หลังเสร็จสิ้นพิธีฉลองมงคลสมรสก็ได้เวลาส่งตัวเข้าหอ มนตรี ลินดา และนัยนา รวมถึงญาติผู้ใหญ่คนอื่นๆ เข้ามาอวยพรบ่าวสาวด้วยประโยคอันเป็นมงคลในการครองชีวิตคู่ จากนั้นพวกเขาก็ออกไปจากห้องเพื่อให้คู่รักข้าวใหม่ปลามันได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน“พี่ติณไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวพิณขอแกะผมก่อน”“ครับ” ติณณ์เอ่ยรับสั้นๆ อย่างไม่เซ้าซี้ เพราะวันนี้เขานั้นผิดหวังหลายเรื่อง โดยเฉพาะที่ไม่ได้พบณัฐชยาในงาน จึงไม่ได้ถามหญิงสาวอย่างที่ตั้งใจไว้ เมื่อเห็นติณณ์เข้าไปในห้องน้ำแล้ว ธัญชยาก็รีบออกจากห้องหอ ซึ่งที่หน้าห้องมีมารดายืนรออยู่แล้ว ทั้งคู่หายเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกับห้องส่งตัว ซึ่งในนั้นมีณัฐชยาที่ถูกขังไว้นานหลายชั่วโมงจนตอนนี้เธอค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วหลังจากที่ฤทธิ์ของยาสลบรอบสองหมดฤทธิ์ไป หญิงสาวงุนงงทันทีที่ได้สติ ว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมถึงมานอนในห้องที่ไม่คุ้นตานี่ได้ แล้วมารดากับพี่สาวหายไปไหน เธอจำได้ว่าก่อนหน้าเธอเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วรอบหนึ่ง แต่กลับหมดสติไปอีก เพราะมีใครก็ไม่รู้เอาผ้าขนหนูมาปิดกึ่งปากกึ่งจมูกสิ่งที่ทำให้ณัฐชยาตกใจมากไปกว่านั้น คือ ตอนนี้เธอไร้ซึ่งอิสระ เพราะถูก
ธัญชยาและลินดากำลังมีความสุขกับอนาคตอันสดใสที่รออยู่ ผิดกับณัฐชยาที่ตอนนี้เหมือนตกอยู่ในนรกทั้งๆ ที่ยังหายใจ เพราะแม้จะถูกแก้มัด แต่ณัฐชยากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลบหนี ร่างกายร้อนรุ่ม รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก แค่ถูกเสื้อผ้าตัวที่สวมใส่เสียดสีร่างกาย ณัฐชยากลับรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ถึงจะรู้ว่าเธอต้องเจอกับติณณ์ แต่ต้องไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของ ณัฐชยานั้นแสนจะแผ่วเบา น้ำตายังคงไหลนองอาบแก้ม เพราะเธอเหมือนคนไร้หนทางให้หนีรอด ณัฐชยาตะเกียกตะกายพาตัวเองลงจากเตียงจนหล่นตุ้บลงไปกองกับพื้นพรมข้างๆ เตียง ยิ่งดิ้นรนณัฐชยาก็เหมือนวิ่งเข้าหากับดัก เพราะตอนนี้ยาที่ถูกบังคับให้กินเข้าไปกำลังออกฤทธิ์มากขึ้น เรี่ยวแรงที่จะใช้หนีกลับไม่มี ร่างกายทวีความร้อนรุ่มราวกับเธอนั้นเป็นไข้สูง ความร้อนนี้มาพร้อมกับความต้องการแปลกๆ ที่วิ่งพลุ่งพล่านอยู่ในกายสาว เธอไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร แต่รู้แน่ๆ คือกำลังทรมานติณณ์ที่กลับออกมาจากห้องน้ำหลังใช้เวลาทำความสะอาดร่างกายและนั่งเหม่อคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องแต่งงานที่เพิ่งเสร็จสิ้นไ
“ซอเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม”“ไม่” ณัฐชยาส่ายหน้าให้ เธอคิดว่าหากแช่น้ำเย็นๆ จะช่วยให้อาการประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นลดน้อยลงไป แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพียงแค่สบตาติณณ์เธอก็ยังมีความร้อนวูบวาบอยู่เช่นเคย ณัฐชยาขาดความยับยั้งชั่งใจ เธอคว้าลำคอติณณ์โน้มชายหนุ่มให้มาใกล้ ก่อนจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน แม้จะจูบไม่เป็นแต่ก็คงไม่ยากอะไรหากเธอจะทำ นั่นส่งผลให้เส้นความอดทนของติณณ์ขาดผึงลงทันทีติณณ์อุ้มณัฐชยาขึ้นจากอ่างจากุชชี่ พร้อมทั้งถอดชุดแต่งงานที่เปียกชื้นออก เมื่อร่างกายไร้อาภรณ์ห่อหุ้มณัฐชยาก็ยิ่งเขินอายจนร่างกายแดงก่ำตั้งแต่ใบหน้าจรดปลายเท้าก็ว่าได้ เธอยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองไว้ แรงเสียดสีของเสื้อผ้าดูจะสู้สัมผัสจากมือของติณณ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ติณณ์ค่อยๆ วางณัฐชยาลงบนเตียง ก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเธอไว้“รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น”“ซอรู้”“พี่จะไม่หยุดจนกว่าซอจะบอกให้หยุด”“ค่ะ” เสียงแหบพร่าเอ่ยรับ เพราะร
“พี่รักซอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน พี่ก็ยังรักซอไม่เปลี่ยนแปลง” คำว่ารักจากติณณ์นั้นมีค่ามาก ณัฐชยาโอบกอดชายหนุ่มไว้ แล้วจูบเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ติณณ์ข่มใจให้อดทนเพื่อรอเวลาให้ณัฐชยาปรับตัว ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับสะโพกอีกครั้ง คราวนี้ต่อให้มีช้างทั้งโขลงก็คงฉุดความต้องการเขาไม่ได้แน่ กระทั่งสามารถส่งตัวเองเข้าหาเธอได้ลึกสุด ความเจ็บปวดในครั้งแรกที่ณัฐชยาได้รับ ตอนนี้แปรเปลี่ยนมาเป็นความเสียวซ่านเกินบรรยายณัฐชยาครางกระเส่าดูน่าอายกับเสียงที่เกิดขึ้นนี้ แววตาเธอพร่าเลือนและคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้จริงๆ แก่นกายของติณณ์กำลังดำดิ่งอยู่ในช่องทางรักที่ตอดรัดเป็นจังหวะ สะโพกสอบบิดเกร็งยามส่งตัวเองเข้าหาเธอ มีทั้งเร่าร้อน ดุดัน และอ่อนหวานชวนให้สะท้าน แม้จะเป็นเซ็กซ์ครั้งแรกแต่ณัฐชยาก็เร่าร้อน ส่วนหนึ่งคงมาจากยาที่ธัญชยาให้เธอกินเข้าไป และส่วนหนึ่งคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง“ซอจ๋า...ซอ” ติณณ์เอ่ยเรียกชื่อณัฐชยาด้วยน้ำเสียงขาดๆ หายๆ ขณะที่ขยับสะโพกเขาก็โน้มตัวลงไปดูดดุนหน้าอกเธอ บางครั้งก็มอบจูบให้ ติณณ์ส่งณัฐ
โชคชะตาของคนเรานั้นไม่แน่ไม่นอนเสมอ ณัฐชยาตื่นขึ้นมาในเช้าวันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเพดานห้อง ก่อนจะหันมองติณณ์ที่นอนอยู่ข้างๆ นั่นทำให้เธอน้ำตาไหลนองหน้าทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาเมื่อคืน สุดท้ายสิ่งที่ได้ตอบแทนกลับมาคือความเจ็บช้ำทั้งกายและใจ ณัฐชยาสับสนว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ ทำไมมารดาและพี่สาวถึงทำกับเธอแบบนี้ เมื่อสงสัยจึงต้องการหาคำตอบณัฐชยาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เพียงแค่เท้าสัมผัสกับพื้นพรมเพื่อทรงตัว ความเจ็บปวดก็วิ่งสู่บริเวณกลางลำตัวจนเธอต้องนิ่วหน้า ก่อนจะข่มความเจ็บปวดไว้แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม แม้จะเป็นชุดแต่งงานที่ยังคงเปียกชื้นของธัญชยาพี่สาวก็ตามที หัวใจเธอบอบช้ำขณะยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก สิ่งที่เสียไปไม่อาจเรียกคืนได้อีกแล้ว ก่อนจะพาตัวเองออกจากห้องน้ำ ยืนมองติณณ์ที่ตอนนี้ยังคงหลับสนิท“ซอรักพี่ติณนะคะ” แม้จะรักแต่ก็ใช่ว่าจะสามารถครอบครองได้ ติณณ์นั้นได้ชื่อว่าแต่งงานกับธัญชยาแล้ว ถึงคนที่ถูกส่งตัวเข้าหอจะเป็นเธอก็ตามที ณัฐชยายืนปาดน้ำตา ก่
“พ่อดีใจที่ติณพูดออกมาแบบนี้ ซอคือผู้ถูกกระทำที่น่าสงสารที่สุด” มนตรีถอนหายใจออกมาหนักๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเกิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้ขึ้นภายในครอบครัวของเขาได้ หลังคุยกับมนตรีเรียบร้อย ติณณ์ก็ขึ้นไปหาณัฐชยาบนห้องนอน“คุณติณ”“ซอเป็นยังไงบ้างครับป้าอ้วน” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถามกับป้าอ้วนที่นั่งเฝ้าณัฐชยาอยู่ข้างๆ“หลับมาหลายชั่วโมงแล้วค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น”“ผมเฝ้าซอต่อเองครับ ป้าอ้วนไปพักเถอะ”“ค่ะ” ป้าอ้วนเอ่ยรับ ก่อนจะปลีกตัวออกไปเพื่อให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ป้าอ้วนไม่ได้สงสารเพียงแค่ณัฐชยาเท่านั้น ยังสงสารติณณ์ด้วยที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของธัญชยาแบบนี้ เนื่องจากป้าอ้วนเองก็รู้นิสัยใจคอของธัญชยาดีว่าเป็นคนแบบไหน ที่อยากแต่งงานกับติณณ์เพียงเพราะต้องการเอาชนะณัฐชยา แต่เมื่อได้มาครองแล้วกลับทอดทิ้งและผลักไสติณณ์คืนให้ณัฐชยาอีกส่วนณัฐชยานั้นก็ดีเกินไป ถูกมารดา ถูกพี่สาวแท้ๆ ทำร้ายจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จนโตป่านน
“ใครโทรมาครับ”“เพื่อนค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบโดยที่ไม่หันมองหน้าติณณ์ด้วยซ้ำ“สนิทกันมากไหม”“มาก” ณัฐชยาตอบลากเสียงยาว ติณณ์มองเธอด้วยแววตาดุๆ บ่งบอกว่าไม่พอใจ“สนิทมากเท่าพี่หรือเปล่า”“มากกว่า” พูดจบณัฐชยาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปโดยมีติณณ์ตามมาไม่ห่าง ทั้งคู่เหมือนพ่อแง่แม่งอน แม้จะโกรธเคืองกัน แต่ภายในแววตาก็ยังคงแฝงไว้ด้วยความรัก ป้าอ้วนอยากเห็นทั้งคู่ปรับความเข้าใจกัน ไม่อยากให้เข้าใจผิดเพราะมือที่สามคืนนั้นติณณ์นอนค้างที่บ้านของณัฐชยา แต่หญิงสาวก็ตั้งแง่ไม่ยอมพูดด้วยง่ายๆ ไล่ชายหนุ่มไปนอนบนโซฟา ซึ่งติณณ์ก็ไม่ค้านอะไร ยอมทำตามที่ณัฐชยาบอกทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงสะอื้นไห้ จนต้องลุกมาดู จึงรู้ว่าที่มาของเสียงสะอื้นนั้นดังมาจากณัฐชยา“ซอ...เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” “เปล่าค่ะ ซอไม่ได้เป็นอะไร” ณัฐชยาพลิกตัวนอนตะแคงข้าง หัน
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ
“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง” คุณหญิงวาสนายกมือขึ้นทาบอก โล่งอกมากที่ติณณ์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะตั้งแต่รู้เรื่องจากตำรวจ หัวอกของคนเป็นยายก็ร้อนรุ่มทั้งหมดลงไปรับติณณ์ ก่อนจะพลิกตัวชายหนุ่มไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแบบนี้จึงพากันโล่งอก ก่อนที่คุณหญิงวาสนาจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้จากติณณ์คงละเอียดกว่ารู้จากตำรวจ ซึ่งชายหนุ่มก็เล่าเท่าที่จะเล่าได้ เพราะไม่อยากให้คนที่รักต้องมากังวล เขามองไปยังณัฐชยาด้วยแววตาของความรัก หญิงสาวเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกันอ้อมกอดอุ่นๆ ของติณณ์ยังคงทำให้หัวใจของณัฐชยาเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอนอนหนุนหัวไหล่คนที่ได้ชื่อว่าสามีที่ถูกต้องทุกอย่าง คนที่เธอนั้นห่วงด้วยหัวใจ เพียงแค่รู้ว่าเขาได้รับอันตรายใจก็แทบสลาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับติณณ์ ทำให้ณัฐชยารู้ใจตัวเองว่าเธอนั้นขาดชายหนุ่มไม่ได้ เธอรักเขามากกว่าที่คิดหลายเท่า นั่นก็ทำให้กำแพงหัวใจของทั้งสองพังทลายลงมาทันที“คิดอะไรอยู่ซอ ทำไมใจถึงเต้นแรงแบบนี้” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถาม เพราะรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจณัฐชยา
ส่วนคนที่คิดร้าย ยิ่งได้รู้ว่าติณณ์นั้นจะได้ จะมีสมบัติของคุณหญิงอย่างที่พวกเขาหวังอยากได้ จันทาและครอบครัวก็ยิ่งไม่พอใจ แผนการกำจัดติณณ์จึงถูกคิดขึ้น และหวังให้เป็นอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย“พวกเอ็งพร้อมแล้วนะ”“ครับ”“ดี...อีกวันสองวัน ติณมันจะขึ้นไปดูไร่ส้ม ใช้จังหวะนั้นขับรถไล่ยิงมันให้ตกเหว” เจริญยิ้มเหี้ยม เพราะหมายมั่นปั้นมือให้งานนี้จบลงในครั้งเดียว“ครับนาย” บรรดาลูกน้องเอ่ยรับอย่างพร้อมเพรียง“งานนี้อย่าให้พลาด” ไม่ว่ายังไงงานนี้จะต้องไม่มีคำว่าพลาด เจริญลงทุนจ้างมือปืนฝีมือดีสำหรับปลิดชีพติณณ์โดยเฉพาะวันเดินทางไปไร่ส้มที่อยู่บนเนินเขาซึ่งห่างจากโรงทอผ้าไหมประมาณร้อยกว่ากิโล ณัฐชยาตื่นตั้งแต่เช้า ลงไปทำอาหารว่างสำหรับติณณ์ด้วยตัวเอง เธอง่วนอยู่ในครัวกับการทำแซนด์วิช มือเล็กๆ ก็หยิบนั่นจับนี่เพื่อทำอาหารว่างดูคล่องแคล่ว ติณณ์ยืนอมยิ้มมองภรรยาด้วยสีหน้าของความสุข ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตลอดเวลา นัยนานั
ความที่อยากให้ลูกและหลานๆ ขึ้นไปไหว้หลุมศพของผู้เป็นสามีสักครั้ง ทำให้คุณหญิงวาสนาเอ่ยชวนทุกคนขึ้นไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ ประจวบเหมาะกับติณณ์และณัฐชยาที่แต่งงานแต่งการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ฮันนีมูน คุณหญิงวาสนาจึงหยิบยกเรื่องนี้มาพูดด้วย ลึกๆ นั้นรู้ว่าสองคนนี้รักกันอยู่มาก แต่บางครั้งกลับปั้นปึ่งใส่กัน เมื่อผู้ใหญ่ในบ้านเอ่ยขอทุกคนจึงทำตาม ทั้งหมดจึงเดินทางขึ้นไปยังเชียงใหม่ ซึ่งที่นั่นคือโรงทอผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือ ผ้าไหมที่ทอจากที่นี่มีคุณภาพ ส่งออกนอกทุกผืน และยังมีไร่ส้มขนาดเกือบพันไร่ที่สร้างรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำทนายจอมพลจำต้องเก็บซ่อนความลับเรื่องที่ตนบอกข้อมูลของนัยนาและติณณ์ให้ครอบครัวของเจริญรู้ไว้ก่อน รอจังหวะที่เหมาะสมมากกว่านี้ค่อยสารภาพ เมื่อมาถึงเชียงใหม่นั่นคือครั้งแรกที่นัยนา ติณณ์ รวมถึงณัฐชยาได้ไหว้ที่เก็บอัฐิของเสรี สามีของคุณหญิงวาสนา การขึ้นมาถึงที่ของนัยนาและติณณ์ทำให้คนกลุ่มหนึ่งยิ้มอย่างยินดี พวกเขาไม่ได้คิดจะต้อนรับจากใจจริง แต่กำลังหาเวลาและโอกาสกำจัดคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ทิ้งต่างหาก แม้ใจจะคิดแบบนั้น เมื่อพบหน้าพวกเขาต่างยิ้
หนุ่มใหญ่ยื่นมือไปบีบเฟ้นหน้าอกของธัญชยาแรงๆ ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่ง พร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างรวบเอวคอดของเธอไว้แล้วกดเข้าหาเป็นจังหวะ ธัญชยาเอนตัวไปด้านหลังนั่นทำให้อลันก้มหน้าลงไปจูบหน้าอกเธออย่างถนัดถนี่ยิ่งขึ้น เกมสวาทของทั้งคู่ดำเนินต่อไปอย่างเร่าร้อน ต่อเนื่อง แม้จะอายุมากแล้วแต่เรื่องบนเตียง อลันสู้ตายเสมอกว่าที่หนุ่มใหญ่จะยอมแยกห่างออกจากธัญชยาก็ผ่านไปหลายชั่วโมง เขาต้องการตักตวงความสุขจากเธอให้สมกับเงินที่เสียไป แต่เหมือนว่าความต้องการที่อลันมอบให้จะยังไม่เพียงพอสำหรับธัญชยา ตอนนี้เธอจึงลุกขึ้นมาเป็นฝ่ายรุก ซึ่งอลันก็นอนนิ่งให้เธอทำตามใจ ญชยาถึงสวรรค์ชั้นที่ต้องการนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะเอะใจขึ้นมาในครั้งล่าสุดถึงความต้องการเซ็กซ์ที่มากมายขนาดนี้ว่าเกิดเพราะอะไร แต่ไม่นานก็คิดออก‘ยาปลุกเซ็กซ์’คำๆ นี้ดังก้องอยู่ในความคิด ใครกันที่เอายาบ้าๆ นั่นมาให้เธอกิน หรือจะเป็นอลันกันแน่ ธัญชยาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เธอนั้นไว้ใจอย่างแบรดจะทำแบบนี้ได้ แต่แทนที่ค่ำคืนแห่งความผิดพลาดจะจบลงเพียงแค่นั้น อลันยังคงกกกอดธัญชยาอยู่
“แบรด...ฉันต้องการคุณ” ธัญชยาหลับตาพริ้มเอ่ยถึงสามี ริมฝีปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น มือข้างหนึ่งลูบไล้นวดเฟ้นหน้าอกตัวเองทั้งสองข้างสลับกันไปมา ส่วนอีกข้างลูบไล้กุหลาบดอกงามที่พรั่งพร้อมสำหรับการต้อนรับแก่นเนื้ออันทรงพลังของแบรด เสียงครางดังขึ้นเป็นระยะ แต่ความใจร้อนทำให้ธัญชยาส่งนิ้วเข้าสู่ร่างกายตัวเองพร้อมกับดึงเข้าออก แรงเสียดสีจากนิ้วพอทำให้เธอพอใจได้บ้าง แต่ไม่มากเท่าสิ่งที่หวังจังหวะนั้นอลันเปิดประตูเข้ามาภายในห้องพอดี หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าปียืนมองภาพของธัญชยาที่นอนหลับตาพริ้มช่วยตัวเองบนโซฟาด้วยความตะลึง รูปร่างของเธอช่างสวยงาม ยิ่งได้เห็นความเร่าร้อนตรงหน้าก็ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการมากขึ้นเท่านั้น อลันก้าวเข้าไปหาเธอแล้วนั่งลงปลายโซฟา“แบรดคะ ช่วยพิณด้วย พิณไม่ไหวแล้ว” เสียงครางที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ดังมาจากธัญชยา เธอเข้าใจผิดคิดว่าอลันคือแบรดไปแล้ว ใบหน้าสวยยังคงพริ้มหลับเพื่อรอให้สามีปรนเปรอ อลันลูบไล้ธัญชยาตั้งแต่ปลายเท้า สัมผัสนั้นทำให้หญิงสาวสะท้าน ความเสียวซ่านมากมายวิ่งปรู๊ดขึ้นจากปลายเท้าเข้าสู่กระดูกสัน
“รับไปเถอะ อย่าขัดใจคนแก่เลยนะ”“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย” ณัฐชยาเอ่ยขอบคุณพร้อมทั้งยกมือไหว้คุณหญิงวาสนา“รักติณให้มากๆ นะซอ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกันและกันให้มาก แต่งงานอยู่กินกันก็เหมือนเป็นคนคนเดียวกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัย”“ค่ะ”“อ้อ...อีกข้อ มีเหลนให้ยายอุ้มเร็วๆ นะ ยายแก่แล้ว” คำพูดของคุณหญิงวาสนาทำให้ณัฐชยาขัดเขิน หญิงสาวเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร คุณหญิงวาสนานึกเอ็นดูหลานสะใภ้คนนี้อย่างบอกไม่ถูก แม้จะเพิ่งเคยพบหน้ากัน แต่กลับรู้สึกว่าถูกชะตาเมื่อมีโอกาสได้พบหน้า คุณหญิงวาสนาจึงอยู่กับบุตรสาวให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งขณะนั้นคนของเจริญเองก็เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ เพื่อรอโอกาส พร้อมกับโทรศัพท์ไปรายงานผู้เป็นนายทุกระยะ ว่าตอนนี้บรรดาเป้าหมายกำลังทำอะไรอยู่“ว่าไงบ้างคุณ”“เราไปช้ากว่านังคุณหญิงนั่นก้าวหนึ่ง” เจริญบีบโทรศัพท์เครื่องที่ใช้คุยกับลูกน้อ
“ติณครับ ทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง”“ชื่อเพราะเหลือเกินนะ” คุณหญิงวาสนายิ้มกว้าง นัยนาเข้าใจตั้งชื่อบุตรชาย เพราะนี่คือชื่อของสามีเธอ ผู้มีศักดิ์เป็นตาของติณณ์นั่นเอง นัยนาที่ตอนนี้กำลังอยู่ในครัวกับสะใภ้ แต่ขณะที่กำลังจัดโต๊ะ หูกลับได้ยินบุตรชายพูดคุยกับใครที่หน้าบ้านแว่วๆ จึงเอ่ยถามทั้งๆ ที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู“ใครมาเหรอติณ”“คุณยายคนนี้บอกว่ามาขอพบแม่ครับ” คำตอบของบุตรชาย ทำให้นัยนาเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใคร จานในมือถึงกับร่วงพร้อมอุทานออกมาอย่างตกใจและคาดไม่ถึงว่าจะได้พบมารดา“คุณแม่!”“แม่คะ” ณัฐชยาเข้าไปพยุงร่างของนัยนาไว้ เนื่องจากมีอาการเซเล็กน้อย ส่วนติณณ์รีบเข้าไปช่วยพยุงอีกคน“แม่...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”“เปล่าลูกเปล่า” นัยนาเอ่ยตอบบุตรชาย ก่อนจะมองหน้าสองคนสลับกันไปมา ติณณ์รับรู้ได้ในทันทีว่าจะต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้นแน่นอน และก็จร
“โอเคๆ ฉันเข้าใจ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้ถามอะไรไปแล้วกัน”“ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อน”“เชิญ” จันทาเอ่ยรับห้วนๆ ทนายจอมพลจึงกลับออกไป เมื่อเสียงรถเคลื่อนตัวออกจากบ้านแล้ว เบญจาและสามีก็ออกมาหามารดาเพื่อถามข่าวว่าได้เรื่องอะไรจากทนายจอมพลไหม จันทารู้สึกเพียงเอะใจในคำตอบของทนายพี่สาวว่าต้องรู้อะไรไม่มากก็น้อย เพียงแต่ไม่ยอมพูด ทั้งๆ ที่เธอให้เงินเปิดปากไปก้อนใหญ่“แต่ผมมีแผนสำรองครับคุณแม่” เจริญยิ้ม เพราะเขาเองก็ได้สืบประวัติครอบครัวของทนายจอมพลมาบ้างพอสมควร ในสมองตอนนี้จึงคิดแผนล้วงความลับขึ้นมาได้แผนหนึ่ง“แผนอะไรคะคุณ” เบญจารีบถามสามีทันที“ก็ในเมื่อเราล้วงความลับจากไอ้ทนายปากแข็งนั่นตรงๆ ไม่ได้ เราก็ใช้เมียมันเป็นเครื่องมือก็หมดเรื่อง เดี๋ยวผมจัดการเอง รับรองได้ข่าวแน่นอน”“ดีมาก เป็นถึงลูกเขยฉัน ต้องฉลาดแบบนี้สิ” จันทาเอ่ยชมบุตรเขย ทำให้เจริญหน้าบานที่เอาอกเอาใจแม่ยายได้ โดยลึกๆ ก็หวัง
“พี่ติณเป็นอะไรไหมคะ ไหนขอซอดูหน่อย” สีหน้าของ ณัฐชยาแสดงออกว่าเป็นห่วง ก่อนจะจับมือที่ติณณ์ยกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองออก เพื่อจะดูให้ว่าอะไรเข้าตา คนเจ้าเล่ห์กลอกตาไปมาเพื่อให้ณัฐชยาดูว่ามีอะไรทั้งๆ ที่เขานั้นสบายดีทุกอย่าง แต่ไม่นานณัฐชยาก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เพราะติณณ์นอนกอดเธอนิ่ง นั่นทำให้หัวใจเธอเต้นรัวและหวั่นไหว ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดเขา“เจ้าเล่ห์”“พี่เปล่า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น แต่แววตานั้นเจ้าเล่ห์อย่างที่ ณัฐชยาพูดจริงๆ“ปล่อยนะคะ แล้วก็ลงไปจากเตียงด้วย ซอง่วงจะนอนแล้ว”“พี่ก็ง่วงมากแล้วเหมือนกัน งั้นเรามานอนด้วยกันนะ”“ไม่เอา” ณัฐชยาใช้กำปั้นยันตัวชายหนุ่มไว้ พร้อมกับผลักให้เขาออกห่าง แต่กลับไม่ได้ผล ติณณ์อาศัยว่าตนมีแรงมากกว่ารั้งเธอเข้ามากอดได้สำเร็จ ณัฐชยานอนฟังเสียงเต้นของหัวใจชายหนุ่มนิ่งราวกับรูปปั้น เธอไม่คุ้นชินกับสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้เท่าไหร่นัก แม้จะเคยคบหากันมาก่อนก็ตาม แต่จะว่าไปตอนนี้เธอกับติณณ์ก็เกิ