หูหงตายแล้ว รองหัวหน้าแก๊งหงหนิวขึ้นครองตำแหน่งได้สำเร็จ เข้ายึดครองทั้งแก๊งเหยียนหลงแทนลู่เฉินเหล่าสาวกแก๊งเหยียนหลงนับพันคน ชนชั้นสูงนับร้อยคน ในทั้งนครเอกของมณฑล ล้วนเป็นกำลังไม่น้อยเลยด้วยสิ่งนี้เป็นรากฐาน หลังจากนี้ลู่เฉินจะทำเรื่องในนครเอกของมณฑลจะสะดวกมากแล้ว“น้องลู่ แม้ว่าตอนนี้คุณจะเป็นหัวหน้าแก๊งเหยียนหลง แต่อาจจะมีปัญหาบางอย่างในอนาคต”เมื่อเดินออกจากอาคารฮุ่ยเฟิง หวงฝู่เจี๋ยอดไม่ได้ที่จะเตือนประโยคหนึ่ง“ปัญหาเหรอ? จะว่าไงล่ะ?”ลู่เฉินอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย“หูหงไม่ได้สร้างตัวจากสองมือเปล่า เบื้องหลังเขามีคนสนับสนุนมาตลอด ที่คุณฆ่าหูหงไป ต้องทำให้คนนั้นขุ่นเคืองอย่างแน่นอน” หวงฝู่เจี๋ยกล่าว“โอ้? คนนั้นเป็นใคร?” ลู่เฉินถามต่อ“คุณชายคนโตของตระกูลต่ง ต่งเทียนเป่า”“ต่งเทียนเป่า? ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ลู่เฉินส่ายหัว“เห็นออกได้ น้องลู่ไม่ใช่คนท้องถิ่น เป็นเรื่องปกติที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับต่งเทียนเป่า แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าคนนี้ไม่ธรรมดา”หวงฝู่เจี๋ยทำหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย “ตระกูลต่งเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณ และเป็นหนึ่งในห้าตระกูลที่ร่ำรวย มีตำแหน่งสำคัญในยุ
พอเข้าประตู ก็เห็นหวงยินยินวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งไปพลางตะโกนไปพลางว่า “คุณลุง มีแล้วๆ ฉันมีแล้ว!”“มีอะไรแล้ว?” ลู่เฉินตกตะลึง “หรือว่าคุณท้องแล้ว?”ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตั้งท้องแล้ว สาวน้อยนี่ เล่นบ้าเกินไปหรือเปล่า?“บ้า! คุณต่างหากที่ท้องแล้วแหละ! ฉันยังเป็นสาวพรหมจารีอยู่เลย!”หวงยินยินบองบน พูดอย่างไม่พอใจ“ไม่ได้ท้อง แล้วคุณตื่นเต้นขนาดนี้ทําไม?” ลู่เฉินรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อยตื่นเต้นอย่างนี้ ทำให้คนตกใจเสียจริงๆ“เมื่อคืนคุณได้สอนวิชาฝึกฝนให้ฉันไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ฉันขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า ฉันฝึกลมปราณภายในได้แล้ว” หวงยินยินทำหน้าตื่นเต้น“อะไรนะ? เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่เฉินเลิกคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจโดยทั่วไปแล้ว นักสู้ทั่วไป ถ้าจะฝึกฝนลมปราณภายในได้ ที่ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปีครึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่นก็ต้องใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนถึงจะได้เรียนรู้นิดหน่อยแต่หวงยินยิน กลับใช้เวลาแค่คืนเดียว เร็วขนาดนี้จริง ๆ เหรอ?ลู่เฉินไม่ค่อยเชื่อ เขาเอื้อมมือไปสํารวจชีพจรอีกฝ่ายและพบว่าตําแหน่งตันเถียนของเธอมีกระแสลมที่คลุมเครือกำลังหมุนอย่าง
“หา? สามนาทีเหรอ!?”พอได้ยินอย่างนี้ หวงยินยินก็ตกตะลึงไม่ได้บอกว่านักสู้ธรรมดาจะต้องใช้เวลาหนึ่งปีครึ่งถึงจะเริ่มต้นได้เหรอ?แม้แต่อัจฉริยะที่หายากมานานนับร้อยปีอย่างเธอ ก็ฝึกฝนลมปราณภายในออกมาโดยใช้เวลาหนึ่งวันเริ่มต้นในวันเดียว ก็สามารถอธิบายได้ว่าเป็นอัจฉริยะแล้วแล้วเริ่มต้นในสามนาที ถือเป็นอะไรอีกล่ะ?สัตว์ประหลาด?ปีศาจ?ในขณะนี้ เธอแสดงความตกใจอย่างมากความเย่อหยิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว“คุณลุง คุณ... ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?” หวงยินยินค่อนข้างยอมรับได้ยาก“ผมจะโกหกคุณทําไม? ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”ลู่เฉินยักไหล่และพูดเบา ๆ ว่า “อีกอย่าง แค่พรสวรรค์เท่านั้น ไม่ได้แสดงถึงความแข็งแกร่ง ในโลกนี้ ไม่เคยขาดอัจฉริยะเลย เส้นทางศิลปะการต่อสู้ มันยังต้องทำงานหนักและยาวไกลเลย ถ้าต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง พรสวรรค์และความพยายาม ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งก็ไม่ได้”“ฉันเข้าใจแล้ว! ฉันจะพยายามให้เต็มที่ ตามให้ทันคุณลุงโดยเร็วที่สุด!” หวงยินยินโบกกําปั้นจากนั้นก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนอย่างเด็ดขาด และเริ่มฝึกฝนอย่างหนักลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากตัวของหวงยินยิน เขาได้เ
“ทองเนี่ยมันดึงดูดใจคนเสียจริง ๆ เลย แต่ว่าผมไม่ชอบ ข้อเสนอที่คุณพึ่งจะเสนอมาเมื้อกี้นั้น ผมรับไม่ได้” ลู่เฉินส่ายหัว“ถ้าไม่ชอบทอง งั้นคุณก็เสนอราคามาเลยสิ” ฉาวก้วนเชิดคางขึ้น"ลุงฉาวครับครับ ผมขอพูดตรงๆนะ เรื่องการแต่งงานมันคือเรื่องใหญ่ ควรให้ซวนเฟยมาตัดสินใจเอง พวกคุณที่เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งอย่างบังคับเลยครับ" ลู่เฉินกล่าว"ห๊ะ?"ฉาวก้วนยักคิ้วซ้ายข้างหนึ่ง "คุณกําลังสอนผมอยู่เหรอ?""ผมก็แค่พูดความจริงเท่านั้น"ลู่เฉินไม่ได้โอ้อวดและถ่อมตนแต่อย่างใด "การเป็นพ่อแม่คน ไม่ควรที่จะคาดหวังให้ลูกของตัวเองแต่งงานอย่างมีความสุขหรอ""เห๊อะ! คุณเข้าใจอะไร?"เวลานี้ เฉินซวงที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้แล้ว “คุณรู้คู่หมั้นของซวนเฟยเป็นใครไหม? เขาคือซ่างกวนหงที่มีพรสวรรค์ เป็นอัจฉริยะในอนาคตของประเทศหลง เพียงแค่แต่งงานกับเขา ถึงจะเป็นที่พึ่งพาที่ดีที่สุดของซวนเฟย”"ดีหรือไม่ ให้ซวนเฟยตัดสินใจเอง ถ้าเธอไม่อยากแต่งงาน พวกคุณก็ไม่สามารถที่จะบังคับเธอได้" ลู่เฉินแย้งด้วยเหตุผล"ฟังจากที่คุณพูดแบบนี้ คือจะยั่วยุอำนาจของตระกูลฉาวงั้นหรอ " สีหน้าของฉาวก้วนเริ่มไม่ดี"ลุงฉาวครับ ผมไม่อ
"ซ่างกวนหง? หมั้น?"มองดูรถที่จากไป ลู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงเห็นได้ชัดเลยว่า การแต่งงานนี้ก็เพื่อผลประโยนช์ระหว่างสองตระกูลใหญ่แต่ฉาวซวนเฟย เป็นเหยื่อในการแต่งงานครั้งนี้เกิดมาในตระกูลร่ำรวย แม้จะเพลิดเพลินกับความหรูหรา แต่กลับสูญเสียอิสระภาพของตัวเองไปแม้กระทั่งในบางช่วงเวลา ยังต้องเสียสละเพื่อผลประโยชน์ของตระกูลแน่นอนว่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้หรอกเมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจาก และกดโทรไปยังเบอร์หนึ่ง"ฮัลโหล หงหนิว ช่วยผมสืบคนหนึ่งหน่อย ""ไม่มีปัญหาครับ ไม่ทราบท่านลู่ต้องการให้ผมสืบใครครับ " หงหนิวถาม"ซ่างกวนหง""ซ่างกวนหงหรอครับ?"เมื่อได้ยินคำนี้ เสียงของหงหนิวก็ดังขึ้น "ท่านลู่ครับ ท่านจะสืบเรื่องเขาทำไมหรอครับ?""ก็ต้องจัดการเขาสิ หรือจะเลี้ยงข้าวเขาหรอ?" ลู่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก"ห๊ะ?"หงหนิวตัวแข็งทื่อไปโดยตรง เสียงของเขาเริ่มสั่น "ท่าน...ท่านลู่ครับ ท่านอย่าขู่ผมนะ ผมขี้ขลาดมาก ทนกับคำขู่นี้ของท่านไม่ได้เลยนะครับ""ทำไม? ซ่างกวนหงมันเก่งมากนักหรอ?" ลู่เฉินถามกลับ"ไม่ใช่แค่เก่งมากหรอก ท่านลู่ เขาคือพญายมที่มีชีว
"อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่!" หวงฝูชุนถมึงตาใส่เขา"ลุงใหญ่ครับ ผมมียารักษาแผลเม็ดหนึ่ง จะให้คุณปู่ลองใช้ดูไหมครับ?"ในเวลานี้ หวงฝู่เจี๋ยที่อยู่ในกลุ่มฝูงชนก็ลุกขึ้นอย่างกระทันหัน ในมือถือยาเม็ดโกลเด้นกาไว้เม็ดหนึ่งถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ของคุณปู่เร่นด่วน เขาก็ไม่ยอมที่จะเสี่ยง"ยารักษาบาดแผล?"หวงฝู่สงขมวดคิ้ว "ของสิ่งนี้ดำมาก แค่มองก็รู้ว่าผิดปกติ คุณเอามาจากไหนล่ะ?""เพื่อนคนหนึ่งส่งให้" หวงฝู่เจี๋ยพูดตามความจริง"เห๊อะ! เพื่อนเหล่านั้นของคุณหรอ? จะมีความสามารถอะไร?"หวงฝู่สงเบ้ปากอย่างเหยียดหยาม "รีบเอายาไปซะ อย่ามาเสียหน้าตรงนี้!""ตอนนี้อาการของคุณปู่ไม่ค่อยดีนัก ผมอยากลองดูห่อย ถ้าเกิดว่ามันมีประโยชน์ล่ะ?" หวงฝู่เจี๋ยกล่าว"ผมบอกว่าไม่มีประโยชน์ก็ไม่มีประโยชน์ เอาไป!"หวงฝู่สงตบยาเม็ดโกลเด้นกาที่อยู่ในมือของหวงฝู่เจี๋ยจนตกลงบนพื้น"คุณ..."หวงฝู่เจี๋ยขมวดคิ้ว"อะไร ไม่ยอมหรอ? งั้นเราสองคนมาต่อยกันไหมล่ะ?"หวงฝู่สงโบกกำปั้น เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขาคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคนอ่อนแอที่มีชื่อเสียงของตระกูลหวงฝู่ เขาสามารถทุบให้บินได้ด้วยหมัดเดียวเลย
เมื่อมองไปที่ยาเม็ดโกลเด้นกาที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ผู้อาวุโสถงก็เสียดายมาก และโกรธจนกระทืบเท้าเรื่อยๆ ถึงขั้นไม่สนใจภาพลักษณ์เลย แล้วคว่ำลงบนพื้นไปเก็บเศษผงยาที่กระจายอยู่บนพื้นการกระทำแบบนี้ทำให้ผู้คนถึงกับตกตะลึงไปหมดแค่ยาขยะเม็ดเดียวแค่นั้น ถึงกับขนาดนี้เลยหรอ?"ผู้อาวุโสถงครับ คุณเป็นอะไรไปหรอ?"หวงฝู่ชุนงงงวยเล็กน้อยคนของหุบเขาราชายา ที่คิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่นมาตลอด จะเคยทำกิริยาไม่เหมาะอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ?"เป็นอะไรไปหรือ? คุณยังมีหน้ามาถามว่าผมเป็นอะไร?"ผู้อาวุโสถงพูดอย่างโกรธว่า "ยาขนานวิเศษที่ดีขนาดนี้ พวกคุณกลับได้ทำลายมันไปเลยหรือ? ช่างมีตาหามีแววไม่เสียจริงๆ สรุปเป็นไอ้บ้าคนไหนทำล่ะ?""ผู้อาวุโสถงครับ คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ? ของเสียดำๆนี้จะเป็นยาขนานวิเศษได้ยังไงกัน?" หวงฝู่สงทำหน้าสงสัย"กบในกะลาครอบ ช่างเป็นกบในกะลาครอบจริงๆเลย"ผู้อาวุโสถงมองด้วยสายตาที่มองพวกคนโง่ "ของเสียที่อยู่ในปากคุณ มันคือยาวิเศษที่รักษาโรคได้ มันคือยาเม็ดโกลเด้นกา สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในและโรคเรื้อรังต่างๆได้ ที่มีมัน ชีวิตของคุณปู่คุณจะรักษาได้แล้ว!""อะไรนะ?!"พอ
หวงฝู่เจี๋ยทำหน้าบึ้งตึง "น้องลู่เป็นเพื่อนของผม ผมค้ำประกันแทนเขาได้ ถ้ามีปัญหาอะไร ผมจะรับผิดชอบเอง""เฮ้ย พวกคุณมัวทําอะไรชักช้า? รีบเข้ามาสิ!"เมื่อเห็นหลายคนยืนอยู่ที่หน้าประตู หวงฝู่ชุนที่ในห้องก็อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้า"เห๊อะ! ไอ้เด็ก แกอย่าเล่นตุ๊กติ๊กดีกว่านะ กูจะจ้องมองแกตลอดเวลา!"หลังจากเตือนแล้ว หวงฝู่สงถึงจะหลีกทางให้"น้องลู่ อย่าถือสาเขาเลยนะ เชิญเข้าไปเถอะครับ"หวงฝู่เจี๋ยขี้เกียจที่จะพูดเรื่องไร้สาระ เขารีบพาลู่เฉินเข้าไปยังหน้าเตียงผู้ป่วย"น้องๆ ได้ยินว่าคุณมียาเม็ดโกลเด้นกาหรอ?" ผู้อาวุโวถงเอ่ยปากก่อนท่าทางที่กระตือรือร้นนั้น เหมือนกับคนที่หิวมาสามวันมองเห็นอาหารอร่อย ๆ เต็มโต๊ะเลย"มีหน่ะ แต่มีไม่เยอะ ทั้งหมดล้วนสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ" ลู่เฉินตอบจากตราที่ปักบนเสื้อก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคือคนของหุบเขาราชายาเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา เขาได้แต่ตอบอย่างนี้"ที่แท้เป็นยาวิเศษที่สิบทอดจากบรรพบุรุษหรอ? นองๆ คุณยังมียาเหลืออยู่อีกกี่เม็ดล่ะ ผมยอมซื้อในราคาสูงเลย!" ผู้อาวุโสถงถามอย่างร้อนใจ"ก่อนหน้านี้มีสองเม็ด แต่ถูกทําลายไปหนึ่งเม็ด ตอนนี้เหลือเพียงเม็ดสุดท้ายแล้ว "
กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แล้วก็หยุดกะทันหันแสงแดดส่องลงมา เสื้อเกราะสีทองของเหลยว่านจุนส่องแสงประกาย และสะดุดตาเป็นพิเศษ"ดาบนี้เรียกว่าโพ่หยวีนกวน ผมเคยเก็บตัวมาสามปี ถึงจะเรียนรู้เทคนิคนี้ให้ได้""จนถึงตอนนี้ ยังไม่เคยแสดงต่อหน้าคนนอกเลย""วันนี้ จะเป็นเกียรติในชีวิตของคุณที่สามารถตายด้วยดาบนี้ของผม!""ดูดาบผมสิ!"พูดจบ ดาบทองของเหลยว่านจุนก็สั่นอย่างกะทันหัน ตัวเขาก็กลายเป็นแสงสีทองที่แสบตา พุ่งลงมาอย่างรวดเร็วโมเมนตัมของมันยิ่งใหญ่เหมือนแม่น้ำไหลลง ไม่สามารถหยุดยั้งได้และอยู่ยงคงกระพัน"ดาบที่เร็วมาก ลมดาบที่น่ากลัวมาก""โอ้พระเจ้า นี่คือการลงโทษจากพระเจ้าหรือ น่ากลัวเกินไป!"“เมื่อดาบนี้ใช้ออกมา จะไม่มีใครหยุดยั้งได้ การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่ม ถึงตายก็ยังได้รับเกียรติ”ดาบที่น่าตกใจของเหลยว่านจุนทําให้เกิดความโกลาหลเหล่านักสู้ต่างสะเทือนใจแสงสีทองนั้นพราวเหมือนดวงอาทิตย์ ทําให้คนไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อยดาบนั้นตกลงมาเหมือนวันสิ้นโลกมาถึงมากพอที่จะทำลายทุกอย่าง!"ชางฉง!"ในขณะที่เหลยว่านจุนออกดาบ ลู่เฉินก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเห็นเพียงว่าเขาตบเบาๆ ดาบสีดำท
เมื่อที่เกิดเหตุสงบเหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวที รู้สึกแต่หลังเย็นและหวาดกลัวคลื่นกระทบของการโจมตีเมื่อกี้นั้นน่ากลัวเกินไปหากไม่ได้เตรียมการมานานและหลบได้ทัน เกรงว่าจะถูกประแทกจนได้รับบาดเจ็บสาหัสทันทีถึงกระนั้น พลังทําลายล้างที่น่ากลัวนั้นยังคงทําให้คนกลัวในใจ"ไม่เลว ความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในป่าดำเลย"เหลยว่านจุนแบกมือข้างเดียวไว้ด้านหลัง และยิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้ว "น่าเสียดายที่คุณยังคงต้องตายในวันนี้""เหลยว่านจุน มีความสามารถจริง ๆ อะไร ก็ใช้ออกมาเลย มิฉะนั้นคุณจะไม่มีโอกาสแล้ว"ลู่เฉินยืนตัวตรงอย่างช้า ๆ สายตายังคงเย็นชาการโจมตีเมื่อกี้นั้น ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของเหลยว่านจุนเป็นยังไงถ้าไม่มีอะไรที่เกินความคาดคิด อีกฝ่ายใกล้จะมาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้วโชคดีที่ยังไม่ได้ทะลุไปอย่างเต็มที่เพราะเวลา ไม่งั้นจะรับมืออย่างลำบาก"ฮึ่ม! คุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆ"เหลยว่านจุนหรี่ตาเล็กน้อย โมเมนตัมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เสื้อคลุมทั้งตัวไม่มีลมพัดแต่ปลิวอยู่ และส่งเสียงด้วย "คุณต้องดูความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผมไม่ใช่
การฝึกร่างขั้นจงซือก็มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่า ช่องว่างของดินแดนเล็ก ๆ แต่ละระดับจะยากที่จะข้ามได้"หัวหน้าอู๋ประเมินคนนี้สูงเกินไปแล้ว"เจี่ยงซิวเจินส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม "ถ้าผมมองไม่ผิด หลังจากหัวหน้าเหลยเก็บตัวครั้งนี้ ความแข็งแกร่งได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง จัดการกับลู่เฉิน ใช้สามท่าก็สามารถจัดการได้แล้ว""อ้อ เหรอ"อู๋หงต๋ายักคิ้ว ค่อนข้างประหลาดใจเหลยว่านจุนได้ประสบความสําเร็จอย่างมากในการฝึกร่างขั้นจงซือเมื่อหลายปีก่อน หากมีความก้าวหน้าอีก เขาจะใกล้มาถึงการฝึกร่างขั้นจงซือใหญ่แล้สไม่ใช่หรือถ้าเป็นเช่นนั้น สำนักงานเจิ้นอู่ก็ต้องประเมินมูลค่าของเขาใหม่แล้ว"ลู่เฉิน คุณไม่ควรมาท้าทายผม ตอนอยู่ในป่าดำ ผมเคยให้โอกาสคุณแล้ว ไม่คิดว่าคุณจะยังเอาไข่มากระทบหินอีก วันนี้ ไม่มีใครช่วยคุณได้แล้ว"เหลยว่านจุนยังคงเข้าใกล้ต่อไป โมเมนตัมที่น่ากลัวในตอนแรกก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งราวกับคลื่นสึนามิกวาดมา"แกร็บ แกร็บ...” ภายใต้การบีบอัดอย่างรุนแรง ออร่าที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ลู่เฉินก็เริ่มมีรอยแตกทีละรอยเกิดขึ้นเหมือนกระจกขนาดใหญ่ที่กําลังจะแตกรอยแตกแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และหนาแน่นขึ้นเรื
ภายใต้เสียงตะโกนของเหลยว่านจุน ใบไม่ต้องรับผิดชอบก็ส่งมาทั้งสองคนไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เซ็นชื่อบนใบไม่ต้องรับผิดชอบและพิมพ์ลายนิ้วมือติดต่อกันการดวลกันสังเวียน จะเป็นหรือจะตายนั้นกำหนดโดยโชคชะตามาตลอด แต่โดยทั่วไปแล้วถ้าไม่มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้ง ฝ่ายชนะจะออมมือ นี่เป็นกฎที่ไม่ได้เขียนไว้แต่หลังจากเซ็นใบไม่ต้องรับผิดชอบแล้ว กฎนี้ก็ถูกทําลายแล้วไม่ได้ออมมือ ไม่มีทางถอย มีแค่สู้ชีวิตจะอยู่หรือตาย ไม่มีทางเลือกอื่น"ลู่เฉิน นี่เป็นการตัดสินใจที่โง่ที่สุดในชีวิตของคุณ"หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว โมเมนตัมของเหลยว่านจุนก็เปลี่ยนไปแล้วจากการสง่างามกลายเป็นคนเฉียบคม และมีบารมีแรงกดดันที่เหมือนภูเขาถูกปล่อยออกจากร่างกายเขา และปกคลุมทั้งที่เกิดเหตุทันทีหลังจากนั้น เหล่านักสู้ที่อยู่ด้านล่างเวทีรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักขึ้น เหมือนมีก้อนหินที่มองไม่เห็นก้อนหนึ่งกดลงบนไหล่ของพวกเขา แม้แต่การหายใจก็เริ่มถี่ขึ้นคนที่อ่อนแอ ยิ่งหอบและเหงื่อออกเต็มหัว"แรงกดดันจากการฝึกร่างขั้นจงซือที่น่ากลัว หรือว่านี่ก็คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือ"ทุกคนสั่นใ
นี่อะไรกันเนี่ยไม่ใช่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ เพื่อสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ถึงมาท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้หรือทำไมจะฟังดูเหมือนเป็นการแก้แค้นระหว่างทั้งสองคน มีความแค้นอะไรหรือ"พวกบ้าที่ใจกล้า คุณกล้าดูถูกหัวหน้าพันธมิตรอย่างโจ่งแจ้ง เป็นบาปชั่วร้ายที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ"เหลยเชียนฉงลุกขึ้นและตําหนิเสียงดังสมาชิกของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองในใจและตะโกนไม่หยุดเหลยว่านจุน เป็นหน้าเป็นตาของทั้งพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ถูกใส่ร้ายในที่สาธารณะ ย่อมจะทนไม่ได้"ได้แล้ว เงียบหน่อย"เหลยว่านจุนยกมือขึ้นอย่างช้า ๆ หยุดเสียงอึกทึกครึกโครมของสมาชิกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ แล้วก็พูดอย่างไม่เปลี่ยนสีหน้าว่า "ลู่เฉิน ความยุติธรรมอยู่ในใจคน ที่ผมทําสิ่งต่าง ๆ จะเปิดเผยเสมอ คุณคิดว่าการพูดพล่อย ๆ ไม่กี่คําจะทําให้ชื่อเสียงของผมเสื่อมเสียได้หรือ""ใส่ร้ายเหรอ ฮึ่ม..."ลู่เฉินส่งเสียงฮื่มอย่างเย็นชา "คุณเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า กระทำสิ่งที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของอาจารย์และศีลของบรรพบุรุษ สู้สัตว์ไม่ได้ด้วยซ้ำ คนหน้าซื่อใจคดอย่างคุณ ต้องถูกทุกคนลงโทษเลย""กําเริบเสิบสาน!"
"ถึงแล้วหรือ?"เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลายคนก็มองตามสายตาของเจี่ยงซิวเจินไปทันทีได้เห็นว่าหลังคาของสํานักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ มีเงาสีขาวหนึ่งกระโดดลงมาอย่างกะทันหันเงามนุษย์แกว่งไปแกว่งมาตามลม เบาเหมือนไม่มีอะไร เหมือนขนนกสีขาว"มาแล้ว หัวหน้าเหลยมาแล้ว"เมื่อมองดูเงามนุษย์ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทั้งสนามสู้ก็ฮือฮาขึ้นมาทันทีเหลยว่านจุน หัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ได้ปรากฏตัวในที่สุดท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลยว่านจุนในชุดขาว แบกมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เสื้อผ้าปลิว เท้าเหยียบบนลม ราวกับเป็นเทพเจ้าตกลงมาบนโลกลอยละลิ่วลงมาด้วยอารมณ์ที่ลึกลับและสูงส่งไม่มีบารมีที่บีบบังคับ ไม่มีออร่าที่แข็งแกร่ง มีแค่ความศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้คนไม่กล้ามองตรง ๆ และไม่สามารถดูหมิ่นได้ในขณะนี้ เหลยว่านจุนเป็นเหมือนแสงที่สว่างที่สุดในโลกนี้ส่องบนแผ่นดิน สลายความมืดทำให้คนเคารพจากใจ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"ในเวลานี้ เหลยเชียนฉงลุกขึ้นก่อน และทําความเคารพ"ขอต้อนรับหัวหน้าเหลยเก็บตัวออกมา"เหล่าสาวกพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จํานวนมากที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันลุกขึ้น และตะโกนพร้
"น้อง ตราบใดที่คุณเข้าร่วมสำนักงานเจิ้นอู่ ผมสามารถตัดสินใจได้ อนุญาตให้คุณขึ้นตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า!" อู๋หงต๋าเสนอเงื่อนไขที่ดีในสำนักงานเจิ้นอู่ ตำแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้า อยู่เหนือผู้จัดการด้วยซ้ำเพิ่งเข้าร่วมก็ขึ้นสองระดับติดต่อกัน นี่เป็นการเลื่อนตําแหน่งเกินมาตรฐานแล้ว"ขอโทษครับ ผมยังคงไม่สนใจ"ลู่เฉินส่ายหัวอีกครั้งการปฏิเสธซ้ำๆทําให้อู๋หงต๋าขมวดคิ้วเขาไว้หน้ามากพอแล้ว ไม่คิดว่าเด็กตรงหน้านี้จะไม่รู้จักชั่วดีขนาดนี้"ไม่ใช่มั้ง ขนาดตําแหน่งผู้ที่คอยปรนนิบัติหัวหน้าของสำนักงานเจิ้นอู่ก็ไม่เอา เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่?""มันเป็นเรื่องดีมากที่ได้รับความสำคัญจากสำนักงานเจิ้นอู่ เด็กคนนี้ไม่ซาบซึ้งเลยเหรอ ไม่รู้จักชั่วดีจริง ๆ""ฮึ่ม! การฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มอะไร ต่อหน้าสำนักงานเจิ้นอู่ เป็นไก่อ่อนทั้งนั้น"นักสู้ที่อิจฉาบางคน ต่างวิจารณ์ขึ้นการชักชวนของสำนักงานเจิ้นอู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดจากนักสู้มากมายแต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธหลายครั้ง ไม่ได้เห็นสำนักงานเจิ้นอู่ในสายตาเลย หยิ่งผยองจริง ๆ"น้อง ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะไม่มาอีก คุณแน่ใจนะว่าจะไม่
"คุ้นตา?"เฉินหยวนเวยสงสัยเล็กน้อย "หรือว่าหัวหน้าอู๋เคยเห็นการฝึกร่างขั้นจงซือลู่มาก่อน""ผมอาจจะดูผิดแล้วมั้ง"อู๋หงต๋าสัมผัสเคราของตัวเอง ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แต่ก็จําไม่ได้ด้วยความทรงจําของเขา ตราบใดที่เป็นนักสู้ที่ยอดเยี่ยม แทบจะเห็นแวบหนึ่งก็ลืมไม่ได้เลยอีกฝ่ายอายุยังน้อย ก็สามารถเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือได้ ในทั่วประเทศหลง จะเป็นคนที่หายากอัจฉริยะแบบนี้ ตามเหตุผลแล้ว ตราบใดที่เขาเคยเห็น ก็ไม่สามารถลืมได้แต่ตอนนี้ที่เขาจำไม่ได้ ก็พิสูจน์ว่าทั้งสองฝ่ายไม่รู้จักกัน"หัวหน้าอู๋ ท่านเดินทางมาไกล คงเหนื่อยแล้วแน่นอน กรุณาไปนั่งพักผ่อนด้วยครับ" เฉินหยวนเวยทำท่าเชิญด้วยมือเดียว"ไม่ต้องรีบ ผมจะไปพบการฝึกร่างขั้นจงซือหนุ่มคนนี้หน่อย"หลังจากบอกประโยคนี้ไป อู๋หงต๋าก็เดินตรงขึ้นสังเวียนเมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหยวนเวยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในไม่ช้าก็กลับมาเป็นปกติเหตุผลที่สําคัญที่สุดที่สำนักงานเจิ้นอู่แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนพูดถึงก็จะเปลี่ยนสีหน้า ก็คือรับสมัครผู้มีความสามารถมากมายไม่ว่าจะเป็นคนชั่ยหรือคนดี ตราบใดที่มีความสามารถ ตราบใดที่มีทักษะที่โดดเด่น ตราบใดที่แข็ง
"ลู่เฉิน คุณต้องสู้อย่างยอดเยี่ยม สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ให้ผู้คนเห็นว่าอะไรเรียกว่าไม่มีใครเทียบได้ อยู่ยงคงกระพัน!"มองดูด้านหลังที่ตั้งตรงนั้น จั่วซินเยว่พึมพํากับตัวเอง ในดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความรักและความนับถือผู้ชายตัวโต ก็ควรจะถือดาบยาว ทำคุณงามความดีชั่วนิรันดร์ แม้ข้างหน้าจะลำบาก ก็ยังก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่เกรงกลัวนี่แหละ ถึงจะเป็นผู้ชายจริงๆ"กล้าท้าทายหัวหน้าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ วันนี้ก็คือวันตายของคุณ!"หยางเจี๋ยมีสีหน้ามืดมน และแอบสาปแช่งเขาแค่หวังว่าทันทีที่ลู่เฉินขึ้นไปบนเวที ก็ถูกเหลยว่านจุนต่อยจนตาย"ฮึ่ม! จะตายไม่ช้าก็เร็ว แค่มีชีวิตอยู่อีกกี่นาทีเท่านั้น"เหลยเชียนฉงยิ้มอย่างดุเดือด สายตาดุร้ายมาก"ศิษย์พี่ลู่ ต้องปลอดภัยเลยนะ"หลินหรง พนมมือไหว้ แอบสวดมนต์"แม่งเอ้ย เด็กคนนี้กล้าขึ้นไปจริง ๆ เขาคงไม่คิดว่าตัวเองทําได้จริง ๆ เหรอ"เถาหยางขมวดคิ้ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชังเขาไม่เข้าใจ ทั้งๆที่เป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทําไมลู่เฉินถึงกลายเป็นการฝึกร่างขั้นจงซือ แต่เขาไม่ได้ฝ่าฟันไปถึงการฝึกร่างขั้นเซียนเทียนด้วยซ้ำทำไมล่