“ยายดีใจด้วยนะปิ่นในที่สุดหลานสาวของยายก็มีแฟนสักที” คุณยายละมัยรู้สึกดีใจมากๆ หลังจากปิ่นปินัทธ์เล่าเรื่องที่กรัณย์กรขอเธอเป็นแฟนให้ฟัง
หลานสาวของเธอเคยมีแฟนสมัยที่เรียนอยู่แต่ก็เลิกรากันไปนานแล้วจากนั้นปิ่นปินัทธ์ก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือจนสอบบรรจุครูได้ที่โรงเรียนใกล้บ้านและเธอก็ไม่เห็นว่าหลานสาวจะเปิดใจคบผู้ชายคนไหนอีกเลย
หลังจากทำงานผ่านมาเกือบสามปีปิ่นปินัทธ์ก็ยังไม่มีใคร พอรู้ว่าตอนนี้ตกลงคบกับคุณหมอกรัณย์กรแล้วคุณยายก็รู้สึกโล่งใจมากๆ เพราะคุณหมอดูเป็นคนดีและน่าจะดูแลหลานสาวของเธอได้ในวันที่ตนเองไม่อาจจะดูแลหลานสาวได้อีกต่อไป คุณยายมีลูกสามคนคือมารดาของเธอคุณลุงศักดิ์และป้าสาซึ่งสองคนนั้นแยกครอบครัวออกไปแล้วแต่ก็ยังไปมาหาสู่และแวะซื้อของใช้มาให้คุณยายอยู่ตลอด ปิ่นปินัทธ์เป็นหลานสาวคนเดียวที่ยายละมัยห่วงที่สุด
“ปิ่นไปทำงานก่อนนะคะยาย”
“เย็นนี้หมอรัณย์เขาจะมากินข้าวที่บ้านไหม”
“หมอเข้าเวรค่ะยายเขาคงมาไม่ได้ คงมากินข้าวที่บ้านเราอีกทีเช้าวันอาทิตย์เลยค่ะ ยายถามทำไมคะมีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ถ้าหมอจะมายายจะได้เตรียมกับข้าวรอ แล้วก็อยากจะคุยกับหมอนิดหน่อย”
“เรื่องสำคัญหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกยายแค่อยากจะบอกหมอว่าตอนนี้หมอเขาก้าวเข้ามาในครอบครัวของเราแล้ว ยายก็อยากจะพูดกับเขาให้รู้เรื่องอยากจะฝากเขาให้ดูแลปิ่น”
“ทำไมจะต้องฝากเขาให้ดูแลปิ่นด้วยล่ะคะ ปิ่นดูแลตัวเองได้ การเป็นแฟนกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้อีกคนมาดูแลสักหน่อยต่างคนต่างดูแลกันน่าจะดีกว่านะคะ”
“ยายก็แค่พูดเผื่อไว้เผื่อว่ายายเป็นอะไรไป”
“โธ่ ยายของปิ่นยังแข็งแรงลุกมาทำกับข้าวให้ปิ่นได้ทุกเช้าแบบนี้ ยายจะต้องอยู่กับปิ่นไปอีกนานค่ะ”
“เรื่องอนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอน ยายก็แก่ตัวลงทุกๆ วัน ถ้าจะให้ดีอย่าคบกับคุณหมอนานเลยนะ”
“ทำไมล่ะคะ เมื่อกี้ยังดีใจที่ปิ่นมีแฟน แล้วทำไมตอนนี้บอกไปให้ปิ่นอย่าคบกับคุณหมอนานล่ะคะ ปิ่นงงนะคะยาย”
“ยายหมายถึงอย่าคบกันเป็นแฟนนาน อยากจะให้รีบแต่งงานเผื่อยายจะอุ้มหลานก่อนเป็นอะไรไป”
“ยายขาห้ามพูดเรื่องแบบนี้อีกนะคะ ปิ่นอยากให้ยายอยู่กับปิ่นนานๆ ปิ่นไปทำงานแล้วนะคะ ยายอยู่บ้านก็อย่าทำงานหนักล่ะ ตอนเย็นเจอกันค่ะ”
หญิงสาวขับรถออกมาจากบ้านด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างกังวลเพราะคำพูดของยายทำให้เธอเริ่มคิดหนัก ยายของเธออายุมากแล้วจริงๆ ร่างกายของท่านโรยราไปทุกวัน ถึงแม่จะไม่มีโรคประจำตัวก็ตาม
หญิงสาวมาถึงโรงเรียนในเวลา 07.30 นาฬิกา ขณะที่นั่งตรวจการบ้านอยู่ในห้องคุณครูพรศิริ ครูประจำชั้นนักเรียนชั้นประถมปีที่สองก็แวะเข้ามาทักทาย
“ทำอะไรอยู่ปิ่น”
“ปิ่นกำลังตรวจการบ้านอยู่เลย ขวัญล่ะตรวจเสร็จแล้วเหรอ”
“ตรวจได้ครึ่งเดียว กำลังปวดหัวกับตัวหนังสือเด็กก็เลยวางไปก่อนน่ะแล้วก็มีเรื่องจะถามปิ่นด้วย”
“จะถามเหรอขวัญ” ปิ่นปินัทธ์วางงานในมือลง
“เรื่องส่วนตัวนิดหน่อยถามได้ไหม”
“ถามได้เลยเรารู้จักกันมาตั้งสามปีแล้ว ขวัญจะถามอะไรล่ะ”
“เมื่อวันก่อนขวัญผ่านไปแถวบ้านปิ่นด้วยนะ”
“แล้วทำไมไม่แวะเข้าไปล่ะ ยายก็บ่นถึงอยู่เหมือนกันนะว่าช่วงนี้ทำไมครูขวัญไม่ค่อยแวะไปที่บ้านเลย”
“ขวัญก็อยากจะแวะอยู่หรอกแต่วันนั้นที่บ้านปิ่นมีแขก เห็นมีรถยนต์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน
“รถคันสีดำใช่ไหม”
“ใช่ขวัญเห็นหลายครั้งแล้ว ว่าจะถามปิ่นแต่ก็ไม่มีโอกาสถามสักทีแต่เดาว่าต้องเป็นรถของแฟนปิ่นใช่ไหม”
“ทำไมถึงคิดว่าเป็นรถแฟนปิ่นล่ะ อาจจะเป็นรถเพื่อนของยายก็ได้”
“ไม่มีทางหรอกขวัญว่าจะต้องเป็นรถของแฟนปิ่นแน่เลย บอกมานะเขาเป็นใคร ทำงานอะไรทำไมขวัญไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เลย” พรศิริคาดคั้น
“ไม่ใช่แฟนขวัญหรอกเราก็แค่เพิ่งคุยกันได้ไม่นาน”
“เพิ่งรู้จักแต่พาไปกินข้าวที่บ้านแล้วแบบนี้นี้ขวัญว่าน่าจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาหรอกนะ แล้วเขาเป็นใครล่ะ”
“ถ้าปิ่นบอกขวัญไปขวัญห้ามบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
“ทำไมล่ะปิ่น หรือแอบไปเป็นเมียน้อยใครอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดนะปิ่นทั้งสาวทั้งสวยจะยอมเป็นเมียน้อยคนอื่นได้ไง”
“ไปกันใหญ่แล้วที่ปิ่นไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร แต่ที่บอกขวัญว่าห้ามบอกใครเพราะเราเพิ่งจะเริ่มคุยกันเอง ไม่อยากให้คนอื่นรู้มากเกิดคุยกันแล้วมันไม่เข้าใจ มันไม่คลิกก็จะได้ไม่ต้องมาคอยตอบคำถามว่าทำไมถึงเลิกคุยกันยังไงล่ะ”
“ก็ได้ขวัญสัญญาว่าจะไม่บอกใคร แล้วตกลงเขาเป็นใครล่ะหล่อไหม”
“ขวัญเคยพาลูกศิษย์ไปที่โรงพยาบาลใช่ไหม”
“หมายถึงโรงพยาบาลที่โรงเรียนเราทำประกันอุบัติเหตุด้วยใช่ไหม”
“ใช่โรงพยาบาลนั้นแหละ”
“มีอะไรหรือเปล่าหรือเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนั้น”
“อือเขาเป็นหมอ”
“เจอกันที่นั่นเหรอ”
“เจอกันตอนพาออมสินไปเย็บแผลที่หัวน่ะ”
“ทำไมเวลาขวัญพาเด็กไปไปโรงพยาบาลไม่เจอหมอหนุ่มๆ หล่อๆ บ้างเลยนะส่วนใหญ่ก็เจอแต่หมอตี๋ๆ หรือไม่ก็เจอหมอผู้หญิง เขาชื่ออะไรล่ะ ลองบอกมาเผื่อขวัญจะเคยเห็นหน้า”
“เขาชื่อหมอกรัณย์กรน่ะ ขวัญเคยเจอไหม”
“หมอกรัณย์กร ขวัญเคยตรวจกับเขาด้วยนะตอนนั้นน่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วไปหาหมอตอนเย็นหมอเขาออกตรวจนอกเวลาพอดีน่ะ คนนี้หล่อมากจริงๆ ปิ่นคบกับเขาแล้วใช่ไหม”
“ยังไม่ถึงขั้นคบหรอกแค่เริ่มคุยกันน่ะ ปิ่นไม่รู้ว่าเขามีแฟนแอบมีแฟนอยู่ที่ไหนหรือเปล่า”
“คงไม่หรอกมั้งดูท่าทางเขาก็เป็นคนดีนะ ถ้ามีแฟนแล้วก็คงไม่จีบผู้หญิงไปทั่วหรอก”
“ปิ่นก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน”
“ไม่มั่นใจอะไร”
“ก็ปิ่นเคยได้ยินมาหมอก็จะเป็นแฟนกับหมอหรือไม่ก็คนที่ทำงานด้านสาธารณสุขเหมือนกัน”
“ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลยนี่ ปิ่นทั้งสวยทั้งหุ่นดีขนาดนี้ไม่ว่าจะอาชีพไหนเวลาเห็นก็ต้องชอบทั้งนั้นแหละ”
“ถ้าเขามีแฟนอยู่แล้วล่ะขวัญ”
“ปิ่นคิดมากไปหรือเปล่า ว่าแต่เขาเคยพาปิ่นไปเจอเพื่อนๆของเขาบ้างไหมล่ะ ถ้าเขาพาไปก็แสดงว่าเขาบริสุทธิ์ใจและไม่ได้แอบซ่อนใครไว้จริงๆ”
“เรายังไม่เคยไปไหนด้วยกันเลย ส่วนใหญ่เขาก็จะมาทานข้าวที่บ้านตอนเย็นแค่นั้นแหละ หมอเขางานยุ่ง”
“หมอเป็นอาชีพที่งานยุ่งมากๆ แต่ถ้าเขายุ่งขนาดนั้นแล้วยังหาเวลามากินข้าวกับปิ่นได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหรอก อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะปิ่น”
“แต่วันอาทิตย์นี้เขาชวนปิ่นเข้ากรุงเทพ ว่าจะไปดูหนังและเดินซื้อของกัน”
“นั่นไงถ้าเขาพาปิ่นไปกรุงเทพก็เท่ากับว่าเขาไม่น่าจะมีใครอยู่นะ เพราะหมอเป็นอาชีพที่ยุ่งมากๆ วันหยุดแบบนี้ถ้าคนมีแฟนก็ต้องแบ่งเวลาให้แฟน แต่ถ้าเขามีเวลาให้ปิ่นแบบนี้ ขวัญว่าปิ่นมั่นใจได้เลยว่ายังไงหมอก็ไม่มีทางซ่อนใครไว้แน่นอน”
“ขอบใจนะขวัญปิ่นสบายใจมากขึ้นแล้วล่ะ แล้วขวัญล่ะกับแฟนตอนนี้เป็นยังไงบ้างก็”
“เลยเรื่อยๆ กำลังช่วยกันเก็บเงินอยู่ไม่น่าจะเกินปีหน้าคงพอจะจัดงานแต่งงานได้”
“ปิ่นแสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะ”
“แสดงความยินดี อย่างเดียวไม่ได้นะ ปิ่นต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ขวัญด้วยตกลงไหม”
“ตกลงสิ”
เช้าวันอาทิตย์หมอกรัณย์กรก็มาบ้านปิ่นปินัทธ์ตั้งแต่เช้าเขาทานข้าวเหนียวหมูทอดอิ่มแล้วก็ขับรถออกจากบ้านระหว่างทางทั้งสองก็คุยกันไปเรื่อยใช้เวลาขับรถเกือบสอง ชั่วโมงก่อนจะมาถึงกรุงเทพ“ปิ่นจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากจะแวะไปเอาของที่บ้านหน่อย”“ได้ค่ะ”กรัณย์กรไม่ได้จะไปเอาของแต่เขาอยากพาปิ่นปินัทธ์ไปเจอกับมารดาแต่ถ้าบอกไปตรงๆ ก็กลัวหญิงสาวจะไม่ยอมตามมาด้วย“หมอจะให้ปิ่นเข้าไปที่บ้านด้วยหรือจะให้ปิ่นรออยู่แถวร้านกาแฟคะ”“ทำไมปิ่นจะต้องรออยู่ที่ร้านกาแฟด้วยล่ะ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ”“คือปิ่นไม่แน่ใจว่าที่บ้านคุณหมอจะมีใครอยู่บ้าง”“บ้านผมมีแค่แม่ผมกับแม่บ้านครับไม่มีคนอื่น กลัวว่าจะมาเจอใครเหรอ”“เปล่าคะปิ่นก็แค่คิดว่าบางทีหมออาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว”“ไม่มีความเป็นส่วนตัวหรือความลับอะไรซ่อนไว้ที่บ้านหรอกเข้าไปในบ้านกับผมนะ”“ก็ได้ค่ะ”ในเมื่อเขาบริสุทธิ์ใจที่จะพาเธอเข้าบ้านปิ่นปินัทธ์ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ชายหนุ่มพาเธอมายังบ้านขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำซึ่งเป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ตอนนี้จะซื้อคอนโดอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยังแวะมาค้างที่นี่อยู่บ่อยๆเมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดยังบริเ
ตั้งแต่ไปดูหนังด้วยกันเมื่อครั้งก่อนปิ่นปินัทธ์และกรัณย์กรก็มีความสนิทสนมกันมากขึ้น ถ้าวันไหนชายหนุ่มไม่ขึ้นเวรก็จะหาเวลามาทานข้าวกับเธอและคุณยายที่บ้านส่วนเสาร์อาทิตย์ถ้าไม่มานั่งเล่นที่บ้านก็พากันออกไปเดินเล่นและซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าคุณยายละมัยรู้สึกสบายใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหมอกรัณย์กรนั้นคบกับหลานสาวของเธออย่างเปิดเผยและจะขออนุญาตทุกครั้งก่อนจะพาปิ่นปินัทธ์ออกจากบ้านตอนนี้ความรู้สึกที่ปิ่นปินัทธ์มีให้กับหมอกรัณย์กรนั้นมากอย่างที่ไม่เคยมีให้กับผู้ชายคนไหนมาก่อน เพราะหมอเป็นคนสุภาพมีเหตุผลถึงแม้เขาจะทำงานหนักมาก แต่คุณหมอหนุ่มก็ยังแบ่งเวลาโทรหาและไลน์หาเธอได้ทุกวัน มันทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงจากความชอบ ความชื่นชมตอนนี้เธอคิดว่าตนเองนั้นรักคุณหมอหนุ่มคนนี้อย่างสุดหัวใจเกือบสี่เดือนแล้วที่ทั้งสองรู้จักกันแต่ถ้านับเวลาคบกันเป็นแฟนก็ประมาณสองเดือนทั้งสองไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งหญิงสาวรู้ว่างานของเขายุ่งและไม่ค่อยมีเวลาเธอก็ไม่เคยงี่เง่าหรืองอแงให้เขาต้องมาอยู่ด้วย เหตุผลข้อนี้เลยทำให้คุณหมอหนุ่มเองก็รู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ได้คบกับคุณครูปิ่นปินัทธ์เพราะที่ผ่านมาเขาเจอแต่ผู้ห
เมื่อมาถึงบริเวณห้องจัดเลี้ยงซึ่งตอนนี้มีเพื่อนของปิ่นปินัทธ์เข้ามาในงานแล้วประมาณสิบกว่าคนกว่าคนจากจำนวนที่ตกลงจะมางานเลี้ยงสามสิบคนปิ่นปินัทธ์พาหมอกรัณย์กรเขาไปแนะนำกับเพื่อนสนิทของเธอที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ประมาณห้าคนจากนั้นเขาก็ขอตัวออกมานอนพักเพราะเข้าเวรติดๆ กันมาหลายวัน“แฟนของปิ่นหล่อมากๆ ไปหามาจากที่ไหน”เพื่อนคนหนึ่งถาม“ไม่ได้ไปหาที่ไหนหรอกแค่บังเอิญเจอกันที่โรงพยาบาล”“ทำไมโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้โรงเรียนเราไม่มีหมอหล่อๆ บ้างนะ นะถ้ามีหมอเราจะพาเด็กนักเรียนไปหาหมอทุกวันเลย”“นั่นสิใกล้โรงเรียนของเราก็ไม่มีหมอหล่อเลย”“ที่โรงพยาบาลใกล้โรงเรียนเราก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่จะไม่โสดเลย สงสัยต้องหาทางย้ายโรงเรียนไปอยู่ใกล้โรงพยาบาลที่มีหมอหล่อๆ บ้างแล้วล่ะ” เพื่อนอีกคนก็พูดแซวขึ้นมาปิ่นปินัทธ์ไม่ได้ตอบอะไรเธอได้แต่ยิ้มเพราะทุกครั้งที่มางานเลี้ยงรุ่นแบบนี้หญิงสาวก็มันจะฟังเพื่อนคุยกันมากกว่า ถึงแม้ว่าตนเองจะเป็นคนคุยเก่งแต่เวลาอยู่กับเพื่อนหลายๆ คนแบบนี้ปิ่นปินัทธ์ก็มักจะคุยไม่ทันคนอื่น หญิงสาวจึงเลือกที่จะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องที่เพื่อนเล่ามากกว่า“เราว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่เลยนะปิ่น อ
หญิงสาวยิ้มก่อนจะตอบความรู้สึกของตนเองออกมา“ปิ่นก็รักหมอค่ะ”“ดีใจจังที่ได้ยินคำนี้จากปิ่น” คุณหมอหนุ่มขยับเข้ามาใกล้แล้วกอดเธอไว้ด้วยความดีใจที่ได้ยินคำบอกรักจากปากของหญิงสาว“หมอปล่อยปิ่นได้แล้วค่ะ”“ปล่อยทำไม รักกันก็ต้องกอดกันหรือปิ่นรังเกียจผม”“ปิ่นไม่ได้รังเกียจหมอ แต่ปิ่นง่วง”“ผมว่าปิ่นไม่ง่วงหรอก ตอนนี้หัวใจกำลังเต้นแรงมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ”ปิ่นปินัทธ์เถียงไม่ออกเพราะตอนนี้ใจเธอเต้นแรงมากๆ และรู้สึกว่าเขาก็คงไม่ต่างจากเธอ“ถึงปิ่นไม่ใช่หมอแต่ปิ่นก็รู้ว่าตอนนี้หมอก็ใจเต้นแรงเหมือนกันใช่ไหม”“ผมยอมรับว่าผมใจเต้นแรงเพราะอยู่ใกล้ปิ่น มันเต้นแรงแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอปิ่น”ชายหนุ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะจูบไปบนหน้าผากของเธอแล้วกดจมูกลงบนแก้มเนียน“ผมรักปิ่น ปิ่นก็รักผม มันคงไม่ผิดใช่ไหมถ้าคนรักกันจะใกล้ชิดกันมากขึ้น”คำพูดของคุณหมอหนุ่มเหมือนกับมนต์สะกดทำให้ปิ่นปินัทธ์ตกลงไปในหลุมพรางที่เขาขุดขึ้น เขาก้มใบหน้าใกล้แล้วกดริมฝีปากหยักได้รูปลงบนริมฝีปากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ปากร้อนแทะเล็มบนริมฝีปากเล็ก ละเมียดละไมชิมความหวานหลอกล่อคนอ่อนประสบการณ์ให้เผยอปากออกมาทีละนิด เมื่อพยายา
กรัณย์กรไม่รอฟังคำตอบ ความต้องการทำให้เขาไม่อาจจะทนได้อีกต่อไปแล้ว กลิ่นกายของหญิงสาวมันกระตุ้นความต้องการของเขาจนยากที่จะหักห้ามเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดรึงเป็นพัลวันขณะที่มือใหญ่แท่งเนื้อแข็งร้อนลากขึ้นลงกลางกลีบสวย“อื้อ...”หญิงสาวครางกระเส่าเมื่อเขากดท่อนเอ็นร้อนลงบนเกสรเสียวแล้วถูความแข็งร้อนไปลากไปบนกลีบสวย มือใหญ่จับเข่ามนให้แยกออกกว้างมากยิ่งขึ้น“อ๊ะ! ปิ่นเจ็บ”ปิ่นปินัทธ์สะดุ้งเมื่อเขากดปลายท่อนเอ็นร้อนเข้ามากลางกายของเธอจนรู้สึกคับแน่น“นิดเดียวนะปิ่น หายใจเข้าลึกๆ นะปิ่น อย่าเกร็งมันจะไม่เจ็บเชื่อผม”กรัณย์กรก็ปลอบประโลมเธอด้วยจูบที่อ่อนหวานพร้อมกับขบเม้มไปตามลำคอ สองมือฟอนเฟ้นเต้าอวบหลอกล่อให้เธอตกลงมาในกองเพลิงพิศวาสอีกครั้งขณะที่กดตัวตนเข้าไปได้เพียงนิดก็รู้สึกถึงแรงตอดรัด“อย่าเพิ่งตอดสิปิ่นใจเย็น”“หมอคะปิ่นเจ็บ”“เดี๋ยวจะดีขึ้นเชื่อผมที่รัก”นาทีนี้ไม่ว่าอะไรก็หยุดความต้องการของกรัณย์กรไม่ได้ เขากัดกรามแน่นเมื่อถูกความเป็นสาวตอกรัดแท่งร้อนทั้งที่เข้าไปได้แค่ส่วนปลาย“อื้อ..หมอ”“นิดเดียวปิ่น”ชายหนุ่มก็กดตัวตนเข้าไปพรวดเดียวจนมันทะลุผ่านเยื่อบางๆ หญิงสาวกรีดร้องด้ว
ความสัมพันธ์ที่มันเกิดขึ้นเกิดจากความรักและความเต็มใจปิ่นปินัทธ์ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ตนเองนอนกับกรัณย์กรเพราะรู้ว่าวันในวันหนึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นหญิงสาวกลับมาทำงานตามปกติกรัณย์กรเองก็โทรศัพท์หาเธออย่างสม่ำเสมอวันเสาร์จะเป็นวันที่พวกเขารอคอยจะได้เจอกันแต่ก็ไม่ได้พากันไปค้างที่อื่นเพราะกรัณย์กรจะมาขลุกอยู่ที่บ้านของหญิงสาว เขานั่งดูทีวีกับยายของเธอโดยไม่รู้สึกเบื่อแต่กลับรู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาจะต้องกลับไปเรียนต่อที่กรุงเทพแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดเรื่องนี้กับปิ่นปินัทธ์ยังไงดี เขากลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจแต่เวลามันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ วันนี้กรัณย์กรเลยตัดสินใจจะบอกหญิงสาวและคุณยายเรื่องที่จะต้องก็ไปเรียนต่อเฉพาะทางอีกหลายปีหลังทานอาหารค่ำเสร็จ กรัณย์กรก็มานั่งในห้องรับแขกสีหน้าของเขาค่อนข้างเครียดทำให้ปิ่นปินัทธ์พอจะมองออกมอง“เป็นอะไรหรือเปล่าคะหมอ ทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”“ผมมีเรื่องอะไรจะบอกคุณยายกับปิ่นครับ”“เรื่องอะไรล่ะ”“คือเดือนหน้าผมต้องไปเรียนต่อเฉพาะทาง”“ไอ้เรียนต่อเฉพาะทางเนี่ยมันคือยังไงล่ะ ยายไม่เข้าใจหรอกนะ หมอรัณย์”“คืนต
สองเดือนแล้วที่กรัณย์กรเข้ามาเรียนในกรุงเทพชายหนุ่มยังคงแบ่งเวลาโทรหาปิ่นปินัทธ์อยู่ทุกวันแต่ก็ไม่ได้คุยกันนานเพราะเขาต้องทบทวนเรื่องที่ตัวเองเรียนมาส่วนเธอก็มีงานที่จะต้องเร่งทำ“วันนี้เหนื่อยไหมคะ”“เหนื่อยมากเลยแต่พอได้ยินเสียงปิ่น ผมก็หายเหนื่อยนะ ปิ่นล่ะ ทำงานไปถึงไหนแล้ว”“ปิ่นกำลังเตรียมเอกสารประเมินอยู่ค่ะ”“ผมคิดว่าเป็นครูเรียนจบแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ”“ก็ไม่ต้องทำอะไรต่อมันก็ไม่ได้เป็นการพัฒนาตัวเองสิคะ ปิ่นต้องทำแบบประเมินเพื่อเลื่อนขั้นค่ะก็เหมือนกับหมอไงคะที่ต้องไปเรียนต่อ”“ปิ่นคงเหนื่อยมาก”“เหนื่อยค่ะแต่เหนื่อยไม่เท่าหมอหรอกนะคะ”“วันอาทิตย์หน้าผมจะไปหาปิ่นที่สุพรรณนะ ปิ่นอยากได้อะไรที่กรุงเทพไหม”“ไม่เป็นไรค่ะแค่บอกว่าจะมาหาปิ่นก็ดีใจแล้ว หมอจะมาค้างไหมคุณยายเคยบอกว่าถ้าหมอจะมาค้างที่นี่ก็ได้ แต่ต้องบอกก่อนเพราะจะได้เตรียมห้องนอนให้ค่ะ”“ผมค้างที่บ้านของปิ่นได้เหรอ”“ค่ะ อยากมาค้างไหมล่ะ”“ครับ สงสัยผมคงต้องเปลี่ยนแผนแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะออกจากกรุงเทพแต่เช้าและไปขอข้าวเที่ยงคุณยายกิน เย็นๆก็กลับ ถ้าอย่างนั้นผมเปลี่ยนใจไปตั้งแต่ตอนเย็นวันเสาร์ได้ไหม จะได้ไม่ต้องขับรถเหนื
เมื่อดูละครจบคุณยายก็เข้าไปนอน ตอนนี้ในห้องรับแขกเลยเหลือแค่กรัณย์กรกับปิ่นปินัทธ์เพียงสองคนเท่านั้น ชายใช้หนุ่มล้มตัวลงนอนบนตักของคนรักแล้วเงยหน้าขึ้นมามอง เขาเหนื่อยมากกับการทำงานแต่พอได้กลับมาเจอคนรักมันก็ทำให้เขาหายเหนื่อย“ง่วงก็เข้าไปนอนในห้องสิคะหมอ”“ขอนอนหนุนตักเป็นแบบนี้ก่อนนะ ไม่รู้ว่าอีกกี่เดือนจะได้เจอกันอีกครั้ง ผมดูตารางแล้วค่อนข้างหนักเอาการเลยแหละ”“ไหวไหมคะ เหนื่อยหรือเปล่า” หญิงสาวไล้นิ้วไปบนใบหน้าและสันกรามที่เด่นชัดมากขึ้นเพราะเขาผอมลงอย่างเห็นได้ชัด“เหนื่อยครับ ผมว่ามันเหนื่อยกว่าตอนเรียนหมออีกนะบางครั้งผมก็อยากจะถอยเหมือนกันอยากเป็นแค่หมอทั่วไปตรวจโรคทั่วไปจากการเป็นหมอหัวใจมันก็เป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งผมตั้งใจที่อยากจะเรียนด้านนี้มากๆ”“ปิ่นรู้ว่าหมอรัณย์ของปิ่นเก่งมาก ปิ่นเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ปิ่นเป็นกำลังใจให้หมอนะคะ”“ผมดีใจที่ปิ่นเข้าใจและเป็นกำลังใจให้ผมนะ ผมสัญญาว่าจะรีบเรียนจบให้เร็วที่สุดแล้วเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนะ”“ถ้าเรียนจบกลับมาหมอก็คงต้องทำงานหนักอย่างเดิมใช่ไหมล่ะ แล้วเราจะมีเวลาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”“ถ้าเรียนจบกลับมาเป็นแพทย์
วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคุณยายละมัยหนึ่งปี กรัณย์กรพาปิ่นปินัทธ์มาทำบุญให้คุณยายที่วัดกับญาติคนอื่นๆตอนนี้สถานะของทั้งสองคนคือคนที่กำลังศึกษากันอยู่ปิ่นปินัทธ์ไม่ใช้คำว่าแฟนหรือคนรักกับกรัณย์กรเพราะเธอกลัวว่าเหตุการณ์แบบเดิมจะกลับมาอีก แต่ชายหนุ่มก็พยายามจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าตอนนี้เขาสามารถบาลานซ์เรื่องงานและเรื่องการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวตลอดเวลาที่ยายของหญิงสาวป่วยและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูเกือบหนึ่งเดือน กรัณย์กรคอยดูแลเธออีกทั้งยังคอยช่วยดูแลคุณยายจนคุณลุงกับคุณป้าเห็นใจชายหนุ่มมากๆ และบอกให้ปิ่นปินัทธ์เปิดใจเพราะรู้สึกว่ากรัณย์กรจะจริงใจกับหลานสาวของตนเองมากหลังจากทำบุญให้กับคุณยายแล้วทุกคนก็มาทานข้าวกันที่บ้านของป้าก่อนจะแยกย้ายกันกลับ ส่วนกรัณย์และปิ่นปินัทธ์ยังอยู่ต่อเพราะป้าสาขอคุยกับชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวส่วน“ป้าสามีอะไรกับผมครับ”“ป้าอยากจะถามว่าหมอรัณย์จริงใจกับปิ่นมากใช่ไหม”“ใช่ครับ ความรักครั้งนี้ผมจริงจังมาก ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าตัวเองแบ่งเวลาไม่ดีทำให้ปิ่นต้องเสียใจ ผมทำให้เป็นรอนานถึงห้าปีแล้วถึงตอนนี้ถ้าปิ่นจะให้ผมรอนานแบบนั้นมั่งมันก็ไม่มีปัญหาเลย”“ป้า
ตลอดทั้งคืนปิ่นปินัทธ์นั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องไอซียูโดยมีกรัณย์กรนั่งอยู่ข้างๆกรัณย์กรเดินเข้าไปดูคุณยายเกือบจะทุกชั่วโมงอาการของท่านยังคงที่แต่ดูแล้วไม่ค่อยดีเท่าไหร่เขาไม่รู้จะพูดกับปิ่นปินัทธ์ไงว่าอาการของคุณยายเธอมันค่อนข้างหนักการจะให้คุณยายกลับมาหายดีมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ชายหนุ่มเดินเข้าออกห้องไอซียูอยู่หลายรอบจนกระทั่งเผลอหลับในเวลาตีสี่และตกใจตื่นในเวลาเกือบจะหกโมงเช้า“ผมว่าปิ่นกลับไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาก่อนดีกว่าไหม ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอก”“อาการของคุณยายเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวรู้ว่าเขาเดินเข้าออกอยู่หลายหลายครั้ง“ก็ยังคงที่ครับวันนี้อาจจะต้องตรวจหลายหลายอย่างเพิ่ม ผมไม่ได้เป็นหมอที่ดูแลเคสของยายหรอกนะครับ ผมให้รุ่นพี่อีกท่านเป็นคนช่วยดูให้”“ทำไมละคะ”“เมื่อวานเป็นเวรของเขาครับ อีกอย่างการรักษาคนรู้จักหรือคนใกล้ชิดมันจะค่อนข้างกดดันเพราะเราจะเอาอารมณ์เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย มันจะทำให้การตัดสินใจบางอย่างคลาดเคลื่อนได้ อีกอย่างผมก็อยากจะช่วยประสานงานให้มากกว่า”“ขอบคุณนะคะ ถ้าเมื่อคืนไม่ได้คุณคงแย่”“ไม่หรอกครับ หมอและพยาบาลรวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นทำงานกันอย่างเต
“เกิดอะไรขึ้นเหรอปิ่น” กรัณย์กรถามหลังจากเธอวางสายและดูท่าทางรีบร้อน“ป้าสาโทรมาบอกว่าคุณยายเหนื่อยมากและเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกเลยกำลังพาไปโรงพยาบาลค่ะ”“โรงพยาบาลที่ทำงานใช่ไหม ปิ่นไปกับผมนะน่าจะไวกว่า”นาทีนี้หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรอีกแล้วเพราะอยากจะรีบไปหายายให้เร็วที่สุด“ทำใจดีๆ ไว้นะปิ่นไม่น่าจะเป็นอะไรมากหรอก เมื่อตอนกลางวันผมคุยกับคุณยายท่านก็ดูปกติดี แต่ระหว่างทางเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”“หมอจะถามอะไรคะ”“ผมจะถามว่าช่วงนี้ยายมีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า หรือมีโรคประจำตัวอะไรไหม”“ไม่มีค่ะยายแข็งแรงดี”“แล้วในครอบครัวล่ะมีเป็นโรคอะไรไหม เช่นเบาหวาน ความดันหัวใจหรือโรคมะเร็ง”“ปิ่นรู้แค่ป้าสาเป็นความดันโลหิตสูงค่ะ ส่วนเบาหวานไม่เคยได้ยินว่าใครเป็น”“ปิ่นลองนึกหน่อยนะว่าช่วงนี้ยายร่างกายเป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติไหม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้” กรัณย์กรไม่อยากเสียเวลาไปซักประวัติคุณยายที่โรงพยาบาล“ยายเป็นหวัดค่ะ”“แล้วได้กินยาอะไรไหม”“ไม่ค่ะ ยายแค่ไอแห้งๆ ปิ่นจะพาไปหาหมอยายก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่จิบน้ำอุ่นก็น่าจะหาย”“แล้วมีอย่างอื่นไหม มีไข้หรือเปล่า”“
“เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยสิปิ่น”“เป็นเราคุยกันแล้วนี่คะ ว่าหมอจะมาเฉพาะเวลาราชการเท่านั้นนี่มันค่ำแล้วนะ ที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่หมอกลับไปก่อนเถอะค่ะถ้าอยากจะมาหาคุณยายค่อยมาเวลากลางวัน”“แต่ผมอยากคุยกับปิ่นจริงๆ นะผมคุยกับคุณยายแล้วคุณยายอนุญาตให้ผมมาหาคุณได้”“หมายความว่ายังไงคะ”“ขอเข้าไปคุยกันข้างในได้มั้ย ยืนคุยอยู่แบบนี้คนอื่นมาเห็นคงไม่ดีเท่าไหร่”“มันไม่ดีทั้งแต่หมอเข้าออกบ้านของปิ่นห้าปีก่อนแล้วล่ะค่ะ”“ปิ่นอย่าพึ่งโมโหสิ ถ้าปิ่นไม่ให้ผมเข้าไปผมก็จะยืนอยู่แบบนี้แหละแล้วผมจะบีบแต่รถให้ชาวบ้านเขาออกมาดูด้วย”“ทำไมหมอเป็นคนเข้าใจอะไรจะยากแบบนี้นะ”“ผมเข้าใจยากที่ไหน ปิ่นต่างหากที่เข้าใจยาก เปิดประตูให้ผมเข้าไปหน่อยนะปิ่น”เพราะกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงๆปิ่นปินัทธ์เลยยอมเปิดประตูให้จากนั้นหญิงสาวเดินนำเขามายังห้องรับแขก“เอาล่ะคะจะพูดอะไรก็พูดปิ่นมีเวลาให้คุณไม่มากหรอกนะปิ่นยังต้องทำใบงานอีกเยอะ”“ให้ผมช่วยทำไหมล่ะ”“ปิ่นไม่รบกวนเวลาคุณหมอขนาดนั้นหรอกค่ะ เวลาทุกนาทีของหมอมันมีค่าอย่าเสียเวลามาทำใบงานเล็กๆ น้อยๆ เลย”“ปิ่นอย่าพึ่งประชดได้ไหม”“หมอจะพูดอะไรก็พูดสิคะ”“ผมอยากขอโอ
หลังจากไปเยี่ยมคุณยายของปิ่นปินัทธ์ที่บ้านแล้วกรัณย์กรก็รู้สึกว่าแปลกๆ เพราะที่บ้านของหญิงสาวไม่มีของเล่นเด็กเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าเด็กชายที่เขาเห็นเมื่อวันก่อนเป็นลูกของหญิงสาวจริงๆในบ้านหลังนั้นก็น่าจะต้องมีของเล่นสักชิ้นหนึ่งและดูเหมือนยายละมัยก็ไม่ได้บอกเขาว่าปิ่นปินัทธ์แต่งงานแล้วความจริงข้อนี้กรัณย์กรต้องหาทางพิสูจน์เพราะเขารู้ใจตัวเองแล้วว่ายังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับปิ่นปินัทธ์และจะต้องพยายามเอาชนะใจของเธออีกครั้งครั้งนี้เขาจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพราะรักเธอมาก การห่างกันไปนานหลายปีไม่ได้ทำให้ความรักที่เขามีให้กับปิ่นปินัทธ์ลดน้อยลงเลย และตอนนี้เขาอยากขอโทษเธอที่ตนเองเห็นแก่ตัวเห็นงานสำคัญกว่าความรู้สึกของหญิงสาว แต่ตอนนี้เขาคิดว่าตัวเองจะมีเวลาให้เธอมากขึ้นกรัณย์กรอยากจะกลับมาคบกันปิ่นปินัทธ์อีกครั้งหนึ่ง เขาจะชดเชยเวลาทั้งหมดให้กับหญิงสาว การมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้กรัณย์กรไม่ต้องอยู่เวรตลอด 24 ชั่วโมงเขาออกตรวจภายแผนกโอพีดี ราวน์คนไข้ และจะมีนัดคนไข้มาผ่าตัดหรือสวนหัวใจและทุกอย่างก็จะลงเวลานัดหมายเพราะการผ่าตัดประเภทนี้ต้องใช้เจ้าหน้าที่หลายแผนก อีกทั้งห้องผ่าตัดและห้องสวนห
ปิ่นปินัทธ์ไม่ได้บอกยายของตนเองว่าเจอกับกรัณย์กรเพราะกลัวว่าคุณยายจะไม่สบายใจและหญิงสาวก็คิดว่าเขาไม่มีมีทางจะมาหาคุณยายอย่างที่บอกกับเธอแน่ๆแต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิดเพราะเย็นวันหนึ่งหลังจากเธอกลับมาจากโรงเรียนก็เห็นบริเวณห้องรับแขกมีกระเช้าผลไม้และนมสำหรับผู้สูงอายุวางอยู่“คุณยายไปซื้อของพวกนี้มาเหรอคะ”“เปล่าหรอกลูกวันนี้มีคนแวะมาเยี่ยมยาย”“ใช่พี่ทศกับพี่แพรหรือเปล่าคะ พี่ทศบอกว่าก่อนจะกรุงเทพจะแวะมาหาคุณยายอีกครั้งหนึ่ง”“ทศเขาแวะมาจริงๆ นั่นแหละแต่ของพวกนี้ไม่ใช่ของทศหรอกนะลูก”“อ้าว....แล้วของใครล่ะคะคุณยาย”“ปิ่นลองเดาดูสิว่าวันนี้มีใครมาหายาย”“ปิ่นเดาไม่ถูกหรอกค่ะยายบอกปิ่นมาเถอะค่ะ”“วันนี้หมอรัณย์เขามาหายายที่นี่”“อะไรนะคะ เขามาหายายจริงๆ เหรอคะ”“ปิ่นรู้ใช่ไหมว่าเขาจะมาหายาย”“ค่ะยาย ปิ่นบังเอิญเจอเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แล้วเขาบอกว่าจะแวะมาหาคุณยายแต่ปิ่นไม่ได้บอกยายเพราะคิดว่ายังไงเขาก็คงไม่มาเวลาทำงานแน่ๆ”“เขามาหายายตอนเที่ยงจ้ะ”“ยายคุยอะไรกับเขาบ้างบอกเรื่องปิ่นไปหรือเปล่า”“ก็คุยเรื่องทั่วไป ยายไม่ได้บอกเรื่องอบปิ่นหรอกนะ ยายรู้ว่าปิ่นอยากให้เรื่องนี้มันเป็นความลับ”
หลังจากดูบ้านเสร็จแล้วกรัณย์กรกับมารดาและลดาพรก็มาอย่างร้านอาหารแห่งหนึ่งในเวลาบ่าย เมื่อมาถึงเขาก็ให้มารดาและลดาพรเข้าไปสั่งอาหารก่อนส่วนเขาขอตัวมาเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านข้างของร้านอาหารขณะเดินออกมาจากห้องน้ำก็สะดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังอุ้มเด็กอยู่เด็กชายหน้าตาน่ารักส่งเสียงอ้อแอ้ทำให้เขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวเลย แต่ยิ่งใกล้หัวใจก็รู้สึกชาวาบเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันกลับมามองเขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับเธอที่นี่ผู้หญิงที่เขาคิดว่าจะกลับมาหาและเริ่มต้นกลับเธออีกครั้ง“หมอรัณย์” หญิงสาวตกใจมากที่เจอกับกรัณย์กรอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาสามปีกว่า“นี่สินะเหตุผลที่ทำให้คุณบอกเลิกผม”“หมอหมายถึงอะไร”“เร็วดีเหมือนกันนี่น่าจะเลิกกับผมได้ไม่นานก็ไปมีครอบครัวเลยใช่ไหม”ปิ่นปินัทธ์รู้สึกผิดหวังมากๆ กับคำทักทายที่ออกมาจากปากของคนที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจ หญิงสาวฝืนยิ้มให้เขาทั้งที่ภายในหัวใจเจ็บปวด“ค่ะ มันก็อย่างที่คุณเห็น”“ชีวิตคุณคงมีความสุขมากใช่มั้ย”“ค่ะ ฉันมีความสุขมากหวังว่าหมอคงมีความสุขมากเช่นกันนะคะ”“ใช่สิผมมีความสุขมาก ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วและกำลังจะกลับมาประจำอยู่ท
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้ากว่าจะจบวันกรัณย์กรก็แทบสลบชายหนุ่มเรียนและทำงานอย่างหนักและไม่ได้ติดต่อกับ ปิ่นปินัทธ์อีกเลยตั้งแต่วันที่เธอโทรมายุติความสัมพันธ์ เพราะคิดว่าโทรไปก็จะต้องทะเลาะกันกรัณย์กรและลดาพรก็มีความสนิทสนมกันมากขึ้นแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากเกินกว่าเพื่อนเพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีใครแล้วเธอไม่มีใครทั้งสองก็เลยไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดตอนนี้กรัณย์กรเรียนจบแล้วและเย็นนี้เขาก็ชวนลดาพรมาทานอาหารเย็นที่บ้าน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมาหญิงสาวก็มักจะมาทานข้าวกับเขาและมารดาบ่อยๆ“จบแล้วรัณย์จะกลับไปทำงานที่สุพรรณบุรีเลยใช่ไหม”“ผมต้องกลับไปใช้ทุนน่ะแล้วอ้อมล่ะ”“อ้อมสมัครงานที่โรงพยาบาลเอกชนไว้แล้ว รัณย์น่าจะมาทำเอกชนนะรายได้น่าจะดีกว่า มาทำวันหยุดก็ได้”“เรื่องนั้นค่อยคิดทีหลังผมอยากหาประสบการณ์ให้มากกว่านี้ก่อนน่ะ”“อยากกลับไปเป็นหมอที่นั่นหรือจะกลับไปคืนดีกับแฟน”“ผมกับปิ่นไม่ได้ติดต่อกันมาเกือบสามปีแล้วครับแม่ แม่ไม่ต้องห่วงว่าผมจะกลับไปคุยกับเธออีก”“มันก็ไม่แน่นะ ลูกได้กลับไปอยู่ใกล้กันความรู้สึกเดิมๆ มันจะกลับมา”“ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะครับแม่ ผมไปครั้ง
“หมอรัณย์เขายุ่งมากเลยเหรอปิ่น ขนาดหนูเข้าโรงพยาบาลหลายวันเขายังไม่มาเยี่ยมเลย”“อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะยาย”“ทำไมล่ะทะเลาะกันเหรอ”“ปิ่นคิดว่าปิ่นกับเขาคงไม่เหมาะกัน”“เกิดอะไรขึ้น ปิ่นเล่าให้ยายฟังสิ ยายว่ามันแปลกนะ เรื่องที่หนูท้องเขารู้หรือเปล่า”“ไม่รู้ค่ะ”“ปิ่นไม่ได้บอกเขาเหรอ”“ปิ่นก็อยากบอกเขาค่ะ ปิ่นพยายามโทรหาเขาหลายครั้งแล้วแต่เขาไม่มีเวลาคุยกับปิ่น”“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกเขาใช่ไหม”“ค่ะยายเลย คืนนั้นที่ปิ่นปวดท้องมากเลยต้องตัดสินใจว่าจะรักษาแบบไหนปิ่นโทรหาแต่เขาก็ไม่รับปิ่นเลยคิดว่าปิ่นกับเขามันคงจบกันแค่นี้”“หนูใช้อารมณ์เกินไปหรือเปล่า”“ปิ่นยอมรับว่าใช่อารมณ์เกินไป แต่ในเวลาที่ปิ่นต้องการคำปรึกษาแล้วปิ่นปรึกษาเขาไม่ได้ กว่าเขาจะโทรกลับมาอีกครั้งก็บ่าย ปิ่นคิดว่ามีแฟนแล้วพึ่งพาไม่ได้แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการเป็นโสดเพราะฉะนั้นปิ่นจะมีแฟนไปทำไงคะยาย”“ลองคุยกันอีกทีตอนที่ใจเย็นดีไหม”“ไม่ค่ะ”“แล้วหนูจะเลิกกันเขาจริงเหรอ”“ค่ะยาย เขายุ่งก็ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป ปิ่นก็อยู่แบบนี้ดีกว่าค่ะยาย”“ยายคิดว่าหนูโชคร้ายมากเลยที่ท้องนอกมดลูกแล้วต้องเอาเด็กออก แต่พอถึงวันนี้ยายค