“คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง” คุณหญิงวาสนายกมือขึ้นทาบอก โล่งอกมากที่ติณณ์นั้นไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะตั้งแต่รู้เรื่องจากตำรวจ หัวอกของคนเป็นยายก็ร้อนรุ่ม
ทั้งหมดลงไปรับติณณ์ ก่อนจะพลิกตัวชายหนุ่มไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแบบนี้จึงพากันโล่งอก ก่อนที่คุณหญิงวาสนาจะถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้จากติณณ์คงละเอียดกว่ารู้จากตำรวจ ซึ่งชายหนุ่มก็เล่าเท่าที่จะเล่าได้ เพราะไม่อยากให้คนที่รักต้องมากังวล เขามองไปยังณัฐชยาด้วยแววตาของความรัก หญิงสาวเองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน อ้อมกอดอุ่นๆ ของติณณ์ยังคงทำให้หัวใจของณัฐชยาเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอนอนหนุนหัวไหล่คนที่ได้ชื่อว่าสามีที่ถูกต้องทุกอย่าง คนที่เธอนั้นห่วงด้วยหัวใจ เพียงแค่รู้ว่าเขาได้รับอันตรายใจก็แทบสลาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับติณณ์ ทำให้ณัฐชยารู้ใจตัวเองว่าเธอนั้นขาดชายหนุ่มไม่ได้ เธอรักเขามากกว่าที่คิดหลายเท่า นั่นก็ทำให้กำแพงหัวใจของทั้งสองพังทลายลงมาทันที“คิดอะไรอยู่ซอ ทำไมใจถึงเต้นแรงแบบนี้” เสียงทุ้มๆ เอ่ยถาม เพราะรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจณัฐชยาเหตุการณ์ลอบยิงติณณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผลเสีย เพราะผลดีก็มากเช่นกัน คุณหญิงวาสนาได้รู้ถึงจิตใจของคนที่ยากแท้หยั่งถึงมากแค่ไหน จึงสั่งให้ลูกน้องไปตามสืบข่าวว่าใครกันแน่ที่กล้าส่งมือปืนเหล่านั้นมาลอบฆ่าติณณ์หลานชายเพียงคนเดียวที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้า และนั่นทำให้ทนายจอมพลยอมปริปากบอกความผิดที่ได้ก่อไว้ทั้งหมด“ว่าอะไรนะทนายจอมพล” คุณหญิงวาสนามองหน้าทนายส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีอย่างผิดหวัง เพราะคิดไม่ถึงว่าคนใกล้ตัวจะทำแบบนี้ได้“ผมผิดไปแล้วครับคุณหญิง ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกที่อยู่ของคุณนัยนาและคุณติณณ์ให้คุณเจริญรู้ แต่เหตุการณ์มันบังคับจริงๆ”“เอาเถอะ ต่อให้เอาผิดคุณทนายก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างเจริญทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวทนายจอมพลไม่มีใครได้รับอันตรายก็ดีมากแล้ว”“ผมกราบขอโทษอีกครั้งครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว” ขณะพูดทนายจอมพลก็ยกมือไหว้พร้อมกับกราบขอโทษคุณหญิงวาสนาอีกครั้ง เขารู้ว่าทำผิดมาก หากติณณ์ได้รับอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทนายจอมพลยั
ธัญชยาเหมือนตกนรกในทุกวันที่มีลมหายใจ เธอแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถูกขังอยู่แค่ในห้องเท่านั้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของอลัน รวมถึงชายอีกหลายคนที่เข้าหา ธัญชยารู้สึกขยะแขยงตัวเอง คิดสั้นถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่รู้จะใช้วิธีไหนดี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ธัญชยามักผวาหวาดกลัวเช่นในครั้งนี้“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะพิณ” น้ำเสียงที่ธัญชยาแสนจะรังเกียจเอ่ยถาม ตอนนี้เธอรังเกียจอลันมาก แม้แต่เงาของเขาก็ยังรังเกียจไปด้วย“ไอ้คนสารเลว” ริมฝีปากที่ยังคงเหลือความช้ำจากการถูกทำร้ายเอ่ยขึ้น แววตาของธัญชยาจับจ้องไปยังอลันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ฉันชอบคำนี้จริงๆ ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” แทนที่จะสำนึกหรือรู้สึกอะไรบ้าง แต่อลันกลับมึน ตีหน้านิ่ง ยิ่งทำให้ธัญชยารู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“คนอย่างแกไม่ตายดีแน่ ฉันจะจับแกเข้าคุก ไอ้แบรดผู้ชายสารเลวนั่นก็ด้วย” อลันยักไหล่ให้คำพูดของธัญชยา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายที่เขารู้จักสามคนเข้ามาในห้อง ธัญชยาถอยหลังหนีทันที ในสมองตอน
“อะไรนะ!” เสียงอุทานตกใจของลินดาดังขึ้น ใจนั้นเต้นแรง เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับบุตรสาวและตัวเธอได้“แม่...เราต้องหนี หนีเดี๋ยวนี้”“หนีไปทางไหนลูก แม่ยังมองไม่เห็นทางเลย ข้างนอกมีคนคุมเต็มไปหมด” ลินดาเองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน เพียงก้าวแรกที่เธอก้าวมายังที่แห่งนี้ ลินดารู้สึกเย็นวูบทั่วแผ่นหลัง ไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้อยากหนีแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะภายนอกนั้นมีชายฉกรรจ์คอยดูแลอยู่ตั้งมากสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ ก่อนที่ธัญชยาจะเล่าให้มารดาฟังว่าเธอนั้นต้องพบเจออะไรมาบ้าง ลินดาแทบอกแตกตายยามที่ได้รู้ความจริง ความเลวทรามของแบรดไม่สมควรที่จะให้อภัยแม้แต่น้อย แต่อยู่ๆ ธัญชยาก็สะดุ้งแล้วรีบหลบอยู่หลังมารดาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่เปิดเข้ามาคืออลันนั่นเอง“อย่าทำอะไรพวกเรา” ลินดากอดธัญชยาไว้แนบอกอย่างหวงแหน อลันมองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยแม้จะดูมีอายุแล้วก็ตาม ชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าลีลาเธอจะเด็ดเท่า ธัญชยาผู้เป็นบุตรสาวหรือไม่
ติณณ์และณัฐชยากลับลงมากรุงเทพฯ เนื่องจากชายหนุ่มต้องกลับมายื่นเรื่องลาออกและเคลียร์งานที่บริษัทให้เรียบร้อย ก่อนที่ติณณ์จะตัดสินใจขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อสานงานของครอบครัวต่อ การมาของบุตรสาวและบุตรเขยทำให้มนตรีหายเหงาได้บ้าง เพราะบ้านหลังใหญ่ตอนนี้ช่างดูเงียบเหงา ลินดาและธัญชยานั้นไม่รู้หายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ มนตรีรู้สึกห่วง แต่ก็ได้แค่รอเท่านั้นวันนี้แขกคนสำคัญที่มาหาณัฐชยาถึงบ้านคือแขกที่ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือไรอันนั่นเอง ชายหนุ่มตัดสินใจมาเมืองไทยด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือมาพักผ่อน สองคือมาหาณัฐชยานั่นเอง แต่ดูเหมือนเหตุผลที่สองจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า ณัฐชยาต้อนรับชายหนุ่มด้วยความยินดี“นั่งก่อนสิไรอัน”“ขอบคุณครับ”“มาได้ยังไง” เสียงหวานๆ ที่ไรอันแสนจะคิดถึงเอ่ยถาม ชายหนุ่มนั่งมองหน้าณัฐชยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป“พอดีผมมีแผนมาเที่ยวที่เมืองไทย ก็เลยแวะมาหาซอ สบายดีไหม สีหน้าดูสดชื่นขึ้นนะ”“ซอสบายดี ไรอันล่ะ เป็นยังไงบ้าง&rd
“คุณซอเกิดอะไรขึ้นกันคะ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้แบบนี้”“เขาไม่รักซอ เขารักพี่พิณ เขาเรียกชื่อพี่พิณทั้งๆ ที่อยู่กับซอ” ณัฐชยาสะอึกสะอื้นเอ่ยตอบ ป้าอ้วนยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนที่เธอรักและเอ็นดูราวกับลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน ติณณ์ตามหาณัฐชยาไปทั่วบ้าน กระทั่งเห็นเธออยู่กับป้าอ้วนจึงยืนมองอยู่ห่างๆ เขาได้ยินทั้งสองคุยกันไม่ถนัดนัก แต่อาการร้องไห้และเสียใจของณัฐชยาที่แสดงออกต้องเป็นเรื่องไม่น่ายินดีแน่ ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นต้นเหตุด้วยคืนนั้นณัฐชยาขอนอนกับป้าอ้วนที่ห้อง เมื่อเห็นว่าเธอหลับ ป้าอ้วนจึงเดินออกมา เพราะมั่นใจว่ามีใครบางคนรออยู่นอกห้อง และเมื่อเปิดประตูก็เห็นติณณ์ยืนรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ“ซอเป็นยังไงบ้างครับ”“หลับไปแล้วค่ะ” ป้าอ้วนลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “ป้าขอคุยอะไรกับคุณติณสักครู่ได้ไหมคะ”“ได้สิครับ” ใช่ว่าป้าอ้วนเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูด ติณณ์เองก็เช่นเดียวกัน แต่ก่อนจะพูดอะไรออกไป ป้าอ้วนก็ขอถอนหายใจสลับสูดอากาศเข
“ซอจ๋าซอ”“ปล่อยซอเลยนะคะ ปล่อย” ขณะพูดณัฐชยาก็พยายามแกะมือชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายเลย ติณณ์โน้มใบหน้ามาหอมแก้มแดงปลั่งของเธอไปฟอดใหญ่“โกรธพี่หรือเปล่า พี่จงใจเรียกชื่อซอกับพิณนะครับ ไม่ได้เผลอเรียก”“จงใจเรียกอย่างนั้นเหรอคะ” ณัฐชยาหันขวับมามองชายหนุ่ม ติณณ์จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนความผิดมาก่อน คนเห็นจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“ใช่...พี่อยากรู้ว่าซอจะหึงพี่บ้างหรือเปล่า”“ตอนนี้รู้หรือยังคะ”“รู้แล้วครับ รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ด้วยว่าทำไมซอถึงต้องเลิกกับพี่แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีแบบนั้น ซอไม่ได้มีคู่หมั้น ซอรักพี่ จริงไหม” ติณณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สูญเสียณัฐชยาไปจริงๆ“ไม่จริงสักหน่อย ซอไม่ได้...อื้อ” คำปฏิเสธของณัฐชยาถูกติณณ์ปิดกั้นด้วยจูบ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังจุมพิตเบาๆ หลายครั้ง
หลังจบคดีความ ธัญชยาต้องเข้ารับการบำบัด เนื่องจากเธอคลั่งทำร้ายตัวเองและกลายเป็นคนเหม่อลอย กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ธัญชยาตัดสินใจว่าเธอต้องสู้ต่อ ถ้าเอาแบรดเข้าคุกไม่ได้เธอจะไม่มีวันตายแน่นอน นั่นทำให้หญิงสาวออกจากสถานบำบัดได้เร็วขึ้นธัญชยากับลินดาก็พร้อมที่จะกลับเมืองไทย เธอเจ็บใจอย่างเดียวคือตอนนี้ทางตำรวจยังตามหาตัวแบรดไม่พบ ไม่รู้ไปกบดานหลอกผู้หญิงอยู่ที่ไหน ธัญชยาตั้งใจปกปิดเรื่องเลวร้ายที่เธอพบเจอไว้เป็นความลับ เรื่องนี้ต้องไม่มีคนอื่นรู้ เธอจะเริดๆ เชิดๆ กลับเมืองไทยประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น กลับไปยังที่ที่เป็นของเธอ“พิณ...แม่กลัวคุณพ่อจะไม่ให้อภัยเรา”“โธ่...คุณแม่ เราพบเจออะไรมาตั้งมาก แค่เรื่องคุณพ่อ เรื่องเล็กน้อยค่ะ” ธัญชยายักไหล่อย่างไม่สนใจ ลินดารู้สึกดีที่บุตรสาวฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ถูกทำร้ายได้เร็วขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ความเลวร้ายซึ่งได้พบเจอนั้นรุนแรงมาก มนตรียินดีที่ภรรยาและบุตรสาวคนโตกลับมาบ้าน ธัญชยาปรี่เข้าไปกอดบิดาทันที“คุณพ่อ”“ลูกพิณ...หายไปไหนกันมาเป็นนาน
“ค่ะคุณ” ลินดาเอ่ยรับอีกคน ก่อนจะขึ้นไปบนห้องพร้อม ธัญชยา สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วยิ้ม เพราะการกลับมาบ้านดูราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก บ้านหลังอบอุ่นทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง ธัญชยาก็มักจะมีอาการเงียบขรึม ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อนวันนั้นมื้อค่ำของครอบครัวเพ็ญประเสริฐอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายเดือนก็ว่าได้ มนตรีจึงมีโอกาสได้บอกทุกคนว่าตอนนี้ติณณ์รับหน้าที่สำคัญอะไรจากครอบครัว พอรู้ว่าชายหนุ่มร่ำรวยมากแค่ไหน เป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่ที่เชียงใหม่ ธัญชยาก็หูผึ่งทันที ความคิดที่ต้องการแย่งติณณ์ให้กลับมาเป็นของเธอหวนคืนมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดไปแท้ๆ ว่าเธอนั้นไม่ได้รักชายหนุ่มแม้แต่น้อย แต่ธัญชยาก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เธอต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มั่นใจว่าติณณ์ต้องรักเธออย่างแต่ก่อนแน่นอนยิ่งได้เห็นติณณ์เอาอกเอาใจณัฐชยามากเท่าไหร่ ธัญชยาก็รู้สึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น ชีวิตอันสวยหรูของเธอต้องพังทลายไม่เป็นท่า แต่ชีวิตของณัฐชยากลับมีแต่ความสุข แบบนี้เธอจะยอมไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ ณัฐชยามีความสุขมากกว่าเธอ เธอไม่ยอม
ณัฐชยารีบลุกขึ้นจากเตียงในช่วงใกล้รุ่ง เธอยกมือขึ้นปิดปาก เพราะบางสิ่งบางอย่างกำลังไหลย้อนขึ้นมา นั่นทำให้ติณณ์ที่นอนกอดเธออยู่พลอยสะดุ้งรู้สึกตัวไปด้วยอีกคน ก่อนจะรีบก้าวเข้าไปลูบหลังให้ภรรยาที่ตอนนี้โก่งคออาเจียนดูทรมาน“ซอ...ซอครับ เป็นยังไงบ้าง ไปหาหมอหรือเปล่า”“ซอไม่เป็นอะไรค่ะ” แม้ปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ ณัฐชยาก็ยังคงอาเจียนอย่างต่อเนื่อง ติณณ์หยิบน้ำเปล่ามาส่งให้เธอบ้วนปาก ณัฐชยากลืนน้ำลงคอ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็อาเจียนออกมาจนหมดกระเพาะ ใบหน้าสวยซีดเซียว แรงที่จะทรงตัวก็แทบไม่มีณัฐชยาอาเจียนอยู่แบบนั้นเป็นนานก่อนที่อาการจะดีขึ้น ติณณ์เช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอ ก่อนจะพยุงกลับไปนั่งบนเตียง มือหนากุมมือบางที่สั่นเทาไว้หลวมๆ สงสารที่เห็นเธอทรมานแบบนี้“ไปหาหมอไหมครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ซอดีขึ้นมากแล้ว อีกเดี๋ยวคงหาย”“แต่หน้าซอซีดมาก พี่ว่าไปหาหมอดีกว่า จะได้รู้ว่าเป็นอะไร” ติณณ์เป็นห่วงณัฐชยามาก เขาแทบอยากเจ็บ อยา
“ค่ะคุณ” ลินดาเอ่ยรับอีกคน ก่อนจะขึ้นไปบนห้องพร้อม ธัญชยา สองแม่ลูกมองหน้ากันแล้วยิ้ม เพราะการกลับมาบ้านดูราบรื่นกว่าที่คิดไว้มาก บ้านหลังอบอุ่นทำให้หวนคิดถึงเรื่องเก่าๆ แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง ธัญชยาก็มักจะมีอาการเงียบขรึม ไม่สดใสร่าเริงอย่างแต่ก่อนวันนั้นมื้อค่ำของครอบครัวเพ็ญประเสริฐอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาในรอบหลายเดือนก็ว่าได้ มนตรีจึงมีโอกาสได้บอกทุกคนว่าตอนนี้ติณณ์รับหน้าที่สำคัญอะไรจากครอบครัว พอรู้ว่าชายหนุ่มร่ำรวยมากแค่ไหน เป็นถึงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลใหญ่ที่เชียงใหม่ ธัญชยาก็หูผึ่งทันที ความคิดที่ต้องการแย่งติณณ์ให้กลับมาเป็นของเธอหวนคืนมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เพิ่งพูดไปแท้ๆ ว่าเธอนั้นไม่ได้รักชายหนุ่มแม้แต่น้อย แต่ธัญชยาก็ไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เธอต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป มั่นใจว่าติณณ์ต้องรักเธออย่างแต่ก่อนแน่นอนยิ่งได้เห็นติณณ์เอาอกเอาใจณัฐชยามากเท่าไหร่ ธัญชยาก็รู้สึกไม่ชอบใจมากเท่านั้น ชีวิตอันสวยหรูของเธอต้องพังทลายไม่เป็นท่า แต่ชีวิตของณัฐชยากลับมีแต่ความสุข แบบนี้เธอจะยอมไม่ได้ เธอไม่ยอมให้ ณัฐชยามีความสุขมากกว่าเธอ เธอไม่ยอม
หลังจบคดีความ ธัญชยาต้องเข้ารับการบำบัด เนื่องจากเธอคลั่งทำร้ายตัวเองและกลายเป็นคนเหม่อลอย กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองเสียใหม่ ธัญชยาตัดสินใจว่าเธอต้องสู้ต่อ ถ้าเอาแบรดเข้าคุกไม่ได้เธอจะไม่มีวันตายแน่นอน นั่นทำให้หญิงสาวออกจากสถานบำบัดได้เร็วขึ้นธัญชยากับลินดาก็พร้อมที่จะกลับเมืองไทย เธอเจ็บใจอย่างเดียวคือตอนนี้ทางตำรวจยังตามหาตัวแบรดไม่พบ ไม่รู้ไปกบดานหลอกผู้หญิงอยู่ที่ไหน ธัญชยาตั้งใจปกปิดเรื่องเลวร้ายที่เธอพบเจอไว้เป็นความลับ เรื่องนี้ต้องไม่มีคนอื่นรู้ เธอจะเริดๆ เชิดๆ กลับเมืองไทยประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น กลับไปยังที่ที่เป็นของเธอ“พิณ...แม่กลัวคุณพ่อจะไม่ให้อภัยเรา”“โธ่...คุณแม่ เราพบเจออะไรมาตั้งมาก แค่เรื่องคุณพ่อ เรื่องเล็กน้อยค่ะ” ธัญชยายักไหล่อย่างไม่สนใจ ลินดารู้สึกดีที่บุตรสาวฟื้นฟูสภาพจิตใจที่ถูกทำร้ายได้เร็วขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ความเลวร้ายซึ่งได้พบเจอนั้นรุนแรงมาก มนตรียินดีที่ภรรยาและบุตรสาวคนโตกลับมาบ้าน ธัญชยาปรี่เข้าไปกอดบิดาทันที“คุณพ่อ”“ลูกพิณ...หายไปไหนกันมาเป็นนาน
“ซอจ๋าซอ”“ปล่อยซอเลยนะคะ ปล่อย” ขณะพูดณัฐชยาก็พยายามแกะมือชายหนุ่มให้ออกห่าง แต่ก็ทำไม่ได้ง่ายเลย ติณณ์โน้มใบหน้ามาหอมแก้มแดงปลั่งของเธอไปฟอดใหญ่“โกรธพี่หรือเปล่า พี่จงใจเรียกชื่อซอกับพิณนะครับ ไม่ได้เผลอเรียก”“จงใจเรียกอย่างนั้นเหรอคะ” ณัฐชยาหันขวับมามองชายหนุ่ม ติณณ์จึงส่งยิ้มกลบเกลื่อนความผิดมาก่อน คนเห็นจึงส่งค้อนให้ด้วยความหมั่นไส้“ใช่...พี่อยากรู้ว่าซอจะหึงพี่บ้างหรือเปล่า”“ตอนนี้รู้หรือยังคะ”“รู้แล้วครับ รู้ทุกอย่างแล้ว รู้ด้วยว่าทำไมซอถึงต้องเลิกกับพี่แล้วไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีแบบนั้น ซอไม่ได้มีคู่หมั้น ซอรักพี่ จริงไหม” ติณณ์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้สูญเสียณัฐชยาไปจริงๆ“ไม่จริงสักหน่อย ซอไม่ได้...อื้อ” คำปฏิเสธของณัฐชยาถูกติณณ์ปิดกั้นด้วยจูบ ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังจุมพิตเบาๆ หลายครั้ง
“คุณซอเกิดอะไรขึ้นกันคะ ทำไมถึงมานั่งร้องไห้แบบนี้”“เขาไม่รักซอ เขารักพี่พิณ เขาเรียกชื่อพี่พิณทั้งๆ ที่อยู่กับซอ” ณัฐชยาสะอึกสะอื้นเอ่ยตอบ ป้าอ้วนยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้คนที่เธอรักและเอ็นดูราวกับลูกแท้ๆ ก็ไม่ปาน ติณณ์ตามหาณัฐชยาไปทั่วบ้าน กระทั่งเห็นเธออยู่กับป้าอ้วนจึงยืนมองอยู่ห่างๆ เขาได้ยินทั้งสองคุยกันไม่ถนัดนัก แต่อาการร้องไห้และเสียใจของณัฐชยาที่แสดงออกต้องเป็นเรื่องไม่น่ายินดีแน่ ซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นต้นเหตุด้วยคืนนั้นณัฐชยาขอนอนกับป้าอ้วนที่ห้อง เมื่อเห็นว่าเธอหลับ ป้าอ้วนจึงเดินออกมา เพราะมั่นใจว่ามีใครบางคนรออยู่นอกห้อง และเมื่อเปิดประตูก็เห็นติณณ์ยืนรออยู่ก่อนแล้วจริงๆ“ซอเป็นยังไงบ้างครับ”“หลับไปแล้วค่ะ” ป้าอ้วนลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ “ป้าขอคุยอะไรกับคุณติณสักครู่ได้ไหมคะ”“ได้สิครับ” ใช่ว่าป้าอ้วนเท่านั้นที่มีเรื่องจะพูด ติณณ์เองก็เช่นเดียวกัน แต่ก่อนจะพูดอะไรออกไป ป้าอ้วนก็ขอถอนหายใจสลับสูดอากาศเข
ติณณ์และณัฐชยากลับลงมากรุงเทพฯ เนื่องจากชายหนุ่มต้องกลับมายื่นเรื่องลาออกและเคลียร์งานที่บริษัทให้เรียบร้อย ก่อนที่ติณณ์จะตัดสินใจขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อสานงานของครอบครัวต่อ การมาของบุตรสาวและบุตรเขยทำให้มนตรีหายเหงาได้บ้าง เพราะบ้านหลังใหญ่ตอนนี้ช่างดูเงียบเหงา ลินดาและธัญชยานั้นไม่รู้หายไปไหน ติดต่อก็ไม่ได้ มนตรีรู้สึกห่วง แต่ก็ได้แค่รอเท่านั้นวันนี้แขกคนสำคัญที่มาหาณัฐชยาถึงบ้านคือแขกที่ไม่ใช่ใครอื่น นั่นคือไรอันนั่นเอง ชายหนุ่มตัดสินใจมาเมืองไทยด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือมาพักผ่อน สองคือมาหาณัฐชยานั่นเอง แต่ดูเหมือนเหตุผลที่สองจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า ณัฐชยาต้อนรับชายหนุ่มด้วยความยินดี“นั่งก่อนสิไรอัน”“ขอบคุณครับ”“มาได้ยังไง” เสียงหวานๆ ที่ไรอันแสนจะคิดถึงเอ่ยถาม ชายหนุ่มนั่งมองหน้าณัฐชยาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป“พอดีผมมีแผนมาเที่ยวที่เมืองไทย ก็เลยแวะมาหาซอ สบายดีไหม สีหน้าดูสดชื่นขึ้นนะ”“ซอสบายดี ไรอันล่ะ เป็นยังไงบ้าง&rd
“อะไรนะ!” เสียงอุทานตกใจของลินดาดังขึ้น ใจนั้นเต้นแรง เพราะไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับบุตรสาวและตัวเธอได้“แม่...เราต้องหนี หนีเดี๋ยวนี้”“หนีไปทางไหนลูก แม่ยังมองไม่เห็นทางเลย ข้างนอกมีคนคุมเต็มไปหมด” ลินดาเองก็หวาดกลัวไม่แพ้กัน เพียงก้าวแรกที่เธอก้าวมายังที่แห่งนี้ ลินดารู้สึกเย็นวูบทั่วแผ่นหลัง ไม่ปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก ต่อให้อยากหนีแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะภายนอกนั้นมีชายฉกรรจ์คอยดูแลอยู่ตั้งมากสองแม่ลูกกอดคอกันร้องไห้ ก่อนที่ธัญชยาจะเล่าให้มารดาฟังว่าเธอนั้นต้องพบเจออะไรมาบ้าง ลินดาแทบอกแตกตายยามที่ได้รู้ความจริง ความเลวทรามของแบรดไม่สมควรที่จะให้อภัยแม้แต่น้อย แต่อยู่ๆ ธัญชยาก็สะดุ้งแล้วรีบหลบอยู่หลังมารดาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู คนที่เปิดเข้ามาคืออลันนั่นเอง“อย่าทำอะไรพวกเรา” ลินดากอดธัญชยาไว้แนบอกอย่างหวงแหน อลันมองหน้าเธอแล้วยิ้มออกมา ผู้หญิงคนนี้ช่างดูสวยแม้จะดูมีอายุแล้วก็ตาม ชักอยากจะรู้เสียแล้วว่าลีลาเธอจะเด็ดเท่า ธัญชยาผู้เป็นบุตรสาวหรือไม่
ธัญชยาเหมือนตกนรกในทุกวันที่มีลมหายใจ เธอแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เพราะถูกขังอยู่แค่ในห้องเท่านั้นเพื่อรองรับอารมณ์ดิบเถื่อนของอลัน รวมถึงชายอีกหลายคนที่เข้าหา ธัญชยารู้สึกขยะแขยงตัวเอง คิดสั้นถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่รู้จะใช้วิธีไหนดี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ธัญชยามักผวาหวาดกลัวเช่นในครั้งนี้“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะพิณ” น้ำเสียงที่ธัญชยาแสนจะรังเกียจเอ่ยถาม ตอนนี้เธอรังเกียจอลันมาก แม้แต่เงาของเขาก็ยังรังเกียจไปด้วย“ไอ้คนสารเลว” ริมฝีปากที่ยังคงเหลือความช้ำจากการถูกทำร้ายเอ่ยขึ้น แววตาของธัญชยาจับจ้องไปยังอลันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ“ฉันชอบคำนี้จริงๆ ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” แทนที่จะสำนึกหรือรู้สึกอะไรบ้าง แต่อลันกลับมึน ตีหน้านิ่ง ยิ่งทำให้ธัญชยารู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“คนอย่างแกไม่ตายดีแน่ ฉันจะจับแกเข้าคุก ไอ้แบรดผู้ชายสารเลวนั่นก็ด้วย” อลันยักไหล่ให้คำพูดของธัญชยา ก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายที่เขารู้จักสามคนเข้ามาในห้อง ธัญชยาถอยหลังหนีทันที ในสมองตอน
เหตุการณ์ลอบยิงติณณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ใช่ว่าจะมีแค่ผลเสีย เพราะผลดีก็มากเช่นกัน คุณหญิงวาสนาได้รู้ถึงจิตใจของคนที่ยากแท้หยั่งถึงมากแค่ไหน จึงสั่งให้ลูกน้องไปตามสืบข่าวว่าใครกันแน่ที่กล้าส่งมือปืนเหล่านั้นมาลอบฆ่าติณณ์หลานชายเพียงคนเดียวที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้า และนั่นทำให้ทนายจอมพลยอมปริปากบอกความผิดที่ได้ก่อไว้ทั้งหมด“ว่าอะไรนะทนายจอมพล” คุณหญิงวาสนามองหน้าทนายส่วนตัวที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีอย่างผิดหวัง เพราะคิดไม่ถึงว่าคนใกล้ตัวจะทำแบบนี้ได้“ผมผิดไปแล้วครับคุณหญิง ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกที่อยู่ของคุณนัยนาและคุณติณณ์ให้คุณเจริญรู้ แต่เหตุการณ์มันบังคับจริงๆ”“เอาเถอะ ต่อให้เอาผิดคุณทนายก็คงไม่มีประโยชน์ คนอย่างเจริญทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวทนายจอมพลไม่มีใครได้รับอันตรายก็ดีมากแล้ว”“ผมกราบขอโทษอีกครั้งครับ ต่อไปผมจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว” ขณะพูดทนายจอมพลก็ยกมือไหว้พร้อมกับกราบขอโทษคุณหญิงวาสนาอีกครั้ง เขารู้ว่าทำผิดมาก หากติณณ์ได้รับอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ทนายจอมพลยั