่ะ?"ดูพอหรือยัง? ถ้าดูพอแล้วก็ออกไป!"หลี่ชิงเหยาเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอวที่เรียวบางและสะโพกที่เปล่งปลั่งผสมผสานกันเป็นอย่างดี เป็นส่วนโค้งที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง"ยานี้คุณถือไว้ ทายาตัวนี้ไปสักสามถึงห้าวัน แผลเป็นก็จะหายไป"ลู่เฉินไม่กล้าพูดอะไรมาก หลังจากวางขวดยาลงแล้ว เขาก็ออกจากประตูไปอย่างกินปูนร้อนท้องผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีหลี่ชิงเหยาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไปด้วยเมื่อเทียบกับความอับอายและความโกรธก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธอกลับมาเย็นชาอีกครั้งเหมือนในอดีตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย"ยืมโทรศัพท์มือถือให้ฉันหน่อย ฉันจะโทรศัพท์"หลี่ชิงเหยายื่นมือไปที่ลู่เฉินที่กําลังกินโจ๊กอยู่อีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรสักคํา เขาส่งโทรศัพท์ไปอย่างซื่อ ๆ "ปลดล็อครหัสผ่าน?"หลี่ชิงเหยากล่าวอีกครั้ง"วันเกิดคุณ"ลู่เฉินไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำแต่ประโยคนี้กลับทําให้ร่างกายของหลี่ชิงเหย
"นังบ้า! กูจะฆ่าแกตาย!"ผู้บริหารเทียนลูบใบหน้าที่ร้อนแรงของเขา แล้วเขาโกรธจัดและกระโจนเข้าหาเธอทันทีหลี่ชิงเหยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เธอยกขาขึ้นและเตะที่เป้ากางเกงของผู้บริหารเถียนอย่างแรง"อ้าว!"ผู้บริหารเถียนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เขากุมเป้ากางเกงเขาทันทีและนั่งยองๆหน้าของเขาแดงขึ้นมาทันที "น่าขยะแขยง!"หลี่ชิงเหยาส่งเสียงฮึ่มหนึ่งทีแล้วก็หันหลังเดินออกไปเธอได้ชนกับลู่เฉินที่แอบฟังอยู่หน้าประตูพอดี เธอพูดอย่างหงุดหงิดว่า "คุณทําอะไรอยู่?""ไม่มีอะไร ผมกลัวว่าคุณจะเสียเปรียบ" ลู่เฉินยักไหล่เมื่อเขามองไปที่ผู้บริหารเถียนที่ร้องด้วยความเจ็บปวดบนพื้น แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเขาโชคดีที่หลี่ชิงเหยาเอาชนะในเมื่อกี้ ไม่งั้นถ้าถึงตาเขาที่ลงมือ มือทั้งสองข้างของไอ้อ้วนคนนี้จะต้องหักอย่างแน่นอน"เสร็จธุระแล้ว เราไปกันเถอะ"หลี่ชิงเหยาขี้เกียจพูดอะไรเยอะและเดินออกไปข้างนอกด้วยรองเท้าส้นสูงอารมณ์เธอไม่ดีอย่างมาก"แกแม่งหยุดเดี๋ยวนี้นะเว่ย!"ในเวลานี้ ผู้บริหารเถียนลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่ดุร้าย "เตะคนแล้วยังอยากจะวิ่งหนีไปอีกเหรอ? คุณเห็นผมเป็นอะไร?"ด้วยคําสั่งของเขา เจ้าหน้าท
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่