ชุนหรง “คุณหนู”ฉินอิ่น “นายท่าน”“ส่งคนมาเฝ้าวังเสี่ยวลิ่ว”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับเซียวหมิงเสวียนก้าวลงบันได ลั่วจิ่วหลียื่นกล่องยาให้ชุนหรง ก้าวลงบันไดตามไปด้วยชุนหรงไม่วางใจ อยากตามหลังไปด้วย แต่ถูกฉินอิ่นขัดขวาง“นายท่านของข้าจะคุยธุระกับคุณหนูของเจ้า ทางที่ดีเจ้ายืนอยู่ตรงนี้อย่าขยับ”ชุนหรงมองเห็นดาบตรงเอวฉินอิ่น ได้แต่หดคอ แล้วถือกล่องยายืนอยู่ที่เดิมลั่วจิ่วหลีเดินตามเซียวหมิงเสวียนมาถึงหน้าห้องหนังสือ ทันใดนั้นหยุดฝีเท้าลง“นี่คือห้องหนังสือของท่านอ๋องหรือเพคะ?”อีกนัยหนึ่ง คนนอกอย่างนางไม่เข้าไปดีกว่าเซียวหมิงเสวียนหันมองนางแวบหนึ่ง“เข้ามาสิ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”น้ำเสียงไม่อนุญาตให้สงสัยลั่วจิ่วหลีเลิกคิ้วอย่างแผ่วเบา คิดในใจว่า เข้าก็เข้าสิ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่เลยขณะที่คิดอย่างนี้ ก็เดินตามเข้าไปในห้องหนังสือภายในห้องหนังสือสว่างมาก สิ่งที่ส่องสว่างไม่ใช่โคมไฟหลิวหลี แต่เป็นไข่มุกราตรีสองเม็ดที่มีขนาดเท่ากำปั้น“โอ้! ไข่มุกราตรีหรือ?”ลั่วจิ่วหลีเพิ่งได้เห็นไข่มุกราตรีในตำนานเป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความเป็นเศรษฐีบ้านนอกของเซียว
“การสะกดจิตหรือ?”เซียวหมิงเสวียนไม่เคยได้ยินเรื่องสะกดจิตมาก่อน สายตาที่มองลั่วจิ่วหลียิ่งทวีความเหลือเชื่อเขานึกถึงยอดฝีมือเร้นกายที่นางเคยกล่าว นึกถึงสิ่งที่นางบอกว่าทุกคนล้วนมีความลับ แล้วไฉนท่านอ๋องจึงต้องถามจนถึงที่สุดให้ได้? จึงควบคุมความใคร่รู้ที่มีต่อนางเอาไว้ใช่อยู่ที่นางคือบุตรีคนรองสายตรงของจวนอี้กั๋วกง และเป็นพระชายาอ๋องเจาที่หย่าร้างกับอ๋องเจาแล้วทว่าทั้งที่มีใบหน้าเหมือนกัน เหตุใดนิสัยใจคอและการกระทำจึงแตกต่างกันยิ่งนัก ราวกับถูกเปลี่ยนไส้ในอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเซียวหมิงเสวียนนึกถึงเรื่องเปลี่ยนไส้ใน จู่ ๆ ภายในสมองราวกับมีดอกไม้ไฟแตกระเบิดเขาเงยหน้าขึ้นทันที หันมองลั่วจิ่วหลีด้วยแววตาต่าง ๆ ที่พรรณนาความรู้สึกไม่ถูกลั่วจิ่วหลีถูกเขาจ้อง ในใจรู้สึกขนลุก นางมองแววตาค้นหาของเขา ตัวนางเองคล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง“ท่านอ๋อง ใช้คนอย่าสงสัย หากสงสัยอย่าใช้เพคะ”น้ำเสียงนางราบเรียบ ใบหน้างดงามบริสุทธิ์รายล้อมด้วยความเย็นชาชั้นบางที่ยากจะเข้าถึงเซียวหมิงเสวียนถูกนางเตือนสติ จึงละสายตากลับไปเมื่อเห็นนางที่สดใส เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชากะทันหัน ในใจเขาเองก็ขุ่น
“ขออภัยเพคะ ต่อไปหม่อมฉันจะไม่พูดอีกแล้ว”“ท่านอ๋อง นี่ก็ค่ำแล้ว พรุ่งนี้หม่อมฉันต้องเข้าวังไปตรวจอาการของเฟิงเต๋อฮูหยิน หม่อมฉันขอทูลลานะเพคะ”ระหว่างที่พูด นางย่อตัวทำความเคารพ“ได้ ให้ฉินอู่ไปส่งเจ้า”“เพคะ ขอบพระทัยท่านอ๋อง”ขณะนั่งอยู่บนรถม้าระหว่างกลับจวน ใจที่เป็นกังวลของลั่วจิ่วหลีกลับมาสงบอีกครั้ง “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ? มีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”“เปล่า”ลั่วจิ่วหลีรีบพูดขัดนางที่กำลังสอบถามคำพูดที่ว่าลบหลู่อำนาจราชวงศ์ คนในราชวงศ์เหล่านั้นแล้งน้ำใจ ละโมบเห็นแก่ตัว ไม่มีความผูกพันธ์ทางสายเลือด ขณะนั้นสมองนางเป็นตะคริวหรือ? ถึงได้พูดจารนหาที่ตายอย่างนั้นโชคดีที่ท่านอ๋องเก้าไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองนาง ลั่วจิ่วหลีถอนหายใจแผ่วเบาตอนกลับมาถึงเรือนฝูชวี ลั่วจิ่วหลีเห็นมารดารอนางอยู่ในโถงรับแขก จึงรีบวิ่งไปหลายก้าว“ท่านแม่ ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมท่านยังไม่พักผ่อนเจ้าคะ?”สวีหมัวมัวที่อยู่ข้างกันเอ่ยขึ้น“ฮูหยินเป็นห่วงคุณหนู จะมารอคุณหนูให้ได้เจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีจับมือของมารดา“ทำให้ท่านแม่เป็นห่วงแล้วเจ้าค่ะ”อี้กั๋วกงฮูหยินส่ายหน้า“แม่มารอเจ้าอยู่ที่นี่ หนึ่งเพ
แต่อย่างไรฐานะก็ต่างกันในยุคสมัยนี้ให้ความสำคัญกับสถานะมาก ลั่วจิ่วหลีจึงรู้สึกว่าภายในนี้ต้องมีเรื่องบางอย่างแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น หากนางไม่ทำความเข้าใจแล้วเข้าวังโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หากถูกคนอื่นหลอกใช้ ยังไม่รู้ต้องตายอย่างไรด้วยซ้ำอี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้า“สำหรับเรื่องนี้ แม่เองก็รู้ไม่มาก รู้เพียงแค่ว่าไทเฮาในตอนนี้ไม่ใช่แม้แท้ ๆ ของฮ่องเต้”“ไทเฮาไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของฮ่องเต้หรือเจ้าคะ?”คนใจเย็นอย่างลั่วจิ่วหลี ยังอดเบิกตากว้างไม่ได้อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้า“ไทเฮาในตอนนี้กับเต๋อเฟยแม่แท้ ๆ ของฮ่องเต้มีความสัมพันธ์ฉันท์ลูกพี่ลูกน้อง ไทเฮาเป็นญาติผู้พี่ เต๋อเฟยเป็นญาติผู้น้อง พี่น้องคู่นี้ไม่เพียงรูปโฉมงดงาม ยังต่างคลอดองค์ชายสามและองค์ชายสี่ให้ฮ่องเต้ ถือว่าเป็นที่โปรดปรานในขณะนั้นมาก”“แต่น่าเสียดาย ชีวิตไม่เที่ยง คนไม่สมหวัง องค์ชายสามของไทเฮาติดโรคร้ายตอนอายุสิบสี่ปี จากไปกะทันหัน ไทเฮาที่เป็นมารดา แค่คิดก็รู้แล้วว่าจะเจ็บปวดขนาดไหน”“แต่ภายในวังไม่ได้มีเรื่องเจ็บปวดเพียงเรื่องเดียว เดือนสิบเอ็ดในปีถัดมา เต๋อเฟยโชคไม่ดีติดโรคร้ายจากไปอีกคน ฮ่องเต้ในตอนนั้นเป็นเพียงองค์
“เจ้าค่ะ ท่านแม่วางใจได้ ข้าเข้าใจว่าควรทำเช่นไร”“ดี”อี้กั๋วกงฮูหยินลุกขึ้นยืน“เจ้ารีบพักผ่อนเถอะ แม่จะกลับแล้ว”“ท่านแม่กลับดี ๆ นะเจ้าคะ”ลั่วจิ่วหลีทำความเคารพอี้กั๋วกงฮูหยินออกจากเรือนฝูชวี โดยมีสวีหมัวมัวประคองออกไปวันต่อมา เมื่อตะวันขึ้น ลั่วจิ่วหลีก็นั่งรถม้ามาถึงประตูวังณ ประตูวัง หรงชิวกูกูที่คอยรับใช้ข้างกายเฟิงเต๋อฮูหยินก็มาต้อนรับด้วยตัวเอง“หรงชิวกูกู”ลั่วจิ่วหลีทำความเคารพเมื่อหรงชิวกูกูเห็นลั่วจิ่วหลี ก็มีท่าทีสนิทชิดเชื้อขึ้นมาทันที“คุณหนูรองลั่ว เข้าวังเถอะเจ้าค่ะ เฟิงเต๋อฮูหยินเฝ้ารอให้คุณหนูรองลั่วมาถึงอยู่นะเจ้าคะ”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้าเบา ๆจากนั้นตามหรงชิวกูกูมุ่งหน้าไปตำหนักกานเฉวียนเมื่อถึงตำหนักกานเฉวียน เดินเข้าไปภายในห้องบรรทม ม่านสีเขียวถูกเปิดออก เห็นเพียงนางกำนัลถือถ้วยเปล่าออกมา เมื่อเห็นหรงชิวกูกู จึงทำความเคารพหรงชิวกูกูพยักหน้า“คุณหนูรองลั่วได้รับราชโองการฮ่องเต้มาตรวจอาการเฟิงเต๋อฮูหยิน”นางกำนัลคนนั้นถือชามเปล่า ทำความเคารพลั่วจิ่วหลี“บ่าวคารวะคุณหนูรองเจ้าค่ะ”“อืม”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้า“อาหารเช้าที่ฮูหยินกินคืออะไร?”
ลั่วจิ่วหลีตะลึง เงยหน้ามองนางแม้สีหน้าเฟิงเต๋อฮูหยินจะดีขึ้น แต่ซูบผอมเกินไป เบ้าตาโบ๋ลึก ทว่าสายตาที่มีพลังมองทะลุปรุโปร่งจ้องใบหน้านาง แฝงด้วยการค้นหาและความเชื่อบางอย่าง“วางใจเถอะ ข้าเชื่อเจ้า”“เมื่อวานตอนเจ้ารักษาข้า ข้าสามารถรับรู้ได้ ว่าเจ้าไม่อยากให้ข้าตายด้วยใจจริง”แม้นางจะไม่ใช่คนในราชวงศ์ แต่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในโคลนตมแห่งวังหลังมาหลายปี ผ่านการสั่งสมตกตะกอนจากกาลเวลานางรู้ดีว่าอดีตพระชายาอ๋องเจาผู้นี้ ไม่ใช่คนโง่ ยิ่งไม่ใช่คนไร้ค่าเพียงแต่อ๋องเจาผู้นั้นตาบอดเองหลังจากพูดประโยคยาวเหยียด เฟิงเต๋อฮูหยินเริ่มหายใจหอบ จึงกุมหน้าอกตัวเองเดิมทีใจที่สงบของลั่วจิ่วหลีตกลงไปถึงตาตุ่ม จากนั้นรีบนำยารักษาโรคหัวใจเฉียบพลันออกมา“เฟิงเต๋อฮูหยิน เหมือนเมื่อวาน อมไว้ใต้ลิ้นเพคะ”นางยื่นยาไปที่ปากของเฟิงเต๋อฮูหยิน เฟิงเต๋อฮูหยินอ้าปากอย่างเชื่อมั่นเมื่อเห็นอาการนางดีขึ้น ในที่สุดลั่วจิ่วหลีจึงโล่งอก“ร่างกายฮูหยินยังไม่หายดี พยายามหลับตาพักผ่อน อย่าสูญเสียพลังงานเพคะ”“อืม”เฟิงเต๋อฮูหยินพยักหน้าเวลาเพียงไม่นาน ยารักษาโรคหัวใจที่อมไว้ใต้ลิ้นเริ่มละลาย เฟิงเต๋อฮูหยินร
“ยัยหนูตระกูลลั่ว! เจ้าช้าหน่อยได้หรือไม่? เข็มปักผ้านั่น ดูไม่ค่อยเล็กเลย”พรืด!ลั่วจิ่วหลีหัวเราะแล้วคิดในใจ ช่างเป็นเด็กในคราบคนแก่ที่น่ารักเหลือเกิน ไม่ว่าในใจจะหวาดกลัวอย่างไร แต่ก็ยื่นมือออกมาอย่างสั่นเทา ยิ่งไม่เหมือนคนอื่นที่ถามโน่นถามนี่หรือสงสัยระแวงในตัวนาง“ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บเพคะ”ลั่วจิ่วหลีแทงเข็มแผ่วเบา พร้อมกับเบี่ยงเบนความสนใจของนาง“ยามปกติฮูหยินชอบกินสิ่งใดเพคะ?”“ของหวาน ขนมกุ้ยฮวา ขนมพุทรา ส้มมือ ผิงกั่วทอด ขนมเหออี้”“เพคะ ต่อไปสิ่งที่หวานเกินไปพวกนี้ต้องกินให้น้อย ฮูหยินต้องเลือกกินอาหาร หม่อมฉันแจ้งหรงชิวกูกูไปหมดแล้ว ต่อไปจะให้หรงชิวกูกูจับตาดูฮูหยินเพคะ”“เอาละ ฉีดยาเสร็จแล้วเพคะ”ลั่วจิ่วหลีเก็บกระบอกฉีดยากลับมา จากนั้นวางไว้ในกล่องยาพร้อมปิดฝาเฟิงเต๋อฮูหยินมองแขนตัวเอง“คราวนี้ไม่เจ็บจริงด้วย”ลั่วจิ่วหลียิ้ม วันนี้ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น อีกทั้งยังเบี่ยงเบนความสนใจของนาง ย่อมไม่เจ็บ“นี่คือยารักษาโรคหัวใจเฉียบพลัน ท่านเก็บไว้นะเพคะ เมื่อใดที่เจ็บหน้าอก หายใจหอบ นำมาอมไว้ใต้ลิ้น”ฉลากที่ติดอยู่บนยากับคู่มือการใช้ยา เมื่อคืนนางฉีกทำลายหมดแล้ว
“มิใช่เผ่าพันธุ์ข้า สมควรสังหาร หา หลังหาพบแล้วฆ่าได้ทันที”“ยังมีอ๋องเจา เป็นถึงท่านอ๋อง กลับถูกหญิงต่างแคว้นทำให้มัวเมาถึงเพียงนี้ นำพาหายนะเช่นนี้มาสู่เมืองหลวง ช่างน่าขันสิ้นดี ช่างน่าขันอย่างที่สุด”ฮ่องเต้โกรธแค้นอยู่ในใจ จากนั้นขว้างถ้วยน้ำชาเสียงดังปังจนแตกละเอียดนางกำนัลและขันทีในห้องทรงพระอักษรหัวใจกระตุกวาบ ตกใจจนพากันคุกเข่า“เสด็จพี่อย่าทรงกริ้ว อ๋องเจาถูกวิชามนตร์เสน่ห์ของเยียนทิงเหลียนมอมเมา ถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้พ่ะย่ะค่ะ”“เข้าใจได้งั้นหรือ?”ฮ่องเต้แค่นหัวเราะ“หากเราจำไม่ผิด ตอนนั้นที่สู้รบกับแคว้นซางหนาน ซางหนานแสร้งยอมแพ้ ขณะที่เจรจากับเจ้า องค์หญิงซางหนานผู้นั้นใช้วิชามนตร์เสน่ห์กับเจ้า เจ้าก็ไม่ได้ถูกมอมเมาด้วยมนตร์เสน่ห์ของนาง ซ้ำยังทำลายได้ไม่ใช่หรือ? กระทั่งสังหารองค์หญิงผู้นั้นทันที ประกาศศักดาให้แคว้นฉางหนิง”“เรื่องที่คล้ายกัน ทว่าอ๋องเจากลับถูกมอมเมาจนโงหัวไม่ขึ้น จนทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ จะเรียกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้งั้นหรือ?”เซียวหมิงเสวียนเลิกคิ้วเล็กน้อย“ตอนนั้นกระหม่อมไม่ถูกวิชามนตร์เสน่ห์มอมเมา และสังหารองค์หญิงแคว้นซางหนาน เพราะก
“เพคะ นี่คือยาเม็ดที่หม่อมฉันทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ”“งั้นหรือ?”ฮ่องเต้มองที่ใบหน้าสงบนิ่งของลั่วจิ่วหลี เห็นว่านางไม่ลนลานแม้แต่น้อย และไม่มีทีท่าว่าโกหกเช่นกันก้มหัวลงดูของสิ่งนี้ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนหากบอกว่านี่คือขวด วัสดุกลับไม่เหมือน หากพูดว่านี่ไม่ใช่ขวด แต่ยาเม็ดเล็ก ๆ เหล่านั้นกลับใส่อยู่ในนี้จริง ๆ“ในเมื่อเป็นยาเม็ดที่ทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินโดยเฉพาะ เหตุใดจึงทำให้เฟิงเต๋อฮูหยินไม่ได้สติเล่า?”ฮ่องเต้น้ำเสียงเคร่งเครียด สายตาเย็นชาโกรธขึ้งที่ด้านข้าง ฮองเฮาโบกมือไปทางองครักษ์เหล่านั้นบรรดาองครักษ์ก็ถอยออกไปอย่างหงุดหงิด“ลั่วจิ่วหลี เฟิงเต๋อฮูหยินก็กินยาในขวดนี้นี่ล่ะ แล้วก็หมดสติไป”ฮองเฮาเสียงเบามาก จ้องลั่วจิ่วหลีตาไม่กะพริบลั่วจิ่วหลีส่ายหัว น้ำเสียงหนักแน่น เผชิญหน้ากับสายตาที่ฮ่องเต้และฮองเฮาเพ่งพินิจนางโดยปราศจากความกลัวใด ๆ“เป็นไปไม่ได้เพคะ นี่คือยารักษาอาการหัวใจวายของเฟิงเต๋อฮูหยิน ไม่ใช่ยาพิษอะไรแน่นอน?”“ยาพิษ?” ที่ด้านข้าง หูกุ้ยเฟยร้องหึอย่างเย็นชาหนึ่งที เดินเข้ามา“ลั่วจิ่วหลี ที่นี่ไม่มีคนบอกว่าเฟิงเต๋อฮูหยินถูกวางยาพิษเสียหน่อย กลับ
เพียงไม่นาน รถม้าก็มาถึงประตูจวนที่นอกรถม้า สวีหมัวมัวเปิดม่านขึ้น“ฮูหยิน คุณหนูรอง ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะ”สองแม่ลูกทยอยลุกขึ้นตามกันไป ลงจากรถม้ายังไม่ทันได้เข้าจวน ก็เห็นพ่อบ้านวิ่งตรงออกมาอย่างรวดเร็ว“ฮูหยิน คุณหนูรอง ในวังมีจดหมายมา เชิญให้คุณหนูไปที่พระตำหนักกานเฉวียนทันทีหลังกลับถึงจวนขอรับ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง อี้กั๋วกงฮูหยินหนังตากระตุก“เกิดอะไรขึ้น?”พ่อบ้านส่ายหัว“ขันทีที่เชิญพระราชโองการไม่ยอมบอก บอกแค่ว่า ให้คุณหนูรองเข้าวังได้ทันที”“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง คงให้ข้าเข้าวังไปตรวจร่างกายเฟิงเต๋อฮูหยินอีกครั้ง”ลั่วจิ่วหลีพูดปลอบประโลมแล้ว เวลานี้ สาวใช้เรือนฝูชวีก็นำกล่องยาออกมาแล้วลั่วจิ่วหลีรับกล่องยามา“สวีหมัวมัว ดูแลท่านแม่ให้ดี ข้าไปไม่นานก็กลับ”“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง”สวีหมัวมัวประคองอี้กั๋วกงฮูหยิน มองดูลั่วจิ่วหลีขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปทางประตูวัง“พ่อบ้านจาง”อี้กั๋วกงฮูหยินเห็นรถม้าที่ค่อย ๆ ห่างออกไปแล้ว ก็ขมวดคิ้ว“ฮูหยิน”พ่อบ้านจางก้าวขึ้นมา“เอาเงินตำลึงไปเพิ่มหน่อยสิ ไปสืบข่าวมาที”“ขอรับ”พ่อบ้านจางไหนเลยจะกล้าชักช้า จากไปอย่างรีบร้อนตามความร้อนใ
อี้กั๋วกงฮูหยินมองที่นาง“เจ้าฟังออกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ายังเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้น ท่านอ๋องเก้าก็คงจะเข้าใจได้เช่นกัน”“ท่านแม่ นี่ท่าน...”“จิ่วเอ๋อร์”อี้กั๋วกงฮูหยินคว้ามือลูกสาวตัวเองไว้“แม้แม่จะอยู่ในเรือนหลังมานาน แต่เรื่องบางเรื่อง ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รู้ คราวที่แล้วกุ้ยเฟยเรียกเจ้าเข้าวัง ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพราะเรื่องที่เจ้าหย่าร้างกับอ๋องเจา เรื่องที่สองพี่น้องตระกูลหูนั่นใส่ร้ายเจ้า แม่ฟังแล้วเหมือนถูกมีดกรีดหัวใจ”ลั่วจิ่วหลีตะลึง เรื่องคราวก่อน นางปิดบังไว้ไม่น้อย แต่นึกไม่ถึงว่าแม่ก็ยังไปสืบรู้เรื่องนี้มาจนได้“ท่านแม่ ท่านรู้หมดแล้วหรือ?”อี้กั๋วกงฮูหยินพยักหน้าเบา ๆ“ได้รับความอยุติธรรมขนาดนั้น เจ้าไม่บอกแม่ได้อย่างไรกัน?”ลั่วจิ่วหลียิ้มอย่างสบาย ๆ“ก็ไม่ถือว่าได้รับความอยุติธรรมนะเจ้าคะ สองพี่น้องตระกูลหูนั่นก็ไม่ได้รับผลประโยชน์”“เฮ้อ! เจ้านี่นะ”อี้กั๋วกงฮูหยินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง“ท่านอ๋องเก้านั้นเป็นยอดคนก็จริง แต่จะว่าอย่างไรท่านก็เป็นเสด็จอาของอ๋องเจา ต่อไปเจ้าอย่าเข้าใกล้มากเกินไปจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกนินทา”ลั่วจิ่วหลีได้ยินแล้ว ก็หัวเราะเย้
“แขก?”เช้าตรู่เช่นนี้ ใครกันมาที่จวนอ๋องเก้า แล้วยังส่งจดหมายคารวะมาด้วย?“ใครหรือ?”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเรียบเฉย ยื่นมือไปรับจดหมายคารวะ เมื่อเห็นแล้วก็สีหน้าเคร่งขรึมทันที “จวนอี้กั๋วกง?”“ไป เชิญแขกเข้าไปห้องโถงรับแขก”“พ่ะย่ะค่ะ”คนผู้นั้นออกไปที่ด้านข้าง ฉินอิ่นก้าวขึ้นมา“นายท่าน เป็นอี้อั๋วกงฮูหยินกับคุณหนูรองหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“อืม”เซียวหมิงเสวียนสีหน้าดูไร้อารมณ์ แต่กลับลุกขึ้นกลับห้องไปเปลี่ยนชุดฉินอิ่นยืนอยู่นอกห้อง ลูบจมูกไปมา รู้สึกว่าวันนี้นายท่านของเขาแปลกไปไม่น้อย นายท่านเปลี่ยนชุดเป็นพิเศษเพื่อเจอคนนอกตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่จะว่าไปแล้ว คุณหนูรองตระกูลลั่วก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอกถึงนอกเรือนรับแขกแล้ว เซียวหมิงเสวียนก็เห็นสองแม่ลูกกำลังนั่งดื่มชาอยู่วันนี้ลั่วจิ่วหลีสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อน ผิวขาวราวกับหิมะ เรียวคิ้วดูเหมือนทิวเขาที่อยู่ไกล ๆ ผัดหน้าเบา ๆ ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากเขารู้สึกว่าลั่วจิ่วหลีในแบบนี้ดูเย็นชา เฉียบคมน้อยกว่าปกติ และดูอ่อนโยนอบอุ่นมากขึ้นลั่วจิ่วหลีเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีสายตาจ้องมองนางอยู่ จึงเงยหน้ามองไปทางนอกประตูเห็นเซียวหม
สวีหมัวมัวค้อมตัวคำนับ“บ่าวขอขอบพระคุณความห่วงใยจากคุณหนูแทนชุนหรงเจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีรู้สึกอึดอัดไม่น้อย นี่ก็คือระบบชนชั้นสมัยโบราณ แม้บ่าวจะรับมีดแทนนายจนได้รับบาดเจ็บ ก็ยังต้องขอบคุณ แสดงความซาบซึ้งต่อความเมตตาจากนาย “จิ่วเอ๋อร์ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เยียนทิงเหลียนนั่นแหกคุกไม่ใช่หรือ? ถูกจับอีกได้อย่างไร? ได้ยินว่า นางถูกเปลื้องผ้าแล้วไปแขวนไว้บนหอประตูเมืองชั้นนอก เฮ้อ! ช่างเสื่อมเสียจารีตประเพณีบ้านเมืองเสียจริง”ลั่วจิ่วหลีนวดขมับไปมาอย่างจนใจ เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน วันนี้นั่งรถม้ามาทั้งวันก็ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่อีก แต่แม่ถาม นางก็ได้แต่อดทน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนอกเมืองให้แม่ฟัง แน่นอนว่า เรื่องบางอย่างที่ต้องปิดบัง นางก็ไม่ได้ปริปากพูดแม้แต่คำเดียว“เจ้าว่าอะไรนะ? อ๋องเก้าเพราะช่วยเจ้า ก็ถูกเยียนทิงเหลียนทำร้ายบาดเจ็บหรือ?”“เจ้าค่ะ”ลั่วจิ่วหลีพยักหน้าเบา ๆ“เยียนทิงเหลียนนั่นไม่ใช่หญิงธรรมดาเลย นางเป็นสายลับของแคว้นซางหนาน ข้าเผลอไปครู่หนึ่ง ยังดีที่มีชุนหรงกับอ๋องเก้า ไม่เช่นนั้น ขณะนี้คนที่นอนปางตายอยู่บนเตียงก็คงเป็นข้าแล้ว”แม้ว่าชุนหรงกับอ๋องเก้าจะไม่ได
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”เซียวหมิงเสวียนถวายบังคม ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรออกจากประตูวังแล้ว ระหว่างทางกลับจวน เซียวหมิงเสวียนมองฉินอิ่นแวบหนึ่ง“ส่งข่าวไปยังหอหลิงเซียว ให้พวกเขาไปสืบหาเบื้องหลังของเยียนทิงเหลียนที่แคว้นซางหนาน”“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก“นายท่าน ข้าน้อยส่งฉินลิ่วไปเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่หอประตูเมืองชั้นนอกแล้ว ฉินลิ่วรายงานกลับมา บอกว่า... อะแฮ่ม”“บอกว่าเยียนทิงเหลียนถูกแขวนตัวเปลือยเปล่าอยู่บนหอประตูเมืองชั้นนอก ทำให้เกิดความโกลาหลไม่น้อย มีคนเร่ร่อนหื่นกามคิดไม่ดี...”ส่วนคิดไม่ดีว่าอะไร ไม่ต้องให้ฉินอิ่นพูดให้ชัดเจน เซียวหมิงเสวียนก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร“หึ!”เซียวหมิงเสวียนยิ้มอย่างเย็นชา“เช่นนั้นแล้วก็เปิดช่องโหว่ให้พวกเขาเสีย ให้เยียนทิงเหลียนลองสัมผัสดูว่าตอนนั้นนางวางแผนทำร้ายลั่วจิ่วหลีอย่างไร”ฉินอิ่นได้ยินแล้ว ในใจก็แอบสวดมนต์ภาวนาให้เยียนทิงเหลียนดูท่า เยียนทิงเหลียนจนตายก็ไม่มีทางรู้ว่า ตอนนั้นที่นางวางแผนจะทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูรองตระกูลลั่ว แต่คนที่มีความสัมพันธ์กับคุณหนูรองตระ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยียนทิงเหลียนเดิมทีก็เป็นหญิงงามชั้นยอด เอวบางร่างน้อยราวกับต้นหลิว หน้าอกและบั้นท้ายโค้งเว้าชัดเจน หากใช้คำของอ๋องเจามาอธิบาย นี่คือผู้หญิงที่มอบความสุขให้เขาได้แม้แต่องค์ชายแห่งอาณาจักรหนึ่งยังยอมรับในความงามอันเย้ายวนของเยียนทิงเหลียน นับประสาอะไรกับบรรดาบุรุษธรรมดา ๆเพียงแค่เห็นภาพที่เย้ายวนชวนลุ่มหลงนี้แวบเดียว ก็ทำให้เลือดลมสูบฉีดยิ่งดูยิ่งตื่นเต้น ยิ่งดูยิ่งมีผู้ชายเข้ามารวมตัวกันมากขึ้นมีคนตะโกนว่านี่ช่างเสียของจริง ๆ มีคนป่าวร้องว่าสาวสวยเช่นนี้ถ้าได้ซุกอยู่ในผ้าห่มอุ่น ๆ ด้วยจะมีความสุขขนาดไหนมีคนมือบอนเข้าไปใกล้ ๆ อยากเอานางลงมาใจจะขาด หาความสำราญให้เต็มที่ ก็ถูกทหารที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ ถีบกระเด็นไปอยู่ที่พื้นและยังมีหญิงอารมณ์ร้ายที่เมื่อรู้ว่าสามีตนเองมาจ้องมองดูผู้หญิงเปลือยจนตาแทบออกมานอกเบ้า ก็วิ่งถือไม้นวดแป้งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับลมพัด มาบิดหูสามีตัวเอง ด่าว่ายกใหญ่ ด่าสามีตัวเองเสร็จยังไม่พอ ยังหยิบทุกอย่างที่หยิบติดมือมาได้ ปาไปที่ตัวเยียนทิงเหลียนอย่างเอาเป็นเอาตายชาวบ้านร้านตลาดหรือ? เพียงแค่มีคนหนึ่งเริ่มต้น คนที่เหลือก็พากันทำตา
“ลงมือ”เซียวหมิงเสวียนไม่แม้แต่จะสนใจดูเยียนทิงเหลียนที่กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสน“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อฉินอิ่นผลักเยียนทิงเหลียนไปข้างหน้า ทั้งร่างของเยียนทิงเหลียนก็ทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อหัวหน้าทหารยามทั้งสองโบกมือให้สัญญาณอย่างสุดแรง ด้านหลังก็มีทหารเฝ้าเมืองก้าวขึ้นมาข้างหน้าทีละก้าว ๆ“อื้อ! อื้อ! อื้อ!”เยียนทิงเหลียนถอยหลังโดยใช้ทั้งมือและเท้าหากเวลานี้นางพูดได้ เสียงขอความเมตตาอย่างน่าเวทนาและเสียงร้องโหยหวนก็คงจะทำให้เกิดความสงสารอันเล็กน้อยจนแทบจะไม่มีอยู่เลยขึ้นมาบ้างน่าเสียดาย ตัวนางในขณะนี้วรยุทธ์ถูกทำลาย ลิ้นก็ถูกตัด ได้แต่ทนรับความอัปยศนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ร้องเรียกต่อฟ้าก็ไร้ผล อ้อนวอนต่อดินก็สิ้นหนทาง ทนทุกข์ทรมานแต่เพียงผู้เดียว ดิ้นรนอย่างขมขื่นทันใดนั้นเอง นางก็เห็นว่าบนรถม้าที่อยู่ด้านหลังนั้น ลั่วจิ่วหลีทอดสายตามาที่นางลั่วจิ่วหลี คนชั้นต่ำ นางชั้นต่ำนี่ ต้องเป็นความคิดของเจ้าแน่ ๆ ต้องใช่อย่างแน่นอนเยียนทิงเหลียนหลบทหารเฝ้าเมืองสองคนนั้นที่ไล่ตามมาประชิดตัว โหม่งหัวชนคนหนึ่งจนล้มลง ฝืนทนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกาย วิ่งพุ่งตรงไปทางลั่วจิ่วหลี
เมืองชั้นนอกนั้นหลัก ๆ เป็นที่อยู่ของประชาชนทั่วไป และคนมากหน้าหลายตาจากทุกกลุ่มในสังคม เมืองชั้นในล้วนเป็นที่พำนักของขุนนางชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ ส่วนวังหลวงเป็นที่ประทับของฮ่องเต้ ฮองเฮา เหล่าสนมวังหลัง และบรรดาองค์ชายองค์หญิง จวนอี้กั๋วกงกับจวนอ๋องเก้านั้นอยู่ในเมืองชั้นในทั้งคู่ รถม้ากลับหยุดที่เมืองชั้นนอก ลั่วจิ่วหลีประหลาดใจไม่น้อย“ไปกัน ออกไปดูหน่อยกว่าเกิดอะไรขึ้น?”นางพูดพลางผลักประตูรถม้าออก ก็เห็นเซียวหมิงเสวียนที่อยู่ข้างหน้ายืนอยู่บนรถม้าอย่างสง่างามน่าเกรงขามพอดีผู้คนสองข้างทางเมื่อเห็นท่านอ๋องเก้า ก็พากันคุกเข่าลงที่พื้นไม่ไกลจากนั้น มีหัวหน้าทหารยามสองคนที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูเมืองชั้นนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างเร่งด่วน“กระหม่อมถวายบังคมท่านอ๋องเก้า”“อืม ลุกขึ้นเถอะ”เซียวหมิงเสวียนน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉย“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเก้า”หัวหน้าทหารยามทั้งสองลุกขึ้น“ฉินอิ่น”เซียวหมิงเสวียนโบกมือให้สัญญาณไปทางด้านหลัง“พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอิ่นขานรับ จากนั้นก็คุมตัวคนคนหนึ่งเดินไปที่หน้าหัวหน้าทหารยามสองคนนั้น เมื่อลั่วจิ่วหลีมองให้ดี ๆ คนที่ถูกคุมตัวมาไม่ใช่เ