“เข้าไป!!” “โอ๊ยยย โรสเจ็บนะพี่ไวน์!!” เธอบ่นขึ้นมาทันทีเมื่ออีกคนจับร่างของเธอยัดเข้ามาภายในรถ ในขณะที่เขาเองยังคงตีสีหน้าบึ้งตึงและเดินอ้อมขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งประจำคนขับ ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยห้วงอารมณ์ฉุนเฉียว “ขับช้า ๆ หน่อยสิคะ โรสกลัว!!” “ทีอย่างนี้ทำเป็นกลัว ทีเธอไปด่าคนอื่นเขาทำไมไม่กลัว! เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักทีโรสรินทร์ !!” เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดุดันแข็งกร้าว “แต่พี่ไวน์ก็เห็น ว่ายัยเตี้ยนั่นมันก็ด่าโรสเหมือนกัน และมันมาว่าโรสก่อนด้วยซ้ำ!!” เธอยังคงเถียงคำไม่ตกฟากอย่างไม่ยอมลดละ “แต่เธอก็ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงแบบนั้นกับเขา!!” “นี่พี่ไวน์เขาข้างยัยขาสั้นนั่นเหรอ! พี่เข้าข้างคนอื่นทั้งที่คนที่พี่ควรจะเข้าข้างคือโรสซึ่งเป็นคู่หมั้นพี่ ไม่ใช่ยัยเตี้ยตื่นตดนั่น!!” เธอรีบหันไปแหวใส่ด้วยน้ำเสียงแตกพร่า ประกอบกับน้ำตาหยดใส ๆ ที่กำลังเริ่มเอ่อคลอ ทำไมเธอถึงเหมือนจะต้องร้องไห้ทุกครั้งที่โดนเขาเมินใส่ด้วยนะ ทีกับผู้ชายคนอื่นโดยเฉพาะแทนไทซึ่งเป็นแฟนเก่าเธอเอง เธอยังไม่บ่อน้ำตาตื้นเหมือนกับที่โดนเขาต่อว่าแบบนี้เลย เธอแค่โมโหและน
แกร่กกก!! เจ้าของร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ โดยมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวสอบไว้พอหมิ่นเหม่ เผยให้เห็นหุ่นล่ำบึ้กซิกแพคเป็นลอนสวยที่ถ้าสาว ๆ คนไหนเห็นเป็นต้องหลงใหล วายุภัคเดินทอดกายไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบกางเกงนอนขายาวเนื้อนุ่มใส่สบาย ๆ ขึ้นมาสวมใส่เพียงตัวเดียวและเปลือยท่อนบน ก่อนจะเดินทอดกายมานั่งลงบนเตียงนอน แต่….. “แบร่!!!” “เฮ๊ยยยย!! เล่นอะไรของเธอเนี่ย!!” น้ำเสียงที่ดูตกอกตกใจเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กับร่างสูงใหญ่ดีดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงทันทีด้วยความตกใจ ก่อนเขาจะทำหน้าตาดุ ๆ ใส่อีกคนเมื่ออยู่ดี ๆ ผ้าห่มผืนหนาก็เลิกขึ้น และปรากฏร่างบอบบางในชุดนอนบางเบาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม เธอแลบลิ้นปลิ้นตาแกล้งทำให้เขาตกใจ และมันก็ได้ผลซะงั้น…เพราะเขาเองก็ดันตกใจขึ้นมาจริง ๆ “ฮ่า ๆ ๆ ทำไมพี่ไวน์หน้าเหวอแบบนั้นคะ ตลกชะมัด!!” เธอหัวเราะร่าออกมาอย่างชอบใจที่เห็นอีกคนหน้าเหวอทำอย่างกับเจอผี “นี่เธอเป็นเด็กสามขวบรึไง เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้!!” เขาบ่น ๆ ขึ้นมา พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “คืนนี้ขอนอนด้วยคนนะคะ” เธอพูดขึ้นเสียงอ่อย “ไม่ได้!!” วายุ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหลังคาสังกะสีกระทบกับผนังสีขาวสะอาดตาของโรงเพาะเห็ด อากาศข้างในเย็นชื้นต่างจากภายนอกที่ร้อนอบอ้าว ที่มาพร้อมกับกลิ่นดินเปียกผสมกับกลิ่นเห็ดที่โชยมาแตะจมูก วายุภัคในชุดเสื้อยืดสีขาวสบาย ๆ กางเกงยืนส์ขายาว สวมหมวกปีกกว้างและสวมรองเท้าบู๊ทกำลังยืนคุยกับโรสรินทร์ วันนี้เธอมาในชุดเสื้อยืดสีชมพูกางเกงขาสั้น และสวมหมวกปีกกว้างเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุขภายในโรงเพาะเห็ด อากาศเย็นสบายอุณหภูมิและความชื้นถูกควบคุมให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเห็ดแต่ละชนิด บนชั้นวางเรียงรายด้วยเห็ดหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง เห็ดฟาง และเห็ดออรินจิ ซึ่งล้วนเติบโตอย่างสวยงามจนคนตัวเล็กรู้สึกตื่นตาตื่นใจมากเป็นพิเศษ เพราะนี่นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้มาเห็นอะไรแบบนี้ “การเก็บเห็ดต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ควรจับหรือบิดเห็ด เพราะอาจทำให้เห็ดช้ำได้” เขากำลังอธิบายวิธีการเก็บเห็ดให้กับโรสรินทร์ซึ่งเธอดูมีท่าทีสนอกสนใจมากเป็นพิเศษ “แล้วมันต้องทำยังไงล่ะคะ โรสเป็นคนมือหนัก กลัวว่าเห็ดพี่วายวอดจะวอดวายไปซะก่อนน่ะสิคะถ้าหากว่าให้โรสเป็นคนลงมือเก็บ
“งึกงึกงักงัก มันเป็นงึกงึกงักงัก โอ๊ย …เอิ้กกกก” “อึก! เพลงหยังวะ คุ้น ๆ ฮ่า ๆๆ เอิ้กกก” นายมืดพูดขึ้นพลางหัวเราะชอบอกชอบใจ “จั่งซี้มันต้องถอน จั่งซี้มันต้องถอน…เอิ้กก กก!!… จั่งซี้มันต้องถอนนนน….” โรสรินทร์เริ่มร้องเพลงอย่างไม่เคอะเขิน แม้จะจำเนื้อเพลงได้ไม่ครบถ้วนแต่เธอก็ใส่เต็มอารมณ์ ร่างกายของเธอโยกไปมาตามจังหวะเคาะแก้วเคาะขวดที่ทุกคนบรรเลงให้เป็นจังหวะตามการร้องเพลงของเธอ ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตวแพทย์หนุ่มรูปหล่ออย่างคุณหมอณภัทรที่ตบพื้นเถียงนาเสียงดังลั่นจนแทบจะพังถล่มลงมาอยู่แล้ว ส่วนหวึ่งศรีก็เหมือนจะโดนผีแดนช์เซอร์เข้าสิง เต้นโยกซ้ายโยกขวาส่ายเอวตามจังหวะอย่างเร้าใจ “เพลงอ้ายปอยฝ้ายกะมาบาดนี่ คุณโรสนี่สุดยอดอีหลี ร้องเพลงกะม่วน กินเหล้ากะเก่ง คอแข็งกว่าพวกผมอีก” (เพลงพี่ปอยฝ้ายก็มานะเนี่ย คุณโรสนี่สุดยอดจริง ๆ ร้องเพลงก็เพราะ ดื่มเหล้าก็เก่ง คอแข็งกว่าพวกเราอีก) นายมืดเอ่ยชมขึ้นพลางยกนิ้วโป้งให้และตบไม้ตบมืออย่างชอบอกชอบใจ “เกิดมาทั้งที…เราต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่านะนายมืด อึก!!อะไรม่ายเคยลองเราก็ต้องลองดิ อะไรม่ายเคยทำ เราก็ต้องทำ เอิ้กกก! จะได้เป็นรางวัลให้ชี…วิต
วายุภัคประคองโรสรินทร์ที่เดินโซเซเพราะอาการมึนเมามาตามทาง ใบหน้าของเธอแดงก่ำดวงตาเหม่อลอย ปากก็เอาแต่บ่นพึมพำอะไรบางอย่างที่แทบจะฟังไม่ได้ศัพท์มาตลอดทาง อ้อมแขนแกร่งโอบไหล่มนประคองเธอไว้แบกรับน้ำหนักตัวเธอที่อ่อนปวกเปียก กลิ่นแอลกอฮอลล์ผสมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอโชยมาแตะจมูกเป็นระยะชวนให้เขารู้สึกใจเต้นแปลก ๆ พิลึก แต่เขาก็พยายามเดินอย่างมั่นคงเพื่อระวังไม่ให้เธอนั้นสะดุดหรือล้มลงไป ในใจของเขานั้นต่างเต็มไปด้วยความโกรธแต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย แม้เธอเองจะชอบทำตัวดื้อรั้นกับเขาแต่เวลาที่เธอเมาแบบนี้ มันกลับทำให้เธอดูไร้เดียงสาและน่ารักไปอีกแบบ จนเขาต้องเผลอลอบยิ้มออกมาให้กับความโก๊ะของเธออยู่บ่อยครั้ง “ถึงไหนแล้ว…เอิ้กกกก ทำไมโลกมันถึงได้หมุนติ้วเป็นลูกข่างแบบนี้นะ!!” โรสรินทร์บ่น ๆ ออกมาเมื่อเริ่มรู้สึกสายตาพร่ามัวเหมือนโลกหมุนและเบลอไปหมด แม้เธอจะพยายามเพ่งมองแล้วมองอีกแต่กลับเห็นเป็นภาพซ้อนสองสามภาพซ้อนทับกัน มองไปทางไหนก็ดูพร่าเลือน “หึ ไหนบอกว่าโรสของจริงโรสของแท้ยังไงล่ะ แล้วนี่อะไร แค่จะยืนให้ตรงยังทำไม่ได้เลย” วายุภัคอดที่จะพูดต่อว่าเธอไม่ได้เมื่ออีกคนเซไปเซมายืนไม่ตรงจ
ร่างแกร่งยืดตัวขึ้นพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างไม่รอช้า ก่อนคนตัวเล็กจะค่อย ๆ เอื้อมมือเข้าไปบรรจงถอดเสื้อให้คนตัวโตราวกับว่าเขาถอดไม่ทันใจเธอ จนกระทั่งเผยให้เห็นซิคแพ็คเป็นลอนยาวเรียงสวย และกล้ามหน้าท้องที่มองยังไงก็ยังดูดีสมบูรณ์แบบไปหมด โรสรินทร์ลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่สายตาเจ้ากรรมจะค่อย ๆ เคลื่อนต่ำลงเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถห้ามได้ มือหนาถอดกางยีนส์ราคาแพงตามกันออกมาติด ๆ ริมฝีปากบางอวบอิ่มของโรสรินทร์เม้มเข้าหากันอย่างเปิดเผยด้วยสายตาที่เชื้อเชิญสุดฤทธิ์ ยิ่งแผงอกหนัดแน่นกำยำได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอก็ยิ่งสร้างความต้องการในส่วนลึกให้กับเธอมากยิ่งขึ้น เธอควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นได้ถึงเพียงนี้ โรสรินทร์ทอดสายตามองไปตรงซิกแพคด้วยสายตาที่หลงใหลพร้อมกับเคลื่อนสายตามองลงต่ำ ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อีกครั้ง เมื่อเจอกับเจ้าท่อนเอ็นใหญ่ยาวที่ตั้งผงาดชูชันชี้โด่อยู่เบื้องหน้า ‘โอ้มายก้อดดด !! นกเขาที่เธอเคยคิดว่ามันไม่ขันทำไมมันถึงได้ใหญ่อลังการงานสร้างขนาดนี้ หากได้โดนสักดอกเธอจะยังมีชีวิตรอดอยู่ไหม เธอคงจะไม่ตายเพราะเจ
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…. ปึ่ก ปึ่ก ปึ่ก!! “อ๊าาาส์ อึก อื้มมม!!!” ร่างหนายังคงขยับตัวอยู่บนเรือนร่างเย้ายวนเป็นเวลานานกว่าชั่วโมงแล้ว และในที่สุดโรสรินทร์ก็ไม่สามารถที่จะอดทนต่อความเสียวซ่านได้อีกต่อไป เธอปลดปล่อยสายธารแห่งความสุขอาบชโลมทั่วท่อนเอ็นใหญ่ยาวซึ่งนับไม่ได้ว่าครั้งที่เท่าไหร่ “อ๊าาา~ พี่ไวน์” ช่องทางรักของเธอตอดรัดเขาตุบตุบเป็นจังหวะถี่รัวจนวายุภัครับรู้ได้ เขามองร่างเล็กที่ทิ้งตัวหอบหายใจราวกับไปวิ่งสี่คูณร้อยมา ใบหน้าสวยแดงจัดด้วยเลือดที่สูบฉีดจากการถึงฝั่งฝันเมื่อครู่นี้ เธอช่างสวยและดูเซ็กซี่เหลือเกิน “อ่าส์…เธอเสร็จอีกแล้วสินะ” “อ่าาา..อื้มมมมม!” “รู้สึกยังไงบ้างล่ะ ที่ได้เสียตัวให้พี่” วายุภัคเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา ปกติในสายตาเธอเขาดูนิ่งเงียบและไม่ค่อยพูดเสียด้วยซ้ำ แต่พอพูดภาษาบนเตียงทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนปากไวแบบนี้นะ โรสรินทร์ได้แต่นึกบ่นในใจ “เฮ้อ~! เหนื่อย…แต่เสียวค่ะ ขอแบบเมื่อกี้อีกสักดอกได้ไหมคะ” เธอพูดขึ้นในขณะที่ยังหอบหายใจถี่รัว พร้อมกับเอ่ยปากร้องขอเขาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนโดยไม่มีความอาย ความเจ็บปวดจนร่างแทบแตกสลายในคราแรก หลังจากนั
วายุภัคล้มตัวลงมาทาบทับร่างบอบบางของคนตัวเล็ก ทั้งที่แท่งร้อนอันแข็งแกร่งของเขายังคงกดแช่อยู่ในตัวเธอ “เอามันออกไปค่ะพี่ไวน์ โรสไม่ไหวแล้ว” “หึ พี่ก็บอกเธอแล้วไง ว่าถ้าหากพี่ยังไม่อิ่มก็คงหยุดไม่ได้!” น้ำเสียงดุดันพูดประชิดใบหูเล็ก ก่อนจะขบเม้มใบหูของเธอเล่นเบา ๆ ทำเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น “ละ แล้ว เมื่อไหร่พี่จะอิ่มสักทีล่ะ” “คืนนี้ทั้งคืน…ไม่ต้องนอน!” “อ๊ายยยย ไม่นะคะ ทั้งคืนขนาดนั้นโรสจะไม่คางเหลืองก่อนหรือไง คนบ้า คนลามกโรคจิต เมื่อก่อนทำไมไม่เห็นจะลามกขนาดนี้เลย ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน!” เธอรีบโวยวายขึ้นมาทันที แค่ได้ยินคำตอบของเขาก็ทำเอาเธอแทบจะสร่างเมาแล้ว “บอกแล้วไง ว่าด่าผัวมันบาปนะ!” “พี่ไม่ช่ะ!!” “อ่ะ ๆ อย่าแม้แต่จะปฏิเสธเชียวนะ ทั้งที่ไอ้นี่ของพี่ก็ยังเสียบคาอยู่!!” เขาขู่ขึ้นมาตาเขียวปั้ด “บ้าาา ไม่รู้แหละ ไม่เอาค่ะ ตอนนี้โรส…อึก!! โรสไม่หวะ อึก!” “แต่พี่จะเอา! เธออยากมากไม่ใช่หรือไง และพี่ก็กำลังพิสูจน์ให้เธอเห็นอยู่นี่ไง ว่าพี่ไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก!!” เขาพูดแทรกขึ้นมาทันทีในขณะที่เธอยังพูดไม่จบ “มะ ไม่นะคะ โรสพอแล้ว…อึก!!” “หึ!” เขาแค่น
โรสรินทร์กับวายุภัคมองสบตากันลึกซึ้งด้วยความรัก ก่อนใบหน้าคมคายจะค่อย ๆ โน้มลงมาประทับลงบนเรียวปากอวบอิ่มของเธอเบา ๆ ริมฝีปากร้อนฉ่าบดเบียดความนุ่มนิ่มของกลีบปากงามอย่างเนิบนาบ นุ่มนวล ส่งผ่านความรักด้วยการกดย้ำขบเม้มริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วงด้วยความเร่าร้อนโหยหา “โรสเสียใจไหม ที่ต้องมาอยู่บ้านนอกคอกนากับพี่แบบนี้” เขาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง ดวงตาคมมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในดวงตาที่กำลังสะท้อนทุกความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด ก่อนคนที่ได้ยินคำถามนั้นจะยิ้มบาง ๆ และเอื้อมมือเรียวสวยไปจับมือใหญ่มากุมไว้ “โรสยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่กับพี่ไวน์ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากที่นั่นมีพี่ไวน์อยู่ด้วยโรสก็อยู่ได้ค่ะ” คำตอบของเธอเรียกรอยยิ้มกว้างจากเขาได้เป็นอย่างดี “พี่รักโรสนะครับ รักมากด้วย” วายุภัคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นของเธอมองมาที่ริมฝีปากของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงอัตโนมัติก่อนจะสัมผัสถึงรสจูบ มันเป็นจูบที่แผ่วเบา นุ่มนวล อ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความลุ่มลึกร้อนแรงมากขึ้นเรื
สองเดือนผ่านไป… วันแต่งงาน (งานกินดอง) “อร๊ายยยยย วันนี้คุณไวน์หล่อม๊ากกกค้า หล่อจนพอลล่านี่อยากจะดื่มไวน์แดงเลยค่ะ คริคริ” เมื่อขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวใกล้เข้ามาแล้ว พอลล่าตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น พลางหัวเราะคิกคักชอบใจหลงใหลในความหล่อเหลาบาดใจของเจ้าบ่าวป้ายแดง ที่แค่มองจากไกล ๆ รัศมีความหล่อก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งทุ่งกุลาร้องไห้ “น้อย ๆ หน่อย นั่นมันผัวเพื่อนไม่ใช่ผัวแกนังพอลล่า” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้ที่เพื่อนชายใจเป็นหญิงรู้สึกจะดี๊ด๊าชื่นชมเจ้าบ่าวผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวเพื่อนอย่างออกหน้าออกตา “ผัวเพื่อนก็เหมือนผัวเรานั่นแหละย่ะ คริ คริ” “แล้วนี่ฉันไม่สวยเลยหรือไงยะ หัดชมเพื่อนแกบ้างก็ได้นะ นี่ขนาดวันนี้ฉันแต่งตัวสวยสุด ๆ แล้วยังไม่เห็นแกคิดจะชมเลยสักคำ ชิส์!” โรสรินทร์พูดแซะขึ้นมาบ้างอย่างหมั่นไส้ “แกก็สวยทุกวันอยู่แล้วค้านังโรส ต่อให้ไม่แต่งแกก็สวยย่ะ แต่…วันนี้พี่ไวน์ผัวแกหล่อมากจริง ๆ นะ หล่อเวอร์วังถูกใจพอลล่ามาก อ๊ายยยย พอลล่าอยากกินไวน์แดงแท่งใหญ่ ๆ!!” “พอ ๆ ๆ เลย ไวน์แดงมันไม่ได้มีเป็นแท่งเหมือนไอติมหรอกนะยะ เลิกสนใจผัวเพื่อนได้แล้ว อย่าง
ช่วงสายวันต่อมา…. “ตื่นได้แล้วนะครับ” “อื้อ…ตื่นไม่ได้ โรสง่วง..!” “แต่นี่มันเที่ยงแล้วนะครับ” มือหนาสะกิดปลุกคนขี้เซาที่ยังคนนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นราวกับเป็นลูกแมวขี้เซา ยิ่งเวลาเธอหลับแบบนี้เธอก็ยิ่งดูน่ารัก ทำเอาดวงตาคมกริบจ้องมองจนแทบไม่อยากจะละสายตาออกจากใบหน้าหวาน “อื้อ…” เจ้าของร่างบางขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ และกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่แสง “พี่ไวน์!! ออกไปเลยนะคะ ไม่ต้องมาใกล้โรส!!” เธอรีบแหวใส่เขาขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มจะจับต้นชนปลายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ก่อนจะพยายามเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดเธอเอาไว้ “จะให้ออกไปไหนล่ะ ก็นี่มันบ้านของพี่” ดวงตากลมโตหันไปมองภายในรอบ ๆ ห้องซ้ายทีขวาที และ…ที่นี่มันก็ไม่ใช่ห้องของเธอจริง ๆ “งั้นก็ปล่อยค่ะ โรสจะออกไปจากที่นี่เอง!!” เธอเอ่ยขึ้นพลางแกะมือหนาที่ยังคงโอบกอดเธอไว้แน่นราวกับคีบเหล็ก แต่มันก็หาเป็นผลไม่ “ปล่อยให้โง่สิครับ ไม่ปล่อย!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหน้าด้าน ๆ ยัยแม่มดตัวแสบพอหมดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วตื่นขึ้นมาก็เลยแผลงฤทธิ์เดช
สองมือหนาจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะจ่อแท่งร้อนเข้าไปในร่องรักอันคับแน่นของคนใต้ร่าง วายุภัคมองใบหน้าหวานของโรสรินทร์ที่น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะค่อย ๆ ดันปลายหัวเห็ดแดงก่ำเข้าไปในร่องคับแคบนั้นอย่างช้า ๆ “อ่าส์…แน่นมาก” “อึก ระ โรสเจ็บ” โรสรินทร์ร้องออกมาเมื่อเธอรู้สึกเจ็บ อีกทั้งความคับแน่นนี้มันยังคงแน่นเหมือนเดิมเหมือนครั้งแรก วายุภัคเองถึงกับต้องซี๊ดปากเบา ๆ เมื่อช่องทางรักของเธอบีบรัดท่อนเนื้อของเขาจนรู้สึกเจ็บเช่นเดียวกัน เขาพยายามดันท่อนเอ็นขนาดใหญ่เข้าไปให้สุด ก่อนเขาจะเริ่มขยับสะโพกสอบเข้าออกเมื่อภายในของเธอเริ่มปรับสภาพกับความใหญ่โตของเขาได้ ท่อนเอ็นที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกในร่องสวาทนั้นทำให้คนใต้ร่างเริ่มรู้สึกเสียว “อะ อื้อออ โรสจุก!!” หน้าอกอวบใหญ่เริ่มกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้น มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเมื่ออีกคนกระแทกเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ปั่ก ปั่ก ปั่ก!! เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกแรงขึ้น หนักหน่วงขึ้น โรสรินทร์เม้มปากเอาไว้แน่นเพื่อพยายามข่มเสียงครางอันน่าเกลียดของตัวเองไม่ให้มันดังเล็ดลอดออกมา “อ๊าส์…พูดมาสิ
“ถึงคุณไวน์จะเป็นผัวยัยโรสเพื่อนของพวกเราก็เถอะ ยังไงเกรชกับพอลล่าก็ไม่มีทางปล่อยให้ยัยโรสไปกับผู้ชายโลเลแถมยังกระล่อนปลิ้นปล้อนอย่างคุณไวน์ได้หรอกค่ะ ในเมื่อยัยโรสเพื่อนของพวกเราบอกว่าเลิกกับคุณไปแล้ว พวกเราไม่ปล่อยให้ยัยโรสกลับไปกับคุณได้แน่ ๆ” กชกรเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “ใช่ค่ะ คุณมันเป็นผู้ชายแบบไหนกันคะคุณไวน์ คุณมีคนรักอยู่แล้วยังมาหลอกฟันยัยโรสเพื่อนพวกเราอีก!!” คิ้วหนาของวายุภัคเลิกขึ้นพร้อมขมวดเข้าหากันเป็นปม “ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะครับ ผมไม่เคยคิดแม้แต่จะหลอกอะไรโรสรินทร์” น้ำเสียงเรียบนิ่งของเขาเอ่ยขึ้น “ยัยโรสเป็นคนบอกกับพวกเราเอง ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ยังมาหลอกเอามันอีกตั้งหลายน้ำ แถมวันก่อนยังพาแฟนไปซื้อแหวน สวมแหวนให้ผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตายัยโรส!!” “ใช่ เพราะฉะนั้นคุณจะมาพายัยโรสกลับไปไม่ได้ เด็ดขาด พวกเราเป็นเพื่อนรักที่รักที่สุดของยัยโรส ยัยโรสต้องจะกลับไปกับพวกเราเท่านั้น!!” พอลล่าพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ อีกทั้งยังยืนยันนอนยันตีลังกายันเสียงแข็งหนักแน่น ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปคว้าเอาตัวโรสรินทร์เพื่อนสาวที่สลบไปเพราะเมาหนักให้ออกจากอ้อมแขนแกร่งของวาย
“เอาน่า…อย่าร้องไปเลย สวย ๆ รวย ๆ และแถมซาดิสม์อย่างแกหาใหม่ได้สบายอยู่แล้วเพื่อนเลิฟ เดี๋ยวฉันจะจัดน้อง ๆ ทีเด็ดมาเลียแผลใจที่เหวอะหวะของแกให้เอง หรือถ้าแกเผลอถูกใจจะควงไปเลียอย่างอื่นกันต่อก็ได้นะยัยโรส!!” กชกรเอ่ยขึ้นพลางกอดปลอบประโลมเพื่อน “อร๊ายยยย แกเนี่ยพูดถูกใจฉันจริง ๆ นังเกรช! สวยระดับนี้มีเหรอใครจะไม่อยาก เพื่อนฉันน่ะสวยแซ่บสะท้านทรวงนะบอกเลย!” พอลล่าเข้ามาปลอบใจเธอเช่นกัน ก่อนที่กชกรจะหันไปเป็นเชิงส่งซิกอะไรบางอย่างให้กับพนักงานในร้านเรียกบรรดาหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ ให้เข้ามาดูแลเทคแคร์เพื่อนสาว “ทางนี้จ้าเด็ก ๆ มาเร้ววววว!!” แค่เพียงไม่นานบรรดาเหล่าหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ มัดกล้ามแน่น ๆ ซิกแพคเป็นลอน ๆ แถมยังนุ่งน้อยห่มน้อยก็ได้เดินเข้ามายืนเรียงรายในห้อง VVIP ที่สามคนนั้นอยู่ แต่ละคนต่างหน้าตาหล่อล่ำ กล้ามแน่น เรียกให้น้ำลายพอลล่าและกชกรแทบจะไหลยืดออกมาราวกับเป็นโรคพิษสุนัขบ้าอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับโรสรินทร์เพราะเธอมองผู้ชายหุ่นล่ำกล้ามโตพวกนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึก เพราะเรื่องหล่อล่ำกล้ามแน่นบรรดาผู้ชายพวกนี้สู้พี่วายวอดไม่ได้สักคนเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ…ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องของน้องโรส คุณอาทั้งสองคงพอจะทราบเรื่องแล้ว” วายุภัครีบพูดถึงประเด็นของเรื่องราวที่เกิดขึ้น “อืม อาเองก็พอจะทราบเรื่องแล้ว ยังไงหลานชายเองก็อย่าไปถือสาน้องเลยนะ ยัยตัวแสบลูกสาวอาก็เป็นแบบนี้แหละ ยัยโรสเป็นคนค่อนข้างใจร้อนและเอาแต่ใจไปหน่อย นี่อาก็อุตส่าห์บังคับให้ยัยโรสไปปรับทัศนคติที่โคกหนองนาแล้วนะ ไอ้เราก็คิดว่าจะดีขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ที่ไหนได้กลับไม่ได้เรื่อง เฮ้อ!” ท่านสุรพลถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับลูกสาวตนเองอย่างเอือมระอา “ยังไงผมก็ต้องกราบขอโทษคุณอาทั้งสองจริง ๆ นะครับ ที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องต้องหนีกลับมากรุงเทพปุบปับแบบนี้” วายุภัคลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มลงกราบแทบเท้าของท่านสุรพลและคุณหญิงพิศมัยอย่างรู้สึกผิด ก่อนท่านสุรพลจะใช้มือหนาแตะไปที่บ่าแกร่งบึกบึนของเขาเป็นการยอมรับการกราบขอโทษและสำนึกผิดจริง ๆ “เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วหลังจากนี้ผมอยากจะขออนุญาตคุณอาทั้งสอง พาคุณพ่อคุณแม่มาทาบทามสู่ขอน้องตามธรรมเนียมอย่างสมเกียรติอีกที…ได้หรือไม่ครับ” น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยขอออกไปอย่างตรงไปตรงมาประกอบกับสีหน้าและแววตาที่จริงจ
ณ สนามบินดอนเมือง… “ยัยโรส ทางนี้!!” กชกรร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดัง พลางโบกไม้โบกมือไปมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสนิทเดินออกมาจากประตูฝั่งผู้โดยสารขาเข้า “ยัยเกรช! ฮือ…ฉันคิดถึงแกมากเลย” โรสรินทร์รีบโผเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนสนิททันทีที่เดินมาถึง “ไม่ต้องมาปากหวานเลย ไปอยู่บ้านนอกตั้งเดือนกว่า ๆ ฉันนึกว่าแกจะลืมเพื่อนอย่างพวกฉันไปแล้วซะอีก หลังจากวันนั้นแกก็ไม่คิดจะโทรกลับมาหาฉันกับพอลล่าบ้างเลยนะยะ!” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอด “นี่ฉันไปอยู่ร้อยเอ็ดแค่แป้บเดียวเอง แกนี่กลายเป็นคนแก่ไปแล้วเหรอเนี่ย” “อะไร ใครแก่ยะ” กชกรรีบพูดแหวขึ้นมาทันควัน “ก็ขี้น้อยใจเป็นคนแก่ไปได้ไง ถึงฉันไม่ได้โทรหา แต่ฉันก็ส่งข้อความไลน์หาพวกแกทุกวันไหม!!” “เออ นั่นสินะ คิกคิก” กชกรหัวเราะคิกคักขึ้นมา ก่อนเสียงหัวเราะร่านั่นจะเงียบลงเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนสนิทดูแปลกไป ดวงตาคู่สวยนั้นบวมช้ำเหมือนคนที่เพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ “ยัยโรส แกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมตาแกถึงได้ดูบวม ๆ แดง ๆ เหมือนคนเพิ่งร้องไห้มาเลยล่ะ” กชกรถามขึ้นอย่างห่วงใย พลางจ้องเพื่อนสนิทเพื่อรอฟังคำตอบ “ไว้เดี๋ยวจ
“โรสรินทร์!!” น้ำเสียงเข้มเอ่ยชื่อเธอขึ้น “ไหนพี่ไวน์บอกจะเข้าไปเคลียร์งานที่ร้านแทนลุงพจน์ไงคะ แล้วนี่ทำงานคงจะเหนื่อยมากเลยสินะคะ เลยพาผู้หญิงออกมาซื้อแหวนเล่นแก้เหนื่อยแก้เบื่อ” สองขาเรียวของเธอเดินย่างกรายเข้าไปหาเขาอย่างใจเย็น เพียงแค่เธอเดินผ่านประตูร้านเครื่องประดับสุดหรู ภาพของชายหนุ่มกับหญิงสาวสวยร่างสูงหุ่นดีราวกับนางแบบ ที่กำลังค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้กันราวกับคู่รักได้เรียกความสนใจให้เธอหยุดยืนจ้องมองภาพของพวกเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดี เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับคนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ และตอนนี้เธอก็รู้สึกว่าทำไมพวกเขาสองคนถึงได้ดูเหมาะสมกันขนาดนี้นะ แต่แล้วจู่ ๆ เธอเองกลับรู้สึกน้อยใจเขาขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอเองยังไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเลย แม้แต่บอกรักบอกชอบเธอเขาก็ไม่เคยพูดมันออกมาเลยสักครั้ง มีแค่เพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกว่าหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว “มะ มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยนะครับ” เขารีบพูดปฏิเสธขึ้นมาอย่างร้อนรน “คงพาแฟนมาซื้อแหวนสินะคะ?” เธอก็แค่พูดมันออกไปอย่างที่ใจนึกคิด เพียงแค่นั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มหวั่น เมื่อคิดว่า