ลงจากเครื่องนิโคไลก็พาว่าที่เจ้าสาวของเขามายังบ้านของตนเอง ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่พัณณ์ชิตามาที่นี่ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้มาในฐานะหมอแต่เธอมาในฐานะของว่าที่ลูกสะใภ้ ทุกคนในบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่น หลังทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ทุกคนก็พากันมานั่งคุยที่ห้องรับแขก “แม่ดีใจนะที่ได้หนูพั้นช์มาเป็นสะใภ้ แล้วหนูจะให้แม่ไปคุยกับที่บ้านเมื่อไหร่ล่ะลูก” มารดาของนิโคไลถามเพราะเธออยากให้ทั้งสองรีบแต่งงานกันให้เร็วที่สุด แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองเดือนแต่นิชาภาก็มองออกว่าพัณณ์ชิตานั้นเป็นคนดีและเหมาะสมกับลูกชายของตนเองมากกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านเข้ามา เธอมองแววตาลูกชายที่มองคุณหมอคนสวยแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้นิโคไลนั้นรักพัณณ์ชิตามากแค่ไหน มันต่างจากสายตาที่เขาเคยมองภรรยาคนก่อนอย่างชัดเจน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองคนรีบแต่งงานเพราะเธออยากจะอุ้มหลานเพิ่มอีกคน “พั้นช์ยังไม่ได้คุยกับทางบ้านเรื่องนี้เลยค่ะคุณป้า” “หนูต้องเรียกว่าแม่สิถึงจะถูก” “ค่ะคุณแม่” “มีแฟนทางนี้แล้วบริษัทที่นั่นล่ะ พ่อว่าขายหุ้นไปเถอะ พ่อกำลังอยากได้คนมาช่วยพอดี”
พัณณ์ชิตาตรวจคนไข้เสร็จในเวลาเที่ยงตรงพอดี เธอบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจว่าบ่ายนี้อาจจะเข้ามาช้าสักหน่อย แต่ถ้ามีคนไข้ด่วนก็ให้โทรตามหญิงสาวเดินลงมายังลานจอดรถก็รีบขึ้นไปนั่ง ก่อนจะบอกให้นิโคไลตรงไปยังร้านอาหารที่เธอนัดกับพี่สะใภ้ไว้เธออยากไปเจอกับรุจิรัตน์คนเดียว แต่พอนิโคไลรู้เขาก็อาสาจะไปด้วย เพราะชายหนุ่มอยากช่วยเธอพูดกับครอบครัว“สวัสดีค่ะพี่จิ รอนานไหมคะ”“ไม่นานค่ะ พี่สั่งอาหารให้น้องพั้นช์แล้วนะคะ” รุจิรัตน์ตอบน้องสามี แต่สายตามองไปยังผู้ชายที่เดินตามหลังมาด้วยความสงสัย “ขอบคุณค่ะ พี่จิคะ พั้นช์มีคนจะแนะนำให้รู้จักค่ะ”เมื่อแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแล้วพัณณ์ชิตาก็สั่งอาหารให้นิโคไลในระหว่างที่รออาหารเธอก็เริ่มพูดถึงเรื่องสำคัญที่นัดออกมาคุย“พี่จิว่ามันเร็วไปไหมคะ”“ไม่หรอกค่ะ พั้นช์ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว พี่ว่าทุกคนจะเชื่อในการตัดสินใจของพั้นช์”“แต่พั้นช์ไม่รู้จะเริ่มพูดกับพ่อแม่ยังไง ไหนจะพี่เพชรอีก”“พี่จะช่วยพูดกับพี่เพชรเอง แล้ววันเสาร์บ่ายพั้นช์ค่อยเข้าไปคุยกับทุกคนที่บ้าน”“เสาร์นี้เลยเหรอคะ”“ใช่สิ พั้นช์จะรออะไรล่ะ”“ผมเห็นด้วยกับคุณจินะครับ พั้นช์ไปคุ
“ทำไมวันนี้ลูกสาวแม่ถึงดูตื่นเต้นขนาดนั้นล่ะ ยังไม่ถึงเวลานัดเลย” คุณชนิตาแซวลูกสาวที่เดินไปเดินมาอีกทั้งยังชะเง้อคอยาวมองไปนอกบ้านทั้งที่ขณะนี้เพิ่งจะสิบโมงครึ่ง “แม่คะ พั้นช์กลัวว่าพ่อกับพี่เพชรจะไม่โอเค” “อย่ากังวลไปเลย แม่เชื่อว่าลูกสาวแม่ฉลาดคบคน” “แต่ดูพ่อกับพี่เพชรสิคะ เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงานไม่เห็นจะออกมาต้อนรับเลย” “ก็มันยังไม่ถึงเวลานี่ลูก เขานัดเราสิบเอ็ดโมงนะอีกตั้งครึ่งชั่วโมง” “แม่ว่าพั้นช์โทรถามดีไหมว่าเขาถึงไหนแล้ว” “อย่าเชียวนะ มันดูไม่ดีเลย เขานัดแล้วเขาต้องมาตามนัด ถ้าครั้งแรกเขาผิดนัดก็ยากที่จะมีครั้งต่อไป” ที่พัณณ์ชิตาดูร้อนใจกว่าปกติเพราะพี่สะใภ้ของเธอบอกว่าหลังจากพชรรู้เรื่องเขาก็ให้คนสืบประวัติครอบครัวนั้นอย่างละเอียด หญิงสาวเลยกลัวว่าบิดาที่เป็นอดีตนายตำรวจกับพี่ชายที่เป็นตำรวจจะไม่ชอบมาเฟียหนุ่มแฟนของตน “มากันแล้วค่ะคุณผู้หญิง” เด็กรับใช้รีบวิ่งมาบอกเมื่อเห็นรถตู้คันหนึ่งแล่นมาหน้าบ้าน พูดจบสาวใช้ก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว “หนูออกไปต้อนรับนะ แม
กำหนดการแต่งงานจะมีขึ้นในอีกหกเดือนข้างหน้าตามที่ชินแสให้ฤกษ์มาแม้จะเร็วกว่าที่คิดแต่พัณณ์ชิตาก็ยอมเพราะคิดว่าตนเองคงจะเตรียมตัวทันพัณณ์ชิตาไม่อยากเสียเวลามากจึงใช้บริการบริษัทเวดดิ้งแพลนเนอร์ซึ่งตอนนี้ก็ได้สถานที่จัดงานและแบบการ์ดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็แต่ชุดแต่งงานที่สั่งตัดขึ้นเป็นพิเศษ แต่ก็คิดว่าจะเรียบร้อยก่อนวันงานหนึ่งเดือน ส่วนเรือนหอนั้นสร้างในรั้วเดียวกับบ้านบิดามารดาของแฟนหนุ่ม แต่คาดว่าน่าจะเสร็จไม่ทันซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะนิโคไลได้ซื้อเพนท์เฮาส์ไว้อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและเขาก็ใช้เวลาเกือบเดือนในการอ้อนให้พัณณ์ชิตาย้ายมาอยู่กับตนเองเพนท์เฮาส์ขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำและมีห้องทำงานขนาใหญ่ซึ่งมีประตูทางเข้าแยกกับส่วนที่พักอาศัยทำให้เวลาเขาสามารถนัดให้ลูกน้องมาคุยได้โดยไม่รบกวนพัณณ์ชิตา“นิคคะ อาทิตย์นี่พั้นช์ขอขับรถไปทำงานเองได้ไหมคะ”“ทำไมล่ะ”“พั้นช์มีคนไข้ที่ครบกำหนดคลอดใกล้ๆ กันหลายคนเลยค่ะคงไม่สะดวกแน่ถ้าต้องให้คุณไปรับไปส่งตลอด”“งานเยอะนั่นต้องให้ผมคอยรับส่งนะครับ” นิโคไลที่กำลังนั่งอ่านสัญญาซื้อขายหุ้นอยู่ก็รีบวางทุกอย่างในมือ แล้ว
พัณณ์ชิตากำลังจัดกระเป๋าเดินทางโดยมีนิโคไลนั่งช่วยอยู่ข้างๆ ส่วนตัวเขานั้นแทบไม่ต้องจัดอะไรมากเพราะของใช้ที่นู่นก็ยังมีอยู่“นิคคะ บัตรพั้นช์ก็มีทำไมต้องเอาบัตรของคุณให้ด้วยล่ะคะ” พัณณ์ชิตาถามคู่หมั้นเมื่อเขาส่งบัตรเครดิตของตัวเองให้กับเธอ“บัตรบางชนิดใช้ที่นั่นไม่ได้ครับ ผมว่าพั้นช์เอาบัตรผมไปใช้ดีกว่าส่วนเงินสดผมใส่กระเป๋าให้พั้นช์แล้วนะครับ”“แล้วทำยังไงพั้นช์ถึงจะใช้บัตรของตัวเองได้ละคะ”“ต้องสมัครบัตรอีกแบบครับ แต่ผมว่าเราไม่มีเวลาแล้ว พั้นช์ใช้ของผมนั่นแหละดีแล้ว”“คุณก็น่าจะบอกตั้งแต่แรก พั้นช์จะได้เตรียมตัว”“ผมไม่อยากให้พั้นช์เหนื่อย หลายวันมานี้คุณแทบไม่ได้นอนเลย แบบนี้จะมีแรงเที่ยวไหมครับ”“มีสิคะเดี๋ยวพั้นช์ไปนอนบนเครื่องก็ได้ ส่วนเรื่องเงินถ้ากลับมาพั้นช์จะใช้คืนนะคะ”“เงินผมก็เหมือนเงินพั้นช์ อยากใช้แค่ไหนก็ใช้ไปเถอะครับ อย่าคิดมากเลยนะ”“ถ้าพั้นช์ใช้เยอะอย่ามาบ่นทีหลังนะคะ”“ใครจะบ่นกันล่ะ ผมดีใจต่างหาถ้าพั้นช์ใช้เงินผมบ้าง ที่ผ่านมาพั้นช์ก็ไม่เคยใช้เงินผมเลยสักนิด ผมชักน้อยใจแล้วนะ”“พั้นช์เกรงใจนี่คะ คุณต้องจ่ายค่าสร้างบ้าน ค่าเพนท์เฮาส์อีกตั้งเยอะ”“ผมพอมี
นิโคไลพาคนรักเที่ยวในเมืองมอสโกมาสามวันติดๆ กัน วันนี้ทั้งสองคนเลยพักผ่อนที่บ้าน แต่ในช่วงบ่ายทั้งสองคนก็ไปยังโรงพยาบาลที่ภรรยาของเขาไปคลอดเมื่อเกือบห้าปีก่อน แฟ้มประวัติครั้งนั้นทางโรงพยาบาลเตรียมไว้รอแล้วเพราะก่อนหน้านั้นเขาให้ผู้ช่วยมาติดต่อไว้ล่วงหน้า ขณะที่กำลังจะกลับจากโรงพยาบาลก็บังเอิญเจอกับมาเรียมารดาของอดีตภรรยา “นิค คุณมาเยี่ยมมารีนาเหรอ” “เปล่า ผมมาทำธุระนิดหน่อย” “ฉันนึกว่าคุณมาเยี่ยมเธอเสียอีก” “เธอป่วยเป็นอะไรล่ะ” ถึงแม้จะเลิกกันไปแล้วแต่เขาก็ถามออกไปเพื่อมารยาท “เธอเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ถ้าคุณไม่รีบไปไหน ฉันก็อยากแวะไปเยี่ยมเธอหน่อย มารีนาอาจเหลือเวลาไม่นาน” “ก็ได้มาเรีย เธอพักห้องไหนล่ะ เดี๋ยวผมจะตามขึ้นไป” มาเรียบอกเลขที่ห้องพักให้อดีตลูกเขยแล้วตนเองก็รีบขึ้นไปหาลูกสาวที่นอนป่วยอยู่ที่นี่มานานหลายเดือน “พั้นช์ครับ” นิโคไลเดินมาหาพัณณ์ชิตาซึ่งเธอเดินเลี่ยงออกมาเพื่อให้เขาคุยได้อย่างสะดวก “คุณมีอะไรหรือเปล่านิค” หญิงสาวอยากถามว่าคนที่เขาคุยด้วย
กลับจากเที่ยวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นิโคไลก็มีเวลาจัดการกับธุระเรื่องบริษัทของตนเอง ส่วนพัณณ์ชิตาไม่ได้ตามไปที่บริษัทด้วย หญิงสาวพักผ่อนอยู่ที่บ้านตามลำพัง บ้านของนิโคไลเป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มาก เพราะเขาอยู่คนเดียว ในทุกๆ วันจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดจากนั้นก็จะกลับในเวลาเย็น วันนี้พัณณ์ชิตามีนัดดินเนอร์กับเขาที่ร้านอาหารในเวลาหนึ่งทุ่ม พอใกล้ถึงเวลานัดหญิงสาวจึงอาบน้ำแต่งตัวรอให้เขามารับ ชุดที่ใส่วันนี้เป็นเกาะอกสีแดงยาวถึงข้อเท้าแต่ผ่าทางด้านข้างถึงโคนขาสวย รองเท้าที่สวมก็เป็นรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วซึ่งทั้งหมดนี้นิโคไลเป็นคนให้ลูกน้องเอามาส่งที่บ่ายเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอเขาที่ห้องรับแขกและระหว่างนั้นชายหนุ่มก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี “พั้นช์ครับ ผมอาจจะไปถึงช้าหน่อยนะครับ คุณหิวหรือยัง” “ยังเลยค่ะ เมื่อตนบ่ายพั้นช์กินขนมไปแล้ว” “พั้นช์จะไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมผมถึงไปรับช้า” “ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณอยากบอกก็บอกเอง” “ทำไมพั้นช์ของผมถึงน่ารักแบบนี้นะ ผมจะไปเยี่ยมมารีนาครับ เมื่อกี
พัณณ์ชิตาปัดป่ายมือไปทั่วขณะที่อังเดรกำลังซุกไซร้ไปตามซอกคอนั่นยิ่งทำให้สติของเธอลงน้อยลงจนเกือบจะเป็นศูนย์ เธอโอบรอบลำตัวของอังเครมือไปทางด้านหลัง มือเล็กไปชนกับวัตถุแข็งเย็น หญิงสาวกัดฟันข่มความรู้สึกจากการปลุกเร้าก่อนจะดึงปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังออกมาปลดเซฟตี้ตามได้ฝึกมาจากพ่อและพี่ชาย จากนั้นก็ใช้แรงที่เหลือดันตัวเองออก แล้วจ่อปืนไปยังหน้าผากของอังเดรด้วยมือที่สั่นเทา “พั้นช์ว่าคุณอาถอยไปดีกว่านะคะ” เธอออกคำสั่งขณะที่กำลังถอยห่างจากเขาทีละนิด “ไม่เอาน่า ยังไงเธอก็หนีไม่รอดหรอก ไอ้ยาที่เธอกินลงไปนั้นยังไงก็ต้องให้คนช่วย” “แต่ต้องไม่ใช่คุณอาค่ะ เชื่อพั้นช์ ถอยออกไปก่อนที่พั้นช์จะลั่นไก” “เธอไม่กล้ายิงหรอก แค่นี้มือเธอก็สั่นไปหมดแล้ว” “ลองดูไหมล่ะ” “เธอคิดว่าแค่นี้จะขู่ฉันได้เหรอ” “ฉันไม่ได้ขู่ถ้าคุณเดินมาอีกก้าวเดียวฉันยิ่งแน่” อังเดรมองหญิงสาวที่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตนเอง เขาคิดว่ายังไงเธอก็คงไม่กล้ายิง เธอจะใช้ปืนเป็นหรือเปล่าเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ เขาก้าวเท้าไปหาเธออย่างไม่
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง
เมื่อเห็นคนรักเร่าร้อนและทำทุกอย่างไปตามอารมณ์ปรารถนานิโคไลก็ต้องปล่อยไปกายปล่อยใจไปตามอารมณ์ที่เธอส่งผ่าน หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำขณะบดเบียดโพรงอ่อนนุ่มเข้ากับความแข็งร้อนหมุนวน สะบัดส่ายไปมาทำเอาคนมากประสบการณ์อย่างเขาครางแทบไม่เป็นภาษา“สุดยอดพั้นช์ อ้าห์...ดีมาก...ที่รัก”เขามองคนรักที่ควบอยู่บนตัวเขาราวกับเป็นจ๊อกกี้สาว เธอกำลังพาตัวเองเข้าไปใกล้เส้นชัยทีละนิด นิโคไลเอื้อมมือไปฟอนเฟ้นเต้าอวบอย่างแรงจนเนื้อขาวนวลปลิ้นออกตามร่องนิ้ว ยิ่งเขากระตุ้นเธอก็ยิ่งควบเขาเร็วขึ้นราวกับจะบอกว่าเธอชอบกับการกระทำของเขามากแค่ไหน“นิคจ๋า จูบพั้นช์ได้ไหม”นิโคไลโน้มตัวคนรักลงมาบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนไปพายุตัณหาที่กำลังโหมกระหน่ำปลายลิ้นเกี่ยวกันอย่างไม่ลดละ เขากอดเธอจนหน้าอกนุ่มแนบกับแผงอกแกร่งรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของเธอที่ยังไม่ลดลงเลยสักนิด“ที่รักคุณจะถึงแล้ว...”เขารู้ด้วยสัญชาตญาณเพราะตอนนี้ผนังอ่อนนุ่มในกายของเธอกำลังตอดรัดแรงและถี่รัวจนท่อนเอ็นของเขาปวดร้าว ชายหนุ่มสวนสะโพกเข้าหาโพรงอ่อนนุ่มอย่างบ้าคลั่ง“นิคขา...อื้อ...อ้าส์...”พัณณ์ชิตากรีดร้องอย
พัณณ์ชิตาปัดป่ายมือไปทั่วขณะที่อังเดรกำลังซุกไซร้ไปตามซอกคอนั่นยิ่งทำให้สติของเธอลงน้อยลงจนเกือบจะเป็นศูนย์ เธอโอบรอบลำตัวของอังเครมือไปทางด้านหลัง มือเล็กไปชนกับวัตถุแข็งเย็น หญิงสาวกัดฟันข่มความรู้สึกจากการปลุกเร้าก่อนจะดึงปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังออกมาปลดเซฟตี้ตามได้ฝึกมาจากพ่อและพี่ชาย จากนั้นก็ใช้แรงที่เหลือดันตัวเองออก แล้วจ่อปืนไปยังหน้าผากของอังเดรด้วยมือที่สั่นเทา “พั้นช์ว่าคุณอาถอยไปดีกว่านะคะ” เธอออกคำสั่งขณะที่กำลังถอยห่างจากเขาทีละนิด “ไม่เอาน่า ยังไงเธอก็หนีไม่รอดหรอก ไอ้ยาที่เธอกินลงไปนั้นยังไงก็ต้องให้คนช่วย” “แต่ต้องไม่ใช่คุณอาค่ะ เชื่อพั้นช์ ถอยออกไปก่อนที่พั้นช์จะลั่นไก” “เธอไม่กล้ายิงหรอก แค่นี้มือเธอก็สั่นไปหมดแล้ว” “ลองดูไหมล่ะ” “เธอคิดว่าแค่นี้จะขู่ฉันได้เหรอ” “ฉันไม่ได้ขู่ถ้าคุณเดินมาอีกก้าวเดียวฉันยิ่งแน่” อังเดรมองหญิงสาวที่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตนเอง เขาคิดว่ายังไงเธอก็คงไม่กล้ายิง เธอจะใช้ปืนเป็นหรือเปล่าเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ เขาก้าวเท้าไปหาเธออย่างไม่
กลับจากเที่ยวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นิโคไลก็มีเวลาจัดการกับธุระเรื่องบริษัทของตนเอง ส่วนพัณณ์ชิตาไม่ได้ตามไปที่บริษัทด้วย หญิงสาวพักผ่อนอยู่ที่บ้านตามลำพัง บ้านของนิโคไลเป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มาก เพราะเขาอยู่คนเดียว ในทุกๆ วันจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดจากนั้นก็จะกลับในเวลาเย็น วันนี้พัณณ์ชิตามีนัดดินเนอร์กับเขาที่ร้านอาหารในเวลาหนึ่งทุ่ม พอใกล้ถึงเวลานัดหญิงสาวจึงอาบน้ำแต่งตัวรอให้เขามารับ ชุดที่ใส่วันนี้เป็นเกาะอกสีแดงยาวถึงข้อเท้าแต่ผ่าทางด้านข้างถึงโคนขาสวย รองเท้าที่สวมก็เป็นรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วซึ่งทั้งหมดนี้นิโคไลเป็นคนให้ลูกน้องเอามาส่งที่บ่ายเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอเขาที่ห้องรับแขกและระหว่างนั้นชายหนุ่มก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี “พั้นช์ครับ ผมอาจจะไปถึงช้าหน่อยนะครับ คุณหิวหรือยัง” “ยังเลยค่ะ เมื่อตนบ่ายพั้นช์กินขนมไปแล้ว” “พั้นช์จะไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมผมถึงไปรับช้า” “ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณอยากบอกก็บอกเอง” “ทำไมพั้นช์ของผมถึงน่ารักแบบนี้นะ ผมจะไปเยี่ยมมารีนาครับ เมื่อกี