หนิงชิงซื้อของเสร็จแล้วก็จะจ่ายค่าเกวียนให้ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านหนิงไค่แต่เขาไม่รับ เขาบอกว่าเขาต้องการช่วยเหลือหลานของเพื่อนรัก หนิงชิงจึงไม่ได้จ่ายค่าเกวียนเลย แถมท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านหนิงไค่ยังช่วยนางยกของลงอีกต่างหาก“ท่านปู่วางเอาไว้แถวนี้ก็ได้้เจ้าค่ะ เดี๋ยวที่เหลือพวกข้าจะจัดการเอง ข้ารบกวนเวลาของท่านปู่มาทั้งวันแล้ว”“เพ้ย! อย่าได้คิดแบบนั้น ข้าเต็มใจมาช่วยเหลือพวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ อย่าได้เกรงใจข้า และหากมีสิ่งใดคับข้องใจก็ไปหาข้าที่หมู่บ้านได้เลย เจ้าอย่าลืมล่ะหนิงชิง”“ไม่ลืมเจ้าค่ะท่านปู่ ข้าขอบคุณท่านมากนะเจ้าคะ” หลังร่ำลากันแล้ว ผู้ใหญ่บ้านหนิงไค่ก็ขับเกวียนกลับไปที่หมู่บ้านเพราะตอนนี้ก็บ่ายมากแล้ว เขากลัวว่าจะถึงบ้านค่ำมืดเสียก่อน เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่บ้านจากไปแล้ว หนิงชิงก็เรียกน้อง ๆ มาช่วยกันยกของเข้าบ้าน นางไม่ได้ซื้อของมากมายนัก เพราะนางซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น หลังจากจัดสิ่งของเสร็จแล้ว หนิงชิงก็ให้แม่ของนางไปบอกท่านตาท่านยายว่าย้ายมาแล้ว เพียงแต่ท่านพ่อไม่สะดวกเดินทางไปหาพวกท่าน หากพวกท่านมีสิ่งใดจะใช้พวกนางก็ยินดีช่วยเหลือ เสี่ย
รุ่งเช้าวันต่อมาหนิงชิงปลุกน้อง ๆ ให้ไปช่วยกันลงต้นสมุนไพรก่อนที่มันจะทนไม่ไหวแล้วตายไป น้อง ๆ รีบล้างหน้าล้างตาแล้วไปช่วยหนิงชิงทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง พวกนางใช้เวลาทั้งเช้าในการทำงานจนเสร็จสิ้นก่อนจะไปทานอาหารทีหลัง เนื่องจากหนิงชิงไม่อยากทิ้งงานเอาไว้แล้วค่อยกลับมาทำนางจึงทำเช่นนี้ น้อง ๆ เห็นพี่สาวขยันขันแข็งขนาดนี้ พวกเขาก็ไม่ได้โอดครวญอันใด แต่ช่วยพี่สาวทำงานจนเสร็จไปพร้อมกัน ขณะกินข้าวหนิงชิงยังคิดว่าจะหาเงินได้จากที่ใดอีกนอกจากการปลูกสมุนไพร นางสอบถามท่านแม่ว่าท่านลุงที่ไปล่าสัตว์ขายได้ราคาดีหรือไม่ พอนางรู้ว่าท่านลุงขายได้ราคาไม่น้อยนางก็คิดอยากไปล่าสัตว์บ้าง แต่ท่านพ่อท่านแม่นางกลัวว่านางจะไม่ปลอดภัยจึงไม่ให้ทำ หนิงชิงอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังว่านางจะทำกับดักเอาไว้แล้วค่อยไปเก็บกับดักทีหลัง พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องห่วงนาง หนิงกวานที่พอจะรู้ว่ากับดักทำอย่างไรก็อาสาช่วยลูกสาวทำ หนิงชิงขอบคุณพ่อของนางที่เข้าใจนางว่านางต้องช่วยหาเงินให้กับที่บ้านเพื่อรักษาเขา สองพ่อลูกจึงได้ช่วยกันทำกับดักง่าย ๆ จากไม้ไผ่ที่อยู่แถวบ้าน โดยหนิงชิงเป็นคนไปตัดไม้แล้วล
สองลุงหลานเดินลงจากภูเขาพร้อมรอยยิ้ม วันนี้หนิงชิงไม่คิดว่าจะได้หมูป่าตั้งแต่วันแรก นับว่าภูเขาลูกนี้อุดมสมบูรณ์มากจริง ๆ“หลานจะให้ลุงเอาเหยื่อไปขายให้หรือไม่เล่าหนิงชิง”“เจ้าค่ะท่านลุง ท่านลุงก็แบ่งเหยื่อไปด้วยนะเจ้าคะ เพราะท่านลุงช่วยออกแรงขุดหลุมกับดักมากกว่าข้าเสียอีกเจ้าค่ะ ข้าขอแค่ไก่ป่าตัวนี้ไปต้มน้ำซุปให้ท่านพ่อทานตัวเดียวก็พอเจ้าค่ะ ส่วนตัวที่เหลือท่านลุงจะทำอย่างไรก็สุดแท้แต่ท่านลุงเลยเจ้าค่ะ”“นั่นจะได้อย่างไร กับดักเป็นเจ้าที่คิดขึ้นมา ลุงจะเอาเปรียบเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่าหนิงชิง”“ท่านลุงอย่าพูดเช่นนี้สิเจ้าคะ ข้าต่างหากที่ต้องพึ่งพาท่านลุงพาไปวางกับดัก ท่านเอาไปมากหน่อยก็ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ท่านลุงอย่าทำให้ข้าลำบากใจสิเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นคราวหน้าข้าคงต้องขึ้นเขาคนเดียวแล้ว”“ไฮ้! เจ้านี่นะ เอาล่ะ ๆ ลุงจะตามใจเจ้าก็แล้วกัน ส่วนเงินค่าหมูเดี๋ยวขายแล้วลุงจะเอามาให้เจ้าทีหลัง”“ท่านลุงให้ข้าแค่ครึ่งเดียวพอนะเจ้าคะ อย่างไรวันหลังเราก็ยังหาเหยื่อได้อีกจากหลุมเดิมของเราที่ปิดเอาไว้”“เฮ้อ! เจ้านี่นะ ตกลง ๆ ลุงจะตามใจเจ้า” ขณะจะเดินเข้าบ้านท่านตาท่าน
เสี่ยวเหยาเข้าเมืองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาเข็นรถเข็นเข้าเมืองเพื่อนำเหยื่อไปขายให้หลานสาว คราวนี้เขาคิดว่าต้องได้เงินไม่น้อยแน่ ๆ เพราะเหยื่อที่อยู่ในกับดักยังไม่ตาย เมื่อวานเขาเอาแค่ไก่ป่าไปทำอาหารเหมือนหลานสาวเท่านั้น ที่เหลือจึงมีกระต่ายป่าอีกสามตัว ส่วนหมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้เขาคิดไว้ว่าราคาไม่น่าต่ำกว่าร้อยตำลึง เพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้ล่าหมูป่าไปขาย เมื่อไปถึงโรงเตี๊ยมเจ้าประจำ เสี่ยวเหยาก็เดินเข้าหาเถ้าแก่ร้านทันที“เถ้าแก่ วันนี้ข้ามีหมูป่าตัวใหญ่มาขายไม่ทราบท่านรับหรือไม่ขอรับ”“รับสิ ๆ รีบเอามาให้ข้าดูเร็วเข้า นานแล้วที่ข้าไม่ได้ทำอาหารจากหมูป่า” เสี่ยวเหยารีบเดินไปลากรถเข็นมาเปิดให้เถ้าแก่ดู“โอ้ เจ้ายังมีกระต่ายที่ยังไม่ตายอีกเหรอ เจ้าจะขายพร้อมกันหรือไม่”“ขายขอรับ ไม่ทราบเถ้าแก่รับราคาเท่าไหร่ขอรับ”“เดี๋ยวข้าให้เด็กนำไปชั่งก่อนนะ ราคายุติธรรมแน่นอนเจ้าไม่ต้องกังวล ยิ่งกระต่ายป่าเป็น ๆ ยิ่งหายากนัก ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยหาสัตว์ป่าดี ๆ มาขายให้ข้าบ่อย ๆ” เสี่ยวเหยายิ้มให้กับเถ้าแก่ที่คอยช่วยเหลือซื้อสัตว์ป่ากับเขามานานหลายปี ราคาที่เถ้าแก่
หนิงชิงสอบถามราคาเกวียนกับท่านลุงของนาง นางพบว่าเกวียนรวมวัวราคาเพียง 10 ตำลึง นางจึงอยากซื้อแต่บังคับไม่เป็น หนิงชิงขอให้ท่านลุงบังคับเกวียนให้นาง เพราะนางอยากพาท่านพ่อมาให้หมอในเมืองดู เสี่ยวเหยาเห็นว่าหลานสาวมีความจำเป็นต้องใช้จริง ๆ เขาจึงไม่ว่าอันใดหากนางต้องการซื้อ เสี่ยวเหยายังพาหลานสาวไปเลือกเกวียนพร้อมวัวหนึ่งตัวด้วยตัวเองอีกด้วย เขาแนะนำหลานสาวถึงวิธีดูวัวว่าตัวไหนแข็งแรงไม่แข็งแรงอย่างชำนาญ ถึงแม้เขาจะไม่มีเกวียนแต่เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาครูพักลักจำมาจากคนที่เคยซื้อเกวียนมาทั้งนั้น หลังซื้อเกวียนแล้วหนิงชิงยังให้ท่านลุงพานางไปร้านเสื้อผ้า นางอยากซื้อเสื้อผ้าให้ทุกคนรวมถึงท่านตาท่านยายด้วย แต่เสี่ยวเหยาไม่ยอมให้นางจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าให้พ่อแม่เขา เขาบอกว่าเขามีเงินพอจะซื้อให้ทุกคนในบ้านเช่นกัน หนิงชิงจึงได้แต่จ่ายส่วนของตนเอง ส่วนเสี่ยวเหยาก็จ่ายของที่บ้านเขา นานแล้วที่เขาไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้ภรรยาและลูก ๆ ด้วยเพราะต้องเก็บเงินจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูก ๆ ตอนนี้เขามีเงินมากพอที่จะซื้อของให้กับพวกเขาแล้ว เสี่ยวเหยายังพาหนิงชิงไปซื้อข้าวสา
เมื่อถึงที่ว่าการแล้ว เสี่ยวเหยาก็พาหลานสาวเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทางการที่รับผิดชอบเรื่องการค้าขายบ้าน“ท่านลุงเจ้าหน้าที่เจ้าคะ ไม่ทราบว่ามีบ้านราคาย่อมเยาที่จะขายบ้างหรือเปล่าเจ้าคะ หากเป็นร้านค้าได้ด้วยราคาขั้นต่ำเท่าไหร่หรือเจ้าคะ” เจ้าหน้าที่มองสองคนที่มาสอบถามเขาเห็นทั้งสองคนแต่งตัวไม่เลวจึงคิดว่าทั้งคู่คงเป็นพ่อลูกที่อยากหาที่อยู่ใหม่กระมัง“ถ้าบ้านเปล่าราคาก็ประมาณหนึ่งร้อยถึงสองร้อยตำลึง แต่หากเป็นร้านค้าด้วยก็จะราคาสามร้อยตำลึงพร้อมกับมีบ้านด้านหลังให้พักได้ด้วย เจ้าสนใจแบบใดเล่าแม่หนู ข้าจะได้พาเจ้าไปดู”“เช่นนั้นข้ารบกวนท่านลุงพาข้าไปดูที่ร้านก่อนดีกว่าเจ้าค่ะว่าทำเลพอที่ข้าจะค้าขายได้หรือไม่” เจ้าหน้าที่ขอเวลาไปนำกุญแจกับเอกสารมาก่อนไม่นานนัก ตอนนี้ในมือของหนิงชิงมีเงินถึงห้าร้อยตำลึงจากการขายสัตว์ป่าที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์ นางไม่กลัวว่าจะไม่มีเงินจ่ายและปรับปรุงร้านแม้แต่น้อย อีกอย่างท่านลุงยังอาสามาช่วยนางปรับปรุงร้านอีกต่างหาก ในระหว่างที่พ่อของนางยังไม่หายดี เจ้าหน้าที่พาทั้งสองคนไปดูร้านค้าที่อยู่ใกล้ ๆ กับโรงเรียนพอดี ร้านนี้มีคนฝากข
สองลุงหลานต่างพากันดีใจที่ได้เหยื่อใหญ่อีกครั้งก่อนที่หนิงชิงจะย้ายบ้าน ทั้งคู่เอาเกวียนมาใส่สัตว์ป่าลงไปทั้งหมดในคราวเดียว อย่างไรตอนนี้กระต่ายที่เสี่ยวเหยาเลี้ยงไว้ก็มีลูกมากมายให้เขาจับขายได้ตลอดอยู่แล้ว หนิงชิงยังบอกท่านลุงของนางด้วยว่าถ้าอยากซื้อบ้านมาเลี้ยงกระต่ายก็ให้ท่านลุงซื้อบ้านหลังใหญ่หน่อยจะได้มีพื้นที่ให้กระต่ายผ่อนคลายบ้าง เสี่ยวเหยาคิดตามหลานสาวแล้วก็เห็นว่าจริงอย่างที่นางพูด หากเขาไม่ล่าสัตว์เขายังสามารถขายกระต่ายได้อยู่ดี ทำให้เสี่ยวเหยาตัดสินใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่ในเมือง เอาไว้พรุ่งนี้เขาค่อยไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามเรื่องบ้านจะดีกว่า หากได้บ้านใกล้กับร้านของหนิงชิงก็ยิ่งดี วันนี้สองลุงหลานได้เงินค่าสัตว์ป่ามาอีกถึง 400 ตำลึง เนื่องจากน้ำหนักหมูป่าคราวนี้สองร้อยกว่าจิน ไหนจะสัตว์ป่าตัวอื่นในกับดักที่ยังเป็นๆ อยู่ ยิ่งทำให้ได้ราคาดี หนิงชิงต้องการจะแบ่งคนละครึ่งแต่เป็นท่านลุงที่ยอมรับแค่หนึ่งร้อยตำลึงเหมือนเดิมทั้งที่นางบอกแล้วว่ายังมีเงินเหลืออีกมากแต่เขาก็เป็นห่วงน้องสาวจึงยอมรับแค่ร้อยตำลึงเท่านั้น อย่างไรค่าบ้านที่เขาถามกันวันนี้ก็ไ
หลังเสร็จธุระที่โรงหมอแล้ว หนิงชิงก็ให้ท่านลุงพาไปที่ร้านของนาง เพื่อที่จะได้รอท่านลุงไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามเรื่องบ้านของท่านลุงด้วย ส่วนพวกนางจะทำความสะอาดรอก่อนที่จะย้ายมาอยู่ในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ เสี่ยวเหยาจอดเกวียนเอาไว้แล้วเดินไปที่ทำการอำเภอที่อยู่ไม่ไกล เขาไม่อยากขับเกวียนไปขวางทางที่นั่นจึงได้จอดเอาไว้ในบ้านของหลานสาว เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเสี่ยวเหยาก็ได้แต่แปลกใจ เขากำลังจะเอาโฉนดที่ทำเสร็จแล้วไปให้กับหนิงชิงพอดี พอสอบถามกันไปมาปรากฏว่าเสี่ยวเหยาต้องการซื้อบ้านที่ใกล้กับบ้านหลานสาว โชคดีที่ด้านหลังบ้านของหนิงชิงนั้นมีบ้านว่างที่รอขายอยู่พอดี เขาจึงเสนอให้เสี่ยวเหยาในราคา 150 ตำลึง เพราะบ้านไม่ได้มีสภาพดีนัก เขาจึงบอกขายราคานี้ให้ เสี่ยวเหยายินดีที่จะไปดู อย่างไรเขาก็ซ่อมบ้านเองได้ไม่ลำบาก เจ้าหน้าที่เห็นว่าเขาสนใจจริง ๆ จึงบอกให้เสี่ยวเหยารอก่อน เขาขอไปเอาเอกสารกับกุญแจบ้านเหมือนเคย ไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาถึงซอยด้านหลังร้านของหนิงชิง นับว่าที่อยู่ไม่ไกลกันเลยจริง ๆ พวกเขาสามารถเจาะประตูเดินไปหากันได้อย่างสบาย ๆ เสี่ยวเหยาดูสภาพบ้านแล้วก
สองปีผ่านไป หนิงชิงตอนนี้ขยายสาขาเพิ่มอีกหนึ่งมณฑลแล้ว กิจการที่นั่นดำเนินไปได้ด้วยดี หนิงชิงแนะนำเทคนิคการวางขายสินค้าทั่วไปเสียก่อนที่จะวางขายสินค้าสั่งทำ เนื่องจากของใช้ทั่วไปคนธรรมดาเองก็สามารถซื้อได้ มันจะทำให้รายได้ของร้านคงที่ได้ระยะหนึ่งเลยทีเดียว ต้าเจียงเองก็ทำหน้าที่พ่อบ้านใหญ่ได้ดีสมกับที่หนิงชิงหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ไม่ว่างานที่จวนหรือที่ร้านเขาก็เป็นผู้ดูแลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ลูก ๆ ของหนิงชิงก็อายุครบสามขวบแล้ว ยิ่งโตพวกเขายิ่งผอมลง ไม่เหมือนตอนเด็กที่อ้วนท้วนกันใหญ่ ฮ่องเต้เองก็มักเรียกหาเหลน ๆ ทั้งสองเข้าวังไปเล่นด้วยอยู่บ่อย ๆ หลัง ๆ มานี้หนิงชิงก็ให้แม่นมพาทั้งสองไปหาเสด็จปู่ของพวกเขาแทนที่นางจะไปเอง เพราะหนิงชิงกลับไปดูงานที่ร้านอีกครั้งแล้ว เมื่อปีก่อนน้องสาวนางก็พาหล
วันนี้กว่าที่พ่อกับแม่ของหนิงชิงจะกลับก็เป็นตอนที่ลูกทั้งสองของนางเข้านอนตอนบ่ายแล้วนั่นเอง พวกท่านยังบอกให้นางดูแลหลานของพวกเขาให้ดี แล้วว่าง ๆ พวกเขาจะมาเยี่ยมใหม่ หลังจากร่ำลากันแล้ว พ่อแม่ของเจียงเฉิงและหนิงชิงก็ส่งพวกเขาขึ้นรถม้าแล้วออกจากจวนไป พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงยังเยินยอพ่อแม่ของหนิงชิงเสียมากมายให้นางฟัง ก่อนที่พวกท่านจะไปพักผ่อนยามบ่ายกันตามปกติ ส่วนหนิงชิงที่วันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการจับเจ้าลูกชายที่เพิ่งจะเดินได้มากขึ้นก็อยากกลับไปนอนพักผ่อนเช่นเดียวกัน แม่นมทั้งสองเองก็คอยดูแลคุณชายน้อยทั้งสองเป็นอย่างดี หนิงชิงจึงไม่ได้ห่วงอันใดพวกเขานัก สองวันต่อมา ต้าเจียงนำสมุดบัญชีมาให้หนิงชิงหลังจากที่ต้าเจินลูกชายของเขาเดินทางไปตรวจสอบบัญชีที่ร้านสาขาทั้งสองกลับมาเมื่อวานนี้ เขายังนำตั๋วแลกเงินจำนวนนับหลายหมื่นตำลึงกลับมาให้หนิงชิงด้วย ต
ข่าวที่หนิงชิงได้รับแต่งตั้งเป็นฮูหยินอันดับหนึ่งดังไปทั่วเมืองหลวงในเวลาไม่นาน มีบรรดาฮูหยินขุนนางมากหน้าหลายตาเข้ามาส่งของขวัญแสดงความยินดีกับหนิงชิงมากมายในช่วงเวลาเกือบสองสัปดาห์ที่นางต้องปั้นยิ้มรับของที่ไม่อยากได้เข้าจวน กระทั่งเหล่าฮูหยินมอบของขวัญครบทุกคนแล้วนั่นแหละ หนิงชิงจึงได้ถอนหายใจได้เสียที นางเบื่อการเข้าสังคมจอมปลอมเช่นนี้ที่สุด หากให้นางต้องไปนั่งดื่มชานินทาชาวบ้านล่ะก็นางคงทำไม่ได้ การได้รับความโปรดปรานใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย ข้อเสียก็คือจะมีคนมารบกวนเรามากขึ้นเหมือนที่ผ่านมาอย่างไรเล่า อาหารเย็นวันนี้แม่ของเจียงเฉิงได้สอบถามหนิงชิงว่านางรู้สึกอย่างไรที่มีตำแหน่งสูงที่สุดในเหล่าฮูหยินขุนนางแล้ว หนิงชิงได้แต่ยิ้มแหยตอบกลับไป“ท่านแม่เจ้าคะ ข้าไม่เคยคิดหวังที่จะได้รับตำแหน่งนี้มาก่อน ทุกอย่างที่ข้าทำเพื่อเลี้ยงลูกก็เป็นจิตสำนึกของข้าเอง ข้ารู้ว่าฝ่าบ
สามวันต่อมา ราชโองการลงโทษจวนอดีตเสนาบดีกรมพิธีการสั่งการให้คนที่กระทำความผิดถูกประหารรวมทั้งบ่าวไพร่ที่ร่วมมือด้วยก็เช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องให้เนรเทศไปชายแดนเหนือและห้ามเข้ารับราชการอีกตลอดชีวิต เสนาบดีกรมอาญาน้อมรับราชโองการและแจ้งวันประหารในอีกสามวันถัดไป เพราะพวกเขาต้องคัดคนที่จะถูกเนรเทศออกไปก่อนจึงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนที่จะแยกออกได้ เจียงเฉิงที่ทำหน้าที่ของตนเองเสร็จแล้วก็กลับไปทำงานที่ค่ายทหารเช่นเคย หนิงชิงยังเคยบอกเจียงเฉิงว่าดีที่ตอนนี้ไม่มีศึกสงคราม ทำให้แคว้นพัฒนาไปได้มาก อีกทั้งนางยังไม่ต้องแยกจากสามีด้วยสี่เดือนต่อมา ฮ่องเต้ที่คิดถึงเหลนชายตัวอ้วนก็มีรับสั่งให้คนในจวนแม่ทัพเข้าเฝ้าเป็นกรณีพิเศษ วันนี้เจียงเฉิงพอได้รับข่าวก็รีบมาจากค่ายทหารแล้วพาทุกคนในครอบครัวเข้าไปในวัง แ
ไม่ถึงสามวัน คนที่เจียงเฉิงส่งไปสืบเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นฮูหยินกับบุตรสาวของเสนาบดีกรมพิธีการที่ทำเรื่องเช่นนี้จริง ๆ เจียงเฉิงพอรู้ว่าเกี่ยวข้องกับเสนาบดีกรมพิธีการก็ยิ่งแค้นนัก เขาหรือก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวที่เสนาบดีกรมพิธีการกระทำมาก่อน ตอนนี้เขากลับกล้ามาแตะเกล็ดย้อนของเขา คนพวกนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขารักภรรยามากจึงได้ทำเช่นนี้ เจียงเฉิงนั่งคิดอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาจึงให้คนของเขาไปหาหลักฐานการทุจริตหรือการทำชั่วต่าง ๆ ที่คนในจวนเสนาบดีเคยทำมาให้หมด ในเมื่อเป็นเสนาบดีดีดีไม่ชอบ เจียงเฉิงก็จะให้เขากลายเป็นนักโทษไปเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ถือว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้ามาทำเช่นนี้อีก หลังรับคำสั่งแล้วคนของเจียงเฉิงมากกว่ายี่สิบคนก็แยกกันออกไปตามหาเบาะแสเรื่องของเสนาบดีกรมพิธีการทันที พวกเขารู้ดีว่านายน้อยใจร้อนมากเพียงใด หากพวกเขามัวแต่ชักช้า นายน้อยคงสั่งลงโท
คืนนี้หนิงชิงจึงได้นอนหลับอย่างสบายโดยที่สามีไม่ก่อกวนนางจริง ๆ เจียงเฉิงที่ได้แต่กอดภรรยานอน เขาอดหมั่นเขี้ยวคนตัวเล็กไม่ได้ จึงแอบหอมแก้มนางฟอดใหญ่ก่อนจะหลับไปพร้อมกับความอ่อนเพลียเช่นกัน จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็ก ๆ ได้เกือบห้าเดือนแล้ว ช่วงนี้กลับมีข่าวลือว่าแม่ทัพใหญ่ไปติดพันลูกสาวเสนาบดีกรมพิธีการเสียได้ หนิงชิงไม่รู้ว่าข่าวนี้ใครเป็นคนปล่อย แต่สามีนางน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วกระมัง ขนาดนางที่อยู่แต่ในจวนยังรู้เลย เขาที่ไปทำงานทุกวันจะไม่รู้ได้อย่างไร อีกทั้งข่าวลือยังบอกอีกว่าฮ่องเต้สนับสนุนให้แม่ทัพใหญ่มีฮูหยินรองเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดเพิ่มขึ้นอีก ทั้งสัปดาห์มีแต่ข่าวลือเรื่องนี้ ด้านเจียงเฉิงได้แต่โกรธแค้นว่าใครกันเป็นคนปล่อยข่าวบ้า ๆ นี่ออกมา เขาที่ทำงานที่ค่ายทหารงก ๆ จะเอาเวลาที่ไหนไปยุ่งกับหญิงอื่น อีกทั้งเขายังรักภรรยาคนเดียวด้วย จะมีหญิงใดที่เขาชายตามองในเมืองหลวงบ้างเ
สัปดาห์ต่อมาหลังจากเจียงเฉิงเริ่มจับทางเจ้าอ้วนน้อยทั้งสองได้แล้วว่าจะนอนตอนไหน แผนการเผด็จศึกภรรยาสุดที่รักก็เริ่มขึ้นทันที คืนนั้นเจียงเฉิงอาบน้ำให้ภรรยาพร้อมกับใส่ชุดให้นางแล้วอุ้มไปที่เตียงทันที หนิงชิงเองก็งงกับสามีตัวดีว่าจะทำอันใด ปกตินางก็เดินไปนอนเองอยู่แล้วหลังเขาใส่เสื้อผ้าให้ แต่วันนี้สามีนางมาแปลก เมื่อถึงเตียงแล้วเจียงเฉิงก็เริ่มปฏิบัติการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยทันที หนิงชิงที่กว่าจะตั้งสติได้ก็ตอนที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยหมดแล้ว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสามีตัวดีจึงได้ทำตัวแปลก ๆ ที่แท้เขาก็กำลังคิดเรื่องบนเตียงอยู่นั่นเอง หนิงชิงได้แต่กลัวว่าลูกจะตื่นจึงได้บอกเขาทั้งที่นางเองก็พร้อมให้กับสามีที่กำลังเล้าโลมนางอยู่ไม่น้อย เจียงเฉิงกระซิบบอกภรรยาที่รักของเขาว่าลูก ๆ จะยังไม่ตื่นจนกว่าจะอีกหนึ่งชั่วยาม เขาที่จับตาดูลูกมาตลอดหนึ่งสัปดาห์มั่นใจมาก หนิงชิงที่ได้ยินเช่นนั้นได้แต่บ่นสามีในใจว่าเขาถึงกับดูกิจวัตรประจำวันของเจ้าอ้วนน้อยทั้งสอ
กว่างานเลี้ยงจะเลิกก็เกือบเย็นแล้ว ครอบครัวเจียงเฉิงกับหนิงชิงพากันส่งแขกร่วมกันที่หน้าจวนจนกระทั่งแขกกลับกันหมดแล้ว หนิงกวานก่อนจะกลับจวนเช่นกันก็มอบของเล่นเอาไว้ให้หลาน ๆ เสียหลายอย่าง พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงได้แต่ขอบคุณท่านตาของหลานพวกเขาที่สละเวลาทำของเล่นออกมาเสียมากมาย หนิงกวานได้แต่หัวเราะและบอกว่าพวกเขาเป็นหลานชายตัวอ้วนที่พวกเขามี หากมีสิ่งใดดี ๆ เขาก็อยากมอบให้หลาน ๆ มากกว่าที่จะให้กับคนอื่น หลังจากร่ำลากันได้สักพักพวกหนิงกวานก็ขึ้นรถม้าจากไป ตอนนี้จวนแม่ทัพกลับมาเงียบสงบดังเดิมแล้ว บ่าวไพร่เองต่างก็ช่วยกันเก็บข้าวของเพื่อให้บริเวณงานเลี้ยงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจัดงาน พ่อกับแม่ของเจียงเฉิงที่เหนื่อยมาทั้งวันต่างชวนกันไปพักผ่อน วันนี้พวกเขาเสียเรี่ยวแรงไปมากจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้พวกเขาค่อยไปเล่นกับหลาน ๆ ก็ยังไม่สาย อย่างไรหลานของพวกเขาก็อยู่ด้วยกันที่จวนอยู่แล้วด้วย ฟากฝ
สิ่งของสำหรับเลือกในครั้งนี้มีทั้งอุปกรณ์การช่างที่หนิงชิงเป็นคนวาง ตำราที่ฮ่องเต้ให้ขันทีวางลงไป ก้อนเงินที่ฮองเฮาประทาน ส่วนของไทเฮานั้นเป็นกุญแจอายุยืนที่นางสั่งร้านเครื่องประดับทำขึ้นมา สิ่งของอื่น ๆ ก็ยังมีของเล่นที่หนิงกวานทำมา มีดไม้แกะสลักก็ยังมี ไหนจะดาบของเล่นที่เจียงเฉิงเป็นคนวางอีกเล่า ยังไม่รวมสิ่งของอื่น ๆ อีกนับสิบอย่างที่มีคนมาวางเอาไว้ให้คุณชายน้อยทั้งสองเลือกอีก เมื่อถึงเวลาเลือกของแล้ว หนิงชิงกับเจียงเฉิงก็วางลูกลงบนกองสิ่งของแล้วให้พวกเขาเลือกมาสักหนึ่งอย่าง ด้านโหย่วเฉียงและคงหมิงได้แต่มองกันตาปริบ ๆ พวกเขารู้เพียงว่าอยากได้สิ่งของมาเล่นเท่านั้น จึงทำให้ทั้งคู่คลานต้วมเตี้ยมวน ๆ หาดูว่าจะเอาสิ่งใดมาเล่นดี โหย่วเฉียงที่เห็นดาบของเล่นก็ชอบใจ เขาเลือกดาบและตำราโดยนำดาบมาฟันตำราเล่นเสียอย่างนั้น การกระทำของเขาทำเอาแขกทั้งหลายมีแต่เสียงหัวเราะเอ็นดูเด็กน้อยกันทั้งนั้น ส่วนคงหมิงนั้นเลือกก้อนเงินและอุปกรณ์แปลก ๆ ของหนิงชิง &nb