วายุภัคล้มตัวลงมาทาบทับร่างบอบบางของคนตัวเล็ก ทั้งที่แท่งร้อนอันแข็งแกร่งของเขายังคงกดแช่อยู่ในตัวเธอ “เอามันออกไปค่ะพี่ไวน์ โรสไม่ไหวแล้ว” “หึ พี่ก็บอกเธอแล้วไง ว่าถ้าหากพี่ยังไม่อิ่มก็คงหยุดไม่ได้!” น้ำเสียงดุดันพูดประชิดใบหูเล็ก ก่อนจะขบเม้มใบหูของเธอเล่นเบา ๆ ทำเอาเธอถึงกับไปไม่เป็น “ละ แล้ว เมื่อไหร่พี่จะอิ่มสักทีล่ะ” “คืนนี้ทั้งคืน…ไม่ต้องนอน!” “อ๊ายยยย ไม่นะคะ ทั้งคืนขนาดนั้นโรสจะไม่คางเหลืองก่อนหรือไง คนบ้า คนลามกโรคจิต เมื่อก่อนทำไมไม่เห็นจะลามกขนาดนี้เลย ไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน!” เธอรีบโวยวายขึ้นมาทันที แค่ได้ยินคำตอบของเขาก็ทำเอาเธอแทบจะสร่างเมาแล้ว “บอกแล้วไง ว่าด่าผัวมันบาปนะ!” “พี่ไม่ช่ะ!!” “อ่ะ ๆ อย่าแม้แต่จะปฏิเสธเชียวนะ ทั้งที่ไอ้นี่ของพี่ก็ยังเสียบคาอยู่!!” เขาขู่ขึ้นมาตาเขียวปั้ด “บ้าาา ไม่รู้แหละ ไม่เอาค่ะ ตอนนี้โรส…อึก!! โรสไม่หวะ อึก!” “แต่พี่จะเอา! เธออยากมากไม่ใช่หรือไง และพี่ก็กำลังพิสูจน์ให้เธอเห็นอยู่นี่ไง ว่าพี่ไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก!!” เขาพูดแทรกขึ้นมาทันทีในขณะที่เธอยังพูดไม่จบ “มะ ไม่นะคะ โรสพอแล้ว…อึก!!” “หึ!” เขาแค่น
“ทำไมตัวเธอถึงตัวร้อนจี๋แบบนี้ล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า แก้มแดงเป็นลูกตำลึงเชียว” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าไปประคองเธอมานั่งพักบนเตียงนอน ใบหน้าสวยที่มีสีแดงระเรื่อทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าเธอกำลังอาจจะไม่สบาย พร้อมกับยื่นมือหนามาสัมผัสกับแก้มและหน้าผากของเธออย่างห่วงใย “ยังมีหน้ามาถามอีก ก็เป็นเพราะฝีมือใครล่ะโรสถึงต้องมาป่วยแบบนี้” เธอบ่นอุบอิบขึ้นมาเสียงเบา ๆ พลางเบือนหน้าหนีมองไปทางอื่น แต่อีกคนกลับต้องกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจเพราะได้ยินมันชัดแจ๋วเลยล่ะ “คงจะเจ็บ…เพราะเรื่องเมื่อคืนสินะ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษที่ทำรุนแรงไปหน่อย พี่ควบคุมสติตัวเองไม่ได้จริง ๆ ใครบอกเธอมายั่วพี่ก่อนล่ะ” “เอ๊ะ! พี่ไวน์!! พูดแบบนี้จะโยนความผิดมาให้โรสเหรอคะ?” เธอรีบหันหน้าไปแหวใส่เขาทันที “ก็มันใช่ไหมล่ะ หื้ม? ถ้าเธอไม่มายั่วพี่ก่อน ก็คงไม่ต้องมาเป็นไข้แบบนี้หรอก” “ก็ถ้าหากว่าโรสยั่วพี่จริง ๆ แล้วถ้าพี่ไม่ทำ มันก็คงไม่เป็นแบบนี้ไหม??” ใบหน้าหวานงอง้ำทันทีพร้อมกับมุ่ยหน้าค้อนขวับใส่คนตัวโต “โอเค ๆ เอาล่ะ ทั้งหมดนี้พี่ผิดเองโอเคไหมครับ เป็นเพราะพี่อดใจไม่ไหวก็เลยต้องจับโรสกิน….ทั้ง
ตอนที่ 25 เป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง เธอเดินไหวไหม?…แล้วนี่ทำไมถึงเดินไม่ระวังเลย ซุ่มซ่ามเป็นเด็ก ๆ ไปได้” น้ำเสียงห้าวดุถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหนา สีหน้าและแววตาของเขามีแต่ความเป็นกังวลและเป็นห่วงเป็นใยเธออย่างเห็นได้ชัด “ก็เจ็บน่ะสิคะ แค่ยืนเฉย ๆ ก็เจ็บเท้าจะตายอยู่แล้ว” เธอตอบคำถามพลางนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ เธอแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเธอล้มอีท่าไหนถึงได้รู้สึกปวดข้อเท้ามากมายขนาดนี้ “แล้วจะโทษใครล่ะ? หื้ม ทำตัวเองไหม!” เขาบ่น ๆ ขึ้นมาอีกครั้งอย่างอดที่จะตำหนิเธอไม่ได้ ก่อนเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงมองที่บริเวณข้อเท้าของเธอ “คุณโรสครับ…เท้าคุณ....” หมอณภัทรชี้นิ้วเรียวยาวไปที่เท้าของเธอ ‘โอ้แม่เจ้า!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเท้าฉันเนี่ย ทำไมมันถึงได้บวมขึ้นมาแบบนี้ล่ะ!!’ “เธอเดินไหวไหม?” วายุภัคถามอย่างห่วงใยก่อนเธอจะส่ายหัวเบา ๆ เป็นคำตอบ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกปวดตรงข้อเท้าจริง ๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นเวรกรรมอะไรของเธอกันแน่นะ ทำไมต้องมาเจอแต่เรื่องเจ็บตัวในเวลาแบบนี้ด้วย เธอได้แต่นึกในใจอย่างหงุดหงิด แต่วายุภัคก็ไม่ปล่อยให้เธอได้นึกอะไรนานมากไปกว่านี้ เมื
“ตกลงมึงมีธุระอะไรจะคุยกับกูวะไอ้ภัทร?” น้ำเสียงทุ้มของวายุภัคเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกระป๋องเบียร์เย็น ๆ ให้กับเพื่อนสนิท ก่อนหมอหนุ่มจะเอื้อมไปรับมาแล้วเปิดออกพลางยกขึ้นกระดกลงคอ “พรุ่งนี้ก็ถึงงานศิษย์เก่าโรงเรียนแล้ว งานเลี้ยงตอนเย็นมึงจะไปพร้อมกูไหม หรือจะไปรอที่โรงเรียนเลย” หมอหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางยกกระป๋องเบียร์เย็น ๆ ขึ้นกระดกลงคออีกกรึบ “เรื่องแค่นี้มึงโทรมาก็ได้มั้ง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องถ่อมาถามกูถึงที่นี่เลย” “ทำไมวะ ก็กูอยากมา ปกติกูก็มาเป็นประจำอยู่แล้วหนิ ไม่ยักจะเห็นมึงมีปัญหา!!” ณภัทรเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางจ้องมองหน้าคนขี้หึงอย่างกวนประสาท ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวายุภัคกำลังหึงเขากับคู่หมั้นสาวของตนเองอยู่ “อืม งั้นเจอกันที่โน่นเลยก็ได้ มึงจะได้ไม่ต้องวนรถไปมา” “เออ! ว่าแต่…เท้าคุณโรสเป็นยังไงบ้างวะ เธอยังเจ็บเท้าอยู่หรือเปล่า ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” ณภัทรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่คนถูกถามกลับต้องหันขวับกลับมามองหน้าหมอณภัทรเพื่อนสนิทด้วยสายตาขุ่นเคือง และพยายามเก็บความไม่พอใจเอาไว้ด้านใน เพราะดูท่าทางของเพื่อนแล้วดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยอะไรคู่หมั้นของตนเอง
“ไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มากความเลยนี่คะ เพราะมากกว่าจับเฉย ๆ เราสองคนก็ทำกันมาแล้ว” โรสรินทร์เอื้อมฝ่ามือเรียวสวยลูบไล้หน้าอกหนัดแน่นกำยำของเขาไปมาอย่างยั่วยวน “เลิกล้อเล่นได้แล้วนะ ถ้าขืนเธอยังยั่วพี่จนทำให้พี่ทนไม่ได้ เธอรับผิดชอบไหวเหรอ” เขาพูดเสียงเค้นต่ำดวงตาคมจ้องมองหน้านางแมวจอมยั่วที่กำลังลูบไล้แผงอกล่ำ ๆ ไปมาอย่างยั่วยวน เขาแค่กลัวว่าตัวเขาเองจะอดใจไม่ไหวจนเผลอทำอะไรรุนแรงกับเธออีกทั้ง ๆ ที่เธอเองยังไม่หายดี แต่มือเรียวซุกซนของเธอกลับค่อย ๆ เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ “อย่าแตะมันนะ โรสรินทร์” วายุภัครีบร้องปรามคนตัวเล็กเมื่อเห็นว่าเธอพยายามจะเคลื่อนมือมาสัมผัสเจ้างูอนาคอนด้ายักษ์ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หมั่บ!! “อ๊าาาาส์…โรสรินทร์…!” ยิ่งเขาพยายามห้ามปรามแต่เหมือนกลับยิ่งยุ ก่อนเธอจะส่งรอยยิ้มหวานแต่แฝงไปด้วยเลศนัย มือน้อย ๆ ของเธอกอบกุมครอบครองเจ้างูตัวฉกาจพลางชักรูดขึ้นลงเบา ๆ ราวกับจะแกล้งให้เขาลงแดงตายซะตรงนี้ “แตะแล้วมันจะทำไมเหรอคะ งูพี่ไวน์จะฉกโรสหรือไง?” เธอเอ่ยขึ้นมาอย่างยั่วยวน “ซี๊ดดดส์…อ๊าส์!!” เพียงแค่ฝ่ามือนุ่มนิ่มจากเธอสัมผัสตัวตน คนตัวโตเองก็แทบจะ
วายุภัคยกยิ้มร้ายกาจตรงมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะจับเจ้างูอนาคอนด้ายักษ์ถูไถเข้ากับกลีบกุหลาบสีหวานฉ่ำแฉะ น้ำหวานสีใสจากคนตัวเล็กไหลอาบชโลมท่อนเอ็นใหญ่ยาวจนมันวาว เขาถูไถกับส่วนอ่อนนุ่มของเธอปาดขึ้นปาดลงราวกับกำลังหยอกล้อและจงใจจะแกล้งให้เธอเสียว ก่อนเขาจะกดปลายหัวเห็ดแดงก่ำแทงเข้าไปในโพรงรักคับแคบของเธอที่ยังคงบวมช้ำจากน้ำมือของเขาเมื่อคืน และเขาก็กระแทกมันเข้าไปจนมิดด้ามในคราเดียว ปึ่ก!! “อะ อ๊าาาส์!!” “ซี๊ดดดดส์…เจ็บหรือเปล่าครับ?” วายุภัคก้มหน้าลงกระซิบถามเธอเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่เต็มไปด้วยความห่วงใย ร่างกายของเธอทั้งเล็กและบอบบางเหลือเกินที่จะรองรับตัวตนของเขาได้ อีกทั้งร่องรักของเธอยังคงคับแคบเกินกว่าที่เขาจะจ้วงแทงมันเข้าไปตามใจหรือตามอารมณ์ดิบเถื่อนของตัวเอง เพราะผลพวงจากเมื่อคืนมันก็ยังแสดงหลักฐานให้เขาเห็นชัดแจ๋วอยู่เลย ที่สำคัญเขาอยากจะให้เธอนั้นมีความสุขกับเซ็กซ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน “อื้อ จะ เจ็บค่ะ แต่…โรสไหว” โรสรินทร์ส่ายหน้าเพื่อบ่งบอกให้เขารู้ว่าเธอนั้นไม่เป็นไรและพร้อมรับตัวตนของเขาให้เข้ามาในตัวเธอ ต่อให้เธอจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนก็เถอะ แต่ความอยากของเธอมั
พรึ่บ!! “อุ๊ย!! พี่ไวน์” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆ เขาก็ถอดถอนแก่นกายใหญ่ยาวออกจากร่องรักของเธอ ทำให้น้ำเชื้อพันธุ์ดีไหลทะลักออกมาจนเปรอะเปื้อนที่นอนเป็นวงกว้าง พร้อมกับยกร่างบางที่นอนอยู่ใต้ร่างให้เป็นฝ่ายขึ้นมานั่งคร่อมบนตัวของเขา วายุภัคเอื้อมมือหนาสอดเข้าไปจับตรงท้ายทอยของเธอแล้วโน้มใบหน้าหวานของเธอลงมาหา ก่อนจะฉกริมฝีปากร้อนจูบเธออย่างดูดดื่ม คราวนี้สัมผัสเนิบนาบฉ่ำหวานได้แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนสุดจะบรรยาย ริมผีปากของคนทั้งคู่ยังคงเคล้าคลึงกลีบปากของกันและกันหนักหน่วง ก่อนทั้งสองร่างจะผวาเข้ากอดรัดและบดจูบแลกลิ้นกันนัวเนียเป็นเวลาหลายนาทีกว่าจะผละออก “อ่าส์….หวานจัง!” เขาเอ่ยขึ้นมาเมื่อถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากนุ่มนิ่มของเธอ มือหนาจับยกสะโพกเธอยกขึ้นก่อนจะจับลำรักแข็งขึงที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนสอดใส่เข้าไปในร่องสวาทของเธออีกครั้ง ก่อนร่างอันเย้ายวนจะทิ้งตัวลงมาครอบครองความใหญ่โตของเขาจนสุดโคน เอวบางเริ่มส่ายร่อนสะโพกไปมาตามสัญชาตญาณและตอกอัดกระแทกตัวตนของเขาอย่างเร่าร้อน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับตับเป็นจังหวะลามก เอวสอบก็ขยับโยกกระแทกกระทั้นเข้าใส่อย่างไม
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จวายุภัคจึงขอตัวไปทำงานของตนเองต่อ อีกอย่างวันนี้เขาต้องแวะเข้าไปดูกิจการของครอบครัวที่ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างซึ่งอยู่ในตัวอำเภอ และวันนี้เขาต้องรีบทำเวลาซะหน่อยเพราะช่วงเย็นต้องไปงานกินเลี้ยงศิษย์เก่าโรงเรียนกับบรรดาเพื่อน ๆ อีกด้วย ส่วนโรสรินทร์เองหลังจากรับประทานอาหารเสร็จเธอก็กลับเข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัว แม้ช่วงล่างของเธอจะยังรู้สึกระบมอยู่บ้าง แต่เธอจะมัวนอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมไม่ได้ เธอเองก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตาบ้างเหมือนกัน “พี่หวึ่งศรี พอดีโรสอยากจะได้พวกไม้ประดับน่ะ ไม่ทราบว่าโรสต้องไปซื้อได้จากที่ไหน” น้ำเสียงหวานเอ่ยถามขึ้น หลังจากเดินออกมานอกห้องและเจอเข้ากับหวึ่งศรีที่กำลังกวาดบ้านอยู่ “คุณโรสสิเอาไม้ประดับมาเฮ็ดหยังคะ อยู่บ้านกะต้นไม้หลายแล้วเด้ค่ะ” (คุณโรสจะเอาไม้ประดับมาทำไมคะ อยู่บ้านต้นไม้ก็เยอะแล้วนะคะ) หวึ่งศรีถามขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าอย่างสงสัยใคร่รู้ “ก็โรสเบื่อ เลยอยากจะหาอะไรทำน่ะ ถ้าได้ปลูกพวกไม้ดอกไม้ประดับเล่น ๆ ก็คงจะแก้เบื่อได้ไม่น้อย” “ถ้าจั่งซั่นกะต้องเข้าไปในโตเมืองนั่นละค่ะคุณโรส มีร้านขายพวกต้นไม้หลากหลา
โรสรินทร์กับวายุภัคมองสบตากันลึกซึ้งด้วยความรัก ก่อนใบหน้าคมคายจะค่อย ๆ โน้มลงมาประทับลงบนเรียวปากอวบอิ่มของเธอเบา ๆ ริมฝีปากร้อนฉ่าบดเบียดความนุ่มนิ่มของกลีบปากงามอย่างเนิบนาบ นุ่มนวล ส่งผ่านความรักด้วยการกดย้ำขบเม้มริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วงด้วยความเร่าร้อนโหยหา “โรสเสียใจไหม ที่ต้องมาอยู่บ้านนอกคอกนากับพี่แบบนี้” เขาเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง ดวงตาคมมีเครื่องหมายคำถามอยู่ในดวงตาที่กำลังสะท้อนทุกความรู้สึกออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยปากพูด ก่อนคนที่ได้ยินคำถามนั้นจะยิ้มบาง ๆ และเอื้อมมือเรียวสวยไปจับมือใหญ่มากุมไว้ “โรสยินดีและเต็มใจที่จะอยู่ที่นี่กับพี่ไวน์ค่ะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากที่นั่นมีพี่ไวน์อยู่ด้วยโรสก็อยู่ได้ค่ะ” คำตอบของเธอเรียกรอยยิ้มกว้างจากเขาได้เป็นอย่างดี “พี่รักโรสนะครับ รักมากด้วย” วายุภัคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น ก่อนจะค่อย ๆ โน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากอวบอิ่มตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นของเธอมองมาที่ริมฝีปากของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ๆ รู้ตัวอีกทีเธอก็หลับตาลงอัตโนมัติก่อนจะสัมผัสถึงรสจูบ มันเป็นจูบที่แผ่วเบา นุ่มนวล อ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ทวีความลุ่มลึกร้อนแรงมากขึ้นเรื
สองเดือนผ่านไป… วันแต่งงาน (งานกินดอง) “อร๊ายยยยย วันนี้คุณไวน์หล่อม๊ากกกค้า หล่อจนพอลล่านี่อยากจะดื่มไวน์แดงเลยค่ะ คริคริ” เมื่อขบวนขันหมากของเจ้าบ่าวใกล้เข้ามาแล้ว พอลล่าตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น พลางหัวเราะคิกคักชอบใจหลงใหลในความหล่อเหลาบาดใจของเจ้าบ่าวป้ายแดง ที่แค่มองจากไกล ๆ รัศมีความหล่อก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งทุ่งกุลาร้องไห้ “น้อย ๆ หน่อย นั่นมันผัวเพื่อนไม่ใช่ผัวแกนังพอลล่า” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างนึกหมั่นไส้ที่เพื่อนชายใจเป็นหญิงรู้สึกจะดี๊ด๊าชื่นชมเจ้าบ่าวผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผัวเพื่อนอย่างออกหน้าออกตา “ผัวเพื่อนก็เหมือนผัวเรานั่นแหละย่ะ คริ คริ” “แล้วนี่ฉันไม่สวยเลยหรือไงยะ หัดชมเพื่อนแกบ้างก็ได้นะ นี่ขนาดวันนี้ฉันแต่งตัวสวยสุด ๆ แล้วยังไม่เห็นแกคิดจะชมเลยสักคำ ชิส์!” โรสรินทร์พูดแซะขึ้นมาบ้างอย่างหมั่นไส้ “แกก็สวยทุกวันอยู่แล้วค้านังโรส ต่อให้ไม่แต่งแกก็สวยย่ะ แต่…วันนี้พี่ไวน์ผัวแกหล่อมากจริง ๆ นะ หล่อเวอร์วังถูกใจพอลล่ามาก อ๊ายยยย พอลล่าอยากกินไวน์แดงแท่งใหญ่ ๆ!!” “พอ ๆ ๆ เลย ไวน์แดงมันไม่ได้มีเป็นแท่งเหมือนไอติมหรอกนะยะ เลิกสนใจผัวเพื่อนได้แล้ว อย่าง
ช่วงสายวันต่อมา…. “ตื่นได้แล้วนะครับ” “อื้อ…ตื่นไม่ได้ โรสง่วง..!” “แต่นี่มันเที่ยงแล้วนะครับ” มือหนาสะกิดปลุกคนขี้เซาที่ยังคนนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นราวกับเป็นลูกแมวขี้เซา ยิ่งเวลาเธอหลับแบบนี้เธอก็ยิ่งดูน่ารัก ทำเอาดวงตาคมกริบจ้องมองจนแทบไม่อยากจะละสายตาออกจากใบหน้าหวาน “อื้อ…” เจ้าของร่างบางขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ และกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่แสง “พี่ไวน์!! ออกไปเลยนะคะ ไม่ต้องมาใกล้โรส!!” เธอรีบแหวใส่เขาขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มจะจับต้นชนปลายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ก่อนจะพยายามเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขนแกร่งที่โอบกอดเธอเอาไว้ “จะให้ออกไปไหนล่ะ ก็นี่มันบ้านของพี่” ดวงตากลมโตหันไปมองภายในรอบ ๆ ห้องซ้ายทีขวาที และ…ที่นี่มันก็ไม่ใช่ห้องของเธอจริง ๆ “งั้นก็ปล่อยค่ะ โรสจะออกไปจากที่นี่เอง!!” เธอเอ่ยขึ้นพลางแกะมือหนาที่ยังคงโอบกอดเธอไว้แน่นราวกับคีบเหล็ก แต่มันก็หาเป็นผลไม่ “ปล่อยให้โง่สิครับ ไม่ปล่อย!” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างหน้าด้าน ๆ ยัยแม่มดตัวแสบพอหมดฤทธิ์ของแอลกอฮอล์แล้วตื่นขึ้นมาก็เลยแผลงฤทธิ์เดช
สองมือหนาจับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกัน ก่อนจะจ่อแท่งร้อนเข้าไปในร่องรักอันคับแน่นของคนใต้ร่าง วายุภัคมองใบหน้าหวานของโรสรินทร์ที่น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะค่อย ๆ ดันปลายหัวเห็ดแดงก่ำเข้าไปในร่องคับแคบนั้นอย่างช้า ๆ “อ่าส์…แน่นมาก” “อึก ระ โรสเจ็บ” โรสรินทร์ร้องออกมาเมื่อเธอรู้สึกเจ็บ อีกทั้งความคับแน่นนี้มันยังคงแน่นเหมือนเดิมเหมือนครั้งแรก วายุภัคเองถึงกับต้องซี๊ดปากเบา ๆ เมื่อช่องทางรักของเธอบีบรัดท่อนเนื้อของเขาจนรู้สึกเจ็บเช่นเดียวกัน เขาพยายามดันท่อนเอ็นขนาดใหญ่เข้าไปให้สุด ก่อนเขาจะเริ่มขยับสะโพกสอบเข้าออกเมื่อภายในของเธอเริ่มปรับสภาพกับความใหญ่โตของเขาได้ ท่อนเอ็นที่กำลังผลุบเข้าผลุบออกในร่องสวาทนั้นทำให้คนใต้ร่างเริ่มรู้สึกเสียว “อะ อื้อออ โรสจุก!!” หน้าอกอวบใหญ่เริ่มกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้น มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นเมื่ออีกคนกระแทกเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ปั่ก ปั่ก ปั่ก!! เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะเมื่อเขาเริ่มขยับสะโพกแรงขึ้น หนักหน่วงขึ้น โรสรินทร์เม้มปากเอาไว้แน่นเพื่อพยายามข่มเสียงครางอันน่าเกลียดของตัวเองไม่ให้มันดังเล็ดลอดออกมา “อ๊าส์…พูดมาสิ
“ถึงคุณไวน์จะเป็นผัวยัยโรสเพื่อนของพวกเราก็เถอะ ยังไงเกรชกับพอลล่าก็ไม่มีทางปล่อยให้ยัยโรสไปกับผู้ชายโลเลแถมยังกระล่อนปลิ้นปล้อนอย่างคุณไวน์ได้หรอกค่ะ ในเมื่อยัยโรสเพื่อนของพวกเราบอกว่าเลิกกับคุณไปแล้ว พวกเราไม่ปล่อยให้ยัยโรสกลับไปกับคุณได้แน่ ๆ” กชกรเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “ใช่ค่ะ คุณมันเป็นผู้ชายแบบไหนกันคะคุณไวน์ คุณมีคนรักอยู่แล้วยังมาหลอกฟันยัยโรสเพื่อนพวกเราอีก!!” คิ้วหนาของวายุภัคเลิกขึ้นพร้อมขมวดเข้าหากันเป็นปม “ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้นนะครับ ผมไม่เคยคิดแม้แต่จะหลอกอะไรโรสรินทร์” น้ำเสียงเรียบนิ่งของเขาเอ่ยขึ้น “ยัยโรสเป็นคนบอกกับพวกเราเอง ว่าคุณมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ยังมาหลอกเอามันอีกตั้งหลายน้ำ แถมวันก่อนยังพาแฟนไปซื้อแหวน สวมแหวนให้ผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตายัยโรส!!” “ใช่ เพราะฉะนั้นคุณจะมาพายัยโรสกลับไปไม่ได้ เด็ดขาด พวกเราเป็นเพื่อนรักที่รักที่สุดของยัยโรส ยัยโรสต้องจะกลับไปกับพวกเราเท่านั้น!!” พอลล่าพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ อีกทั้งยังยืนยันนอนยันตีลังกายันเสียงแข็งหนักแน่น ก่อนจะพยายามเดินเข้าไปคว้าเอาตัวโรสรินทร์เพื่อนสาวที่สลบไปเพราะเมาหนักให้ออกจากอ้อมแขนแกร่งของวาย
“เอาน่า…อย่าร้องไปเลย สวย ๆ รวย ๆ และแถมซาดิสม์อย่างแกหาใหม่ได้สบายอยู่แล้วเพื่อนเลิฟ เดี๋ยวฉันจะจัดน้อง ๆ ทีเด็ดมาเลียแผลใจที่เหวอะหวะของแกให้เอง หรือถ้าแกเผลอถูกใจจะควงไปเลียอย่างอื่นกันต่อก็ได้นะยัยโรส!!” กชกรเอ่ยขึ้นพลางกอดปลอบประโลมเพื่อน “อร๊ายยยย แกเนี่ยพูดถูกใจฉันจริง ๆ นังเกรช! สวยระดับนี้มีเหรอใครจะไม่อยาก เพื่อนฉันน่ะสวยแซ่บสะท้านทรวงนะบอกเลย!” พอลล่าเข้ามาปลอบใจเธอเช่นกัน ก่อนที่กชกรจะหันไปเป็นเชิงส่งซิกอะไรบางอย่างให้กับพนักงานในร้านเรียกบรรดาหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ ให้เข้ามาดูแลเทคแคร์เพื่อนสาว “ทางนี้จ้าเด็ก ๆ มาเร้ววววว!!” แค่เพียงไม่นานบรรดาเหล่าหนุ่มโฮสต์หล่อ ๆ ล่ำ ๆ มัดกล้ามแน่น ๆ ซิกแพคเป็นลอน ๆ แถมยังนุ่งน้อยห่มน้อยก็ได้เดินเข้ามายืนเรียงรายในห้อง VVIP ที่สามคนนั้นอยู่ แต่ละคนต่างหน้าตาหล่อล่ำ กล้ามแน่น เรียกให้น้ำลายพอลล่าและกชกรแทบจะไหลยืดออกมาราวกับเป็นโรคพิษสุนัขบ้าอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับโรสรินทร์เพราะเธอมองผู้ชายหุ่นล่ำกล้ามโตพวกนี้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยเหมือนคนไม่มีความรู้สึก เพราะเรื่องหล่อล่ำกล้ามแน่นบรรดาผู้ชายพวกนี้สู้พี่วายวอดไม่ได้สักคนเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ…ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องของน้องโรส คุณอาทั้งสองคงพอจะทราบเรื่องแล้ว” วายุภัครีบพูดถึงประเด็นของเรื่องราวที่เกิดขึ้น “อืม อาเองก็พอจะทราบเรื่องแล้ว ยังไงหลานชายเองก็อย่าไปถือสาน้องเลยนะ ยัยตัวแสบลูกสาวอาก็เป็นแบบนี้แหละ ยัยโรสเป็นคนค่อนข้างใจร้อนและเอาแต่ใจไปหน่อย นี่อาก็อุตส่าห์บังคับให้ยัยโรสไปปรับทัศนคติที่โคกหนองนาแล้วนะ ไอ้เราก็คิดว่าจะดีขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ที่ไหนได้กลับไม่ได้เรื่อง เฮ้อ!” ท่านสุรพลถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับลูกสาวตนเองอย่างเอือมระอา “ยังไงผมก็ต้องกราบขอโทษคุณอาทั้งสองจริง ๆ นะครับ ที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องต้องหนีกลับมากรุงเทพปุบปับแบบนี้” วายุภัคลงไปนั่งกับพื้นแล้วก้มลงกราบแทบเท้าของท่านสุรพลและคุณหญิงพิศมัยอย่างรู้สึกผิด ก่อนท่านสุรพลจะใช้มือหนาแตะไปที่บ่าแกร่งบึกบึนของเขาเป็นการยอมรับการกราบขอโทษและสำนึกผิดจริง ๆ “เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วหลังจากนี้ผมอยากจะขออนุญาตคุณอาทั้งสอง พาคุณพ่อคุณแม่มาทาบทามสู่ขอน้องตามธรรมเนียมอย่างสมเกียรติอีกที…ได้หรือไม่ครับ” น้ำเสียงหนักแน่นที่เอ่ยขอออกไปอย่างตรงไปตรงมาประกอบกับสีหน้าและแววตาที่จริงจ
ณ สนามบินดอนเมือง… “ยัยโรส ทางนี้!!” กชกรร้องตะโกนขึ้นมาเสียงดัง พลางโบกไม้โบกมือไปมาเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนสนิทเดินออกมาจากประตูฝั่งผู้โดยสารขาเข้า “ยัยเกรช! ฮือ…ฉันคิดถึงแกมากเลย” โรสรินทร์รีบโผเข้าหาอ้อมกอดของเพื่อนสนิททันทีที่เดินมาถึง “ไม่ต้องมาปากหวานเลย ไปอยู่บ้านนอกตั้งเดือนกว่า ๆ ฉันนึกว่าแกจะลืมเพื่อนอย่างพวกฉันไปแล้วซะอีก หลังจากวันนั้นแกก็ไม่คิดจะโทรกลับมาหาฉันกับพอลล่าบ้างเลยนะยะ!” กชกรเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอด “นี่ฉันไปอยู่ร้อยเอ็ดแค่แป้บเดียวเอง แกนี่กลายเป็นคนแก่ไปแล้วเหรอเนี่ย” “อะไร ใครแก่ยะ” กชกรรีบพูดแหวขึ้นมาทันควัน “ก็ขี้น้อยใจเป็นคนแก่ไปได้ไง ถึงฉันไม่ได้โทรหา แต่ฉันก็ส่งข้อความไลน์หาพวกแกทุกวันไหม!!” “เออ นั่นสินะ คิกคิก” กชกรหัวเราะคิกคักขึ้นมา ก่อนเสียงหัวเราะร่านั่นจะเงียบลงเมื่อสังเกตเห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนสนิทดูแปลกไป ดวงตาคู่สวยนั้นบวมช้ำเหมือนคนที่เพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ “ยัยโรส แกเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ทำไมตาแกถึงได้ดูบวม ๆ แดง ๆ เหมือนคนเพิ่งร้องไห้มาเลยล่ะ” กชกรถามขึ้นอย่างห่วงใย พลางจ้องเพื่อนสนิทเพื่อรอฟังคำตอบ “ไว้เดี๋ยวจ
“โรสรินทร์!!” น้ำเสียงเข้มเอ่ยชื่อเธอขึ้น “ไหนพี่ไวน์บอกจะเข้าไปเคลียร์งานที่ร้านแทนลุงพจน์ไงคะ แล้วนี่ทำงานคงจะเหนื่อยมากเลยสินะคะ เลยพาผู้หญิงออกมาซื้อแหวนเล่นแก้เหนื่อยแก้เบื่อ” สองขาเรียวของเธอเดินย่างกรายเข้าไปหาเขาอย่างใจเย็น เพียงแค่เธอเดินผ่านประตูร้านเครื่องประดับสุดหรู ภาพของชายหนุ่มกับหญิงสาวสวยร่างสูงหุ่นดีราวกับนางแบบ ที่กำลังค่อย ๆ บรรจงสวมแหวนให้กันราวกับคู่รักได้เรียกความสนใจให้เธอหยุดยืนจ้องมองภาพของพวกเขาทั้งสองได้เป็นอย่างดี เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นราวกับคนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ และตอนนี้เธอก็รู้สึกว่าทำไมพวกเขาสองคนถึงได้ดูเหมาะสมกันขนาดนี้นะ แต่แล้วจู่ ๆ เธอเองกลับรู้สึกน้อยใจเขาขึ้นมาเอาเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอเองยังไม่เคยรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเลย แม้แต่บอกรักบอกชอบเธอเขาก็ไม่เคยพูดมันออกมาเลยสักครั้ง มีแค่เพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกว่าหลงรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว “มะ มันไม่ใช่อย่างที่คิดเลยนะครับ” เขารีบพูดปฏิเสธขึ้นมาอย่างร้อนรน “คงพาแฟนมาซื้อแหวนสินะคะ?” เธอก็แค่พูดมันออกไปอย่างที่ใจนึกคิด เพียงแค่นั้นหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มหวั่น เมื่อคิดว่า