มุมมองของเบลล่าฉันขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเมื่อมองดูเบอร์โทรของผู้ที่โทรเข้ามาเธอต้องการอะไร? ทำไมถึงโทรมาหาฉัน? ฉันคิดอย่างหงุดหงิด และที่สำคัญก็คือทำไมยังมีชื่อเธอบันทึกอยู่ในโทรศัพท์ของฉันด้วยฉันจ้องมองไปข้างหน้าโดยกวาดสายตามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของผู้คนที่กำลังเดินออกมาจากประตู เมื่อเธอไม่ยอมหยุดโทรหาฉัน ฉันจึงตัดสินใจรับสาย“หล่อนต้องการอะไร?” ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮัลโหลเพื่อนรัก นานแล้วนะ เธอว่าไหม?”ฉันทำเสียงเย้ยหยัน อีงั่งคนนี้พูดเหมือนเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอเคยเป็นเพื่อนฉันด้วยเหรอ? เธอมักจะอ้างว่าเธอเกลียดซิดนีย์เพื่อเอาใจฉัน แต่ตลอดเวลานั้นเธอจ้องมองแต่ผู้ชายที่ฉันต้องการ“หล่อนต้องการอะไรยะ แซนดร้า?” ฉันส่งเสียงลอดฟันที่ขบแน่นออกไป ส่วนมือทั้งสองข้างก็กำวัตถุที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนทรงหลวมเอาไว้ ฉันรู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ ที่ได้ยินแต่เสียงเธอ ถ้าเธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันล่ะก็ ฉันคงใช้เจ้าวัตถุนั้นกับเธออย่างไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเธอคร่ำครวญเหมือนทุกครั้งที่ฉันเริ่มร่ำร้องถึงความเจ็บปวดที่ฉันได้รับ "เธอยังเครียดอยู่อีกเหรอ? ทำไมถึงทำเสียงแข็งเวลาคุยอยู่กับเพ
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันจะได้พบเขา ฉันตรวจดูตัวเองในกระจก โดยมองเงาสะท้อนตัวเองด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะตรวจดูให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าและสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ละเมิดนโยบายของพวกเขาฉันโบกมือเรียกแท็กซี่และบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ แล้วเขาก็กวาดตามองฉันโดยไม่พูดอะไรพอฉันไปถึงที่นั่น ฉันก็ถูกพาไปยังห้องรับรองแล้วขอให้นั่งรออยู่ที่นั่น ซึ่งมีคนอื่น ๆ มานั่งรอเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังด้วยเหมือนกัน… ฉันนั่งมองโน่นมองนี่อยู่ประมาณยี่สิบนาที แล้วเริ่มรู้สึกอ่อนล้าทีละน้อยเมื่อมีตำรวจเข้ามาขานนามสกุลของใครก็ตามที่จะได้เข้าพบเป็นรายต่อไปฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินตำรวจคนเดิมตะโกนเรียกนามสกุลของไอแซคออกมาฉันฝืนยิ้มในขณะเดินเข้าไปในห้องเยี่ยม ซึ่งมีโต๊ะตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง และมีเก้าอี้สองตัววางอยู่ในแต่ละด้าน“ให้เวลายี่สิบนาที" ตำรวจคนนั้นพึมพำแล้วเดินห่างออกไปสองสามฟุตในช่วงแรก ๆ นั้นฉันกับไอแซคได้แต่นั่งจ้องหน้ากัน ฉันสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจากนั้นก็สงสัยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ว่าทำไม?ทำไมเขาต้องนำความโชคร้ายมาสู่ชีวิตฉันในเมื่อฉันทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขา? เขาเป
เขาหัวเราะคิกคัก แล้วความทรงจำตอนที่เราเพิ่งคบกันก็แวบเข้ามาในหัวฉัน เขามักจะหัวเราะกับมุกตลกของฉันเสมอ บางทีการได้กลับไปเป็นแบบนั้นอีกก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนะ… หรืออาจจะแย่ก็ได้“ฉันกำลังคิดอยู่นะ" ฉันพูดหลังจากเขาเงียบเสียงลง นิ้วมือฉันประสานอยู่กับนิ้วเขา "ฉันอาจถอนฟ้องคุณก็ได้นะ"เขานั่งนิ่งแล้วอ้าปากค้างจ้องมาที่ฉัน "คุณพูดจริงเหรอ?” หัวใจฉันเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเห็นประกายแห่งความหวังฉายอยู่ในดวงตาเขาฉันพยักหน้า“พระเจ้า คุณยินดีที่ให้โอกาสผมอีกครั้งเหรอ?”ฉันหัวเราะ "ใช่แล้ว ไอแซค คุณรักฉันใช่ไหม?”“ผมรักคุณสุดหัวใจเลย"“แล้วคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นผู้ชายที่ฉันตกหลุมรักใช่ไหม?”เขาพยักหน้า“เราสามารถเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง"เขาเบิกตาโพลงและยิ้มกว้าง "เบลล่า ผมสาบานว่าจะรักคุณตลอดไป ผมยอมรับว่าเคยทำอะไรที่ไม่ดีกับคุณ ซึ่งเป็นความผิดของผม ผมยินดีที่จะกลับเนื้อกลับตัว ผม...”“หมดเวลาแล้ว" ผู้คุมเข้ามาขัดจังหวะการพูดของเขา และมือที่กำแน่นของฉันก็คลายลงเมื่อเขาหยุดพูด เขาจะกลับตัว...หรือว่า!เขาดึงฉันเข้าไปกอดแบบปุบปับ และฉันก็ไม่ได้สนใจกับความรู้สึกคลื่นเหียน
มุมมองของซิดนีย์“ว้าว!” ฉันส่งเสียงออกมาในที่สุด แล้วละสายตาออกมาจากโทรศัพท์ฉันเพิ่งรับสายจากกรมตำรวจ พวกเขาจับกุมเบลล่าในข้อฆ่าไอแซ็คในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่เรื่องของดอริสไปจนถึงเรื่องของมาร์ค เรื่อยไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำงานหรือในโรงพยาบาลที่มาร์คเข้ารับการรักษา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และฉันต้องจัดการกับเรื่องพวกนี้ราวกับถูกตั้งโปรแกรมมาให้ทำ ฉันจึงนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินข่าวนี้ โดยไม่สามารถประมวลผลในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดออกมาได้ตอนนี้ฉันได้แต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่วนเวียนอยู่ในหัว ฉันสงสัยจังว่าทำไมฉันถึงเป็นคนที่พวกเขาโทรมา แล้วพ่อแม่ของเราล่ะ?ฉันรู้สึกพิศวงงงงวยที่ข่าวนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ฉันอย่างที่ควรจะเป็น นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลให้ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะโต้ตอบออกไปได้ จริง ๆ แล้วฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจได้อีกแล้วแต่ถึงกระนั้นด้วยความสัตย์จริง ฉันก็ต้องขอคารวะให้กับความกล้าหาญของเบลล่า เธอต้องใช้ความกล้าและความอดทนอย่างมากในการทำอย่างนั้น ถึงแ
"สวัสดีครับคุณซิดนีย์" คุณหมอยิ้มแฉ่งในขณะมองดูฉันเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา“คุณมาถามเรื่องของคุณมาร…”“เปล่าค่ะ" ฉันส่ายหัว มันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ที่จะเข้ามาพบคุณหมอทุกครั้งที่มาดูอาการมาร์ค ฉันจะเข้ามาถามว่าอาการเขาเป็นอย่างไร และจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่ แต่น้ำเสียงของเขามักจะฟังดูจริงจังเสมอในขณะตอบฉันฉันนั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามเขา "ฉันมาที่นี่เพื่อถามเรื่องคนไข้คนอื่นน่ะค่ะ"เขาเงียบเสียงลงแล้วพยักหน้า "อะไรเหรอครับ?”“นอกจากมาร์คกับคนที่อยู่ในรถเขาอีกสองคนแล้ว ยังมีคนไข้คนอื่นที่ต้องรีบมาที่นี่ในคืนนั้นด้วยไหมคะ?”เขาขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว "ควรจะมีคนอื่นด้วยเหรอ?”“ก็ไม่รู้สิคะ นั่นคือเหตุผลที่ฉันเข้ามาที่นี่ มีรถคันหนึ่งพุ่งชนรถของมาร์ค แล้วจากนั้นก็ชนเสาหลังจากสูญเสียการควบคุม ฉันอยากพบคนขับรถคันนั้นน่ะค่ะ"“อ้อ เจ้าหน้าที่รถพยาบาลที่ขับรถไปยังที่เกิดเหตุในวันนั้น รายงานว่าไม่มีใครอยู่ในรถคันอื่นเลยตอนที่พวกเขาไปถึง"“อะไรนะ?” ฉันขมวดคิ้ว เป็นไปได้ยังไง? ฉันแน่ใจว่าเห็นเงาของคนที่กำลังพยายามบังคับพวงมาลัยในวันนั้นคุณหมอยักไหล่ "ผมก็ได้ยินมาอย่างนั้น คุณสามารถติดต่อกรมตำรวจ
มาร์คขมวดคิ้วมากขึ้น แล้วกวาดตามองฉันตั้งแต่หัวจดเท้าเกือบหนึ่งนาที ก่อนจะส่งเสียงออกมา "ผมอาจจะจำความเสื่อม แต่ไม่ได้โง่นะครับ ผมจะมีแม่อายุน้อยขนาดนั้นได้ยังไง? แล้วผมอายุเท่าไหร่เหรอ?ฉันอดที่จะปล่อยลมหายใจออกมาไม่ได้ ฉันเสียใจที่เขาสูญเสียความทรงจำ แต่รู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้เขากลับคืนมา เพื่อได้ยินเขาพูดอะไรแบบขวานฝ่าซากอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากมายเรื่องราวกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปเพียงอย่างเดียวก็คือความทรงจำ ขอบคุณพระเจ้า ฉันไม่คิดว่าจะสามารถรับมือกับเขาได้ ถ้าเขาสูญเสียความทรงจำแล้วกลายเป็นคนโง่เขลาไปมากกว่านี้ เขายังมีไหวพริบดีอยู่เลยฉันหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ เตียงเขา แล้วเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง "แน่นอนว่าฉันคงมีลูกชายที่อายุเท่าคุณไม่ได้ แต่ฉันเป็นแม่เลี้ยงของคุณ"ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันจึงยังแกล้งเขาต่อไป แต่มันสนุกจริง ๆ ฉันเดาว่าฉันคงอยากใช้โอกาสดี ๆ อย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นช่างก่ออิฐ ตำรวจ คนเมา...หรือใครต่อใครก็ได้ ไม่ได้เป็นสามีเก่าของฉันหรือมาร์ค ตอร์เรส ประธานบริหารของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ หรือแฟน
ฉันได้รับวิดีโอลามกมา“คุณชอบแบบนี้ไหม?”ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่ในวิดีโอนี้คือมาร์ค สามีของฉันเอง ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาหลายเดือนแล้ว เขาเปลือยกายล่อนจ้อน เสื้อและกางเกงวางเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น เขาพยายามดันมังกรยักษ์เข้าไปในร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่มองไม่เห็นหน้า หน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงกระเด้งกระดอนอย่างแรง ฉันได้ยินเสียงกระแทกกระทั้นในวิดีโอนั้นอย่างชัดเจน ผสมกับเสียงครวญครางและคำรามอันเร่าร้อน“นั่นแหละ แบบนั้นแหละ กระแทกมาแรง ๆ เลยที่รัก" ผู้หญิงคนนั้นโต้ตอบด้วยร้องครางอย่างมีความสุข“ยั่วสวาทจริง ๆ เลยนะ!” มาร์คลุกขึ้นยืนแล้วพลิกตัวเธอให้คว่ำลง พร้อมตบก้นเธอและพูดว่า "แอ่นก้นขึ้นมา!”ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างแผ่วเบา พลิกตัวคว่ำลง ส่ายก้นไปมา แล้วนอนคุกเข่าอยู่บนเตียง ฉันรู้สึกเหมือนมีคนเทน้ำในกระติกน้ำแข็งราดมาบนหัว การที่สามีนอกใจก็แย่พออยู่แล้ว แต่ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือผู้หญิงคนนั้นคือเบลล่า ผู้เป็นน้องสาวของฉันเองฉันปล่อยให้วิดีโอเล่นต่อไป โดยดูและฟังพวกเขาสองคนบรรเลงเพลงรักกัน ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงครวญครางของพวกเขา ฉันก็รู้สึกเ
สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วเมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใครรถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลงเกรซนั่นเองเกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็วเกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแ
มาร์คขมวดคิ้วมากขึ้น แล้วกวาดตามองฉันตั้งแต่หัวจดเท้าเกือบหนึ่งนาที ก่อนจะส่งเสียงออกมา "ผมอาจจะจำความเสื่อม แต่ไม่ได้โง่นะครับ ผมจะมีแม่อายุน้อยขนาดนั้นได้ยังไง? แล้วผมอายุเท่าไหร่เหรอ?ฉันอดที่จะปล่อยลมหายใจออกมาไม่ได้ ฉันเสียใจที่เขาสูญเสียความทรงจำ แต่รู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้เขากลับคืนมา เพื่อได้ยินเขาพูดอะไรแบบขวานฝ่าซากอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากมายเรื่องราวกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาสูญเสียไปเพียงอย่างเดียวก็คือความทรงจำ ขอบคุณพระเจ้า ฉันไม่คิดว่าจะสามารถรับมือกับเขาได้ ถ้าเขาสูญเสียความทรงจำแล้วกลายเป็นคนโง่เขลาไปมากกว่านี้ เขายังมีไหวพริบดีอยู่เลยฉันหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ เตียงเขา แล้วเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง "แน่นอนว่าฉันคงมีลูกชายที่อายุเท่าคุณไม่ได้ แต่ฉันเป็นแม่เลี้ยงของคุณ"ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันจึงยังแกล้งเขาต่อไป แต่มันสนุกจริง ๆ ฉันเดาว่าฉันคงอยากใช้โอกาสดี ๆ อย่างนี้ ซึ่งตอนนี้ฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นช่างก่ออิฐ ตำรวจ คนเมา...หรือใครต่อใครก็ได้ ไม่ได้เป็นสามีเก่าของฉันหรือมาร์ค ตอร์เรส ประธานบริหารของกลุ่มบริษัทข้ามชาติ หรือแฟน
"สวัสดีครับคุณซิดนีย์" คุณหมอยิ้มแฉ่งในขณะมองดูฉันเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา“คุณมาถามเรื่องของคุณมาร…”“เปล่าค่ะ" ฉันส่ายหัว มันกลายเป็นนิสัยไปแล้ว ที่จะเข้ามาพบคุณหมอทุกครั้งที่มาดูอาการมาร์ค ฉันจะเข้ามาถามว่าอาการเขาเป็นอย่างไร และจะตื่นขึ้นเมื่อไหร่ แต่น้ำเสียงของเขามักจะฟังดูจริงจังเสมอในขณะตอบฉันฉันนั่งลงตรงที่นั่งตรงข้ามเขา "ฉันมาที่นี่เพื่อถามเรื่องคนไข้คนอื่นน่ะค่ะ"เขาเงียบเสียงลงแล้วพยักหน้า "อะไรเหรอครับ?”“นอกจากมาร์คกับคนที่อยู่ในรถเขาอีกสองคนแล้ว ยังมีคนไข้คนอื่นที่ต้องรีบมาที่นี่ในคืนนั้นด้วยไหมคะ?”เขาขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว "ควรจะมีคนอื่นด้วยเหรอ?”“ก็ไม่รู้สิคะ นั่นคือเหตุผลที่ฉันเข้ามาที่นี่ มีรถคันหนึ่งพุ่งชนรถของมาร์ค แล้วจากนั้นก็ชนเสาหลังจากสูญเสียการควบคุม ฉันอยากพบคนขับรถคันนั้นน่ะค่ะ"“อ้อ เจ้าหน้าที่รถพยาบาลที่ขับรถไปยังที่เกิดเหตุในวันนั้น รายงานว่าไม่มีใครอยู่ในรถคันอื่นเลยตอนที่พวกเขาไปถึง"“อะไรนะ?” ฉันขมวดคิ้ว เป็นไปได้ยังไง? ฉันแน่ใจว่าเห็นเงาของคนที่กำลังพยายามบังคับพวงมาลัยในวันนั้นคุณหมอยักไหล่ "ผมก็ได้ยินมาอย่างนั้น คุณสามารถติดต่อกรมตำรวจ
มุมมองของซิดนีย์“ว้าว!” ฉันส่งเสียงออกมาในที่สุด แล้วละสายตาออกมาจากโทรศัพท์ฉันเพิ่งรับสายจากกรมตำรวจ พวกเขาจับกุมเบลล่าในข้อฆ่าไอแซ็คในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่เรื่องของดอริสไปจนถึงเรื่องของมาร์ค เรื่อยไปจนถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำงานหรือในโรงพยาบาลที่มาร์คเข้ารับการรักษา มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และฉันต้องจัดการกับเรื่องพวกนี้ราวกับถูกตั้งโปรแกรมมาให้ทำ ฉันจึงนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินข่าวนี้ โดยไม่สามารถประมวลผลในสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดออกมาได้ตอนนี้ฉันได้แต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่วนเวียนอยู่ในหัว ฉันสงสัยจังว่าทำไมฉันถึงเป็นคนที่พวกเขาโทรมา แล้วพ่อแม่ของเราล่ะ?ฉันรู้สึกพิศวงงงงวยที่ข่าวนี้ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้ฉันอย่างที่ควรจะเป็น นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลให้ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะโต้ตอบออกไปได้ จริง ๆ แล้วฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรทำให้ฉันรู้สึกประหลาดใจได้อีกแล้วแต่ถึงกระนั้นด้วยความสัตย์จริง ฉันก็ต้องขอคารวะให้กับความกล้าหาญของเบลล่า เธอต้องใช้ความกล้าและความอดทนอย่างมากในการทำอย่างนั้น ถึงแ
เขาหัวเราะคิกคัก แล้วความทรงจำตอนที่เราเพิ่งคบกันก็แวบเข้ามาในหัวฉัน เขามักจะหัวเราะกับมุกตลกของฉันเสมอ บางทีการได้กลับไปเป็นแบบนั้นอีกก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนะ… หรืออาจจะแย่ก็ได้“ฉันกำลังคิดอยู่นะ" ฉันพูดหลังจากเขาเงียบเสียงลง นิ้วมือฉันประสานอยู่กับนิ้วเขา "ฉันอาจถอนฟ้องคุณก็ได้นะ"เขานั่งนิ่งแล้วอ้าปากค้างจ้องมาที่ฉัน "คุณพูดจริงเหรอ?” หัวใจฉันเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเห็นประกายแห่งความหวังฉายอยู่ในดวงตาเขาฉันพยักหน้า“พระเจ้า คุณยินดีที่ให้โอกาสผมอีกครั้งเหรอ?”ฉันหัวเราะ "ใช่แล้ว ไอแซค คุณรักฉันใช่ไหม?”“ผมรักคุณสุดหัวใจเลย"“แล้วคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นผู้ชายที่ฉันตกหลุมรักใช่ไหม?”เขาพยักหน้า“เราสามารถเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง"เขาเบิกตาโพลงและยิ้มกว้าง "เบลล่า ผมสาบานว่าจะรักคุณตลอดไป ผมยอมรับว่าเคยทำอะไรที่ไม่ดีกับคุณ ซึ่งเป็นความผิดของผม ผมยินดีที่จะกลับเนื้อกลับตัว ผม...”“หมดเวลาแล้ว" ผู้คุมเข้ามาขัดจังหวะการพูดของเขา และมือที่กำแน่นของฉันก็คลายลงเมื่อเขาหยุดพูด เขาจะกลับตัว...หรือว่า!เขาดึงฉันเข้าไปกอดแบบปุบปับ และฉันก็ไม่ได้สนใจกับความรู้สึกคลื่นเหียน
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันจะได้พบเขา ฉันตรวจดูตัวเองในกระจก โดยมองเงาสะท้อนตัวเองด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะตรวจดูให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าและสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ละเมิดนโยบายของพวกเขาฉันโบกมือเรียกแท็กซี่และบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ แล้วเขาก็กวาดตามองฉันโดยไม่พูดอะไรพอฉันไปถึงที่นั่น ฉันก็ถูกพาไปยังห้องรับรองแล้วขอให้นั่งรออยู่ที่นั่น ซึ่งมีคนอื่น ๆ มานั่งรอเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังด้วยเหมือนกัน… ฉันนั่งมองโน่นมองนี่อยู่ประมาณยี่สิบนาที แล้วเริ่มรู้สึกอ่อนล้าทีละน้อยเมื่อมีตำรวจเข้ามาขานนามสกุลของใครก็ตามที่จะได้เข้าพบเป็นรายต่อไปฉันกระเด้งตัวลุกขึ้นเมื่อได้ยินตำรวจคนเดิมตะโกนเรียกนามสกุลของไอแซคออกมาฉันฝืนยิ้มในขณะเดินเข้าไปในห้องเยี่ยม ซึ่งมีโต๊ะตัวเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางห้อง และมีเก้าอี้สองตัววางอยู่ในแต่ละด้าน“ให้เวลายี่สิบนาที" ตำรวจคนนั้นพึมพำแล้วเดินห่างออกไปสองสามฟุตในช่วงแรก ๆ นั้นฉันกับไอแซคได้แต่นั่งจ้องหน้ากัน ฉันสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วจากนั้นก็สงสัยเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ว่าทำไม?ทำไมเขาต้องนำความโชคร้ายมาสู่ชีวิตฉันในเมื่อฉันทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขา? เขาเป
มุมมองของเบลล่าฉันขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเมื่อมองดูเบอร์โทรของผู้ที่โทรเข้ามาเธอต้องการอะไร? ทำไมถึงโทรมาหาฉัน? ฉันคิดอย่างหงุดหงิด และที่สำคัญก็คือทำไมยังมีชื่อเธอบันทึกอยู่ในโทรศัพท์ของฉันด้วยฉันจ้องมองไปข้างหน้าโดยกวาดสายตามองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของผู้คนที่กำลังเดินออกมาจากประตู เมื่อเธอไม่ยอมหยุดโทรหาฉัน ฉันจึงตัดสินใจรับสาย“หล่อนต้องการอะไร?” ฉันโพล่งออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮัลโหลเพื่อนรัก นานแล้วนะ เธอว่าไหม?”ฉันทำเสียงเย้ยหยัน อีงั่งคนนี้พูดเหมือนเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ เธอเคยเป็นเพื่อนฉันด้วยเหรอ? เธอมักจะอ้างว่าเธอเกลียดซิดนีย์เพื่อเอาใจฉัน แต่ตลอดเวลานั้นเธอจ้องมองแต่ผู้ชายที่ฉันต้องการ“หล่อนต้องการอะไรยะ แซนดร้า?” ฉันส่งเสียงลอดฟันที่ขบแน่นออกไป ส่วนมือทั้งสองข้างก็กำวัตถุที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนทรงหลวมเอาไว้ ฉันรู้สึกหงุดหงิดจริง ๆ ที่ได้ยินแต่เสียงเธอ ถ้าเธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันล่ะก็ ฉันคงใช้เจ้าวัตถุนั้นกับเธออย่างไม่รู้สึกผิดอะไรเลยเธอคร่ำครวญเหมือนทุกครั้งที่ฉันเริ่มร่ำร้องถึงความเจ็บปวดที่ฉันได้รับ "เธอยังเครียดอยู่อีกเหรอ? ทำไมถึงทำเสียงแข็งเวลาคุยอยู่กับเพ
"ก่อนอื่นเลย ทำไมเธอถึงพยายามติดต่อคนพวกนั้นด้วยล่ะ?” นั่นคือคำถามแรกที่เกรซโพล่งออกมาฉันชี้แจงให้เธอฟังว่าทำไมฉันถึงต้องติดต่อโรสหรือแซนดร้า แล้วเธอก็ทำปากจู๋จากนั้นเก็เบ้ปาก "ฉันรู้สึกแย่แทนเขาจริง ๆ"“ฉันก็เหมือนกัน" ฉันพึมพำตอบกลับไป ฉันมองตามเกรซในขณะที่เธอหันกลับไปทำงานต่อ ดูเหมือนเธอกำลังต่อผ้าด้วยเข็มเล่มเล็ก ๆ อยู่“ในเมื่อตอนนี้โรสไม่ยอมรับสาย ฉันก็คิดว่าคงต้องโทรหาแซนดร้าแล้วล่ะ" ฉันยักไหล่แล้วเบะปากด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็กดเบอร์โทรของแซนดร้า ในขณะกดหมายเลขของเธออยู่นั้น ฉันก็ได้แต่สงสัยว่าฉันได้เบอร์นี้มาได้ยังไง เธอรับสายเกือบจะในทันทีราวกับว่าเธอกำลังรอสายฉันอยู่“ฮัลโหล?”“แซนดร้า นี่ซิดนีย์นะ"จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง "ซิดนีย์เหรอ?” น้ำเสียงของเธอฟังดูประหลาดใจ "เธอต้องการอะไรเหรอ?”ฉันนั่งไขว่ห้าง "ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากผู้ดูแลอาการของมาร์ค" ฉันได้ยินเธอส่งเสียงครางเบา ๆ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วพูดต่อ "ฉันเพิ่งรู้จากผู้หญิงคนนั้นว่าเธอไม่ได้ไปเยี่ยมคู่หมั้นของเธอเลยนับตั้งแต่เขาเข้าไปในโรงพยาบาล"“แล้วไงเหรอ"คิ้วของฉันยกขึ้นโดยอัตโนมัติ "นี่ผ่านไปหนึ่งสั
ฉันถอนหายใจ "ฉันต้องขอโทษสำเรื่องนี้เป็นอย่างมากเลยนะคะ ตระกูลตอร์เรสไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ฉันแน่ใจว่าพวกเขาต้องติดขัดอะไรบางอย่างแน่ ฉันจะพยายาม…”“แล้วค่าจ้างของฉันล่ะคะ? ฉันกลัวว่าจะต้องหยุดให้บริการ ถ้าฉัน…”“ฉันกำลังจะพูดอยู่พอดีเลยค่ะ ส่งหมายเลขบัญชีและอัตราค่าจ้างมาให้ฉันที่หมายเลขนี้นะคะ ฉันจะจ่ายเงินให้คุณทันที ดังนั้นได้โปรดช่วยดูแลเขาต่อไปนะคะ"“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ"“ฉันจะพยายาม…”ฉันกระพริบตาเมื่อได้ยินเสียงดังกริ๊กซึ่งบ่งบอกว่าเธอได้วางสายลงแล้ว ฉันเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับยักไหล่ในขณะที่วางโทรศัพท์ลง ฉันไม่ตำหนิเธอหรอก ถ้าฉันเป็นเธอฉันคงโกรธเกรี้ยวมากกว่านี้ เธอพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลมากจนฉันไม่คิดว่าเธอจะวางสายใส่ฉันฉันส่ายหัวในขณะเอนตัวลงบนที่นั่ง ช่างโชคร้ายเสียจริง ๆ มาร์คอยู่ในอาการโคม่าตั้งแต่ทำการผ่าตัดเสร็จ ใช่แล้ว เขาหมดสติไปตั้งแต่โดนผ่าตัด ซึ่งฉันอยู่ต่อไม่ได้ก็เลยต้องกลับมา แต่ในกรณีของฉันก็ยังเป็นที่เข้าใจได้ จริงไหม? ฉันมีการงานที่ต้องจัดการ แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงด้วยแซนดร้าเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวมาโดยตลอด ดังนั้นฉันจึงไม่แปลก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมาฉันละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด ฉันรู้ว่าไม่ใช่สายของลูคัส เพราะฉันมีเสียงเรียกเข้าอีกเสียงหนึ่งสำหรับสายเรียกเข้าของเขา ซึ่งถ้าเป็นเขาจะต้องดังขึ้นอย่างแน่นอน และก็ไม่ใช่ของเกรซด้วย เพราะเธอคงพุ่งตัวมาที่นี่แล้ว ถ้าเธอโทรเข้ามามากกว่าสองครั้งแล้วฉันไม่ยอมรับสายนี่เป็นครั้งที่ห้าแล้วที่คน ๆ นั้นโทรมา ต้องยกความดีความชอบให้ผู้โทรคนนั้นจริง ๆ คนที่โทรมาห้าครั้งติดต่อกัน นับว่ามีความพากเพียรอย่างน่าชื่นชมฉันหาวและขยี้ตาที่เหนื่อยล้า จากนั้นก็เอนหลังพิงที่นั่งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากโต๊ะ หมายเลขที่โทรเข้ามานั้นไม่ได้มีบันทึกอยู่ในโทรศัพท์ แล้วไม่ได้ดูหุ้นหูคุ้นตาเลยด้วย “ฮัลโหล...” ฉันพูดเสียเนือย ๆ หลังจากรับสาย“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง ฉันกำลังคุยสายอยู่กับคุณซิดนีย์หรือเปล่าคะ? คุณได้นำตัวคุณมาร์ค ตอร์เรสมาที่นี่หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุ"ฉันขมวดคิ้วแล้วลุกขึ้นนั่ง "สวัสดีค่ะ ใช้แล้วค่ะ ฉันคือซิดนีย์"“ฉันเป็นผู้ดูแลคนป่วยค่ะ และได้รับมอบหมายให้ดูแลคุณมาร์ค ตอร์เรส"ฉันเลิกคิ้วขึ้น ฉันจำได้ว่าก่อนจะออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณหมอได้แนะน