“ค่ะ...” นิตาตอบรับ หญิงสาวแสดงความเข้มแข็งด้วยการทำสีหน้าเป็นปกติ “ฉันบอกคลีฟเสมอว่าฉันรักเขามาก...เขารู้ซึ้งถึงข้อนี้ดี เธอล่ะนิต้า เธอเคยมีคนรักหรือเปล่า?” นิตาเงียบไปชั่วอึดใจก่อนตอบ “ไม่เคยมีค่ะ” แววตาของคนฟังเปลี่ยนไป ไดแอนดราสะกดความร้อนรุ่มเอาไว้อย่างน้อยก็ตอนนี้ “ถ้าเธอเคยมีคนรักเธอจะรู้ว่าเวลาที่ต้องอยู่ห่างจากคนที่เรารักน่ะ มันทุกข์ใจแค่ไหน...เหมือนฉัน...คลีฟไปอยู่ที่แมรีแลนด์ตั้งหนึ่งเดือน และทุกครั้งที่เขาไปแอนนาโพลิส ฉันไม่เคยรู้เลยว่าคลีฟทำอะไรที่นั่นบ้าง พอเขาบอกว่าจะพาเธอไปเป็นแม่บ้านฉันก็เกิดความคิดอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง” นิตามองนามบัตรเล็ก ๆ ที่ไดแอนดราวางมันลงบนโต๊ะก่อนจะกล่าวต่อ “ฉันแค่จะขอให้เธอช่วยรายงานความเป็นอยู่ของคลีฟที่นั่นให้ฉันได้รับรู้ ด้วยการโทรศัพท์มาหาฉัน...มันคงไม่เป็นการลำบากมากเกินไปใช่มั้ย นิต้า” หญิงสาวชาวไทยหยิบนามบัตรเล็ก ๆ นั้นขึ้นมาและมองมันราวกับเป็นสิ่งแปลกประหลาด นิตาแอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก “ช่วยรายงานให้ฉันรู้...ทุกวัน” / “ทุกวันเลยหรือคะ
เขาไม่ได้พูดอะไรกับเธอตลอดการเดินทางทั้งที่บางครั้งเธอก็อยากจะพูดคุยกับเขา แม้เพียงถามไถ่เรื่องราวทั่ว ๆ ไปในสถานะของนายจ้างและลูกจ้าง ทว่าคลีฟก็เงียบเฉย เขาไม่ต่างจากภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกที่ไม่มีวันละลาย ถึงจะได้รับความอบอุ่นแค่ไหนเขาก็ยังเยือกแข็งไม่แปลงเปลี่ยน กระทั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวของเวสเนอร์ กรุ๊ป บินผ่านน่านฟ้าของรัฐแมรีแลนด์ นิตามองผ่านกระจกออกไปยังท้องฟ้าที่มืดหมองเบื้องนอก ทว่าเบื้องล่างเต็มไปด้วยแสงสว่างจากบ้านเรือนและตึกสูงในเขตตัวเมืองของแอนนาโพลิส เธอไม่เคยเห็นสถานที่นี้มาก่อน มันเป็นเมืองที่มองจากมุมสูงจะเห็นชัดเจนว่ามันอยู่ติดชายฝั่ง นิตาเผลอแสดงความตื่นเต้นออกมาทางสีหน้า“แอนนาโพลิสเป็นเมืองหลวงของรัฐแมรีแลนด์” คลีฟเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกหลังจากที่เขานั่งเงียบมาตลอดการเดินทาง นิตาหันมายังใบหน้าคร้ามเข้มที่หันออกไปทางนอกหน้าต่างขณะกล่าวต่อ“เป็นเมืองศูนย์กลางการปกครองของแอนน์ อรัลเดล เคาน์ตี หนึ่งในยี่สิบสามเคาน์ตีของรัฐแมรีแลนด์”“ฉันอยากเห็นมันตอนกลางวันจังเลยค่ะ...คงเป็นเมืองที่สวยมาก”“แอนนาโพลิสเป็นเมืองที่สวยมาก เพราะมันตั้งอยู่บนอ่าวเซซาพีค เบย์ ปากแม่น้ำเซเ
คลีฟยังคงอยู่ในอาการเงียบสงบ เขาก้าวเข้าไปด้านในคฤหาสน์หลังงามโดยมีหญิงสาวชาวไทยเดินตามเข้าไป นิตาแทบลืมหายใจเมื่อเห็นภายในนั้นได้รับการตกแต่งในรูปแบบสมัยใหม่ มันผิดไปจากที่เธอคิดว่ามันอาจประดับประดาด้วยข้าวของโบราณเหมือนที่เธอเห็นภายนอก หากทว่ามันกลับตรงข้าม ทุกอย่างในคฤหาสน์ของเขาไม่ได้มีของตกแต่งประดับประดาเป็นพวกแจกันหรือรูปปั้นโบราณล้ำค่า ภายในห้องโถงซึ่งเป็นห้องแรกที่หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปถูกปล่อยจนเกือบว่างโล่ง มีชุดเก้าอี้รับแขกสีงาช้างเพียงชุดเดียวตั้งอยู่ตรงกลางห้อง และบนฝาผนังเต็มไปด้วยภาพวาดจิตรกรรมของศิลปินมากมายซึ่งนิตาดูก็รู้ว่ามันเป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้านของพวกมหาเศรษฐีที่ราคานั้นแทบไม่ต้องพูดถึง“ผมซื้อบ้านหลังนี้ไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว” คลีฟกล่าวขึ้นขณะเดินไปหยุดที่หน้าภาพวาดภาพหนึ่งซึ่งเป็นภาพสีน้ำของสวนดอกไม้ในฤดูร้อน“เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นทายาทขุนนางเก่าของอังกฤษ ผมชอบคฤหาสน์หลังนี้มากตั้งแต่ได้เห็นมันครั้งแรกตอนมาพบลูกค้าที่แอนนาโพลิส หลังจากนั้นผมเป็นคนติดต่อขอซื้อจากเจ้าของเอง ตอนแรกเขายังไม่อยากขาย ต้องติดต่ออยู่นานทีเดียวเจ้าของถึงจะใจอ่อน ยอมขายบ้านหลังนี้ใ
“ฉันแค่จะขอให้เธอช่วยรายงานความเป็นอยู่ของคลีฟที่นั่นให้ฉันได้รับรู้ ด้วยการโทรศัพท์มาหาฉัน” เสียงของไดแอนดราที่ดังในความคิดทำให้หญิงสาวรู้สึกปั่นป่วนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้“ทำได้หรือเปล่า นีน่า?” คลีฟถามเสียงเข้มเมื่อเขาเห็นว่านิตาทำเหมือนกำลังลังเล“ค่ะ” เธอตอบรับแต่ไม่ใคร่เต็มเสียง “ทำได้ค่ะ...ท่านประธาน” หญิงสาวไม่ได้มองใบหน้าคร้ามเข้มของเขาและไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำเมื่อคลีฟลุกจากที่นั่งและมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขายืนในระยะประชิดมากพอที่เธอจะรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวเขา คลีฟยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิม และลมหายใจร้อนผ่าวของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความเต็มตื้นที่แล่นขึ้นมาจากส่วนลึก“นีน่า” เสียงนั้นผะแผ่ว “ผมรู้ว่าคุณคงตั้งใจทำงานตามสัญญาที่ทำไว้กับผม” / “ค่ะ” เสียงของเธอแผ่วเบายิ่งกว่าเขาหลายเท่า คลีฟรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มันกำลังดึงดันตัวเองอยู่ใต้จิตสำนึก เขาอยากดึงร่างแน่งน้อยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด อยากสัมผัส ปรารถนาเหลือเกินที่จะแสดงความรักอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะกระทำต่อผู้หญิงของเขา“และหลังจากนี้คุณก็จะกลับเมืองไทย” นิตาแทบไม่อยากหายใจ เบ้าตาของเธอเปียกซึมด้วยรอยน้ำที่รื้นขึ้นมา หญิงสาวเลื่อ
“ท่านประธานคะ...ฉัน...” เรียวปากสวยอ้าค้าง นิตายืนนิ่งเหมือนรูปปั้นเมื่อคลีฟแตะกระดุมเม็ดบนสุดของเธอและค่อย ๆ แกะมันให้หลุดจากรังดุม หญิงสาวพูดอะไรไม่ออก ไม่เข้าใจการกระทำของเขาแต่ก็ปล่อยให้เขาทำทุกอย่างราวกับเธอเป็นตุ๊กตากระนั้น เธออยู่ใกล้ชิดจนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาอีกครั้ง นิตาพยายามเก็บกลั้นตัวเอง ทั้งที่ตื่นเต้น ไม่หายใจหนัก แต่หัวใจของเธอกำลังเต้นด้วยจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอ มือแกร่งปลดปล่อยกระดุมออกจากรังดุมบนเสื้อเชิ้ตของหญิงสาวกระทั่งถึงเม็ดสุดท้าย เขาทำมันอย่างใจเย็น นิตาเหลือบมองมือหนาที่จับกระดุมเล็ก ๆ เหล่านั้นด้วยความรู้สึกมากมาย คลีฟค่อย ๆ แยกสาบเสื้อทั้งสองออก ดึงมันไปด้านหลังของหญิงสาว ปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตออกจากเรือนร่างงดงามราวเทพีวีนัส เหลือเพียงบราเซียปดปิดสองเต้ากลมกลึงที่ไหวกระเพื่อมด้วยแรงหายใจซึ่งหญิงสาวพยายามหน่วงมันไว้ให้เบาที่สุด ในชั่ววินาทีนั้นที่ดวงตาคู่งามสบประสานกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเจิดจรัสประดุจอัญมณีสีน้ำเงินเข้มอย่างแซฟไฟร์ ถึงแม้ปราศจากเสียงใด ๆ หากแต่ประกายตาของเขาเสมือนก้อนหินที่พลัดหล่นลงในบ่อแห่งความรู้สึกของหญิงสาวจนมันไหวกระเพื่อม และในเวลาเด
“ผมรู้...ว่ามันต้องพอดี” เสียงห้าวลึกนั้นแผ่วต่ำ ใบหน้าของเขาห่างจากเธอไม่ถึงคืบขณะดวงตาของหญิงสาวยังคงทอดมองออกไปที่ระเบียงหน้าห้องซึ่งเห็นภาพวิวของแม่น้ำยามราตรีเพราะเธอแทบไม่กล้าสบนัยน์ตาสีน้ำเงินคมกริบคู่นั้นก่อนที่มันจะเลื่อนกลับมายังใบหน้าคร้ามเข้มหล่อเหลาของคลีฟ“เพราะผมเป็นคนสั่งตัดชุดพวกนี้เอง” เขากำลังจะบอกเธออย่างนั้นหรือว่า...เขาจดจำทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับตัวเธอได้แม้แต่ขนาดของร่างกายที่เขาไม่ได้เห็นหรือสัมผัสมาเนิ่นนานเป็นเวลากว่าสองปี แล้วความทรงจำของเขาที่ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอเล่า เขาจะยังจำมันได้อีกหรือไม่“นี่เป็นชุดทำงานของฉันหรือคะ...ท่านประธาน” นิตาตั้งคำถาม เสียงนั้นเบากว่าเสียงลมหายใจของเธอเสียอีก ปลายจมูกของเธอร้อนผ่าวเพราะลมหายใจจากจมูกโด่งยาวของคลีฟที่อยู่เกือบชิดติดใบหน้าหวานราดรดลงมาเป็นระยะ“คุณต้องใส่ชุดนี้ทุกวัน...มันเป็นชุดทำงานของคุณ” เสียงห้าวนั้นแผ่วลงอีกและใบหน้าคร้ามเข้มก็โน้มต่ำลงมาใกล้มากขึ้นขณะที่ร่างแน่งน้อยถูกมือแกร่งที่ยังแนบอยู่ด้านหลังของหญิงสาวดันแผ่นหลังของเธอจนด้านหน้าบดเบียดกับอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ หากทว่าต่างคนต่างรู้สึกถึงคว
นิตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ตามเวลาที่ตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ หญิงสาวรีบอาบน้ำอุ่นเพราะรู้สึกว่าอากาศทางฝั่งยุโรปกำลังเริ่มหนาวมากขึ้นทุกขณะก่อนจะสวมใส่ชุดแม่บ้านตามคำสั่งของ ท่านประธาน และรีบเข้าไปในห้องครัวอันโอ่โถงเพื่อเตรียมกาแฟดำเพียงแกวเดียวจัดใส่ถาดเงินเพื่อมาเสิร์ฟให้เขาถึงห้องที่ประตูไม่ได้ล็อค หญิงสาวผลักบานประตูเข้าไป มันเป็นเวลาเช้ามากและมีเพียงแสงไฟส่องสว่างที่มุมห้อง แม้ท่ามกลางแสงสลัวนิตาก็ยังเห็นชัดเจนว่าห้องของท่านประธานนั้นมีขนาดใหญ่โตแทบจะเทียบเท่ากันได้เลยกับห้องของแม่บ้านที่เขาจัดให้เธอพัก ภายในนั้นไม่มีเฟอร์นิเจอร์หรูหราให้ดูรกตา แต่เป็นห้องที่ทาสีขาวและมีภาพวาดไม่ต่างจากมุมอื่น ๆ ของคฤหาสน์ ทว่ามีสิ่งที่สะดุดตาหญิงสาวอยู่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือหน้ากากเพ้นท์สีนับสิบอันเรียงรายอยู่บนผนังห้องด้านหนึ่ง หน้ากากเหล่านั้นมีลักษณะเดียวกันกับที่คลีฟวางมันไว้ในห้องชุดของเขาที่ให้เธอพักในนิวยอร์ค เป็นหน้ากากที่แสดงอาการเจ็บปวด มีบาดแผล ไม่มีหน้ากากอันใดงดงาม มีแต่แสดงอารมณ์เหมือนถูกทำร้ายและกดเก็บความรู้สึก นิตายืนมองหน้ากากเหล่านั้นอยู่นิ่งนานจนไม่เห็นว่าร่างสูงใหญ่บนเตียงกว
นิตาถึงกับหอบหายใจแรงและเป็นฝ่ายหลีกห่างจากร่างสูงใหญ่ เธอก้าวถอยหลังไม่ถึงครึ่งก้าวก่อนที่คลีฟจะเอ่ยขึ้น“ช่วยแต่งตัวให้ผมด้วย” คลีฟต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ออกคำสั่งแบบนี้...นิตานึกถามตัวเองในใจ เขาอยากจะแกล้งให้เธออัดอั้นหรืออย่างไรทั้งที่รู้ว่าหัวใจของเธอยิ่งทรมานยามได้ใกล้ชิดเขา“ค่ะ...ท่านประธาน” นิตารับทุกคำบัญชาของชายหนุ่มที่ยืนนิ่งปล่อยให้ แม่บ้าน ของเขาปฏิบัติหน้าที่โดยการสวมใส่เสื้อผ้า ทั้งบ๊อกเซอร์ กางเกงแสล็ค และเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยเบลเซอร์สีเทาตามที่เขาต้องการทุกอย่าง คลีฟยืนนิ่งราวกับภูเขาน้ำแข็งทั้งที่ข้างในกำลังจะละลายด้วยความร้อนรุ่มยามเมื่อมือเรียวบางสัมผัสไปตามเนื้อตัวของเขา ไม่ว่านิตาจะตั้งใจหรือไม่แต่สำหรับเขาแล้วทุกอิริยาบถของเธอมันเป็นสิ่งที่เย้ายวนโดยที่หญิงสาวแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ“เรียบร้อยแล้วค่ะ...ท่านประธาน” เมื่อทำหน้าที่ของเธอแล้วนิตาจึงถอยห่างจากร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้เขาสวมชุดที่ดูเนี้ยบแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นทางการมากนัก คลีฟถอนใจเบา ๆ ก่อนจะหันไปหยิบถ้วยกาแฟในถาดเงินบนโต๊ะไม้ทรงกลมขึ้นจิบขณะดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายภายใต้แสงสลัวทอดมองออกไปยังเวิ้งฟ้าที่เริ่มเ
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ที่รัก” เขาเชยคางของเธอขึ้น ดวงหน้าแสนงามเปื้อนด้วยคราบน้ำตาและสาบานได้ว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอต้องเสียใจอีกแล้ว“พอผมรู้ว่าไดแอนดราคิดจะทำอะไร ผมก็ตัดสินใจได้ในทันทีเหมือนกันว่าผมต้องทำอะไรบ้าง ผมสั่งแองเจิ้ลให้ส่งเทียบเชิญลูกค้าและแขกคนสำคัญของผมภายในวันนั้น เชิญนักข่าวจากสื่อต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขามาร่วมงานแถลงข่าวเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ดูเป็นงานที่เร่งรีบไปหน่อยแต่มันเป็นแค่จุดประสงค์รองของผมเท่านั้น ความตั้งใจของผมคือการทำตามความต้องการของไดแอนดรา”“คลีฟ...”“ในเมื่อไดแอนดรากล้าที่จะเอาเรื่องของผมมาต่อรองกับคุณ ผมก็กล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องราวทุกอย่างด้วยตัวผมเองเช่นกัน ผมเคยบอกคุณแล้วยังไงนีน่าว่าไดแอนดรายังไม่รู้จักผมดีพอ ถ้าเธอรู้จักผมก็จะรู้ว่าผมก็บ้าพอที่จะยอมแลกความเจ็บปวดกับทุกอย่าง”“ฉันรู้ค่ะ คลีฟ...ฉันรู้ค่ะ” “และรู้มั้ยว่า...งานวันนี้ผมตั้งใจจะจัดมันขึ้น...เพื่อคุณ”ชายหนุ่มแนบริมฝีปากบนแก้มของหญิงสาว นิตาเงยหน้ารับจุมพิตของเขาเสมือนว่ามันได้ซับน้ำตาของเธอจนแห้งเหือดไปสิ้น“นีน่า...ผมเคยทำผิดต่อคุณไว้มาก ผมทอดทิ้งคุณ ทำให้คุณเจ็บปวดด้วยคำพูดและการกระทำที่ไ
เขาส่ายหน้า “พี่รักเธอเสมอไดแอนดรา...ถ้าหากเธอจะเข้าใจตัวเองมากกว่านี้ หัวใจของคลีฟไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรก ยอมรับเถอะว่าเธอไม่สามารถแทนที่นิต้าได้เพราะนิต้า...คือหัวใจของเขา” ไดแอนดราแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หากแต่เธอก็ต้องสะกดมันไว้ด้วยนิสัยที่ไม่เคยยอมใครแม้จะผิดหวังก็ต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแม้แต่พี่ชายตัวเอง ร่างระหงเดินเฉียดไหล่ลอว์สันกลับออกไปจากห้องนั้นในขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปมองชายหญิงทั้งสองที่กอดเกี่ยวกันท่ามกลางแขกเหรื่อและแสงแฟลชจากกล้องของเหล่ากองทัพสื่อที่พร้อมใจกันถ่ายภาพเพื่อจะลงข่าวใหญ่ในวันรุ่งขึ้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้ ข่าวเบื้องหลังของประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์และภรรยาตัวจริงของเขาจะถูกเผยแพร่ออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค และไม่ว่ามันจะได้รับผลตอบกลับมาในแง่ดีหรือร้าย ลอว์สันก็คิดว่าเพื่อนของเขาคงเตรียมใจรับไว้อย่างดีแล้ว เพราะอย่างน้อยตอนนี้คลีฟก็ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไป เขามี เพื่อน คู่คิดที่จะคอยร่วมเดินไปบนเส้นทางสายใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่คลีฟ เวสเนอร์ใช้หัวใจของเขาเลือกเดินForever Romantic นิตายืนมองภาพบรรยากาศอันขมุกขมัว
“ทุกท่านได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเคยจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เมืองไทยก่อนจะเดินทางกลับมาสหรัฐเพื่อเข้าร่วมรบในสงครามประเทศตะวันออกกลาง และพอหลังจากโดนระเบิดผมต้องรักษาตัวอยู่นานเกือบปีกว่าจะหายเป็นปกติ หลังจากนั้นผมก็เข้ารับตำแหน่งประธานเวสเนอร์ กรุ๊ป ตามเจตจำนงในพินัยกรรมของคุณพ่อบุญธรรมก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต ตอนนั้นพอผมรู้ว่าตัวเองป่วยผมก็พยายามตัดใจลืมเธอ ผมไม่ได้กลับไปหาเธอที่เมืองไทยด้วยเหตุผลที่ว่า...ผมไม่อยากทำให้เธอเจ็บปวดเพราะอาการป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้...แต่...ผมอยากบอกว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งเธอ...ผู้หญิงที่ผมรักเธอมากที่สุดในชีวิต” เขาก้าวเดินเข้าไปหาหญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวที่ยังนั่งนิ่งท่ามกลางสายตานับร้อยคู่รวมทั้งคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็ประหลาดไปตาม ๆ กัน“ผมอาจจะเคยเป็นทหารกล้าในสนามรบ ผมเคยเจอกับยุทธวิธีการโจมตีหลากหลายรูปแบบโดยไม่นึกกลัว แต่ผมกลับเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุดสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอรักผมและยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อผม ผมปล่อยให้เธอต้องอยู่อย่างเดียวดายหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันได้แค่เพียงเดือนเดียว ผมจากเธอมาเพราะภาระหน
“ผมคิดว่าตัวเองตายไปแล้ว ได้ยินเสียงเพื่อนทหารด้วยกันตะโกนลั่น และเมื่อรู้สึกตัวอีกทีผมก็ถูกพามารักษาตัวอย่างเร่งด่วนที่นิวยอร์ค เวลาผ่านไปเกือบปี หลังบาดเจ็บสาหัสจากระเบิดผมต้องรักษาบาดแผลภายนอกที่มันค่อย ๆ สมานตัวและหายไปในที่สุด แต่บาดแผลข้างในบาดลึกและเป็นแผลฉกรรจ์ที่ผมมองไม่เห็น ตอนแรกผมละเลยและคิดว่ามันแค่อาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ก็แค่นอนไม่หลับ เห็นภาพเหตุการณ์ระเบิดแบบเลวร้ายซ้ำ ๆ แต่มันไม่ได้มีเพียงแค่นั้น จนกระทั่งผมตัดสินใจที่จะ...เข้ารับการบำบัดอาการป่วยที่มองไม่เห็นที่ศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านวีรกรรมแห่งชาติในบีเทสดา” พอเขาพูดจบเสียงภายในห้องนั้นก็อื้ออึงขึ้นมา และคนที่ตระหนกต่อคำสารภาพต่อหน้าสาธารณชนนั้นก็คือนิตาที่มองเขาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อว่าประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์จะกล้าพูด“ผมเข้ารับบำบัดอาการป่วยที่นั่นอยู่เกือบปี ผมเดินทางไปบีเทสดาซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นผมก็สานต่องานบริษัทของคุณพ่อบุญธรรมไปพร้อม ๆ กันด้วย และนี่คือหลักฐานการเข้าบำบัดของผมที่นั่น มันเป็นการใช้ศิลปะบำบัดเพื่อช่วยให้อาการป่วยภายในที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกผ่อนคลายลง” เสียงอ
ทั้งนักธุรกิจ นักการเมืองรวมไปถึงผู้คนในแวดวงสังคมดัง ๆ และหนึ่งในนั้นคือเจ้าของร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวสีขาวซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแขกคนสำคัญที่โต๊ะด้านหน้าเวที นิตารู้สึกประหม่า เธอกุมกระเป๋าคลัชต์ใบเล็กไว้ในมือและบีบมันแน่นตลอดเวลาเหมือนหัวใจของเธอตอนนี้ที่ถูกบีบคั้นด้วยความตึงเครียดภายใน เธอหายใจขัดและตื่นเต้น บอดี้การ์ดของคลีฟพาเธอมานั่งที่โต๊ะเลี้ยงรับรองแขกซึ่งอยู่ชิดขอบเวที หญิงสาวเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาของบุรุษวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ และคิดหาทางที่จะออกจากห้องนี้โดยไม่ให้เป็นที่สังเกตของทั้งเชสและไนเจอร์ กระทั่งเสียงรอบ ๆ ห้องนั้นเงียบสงบลงและเสียงทุ้มห้าวของบุรุษคนสำคัญบนเวทีดังขึ้น นิตาเงยหน้ามองร่างสูงใหญ่ซึ่งเขายืนอยู่หลังไมค์โดยไม่ยอมนั่งที่โต๊ะซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้“สวัสดีครับ ท่านสุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผม...คลีฟ เวสเนอร์ ประธานคณะกรรมการผู้บริหารเวสเนอร์ กรุ๊ป มีความยินดีอย่างยิ่งในวันนี้ที่เรียนเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติให้แก่งานแถลงข่าวการเปิดห้างใหม่ของเวสเนอร์ ซึ่งเราจะดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในอีกสามเดือนข้างหน้า...อาจดูเร็วไป
“ผมเต็มใจเสมอ นิต้า...ขอให้บอกมา ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน แค่คุณบอกหรือแค่คิดถึงผมก็ยินดีที่จะตามไปช่วยเหลือคุณ”หญิงสาวเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หากเธอต้องเข้มแข็ง อย่าให้ลอว์สันจับสังเกตและเห็นความผิดปกติในตอนนี้ เพราะหากเขารู้คลีฟก็จะต้องรู้สิ่งที่เธอคิดด้วย“ฉันขอเข้าไปในงานก่อนนะคะ อีกเดี๋ยวคลีฟคงเดินทางมาถึงแล้ว” “ตามสบายนิต้า แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” ลอว์สันกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขามองตามร่างเล็กในชุดราตรียาวแสนสวยเดินเข้าไปในกลุ่มคนที่แทบไม่มีใครสังเกตว่านิตาคือใครและมีหน้าที่อะไรในงานแถลงข่าวใหญ่ครั้งนี้ แม้จะรู้สึกแปลกใจหากลอว์สันก็ไม่ได้เปิดปากถามว่าเหตุใด เธอจึงไม่เดินทางมาที่งานพร้อมสามีของเธอ ชายหนุ่มกำลังจะก้าวตามไปหากก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ที่ซุ้มดอกไม้อีกด้านของสถานที่จัดงานซึ่งเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย“ไดแอนดรา” เขาเรียกน้องสาวคนเดียวซึ่งวันนี้เธออยู่ในชุดกระโปรงรัดรูปผ้าทวีดสีชมพูขับผิวขาวของเซเลบสาวให้เปล่งปลั่งหากก็เป็นความงามของเธอตามปกติอยู่แล้ว ไดแอนดราหันมามองพี่ชายของเธอพร้อมรอยยิ้มมุมปากที่สำหรับลอว์สันเขาไม่ได้รู้สึกไปเองว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ม
คริสตัลก้าวห่างจากหญิงสาวและโน้มใบหน้าต่ำเพื่อพิศดูความงามบนใบหน้าแสนสวยใต้กรอบเรือนผมสีน้ำตาลที่ถูกมวยไว้ด้านหลัง นิตาเหมือนเทพธิดาผู้งดงามอย่างแท้จริง เขาไล้ปลายนิ้วไปตามสันกรามเล็กของหญิงสาว“บอกแล้วยังไงว่าโครงหน้าของเธอน่ะเป็นโครงหน้าที่ธรรมชาติมากและฉันก็ชอบผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ด้วย อยากรู้จังว่าถ้าเธอสวมชุดแต่งงานจะสวยขนาดไหน” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะลมหายใจ นิตายิ้มกลบเกลื่อนให้กับความคิดอันแท้จริง...จะไม่มีวันนั้น ไม่มีวันที่เธอจะได้สวมชุดแต่งงานเพื่อเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์กับประธานใหญ่แห่งเวสเนอร์ หญิงสาวรู้ดีว่ามันจะเป็นเพียงภาพฝัน เธอจะเก็บมันไว้ การรอคอยในสิ่งที่ไม่มีวันมาถึงชั่วชีวิต“อืม...ดูเหมือนใกล้ถึงเวลาที่ท่านประธานจะมาถึงแล้วนะ เมื่อกี๊ตอนออกไปฉันเห็นนักข่าวกับพวกคนดังในแวดวงธุรกิจและสังคมนิวยอร์คมากันเยอะเลยล่ะ ฉันคิดว่านี่เป็นงานที่สำคัญมากสำหรับท่านประธาน แต่...ถามอะไรหน่อยเถอะนิต้า ทำไมเธอไม่มาพร้อมท่านล่ะ”“คุณก็รู้นะคะคริสตัลว่าฉันน่ะ ไม่ชินกับการที่ต้องอยู่ต่อหน้าคนมาก ๆ...ฉันบอกคลีฟแล้วค่ะว่าอยากดูเขาอยู่ห่าง ๆ อาจจะมุมไหนสักมุมหนึ่งในงาน”“โอเค...
“ฉัน...เอ้อ...”“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นั่น นีน่า” คลีฟประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในอุ้งมือทั้งสอง “ผมอยากให้คุณมองเห็นความสำเร็จของผมหลังจากที่ผมสามารถพาเวสเนอร์ กรุ๊ปข้ามผ่านเวลาที่ยากลำบากมาได้ตอนที่คุณพ่อบุญธรรมของผมจากไป...นี่เป็นลมหายใจสุดท้ายของท่าน และผมจะสร้างมันใหม่ให้ยิ่งใหญ่มากกว่าในยุคสมัยที่ท่านทำไว้”“จะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เข้าใจ ทุกคนจะต้องคิดว่าเขาผิดปกติ เป็นคนโรคจิตเพราะเคยผ่านวิกฤติเลวร้ายในสงครามมาก่อน ทุกคนจะรังเกียจเขา ไม่อยากอยู่ใกล้ เวสเนอร์ กรุ๊ปต้องย่อยยับเพราะภูมิหลังที่ไม่โสภาของเขา ฉันไม่อยากคิดเลยว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้...”เสียงของไดแอนดราก้องขึ้นมาในหูของหญิงสาว มันยังอื้ออึงและกระชากความรู้สึกของนิตาให้ดิ่งลงต่ำ เสียงนั้นราวคมมีดกรีดหัวใจของเธอออกเป็นล้านชิ้น คลีฟกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในหน้าที่การงานโดยปราศจากสิ่งใดขวางกั้น แล้วเธอยังจะเห็นแก่ตัวเหนี่ยวรั้งความรุ่งโรจน์ของเขาไว้ในโลกอันน่าเศร้าของตัวเองอย่างนั้นหรือ“คลีฟ...”“ผมรู้ที่รัก...ผมรู้ว่าคุณต้องอยู่ที่นั่น อยู่เคียงข้างผม เพราะคุณสัญญาแล้วว่าคุณจะไม่จากผมไปไหนอีก อย่า
“นี่เป็นตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทยพร้อมด้วยเงินสดหนึ่งแสนเหรียญ เป็นเงินส่วนตัวของฉันที่คิดว่าเธอจะเก็บมันไว้ใช้ได้อย่างเหลือเฟือที่เมืองไทย ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเครื่องจะออกจากสนามบินนิวยอร์คคืนพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ฉันคิดว่าเธอทำถูกแล้วกับการแลกชีวิตของเธอเพื่ออนาคตของคนที่เธอรักด้วยการ...เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ...นิต้า” ไดแอนดราหยิบกระเป๋าคลัชต์ของเธอก่อนลุกขึ้นเดินออกไปจากที่นั้นปล่อยให้นิตานั่งนิ่งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงันหากทว่าข้างในของเธอกลับอึงอนไปด้วยเสียงแห่งความเจ็บช้ำซึ่งไม่มีวันที่ใครจะได้ยิน ไปจากเขา...เพื่อให้คลีฟมีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ในสังคม...ไดแอนดราบีบบังคับเธอเป็นครั้งที่สอง หากแต่ครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นได้ยื่นข้อเสนอที่เธออาจปฏิเสธได้ยากยิ่ง หาใช่จำนวนเงินในเช็คใบนี้ แต่เป็นชีวิตของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุด นิตารู้สึกหนักอึ้งราวแบกโลกไว้ทั้งโลกบนบ่าเล็ก ๆ ...หรือนี่คือสิ่งที่เธอควรตัดสินใจ ไปจากชีวิตของคลีฟแลกกับการที่เขาจะได้มีชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มันอาจทำให้เขามีความสุขจริง ๆ อย่างที่ไดแอนดราพูดก็เป็นได้ นิตาหยิบซองกระดาษสีขาวบนโต๊ะขึ้นมากุมไว้ เธอ